แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 5-11 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มัทธิว 12-13
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 12:20
ไส้ตะเกียงที่มีไฟริบหรี่ ตะเกียงทั่วไปที่ใช้ในบ้านเป็นตะเกียงเล็ก ๆ ที่ทำจากดินเผาซึ่งใส่น้ำมันมะกอกไว้ข้างใน ไส้ตะเกียงที่ทำมาจากป่านนี้จะดูดน้ำมันขึ้นมาหล่อเลี้ยงเปลวไฟ คำภาษากรีกที่ว่า “ไส้ตะเกียงที่มีไฟริบหรี่” อาจหมายถึง ไส้ตะเกียงที่ยังมีไฟแดง ๆ ติดอยู่แต่มีควันเพราะเปลวไฟกำลังจะดับหรือดับไปแล้ว คำพยากรณ์ในอิสยาห์ 42:3 บอกล่วงหน้าถึงความรักความเมตตาของพระเยซูว่า ท่านจะไม่มีวันดับความหวังสุดท้ายของคนถ่อมตัวที่ถูกกดขี่
วันที่ 12-18 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มัทธิว 14-15
“เลี้ยงอาหารคนมากมายด้วยคนเพียงไม่กี่คน”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 14:21
ไม่นับผู้หญิงและเด็ก เฉพาะมัทธิวเท่านั้นที่พูดถึงผู้หญิงและเด็ก ๆ ในการอัศจรรย์ครั้งนี้ เป็นไปได้ว่าการอัศจรรย์นี้มีการเลี้ยงอาหารคนมากกว่า 15,000 คน
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 15:7
พวกคนเสแสร้ง คำภาษากรีก hy·po·kri·tesʹ (ฮีพอคริเตสʹ) เดิมทีหมายถึงนักแสดงละครเวทีชาวกรีก (ต่อมาชาวโรมัน) ซึ่งพวกเขาใส่หน้ากากอันใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้เสียงพูดดังขึ้น ต่อมา มีการใช้คำนี้เพื่อเปรียบเทียบถึงคนที่ปกปิดนิสัยหรือเจตนาที่แท้จริงของเขาโดยแสดงหรือเสแสร้งแกล้งทำ ในข้อนี้พระเยซูได้เรียกผู้นำศาสนาชาวยิวว่าเป็น “คนเสแสร้ง”—มธ 6:5, 16
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 15:26
ลูก ๆ . . . ลูกหมา ในกฎหมายของโมเสส หมาเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาด และมีหลายครั้งที่คัมภีร์ไบเบิลใช้คำนี้ในเชิงดูถูก (ลนต 11:27; มธ 7:6; ฟป 3:2; วว 22:15) แต่ในหนังสือของมาระโก (7:27) และมัทธิวที่บันทึกคำพูดของพระเยซู คำนี้อยู่ในรูปคำที่บ่งบอกว่าเล็กซึ่งหมายถึง “ลูกหมา” หรือ “หมาที่เลี้ยงในบ้าน” นี่จึงทำให้การเปรียบเทียบนี้ไม่แรงเกินไป อาจเป็นได้ว่าพระเยซูใช้คำที่แสดงถึงความน่ารักน่าเอ็นดูเพื่อเรียกสัตว์เลี้ยงของคนที่ไม่ใช่ชาวยิว การที่พระเยซูเปรียบเทียบชาวอิสราเอลเป็นเหมือน “เด็ก” และคนที่ไม่ใช่ชาวยิวเป็นเหมือน “ลูกหมา” ท่านน่าจะต้องการให้เข้าใจถึงลำดับความสำคัญ ซึ่งก็คือในบ้านที่มีทั้งเด็กและลูกหมา เด็กควรจะได้รับการเลี้ยงดูก่อน
วันที่ 19-25 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มัทธิว 16-17
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 16:18
