การแพร่กระจายความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์
1 พระยะโฮวาทรงเป็น “ผู้ทรงสั่งสอนมนุษย์ชาติให้มีความรู้.” (เพลง. 94:10) พระองค์ทรงใช้เราให้แพร่กระจายความรู้เกี่ยวกับพระองค์อันเป็นความรู้ที่ช่วยชีวิต ไปยังผู้ซึ่งไม่รู้วิธีรับใช้พระองค์อย่างเป็นที่ยอมรับได้. หนังสือความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นเครื่องมือสอนอันยอดเยี่ยม เพื่อผู้มีหัวใจสุจริตสามารถได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องแม่นยำในเรื่องพระเจ้าจากคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์ซึ่งได้รับการบันทึกไว้. (1 ติโม. 2:3, 4) ความจริงที่มีการขยายความอย่างชัดเจนและเป็นไปตามหลักตรรกวิทยาในหนังสือความรู้ จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจสิ่งที่พระยะโฮวามุ่งหมายจะสอนพวกเขา. เดือนนี้เราต้องการให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการสนทนาซึ่งจะเป็นเหตุให้เขาอยากอ่านหนังสือดังกล่าว. ต่อไปนี้เป็นข้อเสนอแนะบางประการ. แทนที่จะพยายามท่องจำสิ่งเหล่านี้ ให้ลองถ่ายทอดแนวความคิดสำคัญ ๆ ด้วยคำพูดของคุณเอง และในลักษณะของการสนทนาที่เป็นธรรมชาติ.
2 เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่อาจเคยสูญเสียผู้ที่ตนรักเพราะความตายมาพรากชีวิตไป คุณอาจใช้ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายผูกเรื่องเข้าสู่การสนทนา โดยขึ้นต้นคำพูดทำนองนี้:
▪ “พวกเราส่วนใหญ่เคยสูญเสียผู้ที่ตนรักเนื่องด้วยความตายมาพรากชีวิตไป. เราต่างก็เคยสงสัยใช่ไหมครับว่าจะได้เห็นพวกเขาอีกหรือเปล่า? [เปิดโอกาสให้ออกความเห็น.] ตั้งแต่ดั้งเดิมมาแล้ว พระผู้สร้างชีวิตไม่ได้มุ่งประสงค์จะให้ความตายมาพลัดพรากพวกเราไปจากกัน. มีการบันทึกคำสัญญาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในคัมภีร์ไบเบิลว่าชีวิตผู้เป็นที่รักของเราจะได้รับการกอบกู้ขึ้นมาจากความตาย. [อ่านโยฮัน 5:28, 29ก] คงน่าปลาบปลื้มยินดีมากนะครับถ้าเราได้ประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าว [เปิดหนังสือความรู้ ไปที่หน้า 86 อ่านคำอธิบายภาพและออกความเห็นเกี่ยวกับภาพนั้น.] หากคุณอยากจะอ่านมากขึ้นเกี่ยวกับความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายที่ปลอบประโลมใจ ผมยินดีจะเสนอหนังสือเล่มนี้ให้คุณโดยมีค่าบำรุง 25 บาท.”
3 หลังจากการพิจารณาครั้งแรกเกี่ยวกับความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย คุณอาจเริ่มการสนทนาคราวถัดไปกับคน ๆ เดิมในลักษณะนี้:
▪ “คุณอาจจะจำได้นะครับที่ผมพูดว่าความตายไม่ได้อยู่ในความมุ่งประสงค์ดั้งเดิมที่พระผู้สร้างชีวิตทรงตั้งไว้สำหรับมนุษย์. ถ้าสิ่งนี้เป็นความจริง ทำไมพวกเราจึงแก่และตาย? เต่าบางชนิดมีอายุมากกว่า 100 ปี และต้นไม้บางต้นอยู่ได้นานนับพัน ๆ ปี. ทำไมมนุษย์อยู่ได้แค่ 70 หรือ 80 ปี? [เปิดโอกาสให้ออกความเห็น.] พวกเราเสียชีวิตเนื่องจากมนุษย์คู่แรกไม่เชื่อฟังพระผู้สร้าง.” อ่านโรม 5:12. เปิดหนังสือความรู้ ไปที่หน้า 53 และอ่านชื่อบท. พิจารณาสามข้อแรก ชี้ให้เห็นคำตอบของคำถามที่พิมพ์ไว้. นัดหมายสำหรับการกลับเยี่ยมคราวหน้าเพื่อพิจารณาส่วนที่เหลือของบทนี้. สนับสนุนให้เขาอ่านส่วนดังกล่าวให้จบก่อนที่คุณจะกลับไป.
