เดือนเมษายน—เวลาที่จะ “ทำงานหนักและทุ่มเทตัวเอง”
1 สัปดาห์ต่าง ๆ ในช่วงการประชุมอนุสรณ์เป็นเวลาที่ไพร่พลของพระยะโฮวาต้องคิดใคร่ครวญ. นี่เป็นเวลาที่จะใคร่ครวญว่าการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ได้ทำอะไรให้สำเร็จ และเป็นเวลาที่จะไตร่ตรองถึงความหวังที่พระเจ้าทรงประทานให้ซึ่งเป็นไปได้โดยพระโลหิตที่หลั่งออกของพระเยซู. เมื่อคุณคิดย้อนไปถึงวันที่ 19 เดือนเมษายนปีที่แล้ว คุณนึกถึงอะไร? คุณยังจำคนที่คุณพบในคืนนั้นได้ไหม? หรือบรรยากาศทางฝ่ายวิญญาณที่มีคุณค่า ณ การประชุมอนุสรณ์? หรือการพิจารณาคัมภีร์ไบเบิลที่จริงจังและคำอธิษฐานจากหัวใจ? บางทีคุณอาจตั้งใจจะแสดงความรู้สึกขอบพระคุณจากส่วนลึกออกมามากยิ่งขึ้นสำหรับความรักที่พระยะโฮวาและพระเยซูทรงสำแดงต่อคุณ. การใคร่ครวญเช่นนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรในตอนนี้?
2 เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าไพร่พลของพระยะโฮวาไม่ได้แสดงความรู้สึกขอบพระคุณโดยทางวาจาเพียงวิธีเดียว. (โกโล. 3:15, 17) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเมษายนปีที่แล้ว เราได้เอื้อมแขนออกไปในการแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเพื่อความรอดโดยทุ่มเทตัวในงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียน. มีจำนวนไพโอเนียร์สมทบ 384 คน ซึ่งมากกว่ายอดปีก่อนหน้านั้นของประเทศไทยถึง 92 เปอร์เซ็นต์. การที่ไพโอเนียร์สมทบเหล่านั้นรวมทั้งผู้ประกาศราชอาณาจักรคนอื่น ๆ ทุกคนได้ทำงานอย่างหนักจึงทำให้มียอดใหม่จำนวนผู้ประกาศ, ชั่วโมง, การกลับเยี่ยม, การศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้าน, และจำนวนวารสารที่จำหน่ายไป. ความยินดีของเรายิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อได้เห็นการเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์รายใหม่หลายรายและมี 4,305 คนเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์!
3 จริงทีเดียว ความแน่ใจในความหวังของเรากระตุ้นเราให้ลงมือปฏิบัติ. เป็นดังที่อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ทีเดียวที่ว่า “เพื่อจุดมุ่งหมายนี้เราจึงทำงานหนักและทุ่มเทตัวเอง เพราะเราได้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของคนทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคนซื่อสัตย์.”—1 ติโม. 4:10, ล.ม.
4 ในช่วงแห่งการประชุมอนุสรณ์นี้ คุณจะแสดงความเชื่อในการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเรื่องชีวิตอย่างไร? เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเรามียอดผู้ประกาศราชอาณาจักรสูงสุดเท่าที่เคยมีบันทึกในประเทศไทย. เราจะบรรลุยอดใหม่ได้ไหมในเดือนเมษายนนี้? เรื่องนี้เป็นไปได้. แต่ผู้ประกาศทุกคน ทั้งที่รับบัพติสมาแล้วและยังไม่รับบัพติสมา จะต้องเข้าส่วนร่วม. คนใหม่หลายคนอาจมีคุณวุฒิจะมีส่วนร่วมด้วย. ด้วยเหตุนี้ ขณะที่คุณวางแผนจะทำงานหนักและทุ่มเทตัวเองในเดือนเมษายนนี้ ขอให้พิจารณาวิธีต่าง ๆ ที่คุณจะกระตุ้นคนอื่น ๆ รวมทั้งคนใหม่และคนที่มีประสบการณ์น้อยให้มาสมทบกับคุณ.
