อย่าพลาดไปจากวัตถุประสงค์แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน
“พระวิญญาณของพระยะโฮวาอยู่ที่ใด เสรีภาพก็อยู่ที่นั่น.”—2 โกรินโธ 3:17, ล.ม.
1. เพราะเหตุใด ยะซายา 65:13, 14 จึงสมจริงกับพวกพยานพระยะโฮวา?
พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าแห่งเสรีภาพ. และเสรีภาพที่พระเจ้าประทานช่างเป็นพระพรเสียนี่กระไร! เนื่องจากผู้รับใช้ที่ได้อุทิศตัวแล้วของพระองค์มีเสรีภาพเช่นนั้น ถ้อยคำเหล่านี้ของพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรจึงสมจริงกับพวกเขา: “ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะมีกิน แต่พวกเจ้าจะหิว. ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะมีดื่ม แต่พวกเจ้าจะระหาย. ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะอิ่มอกอิ่มใจ แต่พวกเจ้าจะอับอายอดสู. ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่พวกเจ้าจะร้องไห้ด้วยความเสียใจ และจะพิลาปร่ำไห้เพราะจิตใจชอกช้ำ.”—ยะซายา 65:13, 14.
2. ทำไมไพร่พลของพระยะโฮวาจึงมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ?
2 ไพร่พลของพระเจ้าชื่นชมกับสถานะอันมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณนี้เพราะพวกเขาได้รับการนำโดยพระวิญญาณ หรือพลังปฏิบัติการของพระองค์. อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “พระยะโฮวาเป็นวิญญาณ และพระวิญญาณของพระยะโฮวาอยู่ที่ใด เสรีภาพก็อยู่ที่นั่น.” (2 โกรินโธ 3:17, ล.ม.) วัตถุประสงค์ของเสรีภาพที่พระเจ้าประทานคืออะไร? และมีข้อเรียกร้องอะไรจากเราในการใช้เสรีภาพนั้นอย่างเต็มที่?
เสรีภาพที่พระเจ้าทรงมี
3. พระเจ้าทรงมีเสรีภาพชนิดใด และเพราะเหตุใด?
3 พระยะโฮวาองค์เดียวมีเสรีภาพโดยสมบูรณ์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นสามารถจำกัดเสรีภาพของพระองค์ได้เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์บรมมหิศรและผู้ครอบครองเอกภพ. ดังที่โยบบุรุษผู้ซื่อสัตย์ได้กล่าวไว้ดังนี้: “ใครจะห้ามพระองค์ได้? ใครจะบังอาจทูลถามพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงกระทำอะไรอย่างนั้น?’” (โยบ 9:12) คล้ายคลึงกัน กษัตริย์นะบูคัดเนซัรแห่งบาบูโลนจำใจต้องยอมรับว่า “ไม่มีใครอาจยึดหน่วงพระหัตถ์ของพระองค์ไว้ได้ หรืออาจทูลถามพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงกระทำอะไรพระเจ้าค่ะ?’”—ดานิเอล 4:35.
4. เป็นไปอย่างไรที่พระยะโฮวาทรงจำกัดเสรีภาพของพระองค์ไว้?
4 อย่างไรก็ตาม หลักการอันชอบธรรมของพระยะโฮวาจำกัดเสรีภาพโดยสมบูรณ์นั้นไว้. สิ่งนี้เห็นได้เมื่ออับราฮามแสดงความห่วงใยหมู่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองโซโดมและทูลถามว่า “ผู้พิพากษาแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะไม่พิพากษาตามความยุติธรรมหรือ?” คำตอบของพระเจ้าชี้ให้เห็นว่าพระองค์ทรงรับรู้ความรับผิดชอบของพระองค์ที่จะทำสิ่งถูกต้อง. พระองค์จะไม่ทำลายเมืองโซโดมหากมีคนชอบธรรมอาศัยอยู่ในเมืองนี้. (เยเนซิศ 18:22–33) พระเจ้าทรงจำกัดเสรีภาพของพระองค์เช่นกันเนื่องด้วยความรักและพระสติปัญญาของพระองค์เป็นเหตุให้พระองค์ไม่โกรธเร็วและทรงสำแดงการบังคับพระองค์เอง.—ยะซายา 42:14.
