แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 3-9 กันยายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ยอห์น 1-2
“พระเยซูทำการอัศจรรย์ครั้งแรก”
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 1:1
โฆษก แปลตรงตัวว่า “คำพูด” หรือ “วาทะ” ภาษากรีกคือ ho loʹgos (โฮโลโกส) คำว่าโฆษกในข้อนี้เป็นตำแหน่งเหมือนกับใน ยน 1:14 และ วว 19:13 ยอห์นบอกให้รู้ว่าตำแหน่งนี้เป็นของพระเยซู คัมภีร์ไบเบิลใช้ตำแหน่งนี้กับพระเยซูทั้งตอนที่ท่านเป็นทูตสวรรค์ก่อนจะมาเป็นมนุษย์บนโลก ตอนที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบเพื่อทำงานรับใช้บนโลก และตอนที่ท่านกลับไปสวรรค์ พระเยซูเป็นโฆษกหรือกระบอกเสียงของพระเจ้า เพราะท่านถ่ายทอดข่าวสารและคำสอนของพระเจ้าให้กับทูตสวรรค์องค์อื่น ๆ รวมทั้งมนุษย์ด้วย ดังนั้น มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าก่อนพระเยซูมาบนโลก พระยะโฮวาเคยติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ผ่านทางโฆษกผู้นี้ตอนที่ท่านเป็นทูตสวรรค์—ปฐก 16:7-11; 22:11; 31:11; อพย 3:2-5; วนฉ 2:1-4; 6:11, 12; 13:3
กับ คำภาษากรีกคือโพรส เป็นคำบุพบท เมื่อใช้ในท้องเรื่องนี้แสดงถึงความใกล้ชิดสนิทสนม และคำนี้ยังช่วยให้เห็นว่ากำลังพูดถึง 2 บุคคล ซึ่งในข้อนี้คือพระเยซูที่เป็นโฆษกกับพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว
ท่านเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง หรือ “มีลักษณะอย่างพระเจ้า [หรือ “เป็นอย่างพระเจ้า”]” ยอห์นกำลังอธิบายบุคลิกลักษณะของ “โฆษก” (ภาษากรีกโฮโลโกส ดูข้อมูลสำหรับศึกษาคำว่า โฆษก ในข้อนี้) ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ เหตุผลหนึ่งที่มีการพูดถึงพระเยซูว่าเป็น “พระเจ้าองค์หนึ่ง” หรือ “มีลักษณะอย่างพระเจ้า” ก็เพราะท่านมีตำแหน่งสูงกว่าทูตสวรรค์องค์อื่น ๆ ท่านเป็นลูกคนแรกของพระเจ้าที่พระองค์ใช้ให้สร้างทุกสิ่ง ผู้แปลหลายคนมักจะแปลว่า “พระวาทะ (โฆษก) เป็นพระเจ้า” ซึ่งทำให้พระเยซูเท่าเทียมกับพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด แต่มีเหตุผลหนักแน่นหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่ายอห์นไม่ได้บอกว่า “โฆษก” นี้เป็นบุคคลเดียวกันกับพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด เช่น ข้อความทั้งข้างหน้าและข้างหลังของประโยค “ท่านเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง” บอกชัดว่าโฆษกผู้นี้ “อยู่กับพระเจ้า” นอกจากนั้น ใน ยน 1:1, 2 ใช้คำภาษากรีก the·osʹ (เทโอส) รวม 3 ครั้ง ซึ่งในครั้งที่ 1 และ 3 คำว่าเทโอส มีคำนำหน้านามแบบเจาะจง แต่ครั้งที่ 2 ไม่มี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นตรงกันว่าการไม่มีคำนำหน้านามแบบเจาะจงเป็นจุดที่น่าสังเกต