5 การช่วยบางคนให้กลับมารับใช้อีก: ถ้าคุณรู้จักบางคนซึ่งไม่ได้ทำงานรับใช้ตามบ้านมาหนึ่งหรือสองเดือนแล้ว บางทีคุณอาจหนุนกำลังใจเขาและชวนเขาให้ออกไปประกาศกับคุณ. ถ้าบางคนในประชาคมได้เลิกประกาศ พวกผู้ปกครองจะพยายามเป็นพิเศษที่จะไปเยี่ยมและหนุนกำลังใจเขาให้เริ่มอีกในเดือนเมษายน.
6 เราทุกคนต้องทูลขอพระวิญญาณของพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปเพื่อเสริมกำลังเราในงานรับใช้พระองค์. (ลูกา 11:13) เราต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับพระวิญญาณนั้น? เราต้องอ่านพระคำที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า. (2 ติโม. 3:16, 17) เรายังต้อง “ฟังสิ่งซึ่งพระวิญญาณตรัสแก่ประชาคมทั้งหลาย” โดยเข้าร่วมประชุมทั้งห้ารายการในแต่ละสัปดาห์. (วิ. 3:6, ล.ม.) บัดนี้เป็นเวลาเหมาะที่จะช่วยผู้ไม่สม่ำเสมอและผู้ที่เลิกเป็นผู้ประกาศให้ปรับปรุงนิสัยการศึกษาของตนและเข้าร่วมประชุมอย่างสม่ำเสมอ. (เพลง. 50:23) เราทำอย่างนี้ขณะที่เอาใจใส่อย่างใกล้ชิดต่อสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณของเราเอง. กระนั้น ยังมีสิ่งอื่นที่จำเป็น.
7 อัครสาวกเปโตรอธิบายว่าพระเจ้าทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ “ให้แก่คนเหล่านั้นที่เชื่อฟังพระองค์ในฐานะเป็นผู้ครอบครอง.” (กิจ. 5:32, ล.ม.) การเชื่อฟังนั้นรวมไปถึงการปฏิบัติตามคำสั่งที่ “ให้ประกาศแก่ผู้คนและให้กล่าวคำพยานโดยละเอียด.” (กิจ. 1:8; 10:42, ล.ม.) ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเป็นความจริงที่เราจำต้องมีพระวิญญาณของพระเจ้าเพื่อเสริมกำลังเราในการประกาศ แต่ก็เป็นความจริงด้วยที่ว่า ขณะที่เราเริ่มสำแดงความปรารถนาที่จะทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย พระองค์จะทรงช่วยเรามากยิ่งขึ้น. ขออย่าให้เรามองข้ามความสำคัญของการทำตามขั้นตอนเริ่มแรกเหล่านี้ คือการเชื่อฟังอย่างเต็มใจ!
8 การช่วยเยาวชน: บิดามารดาทั้งหลาย คุณเห็นหลักฐานไหมที่แสดงว่าบุตรของคุณต้องการพูดคุยกับคนอื่นเกี่ยวกับความจริง? บุตรของคุณไปประกาศกับคุณไหม? พวกเขาเป็นตัวอย่างที่ดีในความประพฤติไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น จะลังเลอยู่ทำไม? จงไปหาคณะกรรมการการรับใช้ของประชาคมคนหนึ่ง และดูว่าบุตรของคุณมีคุณวุฒิที่จะเป็นผู้ประกาศหรือไม่ในเดือนเมษายนนี้. (ดูหนังสือจัดให้เป็นระเบียบ หน้า 100.) จงตระหนักว่าบุตรของคุณอาจช่วยได้อย่างมากในการร้องสรรเสริญพระยะโฮวาในช่วงแห่งการประชุมอนุสรณ์นี้.—มัด. 21:15, 16.
9 มารดาที่เป็นคริสเตียนคนหนึ่งในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา สนับสนุนลูกสาววัยเยาว์ของเธอให้พูดกับคนอื่นเรื่องพระยะโฮวาเสมอ. ปีที่แล้ว ขณะที่หนูน้อยเข้าร่วมในงานรับใช้กับคุณแม่ เธอได้ให้จุลสารเรียกร้อง ไว้กับผู้ชายคนหนึ่งและอธิบายสั้น ๆ ตามสารบัญ. เขาถามเธอว่า “หนูอายุเท่าไร?” เธอตอบว่า “เจ็ดขวบค่ะ.” ผู้ชายคนนั้นแปลกใจที่เห็นเธออธิบายได้อย่างมีความหมายเช่นนั้น. ปรากฏว่าตอนที่เขาเป็นเด็กเขาเคยคบหากับพยานฯ แต่ไม่เคยคิดจะยึดเป็นแนวทางชีวิตอย่างจริงจัง. ไม่นานก็มีการนำการศึกษาพระคัมภีร์กับผู้ชายคนนั้น พร้อมกับภรรยาและลูกสาวของเขา.
