การศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมด้วยภูมิหลัง
บทเรียนที่ 1—การเยือนแผ่นดินตามคำสัญญา
เขตต่าง ๆ ของแผ่นดินนี้, ลักษณะภูมิประเทศ, ภูเขาและหุบเขา, แม่น้ำและทะเลสาบ, ภูมิอากาศ, ดิน, และพืชพรรณหลากชนิด.
1. (ก) เหตุใดชื่อเรียก “แผ่นดินตามคำสัญญา” จึงนับว่าเหมาะสมยิ่ง? (ข) ความหวังอันรุ่งโรจน์อะไรที่เราอาจคิดถึงได้เมื่อตรวจสอบลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแผ่นดินนี้?
แนวพรมแดนแผ่นดินตามคำสัญญาในสมัยโบราณกำหนดโดยพระยะโฮวาพระเจ้า. (เอ็ก. 23:31; อาฤ. 34:1-12; ยโฮ. 1:4) เป็นเวลานานหลายศตวรรษที่บางคนเรียกบริเวณนี้ว่าแผ่นดินปาเลสไตน์ ชื่อที่มาจากคำภาษาลาติน พาแลสตินา และคำภาษากรีก พาเลสติʹเน. คำหลังนี้มาจากคำภาษาฮีบรู เพเลʹเชท. ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู คำ เพเลʹเชท ได้รับการแปลว่า “ฟิลิสเตีย” (ฟะเลเซ็ธ) และพาดพิงถึงเฉพาะดินแดนของพวกฟิลิสติน (ฟะลิศตีม) ซึ่งเป็นศัตรูกับไพร่พลของพระเจ้า. (เอ็ก. 15:14, ล.ม.) อย่างไรก็ดี เนื่องจากพระยะโฮวาทรงสัญญาไว้ว่าจะประทานแผ่นดินนี้แก่อับราฮามผู้ซื่อสัตย์และลูกหลานของท่าน ชื่อเรียก “แผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้” หรือ “แผ่นดินตามคำสัญญา” จึงเหมาะสมยิ่ง. (เย. 15:18; บัญ. 9:27, 28; เฮ็บ. 11:9, ล.ม.) แผ่นดินนี้โดดเด่นด้วยความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ ในเขตแดนที่ไม่ใหญ่นี้มีลักษณะที่เป็นแบบเฉพาะตัวและที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงรวมอยู่หลายประการซึ่งพบได้ทั่วโลก. ถ้าพระยะโฮวาสามารถประทานแผ่นดินตามคำสัญญาที่มีความสวยงามหลากหลายเช่นนี้เป็นมรดกแก่พยานของพระองค์ในสมัยโบราณ แน่นอนว่าพระองค์ย่อมสามารถประทานอุทยานโลกใหม่อันรุ่งโรจน์งดงามที่แผ่ไปทั่วโลกพร้อมด้วยภูเขา, หุบเขา, แม่น้ำ และทะเลสาบแก่ผู้นมัสการที่อุทิศตัวแด่พระองค์เพื่อให้พวกเขาเบิกบานยินดี. บัดนี้ ให้เราเอาใจใส่ให้ดีต่อลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแผ่นดินตามคำสัญญาขณะที่เราไปเยือนด้วยการท่องเที่ยวโดยจินตนาการ.a
ขนาดโดยทั่วไป
2. แผ่นดินตามคำสัญญาที่ชาวยิวตั้งถิ่นฐานนั้นมีพื้นที่มากแค่ไหน และมีเขตแดนอะไรเพิ่มเข้ามา?
2 ตามแนวพรมแดนที่พระเจ้าทรงกำหนดให้ดังที่กล่าวไว้ในอาฤธโม 34:1-12 แผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้กับชาวยิศราเอลจะเป็นดินแดนที่แคบยาว. แผ่นดินนี้ยาวประมาณ 480 กิโลเมตรจากเหนือถึงใต้ และกว้างประมาณ 56 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย. จนถึงรัชกาลของกษัตริย์ดาวิดและซะโลโม เขตแดนทั้งสิ้นที่สัญญาไว้จึงถูกยึดครองโดยกำลังทหาร ทำให้หลายชนชาติยอมอยู่ใต้อำนาจ. อย่างไรก็ตาม ดินแดนส่วนที่ชาวยิวตั้งถิ่นฐานอยู่จริง ๆ นั้นมีอธิบายกว้าง ๆ ว่าครอบคลุมตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เซบา (บะเอระซาบา) ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตรจากเหนือถึงใต้. (1 กษัต. 4:25) ระยะทางด้านตัดขวางของพื้นที่จากเขาคาร์เมล (คารเม็ล) จนถึงทะเลแกลิลี (ฆาลิลาย) ยาวประมาณ 51 กิโลเมตร และในทางใต้ที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนค่อย ๆ โค้งไปทางตะวันตกเฉียงใต้มีระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตรจากกาซา (ฆาซา) ถึงทะเลเดดซี (ตาย). เขตที่ตั้งถิ่นฐานทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน (ยาระเดน) นี้มีพื้นที่เพียงประมาณ 15,000 ตารางกิโลเมตร. อย่างไรก็ตาม ชาวยิศราเอลยังได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินทางด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน (แผ่นดินต่าง ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในเขตแดนที่มีคำสัญญาไว้แต่เดิม) อีกด้วย จึงทำให้มีพื้นที่ซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานทั้งหมดเกือบ 26,000 ตารางกิโลเมตร.
เขตแดนที่แบ่งตามธรรมชาติ
3. โดยใช้แผนที่ “เขตแดนที่แบ่งตามธรรมชาติของแผ่นดินตามคำสัญญา” พร้อมกับข้อความในวรรค จงระบุสั้น ๆ ถึงเขตที่รวมอยู่ในการแบ่งตามธรรมชาติของแผ่นดินนี้: (ก) ที่ราบทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน (ข) เขตภูเขาทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน (ค) ภูเขาและที่ราบสูงทางตะวันออกแม่น้ำจอร์แดน.
3 การเยือนแผ่นดินตามคำสัญญาจะนำเราไปยังพื้นที่ที่แบ่งเขตตามธรรมชาติดังต่อไปนี้. หัวข้อข้างล่างให้คำอธิบายแผนที่ ซึ่งแสดงแนวแบ่งเขตโดยประมาณของแต่ละบริเวณที่พิจารณา.
เขตแดนทางภูมิศาสตร์
ก. ชายฝั่งทะเลใหญ่.—ยโฮ. 15:12.
ข. ที่ราบทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
1. ที่ราบอาเชอร์ (อาเซอร์).—วินิจ. 5:17.
2. แถบชายฝั่งโดร์ (โดระ).—ยโฮ. 12:23.
3. ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ชาโรน.—1 โคร. 5:16.
4. ที่ราบฟิลิสเตีย (ฟะลิศตีม).—เย. 21:32; เอ็ก. 13:17.
5. หุบเขาตามแนวตะวันตก-ตะวันออกในภาคกลาง
ก. ที่ราบเมกิดโด (เอสดราเอโลน).—2 โคร. 35:22.
ข. ที่ราบต่ำเยศเรล.—วินิจ. 6:33.
ค. เขตภูเขาทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
1. เขาแกลิลี.—ยโฮ. 20:7; ยซา. 9:1.
2. เขาคาร์เมล (คารเม็ล).—1 กษัต. 18:19, 20, 42.
3. เขาซะมาเรีย.—ยิระ. 31:5; อาโมศ 3:9.
4. เชเฟลาห์.—ยโฮ. 11:2, ฉบับแปลใหม่; วินิจ. 1:9, ฉบับแปลใหม่.
5. เขตที่เป็นเขาในยูดาห์.—ยโฮ. 11:21.
6. ถิ่นทุรกันดารยูดาห์ (ยะซีโมน).—วินิจ. 1:16; 1 ซามู. 23:19.
7. เนเกบ.—เย. 12:9; อาฤ. 21:1.
8. ถิ่นทุรกันดารพาราน.—เย. 21:21; อาฤ. 13:1-3.
