23-29 มีนาคม 2026
เพลง 18 ขอบคุณที่มีค่าไถ่
คุณจะทำอะไรเพื่อแสดงว่าเห็นค่าในค่าไถ่?
“ความรักของพระคริสต์กระตุ้นเราอยู่”—2 คร. 5:14
จุดสำคัญ
เราทุกคนจะแสดงยังไงว่าเราเห็นค่าในค่าไถ่
1-2. ค่าไถ่ของพระเยซูควรกระตุ้นให้เราทำอะไร? และทำไม? (2 โครินธ์ 5:14, 15) (ดูภาพด้วย)
ถ้าคุณได้รับความช่วยเหลือให้ออกมาจากตึกที่พังถล่มลงมา คุณคงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคนที่ช่วยชีวิตคุณใช่ไหม? ถึงแม้มีคนอื่นที่ได้รับความช่วยเหลือด้วย แต่คุณคงอยากจะบอกคนนั้นด้วยตัวเองว่าคุณรู้สึกขอบคุณเขามากจริง ๆ และคุณจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เขาทำ
2 อย่างที่ได้เรียนในบทความก่อน เราไม่สามารถช่วยตัวเราเองให้พ้นจากผลของบาปได้ แต่ค่าไถ่ของพระเยซูนี่แหละที่ช่วยเราให้ (1) ได้รับการอภัยเมื่อเราทำบาป (2) มีความหวังว่าจะกลับมาเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบได้อีกครั้ง และ (3) กลับมาคืนดีกับพระเจ้า ค่าไถ่เลยทำให้เรามีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ของพระยะโฮวา ค่าไถ่ทำให้เห็นชัดเลยว่าพระเยซูรักมนุษย์มากขนาดไหน ท่านรักมนุษย์ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะลงมาเกิดเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบบนโลกด้วยซ้ำ (สภษ. 8:30, 31) เปาโลเขียนว่า “ความรักของพระคริสต์กระตุ้นเราอยู่” (อ่าน 2 โครินธ์ 5:14, 15) นี่หมายความว่าความรักของพระเยซูควรจะกระตุ้นให้เราลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ลืมสิ่งที่พระเยซูได้เสียสละเพื่อเรา
ถ้ามีคนช่วยคุณให้รอดจากตึกถล่ม คุณคงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคนนั้นมากและอยากแสดงว่าคุณรู้สึกขอบคุณเขา คล้ายกัน เราก็ยิ่งอยากขอบคุณพระยะโฮวากับพระเยซูที่ช่วยเราให้พ้นจากบาปและความตาย (ดูข้อ 1-2)
3. ทำไมเราแต่ละคนถึงแสดงความเห็นค่าในค่าไถ่ไม่เหมือนกัน?
3 คุณจะแสดงยังไงว่าเห็นค่าในค่าไถ่? คำตอบของเราแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เพราะอะไร? เพื่อจะยกตัวอย่าง สมมุติว่ามี 3 คนอยากเดินทางไปยังสถานที่เดียวกันแต่พวกเขาออกเดินทางจากคนละเมือง เส้นทางที่พวกเขาใช้ก็เลยไม่เหมือนกัน คล้ายกัน วิธีที่คุณจะแสดงว่าคุณเห็นค่าในค่าไถ่ก็อาจไม่เหมือนกันกับคนอื่นซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของคุณกับพระยะโฮวาเป็นยังไง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ บทความนี้จะพูดถึงคน 3 กลุ่มนั่นก็คือ (1) นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล (2) คริสเตียนที่รับบัพติศมาแล้ว และ (3) คนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหาย
นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล
4. พระยะโฮวารู้สึกยังไงกับคนที่กำลังศึกษาคัมภีร์ไบเบิล?
4 ถ้าคุณกำลังศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอยู่ แสดงว่าคุณกำลังอยากเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลใช่ไหม? พระยะโฮวากำลังช่วยคุณให้รู้จักพระองค์ และนี่แสดงว่าพระองค์กำลังชักนำคุณให้เข้ามาสนิทกับพระองค์ (ยน. 6:44; กจ. 13:48) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเนื่องจาก “พระยะโฮวาเป็นผู้ตรวจดูหัวใจ” พระองค์ก็เลยสนใจที่คุณกำลังพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ และพระองค์ก็ดีใจที่เห็นคุณก้าวหน้าตอนที่คุณพยายามปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อจะทำตามมาตรฐานของพระองค์ (สภษ. 17:3; 27:11) ค่าไถ่ของพระเยซูเปิดโอกาสให้คุณได้มาสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น (รม. 5:10, 11) ดังนั้น ขอคุณอย่าลืมเรื่องนี้
5. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจะเอาคำแนะนำที่ฟีลิปปี 3:16 ไปใช้ได้ยังไง?