10 เยาวชนหลายคนเป็นผู้ประกาศแล้ว และเรายินดีเมื่อพวกเขาไปกับเราในงานรับใช้. เยาวชนเหล่านี้สามารถกระตุ้นและหนุนกำลังใจคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันได้. แต่เดือนเมษายนยังเป็นเวลาเหมาะที่แต่ละครอบครัวจะสร้างความผูกพันให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้นและเสริมสร้างกันทางฝ่ายวิญญาณโดยการทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ร่วมกัน. หัวหน้าครอบครัวควรนำหน้าในเรื่องนี้.—สุภา. 24:27.
11 การช่วยคนใหม่: จะว่าอย่างไรกับคนใหม่ซึ่งศึกษาพระคัมภีร์กับคุณ? พวกเขาจะสนับสนุนกิจกรรมพิเศษในเดือนเมษายนนี้ได้ไหม? บางทีพวกเขาอาจแสดงความปรารถนาจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ขณะที่คุณศึกษาบท 2 วรรค 22 หรือบท 11 วรรค 14 ในหนังสือความรู้. ถ้าคุณศึกษาหนังสือเล่มนี้ใกล้จะจบแล้ว จงเตรียมตัวพิจารณาเรื่องนี้ให้กระจ่างขณะที่คุณศึกษาบท 18 วรรค 8 ซึ่งบอกว่า “คุณคงจะกระตือรือร้นที่จะบอกญาติพี่น้อง, เพื่อนฝูง, และคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเรียนรู้. ที่จริง คุณอาจทำเช่นนี้อยู่แล้ว ดังที่พระเยซูได้แบ่งปันข่าวดีให้คนอื่นเมื่อสบโอกาส. (ลูกา 10:38, 39; โยฮัน 4:6-15) ตอนนี้คุณอาจต้องการทำมากขึ้น.” เป็นอย่างนี้กับคนที่คุณกำลังศึกษาด้วยไหม?
12 นักศึกษาของคุณเชื่อในพระคำของพระเจ้าไหม? เขานำหลักการของคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ไหม? เขานำชีวิตของตนเข้ามาประสานกับมาตรฐานของพระเจ้าไหม? เขาเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ในประชาคมไหม? เขาต้องการจะรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าไหม? แล้วทำไมไม่สนับสนุนเขาให้คุยกับผู้ปกครองเพื่อจะพิจารณาว่าเขามีคุณวุฒิจะเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมาและทำงานร่วมกับคุณในเดือนเมษายนนี้ได้หรือไม่? (ดูหนังสือจัดให้เป็นระเบียบ หน้า 97-99.) โดยวิธีนี้ เขาจะเริ่มประสบด้วยตัวเองถึงวิธีที่องค์การของพระยะโฮวาสนับสนุนเขาเมื่อพยายามจะรับใช้พระยะโฮวา.
13 จริงอยู่ นักศึกษาบางคนก้าวหน้าเร็วกว่าคนอื่น. ด้วยเหตุนี้ หลายคนได้ศึกษาหนังสือเล่มที่สองกับคนที่แสดงความสนใจในตอนเริ่มแรกแต่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอีกเพื่อจะมาเป็นผู้สมทบที่กระตือรือร้น ตามคำแนะนำในพระราชกิจของเรา เดือนมิถุนายน 2000 หน้า 4 วรรค 5-6. เราไม่มีวันเลิกล้มความหวังที่ว่าผู้มีหัวใจสุจริตเหล่านี้จะเข้ามาเป็นสาวกแท้ของพระคริสต์ “ไม่ช้าก็เร็ว.” (กิจ. 26:29, ล.ม.) กระนั้น ถ้ากล่าวได้ว่าคุณศึกษากับคนนั้นเป็นเวลานานแล้ว ช่วงแห่งการประชุมอนุสรณ์นี้จะเป็นโอกาสดีที่นักศึกษาของคุณจะเริ่มแสดงความหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งต่อค่าไถ่ของพระคริสต์ได้ไหม?