ง. เกรต อาราบาห์ (หุบเขาทรุด)—2 ซามู. 2:29; ยิระ. 52:7.
1. แอ่งแผ่นดินฮูลา
2. บริเวณรอบ ๆ ทะเลแกลิลี.—มัด. 14:34; โย. 6:1.
3. เขตหุบเขาจอร์แดน (กอร์).—1 กษัต. 7:46;
4. ทะเลเค็ม (ตาย) (ทะเลเดดซี) (ทะเลอาราบาห์).—อาฤ. 34:3;
5. อาราบาห์ (ทางใต้ของทะเลเค็ม).—บัญ. 2:8, ฉบับแปลใหม่.
จ. แถบภูเขาและที่ราบสูงทางตะวันออกของแม่น้ำ
จอร์แดน.—ยโฮ. 13:9, 16, 17, 21; 20:8.
1. แผ่นดินบาชาน (บาซาน).—1 โคร. 5:11; เพลง. 68:15.
2. แผ่นดินกิเลียด (ฆีละอาด).—ยโฮ. 22:9.
3. แผ่นดินอัมโมนและโมอาบ.—ยโฮ. 13:25, ฉบับแปลใหม่;
4. ที่ราบสูงบนภูเขาในอะโดม.—อาฤ. 21:4; วินิจ. 11:18.
ฉ. ภูเขาเลบานอน (ละบาโนน).—ยโฮ. 13:5.
ก. ชายฝั่งทะเลใหญ่
4. ลักษณะและภูมิอากาศของแถบชายฝั่งทะเลเป็นอย่างไร?
4 เราเริ่มการเยือนจากด้านตะวันตก แรกทีเดียวเราเห็นชายฝั่งทอดยาวไปกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีครามสวย. เนื่องจากแนวสันทรายใหญ่ที่ทอดยาว ท่าเรือตามธรรมชาติแห่งเดียวที่ดีซึ่งอยู่ด้านล่างเลยภูเขาคาร์เมลลงไปคือที่ยบเป; แต่ทางเหนือของภูเขาคาร์เมลมีท่าเรือตามธรรมชาติหลายแห่งที่ดี. ชาวฟินิเซียซึ่งอาศัยอยู่ตามชายฝั่งส่วนนี้ของประเทศได้กลายเป็นนักเดินเรือที่มีชื่อ. อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีตามแนวชายฝั่งที่มีแสงอาทิตย์เจิดจ้านี้อยู่ในระดับที่สบาย ๆ ราว 19 องศาเซลเซียส แม้ฤดูร้อนจะร้อนมากด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยในตอนกลางวันที่กาซาราว 34 องศาเซลเซียส.
ข-1 ที่ราบอาเชอร์
5, 6. จงอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับ (ก) ที่ราบอาเชอร์ (ข) แถบชายฝั่งโดร์.
5 ที่ราบชายฝั่งนี้ทอดยาวไปทางเหนือจากภูเขาคาร์เมลเป็นระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร. ช่วงที่กว้างที่สุดประมาณ 13 กิโลเมตร และเป็นส่วนของแผ่นดินที่ยกให้ตระกูลอาเชอร์. (ยโฮ. 19:24-30) ส่วนนี้เป็นที่ราบแคบยาวที่มีดินดีและให้ผลิตผลดีซึ่งจัดส่งอาหารสำหรับโต๊ะเสวยของซะโลโม.—เย. 49:20; 1 กษัต. 4:7, 16.
ข-2 แถบชายฝั่งโดร์ (โดระ)
6 แผ่นดินแคบ ๆ นี้ขนานกับเทือกเขาคาร์เมลไปเป็นระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร. แผ่นดินนี้กว้างเพียง 4 กิโลเมตร. ส่วนนี้เป็นแผ่นดินแคบ ๆ ตามแนวชายฝั่งซึ่งทอดอยู่ระหว่างภูเขาคาร์เมลกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน. ทางใต้ของแผ่นดินนี้มีเมืองท่าโดร์ และทางใต้ของเมืองนี้เป็นจุดเริ่มแนวสันทราย. เนินเขาด้านหลังเมืองโดร์ผลิตอาหารชั้นเลิศสำหรับงานเลี้ยงของซะโลโม. ราชธิดาคนหนึ่งของซะโลโมได้สมรสกับข้าหลวงคนหนึ่งจากแถบนี้.—1 กษัต. 4:7, 11, ฉบับแปลใหม่.
ข-3 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ชาโรน
7. (ก) มีกล่าวถึงชาโรนอย่างไรในคำพยากรณ์ และทำไม? (ข) ในสมัยชาวฮีบรู แผ่นดินนี้ถูกใช้สำหรับอะไร?
7 เมื่อคำนึงถึงความงามอันเลื่องลือของดอกไม้ที่นี่ นับว่าเหมาะที่มีกล่าวถึงทุ่งชาโรนในนิมิตเชิงพยากรณ์ของยะซายาเกี่ยวกับแผ่นดินยิศราเอลที่ได้รับการฟื้นฟู. (ยซา. 35:2) นี่เป็นแผ่นดินที่มีดินดีและมีน้ำบริบูรณ์. แผ่นดินนี้เป็นที่ราบกว้าง 16 ถึง 19 กิโลเมตร และทอดยาวไปทางใต้ประมาณ 64 กิโลเมตรจากแถบชายฝั่งโดร์. ในสมัยของชาวฮีบรู มีป่าโอ๊กทางตอนเหนือของชาโรน. ปศุสัตว์มากมายกินหญ้าที่นี่หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว. นี่เป็นเหตุที่แผ่นดินนี้ถูกเรียกว่าทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ชาโรน. ในสมัยกษัตริย์ดาวิดมีการเก็บฝูงปศุสัตว์หลวงที่ชาโรน. (1 โคร. 27:29) ปัจจุบัน บริเวณนี้มีสวนผลไม้จำพวกมะนาวที่กว้างใหญ่.
ข-4 ที่ราบฟิลิสเตีย (ฟะลิศตีม)
8. ที่ราบฟิลิสเตียอยู่ที่ไหน และมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง?
8 แผ่นดินส่วนนี้อยู่ทางใต้ของทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ชาโรน ทอดไปตามชายฝั่ง ยาวประมาณ 80 กิโลเมตรและกว้างประมาณ 24 กิโลเมตร. (1 กษัต. 4:21) สันทรายตามแนวชายฝั่งบางครั้งกินลึกเข้ามาประมาณ 6 กิโลเมตร. ที่นี่เป็นที่ราบเหมือนทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทรายที่สูง ๆ ต่ำ ๆ ความสูงตั้งแต่ 30 เมตรจนถึง 200 เมตร อยู่ส่วนในของแผ่นดินเลยเมืองกาซาที่อยู่ทางใต้เข้าไป. มีดินดี แต่ไม่ค่อยมีฝนและมักเกิดภัยแล้งเสมอ.
ข-5 หุบเขาตามแนวตะวันออก-ตะวันตกในภาคกลาง
9. (ก) สองส่วนอะไรที่ประกอบกันเป็นหุบเขาตามแนวตะวันออก-ตะวันตกในภาคกลาง และดินแดนส่วนนี้มีคุณค่าในทางใด? (ข) โดยใช้แผนภาพ “รูปตัดของแผ่นดินตามคำสัญญา” จงอธิบายภูมิประเทศโดยทั่วไปของเขตนี้.
9 หุบเขาแนวตะวันออก-ตะวันตกในภาคกลางนี้จริง ๆ แล้วประกอบด้วยสองส่วน คือที่ราบหุบเขาเมกิดโดหรือเอสดราเอโลนทางตะวันตก และที่ราบต่ำเยศเรลทางตะวันออก. (2 โคร. 35:22; วินิจ. 6:33) หุบเขาภาคกลางทั้งหมดนี้เป็นทางข้ามประเทศที่สะดวกจากหุบเขาทรุดจอร์แดนไปยังชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนนี้จึงกลายเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ. ที่ราบเมกิดโดมีลำธารคีโซนไหลผ่าน ซึ่งไหลผ่านออกทางช่องแคบระหว่างภูเขาคาร์เมลกับภูเขาแกลิลีเข้าสู่ที่ราบอาเชอร์และจากที่นั่นก็ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน. สายน้ำเล็ก ๆ นี้เกือบแห้งเหือดในช่วงฤดูร้อน แต่ในช่วงอื่นกลับมีน้ำมากจนกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยว.—วินิจ. 5:21.
