บท 30
“ใช้ชีวิตด้วยความรักต่อไป”
1-3. เราจะได้ประโยชน์อะไรถ้าเราเลียนแบบพระยะโฮวาในการแสดงความรัก?
“การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ” (กิจการ 20:35) คำพูดของพระเยซูนี้สอนบางอย่างที่สำคัญ คือการแสดงความรักแบบไม่เห็นแก่ตัวมีประโยชน์กับเรา ถึงแม้เราจะมีความสุขมากเมื่อคนอื่นแสดงความรักกับเรา แต่เราจะมีความสุขมากกว่าถ้าเราเป็นฝ่ายให้หรือแสดงความรักกับคนอื่น
2 พ่อในสวรรค์ของเรารู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆ เราได้เรียนแล้วในบทก่อน ๆ ของตอน 4 ว่าพระยะโฮวาเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในเรื่องความรัก พระองค์แสดงความรักมากกว่าใครและทำอย่างนั้นมาเป็นเวลานานมาก ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่คัมภีร์ไบเบิลเรียกพระยะโฮวาว่า “พระเจ้าผู้มีความสุข”—1 ทิโมธี 1:11
3 พระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความรักอยากให้เราเป็นเหมือนพระองค์ในทุกด้าน โดยเฉพาะในการแสดงความรักกับคนอื่น เอเฟซัส 5:1, 2 บอกเราให้ “เลียนแบบพระเจ้าอย่างลูกที่รักของพระองค์ และใช้ชีวิตด้วยความรักต่อไป” เมื่อเราเลียนแบบพระยะโฮวาในการแสดงความรัก เราจะมีความสุขมากขึ้นเพราะเราเป็นฝ่ายให้ เรายังมีความสุขด้วยเพราะรู้ว่าเราทำให้พระยะโฮวาพอใจ พระองค์บอกเราให้แสดง “ความรัก . . . ต่อกัน” (โรม 13:8) แต่ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่เราต้อง “ใช้ชีวิตด้วยความรักต่อไป”
ทำไมความรักถึงสำคัญ?
ความรักกระตุ้นเราให้มั่นใจในตัวพี่น้อง
4, 5. ทำไมการแสดงความรักกับพี่น้องถึงเป็นเรื่องสำคัญ?
4 ทำไมการแสดงความรักกับพี่น้องถึงเป็นเรื่องสำคัญ? พูดง่าย ๆ ก็คือความรักเป็นคุณลักษณะสำคัญของคริสเตียนแท้ ถ้าไม่มีความรักเราก็จะไม่มีความผูกพันใกล้ชิดกับพี่น้องได้ และยิ่งกว่านั้น เราก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาของพระยะโฮวา เราจะเรียนมากขึ้นว่าคัมภีร์ไบเบิลช่วยเรายังไงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องแสดงความรัก
5 ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่บนโลก ท่านบอกพวกสาวกว่า “ผมให้กฎหมายใหม่กับพวกคุณ คือ ให้พวกคุณรักกัน ผมรักพวกคุณยังไง ก็ให้พวกคุณรักกันอย่างนั้นด้วย ทุกคนจะรู้ว่าพวกคุณเป็นสาวกของผม เมื่อพวกคุณรักกัน” (ยอห์น 13:34, 35) ที่ท่านบอกว่า “ผมรักพวกคุณยังไง” ก็เพราะอยากให้พวกเราแสดงความรักกับคนอื่นเหมือนท่าน ในบท 29 เราเห็นว่าพระเยซูให้ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในการแสดงความรักโดยคิดถึงผลประโยชน์ของคนอื่นมากกว่าของตัวท่านเอง เราก็ต้องแสดงความรักแบบนั้นด้วย ถ้าเราทำอย่างนั้นคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาก็จะเห็นชัดเจนว่าพวกเรารักกันจริง ๆ และเราก็ทำให้เห็นด้วยว่าเราเป็นคริสเตียนแท้
6, 7. (ก) เรารู้ได้ยังไงว่าคัมภีร์ไบเบิลเน้นเรื่องการแสดงความรัก? (ข) เปาโลพูดถึงอะไรที่ 1 โครินธ์ 13:4-8?
