การศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมด้วยภูมิหลัง
บทเรียนที่ 5—ข้อความภาษาฮีบรูในพระคัมภีร์บริสุทธิ์
วิธีที่พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งเป็นส่วนแห่งพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าได้รับการคัดสำเนา, รักษาข้อความให้คงเดิม, และตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน.
1. (ก) ‘ถ้อยคำของพระยะโฮวา’ ต่างจากสมบัติมีค่าอื่น ๆ ในอดีตอย่างไร? (ข) เกิดข้อข้องใจอะไรบ้างเกี่ยวกับการเก็บรักษาพระคำของพระเจ้า?
‘ถ้อยคำของพระยะโฮวา’ ที่เขียนลงไว้อาจเปรียบได้กับน้ำแห่งความจริงที่รวบรวมในที่เก็บอันโดดเด่นแห่งเอกสารที่มีขึ้นโดยการดลใจ. เรารู้สึกขอบคุณจริง ๆ ที่ตลอดระยะเวลาแห่งการติดต่อสื่อสารจากสวรรค์ พระยะโฮวาทรงโปรดให้มีการรวบรวม “น้ำ” เหล่านี้ไว้ด้วยกันเพื่อเป็นแหล่งความรู้ที่ให้ชีวิตซึ่งไม่มีวันแห้ง! สมบัติมีค่าอื่น ๆ ในอดีต เช่น มงกุฎกษัตริย์, ทรัพย์มรดก และอนุสาวรีย์สำหรับมนุษย์ ต่างหมองคล้ำ, ผุกร่อน, หรือพังทลายไปตามกาลเวลา แต่คำตรัสของพระเจ้าของเราซึ่งเสมือนทรัพย์ล้ำค่าจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์. (ยซา. 40:8) อย่างไรก็ตาม เกิดข้อข้องใจขึ้นว่าน้ำแห่งความจริงเหล่านั้นถูกทำให้ปนเปื้อนหรือไม่หลังจากใส่ไว้ในที่เก็บ. น้ำนั้นยังคงปราศจากการเจือปนไหม? น้ำเหล่านั้นถูกถ่ายทอดจากข้อความในภาษาเดิมอย่างซื่อสัตย์ไหม ซึ่งจะยังผลให้สิ่งที่ชนชาติในทุกภาษาบนแผ่นดินโลกหาอ่านได้ในปัจจุบันนี้เป็นที่ไว้วางใจได้? เราจะพบว่าเป็นการศึกษาที่น่าตื่นเต้นเมื่อตรวจดูส่วนของแหล่งน้ำนี้ซึ่งรู้จักกันว่าเป็นข้อความภาษาฮีบรูในพระคัมภีร์ โดยสังเกตการใช้ความระมัดระวังเพื่อรักษาความถูกต้องแม่นยำ พร้อมกับสิ่งจัดเตรียมอันน่าอัศจรรย์ต่าง ๆ สำหรับการถ่ายทอดพระคำและทำให้พระคำเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกชาติหาได้โดยทางฉบับแปลต่าง ๆ รวมทั้งฉบับแปลใหม่ ๆ ด้วย.
2. หนังสือที่มีขึ้นโดยการดลใจถูกเก็บรักษาจนถึงสมัยของเอษราอย่างไร?
2 ต้นฉบับภาษาฮีบรูและอาระเมอิกบันทึกโดยมนุษย์ที่เป็นเลขานุการของพระเจ้า นับตั้งแต่โมเซในปี 1513 ก.ส.ศ. มาจนถึงไม่นานหลังจากปี 443 ก.ส.ศ. เท่าที่ทราบกันในทุกวันนี้ ไม่มีต้นฉบับเหล่านั้นเหลืออยู่เลย. อย่างไรก็ตาม มีการเก็บรักษาหนังสือที่มีขึ้นโดยการดลใจรวมทั้งฉบับสำเนาต่าง ๆ อย่างระมัดระวังยิ่งตั้งแต่ต้น. ประมาณปี 642 ก.ส.ศ. ในสมัยของกษัตริย์โยซียา มีการพบ “หนังสือพระบัญญัติ” ของโมเซที่ถูกเก็บไว้ในพระวิหารของพระยะโฮวา ซึ่งคงเป็นต้นฉบับอย่างไม่ต้องสงสัย. ต้นฉบับนั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างซื่อสัตย์เป็นเวลา 871 ปีจนถึงเวลานั้น. ยิระมะยาผู้เขียนพระคัมภีร์แสดงความสนใจการค้นพบนี้มากจนท่านเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้ที่ 2 กษัตริย์ 22:8-10 และประมาณปี 460 ก.ส.ศ. เอษราก็อ้างถึงเหตุการณ์นี้อีกครั้ง. (2 โคร. 34:14-18) ท่านสนใจสิ่งเหล่านี้เพราะท่าน “เป็นอาลักษณ์ชำนาญในบทพระบัญญัติของโมเซ, คือพระบัญญัติที่พระยะโฮวาพระเจ้าแห่งพวกยิศราเอลได้ทรงประทาน.” (เอษรา 7:6) ไม่ต้องสงสัยว่าเอษราคงมีพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูม้วนอื่น ๆ อีกซึ่งมีการเขียนไว้จนถึงสมัยนั้น อาจเป็นได้ว่ารวมทั้งต้นฉบับของพระธรรมที่มีขึ้นโดยการดลใจบางเล่มด้วย. ที่จริง ดูเหมือนเอษราเป็นผู้ดูแลหนังสือจากพระเจ้าในสมัยของท่าน.—นเฮม. 8:1, 2.
ยุคแห่งการคัดฉบับสำเนา
3. ความต้องการฉบับสำเนาของพระคัมภีร์เกิดขึ้นอย่างไร และความต้องการนี้ได้รับการสนองอย่างไร?
3 ตั้งแต่สมัยของเอษราเป็นต้นมา มีความต้องการฉบับสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเพิ่มขึ้น. ไม่ใช่ชาวยิวทุกคนกลับไปยังยะรูซาเลมและปาเลสไตน์ในคราวการบูรณะเมื่อปี 537 ก.ส.ศ. และหลังจากนั้น. ที่จริง หลายพันคนยังอยู่ในบาบูโลน ขณะที่คนอื่น ๆ ย้ายถิ่นฐานเพื่อธุรกิจและด้วยเหตุผลอื่น ๆ ซึ่งยังผลให้พบพวกเขาได้ตามศูนย์พาณิชย์ใหญ่ ๆ ส่วนมากของโลกสมัยโบราณ. ชาวยิวหลายคนเดินทางกลับยะรูซาเลมทุกปีเพื่อร่วมเทศกาลต่าง ๆ ที่พระวิหาร และพวกเขาจะร่วมการนมัสการที่นั่นซึ่งดำเนินการโดยใช้ภาษาฮีบรูในคัมภีร์ไบเบิล. ในสมัยของเอษรา ชาวยิวในดินแดนห่างไกลเหล่านั้นใช้สถานที่ประชุมในท้องถิ่นซึ่งเรียกกันว่าธรรมศาลา มีการอ่านและพิจารณาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูกันที่นั่น.a เนื่องจากสถานนมัสการอยู่กระจัดกระจายหลายแห่ง พวกผู้คัดสำเนาจึงต้องทำฉบับสำเนาที่คัดด้วยมือเพิ่มขึ้นอีก.
4. (ก) เกนิซาห์คืออะไร และใช้กันอย่างไร? (ข) มีการค้นพบที่มีค่าอะไรในเกนิซาห์แห่งหนึ่งเมื่อศตวรรษที่ 19?
4 ธรรมศาลาเหล่านั้นมักมีห้องเก็บของที่เรียกกันว่าเกนิซาห์. เมื่อเวลาผ่านไป ชาวยิวเอาฉบับสำเนาที่ไม่ใช้แล้วซึ่งฉีกขาดหรือชำรุดเนื่องด้วยความเก่าไปเก็บไว้ในเกนิซาห์ แล้วเอาฉบับสำเนาใหม่ไปใช้แทนในธรรมศาลา. เป็นครั้งคราว สิ่งที่เก็บไว้ในเกนิซาห์จะถูกฝังดินไว้ด้วยพิธีอันทรงเกียรติเพื่อว่าข้อความซึ่งมีพระนามบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาจะไม่ถูกทำให้เสื่อมเสีย. เป็นเวลาหลายศตวรรษ ฉบับสำเนาคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษาฮีบรูหลายพันฉบับจึงศูนย์หายไปด้วยวิธีนี้. อย่างไรก็ตาม เกนิซาห์ของธรรมศาลาในกรุงไคโรโบราณซึ่งมีของเก็บอยู่มากมายรอดจากการกระทำดังกล่าว อาจเป็นเพราะเกนิซาห์ที่นั่นมีการก่อกำแพงปิดไว้และถูกลืมไปจนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 19. ในปี 1890 เมื่อมีการซ่อมแซมธรรมศาลา จึงได้มีการตรวจดูสิ่งที่เก็บไว้ในเกนิซาห์อีกและทรัพย์สิ่งของที่นั่นค่อย ๆ ถูกขายหรือไม่ก็บริจาคออกไป. จากแหล่งนี้ ฉบับสำเนาที่ค่อนข้างสมบูรณ์และชิ้นส่วนหลายพันชิ้น (กล่าวกันว่าบางชิ้นอยู่ในศตวรรษที่หก ส.ศ.) ไปอยู่ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และห้องสมุดอื่น ๆ ในยุโรปและอเมริกา.