14 วิธีช่วยพวกเขาเข้าส่วนร่วม: เราเรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับการช่วยผู้ที่มีคุณวุฒิให้เริ่มต้นทำงานรับใช้จากการพิจารณาวิธีที่พระเยซูทรงฝึกสอนคนอื่น. พระองค์ไม่ได้เพียงแต่หาฝูงชนกลุ่มหนึ่งให้เหล่าอัครสาวกและบอกให้พวกเขาเริ่มพูด. ตอนแรกพระองค์เน้นความจำเป็นของงานประกาศ, สนับสนุนให้มีทัศนะที่จริงจัง, แล้วจัดเตรียมสิ่งพื้นฐานสามประการให้ นั่นคือ เพื่อนร่วมงาน, เขตมอบหมาย, และข่าวสาร. (มัด. 9:35-38; 10:5-7; มโก. 6:7; ลูกา 9:2, 6) คุณอาจทำอย่างเดียวกันนี้ได้. ไม่ว่าคุณจะช่วยลูกของคุณเอง, นักศึกษาใหม่, หรือคนที่ไม่ได้ส่งรายงานมาระยะหนึ่งแล้ว ก็คงดีที่จะพยายามเป็นพิเศษเพื่อบรรลุเป้าหมายต่อไปนี้.
15 เน้นความจำเป็น: ทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของงานประกาศ. จงพูดในแง่บวกเกี่ยวกับงานนั้น. เล่าประสบการณ์ซึ่งแสดงว่าประชาคมกำลังประสบความสำเร็จอย่างไรในงานรับใช้. สำแดงน้ำใจแบบเดียวกับพระเยซูดังที่บันทึกไว้ในมัดธาย 9:36-38. สนับสนุนผู้ที่กำลังจะเป็นผู้ประกาศหรือผู้ที่เลิกเป็นผู้ประกาศให้อธิษฐานเกี่ยวกับการที่ตัวเขาเองจะเข้าส่วนในงานรับใช้รวมทั้งอธิษฐานเพื่อความสำเร็จของงานทั่วโลก.
16 กระตุ้นคนนั้นให้คิดถึงโอกาสต่าง ๆ ที่จะให้คำพยาน: พูดถึงโอกาสที่จะร่วมประชุมกับกลุ่มการศึกษาหนังสือประจำประชาคมเพื่อการให้คำพยานตามบ้าน. พูดถึงการคุยกับญาติพี่น้องและคนรู้จักหรือคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนนักเรียนในช่วงพักกลางวัน. ขณะกำลังเดินทางในรถโดยสาร บ่อยครั้งคนเราสามารถเริ่มการสนทนาโดยเพียงแค่แสดงความสนใจเป็นส่วนตัวในเพื่อนร่วมทาง. เมื่อเราริเริ่ม นี่มักสร้างโอกาสที่ดีในการให้คำพยาน. จริงทีเดียว มีหลายโอกาสที่จะแบ่งปันความหวังให้แก่คนอื่น “ทุก ๆ วัน.”—เพลง. 96:2, 3.
17 กระนั้น คุณกับผู้ประกาศใหม่คงอยากจะทำงานประกาศตามบ้านด้วยกันเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้. ถ้าคุณตั้งเป้าจะทำงานรับใช้มากเป็นพิเศษระหว่างเดือนเมษายน จงถามผู้รับใช้เขตงานว่ามีเขตงานที่ทำได้สะดวกไหม. ถ้ามี นี่จะเปิดโอกาสให้คุณทำเขตนั้นอย่างทั่วถึง. ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเสร็จสิ้นงานรับใช้หรือกำลังเดินทางไปประชุมหรือไปที่อื่น คุณอาจสังเกตว่ามีคนอยู่ในบ้านที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยู่หรือบ้านที่มีคนสนใจ. ถ้าโอกาสอำนวย ให้เยี่ยมสั้น ๆ ในเวลาที่จะบังเกิดผลที่สุด. นี่จะช่วยให้รู้สึกว่าประสบความสำเร็จและมีความยินดีในงานรับใช้.
18 เตรียมข่าวสารที่ดึงดูดใจ: การที่ใครสักคนต้องการจะแบ่งปันข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ก็เป็นคนละเรื่องเลยที่เขาจะรู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับวิธีถ่ายทอดข่าวสารนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาเป็นคนใหม่หรือไม่ได้ออกประกาศมานาน. การช่วยคนใหม่และคนที่เลิกประกาศให้เตรียมตัวนั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่าทีเดียว. การประชุมวิธีปฏิบัติงานและการประชุมเพื่อการประกาศอาจให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์ แต่ไม่มีสิ่งใดจะมาทดแทนการเตรียมเป็นส่วนตัวได้.
