อดทนด้วยความยินดีในตะวนออกกลาง
รายงานอันเร้าใจนี้มาจากพยานพระยะโฮวาในประเทศเลบานอน
ปีรับใช้ 1990 ของเราเริ่มต้นด้วยการยิงปะทะกันอย่างรุนแรงหลายครั้งในกรุงเบรุต. จากนั้นก็เงียบสงบมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 1989 จนกระทั่งเดือนมกราคม 1990.
ในช่วงเดือนดังกล่าวมีรายงานยอดใหม่ผู้ประกาศถึง 2,659 คน (ในเดือนพฤศจิกายน) เทียบกับปีรับใช้ 1989 ซึ่งมี 2,467 คน. มีสี่สิบสี่คนรับบัพติสมา และแต่ละเดือนมีผู้เข้าร่วมในงานไพโอเนียร์สมทบโดยเฉลี่ยถึง 65 คน. นับเป็นครั้งแรกที่มีรายงานการศึกษาพระคัมภีร์มากกว่า 2,000 ราย และเราเริ่มคาดการณ์ล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะทำให้ลุล่วงในอนาคต.
แต่เกิดการปะทะกันขึ้นอีกทางตะวันออกของเบรุต ซึ่งเป็นที่ตั้งของประชาคมส่วนมาก และพี่น้องมากมายจำต้องหนีไปอยู่ส่วนอื่น ๆ ของประเทศ. เป็นเวลาหลายวันที่เราไม่ได้รับการติดต่อจากประชาคมต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ และได้รับรายงานการประกาศเพียงบางส่วน. อย่างไรก็ตาม พี่น้องซึ่งกระจัดกระจายไปได้ร่วมกับประชาคมต่าง ๆ ที่อยู่ในท้องถิ่นที่เขาหนีไปอยู่ และงานประกาศตามบ้านดำเนินต่อไปพร้อมด้วยผลดีตลอดทั่วประเทศ. ในขณะเดียวกัน บ้านพี่น้องของเราหลายหลังถูกเผาหรือไม่ก็ได้รับความเสียหายจากระเบิด. พี่น้องหญิงคนหนึ่งเสียชีวิต.
พวกเราหวังพึ่งพระยะโฮวาสำหรับความช่วยเหลือและการชี้นำด้วยความไว้วางใจ. ไพโอเนียร์ผู้กล้าหาญอาสานำอาหารฝ่ายวิญญาณ พร้อมกับน้ำและอาหารไปให้พี่น้องซึ่งอยู่ในบริเวณที่ถูกปิดล้อม. ความรักที่มีต่อพระยะโฮวาและพี่น้องได้กระตุ้นพวกเขา ถึงขนาดเสี่ยงชีวิตข้ามถนนหลายสายที่วางกับระเบิดไว้. นับเป็นการให้คำพยานอย่างดีเมื่อประชาชนเห็นความช่วยเหลือมาถึงพี่น้องของเราหลายครอบครัว. พวกเขาเห็นสิ่งซึ่งความรักแท้สามารถทำได้เมื่อทุกคนพร้อมเพรียงกันนมัสการพระยะโฮวา พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว.—โยฮัน 13:34, 35; 15:13.
ในช่วงปีรับใช้นี้ พี่น้องไม่ขาดวารสารแม้แต่ฉบับเดียว. ดังกรณีที่เป็นอยู่แล้วกับวารสารหอสังเกตการณ์, ตื่นเถิด ภาษาอาระบิคได้เริ่มพิมพ์ออกโดยที่มีเรื่องต่าง ๆ พร้อม ๆ กับภาษาอังกฤษตั้งแต่ฉบับวันที่ 8 มกราคม 1990. พยานฯและผู้สนใจรู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง. นับเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเช่นกันที่เห็นหนังสือออกใหม่ในภาษาอาระบิค อย่างเช่น จุลสารคุณควรจะเชื่อในตรีเอกานุภาพไหม? และหนังสือคัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์ และหนังสือของฉันเกี่ยวด้วยเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล.
