บทสี่
จงระวังหัวใจที่ไว้ใจไม่ได้
1, 2. เหตุใดจึงยากที่จะรู้จักสภาพที่แท้จริงของหัวใจโดยนัยของเรา?
สมมุติว่าเช้าตรู่วันหนึ่งขณะที่ยังนอนอยู่บนเตียง คุณรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอกและหายใจถี่. คุณอาจสงสัยว่า ‘หัวใจจะวายไหมนี่?’ แค่คิดว่าไม่เป็นไรก็คงจะไม่ช่วยอะไรคุณ. ต้องรีบจัดการ. คุณคงเรียกรถพยาบาลเพื่อจะได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ. หมออาจตรวจคุณอย่างละเอียด บางทีอาจตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ. การวินิจฉัยโรคและการรักษาทันทีสำคัญถึงขั้นความเป็นความตาย.
2 จะว่าอย่างไรกับหัวใจโดยนัยของเรา? อาจไม่ง่ายที่จะรู้จักสภาพที่แท้จริงของหัวใจนั้น. เพราะเหตุใด? เราอ่านในคัมภีร์ไบเบิลว่า “หัวใจไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าสิ่งใดและกระตุ้นให้ทำอย่างสิ้นคิด. ใครจะรู้จักหัวใจได้?” (ยิระ. 17:9, ล.ม.) ดังนั้น หัวใจของเราอาจหลอกลวงเรา ชวนให้เราคิดว่าไม่มีปัญหาในด้านความเชื่อ ขณะที่คนอื่นอาจเห็นสัญญาณเตือนและรู้สึกเป็นห่วงเรา. ทำไมเราอาจถูกหลอกลวง? แนวโน้มที่จะทำผิดอาจเป็นอุปสรรค และซาตานกับโลกปัจจุบันนี้อาจทำให้เรามองไม่เห็นสภาพที่แท้จริงของหัวใจเรา. เราเรียนรู้เรื่องการตรวจดูสภาพหัวใจได้จากตัวอย่างของยิระมะยาห์และชาวยูดาห์ในสมัยของท่าน.
3. อะไรบ้างเป็นเสมือนพระสำหรับผู้คนมากมาย?
3 ชาวยูดาห์ส่วนใหญ่ได้แสดงว่าหัวใจเขาบกพร่องในด้านการนมัสการ. พวกเขาได้ละทิ้งพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ไปหาพระของพวกคะนาอัน โดยไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด. พระยะโฮวาทรงท้าผู้นมัสการเหล่านั้นว่า “พวกพระทั้งหลาย, ที่เจ้าได้กระทำนั้นอยู่ที่ไหน, ถ้ามันช่วยเจ้าให้รอดในเวลาทุกข์ยากได้, ให้มันลุกขึ้นช่วยเถิด, เพราะ . . . พวกพระของเจ้านั้นมากเหมือนบ้านเมืองของเจ้า.” (ยิระ. 2:28) ในกรณีของเรา เราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้นมัสการพระที่เป็นรูปเคารพแน่ ๆ. อย่างไรก็ตาม พจนานุกรมเล่มหนึ่งนิยามคำ “พระเจ้า” ว่า “บุคคลหรือสิ่งของที่สำคัญยิ่ง.” ผู้คนมากมายในโลกให้งานอาชีพ, สุขภาพ, ครอบครัว, และกระทั่งสัตว์เลี้ยงอยู่อันดับแรกในชีวิตของพวกเขา. คนอื่น ๆ ถือว่ากีฬา, บุคคลที่มีชื่อเสียง, เทคโนโลยี, การเดินทาง, หรือประเพณีของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง. หลายคนมุ่งแสวงหาสิ่งดังกล่าวโดยยอมสูญเสียสัมพันธภาพกับพระผู้สร้าง. คริสเตียนแท้จะได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับชาวยูดาห์ในสมัยยิระมะยาห์ไหม?
หัวใจที่ไว้ใจไม่ได้อาจหลอกลวงเรา
4. ผู้คนจริงใจแค่ไหนเมื่อพูดว่า “คำของพระยะโฮวาอยู่ที่ไหน, ให้คำนั้นมาถึงเดี๋ยวนี้เถิด”?
