บท 34
ทำไมต้องใช้ชีวิตตามมาตรฐานในพระคัมภีร์?
ที่โรงเรียน คุณกับเพื่อนอีกสองคนกำลังนั่งทานข้าวกัน แล้วแจ็กก็เดินมา.
เพื่อนคนแรกพูดกับคุณว่า “ฉันว่าแจ็กชอบเธอนะ. ดูเวลาเขามองเธอสิ ตาเยิ้มเชียว.”
คนที่สองก็ยื่นหน้ามากระซิบว่า “เขายังไม่มีแฟนด้วย.”
คุณรู้ว่าแจ็กชอบคุณเพราะวันก่อนเขาชวนคุณไปปาร์ตี้ที่บ้าน. แน่นอนคุณปฏิเสธ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไปจะเป็นอย่างไร.
ขณะที่คุณกำลังคิด เพื่อนคนแรกก็พูดขึ้นมาว่า
“เสียดายฉันมีแฟนแล้ว ไม่งั้นฉันควงเขาไปแล้วล่ะ.”
แล้วเพื่อนคนนั้นก็หันมามองคุณด้วยความสงสัย. คุณรู้เลยว่าเขาจะพูดอะไรต่อ.
“แล้วทำไมเธอไม่มีแฟน?” เขาถาม.
คุณไม่อยากได้ยินคำถามแบบนี้. ที่จริง คุณก็อยากมีแฟน แต่รู้ว่าต้องรอให้พร้อมจะแต่งงานก่อนถึงจะมีแฟนได้. แล้วยัง . . .
“ศาสนาเธอใช่ไหมล่ะ?” เพื่อนคนที่สองถาม.
คุณคิดในใจว่า ‘เพื่อนอ่านใจฉันได้อย่างไร?’
แล้วเขาก็พูดกระแนะกระแหนว่า “ชีวิตเธอก็มีแต่พระคัมภีร์ พระคัมภีร์ พระคัมภีร์. ทำไมไม่รู้จักสนุกอย่างคนอื่นบ้าง?”
คุณเคยถูกเยาะเย้ยเพราะทำตามมาตรฐานในพระคัมภีร์ไหม? ถ้าอย่างนั้น คุณอาจสงสัยว่าชีวิตคุณคงขาดอะไรไป. เดโบรารู้สึกอย่างนั้น เธอบอกว่า “มาตรฐานในพระคัมภีร์เข้มงวดเกินไป. ฉันอยากมีอิสระเหมือนเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน.”
มองตามความเป็นจริง
การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตัวเองไม่ใช่จะดีเสมอไป. ที่จริง พระคัมภีร์แนะนำเราให้เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น นั่นเป็นวิธีที่ฉลาด. อาซาฟผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญทำอย่างนั้น. ช่วงหนึ่งท่านเคยคิดว่ามาตรฐานของพระเจ้าเข้มงวดเกินไป. แต่พอท่านสังเกตชีวิตของคนที่ละทิ้งแนวทางของพระเจ้า ท่านจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร. ต่อมา ท่านสรุปว่าพวกเขายืนอยู่ใน “ที่ลื่น.”—บทเพลงสรรเสริญ 73:18
ทีนี้ให้มาพิจารณาความคิดเห็นของหนุ่มสาวบางคนที่เคยละทิ้งมาตรฐานของพระคัมภีร์และมีเซ็กซ์ก่อนแต่ง.
● อะไรทำให้คุณคิดและทำอย่างนั้น?
เดโบรา: “ที่โรงเรียน ทุกคนมีแฟนและดูเหมือนเขามีความสุข. เวลาไปไหนมาไหนกับพวกเขา ฉันเห็นพวกเขากอดกัน จูบกัน ฉันรู้สึกอิจฉาและเหงา. วัน ๆ ฉันจะฝันหวานถึงหนุ่มที่ฉันชอบ. ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้เขา.”
ไมค์: “ผมชอบอ่านหนังสือหรือดูรายการที่พูดถึงเรื่องเซ็กซ์ ผมเลยรู้สึกว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นน่าลอง. เมื่อคุยกับเพื่อน ๆ เรื่องเซ็กซ์ยิ่งทำให้ผมอยากรู้อยากลองมากขึ้น. พอมีโอกาสอยู่กับสาวสองต่อสอง ผมคิดว่าจะแค่กอดจูบลูบคลำโดยไม่มีเซ็กซ์และจะหยุดเมื่อไรก็ได้ แต่แล้วก็หยุดไม่ได้.”
แอนดรูว์: “ผมชอบดูภาพโป๊ทางอินเทอร์เน็ต เริ่มดื่มจัด และไปปาร์ตี้กับเพื่อนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานในพระคัมภีร์.”
เทรซี: “ฉันรู้ว่าการมีเซ็กซ์ก่อนแต่งเป็นเรื่องผิด แต่ไม่ได้รู้สึกเกลียด. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำผิด แต่อารมณ์พาไป. ช่วงนั้นฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดเพราะสติรู้สึกผิดชอบด้านชาไปหมด.”
● การใช้ชีวิตแบบนั้นทำให้คุณมีความสุขไหม?
เดโบรา: “ตอนแรกฉันดีใจที่มีอิสระและเข้ากับเพื่อน ๆ ได้. แต่ความรู้สึกนั้นอยู่ไม่นาน. ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสกปรก ไม่บริสุทธิ์ และว่างเปล่า. ฉันเสียใจมากที่ยอมเสียตัวง่าย ๆ.”