6 จะว่ายังไงถ้าเราไม่มีความรัก? อัครสาวกเปาโลบอกว่า “ถ้าผม . . . ไม่มีความรัก ผมก็เป็นเหมือนฆ้องหรือฉิ่งฉาบที่ส่งเสียง” (1 โครินธ์ 13:1) เสียงของฉิ่งหรือฆ้องอาจดังจนแสบแก้วหู นี่เป็นตัวอย่างที่เหมาะมาก ๆ เพราะคนที่ไม่มีความรักก็เป็นเหมือนเครื่องดนตรีที่ส่งเสียงดังจนทำให้คนอื่นรู้สึกรำคาญ และอาจเป็นเรื่องยากที่คนแบบนั้นจะมีเพื่อนสนิท เปาโลบอกด้วยว่า ‘และถ้าผมมีความเชื่อมากถึงขนาดที่ย้ายภูเขาได้ แต่ไม่มีความรัก ผมก็ไม่มีค่าอะไรเลย’ (1 โครินธ์ 13:2) ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราทำอะไรดี ๆ ได้หลายอย่าง แต่ถ้าไม่มีความรักพระยะโฮวาก็ใช้เราไม่ได้ คัมภีร์ไบเบิลสอนชัดเจนว่าพระยะโฮวาอยากให้เราแสดงความรัก
7 แต่เราจะแสดงความรักกับคนอื่นได้ยังไง? เพื่อตอบคำถามนี้ ให้เรามาดูคำพูดของเปาโลที่ 1 โครินธ์ 13:4-8 ข้อเหล่านี้ไม่ได้พูดถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเราหรือความรักที่เรามีต่อพระองค์ แต่เปาโลเน้นวิธีที่เราจะแสดงความรักต่อกันและอธิบายว่าความรักหมายถึงอะไรจริง ๆ
ความรักหมายถึงอะไร
8. ตอนที่มีปัญหากับคนอื่น ความอดทนจะช่วยเราได้ยังไง?
8 “ความรักอดกลั้น” การแสดงความรักหมายความว่าเราต้องอดทนกับคนอื่น (โคโลสี 3:13) เราต้องมีความอดทนเพราะเราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น ตอนที่เรารับใช้พระยะโฮวาด้วยกันกับพี่น้องก็เป็นไปได้ที่เราอาจจะมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่ความอดทนจะช่วยเราให้มองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และช่วยรักษาสันติสุขในประชาคม
9. เราจะแสดงความกรุณากับคนอื่นได้ยังไงบ้าง?
9 “ความรัก . . . เมตตากรุณา” เราแสดงความกรุณาโดยการช่วยเหลือคนอื่นและพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ ความรักกระตุ้นเราให้มองหาวิธีแสดงความกรุณาโดยเฉพาะกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่น พี่น้องสูงอายุอาจรู้สึกเหงาและอยากให้มีคนมาเยี่ยมให้กำลังใจ พี่น้องหญิงที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว หรืออยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาอาจต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจด้วย พี่น้องที่เจ็บป่วยหรือเจอกับความยากลำบากก็คงอยากได้ยินคำพูดดี ๆ ที่ให้กำลังใจ (สุภาษิต 12:25; 17:17) ถ้าเราหาโอกาสแสดงความกรุณากับพี่น้องของเรา เราก็ทำให้เห็นว่าเรารักเขาจริง ๆ—2 โครินธ์ 8:8
10. ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ความรักจะช่วยเรายังไงให้ยึดมั่นกับความจริงและพูดความจริง?