5. (ก) ปัจจุบันมีการทำบัญชีรายชื่อฉบับสำเนาฮีบรูโบราณอะไร และฉบับสำเนาเหล่านั้นเก่าแก่แค่ไหน? (ข) การศึกษาฉบับสำเนาเหล่านั้นเผยให้เห็นอะไร?
5 ปัจจุบัน ตามห้องสมุดหลายแห่งของโลก มีฉบับสำเนาของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูทั้งหมดหรือเป็นตอน ๆ ราว 6,000 ฉบับที่มีการนับและลงบัญชีรายชื่อ. จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ไม่มีฉบับใดในฉบับสำเนาเหล่านั้น (ยกเว้นชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้น) ที่อายุเก่าแก่กว่าศตวรรษที่สิบ ส.ศ. ต่อมาในปี 1947 มีการค้นพบม้วนหนังสือยะซายาที่บริเวณทะเลเดดซี (ตาย) และในปีต่อ ๆ มาก็มีการพบม้วนพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งประมาณค่าไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกเมื่อถ้ำต่าง ๆ ในแถบทะเลเดดซีเผยให้เห็นฉบับสำเนาล้ำค่ามากมายซึ่งถูกซ่อนไว้เป็นเวลาเกือบ 1,900 ปี. พวกผู้เชี่ยวชาญได้กำหนดอายุของฉบับสำเนาเหล่านี้บางฉบับว่าถูกคัดขึ้นในช่วงสองสามศตวรรษท้าย ๆ ก.ส.ศ. การศึกษาเปรียบเทียบฉบับสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูประมาณ 6,000 ฉบับให้พื้นฐานแน่นหนาสำหรับการยืนยันข้อความภาษาฮีบรูและเผยให้เห็นความซื่อสัตย์ในการถ่ายทอดข้อความเหล่านั้น.
ภาษาฮีบรู
6. (ก) ประวัติช่วงต้น ๆ ของภาษาฮีบรูเป็นอย่างไร? (ข) เหตุใดโมเซจึงมีคุณสมบัติจะเขียนพระธรรมเยเนซิศ?
6 สิ่งที่ผู้คนในทุกวันนี้เรียกว่าภาษาฮีบรูคือภาษาแบบดั้งเดิมที่อาดามใช้พูดในสวนเอเดน. ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าภาษาฮีบรูเป็นภาษาของมนุษย์. ภาษานี้ใช้พูดกันในสมัยของโนฮา แม้ว่ามีคำศัพท์เพิ่มขึ้น. ในรูปแบบที่ขยายกว้างขึ้นอีก ภาษาฮีบรูเป็นภาษาพื้นฐานที่ยังคงอยู่เมื่อพระยะโฮวาทรงทำให้ภาษาของมนุษย์สับสนที่หอบาเบล. (เย. 11:1, 7-9) ภาษาฮีบรูอยู่ในกลุ่มภาษาเซมีติก โดยมีภาษาฮีบรูเป็นต้นตระกูล. ดูเหมือนภาษาฮีบรูมีความเกี่ยวข้องกับภาษาของคะนาอันในสมัยของอับราฮาม และจากภาษาของพวกเขาซึ่งแตกแขนงจากภาษาฮีบรูชาวคะนาอันได้คิดภาษาถิ่นขึ้นอีกหลายภาษา. ที่ยะซายา 19:18 มีกล่าวถึงภาษาของพวกเขาว่าเป็น “ภาษาคะนาอัน.” โมเซเป็นผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งในสมัยของท่าน ท่านได้เรียนไม่เพียงสติปัญญาของชาวอียิปต์เท่านั้น แต่ยังได้เรียนภาษาฮีบรูของบรรพบุรุษของท่านด้วย. เพราะเหตุนี้ ท่านจึงอยู่ในฐานะที่ได้อ่านหนังสือโบราณต่าง ๆ ที่ผ่านมือท่าน และหนังสือเหล่านั้นอาจให้พื้นฐานสำหรับข้อมูลบางอย่างที่ท่านบันทึกในสิ่งที่รู้จักกันเวลานี้ว่าพระธรรมเยเนซิศในคัมภีร์ไบเบิล.
7. (ก) ภาษาฮีบรูมีการพัฒนาต่อมาอย่างไร? (ข) ภาษาฮีบรูในพระคัมภีร์ทำหน้าที่อะไร?
7 ต่อมาในสมัยกษัตริย์ของชาวยิว ภาษาฮีบรูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “ภาษายูดา.” (2 กษัต. 18:26, 28) ในสมัยพระเยซู ชาวยิวพูดภาษาฮีบรูแบบที่ใหม่ขึ้นหรือขยายกว้างขึ้น ซึ่งต่อมากลายเป็นภาษาฮีบรูแบบของรับบี. อย่างไรก็ตาม พึงสังเกตว่าในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก ยังมีกล่าวถึงภาษานี้ว่าเป็น “ภาษาฮีบรู” ไม่ใช่ภาษาอาระเมอิก. (โย. 5:2, ล.ม.; 19:13, 17, ล.ม.; กิจ. 22:2, ฉบับแปลใหม่; วิ. 9:11, ล.ม.) ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ภาษาฮีบรูในคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาที่เชื่อมโยงการติดต่อสื่อสาร เป็นภาษาที่เข้าใจโดยพยานของพระยะโฮวาส่วนใหญ่ในยุคก่อนคริสเตียน รวมทั้งพยานที่เป็นคริสเตียนในศตวรรษแรก.
8. โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของพระคัมภีร์ เราสามารถขอบคุณสำหรับอะไรได้อย่างแท้จริง?
8 พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นเสมือนที่เก็บน้ำแห่งความจริงที่ใสดุจแก้ว มีการติดต่อสื่อสารและรวบรวมภายใต้การดลใจจากพระเจ้า. อย่างไรก็ตาม เฉพาะผู้ที่อ่านภาษาฮีบรูได้เท่านั้นจึงจะรับน้ำที่พระเจ้าประทานให้นี้ได้โดยตรง. ผู้คนจากชาติต่าง ๆ ที่พูดภาษาหลากหลายจะหาทางรับน้ำแห่งความจริงนี้ได้อย่างไรจึงจะได้รับการชี้นำจากพระเจ้าและรับความสดชื่นแก่จิตวิญญาณของตน? (วิ. 22:17) ทางเดียวเท่านั้นคือโดยการแปลจากภาษาฮีบรูเป็นภาษาอื่น ๆ เพื่อทำให้สายธารแห่งความจริงของพระเจ้าแผ่กว้างออกไปยังมนุษยชาติจำนวนมาก. เราสามารถขอบพระคุณพระยะโฮวาได้อย่างแท้จริงที่ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่สี่หรือที่สาม ก.ส.ศ. จนถึงปัจจุบัน มีการแปลส่วนต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 2,000 ภาษา. นับว่าเป็นประโยชน์จริง ๆ สำหรับคนทั้งปวงที่มีแนวโน้มมาในทางชอบธรรม ซึ่งได้รับการช่วยให้ประสบ “ความปีติยินดี” ในน้ำที่ล้ำค่านี้ได้จริง ๆ!—เพลง. 1:2, ล.ม.; 37:3, 4.
9. (ก) คัมภีร์ไบเบิลเองมอบอำนาจอย่างไรเพื่อให้มีการแปล? (ข) ฉบับแปลคัมภีร์ไบเบิลสมัยโบราณยังส่งเสริมจุดประสงค์ที่ดีอะไรอีก?
9 เป็นคัมภีร์ไบเบิลเองไหมที่มอบอำนาจหรือให้เหตุผลสำหรับการแปลข้อความในคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอื่น ๆ? แน่นอนทีเดียว! คำตรัสของพระเจ้าแก่ชาวยิศราเอลที่ว่า “ชนประเทศทั้งหลายเอ๋ย จงยินดีกับไพร่พลของพระองค์” และพระบัญชาเชิงพยากรณ์ซึ่งพระเยซูให้กับคริสเตียนที่ว่า “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ” จะต้องสำเร็จเป็นจริง. เพื่อสิ่งนี้จะเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการแปลพระคัมภีร์. เมื่อย้อนมองดูตลอดเกือบ 24 ศตวรรษแห่งการแปลคัมภีร์ไบเบิล ปรากฏชัดว่าพระพรของพระยะโฮวาอยู่กับงานนี้. ยิ่งกว่านั้น ฉบับแปลโบราณของคัมภีร์ไบเบิลที่หลงเหลืออยู่ในรูปฉบับสำเนาก็เป็นสิ่งยืนยันความถูกต้องแม่นยำในระดับสูงของข้อความที่เก็บรักษาความจริงในภาษาฮีบรู.—บัญ. 32:43; มัด. 24:14, ล.ม.