ข้อจำกัดต่าง ๆ แห่งเสรีภาพของมนุษย์
5. มีองค์ประกอบอะไรบ้างที่จำกัดเสรีภาพของมนุษย์ไว้?
5 ขณะที่พระยะโฮวาทรงมีเสรีภาพอันสมบูรณ์ แต่ผู้อื่นทั้งสิ้นปฏิบัติภายในขอบเขตซึ่งกำหนดโดยธรรมชาติ, สมรรถนะ, และถิ่นที่อยู่ของเขา, และองค์ประกอบอย่างเช่นช่วงชีวิตที่จำกัดของมนุษย์ผิดบาปในปัจจุบัน. พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์พร้อมด้วยเสรีภาพอันพร้อมมูลที่จะกระทำการภายในที่อยู่ซึ่งพระยะโฮวาทรงจัดไว้สำหรับเขา. เสรีภาพของมนุษย์ถูกจำกัด ไม่ใช่สมบูรณ์พร้อม เนื่องด้วยเหตุผลอื่นอีกหลายประการ.
6. ความรับผิดชอบที่ต้องให้การต่อพระเจ้ามีความเกี่ยวพันอะไรกับเสรีภาพของเรา?
6 ประการแรก เสรีภาพของมนุษย์มีขอบเขตจำกัดเพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เพื่อกระทำหน้าที่ตามพระประสงค์ของพระองค์. พระยะโฮวาทรง ‘คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์ สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.’ (วิวรณ์ 4:11) ฉะนั้น มนุษย์จึงต้องให้การต่อผู้ที่สร้างตัวเขา ผู้ซึ่งได้ตั้งกฎเกณฑ์ปกครองมนุษย์อย่างชอบธรรม. ในยิศราเอลโบราณภายใต้พระบัญญัติของโมเซ พระเจ้าทรงกำหนดว่าคนใดที่ออกพระนามของพระองค์อย่างผิด ๆ หรือละเมิดกฎหมายวันซะบาโตจะต้องถูกประหาร. (เอ็กโซโด 20:7; 31:14, 15; เลวีติโก 24:13–16; อาฤธโม 15:32–36) ถึงแม้เราในฐานะเป็นคริสเตียนไม่อยู่ใต้พระบัญญัติ เสรีภาพของเราก็ถูกจำกัดเนื่องด้วยเราต้องให้การต่อพระยะโฮวา ผู้ทรงเป็นผู้พิพากษา, ผู้บัญญัติกฎหมาย, และพระมหากษัตริย์ของเรา.—ยะซายา 33:22; (ข้อ 23 ในฉบับแปลเก่า) โรม 14:12.
7, 8. (ก) กฎธรรมชาติจำกัดเสรีภาพของมนุษย์อย่างไร? (ข) กฎอะไรอื่นอีกของพระเจ้าจำกัดเสรีภาพของเรา?
7 ประการที่สอง เสรีภาพของมนุษย์ถูกจำกัดด้วยกฎธรรมชาติที่พระเจ้าทรงวางไว้. ยกตัวอย่าง เนื่องด้วยกฎความโน้มถ่วง มนุษย์ไม่อาจกระโดดจากตึกระฟ้าได้โดยไม่เป็นอันตรายหรือเสียชีวิต. จึงเห็นได้ชัดว่า กฎธรรมชาติที่พระเจ้าตั้งไว้นั้นจำกัดเสรีภาพมนุษย์ไว้จากการกระทำบางสิ่งบางอย่าง.