5 แล้วคุณที่เป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจะแสดงให้เห็นยังไงว่าคุณเห็นค่าในค่าไถ่? วิธีหนึ่งที่ทำได้ก็คือ การทำตามคำแนะนำของอัครสาวกเปาโลที่ให้กับคริสเตียนในเมืองฟีลิปปี เขาบอกว่า “ให้เราก้าวหน้าแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนที่เคยทำมา” (ฟป. 3:16) ดังนั้น เพื่อจะทำตามคำแนะนำนี้ต่อไป ในขณะที่คุณอยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิต อย่าให้อะไรมาขัดขวางความก้าวหน้าของคุณ—มธ. 7:14; ลก. 9:62
6. ถ้ามีบางอย่างที่นักศึกษารู้สึกว่ายาก เขาควรทำอะไร? (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:11-14) (ดูภาพด้วย)
6 ถ้ามีคำสอนบางเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลที่คุณรู้สึกว่ารับได้ยาก คุณควรทำยังไง? ให้คุณค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนั้น และอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้เข้าใจชัดเจนขึ้น (สด. 86:11) แล้วถ้ามีคำสอนบางเรื่องที่คุณไม่ค่อยเข้าใจล่ะ? ก็ให้พักเรื่องนั้นไว้ก่อน แต่อย่าหยุดศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ให้พยายามเรียนต่อ ๆ ไป นอกจากนั้น ถ้าคุณรู้สึกว่ายากที่จะเลิกทำบางอย่างที่พระยะโฮวาไม่ชอบ ก็ให้จำไว้ว่าพระองค์ไม่เคยขอให้มนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบทำสิ่งที่เขาทำไม่ได้ คุณสามารถใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระยะโฮวาได้ (อ่านเฉลยธรรมบัญญัติ 30:11-14) และพระยะโฮวาสัญญาว่าจะช่วยคุณ (อสย. 41:10, 13; 1 คร. 10:13) ดังนั้น อย่ายอมแพ้ แทนที่จะเอาแต่คิดถึงสิ่งที่คุณยังทำไม่ได้ ให้คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่พระยะโฮวาทำเพื่อคุณ รวมทั้งการที่พระองค์ให้ค่าไถ่มาเพื่อคุณ เมื่อคุณคิดถึงสิ่งเหล่านี้ คุณจะรู้สึกเห็นค่าและรักพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ และพอเป็นแบบนี้ คุณก็จะรู้สึกว่า “คำสั่งของพระองค์ไม่ยากเกินไป”—1 ยน. 5:3a
พระยะโฮวาไม่เคยขอให้เราทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ พระองค์จะช่วยให้เราใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ได้แน่นอน (ดูข้อ 6)
7. เด็กและวัยรุ่นที่โตมาในครอบครัวพยานฯ สามารถคิดใคร่ครวญเรื่องอะไรได้?
7 สำหรับคุณซึ่งเป็นเด็กและวัยรุ่นที่โตมาในครอบครัวที่เป็นพยานฯ พวกคุณก็เป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วย ที่จริงคุณเป็นนักศึกษาคนสำคัญที่สุดของพ่อแม่ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าให้คุณ “เข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาใกล้ชิดกับคุณ” (ยก. 4:8; 1 พศ. 28:9) เมื่อคุณเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะเข้าไปใกล้ชิดกับพระยะโฮวา พระองค์ก็จะเข้ามาใกล้ชิดกับคุณ พระองค์ไม่ได้มองว่าคุณแค่ตามคนในครอบครัวมา พระองค์ชักนำแต่ละคนเป็นส่วนตัวซึ่งรวมถึงคนที่โตมาในครอบครัวพยานฯ ด้วย แล้วอะไรที่ช่วยให้คุณสามารถสนิทกับพระยะโฮวาเป็นส่วนตัว? สิ่งนั้นก็คือค่าไถ่ และนี่เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรลืม (รม. 5:1, 2) ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ในปีนี้ คุณน่าจะลองคิดดูว่าค่าไถ่ของพระเยซูมีความหมายยังไงสำหรับคุณ ให้เรื่องนี้กระตุ้นคุณให้ทำตามเป้าหมายทางด้านความเชื่อที่คุณตั้งไว้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม นี่จะเป็นการแสดงว่าคุณเห็นค่าที่พระยะโฮวาจัดเตรียมค่าไถ่ผ่านทางลูกชายของพระองค์b
คริสเตียนที่รับบัพติศมาแล้ว
8. คริสเตียนที่รับบัพติศมาแล้วแสดงความเชื่อในค่าไถ่ยังไงบ้าง?