10. (ก) จงพรรณนาเกี่ยวกับที่ราบต่ำเยศเรล. (ข) เขตนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิล?
10 ที่ราบต่ำเยศเรลลาดไปทางตะวันออกเฉียงใต้ลงสู่แม่น้ำจอร์แดน. แนวแผ่นดินระหว่างหุบเขาคือที่ราบเยศเรลนี้กว้างประมาณ 3.2 กิโลเมตรและยาวเกือบ 19 กิโลเมตร. ระดับความสูงเริ่มที่ 90 กว่าเมตรแล้วลาดลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 120 เมตรใกล้เบธซาน. หุบเขาตอนกลางทั้งหมดมีดินดีมาก แถบเยศเรลเป็นส่วนอุดมสมบูรณ์ที่สุดส่วนหนึ่งของประเทศ. ชื่อเยศเรลหมายความว่า “พระเจ้าจะทรงหว่านเมล็ด.” (โฮ. 2:22) พระคัมภีร์พูดถึงความน่าชื่นชอบและความงดงามของเขตนี้. (เย. 49:15) ทั้งเมกิดโดและเยศเรลเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการรบของชาติยิศราเอลกับชาติรอบข้าง และที่นี่เองที่บาราค, ฆิดโอน, กษัตริย์ซาอูล, และเยฮูได้ทำการรบ.—วินิจ. 5:19-21; 7:12; 1 ซามู. 29:1; 31:1, 7; 2 กษัต. 9:27.
ค-1 เขาแกลิลี (ฆาลิลาย)
11, 12. (ก) แกลิลีมีความสำคัญขนาดไหนในงานรับใช้ของพระเยซู และใครบ้างที่มาจากเขตนี้? (ข) จงเปรียบเทียบแกลิลีตอนล่างกับแกลิลีตอนบน.
11 พระเยซูทรงทำงานให้คำพยานถึงพระนามของพระยะโฮวาและราชอาณาจักรส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของเขาแกลิลี (และรอบ ๆ ทะเลแกลิลี). (มัด. 4:15-17; มโก. 3: 7) สาวกของพระเยซูส่วนใหญ่ รวมทั้งอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ทั้ง 11 คน ก็มาจากแกลิลี. (กิจ. 2:7) ในเขตนี้ซึ่งบางครั้งเรียกกันว่าแกลิลีตอนล่าง มีภูมิประเทศสวยงามจริง ๆ และเขาทั้งหลายก็สูงไม่เกิน 600 เมตร. ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูใบไม้ผลิ แผ่นดินที่สวยงามนี้ไม่เคยขาดฝน ดังนั้นจึงไม่เป็นเขตทะเลทราย. ในฤดูใบไม้ผลิ เขาทุกลูกสะพรั่งด้วยดอกไม้ และแอ่งแผ่นดินในหุบเขาทุกแห่งก็อุดมด้วยธัญพืช. บนที่ราบสูงเล็ก ๆ นี้มีดินที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการเกษตร และเขาทั้งหลายก็เหมาะแก่การปลูกต้นมะกอกเทศและเถาองุ่น. เมืองที่มีชื่อเสียงในคัมภีร์ไบเบิลในแถบนี้ได้แก่นาซาเร็ธ, คานา, และนาอิน. (มัด. 2:22, 23; โย. 2:1; ลูกา 7:11) เขตนี้มีภูมิหลังมากมายให้พระเยซูนำไปใช้ประกอบอุทาหรณ์ของพระองค์.—มัด. 6:25-32; 9:37, 38.
12 ทางตอนเหนือ หรือแกลิลีตอนบน เขาต่าง ๆ มีความสูงมากกว่า 1,100 เมตร ซึ่งเกือบจะกลายเป็นเทือกเขาของเขาเลบานอน. แกลิลีตอนบนเป็นส่วนที่โดดเดี่ยวและมีลมพัดแรง ฝนก็ตกหนัก. ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล ลาดเขาทางตะวันตกเป็นป่าทึบ. เขตนี้ถูกยกให้ตระกูลนัฟธาลี.—ยโฮ. 20:7.
ค-2 เขาคาร์เมล (คารเม็ล)
13. (ก) ตามจริงแล้วคาร์เมลคืออะไร? (ข) ในคัมภีร์ไบเบิลมีกล่าวถึงคาร์เมลอย่างไร?
13 ส่วนแหลมของภูเขาคาร์เมลยื่นล้ำสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างตระหง่านงาม. ตามจริงแล้ว คาร์เมลเป็นแนวเขายาวประมาณ 48 กิโลเมตร สูงประมาณ 545 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล. เขาคาร์เมลยื่นต่อจากเขาซะมาเรียไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และส่วนหัวแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลซึ่งประกอบเป็นสันเขาใหญ่ที่อยู่ตรงปลายด้านตะวันตกเฉียงเหนือนั้นมีความสง่างามจนไม่อาจลืมได้. (ไพเราะ. 7:5) ชื่อคาร์เมลหมายถึง “สวนผลไม้” ซึ่งเหมาะสมจริง ๆ กับหัวแหลมที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ซึ่งประดับประดาด้วยสวนองุ่น, ต้นผลไม้, และต้นมะกอกเทศซึ่งล้วนมีชื่อเลื่องลือ. ยะซายา 35:2 (ล.ม.) ใช้คาร์เมลเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์ที่เกิดผลอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินยิศราเอลที่ได้รับการฟื้นฟูดังนี้: ‘ความงดงามของคาร์เมลจะต้องยกให้ถิ่นนี้.’ ที่นี่แหละที่เอลียาห์ท้าเหล่าปุโรหิตของพระบาละและ “ไฟของพระเจ้า [“พระยะโฮวา,” ล.ม.] ก็ตกลงมา” เพื่อพิสูจน์ฐานะสูงสุดของพระองค์ และจากยอดเขาคาร์เมลนี่เองที่เอลียาห์ได้ชี้ให้ดูก้อนเมฆเล็ก ๆ ที่กลายมาเป็นฝนห่าใหญ่ ซึ่งยุติความแห้งแล้งในยิศราเอลอย่างมหัศจรรย์.—1 กษัตริย์ 18:17-46, ฉบับแปลใหม่.
ค-3 เขาซะมาเรีย
14. ตระกูลใดบ้างตั้งถิ่นฐานที่เขาซะมาเรีย และเขตนี้เหมาะสำหรับการปลูกพืชอะไร?
14 ตอนใต้ของเขตนี้เป็นเขตที่มีเขามากกว่า ทางตะวันออกมีความสูงกว่า 900 เมตร. (1 ซามู. 1:1) เขตนี้มีฝนตกมากกว่าและสม่ำเสมอกว่ายูดาห์ทางใต้. เขตนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของเหล่าลูกหลานของเอฟรายิม บุตรชายคนเล็กของโยเซฟ. ตอนเหนือของเขตนี้ ซึ่งถูกแบ่งให้ครึ่งตระกูลมะนาเซบุตรชายคนโตของโยเซฟ ประกอบด้วยแอ่งแผ่นดินในหุบเขาและที่ราบขนาดเล็กที่มีเขาล้อมรอบ. แผ่นดินที่มีเขามากไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าไร แม้ว่ามีสวนองุ่นและสวนมะกอกเทศซึ่งทำได้โดยการเพาะปลูกแบบขั้นบันไดอย่างกว้างขวางในบริเวณเชิงเขาตอนล่าง. (ยิระ. 31:5) อย่างไรก็ตาม แอ่งแผ่นดินในหุบเขาที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นที่ดีเยี่ยมสำหรับการปลูกธัญพืชและการเกษตรทั่ว ๆ ไป. ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลมีหลายเมืองตั้งอยู่ในเขตนี้. ระหว่างสมัยของอาณาจักรทางเหนือ ตระกูลมะนาเซได้สร้างเมืองหลวงสามเมืองตามลำดับ—คือเซเค็ม, ธิรซา, และซะมาเรีย—และเขตทั้งหมดจึงถูกเรียกว่าซะมาเรียตามชื่อเมืองหลวง.—1 กษัตริย์ 12:25; 15:33; 16:24.