8 ประการที่สาม เสรีภาพของมนุษย์ถูกจำกัดด้วยกฎทางศีลธรรมที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้น. คุณคงเคยสังเกตเห็นความเป็นจริงของสิ่งที่เปาโลเขียนไว้ในฆะลาเตีย 6:7, 8 (ล.ม.) ที่ว่า “อย่าหลงเลย จะหลอกพระเจ้าเล่นไม่ได้. เพราะว่า คนใดหว่านอะไรลงก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น; เพราะคนใดที่หว่านโดยคำนึงถึงเนื้อหนังของตนเอง จะเกี่ยวเก็บการเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านโดยคำนึงถึงพระวิญญาณจะเกี่ยวเก็บชีวิตชั่วนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น.” อย่างที่ไม่อาจโต้แย้งได้ กฎทางศีลธรรมของพระเจ้าจำกัดเสรีภาพของเราไว้ แต่การเชื่อฟังกฎนั้นเป็นข้อเรียกร้องเพื่อจะได้ชีวิต.
9. การที่เราเป็นส่วนหนึ่งแห่งสังคมมนุษย์จำกัดเสรีภาพของเราอย่างไร?
9 ประการที่สี่ เสรีภาพของมนุษย์ถูกจำกัดเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมนุษย์. ดังนั้น เขาจะมีเสรีภาพเพียงตราบเท่าที่เสรีภาพของเขาจะไม่รบกวนเสรีภาพของผู้อื่นอย่างไม่ยุติธรรม. คริสเตียนต้องอยู่ใต้ “อำนาจที่สูงกว่า” ทางรัฐบาลบ้านเมือง โดยเชื่อฟังคนเหล่านั้นตราบเท่าที่พวกเขาไม่สั่งเราให้ละเมิดกฎหมายของพระเจ้า. (โรม 13:1; กิจการ 5:29) ตัวอย่างเช่น เราควรเชื่อฟังกฎหมายเรื่องการเสียภาษี, เรื่องการจำกัดความเร็วเมื่อขับรถยนต์, และอื่น ๆ. ข้อเท็จจริงที่ว่าเราต้องเชื่อฟังกฎหมายเหล่านั้นของ “กายะซา” ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่าเสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่เรานั้นไม่ใช่เสรีภาพสมบูรณ์.—มาระโก 12:17; โรม 13:7.
เพราะเหตุใดจึงเป็นเสรีภาพอันมีขอบเขต?
10, 11. เพราะเหตุใดพระยะโฮวาจึงประทานเสรีภาพอันมีขอบเขตแก่เรา?
10 เพราะเหตุใดพระเจ้าจึงประทานเสรีภาพที่มีขอบเขตแก่มนุษย์? เหตุผลหนึ่งก็คือ พระผู้สร้างจะได้มีสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินโลกซึ่งจะถวายพระเกียรติและคำสรรเสริญแด่พระองค์โดยคำพูดและการประพฤติอันดี. มนุษย์สามารถทำสิ่งนี้ในขณะที่สัตว์ไม่อาจทำได้. สัตว์ต่าง ๆ ถูกควบคุมโดยสัญชาตญาณ จึงไม่รู้อะไรเลยในเรื่องความประพฤติทางศีลธรรม. คุณสามารถฝึกสุนัขไม่ให้เอาของบางอย่าง แต่คุณไม่อาจสอนมันให้รู้ถึงความผิดของการขโมย. สัตว์ที่ถูกกำหนดพฤติกรรมไว้แล้วจะไม่สามารถทำการตัดสินใจที่จะนำคำสรรเสริญและพระเกียรติมาสู่พระเจ้าได้ ในขณะที่มนุษย์สามารถเลือกได้โดยอิสระที่จะปฏิบัติพระผู้สร้างตัวเขาเนื่องด้วยความรักและความหยั่งรู้ค่า.