มีการจัดเตรียมของประทานฝ่ายวิญญาณเหล่านี้ให้ทั้ง ๆ ที่มีการปิดโรงงานหลายแห่งรวมทั้งกิจการอื่น ๆ ในเบรุต. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจแย่มากตลอดทั่วประเทศ. ในหลาย ๆ แห่งไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีโทรศัพท์. บัดนี้ให้พี่น้องบางคนเล่าถึงวิธีที่เขาประสบความยินดีแม้จะต้องรับมือกับผลเสียหายของสงครามซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 15 ปี.
“ด้านดี”
พี่น้องในเบรุตคนหนึ่งเขียนว่า “ก่อนอื่น ผมขอบคุณพระยะโฮวาด้วยใจจริงเพราะพระองค์ทรงปกปักรักษาเราให้ปลอดภัยในองค์การแห่งการนมัสการอย่างบริสุทธิ์ของพระองค์ แม้ว่าเราต้องเผชิญกับสภาพการณ์ต่าง ๆ ที่ยากลำบากก็ตาม. ช่วงเหตุการณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมมีประสบการณ์ซึ่งทำให้ผมชื่นชมยินดี และผมถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นด้านดีของสงคราม.
“ระหว่างที่มีการระดมยิงอย่างหนัก เรานั่งกับเพื่อนบ้านตรงบันได เนื่องจากเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดขณะที่มีการยิงกัน. เราคุยกับพวกเขาเสมอเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าว่าเป็นทางแก้อย่างเดียวสำหรับปัญหาของมนุษยชาติ และเราอธิษฐานถึงพระยะโฮวา พระเจ้าของเราบ่อย ๆ. เรื่องนี้จึงเป็นที่รู้จักดีของทุก ๆ คน.
“บางครั้งมีการยิงปืนใหญ่ต่อเนื่องกันหลายวัน และเราไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้. ดังนั้น ผมจึงนำวารสารหอสังเกตการณ์ ติดตัวไปและศึกษาขณะที่นั่งอยู่ที่บันได. การกระทำนั้นเร้าความสนใจเพื่อนบ้านของเรา. พวกเขาบางคนไม่เคยพูดกับเราเพราะเราเป็นพยานพระยะโฮวา. แต่เมื่อบ้านของเราถูกปืนใหญ่ยิงถล่ม พวกเขาประหลาดใจในความรักที่พี่น้องของเราแสดงออกมา. เวลานี้เขาต้องการคุยกับเรา. ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เราเสนอการบอกรับตื่นเถิด หลายรายกับพวกเขา.
“ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผมปลงใจที่จะพูดเรื่องความจริงต่อ ๆ ไป. พระยะโฮวาสมควรได้รับการนมัสการ และการยกย่องนับถือ และคำสรรเสริญทุกประการจากเรา.”
“พระนามพระยะโฮวาช่วยชีวิตของผม”
พี่น้องคนหนึ่งซึ่งมาจากประชาคมราส์เบรุตเล่าให้ฟังว่า “ผม ภรรยาและลูกชายเล็ก ๆ สองคนของเราเริ่มต้นวันนั้นด้วยงานรับใช้ตามบ้านในเขตเบรุตตะวันตก. ในตอนบ่าย มีการประชุมเป็นภาษาอังกฤษที่บ้านของเรา. เวลา 18:30 น. ก็มืดแล้ว. ผู้ที่อยู่ตามถนนมีแต่คนที่ถืออาวุธ. ระเบิดลงเหมือนห่าฝน. ผู้เช่าอาศัยในตึกที่เราอยู่ส่วนมากได้หนีไป. ไม่มีทั้งไฟฟ้าและน้ำ. จากนั้นเราได้ยินเสียงเคาะที่ประตู.