4 คุณคงจะเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว เมื่อดูบริบทของคำพูดที่ยิระมะยาห์พรรณนาว่าหัวใจสิ้นคิด. ท่านรู้ว่าผู้คนพูดกันว่า “คำของพระยะโฮวาอยู่ที่ไหน, ให้คำนั้นมาถึงเดี๋ยวนี้เถิด.” (ยิระ. 17:15) แต่พวกเขาจริงใจไหม? ยิระมะยาบทนั้นเริ่มต้นดังนี้: “ความผิดของยะฮูดาได้จารึกไว้ด้วยปากกาเหล็ก, และด้วยปลายเพชร. ความผิดนั้นแกะบนโต๊ะหัวใจของเขา.” ปัญหาสำคัญคือชาวยูดาห์เหล่านั้นได้ ‘วางใจในมนุษย์ ได้ทำเนื้อหนังให้เป็นแขนสำหรับตัว และมีใจออกหากจากพระยะโฮวา.’ นั่นตรงกันข้ามกับคนส่วนน้อยที่วางใจในพระเจ้า หวังพึ่งพระองค์เพื่อได้รับการชี้นำและพระพร.—ยิระ. 17:1, 5, 7
5. เพื่อนร่วมชาติของยิระมะยาห์มีปฏิกิริยาอย่างไรต่อพระบัญชาของพระยะโฮวา?
5 สภาพหัวใจของคนส่วนใหญ่เห็นได้ชัดจากปฏิกิริยาของเขาต่อสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัส. (อ่านยิระมะยา 17:21, 22 ) ตัวอย่างเช่น วันซะบาโตต้องเป็นวันหยุดพักจากงานหนักที่ทำเป็นประจำและเป็นโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมเกี่ยวกับการนมัสการ. เพื่อนร่วมชาติของยิระมะยาห์ต้องไม่ทำธุรกิจหรือการงานในวันซะบาโต. แต่ปฏิกิริยาของพวกเขาเผยให้เห็นสภาพหัวใจของเขา. “เขาทั้งปวงหาได้ฟังไม่, หรือไม่ได้เงี่ยหูของเขาฟัง, แต่เขาได้ทำใจคอเขาแข็งเพื่อเขาจะไม่ได้ยิน, แลจะไม่รับคำสั่งสอน.” ถึงแม้รู้จักกฎหมายของพระเจ้า แต่พวกเขากลับคิดเอาเองว่ามีอะไรบางอย่างที่ต้องทำในวันซะบาโต.—ยิระ. 17:23; ยซา. 58:13
6, 7. (ก) คริสเตียนอาจอ้างเหตุผลที่ไม่สุขุมเช่นไร ทั้ง ๆ ที่มีคำแนะนำจากชนชั้นทาสสัตย์ซื่อในทุกวันนี้? (ข) นั่นอาจมีผลต่อการเข้าร่วมประชุมของเราอย่างไร?
6 ทุกวันนี้ เราไม่ได้อยู่ใต้กฎหมายซะบาโต. แต่วิธีที่พวกเขาปฏิบัติซึ่งแสดงให้เห็นว่าหัวใจของเขาเป็นอย่างไรนั้นเป็นบทเรียนเตือนใจเรา. (โกโล. 2:16) เพื่อจะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราได้เลิกทำตามใจตัวเองและเลิกมีเป้าหมายฝ่ายโลก. เรารู้ว่าคงจะเป็นการโง่เขลาจริง ๆ ที่จะเลือกแนวทางที่สะดวกสบายโดยคิดว่าจะทำให้พระเจ้าพอพระทัย. และเราคงรู้จักหลายคนซึ่งมุ่งทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าและได้ประสบจริง ๆ ว่านั่นทำให้สดชื่นและมีใจสงบ. ดังนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่เราอาจถูกนำไปผิดทาง?