11 นอกจากนั้น พระเจ้าประทานเสรีภาพชนิดนี้แก่มนุษย์เพื่อผลประโยชน์และความสุขของพวกเขาเอง. พวกเขาสามารถใช้เสรีภาพของเขาอันมีขอบเขตได้โดยการคิดสร้างสรรค์หรือการประดิษฐ์คิดค้น, แสดงความกรุณาและให้ความร่วมมือ. มนุษย์ยังมีเสรีภาพในการเลือกอีกด้วย เช่น ในเรื่องของงานอาชีพและที่อยู่อาศัย. ทุกวันนี้ องค์ประกอบทางเศรษฐกิจและการปกครองมักจะจำกัดเสรีภาพในการเลือกเช่นนั้น แต่สิ่งนี้อาจเนื่องมาจากความโลภของมนุษย์เอง ไม่ใช่เพราะแนวทางที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์แต่แรกเริ่มเดิมที.
12. ทำไมมนุษยชาติส่วนใหญ่จึงอยู่ในสภาพของการเป็นทาส?
12 ถึงแม้พระยะโฮวาประทานเสรีภาพมากมายแก่มนุษย์ก็ตาม มนุษย์ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ตกเป็นทาสอย่างน่าสังเวช. เกิดอะไรขึ้น? มนุษย์คู่แรก อาดามกับฮาวา ได้พลาดจุดประสงค์ของเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน. พวกเขาดำเนินเลยขอบเขตแห่งเสรีภาพที่พระเจ้าทรงกำหนดและท้าทายตำแหน่งผู้ครอบครองโดยชอบธรรมของพระยะโฮวาในฐานะเป็นพระเจ้าองค์บรมมหิศร. (เยเนซิศ 3:1-7; ยิระมะยา 10:10; 50:31) อาดามกับฮาวาไม่พอใจจะใช้เสรีภาพของตนเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า พวกเขาใช้เสรีภาพอย่างเห็นแก่ตัว เพื่อตัดสินใจเองว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ด้วยเหตุนั้น เขาจึงร่วมกับซาตานในการกบฏต่อพระยะโฮวา. แทนที่จะได้เสรีภาพมากขึ้น อาดามกับฮาวากลับต้องตกอยู่ใต้ข้อจำกัดและพันธะต่าง ๆ ที่ยากลำบาก ซึ่งทำให้เสรีภาพของพวกเขาลดน้อยลง และสุดท้ายก็ตาย. การสูญเสียเสรีภาพนั้นตกแก่ลูกหลานของเขาด้วย. “เหตุว่าคนทั้งปวงได้กระทำบาปและขาดไปจากสง่าราศีของพระเจ้า.” “ด้วยว่าค่าจ้างของความบาปนั้นคือความตาย.” (โรม 3:23, ล.ม.; 5:12; 6:23).
13. เพราะเหตุใดซาตานจึงสามารถทำให้มนุษย์ตกเป็นทาส?
13 เนื่องจากการกบฏในสวนเอเดน อาดามกับลูกหลานของเขาจึงตกเป็นทาสของซาตานพญามารด้วย. “มนุษย์โลกทั้งสิ้นทอดตัวจมอยู่ในมารร้าย”! (1 โยฮัน 5:19) เนื่องด้วยอำนาจและความสามารถที่เหนือกว่า ซาตานจึงสามารถล่อลวงมนุษย์ได้ และทำให้มนุษย์ทั้งปวงที่เหินห่างจากพระเจ้าเป็นทาสของมัน. ยิ่งกว่านั้น มนุษย์ที่เห็นแก่ตัวได้ใช้อำนาจเหนือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันซึ่งยังผลเสียหายแก่เขา. (ท่านผู้ประกาศ 8:9) ฉะนั้น มนุษย์ทั่วไปในทุกวันนี้ตกเป็นทาสของความบาปและความตาย, เป็นทาสซาตานและผีปิศาจ, และเป็นทาสแห่งระบบทางการเมือง, ทางเศรษฐกิจ, และทางศาสนาของโลก.
เสรีภาพแท้มีทางเป็นไปได้
14. ความหวังที่มนุษย์จะมีเสรีภาพแท้นั้นเกี่ยวเนื่องกับสิ่งใด?
