การเสนอข่าวดี—ในวันหยุดต่าง ๆ
1 ถึงแม้งานฉลองต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวพันกับคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่จะมีต้นตอมาจากชนนอกรีตก็ตาม มีผู้คนกว่าพันล้านคนที่ถือวันเทศกาลเหล่านี้ทุกปี. หลายคนเชื่ออย่างจริงใจว่าประเพณีนิยมเหล่านี้เป็นที่ยอมรับต่อพระเจ้า. เราจะให้ข่าวดีเข้าถึงหัวใจคนเหล่านั้นได้โดยวิธีใดในเทศกาลวันหยุดนี้?
จงคำนึงถึงผู้อื่นและให้ความนับถือ
2 พวกผู้ปกครองทำการจัดเตรียมเป็นพิเศษสำหรับการให้คำพยานในวันหยุด เนื่องจากพวกเราหลายคนมีเวลาหยุดจากงานฝ่ายโลก. เวลาที่เราจะเริ่มงานประกาศตามบ้านควรมีการปรับเปลี่ยนโดยคำนึงถึงเจ้าของบ้านที่อาจตื่นสายกว่าปกติในวันหยุดเหล่านี้.
3 ขณะที่เราทำการประกาศ อาจเป็นได้ที่เราจะพบผู้คนจำนวนมากที่ค่อนข้างจะใช้เวลากับผู้มาเยี่ยมและเตรียมอาหาร. โดยตระหนักว่านั่นเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับพวกเขา เราอาจทำให้คำอธิบายของเราสั้นและตรงจุด. มารยาทของคริสเตียนที่เราแสดงออกอาจเปิดทางไว้สำหรับการให้คำพยานในอนาคต.
4 เราไม่ร่วมในการฉลองทางศาสนาต่าง ๆ ของโลก และเราไม่ได้กล่าวคำอวยพรโต้ตอบตามประเพณีในวันหยุด. ฉะนั้น จำเป็นต้องมีการผ่อนหนักผ่อนเบาในวิธีการที่เราตอบคำอวยพรแบบนั้น. ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะทำให้มีประเด็นขึ้นเกี่ยวกับคำอวยพรนั้น แต่ในกรณีส่วนใหญ่แล้วเราอาจกล่าวขอบคุณเจ้าของบ้านในความปรารถนาดีของเขา. หากผู้คนไต่ถามเกี่ยวกับความเชื่อถือของเรา เราก็สามารถทำให้เขาแน่ใจได้ว่าเรานับถือพระเยซูคริสต์ เนื่องจากนั่นเป็นข้อเรียกร้องสำหรับผู้ที่นับถือพระเจ้า. (โยฮัน 5:23) อย่างไรก็ตาม มีประเพณีของวันหยุดเทศกาลมากมายที่ไม่ได้ถวายเกียรติทั้งพระคริสต์หรือพระเจ้า. ถ้าคนใดคนหนึ่งปรารถนาจะทราบรายละเอียดมากขึ้นในขณะนั้นหรือหลังจากนั้น เราก็สามารถให้เหตุผลกับเขาโดยใช้เนื้อหาจากหนังสือการหาเหตุผล ในหน้า 176–178 และ 180.
การใช้คำนำ
5 เนื่องจากวันหยุดคริสต์มาสนั้นโดยลักษณะแล้วเป็นในทางศาสนา เราจึงอาจพบหลายคนที่มีแนวโน้มจะพูดกับเราเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าในช่วงเวลานั้นยิ่งกว่าในช่วงอื่นของปี. เราอาจใช้ประโยชน์จากความจริงข้อนี้ได้ในการใช้คำนำของเรา. ตัวอย่างเช่น เราอาจพูดว่า: “ผู้คนหลายล้านตลอดทั่วโลกต่างกำลังฉลองเทศกาลคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่. คุณคิดไหมว่างานฉลองเหล่านี้จะชักนำประชาชนให้เข้ามาใกล้ชิดกับพระเจ้ายิ่งขึ้น?” ไม่ว่าเจ้าของบ้านจะรู้สึกว่าประเพณีนั้น ๆ จะดีหรือไม่ก็ตาม หลังจากได้ทราบความคิดเห็นของเขาแล้ว เราอาจกล่าวว่า: “ผู้คนมากมายอยากจะมีสัมพันธภาพที่ดีขึ้นกับพระเจ้า เขาอาจรู้สึกว่าพระเจ้าค่อนข้างจะอยู่ห่างไกลจากเขา. แต่น่ายินดี พระเจ้าเองทรงเชิญชวนเราให้แสวงหาพระองค์.” จากนั้นก็ดำเนินเรื่องต่อไปด้วยการใช้หัวเรื่องสำหรับการสนทนา.
6 ในการเข้าหาด้วยวิธีอื่น ๆ เราอาจพูดว่า: “ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ เรามักได้ยินผู้คนแสดงความหวังว่าจะมีสันติภาพบนแผ่นดินโลกและมีไมตรีจิตมิตรภาพในหมู่มนุษย์. คุณคิดไหมว่าพระเจ้าจะทรงนำสันติภาพมาสู่แผ่นดินโลกในสมัยของเรานี้?” ต่อจากนั้นเราอาจดำเนินต่อไปเพื่อแสดงว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็น “องค์สันติราช” ที่มีบอกไว้ล่วงหน้า. (ยซา. 9:6, 7) ในฐานะเป็นผู้ครอบครองที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งไว้ในรัฐบาลของพระองค์ อีกไม่ช้า พระคริสต์จะทรงลงมือปฏิบัติการเพื่อนำสันติภาพอันถาวรมาสู่แผ่นดินโลก.—ดานิ. 2:44; วิ. 21:3–5.
7 แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเฉยเมยต่อข่าวสารราชอาณาจักรและนิยมชมชื่นอยู่กับเทศกาลวันหยุดของศาสนาเท็จ พระยะโฮวาก็จะทรงอวยพระพรความพยายามของเราในการค้นหาผู้ที่แสวงหาความจริงอย่างแน่นอนที่สุด เนื่องจากพระองค์เอง “ทรงแสวงหาคนอย่างนั้นนมัสการพระองค์” และพระองค์จะทรงชี้นำพวกเขาให้มาสู่องค์การของพระองค์.—โย. 4:23, 24.