8 ถ้าคุณเป็นคริสเตียนที่รับบัพติศมาแล้ว คุณก็ได้แสดงความเชื่อในค่าไถ่มาแล้วในหลายวิธี เช่น คุณได้มาสนิทกับพระยะโฮวาและใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ คุณเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซูที่ให้สอนคนเป็นสาวกโดยไปประกาศ คุณได้อุทิศตัวให้พระยะโฮวาและรับบัพติศมา และบางทีคุณอาจเจอการต่อต้านเพราะเลือกรับใช้พระองค์ด้วย (2 ทธ. 3:12) ถึงอย่างนั้น คุณก็ยังอดทนและรับใช้อย่างซื่อสัตย์ต่อไปเพราะคุณรักพระยะโฮวาและเห็นค่าในค่าไถ่ที่พระองค์จัดเตรียมให้ผ่านทางลูกชายของพระองค์—ฮบ. 12:2, 3
9. คริสเตียนที่รับบัพติศมาแล้วต้องระวังอันตรายอะไร?
9 ถึงเราจะรับบัพติศมาแล้ว แต่เราต้องระวังอันตรายอะไร? เมื่อเวลาผ่านไปเราอาจลืมไปว่าค่าไถ่มีค่ามากแค่ไหนสำหรับเรา เรื่องนี้อาจเกิดขึ้นได้ยังไง? ลองคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคริสเตียนในศตวรรษแรกในเมืองเอเฟซัส หลังจากที่พระเยซูชมเชยที่พวกเขาอดทน ท่านก็เตือนพวกเขาว่า “ผมมีเรื่องจะตักเตือนคุณด้วย คือ คุณไม่มีความรักแบบที่คุณมีในตอนแรก” (วว. 2:3, 4) จากคำพูดของพระเยซูทำให้เห็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป บางคนอาจเริ่มนมัสการพระเจ้าด้วยความเคยชิน เขาอาจจะอธิษฐาน ไปประชุม ไปทำงานรับใช้ แต่ก็ทำแค่เพราะเป็นหน้าที่ ไม่ได้ทำเพราะถูกกระตุ้นด้วยความรัก แล้วคุณจะทำยังไงถ้าคุณรู้สึกว่าตอนนี้คุณไม่ได้รักพระยะโฮวามากเท่าเมื่อก่อน?
10. มีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณ “คิดใคร่ครวญ” และ “ทุ่มเท” กับการทำกิจกรรมคริสเตียนของคุณ? (1 ทิโมธี 4:13, 15)
10 อัครสาวกเปาโลบอกให้ทิโมธี “คิดใคร่ครวญ” และ “ทุ่มเท” กับการทำกิจกรรมคริสเตียนของเขา (อ่าน 1 ทิโมธี 4:13, 15) คุณก็ทำตามคำแนะนำนี้ได้โดยคิดถึงวิธีที่จะทำให้การนมัสการของคุณมีความหมายมากขึ้นเพื่อจะ “ให้พลังของพระเจ้ากระตุ้นคุณ” (รม. 12:11) เช่น คุณอาจเตรียมการประชุมให้ละเอียดมากขึ้นเพื่อคุณจะจดจ่อกับการประชุมได้มากขึ้น หรือตอนที่คุณศึกษาส่วนตัว คุณอาจหาที่เงียบ ๆ ที่จะช่วยให้คุณมีสมาธิในการศึกษาและคิดใคร่ครวญ คุณควรทำสิ่งเหล่านี้อยู่เรื่อย ๆ เพื่อจะรู้สึกเห็นค่าทุกสิ่งที่พระยะโฮวาได้ทำเพื่อคุณรวมทั้งเรื่องค่าไถ่ ซึ่งนี่เป็นเหมือนกับการคอยเติมฟืนลงในกองไฟเพื่อไม่ให้ไฟมอดดับ นอกจากนั้น ในสัปดาห์ก่อนที่จะถึงการประชุมอนุสรณ์ ให้ลองคิดใคร่ครวญว่าการเป็นพยานพระยะโฮวาทำให้คุณได้พรดี ๆ อะไรบ้าง พอทำแบบนี้คุณก็จะยิ่งรู้สึกเห็นค่าในค่าไถ่มากขึ้นซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณสนิทกับพระยะโฮวาได้
11-12. การที่คุณขาดความกระตือรือร้นไปช่วงหนึ่งหมายความว่าพระเจ้าไม่ให้พลังบริสุทธิ์กับคุณแล้วไหม? ขออธิบาย (ดูภาพด้วย)
11 ถ้าคุณรู้สึกไม่ค่อยกระตือรือร้นในการนมัสการพระยะโฮวาเหมือนเมื่อก่อนก็อย่าเพิ่งท้อใจหรือคิดว่าพระเจ้าไม่ให้พลังบริสุทธิ์กับคุณแล้ว ให้คุณนึกถึงสิ่งที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนในเมืองโครินธ์ เปาโลพูดถึงตัวเองและงานรับใช้ของเขาว่า “ถึงผมจะไม่เต็มใจ ผมก็ยังต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ที่ผมได้รับมอบหมายมา” (1 คร. 9:17) เขาหมายถึงอะไร?