14 การได้รับเสรีภาพพ้นจากบาป, ความตาย, และซาตานกับโลกของมันนั้น มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับพระทัยประสงค์อันแน่วแน่ของพระเจ้าที่จะจัดการกับประเด็นอันเกี่ยวเนื่องกับความถูกต้องชอบธรรมแห่งสากลบรมเดชานุภาพของพระองค์เอง. เนื่องจากซาตานยกประเด็นนี้ขึ้นมา พระยะโฮวาจึงได้ทรงอนุญาตให้มันยังมีชีวิตอยู่ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงยอมให้ฟาโรห์มีชีวิตอยู่ระยะหนึ่ง. ทั้งนี้ก็เพื่อว่าพระยะโฮวาจะทรงแสดงฤทธานุภาพของพระองค์อย่างเต็มที่และให้พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก. (เอ็กโซโด 9:15, 16) อีกไม่ช้า พระเจ้าจะทรงชันสูตรพระองค์เองในฐานะองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพและเชิดชูพระนามของพระองค์โดยการขจัดความเสื่อมเสียซึ่งการกบฏของซาตาน, อาดาม, และฮาวานำมาสู่พระนามของพระองค์. ด้วยเหตุนั้น คนเหล่านั้นที่เกรงกลัวพระยะโฮวาจะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสบาปและความตาย และจะถูกนำเข้าสู่โลกใหม่แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน.—โรม 8:19–23.
15. พระเยซูทรงมีบทบาทอะไรในการฟื้นฟูเสรีภาพแก่มนุษยชาติ?
15 เพื่อฟื้นฟูเสรีภาพแก่มนุษย์ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกในฐานะเป็นมนุษย์. โดยการสละชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ของพระองค์อย่างเต็มพระทัย พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ได้จัดให้มีเครื่องบูชาไถ่ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการปลดปล่อยมนุษยชาติให้เป็นอิสระ. (มัดธาย 20:28) พระองค์ยังได้ทรงประกาศข่าวสารแห่งเสรีภาพอีกด้วย. ในตอนเริ่มต้นงานรับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ซึ่งกล่าวถึงพระองค์เองว่า “พระวิญญาณแห่งพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรสถิตบนข้าพเจ้า เพราะเหตุที่พระยะโฮวาได้เจิมข้าพเจ้าให้ประกาศข่าวดีแก่คนถ่อม. พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้สมานผู้ที่มีหัวใจชอกช้ำ ให้ประกาศอิสรภาพแก่คนตกเป็นเชลย และการเปิดตาออกกว้างแก่ผู้ถูกคุมขัง.”—ยะซายา 61:1 (ล.ม.); ลูกา 4:16–21.
16. ชาวยิวในศตวรรษแรกต้องทำตามขั้นตอนอะไรเพื่อได้รับเสรีภาพแท้?
16 ผู้คนจะได้มาซึ่งเสรีภาพนั้นโดยวิธีใด? พระเยซูตรัสว่า “ถ้าเจ้าทั้งหลายตั้งมั่นคงอยู่ในคำของเรา เจ้าก็เป็นสาวกแท้ของเรา และเจ้าทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ.” ด้วยเหตุนั้น เหล่าสาวกของพระเยซูจึงได้เข้ามาชื่นชมยินดีกับเสรีภาพฝ่ายวิญญาณ. (โยฮัน 8:31, 32, 36, ล.ม.) นอกจากนั้น พระเยซูตรัสกับ ปนเตียว ปีลาต ผู้สำเร็จราชการชาวโรมันว่า “เพราะเหตุนี้เราจึงเกิดมา และเพราะเหตุนี้เราได้เข้ามาในโลก เพื่อเราจะให้คำพยานถึงความจริง. ทุกคนที่อยู่ฝ่ายความจริงฟังเสียงของเรา.” (โยฮัน 18:37, ล.ม.) ชาวยิวซึ่งยอมรับความจริงดังที่พระเยซูได้ประกาศสั่งสอนและวางแบบอย่างไว้ได้กลับใจจากบาปของเขา แก้ไขแนวทางที่ผิด เสนอตัวแด่พระยะโฮวา และได้รับบัพติสมาดังที่พระเยซูได้ทรงรับ. (มัดธาย 3:13–17; กิจการ 3:19) ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจึงได้เข้ามาชื่นชมกับเสรีภาพอันมีขอบเขตที่พระเจ้าประทาน.