ฉบับแปลต่าง ๆ ในยุคแรก
10 (ก) เพนทาทุกของชาวซะมาเรียคืออะไร และเหตุใดจึงเป็นประโยชน์แก่เราในทุกวันนี้? (ข) จงยกตัวอย่างการใช้เพนทาทุกของชาวซะมาเรียในฉบับแปลโลกใหม่.
10 เพนทาทุกของชาวซะมาเรีย. นับตั้งแต่ยุคแรก ๆ มีฉบับแปลที่รู้จักกันว่าเพนทาทุกของชาวซะมาเรีย ซึ่งตามที่ชื่อบ่งไว้ มีเฉพาะพระธรรมห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู. จริง ๆ แล้ว ฉบับแปลนี้เป็นการเขียนข้อความภาษาฮีบรูด้วยอักขระแบบซะมาเรียซึ่งพัฒนาจากอักขระฮีบรูโบราณ. ฉบับแปลนี้ให้ข้อบ่งชี้ที่เป็นประโยชน์ถึงข้อความภาษาฮีบรูสมัยนั้น. การเขียนข้อความภาษาฮีบรูด้วยอักขระซะมาเรียทำโดยชาวซะมาเรีย คือเหล่าลูกหลานของพวกที่ถูกละไว้ในซะมาเรียภายหลังการพิชิตอาณาจักรยิศราเอลสิบตระกูลในปี 740 ก.ส.ศ. กับเหล่าผู้คนที่ชาวอัสซีเรียนำเข้ามาในสมัยนั้น. ชาวซะมาเรียเอาการนมัสการของยิศราเอลผสมผเสกับการนมัสการพระนอกรีตของเขาเอง และพวกเขายอมรับเพนทาทุก. เชื่อกันว่าพวกเขาคัดเพนทาทุกด้วยอักขระซะมาเรียเมื่อประมาณศตวรรษที่สี่ ก.ส.ศ. แม้ว่าผู้คงแก่เรียนบางคนคาดว่าอาจเป็นช่วงหลังจากนั้นอีก คือในศตวรรษที่สอง ก.ส.ศ. แท้จริงแล้ว ขณะที่พวกเขาอ่านข้อความนั้น พวกเขาจะออกเสียงเป็นภาษาฮีบรู. แม้ว่าข้อความนั้นมีข้อแตกต่างจากข้อความภาษาฮีบรูประมาณ 6,000 แห่ง แต่ข้อแตกต่างนั้นหลายแห่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อย. ในฉบับสำเนาที่มีอยู่ มีไม่กี่ฉบับที่เก่าแก่กว่าศตวรรษที่ 13 ส.ศ. ที่เชิงอรรถในฉบับแปลโลกใหม่ (ภาษาอังกฤษ) มีการอ้างถึงเพนทาทุกของชาวซะมาเรียเป็นบางครั้ง.b
11. ทาร์กุมคืออะไร และเป็นประโยชน์อย่างไรเกี่ยวกับข้อความในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู?
11 ทาร์กุมภาษาอาระเมอิก. คำภาษาอาระเมอิกสำหรับ “การตีความ” หรือ “การถอดความ” คือ ทาร์กุม. ตั้งแต่สมัยของนะเฮมยาเป็นต้นมา ชาวยิวจำนวนมากที่อาศัยในเขตของเปอร์เซียใช้ภาษาอาระเมอิกเป็นภาษากลาง จึงจำเป็นต้องมีการแปลเป็นภาษานี้เพื่อใช้ควบคู่กับการอ่านพระคัมภีร์ภาษาฮีบรู. ทาร์กุมเหล่านั้นดูเหมือนเป็นแบบที่เป็นอยู่ในสมัยปัจจุบันมาตั้งแต่ราว ๆ ศตวรรษที่ห้า ส.ศ. ถึงแม้เป็นการถอดความอย่างลวก ๆ จากข้อความภาษาฮีบรูและไม่ใช่การแปลที่ถูกต้องแม่นยำ แต่ทาร์กุมเหล่านั้นก็ให้ภูมิหลังมากมายของข้อความที่มีอยู่และช่วยในการทำความเข้าใจข้อความยาก ๆ บางตอน. เชิงอรรถในฉบับแปลโลกใหม่อ้างถึงทาร์กุมเหล่านั้นหลายครั้ง.c
12. เซปตัวจินต์ คืออะไร และเหตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก?
12 ฉบับกรีก เซปตัวจินต์. ฉบับแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่สำคัญที่สุดในบรรดาฉบับแปลยุคแรกและเป็นฉบับแปลที่เขียนจริง ๆ ฉบับแรกจากภาษาฮีบรูคือฉบับกรีก เซปตัวจินต์ (หมายถึง “เจ็ดสิบ”). ตามคำเล่าสืบปาก การแปลฉบับนี้เริ่มประมาณปี 280 ก.ส.ศ. โดยผู้คงแก่เรียนชาวยิว 72 คนที่อะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์. ต่อมา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจึงมีการใช้เลข 70 และฉบับแปลนี้จึงถูกเรียกว่าเซปตัวจินต์. ดูเหมือนว่าการแปลเสร็จสมบูรณ์ในช่วงใดช่วงหนึ่งของศตวรรษที่สอง ก.ส.ศ. ฉบับแปลนี้เป็นพระคัมภีร์สำหรับชาวยิวที่พูดภาษากรีกและใช้กันอย่างกว้างขวางมาจนถึงสมัยของพระเยซูและเหล่าอัครสาวกของพระองค์. ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก ส่วนใหญ่ของข้อความที่ยกไปกล่าวโดยตรง 320 ครั้ง และข้อความที่ยกไปกล่าวกับการอ้างถึงพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งรวมกันแล้วประมาณ 890 ครั้ง ล้วนอาศัยฉบับเซปตัวจินต์.
13. ชิ้นส่วนที่มีค่าของเซปตัวจินต์ ชิ้นใดบ้างที่ตกทอดมาถึงสมัยนี้ และชิ้นส่วนเหล่านั้นมีคุณค่าอย่างไร?
13 ทุกวันนี้ยังคงมีชิ้นส่วนของเซปตัวจินต์ ที่เขียนบนพาไพรัสจำนวนมากทีเดียวให้เราหาดูได้เพื่อศึกษา. ชิ้นส่วนเหล่านั้นมีค่ามากเพราะเป็นของสมัยคริสเตียนยุคแรก ๆ และแม้ว่ามักจะเป็นเพียงไม่กี่ข้อหรือไม่กี่บท แต่ก็ช่วยเราให้รู้ข้อความในเซปตัวจินต์. พาไพรัสฟูอัด 266 ถูกค้นพบที่อียิปต์และพบว่าเป็นของศตวรรษแรก ก.ส.ศ. พาไพรัสนี้มีพระธรรมเยเนซิศ และพระบัญญัติบางส่วน. ในชิ้นส่วนของพระธรรมเยเนซิศ ไม่มีพระนามของพระเจ้าปรากฏอยู่เนื่องจากการเก็บรักษาไม่ครบ. แต่ในพระธรรมพระบัญญัติมีพระนามนั้นปรากฏอยู่หลายแห่ง เขียนด้วยอักขระฮีบรูแบบสี่เหลี่ยมแทรกในข้อความภาษากรีก.d พาไพรัสฉบับอื่น ๆ มีอายุย้อนไปถึงราวศตวรรษที่สี่ ส.ศ. เมื่อเริ่มมีการใช้วัสดุที่ทนทานกว่าสำหรับเขียนฉบับสำเนา คือแผ่นหนังฟอกชนิดดีเยี่ยมซึ่งโดยทั่วไปแล้วทำจากหนังลูกวัว, ลูกแกะ หรือหนังแพะ.
14. (ก) ออริเกนยืนยันเรื่องใดเกี่ยวกับเซปตัวจินต์? (ข) เซปตัวจินต์ ถูกแทรกแซงเมื่อไรและอย่างไร? (ค) คริสเตียนรุ่นแรกต้องให้คำพยานในเรื่องใดเมื่อใช้ เซปตัวจินต์?
14 น่าสนใจที่พระนามของพระเจ้าในรูปเททรากรัมมาทอนก็มีปรากฏเช่นกันในฉบับเซปตัวจินต์ ที่มีหกคอลัมน์ของออริเกน หรือเฮกซาพลา ซึ่งเขียนเสร็จประมาณปี ส.ศ. 245. เมื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับบทเพลงสรรเสริญ 2:2 ออริเกนเขียนเกี่ยวกับเซปตัวจินต์ ดังนี้: “ในฉบับสำเนาที่ถูกต้องที่สุด พระนาม นั้นปรากฏในรูปอักขระฮีบรู แต่ไม่ใช่ [อักขระ] ฮีบรูในปัจจุบัน แต่เป็นแบบโบราณที่สุดแบบหนึ่ง.”e หลักฐานนั้นดูเหมือนทำให้ลงความเห็นว่า เซปตัวจินต์ ถูกแทรกแซงในช่วงต้น ๆ โดยที่มีการเอาคำ คีʹรีออส (องค์พระผู้เป็นเจ้า) และ เทออสʹ (พระเจ้า) มาใช้แทนเททรากรัมมาทอน. เนื่องจากคริสเตียนรุ่นแรกใช้ฉบับสำเนาที่มีพระนามของพระเจ้า จึงไม่อาจทึกทักเอาเองได้ว่าพวกเขาทำตามประเพณีของชาวยิวที่ไม่เอ่ย “พระนาม” ระหว่างการเผยแพร่. พวกเขาคงสามารถให้คำพยานถึงพระนามของพระยะโฮวาจากฉบับกรีกเซปตัวจินต์ โดยตรง.