12 บางครั้งเปาโลรู้สึกไม่ค่อยอยากไปประกาศ แต่เขายังตั้งใจที่จะทำงานรับใช้ต่อไปถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ค่อยอยากทำ คุณก็สามารถเลียนแบบเปาโลได้ โดยตั้งใจทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไปถึงแม้คุณอาจรู้สึกไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำ ให้คุณอธิษฐานขอ “ความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ” (ฟป. 2:13) ให้คุณขยันทำกิจกรรมคริสเตียนอยู่เสมอ และมั่นใจได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปถ้าคุณทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คุณก็จะรู้สึกรักพระยะโฮวามากขึ้นและกลับมากระตือรือร้นในงานรับใช้เหมือนเดิม
ให้คุณขยันทำกิจกรรมคริสเตียนอยู่เสมอ แม้แต่ในตอนที่คุณรู้สึกว่าไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำ (ดูข้อ 11-12)
13. เราจะตรวจสอบตัวเองได้ยังไงว่ากำลัง “ใช้ชีวิตตามความเชื่อ” หรือเปล่า?
13 เราน่าจะทำตามคำแนะนำที่บอกไว้ใน 2 โครินธ์ 13:5 ที่บอกว่า “ให้พวกคุณคอยตรวจสอบตัวเองว่ายังใช้ชีวิตตามความเชื่อของคริสเตียนอยู่ไหม ทดสอบตัวเองอยู่เรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าพวกคุณเป็นคนอย่างไรจริง ๆ” เราอาจถามตัวเองเป็นระยะ ๆ ว่า ‘ฉันกำลังให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไหม?’ (มธ. 6:33) ‘วิธีที่ฉันเลือกความบันเทิงแสดงให้เห็นไหมว่าฉันเกลียดสิ่งที่ชั่ว?’ (สด. 97:10) ‘สิ่งที่ฉันทำส่งเสริมให้พี่น้องในประชาคมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและมีสันติสุขไหม?’ (อฟ. 4:2, 3) การประชุมอนุสรณ์ซึ่งเป็นโอกาสให้เราได้คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับค่าไถ่ทำให้เราได้ตรวจสอบตัวเองว่าเรากำลังใช้ชีวิตเพื่อพระคริสต์หรือเปล่าและไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองc
คนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหาย
14. อะไรอาจทำให้พี่น้องบางคนกลายเป็นเหมือนแกะที่หลงหาย?
14 พี่น้องบางคนเลิกไปประชุมทั้ง ๆ ที่เขาเคยรับใช้อย่างซื่อสัตย์มาเป็นเวลานานหลายปี เพราะอะไร? เพราะบางคนมัวแต่ “กังวลกับชีวิต” มากเกินไป (ลก. 21:34) ส่วนบางคนก็รู้สึกโกรธหรือไม่สบายใจกับคำพูดหรือการกระทำของพี่น้องในประชาคม (ยก. 3:2) นอกจากนั้น บางคนอาจทำผิดร้ายแรงและไม่กล้าขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ถ้าคุณเป็นเหมือนแกะที่หลงหาย คุณจะทำอะไรได้บ้าง? และการจัดเตรียมเรื่องค่าไถ่ควรกระตุ้นคุณให้ทำอะไร?