19 คุณจะช่วยคนใหม่ให้เตรียมตัวสำหรับงานรับใช้ได้อย่างไร? จงเริ่มด้วยการเสนอวารสาร และทำให้ง่ายและสั้น! ขอให้เขาคิดถึงข่าวเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่วิตกกังวลของคนในเขตงาน แล้วหาจุดหนึ่งในวารสารฉบับปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้อง. ซ้อมการเสนอด้วยกัน และใช้การเสนอนั้นในงานรับใช้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.
20 พัฒนาศักยภาพแห่งการเพิ่มทวีของเราในอนาคต: ปีที่แล้วผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ทั่วโลกมีมากกว่า 14.8 ล้านคน. จำนวนผู้ส่งรายงานฐานะเป็นผู้ประกาศมีเพียงหกล้านกว่าคน. นี่หมายความว่าประมาณ 8.8 ล้านคนมีความสนใจถึงขนาดที่ได้มายังการประชุมพิเศษนี้และได้ฟังการอธิบายคำสอนสำคัญอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิล. พวกเขาได้มารู้จักพวกเราบางคนเป็นส่วนตัว ซึ่งคงทำให้เขาประทับใจ. คนเหล่านั้นหลายคนพูดแสดงความนับถือพวกเรา, บริจาคเพื่องานทั่วโลก, และปกป้องพวกเราต่อหน้าคนอื่น. คนกลุ่มใหญ่นี้แสดงให้เห็นศักยภาพของการเพิ่มทวีในอนาคต. เราจะทำอะไรได้เพื่อช่วยพวกเขาก้าวหน้ามากขึ้น?
21 คนใหม่ส่วนใหญ่เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์เนื่องจากมีคนหนึ่งในพวกเราเชิญเขามาเป็นส่วนตัว. ตามปกติ นี่หมายความว่าพวกเขารู้จักอย่างน้อยคนหนึ่งในหมู่ผู้ฟัง. ถ้ามีใครบางคนตอบรับคำเชิญของเราและมาร่วมการประชุม เรามีหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องทำให้เขารู้สึกว่าได้รับการต้อนรับและช่วยเขาให้ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการประชุมนั้น. เนื่องจากหอประชุมคงจะมีคนแน่น จงช่วยเขาหาที่นั่ง. ให้เขายืมคัมภีร์ไบเบิล และเชิญเขาให้ดูหนังสือเพลงกับคุณ. ตอบคำถามต่าง ๆ ของเขา. ความเอาใจใส่เป็นส่วนตัวอย่างฉันมิตรของคุณอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกฝังความสนใจของเขา. แน่นอน เราทุกคนมีส่วนร่วมในหน้าที่รับผิดชอบนี้—ถ้าเราเห็นคนใหม่มา จงต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นและพูดคุยสั้น ๆ เพื่อจะทำความคุ้นเคย.
22 การเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์อาจส่งผลกระทบต่อความคิดของคนนั้นได้อย่างแท้จริง. ข้อเท็จจริงที่ว่าเขามาที่การประชุมอาจบ่งชี้ว่าเขาไม่พบสิ่งที่เขาแสวงหาในที่อื่นและเขารู้สึกว่าเราเสนอบางสิ่งที่จำเป็นต้องพิจารณาให้ละเอียดยิ่งขึ้น. การอธิบายเกี่ยวกับการจัดเตรียมเรื่องค่าไถ่อันเยี่ยมยอดอาจเป็นสิ่งที่เปิดหูเปิดตาคนซึ่งไม่เคยเข้าใจถึงความรักอันไม่มีขีดจำกัดของพระยะโฮวา. เขาอาจเข้าใจได้ทันทีว่าเราแตกต่างออกไป—จริงใจ, เป็นมิตร, มีความรัก, และแสดงความนับถือ. หอประชุมของเราไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยเห็นในโบสถ์ซึ่งมีรูปเคารพและพิธีรีตองที่ไร้ความหมาย. คนใหม่สังเกตเห็นแน่ ๆ ว่าผู้เข้าร่วมประชุมมาจากทุกฐานะในสังคมและไม่มีการเรี่ยไรเงิน. การประสบเรื่องราวเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เขากลับมาอีก.