แอนดรูว์: “ผมทำผิดมากขึ้นเรื่อย ๆ. ขณะเดียวกัน ผมก็ผิดหวังกับตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลว.”
เทรซี: “การมีเซ็กซ์ก่อนแต่งทำลายชีวิตวัยสาวของฉัน. ฉันเคยคิดว่าฉันกับแฟนจะมีความสุขมาก แต่ไม่เลย. เราต่างทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน. ฉันร้องไห้ทุกคืนคิดว่าถ้าฉันทำตามแนวทางของพระยะโฮวาก็คงดี.”
ไมค์: “ผมรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น. ผมพยายามทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทำไม่ได้. เมื่อคิดว่ากำลังหาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ผมรู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ.”
● คุณจะแนะนำหนุ่มสาวคนอื่นที่คิดว่ามาตรฐานทางศีลธรรมของพระคัมภีร์เข้มงวดเกินไปอย่างไร?
เทรซี: “เราจะมีความสุขกว่าถ้าเราใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระยะโฮวาและคบคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้.”
เดโบรา: “อย่าคิดถึงแต่ตัวเองและสิ่งที่เราต้องการ. การกระทำของเราจะมีผลต่อคนอื่น. ถ้าเราไม่ทำตามคำแนะนำของพระเจ้าก็เท่ากับหาความทุกข์ใส่ตัว.”
แอนดรูว์: “ถ้าเรายังขาดประสบการณ์ เราคงคิดว่าชีวิตเพื่อน ๆ น่าตื่นเต้น. เราต้องรู้จักเลือกเพื่อนเพราะทัศนะของพวกเขาจะมีผลต่อเรา. ให้วางใจพระยะโฮวาจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง.”
ไมค์: “ความบริสุทธิ์และความนับถือตัวเองเป็นสิ่งที่มีค่ามาก. พระยะโฮวาตั้งใจให้สองสิ่งนี้แก่เรา. ถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วทำให้เสียไปก็เท่ากับทำให้ตัวเองด้อยค่า. ถ้ามีปัญหาให้คุยกับพ่อแม่หรือคนที่เราไว้ใจ. ถ้าทำผิด ก็ให้รีบบอกและแก้ไข. ถ้าเราใช้ชีวิตตามแนวทางของพระยะโฮวา เราจะสบายใจและมีความสุข.”
มาตรฐานในพระคัมภีร์ช่วยปกป้องหรือทำให้ขาดอิสระ?
พระยะโฮวาเป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” พระองค์อยากให้คุณมีความสุขด้วย. (1 ติโมเธียว 1:11; ท่านผู้ประกาศ 11:9) มาตรฐานในพระคัมภีร์มีไว้เพื่อประโยชน์ของคุณ. แต่คุณอาจมองว่ามันทำให้คุณขาดอิสระ. ที่จริง หลักศีลธรรมในพระคัมภีร์เป็นเหมือนเข็มขัดนิรภัยที่ช่วยปกป้องคุณไม่ให้ได้รับอันตราย.
แน่นอน คุณไว้ใจพระคัมภีร์ได้. ถ้าคุณใช้ชีวิตตามมาตรฐานในพระคัมภีร์ไม่เพียงจะทำให้พระยะโฮวามีความสุข แต่ตัวคุณเองจะได้รับประโยชน์ด้วย.—ยะซายา 48:17
คุณเป็นเพื่อนกับพระเจ้าได้. ให้มาดูว่าจะเป็นไปได้อย่างไร.
ข้อคัมภีร์หลัก
“เราคือยะโฮวา, พระเจ้าของเจ้าผู้สั่งสอนเจ้า, เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเจ้าเอง.”—ยะซายา 48:17
ข้อแนะ
ถ้าคุณมีน้อง คุณจะช่วยน้องอย่างไรให้เห็นว่าการทำตามมาตรฐานในพระคัมภีร์เป็นแนวทางที่ฉลาด. การพูดออกมาจะช่วยให้ความเชื่อของคุณฝังลึกลงในหัวใจ.
คุณรู้ไหม . . . ?
แค่ชั่วเวลาสั้น ๆ คุณก็ทำลายสายสัมพันธ์ของคุณกับพระยะโฮวาได้ แต่ถ้าอยากกู้กลับมาต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ.
แผนปฏิบัติการ
เพื่อจะมั่นใจว่าการทำตามมาตรฐานในพระคัมภีร์เป็นแนวทางที่ฉลาด ฉันจะ ․․․․․
ถ้าฉันเริ่มอิจฉาคนที่ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของโลก ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● ทำไมการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตัวเองจึงไม่ใช่วิธีที่ฉลาด?
● คุณได้เรียนรู้อะไรจากความคิดเห็นของเดโบรา ไมค์ แอนดรูว์ และเทรซี?
● ทำไมบางคนมองว่ามาตรฐานในพระคัมภีร์ทำให้ขาดอิสระ และทำไมการคิดแบบนี้จึงไม่ฉลาด?
[คำโปรยหน้า 285]
“ถ้าคุณทำผิดแล้วถูกตีสอน คุณคงทุกข์ใจ แต่ถ้าคุณพยายามปกปิด คุณจะเจ็บปวดมากกว่า.”—ดอนนา
[ภาพหน้า 288]
มาตรฐานในพระคัมภีร์ไม่ได้ทำให้คุณขาดความสุข แต่ช่วยปกป้องคุณ