15. (ก) โดยใช้แผนภูมิหน้า 396 ให้อธิบายเกี่ยวกับฉบับสำเนาของเซปตัวจินต์ ที่เป็นหนังลูกวัวหรือลูกแกะและแผ่นหนังฟอก. (ข) ฉบับแปลโลกใหม่ อ้างอิงอย่างไรถึงฉบับสำเนาเหล่านั้น?
15 ปัจจุบันยังคงมีฉบับสำเนาของฉบับกรีกเซปตัวจินต์ หลายร้อยฉบับซึ่งเขียนบนหนังลูกวัวหรือลูกแกะและแผ่นหนังฟอก. ฉบับสำเนาหลายฉบับที่ทำขึ้นระหว่างศตวรรษที่สี่ ส.ศ. ถึงศตวรรษที่เก้า ส.ศ. มีความสำคัญเพราะครอบคลุมถึงพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูตอนยาว ๆ หลายตอน. ฉบับสำเนาเหล่านั้นเรียกกันว่าฉบับอักษรใหญ่เพราะทั้งหมดเขียนด้วยอักษรตัวเขียนใหญ่แยกกันโดด ๆ และมีขนาดใหญ่. ฉบับสำเนาอื่น ๆ เรียกกันว่าฉบับอักษรเล็กเพราะเขียนด้วยตัวเขียนขนาดเล็กกว่าซึ่งเขียนต่อเนื่องกันไป. ฉบับสำเนาอักษรเล็ก หรือฉบับตัวเขียนต่อเนื่อง เป็นที่นิยมกันตั้งแต่ศตวรรษที่เก้าจนกระทั่งเริ่มมีการพิมพ์. ฉบับสำเนาอักษรใหญ่ที่เด่น ๆ แห่งศตวรรษที่สี่และห้า คือ ฉบับวาติกันหมายเลข 1209, ฉบับไซนายติก, และฉบับอะเล็กซานดริน ล้วนแต่มีฉบับกรีก เซปตัวจินต์ อยู่ด้วย โดยมีข้อแตกต่างเล็กน้อย. ฉบับแปลโลกใหม่ อ้างถึงฉบับเซปตัวจินต์ บ่อยครั้งที่หมายเหตุและที่เชิงอรรถ.f
16. (ก) ลาติน วัลเกต คืออะไร และทำไมจึงมีค่ามาก? (ข) จงให้ตัวอย่างที่ฉบับแปลโลกใหม่ อ้างถึงฉบับนี้.
16 ฉบับลาติน วัลเกต. ฉบับแปลนี้เป็นต้นแบบที่ผู้แปลชาวคาทอลิกหลายคนใช้ในการทำฉบับแปลอื่น ๆ ในหลายภาษาซึ่งใช้กันในคริสต์ศาสนจักรทางตะวันตก. ฉบับวัลเกต มีที่มาอย่างไร? คำภาษาลาติน วุลกาทุส หมายความว่า “สามัญ, เป็นที่นิยม.” ตอนที่ทำฉบับวัลเกต ขึ้นเป็นครั้งแรกนั้นทำขึ้นเป็นภาษาลาตินในสมัยนั้นซึ่งเป็นภาษาสามัญ หรือเป็นที่นิยมกัน สามัญชนในจักรวรรดิโรมันตะวันตกจึงเข้าใจได้ง่าย. เจโรมผู้คงแก่เรียนซึ่งทำฉบับแปลวัลเกต ก่อนหน้านี้เคยแก้ไขสองครั้งในบทเพลงสรรเสริญที่เขียนด้วยภาษาลาตินโบราณ โดยเปรียบเทียบกับฉบับกรีก เซปตัวจินต์. อย่างไรก็ตาม เขาแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับวัลเกต โดยตรงจากภาษาฮีบรูและกรีกที่ใช้เขียนต้นฉบับ ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นฉบับแปลจากฉบับแปล. เจโรมทำงานแปลจากภาษาฮีบรูเป็นฉบับภาษาลาตินตั้งแต่ปี ส.ศ. 390 ถึงปี ส.ศ. 405. ขณะที่งานที่เสร็จสมบูรณ์รวมเอาหนังสือนอกสารบบไว้ด้วยซึ่งเวลานั้นอยู่ในฉบับสำเนาของฉบับเซปตัวจินต์ เจโรมแยกให้เห็นชัดเจนระหว่างพระธรรมที่อยู่และที่ไม่อยู่ในสารบบ. ฉบับแปลโลกใหม่ อ้างถึงฉบับวัลเกต ของเจโรมหลายครั้งที่เชิงอรรถ.g
ข้อความภาษาฮีบรู
17. พวกอาลักษณ์หรือพวกโซฟีริมคือใคร และพระเยซูตำหนิพวกเขาด้วยเรื่องอะไร?
17 พวกโซฟีริม. บุคคลต่าง ๆ ซึ่งคัดพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูโดยเริ่มตั้งแต่สมัยของเอษราและดำเนินต่อมาถึงสมัยของพระเยซูนั้นเรียกกันว่า พวกอาลักษณ์ หรือ โซฟีริม. ในเวลาต่อมา พวกเขาเริ่มถือสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อความในพระคัมภีร์. ที่จริง พระเยซูเองทรงตำหนิคนเหล่านั้นซึ่งควรจะเป็นผู้อารักขาพระบัญญัติอย่างแรงเนื่องจากการทึกทักเอาอำนาจที่ไม่ใช่ของพวกเขา.—มัด. 23:2, 13.
18. (ก) พวกมาโซเรตคือใคร และพวกเขาให้ข้อสังเกตที่มีค่าอะไรเกี่ยวกับข้อความภาษาฮีบรู? (ข) มีตัวอย่างการแก้ไขอะไรบ้างของพวกโซฟีริม?
18 มาโซราเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลง. พวกอาลักษณ์ที่สืบต่อจากพวกโซฟีริมในศตวรรษต่าง ๆ หลังจากพระคริสต์เป็นที่รู้จักกันว่าพวกมาโซเรต. คนเหล่านี้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่พวกโซฟีริมทำกันก่อนหน้านั้น จึงบันทึกการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นไว้ในช่องว่างริมหน้า หรือตอนท้ายข้อความภาษาฮีบรู. บันทึกในช่องว่างนี้เรียกกันว่ามาโซรา. มาโซรามีรายการเครื่องหมายพิเศษ 15 แห่งที่พวกโซฟีริมใส่ไว้ ซึ่งก็คือ 15 คำหรือวลีในข้อความภาษาฮีบรูซึ่งมีการทำเครื่องหมายกำกับไว้เป็นจุดหรือขีด. เครื่องหมายพิเศษเหล่านั้นบางแห่งไม่ส่งผลกระทบการแปลหรือการตีความ แต่บางแห่งส่งผลกระทบและมีความสำคัญยิ่ง.h พวกโซฟีริมยอมให้ความกลัวเรื่องโชคลางอันเกี่ยวกับการเอ่ยพระนามยะโฮวาทำให้พวกเขาตกหลุมพรางเข้าสู่การเปลี่ยนพระนามนี้ให้อ่านเป็น อะโดนายʹ (องค์พระผู้เป็นเจ้า) 134 แห่ง และให้อ่านเป็น เอโลฮิมʹ (พระเจ้า) ในบางกรณี. มาโซราให้รายการการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้.i พวกโซฟีริมหรืออาลักษณ์รุ่นแรก ๆ ถูกกล่าวหาด้วยว่าทำการเปลี่ยนแปลง (แก้ไข) อย่างน้อยอีก 18 ตอนตามบันทึกในมาโซรา แม้ดูเหมือนมีมากกว่านั้น.j การแก้ไขเหล่านั้นดูเหมือนทำไปด้วยเจตนาดีเพราะข้อความดั้งเดิมดูเหมือนไม่แสดงทั้งความเคารพยำเกรงต่อพระเจ้าและความนับถือต่อตัวแทนของพระองค์ทางแผ่นดินโลก.
19. ข้อความภาษาฮีบรูแบบพยัญชนะคืออะไร และมีการกำหนดรูปแบบแน่นอนเมื่อไร?