17. เพราะเหตุใดพระยะโฮวาจึงประทานเสรีภาพแก่เหล่าผู้รับใช้ของพระองค์?
17 ที่พระยะโฮวาประทานเสรีภาพแก่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์นั้นในประการแรกก็เพื่อการเชิดชูพระบรมเดชานุภาพของพระองค์เอง แต่ก็เพื่อประโยชน์สุขของพวกเขาด้วย. พระองค์ทรงปลดปล่อยชาติยิศราเอลจากการเป็นทาสของชาวอียิปต์เพื่อพวกเขาจะถวายพระเกียรติแด่พระองค์ในฐานะที่พวกเขาเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิต และเป็นพยานของพระองค์. (เอ็กโซโด 19:5, 6; ยะซายา 43:10–12) ในทำนองคล้ายคลึงกัน ที่พระยะโฮวาทรงนำไพร่พลของพระองค์ออกจากการเป็นเชลยของชาวบาบูโลนนั้น ประการแรกก็เพื่อสร้างพระวิหารของพระองค์ขึ้นใหม่และฟื้นฟูการนมัสการแท้. (เอษรา 1:2–4) เมื่อเหล่าคนที่เคยเป็นเชลยในต่างแดนแล้วได้กลับมานั้นห่วงใยแต่ความสบายของตนเอง พระยะโฮวาจึงทรงส่งผู้พยากรณ์ฮาฆีกับซะคาระยาไปเตือนพวกเขาถึงพันธะที่มีต่อพระเจ้า. ดังนั้น โดยการใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานด้วยทัศนะที่ถูกต้องจึงได้ยังผลด้วยการสร้างพระวิหารเสร็จ เพื่อพระเกียรติยศของพระเจ้า และเป็นความสุขสบายและสวัสดิภาพแก่ไพร่พลของพระองค์ด้วย.
อย่าพลาดไปจากวัตถุประสงค์ของเสรีภาพที่พระเจ้าทรงประทาน
18. ทำไมจึงอาจกล่าวได้ว่าเหล่าผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในสมัยนี้ไม่ได้พลาดไปจากวัตถุประสงค์แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่เขา?
18 ผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันล่ะเป็นอย่างไร? ในฐานะเป็นองค์การ พวกเขาไม่ได้พลาดไปจากวัตถุประสงค์ของเสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่เขา. ในทศวรรษปี 1870 พวกเขาเริ่มเป็นอิสระจากความผิดพลาดแบบบาบูโลนและได้มีเสรีภาพแบบคริสเตียน. ทั้งนี้ก็สอดคล้องกับสุภาษิต 4:18, (ล.ม.) ซึ่งกล่าวว่า “แต่วิถีของเหล่าคนที่ชอบธรรมเป็นดุจแสงสว่างอันรุ่งโรจน์ส่องแสงกล้าขึ้นทุกทีจนกระทั่งถึงวันได้ตั้งขึ้นมั่นคง.” แต่ดังที่ไพร่พลของพระเจ้าในครั้งโบราณตกเป็นเชลยชาวบาบูโลนอยู่ระยะหนึ่ง ในปี 1918 พวกผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็ได้ตกเป็นทาสของบาบูโลนใหญ่อยู่ระยะหนึ่ง. (วิวรณ์ 17:1, 2, 5) พรรคพวกของจักรภพแห่งศาสนาเท็จต่างยินดีปรีดาเมื่อ “พยานทั้งสอง” อันมีความหมายเป็นนัยได้ตายฝ่ายวิญญาณ. แต่โดยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระเจ้า ผู้รับใช้ที่ถูกเจิมของพระองค์จึงได้คืนชีพอีกในปี 1919 โดยได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระฝ่ายวิญญาณ. (วิวรณ์ 11:3, 7–11) โดยใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทาน พวกเขาได้มาเป็นพยานผู้กระตือรือร้นของพระผู้สูงสุด. ฉะนั้น จึงเป็นการเหมาะสมจริง ๆ ที่พวกเขาได้รับเอาชื่อพยานของพระยะโฮวาด้วยความยินดีในปี 1931. (ยะซายา 43:10-12) โดยเฉพาะนับตั้งแต่ปี 1935 พยานผู้ถูกเจิมก็ได้ “ชนหมู่ใหญ่” มาร่วมสมทบ ซึ่งเป็นผู้มีความหวังจะได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก. พวกเขาก็เช่นกันที่ไม่ได้พลาดไปจากวัตถุประสงค์แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน.—วิวรณ์ 7:9–17.