7 คริสเตียนอาจเป็นเหมือนกับหลายคนในสมัยยิระมะยาห์ที่คิดผิดว่าหัวใจของเขาจะไม่มีวันหลอกเขาได้. ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งอาจคิดว่า ‘ผมต้องมีงานทำเพื่อจะหาเลี้ยงครอบครัว’ ซึ่งการคิดอย่างนั้นก็มีเหตุผล. แต่ถ้าเขาคิดต่อไปว่า ‘ผมต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อมีงานที่มั่นคงและมีรายได้ดี’ ล่ะ? ฟังแล้วก็ยังดูเหมือนว่ามีเหตุผล ซึ่งทำให้เขาคิดต่อไปว่า ‘เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และเพื่อจะอยู่รอดในทุกวันนี้เราต้องจบจากวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเพื่อจะไม่ตกงาน.’ ง่ายสักเพียงไรที่คนเราอาจเริ่มลดความสำคัญของคำแนะนำอันสุขุมและสมดุลที่มาจากชนชั้นทาสสัตย์ซื่อเกี่ยวกับการศึกษาเพิ่มเติม แล้วเริ่มขาดการประชุม! ในเรื่องนี้ บางคนยอมให้การคิดหาเหตุผลแบบโลกค่อย ๆ เปลี่ยนทัศนะของเขา. (เอเฟ. 2:2, 3) คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราอย่างเหมาะสมว่า “จงเลิกเลียนแบบคนในยุคนี้.”—โรม 12:2 a
หัวใจหลอกคุณให้ขาดการประชุมไหม?
8. (ก) คริสเตียนควรรู้สึกภูมิใจในสิ่งใด? (ข) เหตุใดแค่การรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและการปฏิบัติของพระองค์ยังไม่พอ?
8 จริงอยู่ คริสเตียนบางคนในศตวรรษแรกเป็นคนมั่งมีและอาจมีชื่อเสียงในโลกอยู่บ้าง. คริสเตียนบางคนในสมัยของเราเป็นเช่นนั้นด้วย. เขาควรรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความสำเร็จของตนและเราควรมองเขาอย่างไร? พระยะโฮวาทรงให้คำตอบผ่านทางยิระมะยาห์. (อ่านยิระมะยา 9:23, 24 ) แทนที่จะโอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของมนุษย์ บุคคลที่ฉลาดจะยอมรับว่าการรู้จักองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพมีความสำคัญยิ่ง. (1 โค. 1:31) แต่การมีความเข้าใจและความรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาหมายความเช่นไร? ผู้คนสมัยยิระมะยาห์รู้จักพระนามของพระเจ้า. พวกเขายังรู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำในการช่วยบรรพบุรุษของพวกเขาให้รอดที่ทะเลแดง, ระหว่างการเข้าสู่แผ่นดินตามคำสัญญา, ในสมัยของผู้วินิจฉัย, และระหว่างการปกครองของกษัตริย์ที่ซื่อสัตย์. ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้รู้จักพระยะโฮวาจริง ๆ ทั้งไม่ได้มีความเชื่อแท้ในพระองค์. แต่พวกเขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความผิดเลยพระพิโรธของ [พระเจ้า] ได้หันกลับจากข้าพเจ้าแล้ว.”—ยิระ. 2:35
เหตุใดจึงสำคัญที่จะยอมรับว่าหัวใจของเราไว้ใจไม่ได้? โดยวิธีใดที่เราอาจตรวจดูสภาพหัวใจของเราและเรียนรู้ว่าผู้ตรวจสอบหัวใจองค์ยิ่งใหญ่อาจมองเราอย่างไร?
วิธีที่พระยะโฮวาปั้นแต่งเรา
คุณยอมให้พระยะโฮวาปั้นแต่งคุณไหม?
9. ทำไมเราแน่ใจได้ว่ามีทางเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนสภาพหัวใจ และการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นได้โดยวิธีใด?