15. พระยะโฮวาแสดงให้เห็นยังไงว่าพระองค์ห่วงใยคนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหาย? (เอเสเคียล 34:11, 12, 16)
15 ขอให้คุณคิดว่าพระยะโฮวารู้สึกยังไงกับคนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหาย พระองค์ไม่ได้โกรธหรือลืมพวกเขา แต่พระองค์ตามหาพวกเขา พระองค์จะคอยดูแลและช่วยพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ (อ่านเอเสเคียล 34:11, 12, 16) พระยะโฮวาจะทำอย่างนั้นกับคุณไหม? แน่นอน ที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็แสดงว่าใจคุณยังรักและคิดถึงพระองค์อยู่ เหมือนกับที่พระยะโฮวาเห็นหัวใจของคุณและชักนำคุณให้เข้ามาในความจริง ตอนนี้พระองค์อาจจะกำลังชักนำคุณให้กลับมาหาพระองค์ก็ได้
16. อะไรจะช่วยให้คนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหายกลับมาหาพระยะโฮวา? (ดูภาพด้วย)
16 จุลสารกลับมาหาพระยะโฮวา มีข้อความที่ให้กำลังใจที่บอกว่า “ขอให้มั่นใจว่า พระยะโฮวารอให้คุณกลับมาหาพระองค์เสมอ พระองค์จะช่วยคุณให้รับมือกับความวิตกกังวล ช่วยให้คุณหายโกรธพี่น้อง และสงบใจเพราะไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป คุณอาจรู้สึกอยากกลับมารับใช้พระยะโฮวาร่วมกับพี่น้องอีกครั้ง” นอกจากนั้น จำไว้ว่าผู้ดูแลก็พร้อมที่จะช่วยคุณด้วย พวกเขา “เป็นเหมือนที่กำบังให้พ้นลม เป็นเหมือนที่หลบให้พ้นพายุฝน” (อสย. 32:2) เรารู้ว่าคุณเห็นค่าที่มีค่าไถ่และคุณอยากแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าคุณเห็นค่าของขวัญนี้ ดังนั้น ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันต้องทำอะไรเพื่อจะ “กลับมาคืนดี” กับพระยะโฮวา?’ (อสย. 1:18; 1 ปต. 2:25) ตัวอย่างเช่น คุณจะกลับมาประชุมที่หอประชุมอีกได้ไหม? คุณจะเข้าไปหาผู้ดูแลและขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ไหมซึ่งรวมถึงคุณอาจต้องกลับมาศึกษาคัมภีร์ไบเบิลระยะหนึ่ง? คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะอวยพรความพยายามของคุณที่แสดงว่าคุณเห็นค่าในค่าไถ่
ถามตัวเองว่า ‘ฉันต้องทำอะไรเพื่อจะ “กลับมาคืนดี” กับพระยะโฮวา?’ (ดูข้อ 16)
คุณจะทำอะไรเพื่อแสดงว่าเห็นค่าในค่าไถ่?
17-18. เราควรใช้ช่วงเวลาก่อนการประชุมอนุสรณ์ปีนี้เพื่อทำอะไร?
17 พระเยซูบอกว่าพระยะโฮวาส่งท่านลงมาเป็นค่าไถ่ “เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่านจะไม่ถูกทำลาย แต่จะมีชีวิตตลอดไป” (ยน. 3:16) พระยะโฮวาใช้ค่าไถ่เพื่อช่วยเราให้หลุดพ้นจากผลของบาปและความตาย เราทุกคนไม่ควรลืมเรื่องนี้ (รม. 3:23, 24; 2 คร. 6:1) ในช่วงก่อนการประชุมอนุสรณ์ ให้เราใช้โอกาสนี้คิดใคร่ครวญความรักที่พระยะโฮวาและพระเยซูแสดงต่อเรา ความรักนี้ควรกระตุ้นเราให้แสดงออกว่าเราเห็นค่าในค่าไถ่
18 คุณจะทำอะไรเพื่อแสดงว่าเห็นค่าในค่าไถ่? คำตอบของคุณอาจไม่เหมือนกับคนอื่น แต่คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะอวยพรความพยายามของคุณและผู้รับใช้ของพระองค์อีกหลายล้านคนที่ “ไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อท่านที่ตายแทนเขา”—2 คร. 5:15
เพลง 14 สรรเสริญกษัตริย์องค์ใหม่ที่ปกครองโลก
a เพื่อจะช่วยให้คุณเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ ดูกรอบ “สิ่งที่คุณทำได้” ซึ่งอยู่ตอนท้ายของทุกบทในหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป
b เพื่อดูว่าคุณอาจตั้งเป้าหมายอะไรได้บ้าง ดูบทความ “เด็ก ๆ และวัยรุ่น ‘ขอให้ทำทุกอย่างเพื่อจะได้รับความรอด’” ในหอสังเกตการณ์ เดือนธันวาคม 2017
c เพื่อดูว่าคุณจะเห็นค่าพระยะโฮวาเสมอได้ยังไง ดูบทความ “อะไรกระตุ้นคุณให้รับใช้พระเจ้า?” ในหอสังเกตการณ์ 15 มิถุนายน 1995