เมื่อมีคำนำหน้านามแบบเจาะจง เทโอส จะหมายถึงพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด แต่ถ้าไม่มี เทโอส จะกลายเป็นคำที่อธิบายลักษณะของ “โฆษก” ดังนั้น คัมภีร์ไบเบิลหลายฉบับในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน จึงแปลข้อนี้คล้าย ๆ กับฉบับแปลโลกใหม่ โดยถ่ายทอดแนวคิดที่ว่า “โฆษก (พระวาทะ) เป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง หรือมีลักษณะแบบพระเจ้า” ฉบับแปลเก่าแก่ภาษาซาฮิดิกกับภาษาโบไฮริกซึ่งอยู่ในกลุ่มภาษาคอปติกที่อาจทำขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 3 และ 4 ก็สนับสนุนความเห็นนี้ ฉบับแปลเหล่านี้แปลคำว่าเทโอส ที่ปรากฏครั้งแรกใน ยน 1:1 ต่างจากครั้งที่ 2 ในข้อเดียวกัน การแปลแบบนี้ทำให้เห็นชัดว่า โฆษกมีบุคลิกลักษณะคล้ายกับพระเจ้า แต่ไม่เท่าเทียมกับพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดซึ่งเป็นพ่อของท่าน ทำให้ข้อนี้สอดคล้องกับ คส 2:9 ที่บอกว่าพระคริสต์ “แสดงคุณลักษณะของพระเจ้าได้อย่างครบถ้วน” และ 2 ปต 1:4 บอกว่า แม้แต่คนที่ร่วมปกครองกับพระคริสต์ก็จะ “ได้รับสภาพอย่างพระเจ้า” นอกจากนั้น ในฉบับเซปตัวจินต์ คำภาษากรีกเทโอส มาจากคำว่า เอล และ เอโลฮิม ในภาษาฮีบรู ซึ่งแปลว่า “พระเจ้า” และทั้งสองคำมีความหมายพื้นฐานว่า “ผู้มีพลังอำนาจ หรือ ผู้มีกำลังมาก” ซึ่งเป็นคำที่ใช้กับพระเจ้าองค์สูงสุด กับพระอื่น ๆ หรือกับมนุษย์ทั่วไปก็ได้ การเรียก “โฆษก” ว่า “พระเจ้าองค์หนึ่ง” หรือ “ผู้มีพลังอำนาจ” ก็สอดคล้องกับคำพยากรณ์ใน อสย 9:6 ที่บอกล่วงหน้าว่าเมสสิยาห์จะถูกเรียกว่า “พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจ” (ไม่ใช่ “พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด”) และท่านจะเป็น “บิดาถาวร” ของทุกคนที่ได้เป็นประชาชนในรัฐบาลของท่าน พ่อของท่านซึ่งก็คือ “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ” ตั้งใจจะทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จ—อสย 9:7
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 1:29
ลูกแกะของพระเจ้า หลังจากพระเยซูรับบัพติศมาและถูกมารซาตานล่อใจแล้ว ยอห์นผู้ให้บัพติศมาแนะนำให้ทุกคนรู้ว่าท่านเป็น “ลูกแกะของพระเจ้า” นอกจากข้อนี้ และ ยน 1:36 แล้วก็ไม่มีที่อื่นที่เรียกพระเยซูอย่างนี้ (ดูภาคผนวก ก 7) การเปรียบพระเยซูเป็นลูกแกะถือว่าเหมาะสม เพราะในคัมภีร์ไบเบิลตลอดทั้งเล่ม แกะถูกใช้เป็นเครื่องบูชาที่แสดงว่าคนถวายสำนึกว่าเขามีบาปและต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า ซึ่งเป็นภาพล่วงหน้าถึงเครื่องบูชาที่พระเยซูถวายโดยสละชีวิตมนุษย์สมบูรณ์แบบของท่านเพื่อมนุษย์ทุกคน