15. (ก) คำอวยพรของโมเซเกี่ยวกับโยเซฟได้สำเร็จเป็นจริงอย่างไรในเขตซะมาเรีย? (ข) แผ่นดินนี้ได้รับพรอะไรอีกในสมัยพระเยซู?
15 คำอวยพรของโมเซเกี่ยวกับโยเซฟสำเร็จกับแผ่นดินนี้จริง ๆ. “ท่านได้กล่าวถึงโยเซฟว่า, ‘จงให้แผ่นดินของเขารับพระพรแห่งพระยะโฮวา, เพราะสิ่งของประเสริฐอันมาจากฟ้าอากาศ, น้ำค้าง, . . . เพราะพืชผลอันประเสริฐซึ่งดวงอาทิตย์, และดวงจันทร์ให้บังเกิดมีมานั้น, เพราะของประเสริฐที่ภูเขาโบราณ, และที่เนินเขาทั้งปวงอันมั่นคงถาวรเป็นนิตย์.’” (บัญ. 33:13-15) ถูกแล้ว นี่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเบิกบานยินดี. ภูเขามีป่าทึบ, ตามหุบเขาก็ให้ผลอุดมสมบูรณ์ และมีเมืองที่เจริญมั่งคั่งและมีประชากรมาก. (1 กษัตริย์ 12:25; 2 โคร. 15:8) ในสมัยต่อมา พระเยซูทรงประกาศในแผ่นดินซะมาเรีย เหล่าสาวกของพระองค์ก็ทำเหมือนกัน และหลักการคริสเตียนก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายคนที่นี่.—โย. 4:4-10; กิจ. 1:8; 8:1, 14.
ค-4 เชเฟลาห์
16. (ก) เชเฟลาห์มีลักษณะอย่างไร? (ข) เขตนี้สำคัญอย่างไรในสมัยคัมภีร์ไบเบิล?
16 แม้ชื่อเชเฟลาห์หมายถึง “ที่ลุ่ม” แต่แท้จริงเป็นเขตที่มีเขามากซึ่งไล่ระดับขึ้นไปถึงความสูงประมาณ 450 เมตรทางตอนใต้ และมีแนวหุบเขาถี่ ๆ พาดจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก. (2 โคร. 26:10) เขตนี้มีระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปทางตะวันออกของที่ราบชายฝั่งฟิลิสเตีย และถือกันว่าเป็นที่ลุ่มก็เฉพาะแต่เมื่อเทียบกับเขาสูงต่าง ๆ ในยูดาห์ซึ่งอยู่ไกลออกไปทางตะวันออก. (ยโฮ. 12:8) เขาต่าง ๆ ในแผ่นดินนี้ที่เคยปกคลุมด้วยต้นซิกะโมร (มะเดื่อ) เดี๋ยวนี้เป็นสวนองุ่นและสวนมะกอกเทศ. (1 กษัตริย์ 10:27) ในเขตนี้เคยมีหลายเมือง. ในประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์ เขตนี้เป็นเหมือนเขตกันชนระหว่างชาติยิศราเอลกับชาติฟิลิสตินหรือกับกองทัพผู้รุกรานอื่น ๆ ที่พยายามเข้ามายังยูดาห์จากด้านที่เป็นที่ราบชายฝั่ง.—2 กษัตริย์ 12:17; โอบัด. 19.
ค-5 เขตที่เป็นเขาในยูดาห์
17. (ก) เขตที่เป็นเขาในยูดาห์ให้ผลิตผลมากแค่ไหนในสมัยคัมภีร์ไบเบิล และทุกวันนี้เป็นอย่างไร? (ข) ถือว่ายูดาห์เป็นที่ที่เหมาะสำหรับอะไร?
17 เขตนี้เป็นที่สูงซึ่งเต็มไปด้วยหิน ยาวประมาณ 80 กิโลเมตรและกว้างไม่ถึง 32 กิโลเมตร มีระดับความสูงต่าง ๆ กันตั้งแต่ 600 ถึงมากกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล. ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล เขตนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตะวันตก เขาและหุบเขาทั้งหลายมีทุ่งนา, ต้นมะกอกเทศ และสวนองุ่นมากมาย. ที่นี่เป็นเขตที่ผลิตธัญญาหาร, น้ำมัน และเหล้าองุ่นอย่างดีมากมายสำหรับชาติยิศราเอล. ตั้งแต่สมัยคัมภีร์ไบเบิล มีการตัดไม้ทำลายป่ากันมากโดยเฉพาะในบริเวณรอบ ๆ ยะรูซาเลม จึงมีแต่ความแห้งแล้งเมื่อเทียบกับที่เคยเป็น. ในฤดูหนาว บางครั้งมีหิมะตกในบริเวณตอนกลางซึ่งมีระดับสูงกว่า เช่น ที่เบธเลเฮม. ในสมัยโบราณ ถือกันว่ายูดาห์เป็นที่ที่เหมาะสำหรับการตั้งเมืองและป้อมปราการ และในยามลำบาก ประชาชนก็หนีไปยังภูเขาเหล่านี้ได้เพื่อจะพ้นภัย.—2 โคร. 27:4.
18. (ก) ยะรูซาเลมกลายเป็นเมืองหลวงของยิศราเอลและยูดาห์เมื่อไร? (ข) กรุงนี้มีลักษณะที่น่าสนใจอะไรบ้าง?
18 สิ่งที่เด่นในประวัติศาสตร์ของยูดาห์และของยิศราเอลคือกรุงยะรูซาเลม ซึ่งเรียกอีกด้วยว่าซีโอน ตามชื่อป้อมของกรุงนั้น. (เพลง. 48:1, 2) เดิมทีเมืองนี้เป็นเมืองของชาวคะนาอันเผ่ายะบูศ ตั้งอยู่บนที่สูงซึ่งอยู่เหนือจุดที่บรรจบกันของหุบเขาฮินนอมกับหุบเขาฆิดโรน. หลังจากดาวิดยึดเมืองนี้และตั้งเป็นเมืองหลวง เมืองนี้ถูกขยายออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือจนในที่สุดก็ครอบคลุมหุบเขาไทโรพีโอนด้วย. ต่อมาหุบเขาฮินนอมก็ถูกเรียกว่าเกเฮนนา. เนื่องจากชาวยิวได้ถวายบูชาแก่รูปเคารพที่นั่น สถานที่ดังกล่าวจึงถูกประกาศว่าไม่สะอาดและถูกเปลี่ยนเป็นที่ทิ้งขยะและศพอาชญากรชั่วร้าย. (2 กษัตริย์ 23:10; ยิระ. 7:31-33) ด้วยเหตุนั้น ไฟที่นั่นจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความพินาศตลอดไป. (มัด. 10:28; มโก. 9:47, 48) ยะรูซาเลมอาศัยน้ำเพียงเล็กน้อยจากสระซีโลอามซึ่งอยู่ทางตะวันตกของหุบเขาฆิดโรน และฮิศคียาได้ป้องกันสระน้ำนี้โดยสร้างกำแพงชั้นนอกเพื่อให้สระอยู่ภายในตัวเมือง.—ยซา. 22:11; 2 โคร. 32:2-5.
ค-6 ถิ่นทุรกันดารยูดาห์ (ยะซีโมน)
19. (ก) ยะซีโมนเหมาะกับความหมายของชื่ออย่างไร? (ข) เหตุการณ์อะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นในเขตนี้?