4 ถ้าคุณพูดกับคนที่ดูเหมือนว่าสนใจในศาสนา คุณอาจจะพูดดังนี้:
▪ “ในปัจจุบันมีศาสนาที่แตกต่างกันนับร้อย ๆ ทีเดียว. ศาสนาดังกล่าวมีหลักข้อเชื่อที่ขัดแย้งกันมากมาย. บางคนบอกว่าทุกศาสนาดีทั้งนั้น และไม่ว่าเราจะเชื่ออะไรก็ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน. คุณคิดเห็นเช่นไรครับ? [เปิดโอกาสให้ออกความเห็น.] พระคัมภีร์สอนว่าการนมัสการบางรูปแบบไม่เป็นที่ยอมรับต่อพระผู้สร้าง. [อ่านมัดธาย 7:13, 14.] ถ้าเราต้องการให้พระผู้สร้างพอพระทัย เราต้องนมัสการพระองค์อย่างที่สอดคล้องกับพระทัยประสงค์ของพระองค์.” เปิดหนังสือความรู้ ไปที่บท 5 อ่านชื่อบท และชี้ให้เห็นหัวเรื่องย่อยต่าง ๆ. อธิบายว่าข้อมูลนี้จะช่วยคนเราให้เรียนรู้วิธีทำให้พระผู้สร้างพอพระทัย. เสนอหนังสือเล่มนี้ โดยบอกว่ามีค่าบำรุง 25 บาท.
5 ผู้คนที่สับสนเพราะมีศาสนามากมายอาจหยั่งรู้ค่าคำตอบสำหรับคำถามนี้เมื่อคุณกลับเยี่ยมเยียน:
▪ “เนื่องจากทุกวันนี้มีศาสนาต่าง ๆ มากมายเหลือเกิน เราจะบ่งบอกได้อย่างไรว่าการนมัสการแบบไหนถูกต้อง? คุณจะใช้วิธีไหนครับ? [เปิดโอกาสให้ออกความเห็น] คัมภีร์ไบเบิลหนังสือศักดิ์สิทธิ์บอกเราถึงวิธีที่จะระบุว่าใครเป็นผู้นมัสการแท้.” อ่านโยฮัน 13:35. พิจารณาหนังสือความรู้ บท 5 ข้อ 18, 19. ชี้ให้เห็นว่า การใช้เครื่องนำทางตามหลักพระคัมภีร์และกรรมวิธีคัดออกทีละอย่าง เราก็จะรู้จักศาสนาที่ถูกต้องได้. กล่าวถึงการที่พยานพระยะโฮวามีชื่อเสียงทั่วโลกในเรื่องความรักแท้และมาตรฐานทางด้านศีลธรรมอันสูงส่งของพวกเขา. อธิบายวิธีที่การศึกษาพระคัมภีร์โดยใช้หนังสือความรู้ จะช่วยระบุอย่างชัดเจนถึงรูปแบบของการนมัสการที่พระผู้สร้างทรงเห็นชอบ.