9 ชาวยิวที่ยิระมะยาห์ประกาศข่าวสารของพระเจ้าให้ฟังต้องเปลี่ยนสภาพหัวใจ. เป็นไปได้ที่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลง เพราะพระเจ้าตรัสถึงคนเหล่านั้นที่จะกลับจากการเป็นเชลยว่า “เราจะให้พวกเขามีใจอยากรู้จักเราว่าเราคือยะโฮวา พวกเขาจะเป็นประชาชนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา เพราะพวกเขาจะกลับมาหาเรา.” (ยิระ. 24:7, ล.ม.) การเปลี่ยนแปลงแบบนี้เป็นไปได้เช่นกันในทุกวันนี้. ยิ่งกว่านั้น พวกเราส่วนใหญ่สามารถปรับปรุงสภาพหัวใจโดยนัยของเรา. มีสามสิ่งที่จำเป็นคือ การศึกษาพระคำของพระเจ้าเป็นส่วนตัวอย่างจริงจัง, การคิดใคร่ครวญให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าพระคำของพระเจ้ามีผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างไร, และการนำสิ่งที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ไปใช้. ต่างจากคนเหล่านั้นในสมัยยิระมะยาห์ เราควรต้องการให้ผู้ตรวจสอบหัวใจองค์ยิ่งใหญ่ตรวจดูหัวใจของเรา. และเราสามารถตรวจดูหัวใจเราเองโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิลอีกทั้งโดยสังเกตว่าพระยะโฮวาเคยปฏิบัติอย่างไรเพื่อประโยชน์ของเรา. (เพลง. 17:3) การทำเช่นนี้นับว่าฉลาดสุขุมจริง ๆ!
10, 11. (ก) เหตุใดยิระมะยาห์จึงไปหาช่างปั้นหม้อ? (ข) อะไรจะเป็นตัวกำหนดว่าพระยะโฮวาจะปั้นแต่งผู้คนอย่างไร?
10 ซาตานต้องการปั้นแต่งผู้คนให้เป็นแบบเดียวกันหมด แต่เมื่อพระเจ้าทรงปั้นแต่งใคร พระองค์ทรงปฏิบัติกับเขาโดยคำนึงถึงเขาเป็นรายบุคคล. เราเห็นตัวอย่างเรื่องนี้ในประสบการณ์ของยิระมะยาห์. วันหนึ่งพระเจ้าบัญชาให้ท่านไปบ้านของช่างปั้นหม้อ. ช่างปั้นหม้อกำลังทำงานอยู่ที่แป้นหมุน แต่เมื่อภาชนะที่เขาปั้นเสีย เขาก็เอาดินเหนียวก้อนนั้นที่ยังชื้นอยู่ปั้นเป็นภาชนะอีกอย่างหนึ่ง. (อ่านยิระมะยา 18:1-4 ) เหตุใดยิระมะยาห์ได้รับพระบัญชาให้สังเกตเรื่องนี้ และเราจะเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของท่าน?
11 พระยะโฮวาประสงค์จะแสดงให้ยิระมะยาห์และชาวอิสราเอลเห็นว่าพระองค์มีอำนาจที่จะปั้นแต่งผู้คนและชาติต่าง ๆ ให้เป็นแบบที่พระองค์ต้องการ. พระองค์ทรงทำอย่างไรกับดินเหนียว? ต่างจากช่างปั้นหม้อที่เป็นมนุษย์ พระยะโฮวาไม่ทรงทำผิดพลาด ทั้งพระองค์ก็มิได้ทำลายผลงานจากพระหัตถ์ของพระองค์อย่างหุนหัน. การที่ผู้คนตอบรับการปั้นแต่งจากพระยะโฮวาหรือไม่นั้นจะเป็นตัวกำหนดว่าพระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร.—อ่านยิระมะยา 18:6-10
12. (ก) ยะโฮยาคิมมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพระยะโฮวาพยายามปั้นแต่งท่าน? (ข) คุณเห็นบทเรียนอะไรในเรื่องราวเกี่ยวกับยะโฮยาคิม?