19, 20. (ก) แนวทางหนึ่งที่โดดเด่นซึ่งไพร่พลของพระยะโฮวาใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานนั้นคืออย่างไร? (ข) พยานพระยะโฮวาใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานในแนวทางที่โดดเด่นอะไรอื่นอีก?
19 ไพร่พลของพระยะโฮวากำลังใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานนั้นให้เป็นประโยชน์ในสองแนวทางอันโดดเด่นโดยเฉพาะ. ประการหนึ่ง พวกเขาใช้เสรีภาพนั้นเพื่อติดตามแนวทางประพฤติที่ซื่อตรง. (1 เปโตร 2:16) และนั่นจึงทำให้พวกเขามีชื่อเสียงดีจริง ๆ! ยกตัวอย่าง ครั้งหนึ่ง ชายคนหนึ่งเดินเข้ามายังหอประชุมที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และบอกว่าเขาอยากเป็นพยานพระยะโฮวา. เมื่อถามถึงเหตุผล เขาตอบว่าน้องสาวของเขาเป็นพยานฯและถูกตัดสัมพันธ์เนื่องจากประพฤติผิดศีลธรรม. เขาบอกว่า ‘องค์การอย่างนี้แหละที่ผมอยากเข้าร่วม—องค์การที่ไม่ยอมให้กับการประพฤติไม่ดี.’ ด้วยเหตุผลที่ดี สารานุกรมคาทอลิก ให้ข้อสังเกตว่าพยานพระยะโฮวาได้ชื่อเสียงดีด้วยการเป็น “กลุ่มชนหนึ่งในโลกที่มีความประพฤติเป็นเยี่ยม.”
20 นอกจากนั้น พยานพระยะโฮวาใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานอย่างเป็นประโยชน์โดยการทำหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้สำเร็จด้วยการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร ดังที่พระเยซูได้ทรงกระทำ. (มัดธาย 4:17) พวกเขาประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวาโดยการบอกเล่าและโดยทางสิ่งพิมพ์ ทั้งอย่างเป็นทางการและเมื่อสบโอกาส. ด้วยการกระทำเช่นนั้น พวกเขาทำให้ตนเองได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงโดยการเสริมความเชื่อของเขาให้เข้มแข็งและทำให้ความหวังของเขากระจ่างชัด. ยิ่งกว่านั้น กิจการที่เขาทำนั้นช่วยทั้งตัวเขาและคนที่ฟังเขาให้รอด. (1 ติโม. 4:16) เกี่ยวกับกิจการนี้ หนังสือ ขบวนการทางศาสนาที่ทรงพลัง กล่าวว่า “คงเป็นการยากที่จะพบสมาชิกของกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งทำงานหนักด้านศาสนาของเขาเหมือนอย่างพยานพระยะโฮวา.”