10 “ความรัก . . . ชอบความจริง” ฉบับแปลหนึ่งแปลข้อนี้ว่า “ความรัก . . . สนับสนุนความจริงด้วยความยินดี” ความรักกระตุ้นเราให้ยึดมั่นกับความจริงและ “พูดความจริงต่อกัน” (เศคาริยาห์ 8:16) ตัวอย่างเช่น ถ้าคนที่เรารักทำผิดร้ายแรง ความรักที่เรามีกับพระยะโฮวาและกับคนที่ทำผิดจะช่วยเราให้ทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอกว่าถูกต้อง นอกจากนั้น เราจะไม่พยายามปกปิด หรือบอกว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือไม่พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้น บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าคนที่เรารักทำผิดร้ายแรง แต่ถ้าเรารักเขาและอยากช่วยเขาจริง ๆ เราก็คงอยากให้เขาได้รับการสั่งสอนด้วยความรักจากพระเจ้าและยอมรับการแก้ไข (สุภาษิต 3:11, 12) การแสดงความรักโดยยึดมั่นกับความจริงยังหมายความว่าเราต้อง “ประพฤติตัวซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง” ด้วย—ฮีบรู 13:18
11. เราจะทำยังไงกับข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพี่น้องเพื่อแสดงว่าความรัก “ยอมทนรับทุกอย่าง”?
11 “ความรักยอมทนรับทุกอย่าง” ในภาษาเดิมคำนี้แปลตรงตัวว่า “ความรักปิดคลุมทุกสิ่ง” (ฉบับแปลคิงดอม อินเตอร์ลิเนียร์) ที่ 1 เปโตร 4:8 บอกว่า “ความรักปิดคลุมบาปไว้มากมาย” ถ้าเรารักพี่น้องของเราจริง ๆ เราก็จะไม่พูดข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาให้คนอื่นฟัง เพราะหลายครั้งข้อผิดพลาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเรามองข้ามเรื่องนั้นไปก็แสดงว่าเรารักพี่น้อง—สุภาษิต 10:12; 17:9
12. อัครสาวกเปาโลแสดงยังไงว่ามั่นใจในตัวฟีเลโมน และเราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของเปาโล?
12 “ความรัก . . . เชื่ออยู่เสมอ” ฉบับแปลหนึ่งบอกว่าความรัก “พร้อมจะเชื่อในส่วนที่ดีที่สุดเสมอ” เราจะไม่สงสัยว่าทำไมพี่น้องถึงทำแบบนั้นหรือสงสัยว่าเขามีเจตนาที่ถูกต้องไหม ความรักช่วยเราให้ “เชื่อในส่วนดี” ของพี่น้องและไว้ใจเขาa เราเห็นตัวอย่างเรื่องนี้ได้จากจดหมายที่เปาโลเขียนถึงฟีเลโมน ทาสคนหนึ่งของเขาชื่อโอเนสิมัสหนีไปแต่ต่อมาได้เข้ามาเป็นคริสเตียน และเมื่อโอเนสิมัสกลับมา เปาโลก็อยากให้ฟีเลโมนต้อนรับเขาด้วยความรัก เปาโลไม่ได้พยายามบังคับแต่เขาขอร้องฟีเลโมนให้ทำอย่างนั้น เปาโลมั่นใจว่าความรักจะกระตุ้นให้ฟีเลโมนทำดีกับโอเนสิมัส เขาบอกว่า “ผมเขียนถึงคุณเพราะมั่นใจว่าคุณจะทำตาม และผมรู้ว่าคุณจะทำมากกว่าที่ผมขอด้วยซ้ำ” (ข้อ 21) ถ้าเรารักพี่น้องและมั่นใจในตัวเขา เราก็กำลังกระตุ้นให้เขาแสดงคุณลักษณะที่ดีออกมา
13. เราจะแสดงให้เห็นยังไงว่าเราหวังว่าพี่น้องจะทำสิ่งที่ถูกต้อง?