คุณคือเปโตร . . . บนหินก้อนนี้ ในทางไวยากรณ์ คำภาษากรีก peʹtros (เปโตรส) เป็นคำเพศชาย หมายถึง “ก้อนหิน” และในที่นี้ใช้เป็นชื่อเฉพาะ (เปโตร) ซึ่งเป็นชื่อภาษากรีกที่พระเยซูตั้งให้ซีโมน (ยน 1:42) คำภาษากรีก peʹtra (เปตรา) เป็นคำเพศหญิง แปลว่า “หิน” และหมายถึงชั้นหินที่อยู่ใต้ดิน หินผา หรือภูเขาที่เป็นหิน คำภาษากรีกคำนี้มีอยู่ใน มธ 7:24, 25; 27:60; ลก 6:48; 8:6; รม 9:33; 1คร 10:4; 1ปต 2:8 เปโตรคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นหินที่พระเยซูจะใช้เป็นฐานรากของประชาคม เพราะเมื่อเขาพูดถึงพระเยซูใน 1ปต 2:4-8 เขาบอกว่า พระเจ้าได้เลือกพระเยซูด้วยตัวพระองค์เองให้ “เป็นหินหัวมุมของฐานราก” และได้บอกเรื่องนี้ไว้นานมาแล้ว คล้ายกัน อัครสาวกเปาโลได้เรียกพระเยซูว่าเป็น “ฐานราก” และ “โขดหินของพระองค์” (1คร 3:11; 10:4) ดังนั้น พระเยซูอาจกำลังพูดแบบเล่นคำ ท่านบอกว่า ‘คุณที่ผมเรียกว่าเปโตร ซึ่งหมายถึงหินก้อนเล็กก้อนหนึ่ง คุณได้เข้าใจแล้วว่าใครคือพระคริสต์ ซึ่งเป็น “หินก้อนนี้” ที่จะเป็นฐานรากของประชาคมคริสเตียน’
ประชาคม นี่เป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำภาษากรีก ek·kle·siʹa (เอคคลีเซีย) ซึ่งมาจากคำกรีก 2 คำคือ คำว่า ek (เอค) แปลว่า “ออกมา” และ ka·leʹo (กาเลโอ) แปลว่า “เรียก” ซึ่งมีความหมายว่าคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกให้มารวมกันเพื่อทำกิจกรรมหรือทำตามเป้าหมายบางอย่าง (ดูส่วนอธิบายศัพท์) ในข้อนี้ พระเยซูกำลังบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับการสร้างประชาคมคริสเตียนซึ่งมีคริสเตียนผู้ถูกเจิมเป็นสมาชิก พวกเขาเป็น “หินที่มีชีวิตอยู่” และกำลังถูก “ก่อขึ้นเป็นวิหารด้วยพลังของพระเจ้า” (1ปต 2:4, 5) มีการใช้คำภาษากรีกเอคคลีเซีย หลายครั้งในฉบับเซปตัวจินต์ เมื่อแปลคำภาษาฮีบรูคำนี้ ซึ่งบ่อยครั้งคำนี้ใช้เพื่อเรียกชาติอิสราเอลซึ่งเป็นชาติที่พระเจ้าเลือก (ฉธบ 23:3; 31:30) คล้ายกัน มีการเรียกคริสเตียนที่ถูก “เลือก . . . ให้อยู่ต่างหากจากโลก” ว่า “ประชาคมของพระเจ้า”—1ปต 2:9; ยน 15:19; 1คร 1:2
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 16:19
ลูกกุญแจของรัฐบาลสวรรค์ ในคัมภีร์ไบเบิล คนที่ได้รับลูกกุญแจไม่ว่าจะเป็นลูกกุญแจจริง ๆ หรือแบบความหมายเป็นนัย คือคนที่ได้รับอำนาจในระดับหนึ่ง (1พศ 9:26, 27; อสย 22:20-22) ดังนั้น คำว่า “ลูกกุญแจ” แสดงถึงการมีอำนาจและหน้าที่รับผิดชอบ เปโตรใช้ “ลูกกุญแจ” เหล่านี้ที่ได้รับมาเพื่อช่วยให้ชาวยิว (กจ 2:22-41) ชาวสะมาเรีย (กจ 8:14-17) และชาวต่างชาติ (กจ 10:34-38) มีโอกาสได้รับพลังของพระเจ้าและมีความหวังจะได้เข้าในรัฐบาลสวรรค์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์-4 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มัทธิว 18-19