19 ข้อความแบบพยัญชนะ. อักขระภาษาฮีบรูประกอบด้วยพยัญชนะ 22 ตัว ไม่มีสระ. เดิมที ผู้อ่านต้องใส่เสียงสระจากความรู้ด้านภาษาของตน. การเขียนภาษาฮีบรูเหมือนการเขียนข้อความด้วยอักษรย่อ. แม้กระทั่งภาษาไทยปัจจุบันก็มีอักษรย่อมาตรฐานหลายคำที่ผู้คนใช้กันโดยมีเฉพาะพยัญชนะเท่านั้น. ตัวอย่างเช่น อักษรย่อ จก. สำหรับคำว่าจำกัด. ทำนองเดียวกัน ภาษาฮีบรูประกอบด้วยชุดของคำที่ประกอบด้วยพยัญชนะเท่านั้น. ดังนั้น “ข้อความแบบพยัญชนะ” จึงหมายถึงข้อความภาษาฮีบรูที่ไม่มีสระกำกับ. ข้อความแบบพยัญชนะของฉบับสำเนาภาษาฮีบรูมีการกำหนดรูปแบบแน่นอนระหว่างศตวรรษที่หนึ่งและที่สอง ส.ศ. แม้ว่าฉบับสำเนาต่าง ๆ ที่มีข้อความต่างกันยังคงแพร่หลายอยู่ระยะหนึ่ง. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีกต่อไป ซึ่งไม่เหมือนในช่วงสมัยของพวกโซฟีริมก่อนหน้านี้.
20. พวกมาโซเรตทำอะไรกับข้อความภาษาฮีบรู?
20 ข้อความของพวกมาโซเรต. ในช่วงครึ่งหลังของหนึ่งพันปีแรกแห่ง ส.ศ. พวกมาโซเรต (ภาษาฮีบรู บาอะเลห์ʹ ฮัมมาโซห์ราห์ʹ หมายความว่า “ผู้เชี่ยวชาญด้านประเพณี”) ได้จัดระบบสระและเครื่องหมายออกเสียงหนัก. ระบบดังกล่าวเป็นเครื่องช่วยในการอ่านและออกเสียงสระ ในขณะที่การออกเสียงก่อนหน้านี้สืบทอดกันมาโดยคำสอนสืบปาก. พวกมาโซเรตไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในข้อความที่พวกเขาถ่ายทอดมา แต่ได้ทำบันทึกข้อสังเกตต่าง ๆ ไว้ในช่องว่างริมหน้าในมาโซรา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม. พวกเขาระมัดระวังอย่างยิ่งเพื่อจะไม่ทำอะไรตามอำเภอใจกับข้อความนั้น. นอกจากนั้น ในมาโซราของพวกเขา พวกเขาชี้ให้สนใจข้อความแปลก ๆ และแสดงการอ่านแบบที่แก้ไขแล้วตามที่เขาเห็นว่าจำเป็น.
21. ข้อความของพวกมาโซเรตคืออะไร?
21 สำนักของพวกมาโซเรตสามแห่ง อันได้แก่สำนักที่บาบูโลน, ปาเลสไตน์, และติเบเรีย ต่างมีส่วนในการคิดวิธีการออกเสียงและใส่เครื่องหมายออกเสียงหนักในฉบับที่มีแต่พยัญชนะ. ข้อความภาษาฮีบรูที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูฉบับพิมพ์ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นข้อความของพวกมาโซเรตและใช้ระบบที่คิดขึ้นโดยสำนักที่ติเบเรีย. ระบบนี้พัฒนาโดยพวกมาโซเรตในติเบเรีย เมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของทะเลแกลีลี (ฆาลิลาย). เชิงอรรถในฉบับแปลโลกใหม่ อ้างถึงข้อความของพวกมาโซเรตหลายครั้ง (โดยสัญลักษณ์ M) และอ้างถึงข้อสังเกตในช่องว่างริมหน้า คือมาโซรา (โดยสัญลักษณ์ Mmargin).k
22. ฉบับสำเนาของชุดข้อความของสำนักที่บาบูโลนฉบับใดที่หาดูได้ และเมื่อเทียบกับข้อความของสำนักที่ติเบเรียแล้วเป็นอย่างไร?
22 สำนักที่ปาเลสไตน์ใส่เครื่องหมายสระไว้บนพยัญชนะ. ฉบับสำเนานี้มีตกทอดมาถึงเราไม่มาก ซึ่งแสดงว่าระบบการออกเสียงนี้ไม่สมบูรณ์. ระบบการใส่สระของสำนักที่บาบูโลนก็ใส่สระไว้ข้างบนเหมือนกัน. ฉบับสำเนาที่แสดงวิธีใส่สระของสำนักที่บาบูโลนคือโคเดกซ์ปีเตอร์สเบอร์กของพวกผู้พยากรณ์ ซึ่งเป็นของปี ส.ศ. 916 ถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องสมุดประชาชนเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย. โคเดกซ์นี้มีพระธรรมยะซายา, ยิระมะยา, ยะเอศเคล และพวก “ผู้พยากรณ์น้อย” พร้อมด้วยข้อสังเกตในช่องว่างริมหน้า (มาโซรา). พวกผู้คงแก่เรียนได้ตรวจสอบฉบับสำเนานี้อย่างกระตือรือร้นและเปรียบเทียบฉบับนี้กับข้อความของสำนักที่ติเบเรีย. แม้ว่าฉบับสำเนานี้ใช้ระบบการออกเสียงที่ใส่สระไว้บนพยัญชนะ แต่จริง ๆ แล้วฉบับสำเนานี้เหมือนข้อความของสำนักที่ติเบเรียในเรื่องของข้อความแบบพยัญชนะรวมทั้งระบบสระและมาโซรา. พิพิธภัณฑสถานอังกฤษมีสำเนาของข้อความเพนทาทุกของสำนักที่บาบูโลน ซึ่งปรากฏว่าสอดคล้องกับข้อความของสำนักที่ติเบเรียมากทีเดียว.
23. มีการพบฉบับสำเนาภาษาฮีบรูชุดใดบ้างใกล้ ๆ ทะเลเดดซี?
23 ม้วนหนังสือทะเลตาย. ในปี 1947 บทใหม่ที่น่าตื่นเต้นในประวัติศาสตร์ของฉบับสำเนาภาษาฮีบรูได้เริ่มขึ้น. ในถ้ำที่วาดี คุมรัน (นาฮาล คูเมรัน) ในแถบทะเลเดดซี มีการค้นพบม้วนหนังสือยะซายาม้วนแรก พร้อมด้วยม้วนหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ไบเบิล. หลังจากนั้นไม่นาน ฉบับสำเนาถ่ายเอกสารทั้งหมดของม้วนหนังสือยะซายาที่ได้เก็บรักษาไว้อย่างดี (1QIsa) จึงมีการจัดพิมพ์ออกมาเพื่อให้พวกผู้คงแก่เรียนศึกษา. เชื่อกันว่าม้วนหนังสือนี้มีอายุไปถึงตอนปลายศตวรรษที่สอง ก.ส.ศ. นี่เป็นการค้นพบที่เหลือเชื่อจริง ๆ—เป็นฉบับสำเนาภาษาฮีบรูที่มีอายุเก่ากว่าฉบับสำเนาพระธรรมยะซายาที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีอยู่ในตอนนั้นของพวกมาโซเรตซึ่งเป็นที่ยอมรับกันประมาณหนึ่งพันปี!l ถ้ำอื่น ๆ ในคุมรันยังมีชิ้นส่วนของม้วนหนังสืออีก 170 กว่าม้วนที่เป็นส่วนต่าง ๆ ของพระธรรมทั้งหมดของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูยกเว้นพระธรรมเอศเธระ. การศึกษาม้วนหนังสือเหล่านี้ยังคงดำเนินอยู่.
24. ฉบับสำเนาเหล่านี้เมื่อนำไปเทียบกับข้อความของพวกมาโซเรตแล้วเป็นอย่างไร และฉบับแปลโลกใหม่ ใช้ประโยชน์จากฉบับสำเนาเหล่านี้อย่างไร?
24 ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งรายงานว่าการตรวจสอบของเขาเกี่ยวกับเพลงสรรเสริญบท 119 ซึ่งยาวมากในม้วนหนังสือทะเลตายที่สำคัญม้วนหนึ่งของพระธรรมบทเพลงสรรเสริญแสดงให้เห็นว่า ฉบับสำเนานี้มีถ้อยคำที่ตรงกันเกือบทั้งหมดกับเพลงสรรเสริญบท 119 ในข้อความของพวกมาโซเรต. ศาสตราจารย์ เจ. เอ. แซนเดอร์ ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับม้วนพระธรรมบทเพลงสรรเสริญนั้นว่า “[ข้อแตกต่าง] ส่วนใหญ่คือการสะกด ซึ่งมีแต่ผู้คงแก่เรียนที่สนใจร่องรอยการออกเสียงภาษาฮีบรูแบบโบราณและเรื่องแบบนี้เท่านั้นจึงจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้.”a ตัวอย่างอื่น ๆ ของฉบับสำเนาโบราณอันโดดเด่นเหล่านี้ชี้ว่าในกรณีส่วนใหญ่แล้วไม่มีความแตกต่างที่สำคัญ. ม้วนหนังสือยะซายาเอง แม้ว่ามีข้อแตกต่างให้เห็นในการสะกดและโครงสร้างทางไวยากรณ์ แต่ไม่มีความแตกต่างใด ๆ เกี่ยวกับจุดสำคัญในหลักคำสอน. ม้วนหนังสือยะซายานี้ซึ่งมีการพิมพ์ออกได้รับการตรวจสอบเกี่ยวกับข้อแตกต่างเมื่อเตรียมฉบับแปลโลกใหม่ และมีการอ้างอิงถึงม้วนหนังสือนี้.b
25. ถึงตอนนี้เราได้พิจารณาข้อความภาษาฮีบรูอะไรบ้าง และการศึกษาข้อความเหล่านั้นทำให้เรามั่นใจเรื่องอะไร?