13 “ความรัก . . . หวังอยู่เสมอ” นอกจากความรักจะกระตุ้นเราให้ไว้ใจพี่น้องแล้ว ความรักก็ยังทำให้เราหวังว่าพี่น้องจะทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าพี่น้องคนหนึ่ง “ก้าวไปผิดทางโดยไม่รู้ตัว” เราหวังว่าเขาจะฟังคนที่พยายามช่วยเขาให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง (กาลาเทีย 6:1) เรายังหวังด้วยว่าพี่น้องที่ความเชื่ออ่อนแอลงจะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง เราจะอดทนและช่วยพวกเขาให้รับใช้พระยะโฮวาอย่างขยันขันแข็งต่อไป (โรม 15:1; 1 เธสะโลนิกา 5:14) ถึงแม้คนที่เรารักจะเลิกรับใช้พระยะโฮวา เราก็จะไม่เลิกหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลับมารับใช้พระยะโฮวาอีกเหมือนกับลูกที่หลงหายในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซู—ลูกา 15:17, 18
14. บางครั้งเราต้องอดทนกับเรื่องอะไรบ้างในประชาคม และความรักจะช่วยเราอดทนได้ยังไง?
14 “ความรัก . . . อดทนได้ทุกอย่าง” ความอดทนทำให้เราซื่อสัตย์กับพระยะโฮวาได้แม้ต้องเจอกับปัญหาหรือเรื่องที่ทำให้ท้อใจ หลายครั้งเราต้องอดทนกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่คนอื่นทำ แต่บางครั้งปัญหาก็อาจมาจากพี่น้องเพราะพวกเขาไม่สมบูรณ์แบบ เขาอาจพูดหรือทำอะไรโดยไม่คิดที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บ (สุภาษิต 12:18) หรือบางครั้งผู้ดูแลไม่ได้จัดการบางเรื่องในประชาคมแบบที่เราคิดไว้ พี่น้องที่ได้รับความนับถืออาจทำบางอย่างที่ทำให้เราไม่สบายใจและคิดว่า ‘คริสเตียนทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ?’ เมื่อเจอกับเรื่องแบบนี้ เราจะเลิกไปประชุมและเลิกรับใช้พระยะโฮวาไหม? ถ้าเรามีความรัก เราจะไม่ทำแบบนั้น เราจะไม่มองแต่ข้อผิดพลาดจนมองไม่เห็นสิ่งดี ๆ ในตัวเขาหรือในตัวพี่น้องคนอื่นในประชาคม ถึงแม้พี่น้องจะพูดโดยไม่คิดหรือทำผิดพลาดไปเพราะความไม่สมบูรณ์แบบ แต่ความรักจะช่วยให้เรารับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์และสนับสนุนประชาคมต่อไป—สดุดี 119:165
ความรักไม่ได้หมายถึงอะไร
15. ทำไมเราไม่ควรอิจฉาคนอื่น และความรักช่วยเราให้เอาชนะความรู้สึกนี้ได้ยังไง?
15 “ความรักไม่อิจฉาริษยา” เราไม่ควรอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมี เช่น เงินทองสมบัติวัตถุ สิ่งดี ๆ ที่เขาได้รับจากพระยะโฮวา หรือความสามารถของเขา ถ้าเราอิจฉาก็แสดงว่าเราเห็นแก่ตัวและทำให้ตัวเรากับคนอื่นได้รับผลเสีย ถ้าเราไม่ควบคุมความรู้สึกนี้ เราก็อาจทำลายสันติสุขในประชาคมได้ แล้วอะไรจะช่วยเราให้เอาชนะความรู้สึกอิจฉาได้? (ยากอบ 4:5) ถ้าเรามีความรัก เราจะมีความสุขกับคนที่ได้รับสิ่งดี ๆ (โรม 12:15) เราจะไม่รู้สึกอิจฉาเมื่อคนอื่นได้รับคำชมเชยเพราะเขามีความสามารถหรือทำบางอย่างได้ดี
16. ถ้าเรารักพี่น้องจริง ๆ ทำไมเราไม่ควรอวดสิ่งที่เราทำในงานรับใช้?