23 หลังการประชุมอนุสรณ์ ควรมีบางคนตื่นตัวที่จะไปเยี่ยมคนใหม่ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ความช่วยเหลือ. ถ้าคุณเชิญคนใหม่มา คุณก็มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นพิเศษ. ก่อนที่เขาจะจากไป จงทำให้แน่ใจว่าเขาทราบเรื่องการประชุมรายการอื่น ๆ ที่หอประชุม. บอกหัวเรื่องคำบรรยายสาธารณะในครั้งถัดไป. บอกให้พวกเขาทราบสถานที่และเวลาของการศึกษาหนังสือประจำประชาคมที่อยู่ใกล้บ้านเขาที่สุด. หลังจากนั้น หาหนังสือพระผู้สร้าง ให้เขา และบอกให้เขารู้ว่าการพิจารณาในสัปดาห์ซึ่งเริ่มวันที่ 30 เมษายนมีหัวเรื่อง “คุณสามารถเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้สร้างจากหนังสือเล่มหนึ่ง?”
24 นัดที่จะไปเยี่ยมเขาที่บ้านอย่างเป็นกันเอง. ทำให้แน่ใจว่าเขามีจุลสารเรียกร้อง และหนังสือความรู้ ซึ่งจะทำให้เขาคุ้นเคยกับคำสอนพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิล. ถ้าพวกเขายังไม่ได้ศึกษา ก็ให้เสนอการศึกษาพระคัมภีร์. แนะให้พวกเขาอ่านจุลสารพยานพระยะโฮวา ซึ่งอธิบายชัดเจนถึงวิธีที่พวกเราปฏิบัติงานเป็นองค์การ. เชิญพวกเขาดูวีดิทัศน์ เช่นเรื่อง เป็นเอกภาพโดยการสอนจากพระเจ้า. ให้พวกเขาพบกับคนอื่นในประชาคม. ในช่วงหลายเดือนถัดจากนั้น ให้ติดต่อกับคนใหม่บ่อย ๆ; เชิญเขาเข้าร่วมการประชุมเมื่อผู้ดูแลหมวดมาเยี่ยมหรือเมื่อคุณมีการประชุมหมวดหรือการประชุมพิเศษวันเดียว. ให้โอกาสพวกเขาเต็มที่เพื่อจะแสดงตัวว่า “มีความโน้มเอียงอย่างถูกต้องเพื่อชีวิตนิรันดร์”!—กิจ. 13:48, ล.ม.
25 สิ่งที่ผู้ปกครองทำได้: ความสำเร็จของการเพิ่มทวีกิจกรรมงานรับใช้ในเดือนเมษายนนี้ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองมากทีเดียว. ถ้าคุณเป็นผู้นำกลุ่มการศึกษา จงเขียนรายการสิ่งต่าง ๆ ที่คุณทำได้เพื่อจะช่วยทุกคนในกลุ่มการศึกษาของคุณเข้าส่วนร่วมในกิจกรรมพิเศษ. มีเยาวชน, คนใหม่, ไม่สม่ำเสมอ, หรือเลิกประกาศได้รับมอบหมายให้อยู่ในกลุ่มของคุณไหม? จงตรวจดูว่าคนที่เป็นบิดามารดา, ไพโอเนียร์, หรือผู้ประกาศคนอื่น ๆ ได้ริเริ่มที่จะช่วยพวกเขาหรือยัง. จงให้การช่วยเหลือเป็นส่วนตัวใด ๆ ก็ตามที่คุณให้ได้. พี่น้องหญิงคนหนึ่งซึ่งไม่สม่ำเสมอในการประกาศมานานถึงสองปีได้ใช้เวลาในงานรับใช้มากกว่า 50 ชั่วโมงในเดือนเมษายนปีที่แล้ว. อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปเช่นนี้? เธอบอกว่าเป็นเพราะการเยี่ยมบำรุงเลี้ยงที่เสริมสร้างจากผู้ปกครอง.