25 ตอนนี้เราได้พิจารณาเส้นทางถ่ายทอดสำคัญ ๆ ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูไปแล้ว. เส้นทางที่สำคัญ ๆ เหล่านั้นก็คือ เพนทาทุกของชาวซะมาเรีย, ทาร์กุมภาษาอาระเมอิก, ฉบับกรีกเซปตัวจินต์, ข้อความภาษาฮีบรูของสำนักที่ติเบเรีย, ข้อความภาษาฮีบรูของสำนักที่ปาเลสไตน์, ข้อความภาษาฮีบรูของสำนักที่บาบูโลน และข้อความภาษาฮีบรูของม้วนหนังสือทะเลตาย. การศึกษาและเปรียบเทียบข้อความเหล่านี้ทำให้เราแน่ใจว่าพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูตกทอดมาถึงพวกเราในทุกวันนี้โดยมีเนื้อหาตรงตามแบบที่ผู้รับใช้ซึ่งได้รับการดลใจจากพระเจ้าบันทึกไว้แต่แรก.
ข้อความภาษาฮีบรูที่ขัดเกลาแล้ว
26 (ก) มีการส่งเสริมการศึกษาข้อความภาษาฮีบรูอย่างจริงจังเมื่อไร และข้อความที่เป็นแบบฉบับอะไรบ้างที่มีการพิมพ์ออก? (ข) มีการใช้ข้อความของกินส์บูร์กอย่างไร?
26 คัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรูฉบับพิมพ์มาตรฐานที่ใช้กันจนถึงศตวรรษที่ 19 คือรับบีนิก ไบเบิลฉบับที่สองของยาคอบ เบน ชัยยิม ซึ่งพิมพ์ในปี 1524-1525. พอถึงศตวรรษที่ 18 พวกผู้คงแก่เรียนจึงเริ่มส่งเสริมการศึกษาข้อความภาษาฮีบรูอย่างจริงจัง. ในปี 1776-1780 ที่ออกซฟอร์ด เบนจามิน เคนนิคอตต์ ได้พิมพ์ข้อความที่แตกต่างกันจากฉบับสำเนาภาษาฮีบรูกว่า 600 ฉบับ. ต่อมาในปี 1784-1798 ที่พาร์มา ผู้คงแก่เรียนชาวอิตาลีชื่อ เจ. บี. เดอ รอสซี ได้พิมพ์ข้อความที่แตกต่างกันจากฉบับสำเนาภาษาฮีบรูอีกกว่า 800 ฉบับ. เอส. แบร์ ผู้คงแก่เรียนด้านภาษาฮีบรูในเยอรมนีก็ผลิตข้อความที่เป็นแบบฉบับขึ้นเช่นกัน. หลังจากนั้น ซี. ดี. กินส์บูร์ก ทุ่มเทเวลาหลายปีเพื่อจัดทำข้อความที่เป็นแบบฉบับอันสำคัญของคัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรูขึ้นมา. ฉบับนี้ออกครั้งแรกในปี 1894 และมีการปรับปรุงครั้งสุดท้ายในปี 1926.c โจเซฟ รอเทอร์แฮม ใช้ฉบับพิมพ์ 1894 นั้นในการผลิตฉบับแปลภาษาอังกฤษของเขาคือ ดิ เอมฟาไซสด์ ไบเบิล ในปี 1902 และศาสตราจารย์ แมกซ์ แอล. มาร์โกลิส กับเพื่อนร่วมงานใช้ข้อความของกินส์บูร์กและแบร์เพื่อผลิตพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูฉบับแปลของตนขึ้นปี 1917.
27, 28 (ก) บิบลิอา เฮไบรกา คืออะไร และมีการพัฒนาอย่างไร? (ข) ฉบับแปลโลกใหม่ ได้ใช้ข้อความนี้อย่างไร?
27 ในปี 1906 ที่เยอรมนี รูดอล์ฟ คิทเทล ผู้คงแก่เรียนด้านภาษาฮีบรู ได้ออกฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่ง (และต่อมาก็ ฉบับพิมพ์ครั้งที่สอง) ของข้อความภาษาฮีบรูที่ขัดเกลาแล้วของตนชื่อ บิบลิอา เฮไบรกา หรือ “คัมภีร์ไบเบิลภาษาฮีบรู.” คิทเทลจัดให้มีเชิงอรรถไว้ในหนังสือนี้ ซึ่งเปรียบเทียบฉบับสำเนาภาษาฮีบรูของข้อความของพวกมาโซเรตที่มีอยู่ในตอนนั้นหลายฉบับ. เขาใช้ข้อความซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปของ ยาคอบ เบน ชัยยิม เป็นหลัก. เมื่อข้อความของพวกมาโซเรตของ เบน อะเชอร์ ที่เก่าแก่กว่าและดีกว่ามาก ซึ่งเคยมีการจัดทำให้เป็นมาตรฐานประมาณในศตวรรษที่ 10 ส.ศ. มีให้หาได้ คิทเทลจึงเริ่มจัดทำ บิบลิอา เฮไบรกา ฉบับพิมพ์ที่สามซึ่งแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง. เพื่อนร่วมงานของเขาทำให้งานนี้แล้วเสร็จหลังจากเขาสิ้นชีวิต.
28 บิบลิอา เฮไบรกา ของคิทเทลฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7, ครั้งที่ 8, และครั้งที่ 9 (1951-1955) เป็นข้อความพื้นฐานสำหรับภาคภาษาฮีบรูของฉบับแปลโลกใหม่ ภาษาอังกฤษ. มีการใช้ฉบับพิมพ์ใหม่ของข้อความภาษาฮีบรูที่มีชื่อว่า บิบลิอา เฮไบรกา สตุทท์การ์เทนเซีย ซึ่งออกในปี 1977 เพื่อแก้ไขข้อมูลที่ให้ไว้ในเชิงอรรถของฉบับแปลโลกใหม่ ที่พิมพ์ในปี 1984.
29. ลักษณะอะไรของบิบลิอา เฮไบรกา ที่มีคุณค่าโดยเฉพาะในการนำพระนามของพระเจ้าใส่ไว้ที่เดิม?
29 การที่คิทเทลใส่มาโซราในช่องว่างริมหน้าซึ่งบันทึกการเปลี่ยนแปลงข้อความหลายตอนโดยพวกอาลักษณ์ในยุคก่อนคริสเตียนนั้นช่วยให้มีการแปลที่ถูกต้องในฉบับแปลโลกใหม่ รวมทั้งการใส่พระนามของพระเจ้า คือ ยะโฮวา ไว้ในที่เดิมด้วย. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลสามารถรับประโยชน์จากผลการค้นคว้าด้านคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้โดยทางฉบับแปลโลกใหม่.
30 (ก) โดยใช้แผนภูมิหน้า 388 ซึ่งแสดงแหล่งข้อมูลสำหรับพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูในฉบับแปลโลกใหม่ ให้เล่าประวัติของข้อความภาษาฮีบรูมาจนถึงบิบลิอา เฮไบรกา ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญของฉบับแปลโลกใหม่. (ข) คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับโลกใหม่อ้างอิงแหล่งข้อมูลอื่นอะไรอีกบ้าง?
30 บทเรียนนี้มีแผนภูมิแสดงแหล่งข้อมูลสำหรับข้อความในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูในฉบับแปลโลกใหม่. แผนภูมินี้แสดงให้เห็นคร่าว ๆ ถึงพัฒนาการของข้อความภาษาฮีบรูมาจนถึง บิบลิอา เฮไบรกา ของคิทเทล ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ได้ใช้. แหล่งข้อมูลอันดับรอง ๆ ซึ่งใช้ค้นคว้ากันมีแสดงไว้โดยเส้นประสีขาว. ทั้งนี้ไม่ใช่จะเจาะจงว่าในกรณีของฉบับแปลอย่างฉบับลาตินวัลเกต และฉบับกรีกเซปตัวจินต์ นั้นมีการค้นคว้าจากฉบับดั้งเดิม. ต้นฉบับของฉบับแปลเหล่านั้นไม่มีแล้ว เหมือนกับพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูที่มีขึ้นโดยการดลใจ. มีการค้นคว้าแหล่งข้อมูลเหล่านี้โดยใช้ฉบับพิมพ์ต่าง ๆ ของข้อความที่ไว้ใจได้ หรือไม่ก็ค้นคว้าจากฉบับแปลสมัยโบราณและข้อคิดเห็นสำคัญต่าง ๆ ที่เชื่อถือได้. โดยค้นดูจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ คณะกรรมการการแปลคัมภีร์ไบเบิลฉบับโลกใหม่จึงเสนอฉบับแปลที่เชื่อถือได้และไว้ใจได้ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูดั้งเดิมที่มีขึ้นโดยการดลใจ. แหล่งข้อมูลเหล่านี้มีระบุไว้ทั้งหมดในเชิงอรรถของฉบับแปลโลกใหม่.