12 ถ้าเช่นนั้น พระยะโฮวาทรงปั้นแต่งคนเราโดยวิธีใด? วิธีที่สำคัญที่สุดในทุกวันนี้คือ พระองค์ทรงใช้คัมภีร์ไบเบิล. เมื่อคนเราอ่านพระคำของพระเจ้าและตอบรับ เขาเผยให้เห็นว่าตัวเองเป็นคนชนิดใด และพระเจ้าทรงปั้นแต่งเขาได้. ตอนนี้ขอให้เราพิจารณาตัวอย่างของกษัตริย์ยะโฮยาคิมเพื่อดูว่าผู้คนในสมัยยิระมะยาห์อาจได้รับการปั้นแต่งอย่างไรในเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน. พระบัญญัติกำหนดว่า “เจ้าทั้งหลายอย่าข่มขี่ลูกจ้างที่เป็นผู้ยากจน” แต่กษัตริย์ไม่ปฏิบัติตาม ท่านแสวงประโยชน์จากชนร่วมชาติชาวอิสราเอลโดยใช้พวกเขาเป็นแหล่งของแรงงานราคาถูกเพื่อจะสร้าง ‘วังใหญ่.’ (บัญ. 24:14; ยิระ. 22:13, 14, 17, ฉบับ R73 ) พระเจ้าพยายามจะปั้นแต่งยะโฮยาคิมโดยพระคำของพระองค์ซึ่งเหล่าผู้พยากรณ์ได้ประกาศ. แต่กษัตริย์ได้ติดตามแนวโน้มของหัวใจที่ไว้ใจไม่ได้. ท่านได้กล่าวว่า “เราจะไม่ฟัง” และดำเนินในแนวทางที่ท่านได้ปฏิบัติมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ. ดังนั้น พระเจ้าจึงตรัสว่า “[ยะโฮยาคิม] จะถูกฝังไว้อย่างฝังลาคือถูกลากไปโยนทิ้ง.” (ยิระ. 22:19, 21, ฉบับ R73 ) เราคงโง่สักเพียงไรที่จะตอบว่า ‘ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ เปลี่ยนไม่ได้’! ทุกวันนี้ พระเจ้าไม่ได้ส่งผู้พยากรณ์อย่างยิระมะยาห์มา แต่พระองค์ทรงให้การชี้นำ. ชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุมช่วยเราให้เห็นหลักการในคัมภีร์ไบเบิลและนำไปใช้. หลักการเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันในหลายด้าน เช่น การแต่งกายของเราหรือดนตรีและการเต้นรำที่เกี่ยวข้องกับงานสมรสหรืองานสังสรรค์ในโอกาสอื่น. เราจะยอมให้พระคำของพระเจ้าปั้นแต่งเราไหม?
13, 14. (ก) ทำไมเจ้าของทาสในกรุงเยรูซาเลมจึงยินยอมที่จะปล่อยทาสชาวฮีบรูเป็นอิสระ? (ข) อะไรเผยให้เห็นสภาพหัวใจที่แท้จริงของเจ้าของทาส?
13 ขอพิจารณาอีกตัวอย่างหนึ่ง. ชาวบาบิโลนได้ตั้งซิดคียาให้ครองบัลลังก์ของยูดาห์ฐานะเจ้าประเทศราช. ครั้นแล้ว ซิดคียาได้กบฏซึ่งขัดกับพระบัญชาของพระเจ้าผ่านทางยิระมะยาห์. (ยิระ. 27:8, 12) ดังนั้น พวกบาบิโลนจึงล้อมกรุงเยรูซาเลม. กษัตริย์กับพวกเจ้านายคิดว่าพวกเขาควรทำอะไรบางอย่างเพื่อปฏิบัติตามพระบัญญัติเพื่อจะได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า. เมื่อทราบว่าต้องปล่อยตัวทาสชาวฮีบรูในปีที่เจ็ดของการเป็นทาส ซิดคียาได้ทำสัญญาที่จะปล่อยทาสเหล่านั้นให้เป็นอิสระ. (เอ็ก. 21:2; ยิระ. 34:14) เมื่อเห็นพวกศัตรูล้อมกรุงเยรูซาเลม ผู้คนก็รีบสรุปว่าเหมาะที่จะปล่อยทาสให้เป็นอิสระ!—อ่านยิระมะยา 34:8-10
14 ต่อมา กองทัพอียิปต์มาช่วยกรุงเยรูซาเลม ทำให้พวกบาบิโลนต้องเลิกล้อมกรุง. (ยิระ. 37:5) คนเหล่านั้นที่ได้ปล่อยทาสเป็นอิสระจะทำอะไร? พวกเขาบังคับคนที่ตนได้ปล่อยตัวไปให้กลับมาเป็นทาสอีก. (ยิระ. 34:11) จุดสำคัญคือว่า เมื่อตกอยู่ในอันตราย ชาวยิวดูเหมือนปฏิบัติตามบัญญัติของพระเจ้า ประหนึ่งว่านั่นชดเชยการที่พวกเขาไม่เชื่อฟังในอดีต. แต่เมื่อไม่มีอันตรายแล้ว พวกเขาก็กลับประพฤติแบบเดิม. ถึงแม้พวกเขาแสร้งยอมรับเจตนารมณ์ของพระบัญญัติ การกระทำในภายหลังเผยให้เห็นว่าใจจริงเขาไม่ต้องการที่จะทำตามพระบัญชาที่พบในพระคำของพระเจ้าและยอมให้พระคำนั้นปั้นแต่งเขา.