คำว่า “ลูกแกะของพระเจ้า” อาจทำให้นึกถึงบันทึกหลายตอนในพระคัมภีร์ เนื่องจากยอห์นคุ้นเคยกับพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นอย่างดี เมื่อเขาพูดถึงลูกแกะของพระเจ้า เขาอาจนึกถึงหลายเหตุการณ์ เช่น แกะตัวผู้ที่อับราฮัมถวายเป็นเครื่องบูชาแทนอิสอัคลูกชายของเขา (ปฐก 22:13) หรือแกะปัสกาที่ถูกฆ่าในอียิปต์เพื่อช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาส (อพย 12:1-13) หรือแกะตัวผู้ที่ถูกถวายบนแท่นบูชาของพระเจ้าในเยรูซาเล็มทั้งตอนเช้าและตอนเย็นของทุกวัน (อพย 29:38-42) นอกจากนั้น ยอห์นอาจจะคิดถึงคำพยากรณ์ของอิสยาห์ที่ว่า คนที่พระยะโฮวาเรียกว่า “ผู้รับใช้ของเรา” จะ “ถูกพาไปเหมือนแกะที่ถูกพาไปฆ่า” (อสย 52:13; 53:5, 7, 11) และตอนที่อัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายฉบับแรกไปหาพี่น้องในเมืองโครินธ์ เขาเรียกพระเยซูว่า “ลูกแกะปัสกาของเรา” (1คร 5:7) อัครสาวกเปโตรก็พูดถึง “เลือดที่มีค่ามากของพระคริสต์ซึ่งเป็นเหมือนเลือดของลูกแกะที่ไม่มีตำหนิและด่างพร้อย” (1ปต 1:19) นอกจากนั้น มีมากกว่า 25 ครั้งในหนังสือวิวรณ์ที่เรียกพระเยซูหลังจากท่านกลับไปสวรรค์ว่า “ลูกแกะของพระเจ้า”—ดูตัวอย่างที่ วว 5:8; 6:1; 7:9; 12:11; 13:8; 14:1; 15:3; 17:14; 19:7; 21:9; 22:1
วันที่ 10-16 กันยายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ยอห์น 3-4
“พระเยซูประกาศกับผู้หญิงสะมาเรีย”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 4:6
พระเยซูนั่งพักเหนื่อย นี่เป็นที่เดียวในพระคัมภีร์ที่บอกว่าพระเยซูรู้สึก “เหนื่อย” ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยง และเช้าวันนั้นพระเยซูคงจะเดินทางจากหุบเขาจอร์แดนในแคว้นยูเดียขึ้นมาที่เมืองสิคาร์ในแคว้นสะมาเรียซึ่งอยู่สูงกว่าถึง 900 เมตร หรือมากกว่านั้น—ยน 4:3-5; ดูภาคผนวก ก 7
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 3:29
เพื่อนเจ้าบ่าว ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเจ้าบ่าวจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเขาในการเจรจาสู่ขอ เอาสินสอดไปให้ฝ่ายเจ้าสาว และจัดงานแต่งงาน เขาเป็นคนที่ช่วยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้แต่งงานกัน ในวันแต่งงานขบวนเจ้าสาวจะมาที่บ้านเจ้าบ่าวหรือบ้านพ่อเจ้าบ่าวซึ่งเป็นที่จัดงาน ระหว่างที่มีงานเลี้ยง เพื่อนเจ้าบ่าวจะดีใจมากเมื่อได้ยินเสียงเจ้าบ่าวพูดกับเจ้าสาว เพราะเขารู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองสำเร็จแล้ว ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเปรียบตัวเองเป็นเหมือน “เพื่อนเจ้าบ่าว” พระเยซูคือเจ้าบ่าวและสาวกทั้งหมดเป็นเหมือนเจ้าสาว