“ระวังที่จะไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นหลงทำผิด”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 18:6, 7
หินโม่ก้อนใหญ่ หรือ “หินโม่แบบที่ใช้ลาหมุน (เชิงอรรถ)” ซึ่งแปลตรงตัวว่า “หินโม่ของลา” หินโม่แบบนี้ดูเหมือนมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.2-1.5 เมตร และหนักมากจนต้องใช้ลาหมุน
สิ่งที่ชักจูงคนให้หลงทำผิด เข้าใจกันว่าคำ skanʹda·lon (สคันดาลอน) ในภาษากรีกซึ่งในข้อนี้แปลว่า “สิ่งที่ชักจูงคนให้หลงทำผิด” มีความหมายเดิมว่ากับดัก บางคนบอกว่าเป็นกิ่งไม้ที่มีเหยื่อล่อติดอยู่ซึ่งวางไว้ในกับดัก ในความหมายที่กว้างกว่านี้อาจหมายถึงอะไรก็ตามที่ทำให้คนสะดุดหรือล้ม และความหมายเป็นนัยหมายถึงการกระทำหรือสภาพการณ์ที่ทำให้คนหลงทำผิด ทำให้พลาดทำผิดศีลธรรม หรือทำบาป ที่ มธ 18:8, 9 มีการใช้คำกริยาที่คล้ายกันนี้คือ skan·da·liʹzo (สคันดาลิโซ) ซึ่งแปลไว้ว่า “ทำให้หลงทำผิด” และอาจแปลได้ด้วยว่า “กลายเป็นกับดัก หรือต้นเหตุของการทำบาป”
nwtsty-E สื่อสำหรับศึกษา
หินโม่
หินโม่เหล่านี้ใช้เพื่อบดเมล็ดธัญพืชและใช้บดมะกอกเพื่อให้ได้น้ำมัน หินโม่บางก้อนมีขนาดเล็กพอที่จะใช้มือหมุน แต่บางก้อนก็ใหญ่มากจนต้องใช้สัตว์หมุน หินโม่ก้อนใหญ่แบบนี้อาจเป็นแบบเดียวกันกับที่ชาวฟีลิสเตียบังคับให้แซมสันหมุน (วนฉ 16:21) เครื่องโม่ที่ใช้สัตว์หมุนไม่ได้มีแค่ในอิสราเอลเท่านั้น แต่หลายส่วนในจักรวรรดิโรมันก็มีด้วย
หินโม่ก้อนบนและหินโม่ก้อนล่าง
หินโม่ก้อนใหญ่เหมือนในภาพนี้มีการใช้สัตว์เลี้ยงหมุน เช่น ลา เพื่อที่จะบดเมล็ดธัญพืชหรือบดมะกอก หินโม่ก้อนบนอาจมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เมตร และจะหมุนอยู่บนหินก้อนล่างที่ใหญ่กว่า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 18:9
เกเฮนนา คำนี้มาจากคำฮีบรู geh hin·nomʹ (เกฮินโนม) หมายถึง “หุบเขาฮินโนม” ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกและใต้ของกรุงเยรูซาเล็มโบราณ (ดูภาคผนวก ข12 แผนที่ “กรุงเยรูซาเล็มและบริเวณโดยรอบ”) พอถึงสมัยของพระเยซู หุบเขานี้ใช้เป็นสถานที่เผาขยะ ดังนั้น คำว่า “เกเฮนนา” จึงเหมาะสมที่จะเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายให้สาบสูญ
nwtstg-E ส่วนอธิบายศัพท์
เกเฮนนา