6 ถ้าคุณพบผู้ที่เป็นบิดาหรือมารดา การเข้าหาแบบนี้อาจได้ผล:
▪ “ทุกวันเราได้ยินรายงานเกี่ยวกับเยาวชนที่ประพฤติดื้อรั้นซึ่งดูเหมือนไม่มีค่านิยมทางศีลธรรมเลย. ผู้ใหญ่บางคนอยากจะตำหนิระบบของโรงเรียนที่ไม่สอนเด็ก ๆ ให้เห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งถูกกับสิ่งผิด. คุณคิดว่าใครควรจัดเตรียมเรื่องการอบรมนี้ครับ? [เปิดโอกาสให้ออกความเห็น] ลองฟังดูนะครับว่าพระคัมภีร์กล่าวเช่นไรเกี่ยวด้วยคำถามนี้. [อ่านเอเฟโซ 6:4.] ข้อนี้บอกเราว่าการปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมในตัวลูก ๆ นั้นเป็นหน้าที่รับผิดชอบของบิดามารดา.” เปิดหนังสือความรู้ ไปที่หน้า 145 อ่านข้อ 16 และออกความเห็นเกี่ยวกับรูปภาพหน้า 147. อธิบายว่าหนังสือนี้ได้รับการออกแบบเพื่อการศึกษาสำหรับทั้งครอบครัว. เสนอที่จะแสดงวิธีดำเนินการศึกษาเช่นนั้นกับครอบครัว โดยใช้ข้อ 17, 18 หน้า 146.
7 ถ้าคุณได้เริ่มการศึกษากับบิดาหรือมารดาผู้มีความห่วงใย ณ การประกาศครั้งแรก คุณอาจดำเนินการศึกษาต่อไปเมื่อกลับเยี่ยมเยียน โดยพูดว่า:
▪ “โลกปัจจุบันวางสิ่งล่อใจมากมายไว้ตรงหน้าเยาวชนของเรา. ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการยากเหลือเกินที่พวกเขาจะกลายเป็นบุคคลที่เกรงกลัวผู้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุดขณะเติบโตขึ้น. บางทีคุณอาจจำได้นะครับว่าในการพิจารณาคราวที่แล้วของเรา ได้มีการแยกแยะหลักการสองอย่าง. ฐานะเป็นบิดามารดาผู้เลื่อมใสในหลักศีลธรรม เราจำเป็นต้องวางตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ๆ และเราควรแสดงความรักต่อพวกเขาไม่ขาดสาย. ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าลูก ๆ ต้องการจากบิดามารดา.” อ่านสุภาษิต 1:8. เปิดหนังสือความรู้ ไปที่หน้า 148 และดำเนินการศึกษาต่อไปโดยใช้ข้อ 19-23. บอกว่าคุณจะกลับมาอีกเพื่อศึกษากับทั้งครอบครัวโดยเริ่มจากบท 1.
8 ขันทีชาวเอธิโอเปียหยั่งรู้ค่าอย่างมากต่อความรู้ของพระเจ้าซึ่งเขาได้อ่านพบในพระคัมภีร์. อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าเขาเข้าใจความหมายอย่างเต็มที่หรือไม่ในข้อความที่กำลังอ่าน เขายอมรับว่า “ถ้าไม่มีใครอธิบายให้, ที่ไหนจะเข้าใจได้?” ฟิลิปซึ่งอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเขา ก็ได้อธิบายความหมาย และได้รับสิทธิพิเศษในการให้บัพติสมากับชายคนนี้. (กิจการ 8:31, 35-39) ผู้สนใจที่เราติดต่อด้วยก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน และเราควรอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเขา. ถ้าเรากลับเยี่ยมเยียน เราก็สามารถให้แง่คิดเพิ่มเติมบางอย่างตามหลักพระคัมภีร์ซึ่งได้เตรียมมา. พระยะโฮวาจะพอพระทัยความพยายามอย่างกระตือรือร้นของเราในการช่วยบุคคลที่จริงใจ และพระองค์จะตอบคำอธิษฐานที่เราทูลขอให้ประสบความสำเร็จในการแพร่กระจายความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์.—กิจ. 12:24.