16 “ความรัก . . . ไม่โอ้อวด ไม่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น” ถ้าเรามีความรัก เราจะไม่อวดความสามารถหรือความสำเร็จของเรา พี่น้องคงจะท้อใจมากแน่ ๆ ถ้าเราพูดตลอดว่าเราทำงานรับใช้ได้ดีขนาดไหนหรือมีสิทธิพิเศษอะไรบ้างในประชาคม การทำแบบนี้อาจทำให้พี่น้องรู้สึกว่าเขาไม่มีค่าสำหรับพระยะโฮวา ถ้าเรารักพี่น้อง เราจะไม่อวดว่ามีสิทธิพิเศษอะไรบ้างในงานรับใช้ แต่ที่เราทำอย่างนั้นได้ก็เพราะพระยะโฮวาช่วยเรา (1 โครินธ์ 3:5-9) เปาโลยังบอกด้วยว่าความรัก “ไม่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น” หรือในฉบับแปลหนึ่งบอกว่าความรักจะไม่ทำให้ใครคนหนึ่งคิดไปเองว่าเขาเป็นคนที่สำคัญมาก—โรม 12:3
17. ถ้าเรารักคนอื่นเราจะทำอะไร?
17 “ความรัก . . . ไม่หยาบคาย” คนหยาบคายมักจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ให้เกียรติคนอื่น นิสัยแบบนั้นไม่เป็นการแสดงความรักเพราะทำให้เห็นว่าคนนั้นไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นและไม่สนใจว่าสิ่งที่เขาทำจะมีผลกับคนอื่นยังไง แต่ถ้าเรามีความรัก เราก็จะอ่อนโยนและเป็นห่วงความรู้สึกของคนอื่น นอกจากนั้น เราจะเป็นคนสุภาพ ทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอใจ และนับถือพี่น้องของเรา ความรักจะช่วยเราไม่ให้ “ทำเรื่องน่าอาย” ที่จะทำให้พี่น้องไม่สบายใจ—เอเฟซัส 5:3, 4
18. ทำไมคนที่มีความรักจะไม่บังคับให้คนอื่นทำตามที่เขาต้องการ?
18 “ความรัก . . . ไม่เห็นแก่ตัว” ฉบับแปลหนึ่งบอกว่า “ความรักไม่ยืนกรานตามอำเภอใจตนเอง” ดังนั้น คนที่แสดงความรักจะไม่มองว่าความคิดของเขาดีที่สุด เขาจะไม่พยายามบังคับคนอื่นให้เห็นด้วยและทำตามวิธีของเขา เพราะถ้าเขาพยายามบังคับคนอื่นก็แสดงว่าเขาหยิ่งและคัมภีร์ไบเบิลยังบอกด้วยว่า “ความหยิ่งทำให้พินาศ” (สุภาษิต 16:18) แต่ความรักจะทำให้เรานับถือความคิดเห็นของพี่น้องและถ้าเป็นไปได้เราจะพยายามทำตามที่เขาบอก ถ้าเราพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เราก็กำลังทำตามที่เปาโลบอกไว้ว่า “อย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น แต่ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย”—1 โครินธ์ 10:24
19. เมื่อมีคนทำให้เราโกรธ ความรักจะช่วยเรายังไง?
19 “ความรัก . . . ไม่โมโหง่าย ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ” ความรักจะทำให้เราไม่โกรธง่าย ๆ ไม่แปลกที่เราจะอารมณ์เสียเมื่อมีคนพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เราเจ็บใจ ถึงแม้เรามีเหตุผลที่จะโกรธ แต่ถ้าเรามีความรัก เราจะไม่เก็บความโกรธนั้นไว้ (เอเฟซัส 4:26, 27) เราจะไม่จำว่าใครพูดหรือทำอะไรที่ทำให้เราโกรธ แต่ความรักกระตุ้นเราให้เลียนแบบพระเจ้า เหมือนที่เราเห็นในบท 26 พระยะโฮวาให้อภัยเมื่อมีเหตุผลที่สมควร เมื่อให้อภัยเราแล้วพระองค์ก็จะไม่จดจำหรือคิดถึงความผิดนั้นเพื่อลงโทษเราในอนาคต เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่พระยะโฮวาไม่จดจำความผิดของเรา
20. เราควรมีท่าทียังไงถ้าเพื่อนร่วมความเชื่อทำผิดและได้รับผลเสียจากการทำผิดนั้น?