ชื่อภาษากรีกของหุบเขาฮินโนม ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเยรูซาเล็มโบราณ (ยรม 7:31) มีการพยากรณ์ไว้ว่าที่นั่นจะกลายเป็นที่ทิ้งศพ (ยรม 7:32; 19:6) ไม่มีหลักฐานเลยว่าสัตว์หรือมนุษย์ที่ถูกทิ้งในเกเฮนนาถูกเผาทั้งเป็นหรือถูกทรมาน จึงไม่ถูกต้องที่จะใช้สถานที่นี้เป็นสัญลักษณ์ของแดนทรมานที่วิญญาณมนุษย์จะถูกทรมานด้วยไฟตลอดไป แต่พระเยซูและสาวกของท่านใช้คำว่าเกเฮนนาเป็นสัญลักษณ์ของการลงโทษตลอดไปด้วย “ความตายชนิดที่สอง” ซึ่งหมายถึงการทำลายให้สาบสูญ—วว 20:14; มธ 5:22; 10:28
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 18:10
อยู่ต่อหน้าพ่อของผม หรือ “เข้าไปหาพ่อของผมได้” ทูตสวรรค์เท่านั้นที่จะเห็นหน้าพระเจ้าได้ เพราะพวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปหาพระองค์—อพย 33:20
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 18:22
77 ครั้ง แปลตรงตัวว่า “เจ็ดสิบคูณเจ็ด” สำนวนในภาษากรีกอาจเข้าใจได้ว่า “70 และ 7” (77 ครั้ง) หรือ “เจ็ดสิบคูณด้วยเจ็ด” (490 ครั้ง) คำเดียวกันนี้มีอยู่ในฉบับเซปตัวจินต์ ที่ ปฐก 4:24 ซึ่งแปลมาจากคำภาษาฮีบรู “77 ครั้ง” นี่สนับสนุนว่าคำนี้ควรแปลว่า “77 ครั้ง” ไม่ว่าคำนี้จะหมายถึงอะไร การซ้ำเลขเจ็ดบ่งบอกถึง “ไม่มีกำหนด” หรือ “ไม่จำกัด” เมื่อพระเยซูบอกเปโตรว่าไม่ใช่ 7 ครั้งแต่เป็น 77 ครั้ง ท่านกำลังบอกเหล่าสาวกของท่านไม่ให้กำหนดเอาเองว่าจะอภัยกี่ครั้ง คำสอนของพระเยซูตรงกันข้ามกับทัลมุดแห่งบาบิโลน (โยมะ 86ข) ที่บอกไว้ว่า “ถ้าใครทำบาปครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม เขาจะได้รับการอภัย แต่ครั้งที่สี่เขาจะไม่ได้รับการอภัย”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 19:7
หนังสือหย่า กฎหมายของโมเสสเรียกร้องให้ผู้ชายที่กำลังคิดจะหย่าต้องเตรียมหนังสือทางด้านกฎหมายและปรึกษากับผู้เฒ่าผู้แก่ การทำอย่างนี้ช่วยให้ผู้ชายมีเวลาทบทวนการตัดสินใจในเรื่องสำคัญนี้ เจตนารมณ์ของกฎหมายนี้คงจะเป็นการช่วยปกป้องไม่ให้พวกเขาตัดสินใจแบบไม่คิดให้ละเอียด และช่วยปกป้องผู้หญิงทางด้านกฎหมายด้วยในระดับหนึ่ง (ฉธบ 24:1) แต่ในสมัยพระเยซู พวกผู้นำศาสนาหลายคนได้ทำให้การหย่าเป็นเรื่องง่าย โยเซฟุสนักประวัติศาสตร์ชาวยิวในสมัยศตวรรษแรกซึ่งเป็นฟาริสีที่หย่าแล้ว ทำให้หลายคนเข้าใจว่าสามารถหย่าร้างได้ “ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม (และพวกผู้ชายอ้างว่ามีหลายสาเหตุที่จะหย่า)”
nwtsty-E สื่อสำหรับศึกษา
หนังสือหย่า
นี่เป็นหนังสือหย่าจากปี ค.ศ. 71 หรือ 72 ซึ่งเป็นภาษาอาราเมอิก หนังสือหย่านี้ถูกค้นพบทางด้านเหนือของวาดี มูราบาต ซึ่งเป็นทางน้ำสายหนึ่งที่แห้งขอดในทะเลทรายยูเดีย หนังสือหย่านี้บอกว่าในปีที่หกหลังจากการกบฏของชาวยิว โยเซฟลูกชายของนัคซานได้หย่ากับมิเรียมลูกสาวของโยนาธานที่อยู่ในเมืองมาซาดา