-
ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป?ตื่นเถิด! 2014 | เมษายน
-
-
จากปก
ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป?
ถ้าคุณได้เห็นไดอาน่าaคุณคงคิดว่าเธอเป็นสาวที่ทั้งฉลาด ช่างพูดช่างคุย และมีเพื่อนรายล้อมมากมาย แต่ความน่ารักและมีเสน่ห์ที่เห็นนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก ที่จริง ไดอาน่าเก็บซ่อนความท้อแท้สิ้นหวังและความรู้สึกไร้ค่าไว้ในใจวันแล้ววันเล่าหรือนานแรมเดือนด้วยซ้ำ เธอบอกว่า “ไม่มีสักวันเลยที่ฉันไม่อยากตาย ฉันว่าโลกคงน่าอยู่กว่านี้ ถ้าไม่มีคนอย่างฉัน”
“ในโครเอเชีย จำนวนของคนที่พยายามฆ่าตัวตายอาจมีมากกว่าคนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จถึง 20 เท่า มีการกะประมาณว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเคยพยายามฆ่าตัวตายอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และมีประมาณ 10 ถึง 14 เปอร์เซ็นต์เคยคิดฆ่าตัวตาย”—สถาบันสุขภาพแห่งชาติของโครเอเชีย
ไดอาน่าบอกว่าเธอไม่มีวันฆ่าตัวตายแน่นอน แต่บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ตายเสียก็ดีกว่าอยู่ เธอพูดว่า “ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วฉันตาย นั่นแหละสุดยอดปรารถนาเลย ฉันรู้สึกว่าความตายเป็นเพื่อนไม่ใช่ศัตรู”
มีคนมากมายที่รู้สึกเหมือนไดอาน่า บางคนถึงกับคิด หาวิธี หรือพยายามฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่นักวิจัยบอกว่า ที่คนส่วนใหญ่พยายามฆ่าตัวตาย จริง ๆ แล้วเขาต้องการจบปัญหาไม่ใช่จบชีวิต พูดง่าย ๆ คือ เขาคิดว่ามีเหตุผลที่จะตายเสียดีกว่า และสิ่งที่เขาต้องการก็คือเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป
ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป? ขอพิจารณา 3 เหตุผลที่ช่วยให้พ้นจากความสิ้นหวัง
a ชื่อสมมุติ
-
-
1 เพราะวันเวลาเปลี่ยนไป อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงตื่นเถิด! 2014 | เมษายน
-
-
จากปก | ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป?
1 เพราะวันเวลาเปลี่ยนไป อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลง
“เราถูกกดดันทุกด้าน แต่ก็ไม่ถึงกับขยับไม่ไหว เรารู้สึกสับสน แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีทางออก”—2 โครินท์ 4:8
ผู้คนพูดกันว่าการฆ่าตัวตายเป็น “เหมือนกับการตัดหัวทิ้งเพื่อให้หายปวดหัว” แม้แต่เมื่อเจอปัญหาที่คุณรู้สึกว่ามืดแปดด้านหรือเกินกว่าจะควบคุมได้ สภาพการณ์ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นตลอดไป ที่จริงมันอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างที่คุณนึกไม่ถึงด้วยซ้ำ—ดูกรอบ “เมื่อสภาพการณ์ในชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไป”
แม้ว่าสภาพการณ์อาจดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ถ้าคุณประคับประคองตัวให้ผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้ในแต่ละวันก็นับว่าสุดยอดแล้ว พระเยซูบอกว่า “อย่าวิตกกังวลกับพรุ่งนี้เลย เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีความวิตกกังวลของพรุ่งนี้ แต่ละวันมีความทุกข์พออยู่แล้ว”—มัดธาย 6:34
แต่ถ้าคุณตกอยู่ในสภาพการณ์ที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย คุณจะทำอย่างไร? ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณป่วยเป็นโรคเรื้อรัง หรือท้อแท้สิ้นหวังเพราะคุณรู้สึกจนมุมกับชีวิต เช่น สายสมรสขาดสะบั้น หรือเมื่อคนที่คุณรักตายจากไป?