คุณจะได้บทเรียนที่ดีอะไรจากสิ่งที่ยิระมะยาห์เขียนเกี่ยวกับช่างปั้นหม้อ? พระยะโฮวาทรงปั้นแต่งเราอย่างไรในทุกวันนี้?
ยอมรับการปั้นแต่งจากพระยะโฮวา
15. คุณอยากให้พระยะโฮวาปั้นแต่งคุณถึงขีดไหน? จงยกตัวอย่าง.
15 ด้วยความช่วยเหลือจากประชาคมของพระยะโฮวาตลอดทั่วโลก เราอาจทราบหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวข้องกับแนวปฏิบัติบางอย่าง. ตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าควรทำอย่างไรถ้าพี่น้องทำให้เราขุ่นเคือง. (เอเฟ. 4:32) เราคงยอมรับว่าคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลถูกต้องและสุขุม. ถึงกระนั้น เราจะพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นดินเหนียวชนิดใด? เราจะตอบรับการปั้นแต่งจากพระยะโฮวาจริง ๆ ไหม? หากหัวใจเราปั้นแต่งได้ เราก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ช่างปั้นหม้อองค์ยิ่งใหญ่จะปั้นเราเป็นภาชนะที่เหมาะสมยิ่งขึ้นเพื่อพระองค์จะใช้เราได้. (อ่านโรม 9:20, 21; 2 ติโมเธียว 2:20, 21 ) แทนที่จะแสดงเจตคติเหมือนยะโฮยาคิมหรือเจ้าของทาสในสมัยของซิดคียา เราควรยอมรับการปั้นแต่งจากพระยะโฮวาเพื่อวัตถุประสงค์ที่มีเกียรติ.
16. ยิระมะยาห์ทราบความจริงที่สำคัญอะไร?
16 แม้แต่ยิระมะยาห์ก็ยังได้รับการปั้นแต่งจากพระเจ้า. เจตคติของผู้พยากรณ์คนนี้เป็นเช่นไร? คุณจะรู้ได้จากการที่ท่านยอมรับว่า “มนุษย์ไม่มีสิทธิ์กำหนดแนวทางชีวิตเอง และมนุษย์ไม่มีสิทธิ์กำหนดแต่ละก้าวในชีวิตของตนด้วยซ้ำ.” ต่อจากนั้น ท่านได้อ้อนวอนว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา ขอทรงโปรดแก้ไขข้าพเจ้า.” (ยิระ. 10:23, 24, ล.ม.) หนุ่มสาวทั้งหลาย คุณจะเลียนแบบยิระมะยาห์ไหม? คุณคงต้องตัดสินใจอีกหลายอย่างในวันข้างหน้า. หนุ่มสาวบางคนต้องการ ‘กำหนดก้าวของตัวเอง.’ คุณจะมองหาการชี้นำของพระเจ้าเมื่อต้องตัดสินใจไหม? เช่นเดียวกับยิระมะยาห์ คุณจะยอมรับด้วยความถ่อมใจไหมว่ามนุษย์ไม่สามารถกำหนดแนวทางชีวิตของตนเองได้? ขอจำไว้ว่า หากคุณแสวงหาการชี้นำจากพระเจ้า พระองค์จะทรงปั้นแต่งคุณ.