“เนื่องจากคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งของเราซึ่งต้องการขนมปังกับน้ำ ภรรยาผมจึงเปิดประตู. มีชายสี่คนถืออาวุธยืนอยู่ที่นั่น. พวกเขาจ่อปืนมาที่ภรรยาผมและถามหาผมโดยใช้ชื่อของผม. ช่วงสัปดาห์นั้นมีการนำผู้ชายเก้าคนออกจากบ้านของเขาในลักษณะนี้และก็ฆ่าในทันที. เมื่อชายที่ถืออาวุธเห็นผม เขาจ่อปืนไรเฟิลออโตเมติคที่ศีรษะผมและสั่งให้ไปกับพวกเขา. ผมบอกเขาว่า ‘ผมจะไปกับคุณ. แต่ขอให้ผมแต่งตัวก่อน’ ผมอธิษฐานถึงพระยะโฮวาด้วยสิ้นสุดหัวใจของผม วอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์. พออธิษฐานเสร็จ ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่งและเริ่มรู้สึกว่าชายที่ถืออาวุธพวกที่ดุดันเหล่านี้เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ. ผมสามารถสนทนากับพวกเขาโดยไม่รู้สึกกลัวเลย.
“ผมถามเขาว่า ‘พวกคุณต้องการอะไรจากผม? ขอให้เราคุยกันเล็กน้อยที่บ้านก่อนที่จะออกไป.’ ครั้นอยู่ในห้องรับแขก หัวหน้าของเขาถามว่า ‘คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะเข้าไปในบ้านและเทศน์กับผู้คน?’ ผมตอบว่า ‘คุณถือปืนเพื่อบังคับให้ทำตามพวกคุณ และไม่มีใครขัดขวางคุณ. ผมนำข่าวดีแห่งสันติสุขซึ่งพระเยซูสั่งให้ประกาศ.’ จากนั้นผมก็อธิบายความเชื่อและงานของพยานพระยะโฮวา. ทันทีที่ผมเอ่ยถึงพระนามพระยะโฮวา พวกเขาพูดว่า ‘เราพอใจที่จะสอบสวนคุณที่นี่. ไม่จำเป็นต้องพาคุณไปกับเรา.’ ปรากฏว่าคนหนึ่งในพวกเขารู้จักคุ้นเคยพี่น้องคนหนึ่งของเรา. เขาพูดว่า ‘หมอนี่เป็นประเภทเดียวกับจาร์จูรา.’
“เราให้คำพยานกับผู้ถืออาวุธเหล่านี้และตอบคำถามของพวกเขาเป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง. แล้วแทนที่เขาจะเอาตัวผมไปใส่ไว้ในท้ายรถของเขาเช่นเดียวกับที่ทำกับคนอื่น ๆ พวกเขาขอโทษ จูบผม ทั้งเสนอความช่วยเหลือเมื่อไรก็ตามที่ผมต้องการ แล้วก็จากไป. ตลอดเวลาผมรู้สึกถึงการคุ้มครองที่มาจากพระยะโฮวา. การเข้าร่วมงานรับใช้ตามบ้านในเช้าวันนั้นและการเข้าร่วมประชุมในตอนบ่ายได้เสริมความเข้มแข็งให้ผมที่จะยืนหยัดมั่นคง. จริงทีเดียว พระนามของพระยะโฮวาช่วยชีวิตของผม.”—สุภาษิต 18:10.
“การเอาใจใส่ดูแลของพระยะโฮวาอยู่รอบข้างเรา”
พี่น้องอีกคนหนึ่งเขียนจดหมายมาจากเบรุตบอกว่า “วันนั้นเป็นวันพุธที่ 31 เดือนมกราคม ปี 1990. ขณะที่ผมทำงานกับน้องชายของผมที่บ้านพี่น้องหญิงคนหนึ่ง เกิดการสู้รบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง. มีการระเบิดทั่วทุกแห่ง. เนื่องจากการสู้รบรุนแรงมาก เราจึงไม่สามารถกลับบ้านได้. พี่น้องหญิงคนนี้มีน้ำใจต้อนรับดียิ่งแม้ว่าเธอจะมีขนมปังเพียงไม่กี่ก้อน.