แม้แต่ในสภาพการณ์แบบนี้ก็ยังมีสิ่งที่คุณพอจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ คือเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเรื่องนั้น เมื่อเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่คุณไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ คุณก็จะเป็นคนคิดแง่บวกได้มากขึ้น (สุภาษิต 15:15) นอกจากนี้ คุณจะพยายามมองหาวิธีอื่นเพื่อแก้ปัญหาอย่างไม่ย่อท้อ แทนที่จะเลือกความตายเป็นคำตอบสุดท้าย ผลก็คือ คุณจะเริ่มรู้วิธีควบคุมความคิดจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่านแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่อาจควบคุมได้—โยบ 2:10
ข้อควรจำ: คุณไม่มีทางไปถึงยอดเขาได้ในก้าวเดียว แต่ในระหว่างที่เดินไปนั้นคุณอาจเจออุปสรรคบางอย่าง ที่จริง อุปสรรคใหญ่ที่คุณเจอในชีวิตก็เปรียบเหมือนขุนเขานั่นแหละ
สิ่งที่ทำได้ในวันนี้: คุณอาจพูดกับใครสักคน เช่น เล่าให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวฟังว่าคุณกำลังหนักใจเรื่องอะไร คนนั้นอาจช่วยคุณให้มองสภาพการณ์ของคุณตามความเป็นจริงและมีเหตุผลมากขึ้น—สุภาษิต 11:14
-
-
2 เพราะความช่วยเหลือยังมีตื่นเถิด! 2014 | เมษายน
-
-
จากปก | ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป?
2 เพราะความช่วยเหลือยังมี
“ฝากความวิตกกังวลทั้งสิ้นไว้กับ [พระเจ้า] เพราะพระองค์ทรงใฝ่พระทัยท่านทั้งหลาย”—1 เปโตร 5:7
ถ้าคุณคิดว่าตายเสียก็ดีกว่าจมอยู่กับความทุกข์ไปวัน ๆ เพราะไม่มีทางกอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ ขอให้พิจารณาความช่วยเหลือต่อไปนี้ที่มีไว้เพื่อคุณ
การอธิษฐาน การอธิษฐานไม่ได้เป็นเพียงวิธีบำบัดความทุกข์ในทางจิตวิทยา หรือเป็นแค่ที่พึ่งทางใจในยามท้อแท้สิ้นหวัง การอธิษฐานเป็นการพูดคุยจริง ๆ กับพระยะโฮวาพระเจ้า ผู้ที่รักและห่วงใยคุณ พระยะโฮวาอยาก ให้คุณบอกความกังวลใจกับพระองค์ ที่จริงคัมภีร์ไบเบิลแนะว่า “จงทอดภาระของท่านไว้กับพระยะโฮวา และพระองค์จะทรงเป็นธุระให้”—บทเพลงสรรเสริญ 55:22
ดีไหมถ้าวันนี้คุณจะอธิษฐานถึงพระเจ้า? คุณควรออกชื่อพระยะโฮวาในคำอธิษฐาน และบอกความรู้สึกจากใจจริงของคุณกับพระองค์ (บทเพลงสรรเสริญ 62:8) พระยะโฮวาอยากให้คุณรู้จักใกล้ชิดพระองค์เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง (ยะซายา 55:6; ยาโกโบ 2:23) การอธิษฐานเป็นช่องทางสื่อสารที่คุณจะพูดคุยกับพระองค์ได้ทุกที่ทุกเวลา
มูลนิธิป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งอเมริการายงานว่า “ผลการวิจัยหลายครั้งได้ข้อสรุปแบบเดียวกันคือ คนส่วนใหญ่ที่ตายเพราะการฆ่าตัวตาย 90 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้นเป็นโรคทางอารมณ์ แต่บ่อยครั้งไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ไม่ได้ไปหาหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างที่ควรจะได้รับ”
คนที่ห่วงใย ชีวิตของคุณมีความหมายสำหรับคนอื่น ๆ แม้แต่คนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ก็อาจเคยบอกว่าเขารักและห่วงใยคุณ คนที่ห่วงใยคุณยังอาจรวมถึงคนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อนด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น หลายครั้งเมื่อพยานพระยะโฮวาไปเผยแพร่ตามบ้าน พวกเขาพบคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต บางคนยอมรับว่าเขาสิ้นหวังไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครและถึงกับคิดฆ่าตัวตาย การไปเยี่ยมผู้คนตามบ้านทำให้พยานพระยะโฮวามีโอกาสช่วยชีวิตคนเหล่านี้มาแล้ว พยานพระยะโฮวาเลียนแบบตัวอย่างของพระเยซูที่แสดงความรักและห่วงใยเพื่อนมนุษย์ และพวกเขาก็ห่วงใยคุณ เช่นกัน—โยฮัน 13:35
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ความคิดที่อยากฆ่าตัวตายมักเป็นตัวบ่งชี้ว่าคน ๆ นั้นมีความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า ถ้าคุณเป็นโรคทางอารมณ์ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย เพราะมันก็เหมือนกับโรคทางกายอื่น ๆ ที่จริง โรคซึมเศร้าถูกเรียกว่า “ไข้หวัดทางใจ” ที่ใคร ๆ ก็เป็นได้และหายได้ a
ข้อควรจำ: โดยปกติแล้ว คนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็เหมือนกับคนที่ตกลงไปในเหวลึกซึ่งไม่มีทางจะปีนขึ้นมาเองได้ ต้องมีคนยื่นมือมาฉุดเท่านั้น คุณถึงจะขึ้นมาได้
สิ่งที่ทำได้ในวันนี้: ไปหาแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญด้านการรักษาโรคทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า
a ถ้าความคิดเรื่องการฆ่าตัวตายยังวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา คุณต้องพยายามหาดูว่ามีหน่วยงานใดไหมที่ให้ความช่วยเหลือได้ เช่น สายด่วนป้องกันการฆ่าตัวตาย หรือศูนย์สุขภาพจิต
-
-
3 เพราะความหวังยังไม่สิ้นตื่นเถิด! 2014 | เมษายน
-
-
จากปก | ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป?