เนื่องจากยอห์นผู้ให้บัพติศมากำลังเตรียมทางให้เมสสิยาห์ เขาจึงเป็นคนแนะนำสาวกกลุ่มแรกที่จะเป็น “เจ้าสาว” ให้รู้จักกับพระเยซูคริสต์ (ยน 1:29, 35; 2คร 11:2; อฟ 5:22-27; วว 21:2, 9) เมื่อ “เพื่อนเจ้าบ่าว” ทำหน้าที่สำเร็จแล้วเขาก็ไม่มีบทบาทสำคัญอีกต่อไป เหมือนที่ยอห์นเปรียบเทียบบทบาทของเขากับพระเยซูว่า “ท่านผู้นั้นจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนตัวผมจะมีน้อยลง”—ยน 3:30
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 4:10
น้ำที่ให้ชีวิต คำนี้ในภาษากรีกแปลตรงตัวว่า น้ำที่มีชีวิต น้ำที่ไหลอยู่ตลอด น้ำพุ หรือน้ำจืดในบ่อที่ไหลมาจากตาน้ำพุ ซึ่งต่างจากน้ำที่อยู่นิ่ง ๆ ในบ่อเก็บน้ำใต้ดิน ใน ลนต 14:5 คำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “น้ำที่ได้จากลำธาร” มีความหมายตรงตัวว่า “น้ำที่มีชีวิต” และใน ยรม 2:13 และ 17:13 พูดถึงพระยะโฮวาว่าเป็น “แหล่งน้ำ [หรือ “น้ำพุ”] ที่ให้ชีวิต” ตอนที่พระเยซูพูดกับผู้หญิงสะมาเรียและใช้คำว่า “น้ำที่ให้ชีวิต” ท่านไม่ได้หมายถึงน้ำที่อยู่ในบ่อ แต่ผู้หญิงสะมาเรียเข้าใจว่าพระเยซูหมายถึงน้ำที่เธอกำลังตัก—ยน 4:11
วันที่ 17-23 กันยายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ยอห์น 5-6
“ติดตามพระเยซูด้วยแรงกระตุ้นที่ถูกต้อง”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 6:10
คนที่อยู่ที่นั่นมีผู้ชายประมาณ 5,000 คน เฉพาะมัทธิวเท่านั้นที่บอกว่าตอนพระเยซูทำการอัศจรรย์มี “ผู้หญิงและเด็ก” รวมอยู่ด้วย (มธ 14:21) เป็นไปได้ว่าคนที่กินอาหารจากการอัศจรรย์ที่พระเยซูทำมีมากถึง 15,000 คน
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 6:14
ผู้พยากรณ์ ชาวยิวจำนวนมากในศตวรรษแรกคาดหมายว่าเมสสิยาห์น่าจะเป็นผู้พยากรณ์เหมือนกับโมเสสตามที่บอกไว้ใน ฉธบ 18:15, 18 และคำว่า มาในโลก ในข้อนี้อาจบอกให้รู้ว่าผู้คนรอคอยการปรากฏตัวของเมสสิยาห์ มีแค่ยอห์นเท่านั้นที่บันทึกว่าผู้คนพูดแบบนี้เมื่อเห็นพระเยซูทำการอัศจรรย์
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 6:27, 54
อาหารที่เน่าเสียได้ . . . อาหารที่ไม่เน่าเสียซึ่งจะให้ชีวิตตลอดไป พระเยซูรู้ว่ามีบางคนติดตามท่านกับสาวกเพราะพวกเขาได้กินอาหารอิ่ม อาหารที่มนุษย์กินช่วยค้ำจุนชีวิตเป็นวัน ๆ ไป แต่คำสอนของพระเจ้าเป็น “อาหาร” ที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป พระเยซูบอกให้คนที่ฟังท่านทำงานเพื่อจะได้ “อาหารที่ไม่เน่าเสียซึ่งจะให้ชีวิตตลอดไป” ซึ่งหมายความว่า พวกเขาต้องพยายามมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าและแสดงความเชื่อในสิ่งที่ได้เรียนรู้—มธ 4:4; 5:3; ยน 6:28-39