17-19. (ก) ทำไมยิระมะยาห์เดินทางไกลไปถึงแม่น้ำยูเฟรทิส? (ข) การเชื่อฟังของยิระมะยาห์อาจได้รับการทดสอบอย่างไร? (ค) การกระทำของยิระมะยาห์ที่เกี่ยวข้องกับผ้าคาดเอวได้ทำให้อะไรสำเร็จ?
17 งานมอบหมายของยิระมะยาห์เกี่ยวข้องกับการเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า. หากคุณเป็นยิระมะยาห์ คุณจะยอมรับพระบัญชาไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามไหม? ครั้งหนึ่ง พระยะโฮวาทรงบัญชาให้ยิระมะยาห์เอาผ้าคาดเอวที่ทำด้วยผ้าลินินมาคาดเอวไว้. ต่อจากนั้น พระเจ้าทรงสั่งให้ท่านเดินทางไปยังแม่น้ำยูเฟรทิส. เมื่อดูแผนที่ คุณจะสังเกตว่านั่นหมายถึงการเดินทางประมาณ 500 กิโลเมตร. ครั้นไปถึงที่นั่นแล้ว ยิระมะยาห์ต้องซ่อนผ้าคาดเอวนั้นไว้ในซอกหินและจากนั้นก็เดินทางกลับไปกรุงเยรูซาเลม. และภายหลังพระเจ้าทรงสั่งให้ท่านกลับไปเอาผ้าคาดเอวนั้นมา. (อ่านยิระมะยา 13:1-9 ) รวมแล้ว ยิระมะยาห์ได้เดินทางราว ๆ 1,900 กิโลเมตร. พวกนักวิจารณ์คัมภีร์ไบเบิลไม่อาจเชื่อว่าท่านจะเดินทางไกลถึงขนาดนั้น เดินเท้าเป็นเวลาหลายเดือน.b (เอษรา 7:9) แต่นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าตรัสและยิระมะยาห์ได้ทำตาม.
18 ขอให้นึกภาพผู้พยากรณ์เดินด้วยความยากลำบากผ่านเทือกเขาของยูดาห์ไปยังแม่น้ำยูเฟรทิส โดยขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เลือก บางทีท่านอาจจะต้องผ่านทะเลทรายด้วย. การเดินทางไกลเช่นนั้นเพียงแต่เพื่อเอาผ้าคาดเอวที่ทำด้วยผ้าลินินไปซ่อนไว้! การที่ท่านไม่อยู่เป็นเวลานานคงต้องทำให้เพื่อนบ้านสงสัย. เมื่อท่านกลับมา ท่านไม่ได้คาดผ้าคาดเอวนั้น. ครั้นแล้วพระเจ้าได้ทรงสั่งให้ท่านเดินทางไกลอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปเอาผ้าคาดเอวคืนมา ตอนนั้นผ้าคาดเอวเปื่อยยุ่ยและ “จะใช้ในการใดการหนึ่งก็มิได้.” คิดดูสิว่าคงจะง่ายสักเพียงไรที่จะบอกตัวเองว่า ‘จะมากไปแล้วนะ. ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร.’ แต่เนื่องจากได้รับการปั้นแต่งจากพระเจ้า ท่านมิได้แสดงปฏิกิริยาเช่นนั้น. แทนที่จะบ่น ท่านได้ทำตามที่ได้รับพระบัญชา!
เหตุใดเราควรเชื่อฟังพระบัญชาของพระยะโฮวาแม้เราไม่เข้าใจเต็มที่ในพระบัญชานั้น?