3 เพราะความหวังยังไม่สิ้น
“คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก และเขาจะชื่นชมยินดีด้วยความสงบสุขอันบริบูรณ์”—บทเพลงสรรเสริญ 37:11
คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่ามนุษย์มี “อายุสั้นและชีวิตก็เต็มไปด้วยความทุกข์ร้อน” (โยบ 14:1, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) ในเวลานี้เราทุกคนต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ ในชีวิตไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง บางคนรู้สึกว่าชีวิตช่างสิ้นหวังไม่เห็นแม้แต่แสงที่ขอบฟ้าไกล อนาคตที่หวังว่าจะสดใสกลับมืดมนลงทุกที คุณรู้สึกแบบนี้ด้วยไหม? ถ้าอย่างนั้น ขอให้มั่นใจว่า คัมภีร์ไบเบิลมีความหวังแท้ให้คุณ และไม่ใช่สำหรับคุณคนเดียว แต่สำหรับมนุษย์ทุกคนด้วย ขอให้ดูตัวอย่างต่อไปนี้:
คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าพระยะโฮวาพระเจ้ามุ่งหวังที่จะให้เราได้รับแต่สิ่งดี ๆ—เยเนซิศ 1:28
พระยะโฮวาพระเจ้าสัญญาว่าจะเปลี่ยนโลกให้เป็นอุทยาน—ยะซายา 65:21-25
ความสำเร็จของคำสัญญานี้เป็นเรื่องแน่นอน หนังสือวิวรณ์ 21:3, 4 บอกดังนี้:
“พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์และพระองค์จะสถิตกับพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระองค์ พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขา พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกเลย ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย สิ่งที่เคยมีอยู่นั้นผ่านพ้นไปแล้ว”
นี่ไม่ใช่แค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ พระยะโฮวาพระเจ้ามุ่งมั่นที่จะทำให้ความหวังนี้กลายเป็นความจริง พระองค์มีทั้งอำนาจและความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ คัมภีร์ไบเบิลมีคำสัญญาที่เชื่อถือได้และให้คำตอบที่หนักแน่นสำหรับคำถามที่ว่า “ทำไมต้องก้าวเดินต่อไป?”
ข้อควรจำ: แม้ว่าอารมณ์ของคุณจะแปรปรวนเหมือนเรือที่ถูกคลื่นซัดในทะเลบ้า แต่คัมภีร์ไบเบิลมีความหวังที่เป็นเหมือนสมอเรือซึ่งจะช่วยยึดเหนี่ยวสติและอารมณ์ของคุณไว้ไม่ให้หลุดลอยไป
สิ่งที่ทำได้ในวันนี้: เริ่มตรวจดูว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงความหวังแท้เกี่ยวกับอนาคตอย่างไรบ้าง พยานพระยะโฮวายินดีช่วยคุณ เชิญติดต่อกับพยานฯที่อยู่ใกล้บ้านคุณ หรือค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ทางเว็บไซต์ jw.org/tha
a ข้อแนะ: ไปที่ jw.org/th และดูหัวข้อ สิ่งพิมพ์และมัลติมีเดีย > ห้องสมุดออนไลน์ จากนั้นพิมพ์คำว่า “ซึมเศร้า” หรือ “ฆ่าตัวตาย” เพื่อพบข้อมูลที่ช่วยคุณได้
-