“ผมเป็นห่วงภรรยาของผมมากเพราะเธอเป็นชาวฟิลิปปินส์และไม่คุ้นกับความรุนแรงของสงคราม. อย่างไรก็ตาม ในวันที่สอง ผมสามารถกลับบ้านได้. มีเครื่องเรือนกองขวางเต็มถนน แต่ขอบคุณพระยะโฮวา ครอบครัวของผมปลอดภัย. หลังจากความสงบชั่วระยะสั้น ๆ การยิงถล่มอย่างหนักด้วยปืนใหญ่เริ่มขึ้นอีก. เราหลบอยู่ในบ้านพี่น้องที่อยู่ใกล้ ๆ. พวกเรามีด้วยกันห้าคน—ผม ภรรยาผม ลูกชายอายุสองขวบของผม น้องชายผมและภรรยาของเขา. ระเบิด กระสุนปืนใหญ่ และจรวดตกอยู่รอบ ๆ แต่การเอาใจใส่ดูแลของพระยะโฮวาบังล้อมเราไว้. การยิงถล่มด้วยปืนใหญ่อย่างหนักสองวันผ่านไป ในเวลานั้นเรานอนราบกับพื้นพร้อมกับกลิ่นควันจากระเบิดเต็มรูจมูกของเรา.
“ในระหว่างที่ฟังเสียงระเบิด เรานึกถึงคำตรัสของท่านดาวิดที่บทเพลงสรรเสริญ 18:1-9, 16–22, 29, 30. ในเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น และแม้ว่าทุกสิ่งนั้นเกิดขึ้น เรามีความสุขและยังยิ้มได้. เราทูลต่อพระยะโฮวาว่าหากเราจะต้องตาย เราขอตายโดยไม่ต้องทรมาน. ความหวังในการฟื้นขึ้นจากตายของเรามั่นคงเข้มแข็ง.
“มีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อในวันต่อมา. ระเบิดประมาณ 25 ลูกตกใกล้ ๆ บ้านที่เราซ่อนอยู่ แต่ไม่มีพวกเราสักคนที่บาดเจ็บ. คุณจินตนาการความรู้สึกของเราได้ไหมขณะที่เราสำนึกถึงการคุ้มครองของพระยะโฮวา? เช้าวันต่อมา เราตัดสินใจหนีทันที. รถของผมเป็นเพียงคันเดียวบนถนนเท่านั้นที่ไม่ถูกเผา. ผมขับรถฝ่าไปในระหว่างกับระเบิดกับลูกระเบิดและต้องขอบคุณพระยะโฮวา เราสามารถหนีไปสู่พื้นที่ซึ่งสงบเงียบกว่าท้องที่เดิมของเราเล็กน้อย. ณ ที่นั่นพี่น้องที่รักของเราจัดหาเสื้อผ้า อาหาร และเงินให้เรา.
“แม้เผชิญกับความยากลำบากมากมาย เรารู้สึกมีความสุขเพราะพระยะโฮวาอยู่กับเรา. ดูเหมือนกับว่าพระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์มาจัดการให้ลูกระเบิดพ้นจากพวกเรา. (บทเพลงสรรเสริญ 34:7) แน่ละ ความยินดีของเรามีมากจริง ๆ. แต่ความยินดีของเราจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อมีชีวิตรอดผ่านอาร์มาเก็ดดอน.”
การบรรเทายามฉุกเฉินในภาคปฏิบัติ!
บางพื้นที่ของกรุงเบรุตดูราวกับว่าเกิดแผ่นดินไหว. บ้านพี่น้องของเราหลายหลังได้รับความเสียหายหรือไม่ก็ถูกทำลาย. เมื่อวิกฤติการณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้เกิดขึ้น คณะกรรมการสาขาได้ตั้งคณะกรรมการบรรเทายามฉุกเฉินขึ้นเพื่อดูแลความจำเป็นของพี่น้อง. การดำเนินงานเริ่มในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1990 ตรงเวลาพอดีกับตอนที่เราสามารถเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสียหายมาก. จุดประสงค์ของกรรมการชุดนี้มีสามประการคือ ให้การหนุนกำลังใจฝ่ายวิญญาณแก่พี่น้อง เอาใจใส่ความต้องการของเขาเกี่ยวกับการเงิน อาหาร และน้ำ และช่วยซ่อมบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ให้พวกเขา.