26 ผู้ปกครองและผู้ช่วยงานรับใช้ควรร่วมมือกันเพื่อทำให้แน่ใจว่ามีเขตงาน, วารสาร, และสรรพหนังสือเพียงพอสำหรับเดือนที่กำลังจะมาถึงนี้. จะจัดการประชุมเพื่อการประกาศเพิ่มขึ้นได้ไหม? ถ้าทำได้ จงประกาศให้ทราบถึงการจัดเตรียมพิเศษนี้. ที่สำคัญที่สุด ในคำอธิษฐานส่วนตัวและคำอธิษฐานสาธารณะ จงขอพระพรจากพระยะโฮวาสำหรับเดือนแห่งการเพิ่มทวีกิจกรรมราชอาณาจักรนี้.—โรม 15:30, 31; 2 เธ. 3:1.
27 ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ณ ประชาคมแห่งหนึ่งในสหรัฐ ผู้ปกครองกระตุ้นให้มีการเพิ่มทวีกิจกรรมงานรับใช้อย่างจริงจัง. ที่การประชุมแต่ละสัปดาห์ พวกเขาเชิญผู้ประกาศให้พิจารณาพร้อมด้วยการอธิษฐานว่าเขาจะเป็นไพโอเนียร์สมทบได้ไหม. ในทุกโอกาส ทุกคนในคณะผู้รับใช้ของประชาคมพูดอย่างกระตือรือร้นถึงการทำให้เดือนเมษายนเป็นเดือนพิเศษที่สุดเท่าที่เคยมีมา. ผลก็คือ 58 เปอร์เซ็นต์ของผู้ประกาศ รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ช่วยงานรับใช้ทุกคน เป็นไพโอเนียร์ในเดือนนั้น!
28 ความยินดีของการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่: มีพระพรอะไรบ้างในการ “ทำงานหนักและทุ่มเทตัวเอง” ในงานรับใช้? (1 ติโม. 4:10, ล.ม.) ผู้ปกครองซึ่งอ้างถึงข้างต้นเขียนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำด้วยใจแรงกล้าของประชาคมในเดือนเมษายนปีที่แล้วว่า “พี่น้องพูดกันบ่อย ๆ ถึงเรื่องที่ว่าพวกเขารู้สึกรักและใกล้ชิดกันมากขึ้นสักเพียงไรตั้งแต่พวกเขาเริ่มทำมากขึ้นในงานรับใช้.”
29 พี่น้องหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีข้อจำกัดด้านร่างกายปรารถนาจะเข้าส่วนร่วมในกิจกรรมพิเศษนี้เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว. โดยวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบและด้วยความช่วยเหลือจากคุณแม่และพี่น้องฝ่ายวิญญาณ เขาจึงประสบความยินดีฐานะเป็นไพโอเนียร์สมทบในเดือนนั้น. เขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับประสบการณ์นั้น? เขากล่าวว่า “เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกเหมือนเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรง.”
30 ไม่มีข้อสงสัยว่าพระยะโฮวาทรงอวยพระพรอย่างอุดมให้แก่คนที่หยั่งรู้ค่าอย่างสูงต่อสิทธิพิเศษในการพูดเกี่ยวกับฐานะพระมหากษัตริย์ของพระองค์. (เพลง. 145:11, 12) ขณะที่เราระลึกถึงการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เราเข้าใจว่าพระพรสำหรับความเลื่อมใสในพระเจ้าจะมีอุดมยิ่งขึ้นในอนาคต. อัครสาวกเปาโลปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้รับบำเหน็จซึ่งเป็นชีวิตนิรันดร์. กระนั้น ท่านทราบว่าท่านไม่อาจนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วเพียงแต่หวัง. ท่านเขียนว่า “เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงกระทำการงานด้วย, โดยความอุสสาหะตามการกระทำของพระองค์ผู้ทรงออกฤทธิ์กระทำอยู่ในตัวข้าพเจ้า.” (โกโล. 1:29) โดยทางพระเยซู พระยะโฮวาทรงทำให้เปาโลมีกำลังที่จะประสบความสำเร็จในงานรับใช้ซึ่งช่วยชีวิตผู้คน และพระองค์สามารถทำอย่างเดียวกันกับเราในปัจจุบัน. นั่นจะเป็นประสบการณ์ของคุณในเดือนเมษายนนี้ไหม?
[กรอบหน้า 3]
คุณจะชวนใครให้ประกาศในเดือนเมษายนได้?
ลูกของคุณ?
นักศึกษาพระคัมภีร์?
ผู้ที่เลิกเป็นผู้ประกาศ?