19 ยะซีโมนเป็นชื่อในคัมภีร์ไบเบิลสำหรับถิ่นทุรกันดารยูดาห์. ชื่อนี้หมายความว่า “ทะเลทราย.” (1 ซามู. 23:19, ล.ม. เชิงอรรถ) นี่เป็นชื่อที่พรรณนาอย่างดีและเหมาะสมจริง ๆ! ถิ่นทุรกันดารนี้ประกอบด้วยลาดเขาที่ขรุขระทางตะวันออกของเขาหินปูนอันแห้งแล้งในยูดาห์ ซึ่งมีระดับความสูงลดลงมากกว่า 900 เมตรในระยะ 24 กิโลเมตรเมื่อใกล้ทะเลเดดซี ที่ซึ่งมีหน้าผาขรุขระ. ในยะซีโมนไม่มีเมืองและมีคนตั้งถิ่นฐานอยู่ไม่กี่แห่ง. เป็นถิ่นทุรกันดารยูดาห์นี่เองที่ดาวิดหนีกษัตริย์ซาอูลมา และเป็นระหว่างถิ่นทุรกันดารนี่เองกับแม่น้ำจอร์แดนที่โยฮันผู้ให้บัพติสมาประกาศสั่งสอน อีกทั้งเป็นบริเวณนี้แหละที่พระเยซูเสด็จออกมาในคราวที่อดพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน.b—1 ซามู. 23:14; มัด. 3:1; ลูกา 4:1.
ค-7 เนเกบ
20. จงพรรณนาเกี่ยวกับเนเกบ.
20 เนเกบอยู่ทางใต้ของเขาทั้งหลายในยูดาห์ เป็นที่ที่อับราฮามและยิศฮาคซึ่งเป็นปฐมบรรพบุรุษอาศัยอยู่หลายปี. (เย. 13:1-3; 24:62) คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงตอนใต้ของบริเวณนี้ด้วยว่าเป็น “ถิ่นทุรกันดารซิน.” (ยโฮ. 15:1, ล.ม.) เนเกบที่กึ่งแห้งแล้งนี้ทอดยาวจากเบเออร์เซบาทางเหนือจนถึงคาเดชบารเนีย (คาเดศบัรเอะ) ทางใต้. (เย. 21:31; อาฤ. 13:1-3, 26; 32:8) แผ่นดินนี้ลาดลงจากเขายูดาห์เป็นสันเขาพาดขวางจากตะวันออกไปตะวันตกเป็นระยะ ๆ จึงเป็นสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติต่อการสัญจรหรือการบุกรุกจากทางใต้. แผ่นดินลาดจากเขาทางตะวันออกของเนเกบลงไปยังที่ราบทะเลทรายทางตะวันตก ขนานกับชายฝั่ง. ในฤดูร้อนแผ่นดินแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย ยกเว้นที่ที่ใกล้กับลำธารในหุบเขาบางแห่ง. อย่างไรก็ตาม อาจได้น้ำโดยการขุดบ่อ. (เย. 21:30, 31) ประเทศอิสราเอลปัจจุบันกำลังจัดการชลประทานและพัฒนาเนเกบ. “แม่น้ำอียิปต์” เป็นเส้นเขตแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของเนเกบอีกทั้งเป็นส่วนของชายแดนภาคใต้ของแผ่นดินตามคำสัญญาด้วย.—เย. 15:18, ฉบับแปลใหม่.
ค-8 ถิ่นทุรกันดารพาราน
21. พารานอยู่ที่ไหน และที่นี่มีบทบาทอย่างไรในประวัติศาสตร์ของคัมภีร์ไบเบิล?
21 ทางใต้ของเนเกบและต่อเนื่องกับถิ่นทุรกันดารซินคือถิ่นทุรกันดารพาราน. เมื่อออกจากไซนาย ชาวยิศราเอลข้ามถิ่นทุรกันดารนี้เพื่อไปยังแผ่นดินตามคำสัญญา และจากพารานนี้แหละที่โมเซส่งคนสอดแนม 12 คนไป.—อาฤ. 12:16–13:3.
ง. เกรต อาราบาห์ (หุบเขาทรุด)
22. โดยใช้แผนที่หน้า 338 กับแผนภาพหน้า 339 และวรรคนี้ จงอธิบายย่อ ๆ เกี่ยวกับลักษณะเด่น ๆ ของอาราบาห์ (หุบเขาทรุด) และความสัมพันธ์กับเขตที่อยู่รอบ ๆ.
22 รูปทรงแผ่นดินที่ผิดปกติที่สุดอย่างหนึ่งบนแผ่นดินโลกคือหุบเขาทรุดขนาดใหญ่. ในคัมภีร์ไบเบิล ส่วนที่ตัดผ่านจากทางเหนือถึงใต้ของแผ่นดินตามคำสัญญามีชื่อว่า “อาราบาห์.” (ยโฮ. 18:18, ฉบับแปลใหม่) ที่ 2 ซามูเอล 2:29 (ฉบับแปลใหม่) พรรณนารอยแยกของเปลือกโลกนี้ว่าเป็นร่องธาร. ทางเหนือของอาราบาห์คือภูเขาเฮอร์มอน (เฮระโมน. (ยโฮ. 12:1) จากเชิงเขาเฮอร์มอน หุบเขาทรุดลาดลงทางใต้อย่างรวดเร็วสู่ระดับต่ำกว่า ระดับน้ำทะเล 800 เมตรที่ก้นทะเลเดดซี. จากทางใต้สุดของทะเลเดดซี อาราบาห์ยังมีต่อไปอีกโดยยกระดับขึ้นสูงกว่า 200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลประมาณตรงกึ่งกลางระหว่างทะเลเดดซีกับอ่าวอะกาบา. จากนั้นจึงลดระดับอย่างรวดเร็วลงสู่น้ำอุ่นแห่งอ่าวทางตะวันออกของทะเลแดง. แผนที่รูปตัดในบทนี้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของหุบเขาทรุดกับพื้นที่รอบ ๆ.
ง-1 แอ่งแผ่นดินฮูลา
23. ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล เขตฮูลาเกี่ยวพันกับอะไร?
23 เริ่มจากเชิงเขาเฮอร์มอน หุบเขาทรุดลดระดับอย่างรวดเร็วจาก 490 กว่าเมตรลงสู่เขตฮูลา ซึ่งอยู่ประมาณระดับน้ำทะเล. เขตนี้มีน้ำอุดมและคงความเขียวขจีแม้ในเดือนต่าง ๆ ของฤดูร้อน. ในบริเวณนี้เองที่คนตระกูลดานตั้งถิ่นฐานในเมืองดานของตน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบูชารูปเคารพมาตั้งแต่สมัยของผู้วินิจฉัยจนถึงยุคของอาณาจักรยิศราเอลสิบตระกูล. (วินิจ. 18:29-31; 2 กษัตริย์ 10:29) ที่ซีซาเรีย ฟิลิปปี (กายซาไรอา ฟิลิปปอย) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งเมืองดานโบราณนี่เองที่พระเยซูยืนยันกับเหล่าสาวกว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ และหลายคนเชื่อว่าที่ภูเขาเฮอร์มอนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ นั่นเองที่การจำแลงพระกายเกิดขึ้นอีกหกวันต่อมา. จากฮูลา หุบเขาทรุดลดระดับลงสู่ทะเลแกลิลีซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 210 เมตร.—มัด. 16:13-20; 17:1-9.
จ-2 บริเวณรอบ ๆ ทะเลแกลิลี (ฆาลิลาย)
24. (ก) ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล ทะเลแกลิลีมีชื่อเรียกอย่างอื่นว่าอะไรบ้าง? (ข) ในสมัยพระเยซูสภาพรอบ ๆ ทะเลนี้เป็นอย่างไร?