19 เฉพาะแต่หลังจากการเดินทางครั้งที่สองแล้วเท่านั้นที่พระเจ้าทรงอธิบายเรื่องราว. สิ่งที่ยิระมะยาห์ทำ เป็นการปูทางให้ท่านประกาศข่าวสารอันทรงพลัง ที่ว่า “ไพร่พลชั่วเวลานี้, ที่ได้ขัดไม่ฟังถ้อยคำทั้งหลายของเรา, ที่ได้ดำเนินตามความคิดร้ายในใจของตัว, แลได้เดินตามพระอื่นทั้งหลายเพื่อจะได้ปรนนิบัติพระเหล่านั้น, แลเพื่อจะไหว้พระเหล่านั้น, จะเป็นเหมือนเข็มขัด [“ผ้าคาดเอว,” ล.ม.] สายนี้, ที่จะใช้ในการใด ๆ ก็ไม่ได้.” (ยิระ. 13:10) พระยะโฮวาสอนประชาชนของพระองค์ด้วยวิธีที่น่าประทับใจจริง ๆ! การที่ยิระมะยาห์เชื่อฟังพระยะโฮวาอย่างจริงใจในสิ่งที่อาจดูเหมือนไม่สำคัญ มีส่วนสนับสนุนการที่พระองค์พยายามจะเข้าถึงหัวใจของประชาชน.—ยิระ. 13:11
20. เหตุใดการเชื่อฟังของคุณอาจทำให้บางคนประหลาดใจ แต่คุณสามารถมั่นใจในสิ่งใด?
20 พระเจ้าไม่ได้สอนบทเรียนโดยให้คริสเตียนทุกวันนี้เดินเท้าหลายร้อยกิโลเมตร. แต่อาจเป็นได้ที่การเป็นคริสเตียนทำให้เพื่อนบ้านหรือมิตรสหายประหลาดใจหรือถึงกับวิจารณ์คุณด้วยซ้ำ? นั่นอาจเกี่ยวข้องกับวิธีแต่งกายของคุณ, การเลือกการศึกษา, งานอาชีพที่คุณชอบ, หรือแม้แต่ทัศนะของคุณต่อเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์. คุณตั้งใจจะทำตามการชี้นำของพระเจ้าเช่นเดียวกับยิระมะยาห์ไหม? สิ่งที่คุณเลือกเนื่องจากต้องการให้พระเจ้าปั้นแต่งหัวใจอาจเปิดโอกาสให้คำพยานที่ดีได้. ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม การเชื่อฟังพระบัญชาของพระยะโฮวาดังที่พบในพระคำของพระองค์และยอมรับการชี้นำที่ผ่านมาทางชนชั้นทาสสัตย์ซื่อย่อมเป็นผลดีถาวรสำหรับคุณ. แทนที่จะถูกชักนำจากหัวใจที่ไว้ใจไม่ได้ คุณจะเป็นเหมือนยิระมะยาห์ได้. ดังนั้น จงตั้งใจที่จะยอมรับการปั้นแต่งจากพระเจ้า ยอมให้พระองค์ปั้นคุณเป็นภาชนะที่มีเกียรติเพื่อพระองค์จะใช้ได้ตลอดไป.
เหตุใดจึงสำคัญยิ่งที่จะต้านทานความกดดันจากซาตาน, จากหัวใจที่ไม่สมบูรณ์ของเรา, และจากโลก?
a ฉบับแปล NET Bible (2005) อ่านว่า “อย่ายอมเป็นเหมือนโลกปัจจุบัน.” เชิงอรรถกล่าวเพิ่มว่า “ ‘การยอมเป็นเหมือนโลกปัจจุบัน’ นั้นอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว. แต่กระนั้น . . . คนเราอาจยอมเป็นเหมือนโลกปัจจุบันโดยที่เขาก็รู้ตัวอยู่บ้างเหมือนกัน. โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะเกิดขึ้นทั้งสองแบบ.”
b บางคนถือว่าจุดหมายปลายทางของยิระมะยาห์อยู่ใกล้ ๆ แทนที่จะเป็นที่แม่น้ำยูเฟรทิส. เพราะเหตุใด? ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งกล่าวว่า “เป้าหมายอย่างเดียวที่เขาวิจารณ์เช่นนี้คือเขาไม่อยากให้เราเชื่อว่าผู้พยากรณ์ต้องลำบากในการเดินทางสองเที่ยวจากเยรูซาเลมไปแม่น้ำยูเฟรทิส.”