31. (ก) ฉะนั้น พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูของฉบับแปลโลกใหม่ เป็นผลจากอะไร? (ข) เราจึงสามารถแสดงความขอบคุณและความหวังเช่นไร?
31 ดังนั้น พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูของฉบับแปลโลกใหม่ จึงเป็นผลิตผลจากการศึกษาและค้นคว้าด้านคัมภีร์ไบเบิลเป็นเวลานานนับชั่วอายุ. ฉบับแปลโลกใหม่ อาศัยข้อความที่แม่นยำมาก อันเป็นผลดีเยี่ยมจากการถ่ายทอดข้อความอย่างซื่อสัตย์. ฉบับแปลโลกใหม่ เป็นฉบับแปลที่ซื่อตรงและถูกต้องสำหรับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง มีถ้อยคำที่สละสลวยและโวหารที่จับใจ. ขอบพระคุณพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงติดต่อสื่อความ ที่พระคำของพระองค์มีชีวิตและทรงพลังในปัจจุบันนี้! (เฮ็บ. 4:12) ขอให้บุคคลผู้มีหัวใจสุจริตสร้างความเชื่อต่อ ๆ ไปโดยการศึกษาพระคำอันล้ำค่าของพระเจ้า และได้รับการกระตุ้นให้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาในสมัยอันสำคัญนี้.—2 เป. 1:12, 13.
[เชิงอรรถ]
a การใช้ธรรมศาลาเริ่มมีขึ้นเมื่อไรนั้นไม่เป็นที่ทราบกัน. อาจเป็นในช่วง 70 ปีที่เป็นเชลยในบาบูโลน เมื่อไม่มีพระวิหาร หรืออาจเป็นในสมัยของเอษรา ไม่นานหลังจากการกลับคืนถิ่น.
b ดู “Sam” ที่เชิงอรรถ (ฉบับแปลโลกใหม่) ที่เยเนซิศ 4:8; เอ็กโซโด 6:2; 7:9; 8:15; และ 12:40. คำอธิบายข้อหลังนี้ช่วยเราให้เข้าใจฆะลาเตีย 3:17.
c ดู “T” ในเชิงอรรถ (ฉบับแปลโลกใหม่) ที่อาฤธโม 24:17; พระบัญญัติ 33:13; และบทเพลงสรรเสริญ 100:3.
d คัมภีร์ไบเบิลฉบับที่มีข้ออ้างอิง (ภาษาอังกฤษ) ภาคผนวก 1C “The Divine Name in Ancient Greek Versions (พระนามของพระเจ้าในฉบับแปลภาษากรีกโบราณ).”
e การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 9.
f ฉบับแปลโลกใหม่ ชี้ถึงข้อแตกต่างเหล่านั้นโดยใช้สัญลักษณ์ LXXא สำหรับฉบับไซนายติก, LXXA สำหรับฉบับอะเล็กซานดริน และ LXXB สำหรับฉบับวาติกัน. โปรดดูเชิงอรรถที่ 1 กษัต. 14:2 และ 1 โครนิกา 7:34; 12:19.
g ดู “Vg” ที่เชิงอรรถของเอ็กโซโด 37:6.
h คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ที่มีข้ออ้างอิง (ภาษาอังกฤษ) ภาคผนวก 2A “Extraordinary Points” (เครื่องหมายพิเศษ).
i คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ที่มีข้ออ้างอิง (ภาษาอังกฤษ) ภาคผนวก 1B “Scribal Changes Involving the Divine Name” (การเปลี่ยนแปลงโดยพวกอาลักษณ์เกี่ยวกับพระนามพระเจ้า).
j คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ที่มีข้ออ้างอิง (ภาษาอังกฤษ) ภาคผนวก 2B “Emendations (Corrections) of the Sopherim” (การเปลี่ยนแปลง [แก้ไข] ของพวกโซฟีริม).
k ดูเชิงอรรถของบทเพลงสรรเสริญ 60:5; 71:20; 100:3; และ 119:79.
l การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 322.
a ม้วนหนังสือบทเพลงสรรเสริญแห่งทะเลตาย 1967 (ภาษาอังกฤษ) เจ. เอ. แซนเดอร์ หน้า 15.
b ดู “1QIsa” ในเชิงอรรถที่ยะซายา 7:1; 14:4.
c ดู “Gins.” ในเชิงอรรถของเลวีติโก 11:42 (ฉบับแปลโลกใหม่).
[แผนภูมิหน้า 395]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
ฉบับสำเนาพาไพรัสที่สำคัญบางฉบับ
ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู
ชื่อฉบับสำเนา แนชพาไพรัส
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 2 หรือที่ 1 ก.ส.ศ.
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ เคมบริดจ์ อังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ 24 แถวของพระบัญญัติสิบประการ
และบางข้อของพระบัญญัติบท 5, 6
ชื่อฉบับสำเนา ไรแลนด์ 458
สัญลักษณ์ 957
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 2 ก.ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ แมนเชสเตอร์ อังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ ชิ้นส่วนของพระบัญญัติบท 23-28
ชื่อฉบับสำเนา ฟูอัด 266
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 1 ก.ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ไคโร อียิปต์
เนื้อหาโดยประมาณ บางส่วนของเยเนซิศและพระบัญญัติ
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
บัญ. 18:5; กิจ. 3:22; ภาคผนวก 1C
ชื่อฉบับสำเนา ม้วนหนังสือเลวีติโกแห่งทะเลตาย
สัญลักษณ์ 4Q LXX Levb
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 1 ก.ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ เจรูซาเลมอิสราเอล
เนื้อหาโดยประมาณ ชิ้นส่วนของเลวีติโก
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา เชสเตอร์ บีทตี 6
สัญลักษณ์ 963
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 2 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ดับลิน ไอร์แลนด์, และแอนน์ อาร์เบอร์
มิชิแกน สหรัฐอเมริกา
เนื้อหาโดยประมาณ บางส่วนของอาฤธโมและพระบัญญัติ
ชื่อฉบับสำเนา เชสเตอร์ บีทตี 9, 10
สัญลักษณ์ 967/968
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ดับลิน ไอร์แลนด์และปรินสตัน
นิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
เนื้อหาโดยประมาณ บางส่วนของยะเอศเคล, ดานิเอล, และเอศเธระ
ของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก
ชื่อฉบับสำเนา ออกซิริงคัส 2
สัญลักษณ์ P1
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ฟิลาเดลเฟีย เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา
เนื้อหาโดยประมาณ มัด. 1:1-9, 12, 14-20
ชื่อฉบับสำเนา ออกซิริงคัส 1228
สัญลักษณ์ P22
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ กลาสโกว์ สกอตแลนด์
เนื้อหาโดยประมาณ ชิ้นส่วนของโยฮันบท 15, 16
ชื่อฉบับสำเนา มิชิแกน 1570
สัญลักษณ์ P37
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 หรือ 4 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ แอนน์ อาร์เบอร์ มิชิแกน สหรัฐอเมริกา
เนื้อหาโดยประมาณ มัด. 26:19-52
ชื่อฉบับสำเนา เชสเตอร์ บีทตี 1
สัญลักษณ์ P45
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ดับลิน ไอร์แลนด์; เวียนนา ออสเตรีย
เนื้อหาโดยประมาณ ชิ้นส่วนของมัดธาย, มาระโก, ลูกา,
โยฮัน, และกิจการ
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา เชสเตอร์ บีทตี 2
สัญลักษณ์ P46
เวลาที่เขียน ป. ส.ศ. 200
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ดับลิน ไอร์แลนด์; แอนน์ อาร์เบอร์ มิชิแกน สหรัฐอเมริกา
เนื้อหาโดยประมาณ จดหมายเก้าฉบับของเปาโล
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา เชสเตอร์ บีทตี 3
สัญลักษณ์ P47
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ดับลิน ไอร์แลนด์
เนื้อหาโดยประมาณ วิ. 9:10–17:2
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา ไรแลนด์ 457
สัญลักษณ์ P52
เวลาที่เขียน ป. ส.ศ. 125
ภาษา กรีก
อยู่ที่ แมนเชสเตอร์ อังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ โย. 18:31-33, 37, 38
ชื่อฉบับสำเนา บอดเมอร์ 2
สัญลักษณ์ P66
เวลาที่เขียน ป. ส.ศ. 200
ภาษา กรีก
อยู่ที่ เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์
เนื้อหาโดยประมาณ ส่วนใหญ่ของโยฮัน
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา บอดเมอร์ 7, 8
สัญลักษณ์ P72
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 หรือ 4 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์, และห้องสมุด
วาติกันในโรม อิตาลี
เนื้อหาโดยประมาณ ยูดา, 1 เปโตร และ 2 เปโตร
ชื่อฉบับสำเนา บอดเมอร์ 14, 15
สัญลักษณ์ P75
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 3 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
เนื้อหาโดยประมาณ ส่วนใหญ่ของลูกาและโยฮัน
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
[แผนภูมิหน้า 396]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
ฉบับสำเนาสำคัญ ๆ บางฉบับที่คัดบนแผ่นหนังลูกวัวหรือลูกแกะและแผ่นหนังฟอก
ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู (ในภาษาฮีบรู)
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์ อะเลปโป
สัญลักษณ์ Al
เวลาที่เขียน ส.ศ. 930
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ เมื่อก่อนอยู่ที่อะเลปโป ซีเรีย. ปัจจุบันอยู่ในอิสราเอล.