20 “ความรักไม่ชอบความชั่ว” ฉบับแปลอื่นแปลข้อนี้ว่า “ความรักไม่ยินดีเมื่อคนอื่นพลาดพลั้งทำผิด” ดังนั้น ถ้าเรามีความรัก เราจะไม่ยินดีเมื่อมีการทำผิด และเราจะไม่มองข้ามการทำผิดกฎหมายของพระเจ้าทุกอย่าง เรามีท่าทียังไงถ้าเพื่อนร่วมความเชื่อทำผิดและได้รับผลเสียจากการทำผิดนั้น? เราจะไม่รู้สึกดีใจ และคิดว่า ‘ดีแล้วล่ะที่เขาโดนอย่างนั้น’ (สุภาษิต 17:5) แต่เราจะยินดีเมื่อพี่น้องที่ทำผิดพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะกลับมาใกล้ชิดกับพระยะโฮวาอีกครั้ง
“ทางที่ยอดเยี่ยม”
21-23. (ก) เปาโลหมายความว่ายังไงเมื่อเขาบอกว่า “ความรักจะคงอยู่ตลอดไป”? (ข) เราจะคุยเกี่ยวกับคำถามอะไรในบทสุดท้ายของหนังสือนี้?
21 “ความรักจะคงอยู่ตลอดไป เปาโลหมายความว่ายังไงเมื่อพูดแบบนี้? ในข้อคัมภีร์ก่อนหน้านี้ เขากำลังพูดถึงความสามารถที่มาจากพลังของพระเจ้าที่คริสเตียนยุคแรกได้รับ ความสามารถต่าง ๆ นั้นแสดงว่าพระยะโฮวากำลังใช้ประชาคมคริสเตียนที่เพิ่งถูกตั้งขึ้น แต่ก็ไม่ใช่คริสเตียนทุกคนที่จะรักษาโรค พยากรณ์ หรือพูดภาษาต่าง ๆ ได้ และถึงบางคนจะไม่มีความสามารถเหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะความสามารถในการทำการอัศจรรย์จะไม่มีอยู่ตลอดไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่คริสเตียนทุกคนต้องมีมากขึ้น สิ่งนั้นสำคัญกว่าและจะอยู่ตลอดไป เปาโลเรียกสิ่งนั้นว่า “ทางที่ยอดเยี่ยม” (1 โครินธ์ 12:31) “ทางที่ยอดเยี่ยม” นี้คืออะไร? ทางนี้คือความรัก
22 ความรักแบบคริสเตียนที่เปาโลพูดถึงนั้น “จะคงอยู่ตลอดไป” และจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย จนถึงทุกวันนี้ ผู้คนรู้ว่าใครเป็นคริสเตียนแท้ได้โดยดูจากความรักแบบไม่เห็นแก่ตัวที่พวกเขามีให้กัน เราเห็นความรักแบบนี้ได้ท่ามกลางพยานพระยะโฮวาทั่วโลก ความรักแบบนี้จะคงอยู่ตลอดไปเพราะพระยะโฮวาสัญญาว่าผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป (สดุดี 37:9-11, 29) ให้เราพยายามเต็มที่ที่จะ “ใช้ชีวิตด้วยความรักต่อไป” เพราะถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะมีความสุขที่มาจากการให้ และสำคัญกว่านั้น เราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปและจะแสดงความรักได้ตลอดไปเหมือนกับพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งความรักของเรา
ความรักบอกให้รู้ว่าพวกเขาเป็นคนของพระยะโฮวา
23 ในหนังสือนี้เราได้เรียนหลายอย่างเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของพระยะโฮวา เราได้รับประโยชน์มากมายเรื่องพลังอำนาจ ความยุติธรรม สติปัญญา และความรักของพระองค์ และหลังจากที่ได้เรียนรู้ว่าเราจะแสดงความรักกับคนอื่นได้ยังไงบ้าง เราก็น่าจะถามตัวเองว่า ‘ฉันจะแสดงให้พระยะโฮวาเห็นยังไงว่าฉันรักพระองค์?’ เราจะคุยเกี่ยวกับคำถามนี้ในบทสุดท้ายของหนังสือ