24 ทะเลแกลิลีและบริเวณรอบ ๆ มีสภาพสวยงาม.c ความสนใจในเขตนี้มีเพิ่มขึ้นก็เพราะเหตุการณ์หลายอย่างในงานรับใช้ของพระเยซูเกิดขึ้นที่นี่. (มัด. 4:23) ทะเลนี้มีชื่อเรียกอย่างอื่นด้วยว่าทะเลสาบเฆ็นเนซาเร็ตหรือคิเนเร็ธ และทะเลติเบเรีย. (ลูกา 5:1; ยโฮ. 13:27; โย. 21:1) ตามจริงแล้วทะเลนี้เป็นทะเลสาบรูปหัวใจยาวเกือบ 21 กิโลเมตรและกว้างประมาณ 11 กิโลเมตรตรงที่กว้างที่สุด และเป็นแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญของทั้งประเทศ. ทะเลแกลิลีมีภูเขาปิดล้อมเกือบทุกด้าน. ผิวน้ำในทะเลสาบอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 210 เมตร ยังผลให้มีฤดูหนาวที่อบอุ่นสบาย และฤดูร้อนที่ยาวนานและร้อนมาก. ในสมัยของพระเยซู ที่นี่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมประมงที่พัฒนามาก และเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างโคราซิน, เบธซายะดา, กัปเรนาอูม และติเบเรีย ต่างก็ตั้งอยู่บนชายฝั่งหรือใกล้ชายฝั่งทะเลสาบนี้. ความสงบของทะเลสาบอาจถูกรบกวนโดยพายุที่เกิดโดยกะทันหันได้. (ลูกา 8:23) เฆ็นเนซาเร็ต ที่ราบขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยม ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบ. ดินที่นี่อุดมสมบูรณ์ ผลิตธัญญาหารเกือบทุกชนิดที่รู้จักกันในแผ่นดินตามคำสัญญา. ในฤดูใบไม้ผลิ ลาดเขาที่มีสีสันงดงามเปล่งประกายสดใสอย่างไม่มีที่ใดในแผ่นดินยิศราเอลงดงามยิ่งกว่า.d
ง-3 เขตหุบเขาจอร์แดน (กอร์)
25. ลักษณะเด่นของหุบเขาจอร์แดนเป็นอย่างไร?
25 หุบเขาทั้งหมดที่เป็นเหมือนร่องธารถูกเรียกว่า “อาราบาห์” ด้วย. (บัญ. 3:17, ฉบับแปลใหม่) ชาวอาหรับในทุกวันนี้เรียกที่นี่ว่า กอร์ ซึ่งหมายความว่า “แอ่ง.” หุบเขานี้เริ่มที่ทะเลแกลิลีและโดยทั่ว ๆ ไปจะกว้าง—ในบางแห่งกว้างประมาณ 19 กิโลเมตร. แม่น้ำจอร์แดนไหลต่ำกว่าที่ราบหุบเขาประมาณ 46 เมตร คดเคี้ยวไปมาเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร เพื่อไปถึงทะเลเดดซีที่ห่างออกไป 105 กิโลเมตร.e แม่น้ำนี้ไหลเชี่ยวกรากผ่านที่สูงต่ำหลั่นกันเหมือนขั้นบันได 27 แห่ง ไหลตกลงไปประมาณ 180 เมตรเมื่อถึงทะเลเดดซี. ที่ลุ่มจอร์แดนห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยหนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นไม้จำพวกทามาริสก์, ยี่โถ และหลิว ซึ่งในสมัยพระคัมภีร์มักมีพวกสิงโตกับลูกหมอบซุ่มอยู่. เขตนี้เป็นที่รู้จักกันในทุกวันนี้ว่า ซอร์ และบางส่วนมีน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิ. (ยิระ. 49:19) ที่อยู่สูงขึ้นไปจากแต่ละฟากของพื้นที่เหมือนป่าแคบยาวนี้คือ คัตตารา บริเวณชายขอบที่ไม่น่าอยู่ซึ่งเป็นที่ราบสูงขนาดเล็กและลาดเขาซอยแบ่งซึ่งมีขึ้นไปจนถึงที่ราบกอร์. ที่ราบตอนเหนือของกอร์หรืออาราบาห์เป็นที่เพาะปลูกอย่างดี. แม้แต่ในตอนใต้ ใกล้กับทะเลเดดซี คือที่ราบอาราบาห์ ซึ่งในปัจจุบันแห้งแล้งมากนั้น กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเคยผลิตผลอินทผลัมหลายชนิด รวมทั้งผลไม้เขตร้อนอื่น ๆ ด้วย. ยะริโฮเคยเป็นและยังคงเป็นเมืองมีชื่อที่สุดในหุบเขาจอร์แดน.—ยโฮ. 6:2, 20; มโก. 10:46.
ง-4 ทะเลเค็ม (ตาย) (ทะเลเดดซี)
26. (ก) ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งของทะเลเดดซีมีอะไรบ้าง? (ข) เขตนี้ให้พยานหลักฐานที่ชัดเจนอะไรเกี่ยวกับการพิพากษาของพระยะโฮวา?
26 บริเวณนี้เป็นผืนน้ำที่น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งบนพื้นโลก. นับว่าเหมาะสมที่เรียกที่นี่ว่าทะเลตาย เพราะไม่มีปลาอาศัยอยู่ในทะเลนี้และบนชายหาดก็แทบไม่มีพืช. คัมภีร์ไบเบิลเรียกทะเลนี้ว่าทะเลเค็ม หรือทะเลแห่งอาราบาห์ เนื่องจากตั้งอยู่ในหุบเขาทรุดอาราบาห์. (เย. 14:3; ยโฮ. 12:3) ทะเลนี้ยาวประมาณ 75 กิโลเมตรจากเหนือถึงใต้ และกว้าง 15 กิโลเมตร. ผิวน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนประมาณ 400 เมตร ทำให้ที่นี่เป็นจุดที่ต่ำสุดบนแผ่นดินโลก. ตอนเหนือของทะเลนี้ลึกประมาณ 400 เมตร. บนแต่ละฝั่งมีเขาที่แห้งแล้งและหน้าผาสูงชันปิดล้อม. แม้ว่ามีน้ำจืดจากแม่น้ำจอร์แดนไหลเข้ามา แต่ไม่มีทางน้ำออกนอกจากการระเหยซึ่งเร็วพอ ๆ กับที่น้ำไหลเข้า. น้ำที่ไม่มีทางออกนี้ มี 25 เปอร์เซ็นต์เป็นสสารที่เป็นของแข็งละลายอยู่ ส่วนใหญ่เป็นเกลือ และเป็นพิษต่อปลาและทำให้แสบตา. ผู้มาเยือนบริเวณส่วนใหญ่รอบ ๆ ทะเลเดดซีมักถูกครอบงำด้วยความรู้สึกถึงความอ้างว้างและความพินาศ. นี่เป็นสถานที่ของคนตาย. แม้ว่าบริเวณนี้ทั้งหมดเคย “มีน้ำบริบูรณ์ . . . เหมือนสวนพระยะโฮวา” แต่เดี๋ยวนี้บริเวณรอบทะเลเดดซีส่วนใหญ่เป็น “ที่ร้างเปล่า” และเป็นเช่นนั้นเกือบ 4,000 ปีแล้ว เป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจนแห่งการพิพากษาอันไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ของพระยะโฮวาต่อเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์.—เย. 13:10; 19:27-29; ซฟัน. 2:9.
ง-5 อาราบาห์ (ทางใต้ของทะเลเค็ม)
27. อาราบาห์ทางใต้ประกอบไปด้วยดินแดนแบบไหน และใครครอบครองดินแดนนี้ในสมัยโบราณ?
27 ส่วนสุดท้ายของหุบเขาทรุดนี้ทอดลงไปทางใต้อีก 160 กิโลเมตร. เขตนี้เป็นทะเลทรายเกือบทั้งหมด. ฝนไม่ค่อยตกและดวงอาทิตย์ก็สาดแสงกล้าอย่างไม่ปรานี. คัมภีร์ไบเบิลเรียกเขตนี้ว่า “อาราบาห์” เช่นกัน. (บัญ. 2:8, ฉบับแปลใหม่) ประมาณครึ่งทางก็ถึงจุดสูงที่สุดซึ่งสูงกว่า 200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลแล้วลดต่ำลงไปทางใต้อีกจนถึงอ่าวอะกาบา ซึ่งเป็นส่วนของทะเลแดงด้านตะวันออกที่ยื่นเข้าไปในแผ่นดิน. ซะโลโมได้สร้างกองเรือที่เมืองท่าเอซีโอนเกเบอร์นี่เอง. (1 กษัต. 9:26, ฉบับแปลใหม่) ในช่วงเวลาการปกครองส่วนใหญ่แห่งกษัตริย์องค์ต่าง ๆ ของยูดาห์ ส่วนนี้ของอาราบาห์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรอะโดม.