เนื้อหาโดยประมาณ ส่วนใหญ่ของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู
(ข้อความของเบน อะเชอร์)
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์ บริติชมิวเซียม Or4445
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 10 ส.ศ.
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ ลอนดอน อังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ ส่วนใหญ่ของเพนทาทุก
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์ ไคโร คาราอิเต
สัญลักษณ์ Ca
เวลาที่เขียน ส.ศ. 895
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ ไคโร อียิปต์
เนื้อหาโดยประมาณ ผู้พยากรณ์รุ่นแรก ๆ และรุ่นหลัง
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์เลนินกราด
สัญลักษณ์ B 19A
เวลาที่เขียน ส.ศ. 1008
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
รัสเซีย
เนื้อหาโดยประมาณ พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ยโฮ. 21:37; 2 ซามู. 8:3; ภาคผนวก 1A
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์ ปีเตอร์สเบิร์กของผู้พยากรณ์
สัญลักษณ์ B 3
เวลาที่เขียน ส.ศ. 916
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
รัสเซีย
เนื้อหาโดยประมาณ ผู้พยากรณ์รุ่นหลัง
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ภาคผนวก 2B
ชื่อฉบับสำเนา ม้วนหนังสือยะซายาแห่งทะเลตายม้วนแรก
สัญลักษณ์ 1QIsa
เวลาที่เขียน ปลายศตวรรษที่ 2 ก.ส.ศ.
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ เจรูซาเลมอิสราเอล
เนื้อหาโดยประมาณ ยะซายา
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา ม้วนหนังสือบทเพลงสรรเสริญแห่งทะเลตาย
สัญลักษณ์ 11QPsa
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 1 ส.ศ.
ภาษา ฮีบรู
อยู่ที่ เจรูซาเลม, อิสราเอล
เนื้อหาโดยประมาณ บางส่วนของ 41 บทหนึ่งใน
สามส่วนหลังของเพลงสรรเสริญ
ของฉบับเซปตัวจินต์ และพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก
ชื่อฉบับสำเนา ไซนายติคุส
สัญลักษณ์ 01( א)
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 4 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ลอนดอนอังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ ส่วนของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู
และพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกทั้งหมด
และหนังสือนอกสารบบบางส่วน
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา อะเล็กซานดรินุส
สัญลักษณ์ A (02)
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 5 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ลอนดอนอังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและกรีกทั้งหมด
(ส่วนเล็ก ๆ บางส่วนสูญหายหรือเสียหาย)
และบางส่วนของหนังสือนอกสารบบ
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา วาติกัน 1209
สัญลักษณ์ B (03)
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 4 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ หอสมุดวาติกันในกรุงโรม อิตาลี
เนื้อหาโดยประมาณ เดิมเป็นคัมภีร์ไบเบิลครบชุด. ปัจจุบันส่วนที่
หายไปคือ เย. 1:1–46:28; เพลง. 106-137;
เฮ็บรายหลังจากบท 9:14; 1 ติโมเธียว;
2 ติโมเธียว; ติโต; ฟิเลโมน; วิวรณ์
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
มโก. 6:14; โย. 1:18; 7:53–8:11
ชื่อฉบับสำเนา เอแฟรมิ ซีรี เรสคริปทุส
สัญลักษณ์ C (04)
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 5 ส.ศ.
ภาษา กรีก
อยู่ที่ ปารีสฝรั่งเศส
เนื้อหาโดยประมาณ บางส่วนของพระคัมภีร์ภาค
ภาษาฮีบรู (64 แผ่น) และของ
ภาคภาษากรีก (145 แผ่น)
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์ เบแซแคนตาบริจิเอนซิส
สัญลักษณ์ Dea (05)
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 5 ส.ศ.
ภาษา กรีก-ลาติน
อยู่ที่ เคมบริดจ์อังกฤษ
เนื้อหาโดยประมาณ ส่วนใหญ่ของกิตติคุณ
ทั้งสี่และกิจการ, 3 โยฮันบางข้อ
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ลูกา 15:21 (ใช้เพียงเครื่องหมาย
“D” เพื่ออ้างถึง)
ชื่อฉบับสำเนา โคเดกซ์ คลาโรมอนตานุส
สัญลักษณ์ DP (06)
เวลาที่เขียน ศตวรรษที่ 6 ส.ศ.
ภาษา กรีก-ลาติน
อยู่ที่ ปารีส ฝรั่งเศส
เนื้อหาโดยประมาณ จดหมายของเปาโล (รวมทั้งเฮ็บรายด้วย)
ตัวอย่างการใช้ในฉบับแปลโลกใหม่—พร้อมด้วยข้ออ้างอิง
(ดูเชิงอรรถสำหรับข้อพระคัมภีร์ที่อ้างถึง)
ฆลา. 5:12 (ใช้เพียงเครื่องหมาย
“D” เพื่ออ้างถึง)
[แผนผังหน้า 388]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
แหล่งข้อมูลสำหรับข้อความในฉบับแปลโลกใหม่—พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู
ต้นฉบับภาษาฮีบรูและสำเนาฉบับแรก ๆ
ทาร์กุม ภาษาอาระเมอิก
ม้วนหนังสือทะเลตาย
เพนทาทุกของชาวซะมาเรีย
ฉบับกรีกเซปตัวจินต์
ลาตินโบราณ
คอปติก เอธิโอปิก อาร์เมเนีย
ข้อความแบบพยัญชนะภาษาฮีบรู
ลาตินวัลเกต
ฉบับแปลต่าง ๆ ภาษากรีก—อะควิลา, ทีโอโดชัน, ซิมมาคุส
ซีริแอกเพชิตตา
ข้อความของพวกมาโซเรต
ไคโร โคเดกซ์
ปีเตอร์สเบิร์ก โคเดกซ์ของผู้พยากรณ์
อะเลปโป โคเดกซ์
ข้อความภาษาฮีบรูของกินส์บูร์ก
โคเดกซ์ เลนินกราด B 19A
บิบลิอา เฮไบรกา (BHK) บิบลิอา
เฮไบรกา สตุทท์การ์เทนเซีย (BHS)
ฉบับแปลโลกใหม่
พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู—ภาษาอังกฤษ; จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสมัยใหม่อื่น ๆ อีกหลายภาษา
[แผนผังหน้า 389]
(รายละเอียดดูจากหนังสือ)
แหล่งข้อมูลสำหรับข้อความในฉบับแปลโลกใหม่—พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก
ต้นฉบับภาษากรีกและสำเนาฉบับต้น ๆ
ฉบับแปลอาร์เมเนียน
ฉบับแปลคอปติก
ฉบับแปลซีริแอก—เคอรีโตเนียน, ฟิโลซีเนียน,
ฮาร์คลีน, ปาเลสติเนียน, ไซนายติก, เพชิตตา
ฉบับลาตินโบราณ
ฉบับลาตินวัลเกต
ข้อความภาษาลาตินที่ปรับปรุงแล้วของซิกซ์ทุสและเคลเมนต์
ฉบับสำเนาภาษากรีกที่เขียนต่อเนื่องกัน
ข้อความของอีราสมุส
ข้อความของสเตฟานุส
เท็กซ์ตุส เรเซปตุส
ข้อความภาษากรีกของกรีสบัค
เอ็มฟาทิก ไดอะกลอตต์
พาไพรัส—(ตัวอย่าง เชสเตอร์ บีทตี P45, P46,
P47; บอดเมอร์ P66, P74, P75)
ฉบับสำเนาอักษรใหญ่ภาษากรีกยุคแรก ๆ วาติกัน 1209 (B),
ไซนายติก (א), อะเล็กซานดรีน (A), เอแฟรมิ ซีรี เรสคริปตุส (C), เบแซ (D)
ข้อความภาษากรีกของเวสต์คอตต์และฮอร์ต
ข้อความภาษากรีกของโบเวอร์
ข้อความภาษากรีกของเมิร์ก
ข้อความภาษากรีกของเนสต์เล–อลันด์
ข้อความภาษากรีกของสหสมาคมพระคริสตธรรม
ฉบับแปลภาษาฮีบรู 23 เล่ม (ศตวรรษที่ 14-20)
แปลจากฉบับกรีกหรือไม่ก็จากฉบับลาตินวัลเกต
โดยใช้เททรากรัมมาทอนสำหรับพระนามของพระเจ้า
ฉบับแปลโลกใหม่
พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก—ภาษาอังกฤษ; จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสมัยใหม่อื่น ๆ อีกหลายภาษา