ไม่จำเป็นต้องร้องขออาสาสมัคร. แต่ละวันมีหลายคนเสนอตัวมาช่วยงานแต่เช้า. ต่อจากนี้จะเป็นความคิดเห็นของบางคนที่ได้รับความช่วยเหลือ:
พี่น้องหญิงคนหนึ่ง เมื่อบ้านของเธอได้รับการทำความสะอาดและซ่อมแซม เธอกล่าวว่า “ดิฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับความช่วยเหลือที่พี่น้องให้ในคราวที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น. ขณะนี้ดิฉันเห็นและสัมผัสสิ่งนั้น.” แม้กระทั่งสตรีมุสลิมเพื่อนบ้านของเธอยังบอกแก่พี่น้องหญิงคนนี้ว่า “พวกคุณรักซึ่งกันและกันจริง ๆ. ศาสนาของคุณเป็นศาสนาแท้. เดี๋ยวฉันจะหนีไปที่หมู่บ้านของฉันและบอกทุก ๆ คนถึงสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่ที่นี่.” เพื่อนบ้านคนนี้นำอาหารมาให้คนงานที่เป็นอาสาสมัครด้วย.
พี่น้องหญิงสูงอายุคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นดังนี้: “ฉันหวังให้คุณมาเยี่ยม แต่ฉันไม่คาดคิดว่าสมาคมจะส่งบางคนเพื่อเอาน้ำมาให้ฉัน.” เธอร้องไห้ขณะที่จูบพี่น้องชายที่มาช่วยเธอ.
ครอบครัวหนึ่งที่มีสามคนคือ—สามีภรรยาที่เป็นผู้ประกาศซึ่งยังไม่รับบัพติสมาและลูกชายตัวเล็ก ๆ ของเขา—ได้รับการเยี่ยมและได้รับนมบรรจุในกล่องใหญ่ ขนมปัง น้ำดื่ม และเงิน. เมื่อพวกเขาทราบว่าพยานพระยะโฮวาเป็นผู้จัดเตรียมความช่วยเหลือเช่นนี้ สามีจึงพูดว่า “ผมร่วมกับคริสต์จักรอีแวนเจลิเคิลเป็นเวลา 11 ปีและเป็นคนที่เอาการเอางานมาก. แต่ระยะเวลา 15 ปีของสงครามในเลบานอน พวกเขาไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องเช่นนี้ให้กับสมาชิกของเขาเลย.” เขาเสริมอีกว่า “นี้คือองค์การที่แท้จริงองค์การเดียวของพระเจ้า.” สามีและภรรยาของเขารับบัพติสมา ณ การประชุมหมวดในเดือนพฤษภาคมปี 1990.
ผู้ปกครองคนหนึ่งลงความเห็นว่า “ไม่มีถ้อยคำใดจะสามารถแสดงความขอบคุณของเราสำหรับงานที่ทำด้วยความรักซึ่งคุณได้กระทำต่อพี่น้องที่มีความทุกข์ยาก. ผมรู้สึกประทับใจจนน้ำตาไหล ขณะที่มองดูกลุ่มพี่น้องหนุ่มผู้อาสาสมัครซ่อมบ้านของพ่อแม่ผม. แม้เพื่อนบ้านของเราซึ่งไม่ใช่พยานฯก็แสดงความหยั่งรู้ค่าด้วย. เราขอบคุณพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ด้วยใจจริงสำหรับการให้ความช่วยเหลือในภาคปฏิบัตินี้. ถ้อยคำที่บทเพลงสรรเสริญ 144:15 ของผู้ประพันธ์บทเพลงนี้ช่างเป็นความจริงเสียนี่กระไรที่ว่า ‘ชนประเทศที่นับถือพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของตนก็เป็นผาสุก.’”
“พวกคุณเป็นคนแบบไหน?”
พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่มีครอบครัวเขียนมาว่า “ฉันต้องการแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความรักของพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์. บ้านของฉันโดนกระสุนปืนหลายจุดและไฟไหม้. หลายคนบอกเราว่าคงจะซ่อมบ้านไม่ได้. อย่างไรก็ดี ขณะนี้บ้านก็ยังอยู่และได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่บ้านนับร้อย ๆ หลังที่อยู่รอบ ๆ บนถนนสายเดียวกับเราถูกเผาและถูกทำลาย.
“แม้แต่เพื่อนบ้านของเรา ซึ่งไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวาถามว่า ‘ความรักเช่นนี้มาจากที่ไหน? พวกคุณเป็นคนแบบไหน? ปัจเจกบุคคลเหล่านี้ที่ทำงานกระตือรือร้นอย่างนั้นทั้งเป็นคนที่สุภาพและมีความประพฤติเรียบร้อยเช่นนี้เป็นใคร? ขอให้คำสรรเสริญแด่พระเจ้า ผู้ซึ่งประทานให้คุณมีความรักและน้ำใจเสียสละตนเองเช่นนี้.’ ช่างสอดคล้องเสียจริงกับคำกล่าวที่บทเพลงสรรเสริญ 84:11, 12 ที่ว่า ‘เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่ห์ พระยะโฮวาจะทรงประทานพระคุณกับเกียรติยศ พระองค์จะไม่ทรงกีดกันของดีไว้จากเหล่าคนที่ประพฤติในทางซื่อตรงเลย. ข้าแต่พระยะโฮวาแห่งพลโยธา คนที่วางใจในพระองค์ก็เป็นผาสุก.’”
ชายคนหนึ่งที่ภรรยาและลูกเป็นพยานพระยะโฮวาเขียนมาว่า “ผมต้องการแสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกคุณในการซ่อมแซมบ้านของเรา. งานของคุณแสดงถึงความรักแบบคริสเตียนที่จริงใจซึ่งหาได้ยากมากในทุกวันนี้. ขอให้พระเจ้าอวยพรความพยายามของพวกคุณ.”
หลังจากบ้านของผู้ปกครองคนหนึ่งได้รับการซ่อมแซมใหม่ เขาพูดว่า “ริมฝีปากของเราไม่อาจจะหาคำพูดที่บอกถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเราได้. เราไม่สามารถหาถ้อยคำใด ๆ เพื่อบอกคุณถึงความหยั่งรู้ค่าของเราที่มีต่อพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์. เราได้สำนึกถึงความใกล้ชิดของพระยะโฮวาในยามทุกข์ยากของเรา. ความรักของคุณได้หนุนกำลังใจสมาชิกทุกคนในครอบครัวของผมให้เข้าส่วนในการแสดงความช่วยเหลือคนอื่น ๆ ที่มีความต้องการ.”
ระหว่างเดือนเมษายนมี 194 คนในเลบานอนที่เพลิดเพลินกับงานไพโอเนียร์สมทบ. คืนวันอนุสรณ์สงบเงียบกว่าคืนอื่น ๆ และได้จัดการประชุมอนุสรณ์ขึ้นโดยมียอดผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 5,034. มีการจัดการประชุมหมวดขึ้นทุกแห่งตามแผนที่ได้วางไว้ และจำนวนผู้รับบัพติสมาทั้งหมดสำหรับปีนี้คือ 121 คนเทียบกับปีก่อนมี 135 คน. หลายครอบครัวในประชาคมต่าง ๆ ได้ย้ายออกจากประเทศไปเลย. แต่ผู้สนใจใหม่ก็ก้าวหน้าจนกระทั่งรับบัพติสมา และจำนวนผู้ประกาศ 2,726 คนยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ. ในระหว่างปีรับใช้ 1990 พลไพร่ของพระยะโฮวาทั้งหมดในเลบานอนได้ประสบความสัตย์ซื่อของพระยะโฮวาขณะที่พระองค์ทรงดูแลพวกเราและทรงนำเราตลอดช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวาย.—บทเพลงสรรเสริญ 33:4, 5; 34:1-5.