จ. เทือกเขาและที่ราบสูงทางตะวันออก ของแม่น้ำจอร์แดน
28. แผ่นดินบาชานและกิเลียดมีคุณค่าอย่างไรทางการเกษตร และเขตนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับประวัติศาสตร์ในคัมภีร์ไบเบิล?
28 “ทางฟากแม่น้ำจอร์แดนด้านตะวันออก” ยกระดับอย่างรวดเร็วจากหุบเขาทรุดกลายเป็นแนวที่ราบสูง. (ยโฮ. 18:7, ฉบับแปลใหม่; 13:9-12; 20:8) ทางเหนือเป็นแผ่นดินบาชาน (จ-1) ซึ่งถูกยกให้ตระกูลมะนาเซพร้อมกับอีกครึ่งหนึ่งของกิเลียด (ฆีละอาด). (ยโฮ. 13:29-31) นี่เป็นพื้นที่เลี้ยงปศุสัตว์, เป็นแผ่นดินสำหรับเกษตรกร, เป็นที่ราบสูงอันอุดมสมบูรณ์มีระดับความสูงเฉลี่ยประมาณ 600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล. (เพลง. 22:12; ยเอศ. 39:18; ยซา. 2:13; ซคา. 11:2) ในสมัยของพระเยซู บริเวณนี้ส่งออกธัญญาหารจำนวนมาก และปัจจุบันก็ให้ผลิตผลทางการเกษตรอย่างดี. ถัดลงไปทางใต้ มีแผ่นดินกิเลียดตั้งอยู่ (จ-2) ส่วนครึ่งล่างถูกยกให้ตระกูลฆาด. (ยโฮ. 13:24, 25) เขตที่เป็นภูเขามีความสูงถึง 1,000 เมตร มีน้ำบริบูรณ์เนื่องจากมีฝนชุกในฤดูหนาวและมีน้ำค้างมากในฤดูร้อน ที่นี่เป็นพื้นที่เหมาะสำหรับการทำปศุสัตว์เช่นกันและมีชื่อในเรื่องยางไม้หอมโดยเฉพาะ. ปัจจุบัน ที่นี่มีชื่อในเรื่ององุ่นพันธุ์เลิศ. (อาฤ. 32:1; เย. 37:25; ยิระ. 46:11) ที่แผ่นดินกิเลียดนี่เองที่ดาวิดหนีอับซาโลมมา และในทางตะวันตก พระเยซูได้ประกาศใน “แขวงเดกาโปลี.”—2 ซามู. 17:26-29; มโก. 7:31.
29. ทางตะวันออกของจอร์แดนมีแผ่นดินอะไรบ้างตั้งอยู่ต่อกันลงไปทางใต้ และแผ่นดินเหล่านั้นมีชื่อเสียงด้านไหน?
29 “แผ่นดินคนอัมโมน” (จ-3) อยู่ติดกับทางใต้ของกิเลียด และครึ่งหนึ่งของแผ่นดินนี้ถูกยกให้ตระกูลฆาด. (ยโฮ. 13:24, 25, ฉบับแปลใหม่; วินิจ. 11:12-28) แผ่นดินนี้เป็นที่ราบสูงที่หลั่นกันไป ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเลี้ยงแกะ. (ยเอศ. 25:5) ถัดลงไปทางใต้เป็น “เมืองโมอาบ.” (บัญ. 1:5) ชาวโมอาบเป็นคนเลี้ยงแกะที่ชำนาญ และการเลี้ยงแกะยังคงเป็นอาชีพสำคัญในเขตนั้นจนทุกวันนี้. (2 กษัต. 3:4) จากนั้น ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเดดซี เรามาถึงที่ราบสูงบนภูเขาอะโดม. (จ-4) ซากหักพังของศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ๆ เช่น เพตรา ยังอยู่จนทุกวันนี้.—เย. 36:19-21; โอบัด. 1-4.
30. ที่ราบสูงทางตะวันออกมีชายแดนติดกับอะไร?
30 ทางตะวันออกของเขาและที่ราบสูงเหล่านี้เป็นถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหินซึ่งทำให้การเดินทางโดยตรงระหว่างแผ่นดินตามคำสัญญากับเมโสโปเตเมียถูกตัดขาด เป็นเหตุให้เส้นทางคาราวานต้องอ้อมไปทางเหนือหลายกิโลเมตร. ส่วนทางใต้ ถิ่นทุรกันดารนี้บรรจบกับสันทรายของทะเลทรายอาหรับ.
ฉ. เทือกเขาเลบานอน (ละบาโนน)
31. (ก) เทือกเขาเลบานอนประกอบด้วยอะไรบ้าง? (ข) ภูเขาเลบานอนยังมีลักษณะอะไรบ้างที่เหมือนกับในสมัยคัมภีร์ไบเบิล?
31 เทือกเขาเลบานอนสูงกว่าพื้นที่ใด ๆ ในแผ่นดินตามคำสัญญา. จริง ๆ แล้วมีเทือกเขาสองเทือกที่ขนานกัน. เชิงเขาของเทือกเขาเลบานอนต่อเนื่องไปถึงแกลิลีตอนบน. ในหลายแห่ง เขาเหล่านี้ทอดไปจดฝั่งทะเล. ยอดสูงสุดของเทือกเขานี้สูงประมาณ 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล. ยอดสูงสุดที่บรรจบกับเทือกเขาแอนติ-เลบานอนคือภูเขาเฮอร์มอนอันงดงาม ซึ่งสูง 2,814 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล. หิมะที่ละลายจากภูเขานี้เป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับแม่น้ำจอร์แดน และเป็นแหล่งน้ำค้างในช่วงแห้งแล้งตอนปลายฤดูใบไม้ผลิ. (เพลง. 133:3) เทือกเขาเลบานอนมีชื่อโดยเฉพาะในเรื่องต้นซีดาร์ยักษ์ ซึ่งเป็นไม้ที่สำคัญในการสร้างพระวิหารของซะโลโม. (1 กษัต. 5:6-10) ขณะที่เหลือสวนซีดาร์เพียงไม่กี่แห่งในทุกวันนี้ ลาดเขาที่อยู่ต่ำลงมายังคงมีการทำสวนองุ่น, สวนมะกอกเทศ และสวนผลไม้เหมือนที่ทำกันในสมัยคัมภีร์ไบเบิล.—โฮ. 14:5-7.
32. โมเซพรรณนาแผ่นดินตามคำสัญญาไว้อย่างถูกต้องเช่นไร?
32 ขณะที่เราเสร็จการเยือนแผ่นดินตามคำสัญญาของพระยะโฮวา ซึ่งอยู่ระหว่างถิ่นทุรกันดารที่น่ากลัวทางตะวันออกกับทะเลใหญ่ เราสามารถสร้างจินตภาพของความรุ่งโรจน์งดงามซึ่งเคยแผ่คลุมทั่วแผ่นดินนี้ในสมัยยิศราเอล. จริงทีเดียว นี่เป็น “ประเทศดียิ่งที่สุด . . . ซึ่งมีน้ำนมแลน้ำผึ้งไหลเป็นบริบูรณ์.” (อาฤ. 14:7, 8; 13:23) โมเซเคยกล่าวถึงแผ่นดินนี้ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้: “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า จะพาเจ้าทั้งหลายเข้ามาในประเทศที่ดี, ที่มีลำธารและน้ำพุ, ซึ่งไหลมาจากหุบเขา, และภูเขาทั้งหลาย; ประเทศที่มีข้าวสาลีกับข้าวบารลี, เถาองุ่น, ต้นมะเดื่อเทศ และต้นทับทิม; ประเทศที่มีต้นมะกอกเทศและน้ำผึ้ง; แผ่นดินเมืองที่เจ้าทั้งหลายจะได้รับประทานจนอิ่ม, จะหาได้ขัดสนสิ่งใดในที่นั่นไม่เลย; แผ่นดินที่หินเป็นเหล็ก, และที่ภูเขามีแร่ทองแดงซึ่งจะขุดเอาได้. ครั้นเจ้าทั้งหลายได้รับประทานอาหารอิ่มแล้ว, เจ้าจงสรรเสริญพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า เพราะแผ่นดินอันอุดมดีซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่เจ้าทั้งหลาย.” (บัญ. 8:7-10) บัดนี้ ขอให้ทุกคนที่รักพระยะโฮวาขอบพระคุณเช่นกันที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ทั้งแผ่นดินโลกเป็นอุทยานอันรุ่งโรจน์งดงาม เหมือนแผ่นดินตามคำสัญญาของพระองค์ในสมัยโบราณ.—เพลง. 104:10-24.