21. มีพยานหลักฐานอะไรชี้ว่าพระยะโฮวาทรงอวยพระพรแก่งานรับใช้ของไพร่พลของพระองค์?
21 พระยะโฮวาทรงอวยพระพรแก่เรามากเพียงไรที่เรากระทำให้ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน! สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากรายงานการประกาศของปีที่แล้ว—ยอดผู้ประกาศราชอาณาจักรกว่าสี่ล้านคน และมีกว่าสิบล้านคนร่วมการประชุมอนุสรณ์ระลึกถึงการวายพระชนม์ของพระเยซู. ในการสำรวจครั้งหนึ่ง ประเทศไอร์แลนด์มียอดผู้เผยแพร่ถึง 29 ครั้งติดต่อกัน; เม็กซิโกมียอดใหม่ 78 ครั้งใน 80 เดือน; และญี่ปุ่นมียอดใหม่ 153 ครั้งติดต่อกัน!
จงใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่คุณให้เป็นประโยชน์
22. อะไรคือจุดสำคัญของคำถามที่กระตุ้นความคิดที่เราน่าจะถามตัวเอง?
22 หากคุณเป็นพยานที่อุทิศตัวแล้วคนหนึ่งของพระยะโฮวา คุณกำลังใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่คุณให้เป็นประโยชน์หรือเปล่า? เราทุกคนน่าจะถามตัวเองว่า ‘ฉันใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานนั้นด้วยความรอบคอบไหมเพื่อจะไม่เป็นเหตุให้ใครคนใดสะดุดเพราะการประพฤติไม่ดี? ฉันเชื่อฟังกฎหมายของซีซาร์อย่างจริงใจ แต่ก็จัดให้กฎหมายของพระเจ้าอยู่ในอันดับแรกไหม? ฉันร่วมมือกับพวกผู้ปกครองในประชาคมอย่างเต็มที่ไหม? ฉันใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานอย่างเต็มที่ไหมในการประกาศสั่งสอน? ฉันมี ‘งานขององค์พระผู้เป็นเจ้าบริบูรณ์อยู่ทุกเวลา’ ไหม? ฉันมุ่งแต่ทำงานอาชีพฝ่ายโลกอย่างเป็นบ้าเป็นหลังไหมในเมื่อฉันสามารถใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานอย่างที่เป็นประโยชน์กว่าโดยการขยายงานรับใช้ของฉันให้มากขึ้น เอื้อมแขนออกไปเพื่อความรับผิดชอบมากขึ้นในประชาคมหรือในงานรับใช้เต็มเวลา?’—1 โกรินโธ 15:58.
23. เราควรทำอะไรเพื่อว่าเราจะไม่พลาดไปจากวัตถุประสงค์แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่เรา?
23 ขอให้เราทุกคน “ชิมดูจึงจะรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ประเสริฐ.” (บทเพลงสรรเสริญ 34:8) ให้เราวางใจในพระองค์ ปฏิบัติตามกฎหมายของพระองค์ และถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์โดยการประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระองค์อย่างกระตือรือร้น. จงจำไว้เสมอว่าคนที่ ‘หว่านมากจะเกี่ยวเก็บมาก.’ (2 โกรินโธ 9:6) เพราะฉะนั้น ให้เราถวายการรับใช้แด่พระยะโฮวาด้วยสิ้นสุดหัวใจและแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้พลาดไปจากวัตถุประสงค์แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่เรา.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ พระเจ้าทรงมีเสรีภาพชนิดใด?
▫ เสรีภาพของมนุษย์มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
▫ เสรีภาพแท้เป็นไปได้อย่างไร?
▫ เราต้องทำอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดไปจากวัตถุประสงค์แห่งเสรีภาพที่พระเจ้าประทาน?
[รูปภาพหน้า 9]
เสรีภาพของมนุษย์ถูกจำกัดด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ดังเช่นกฎความโน้มถ่วง