[เชิงอรรถ]
a การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 332-333.
b การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 335.
c การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 336.
d การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 737-740.
e การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 334.
[แผนที่หน้า 338]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
เขตแดนที่แบ่งตามธรรมชาติของแผ่นดินตามคำสัญญา
(และดินแดนที่ติดต่อกัน)
ไมล์ 0 10 20 30 40 50 60
กม. 0 20 40 60 80
(สำหรับรูปตัด ว—ว, ส—ส, ห—ห, อ—อ, และ ฮ—ฮ, ดูหน้าตรงข้าม)
ความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ก ชายฝั่งทะเลใหญ่
ยบเป
ข-1 ที่ราบอาเซ็ร
ข-2 แถบชายฝั่งโดระ
โดระ
ข-3 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ชาโรน
ข-4 ที่ราบฟะลิศตีม
อัศโดด
อัศคาโลน
เอคโรน
ฆัธ
ฆาซา
ข-5 หุบเขาตามแนวตะวันออก-ตะวันตกในภาคกลาง (ที่ราบเมกิดโด,
ที่ราบต่ำเยศเรล)
เบ็ธซาน
ค-1 เขาฆาลิลาย
คานา
นาอิน
นาซาเร็ธ
ตุโร
ค-2 เขาคารเม็ล
ค-3 เขาซะมาเรีย
เบ็ธเอล
ยะริโฮ
ซะมาเรีย
ธิรซา
เซเค็ม
ค-4 เชเฟลาห์
ลาคิช
ค-5 เขตที่เป็นเขาในยูดาห์
เบธเลเฮม
เฆบา
เฮ็บโรน
ยะรูซาเลม
ค-6 ถิ่นทุรกันดารยูดาห์ (ยะซีโมน)
ค-7 เนเกบ
บะเอระซาบา
คาเดช-บารเนอะ
แม่น้ำอายฆุบโต
ค-8 ถิ่นทุรกันดารพาราน
ง-1 แอ่งแผ่นดินฮูลา
ดาน
กายซาไรอาฟิลิปปอย
ง-2 บริเวณรอบ ๆ ทะเลฆาลิลาย
เบธซายะดา
กัปเรนาอูม
โคราซิน
ทะเลฆาลิลาย
ติเบเรีย
ง-3 เขตหุบเขายาระเดน (กอร์)
แม่น้ำยาระเดน
ง-4 ทะเลเค็ม (ตาย) (ทะเลเดดซี) (ทะเลอาราบาห์)
ทะเลเค็ม
ง-5 อาราบาห์ (ทางใต้ของทะเลเค็ม)
เอ็ศโยนฆาเบร
ทะเลแดง
จ-1 แผ่นดินบาชาน
ดาเมเซ็ก
เอ็ดระอี
จ-2 แผ่นดินฆีละอาด
ราบา
ราโมธฆีละอาด
ธารน้ำแห้งยาโบค
จ-3 แผ่นดินอัมโมนและโมอาบ
เฮ็ศโบน
คีฮาระเซ็ธ
เมดะบา
ธารน้ำแห้งอาระโนน
ธารน้ำแห้งเซเร็ด
จ-4 ที่ราบสูงบนภูเขาในอะโดม
เพตรา
ฉ ภูเขาละบาโนน
ซีโดน
ภูเขาละบาโนน
ภูเขาเฮระโมน
[แผนที่หน้า 339]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
รูปตัดของแผ่นดินตามคำสัญญา
(สำหรับตำแหน่ง ดูแผนที่หน้าตรงข้าม)
อัตราส่วนความสูงประมาณ 10 เท่าของความยาว
แนวตะวันตก-ตะวันออกเขตแดนเอฟรายิม (ว—ว)
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ข-3 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ชาโรน
ค-3 เขาซะมาเรีย
ง-3 อาราบาห์หรือหุบเขายาระเดน (กอร์)
คัดตารา
ซอร์
จ-2 แผ่นดินฆีละอาด
ไมล์ 0 5 10
กม. 0 8 16
เลขด้านซ้ายเป็นเมตร เลขด้านขวาเป็นฟุต
+900 +3,000
+600 +2,000
+300 +1,000
0 (ระดับน้ำทะเล) 0
−300 −1,000
−600 −2,000
แนวตะวันตก-ตะวันออกเขตแดนยูดาห์ (ส—ส)
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ข-4 สันทราย
ที่ราบฟะลิศตีม
ค-4 เชเฟลาห์
ค-5 เขตที่เป็นเขาในยูดาห์
ยะรูซาเลม
ค-6 ถิ่นทุรกันดารในยูดาห์
ง-4 หุบเขาทรุด
จ-3 แผ่นดินอัมโมนและโมอาบ
ไมล์ 0 5 10
กม. 0 8 16
เลขด้านซ้ายเป็นเมตร เลขด้านขวาเป็นฟุต
+900 +3,000
+600 +2,000
+300 +1,000
0 (ระดับน้ำทะเล) 0
−300 −1,000
−600 −2,000
แนวตะวันตก-ตะวันออกเขตแดนยูดาห์ (ห—ห)
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ข-4 สันทราย
ที่ราบฟะลิตีม
ค-4 เชเฟลาห์
ค-5 เขตที่เป็นเขาในยูดาห์
ค-6 ถิ่นทุรกันดารในยูดาห์
ง-4 หุบเขาทรุด
ทะเลเค็ม
จ-3 แผ่นดินอัมโมนและโมอาบ
ไมล์ 0 5 10
กม. 0 8 16
เลขด้านซ้ายเป็นเมตร เลขด้านขวาเป็นฟุต
+900 +3,000
+600 +2,000
+300 +1,000
0 (ระดับน้ำทะเล) 0
−300 −1,000
−600 −2,000
−900 −3,000
แนวใต้-เหนือตามแนวภูเขาฝั่งตะวันตกของยาระเดน (อ—อ)
ค-7 เนเกบ
ค-5 เขตที่เป็นภูเขาในยูดาห์
ค-3 เขาซะมาเรีย
ข-5 ที่ราบต่ำเยศเรล
ค-1 เขาฆาลิลาย
ฉ
ไมล์ 0 5 10 20
กม. 0 8 16 32
เลขด้านซ้ายเป็นเมตร เลขด้านขวาเป็นฟุต
+900 +3,000
+600 +2,000
+300 +1,000
0 (ระดับน้ำทะเล) 0
แนวใต้-เหนือตามแนวอาราบาห์หรือหุบเขาทรุด (ฮ—ฮ)
ง-5
ง-4 ทะเลเค็ม
ง-3 อาราบาห์หรือหุบเขายาระเดน (กอร์)
ง-2 ทะเลฆาลิลาย
ง-1 แอ่งแผ่นดินฮูลา
ฉ
ไมล์ 0 5 10 20
กม. 0 8 16 32
เลขด้านซ้ายเป็นเมตร เลขด้านขวาเป็นฟุต
+900 +3,000
+600 +2,000
+300 +1,000
0 (ระดับน้ำทะเล) 0
−300 −1,000
−600 −2,000
−900 −3,000