กินเนื้อและดื่มเลือดของผม ท้องเรื่องช่วยให้เข้าใจว่า คำพูดนี้ไม่ได้หมายถึงการกินเนื้อและดื่มเลือดจริง ๆ แต่หมายถึงการแสดงความเชื่อในพระเยซูคริสต์ (ยน 6:35, 40) พระเยซูพูดประโยคนี้ในปี ค.ศ. 32 ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่นานก่อน “เทศกาลปัสกาของชาวยิว” (ยน 6:4) ดังนั้น ท่านไม่ได้พูดถึงการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์เพราะท่านจะเริ่มการฉลองนั้นในปี 33 คำพูดของพระเยซูจึงน่าจะทำให้คนที่ฟังท่านนึกถึงเลือดของลูกแกะที่สามารถช่วยชีวิตชาวอิสราเอลในคืนที่พวกเขาออกจากอียิปต์ (อพย 12:24-27) พระเยซูกำลังเน้นว่าเลือดของท่านก็มีความสำคัญแบบเดียวกัน เพราะสามารถทำให้สาวกของท่านมีชีวิตตลอดไป
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 6:44
ชักนำเขา คำว่า “ชักนำ” ในภาษากรีกมักจะใช้กับการลากอวนหาปลา (ยน 21:6, 11) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าลากผู้คนมาโดยที่เขาไม่เต็มใจ เพราะคำกริยานี้ยังหมายถึง “ดึงดูดให้เข้ามาใกล้” ได้ด้วย คำพูดของพระเยซูทำให้นึกถึงคำพูดของพระยะโฮวาใน ยรม 31:3 ที่บอกประชาชนของพระองค์ในสมัยโบราณว่า “เพราะเรามีความรักที่มั่นคง เราจึงทำให้เจ้าเข้ามาใกล้เรา” (ฉบับเซปตัวจินต์ ใช้คำกรีกคำเดียวกับที่พระเยซูใช้) ยน 12:32 ก็พูดคล้าย ๆ กันว่าพระเยซูชักนำคนทุกชนิดเข้ามาหาท่าน พระคัมภีร์แสดงว่าพระยะโฮวาให้มนุษย์มีสิทธิ์ตัดสินใจเองว่าจะรับใช้พระองค์หรือไม่ (ฉธบ 30:19, 20) พระเจ้าชักนำคนที่เต็มใจตอบรับความจริงอย่างอ่อนโยนให้มาหาพระองค์ (สด 11:5; สภษ 21:2; กจ 13:48) พระยะโฮวาชักนำผู้คนด้วยข่าวสารในคัมภีร์ไบเบิลและพลังบริสุทธิ์ของพระองค์ ข้อความใน ยน 6:45 เป็นคำพยากรณ์ที่ยกมาจาก อสย 54:13 ซึ่งพูดถึงคนที่พระเจ้าผู้เป็นพ่อชักนำให้มาหาพระองค์—เทียบกับ ยน 6:65
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 6:64
พระเยซู . . . รู้ก่อนแล้วว่า . . . คนไหนจะทรยศท่าน พระเยซูกำลังพูดถึงยูดาสอิสคาริโอท ก่อนพระเยซูจะเลือกอัครสาวก 12 คน ท่านอธิษฐานถึงพ่อของท่านตลอดทั้งคืน (ลก 6:12-16) ดังนั้น ในตอนแรกยูดาสต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า แต่พระเยซูรู้จากคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูว่าท่านจะถูกคนใกล้ชิดทรยศ (สด 41:9; 109:8; ยน 13:18) พระเยซูอ่านใจและความคิดได้ ดังนั้น เมื่อยูดาสเริ่มคิดชั่ว ท่านก็รู้ว่าเขาเปลี่ยนไป (มธ 9:4) พระเจ้าเลือกที่จะใช้ความสามารถในการรู้ล่วงหน้า พระองค์จึงรู้ว่าเพื่อนคนหนึ่งที่พระเยซูไว้ใจจะทรยศท่าน แต่การสรุปว่าพระเจ้ากำหนดไว้ก่อนแล้วว่ายูดาสจะทรยศพระเยซูขัดกับคุณลักษณะของพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอด
ก่อนแล้ว หรือ “แต่แรก (เชิงอรรถ)” ไม่ได้หมายถึงก่อนที่ยูดาสเกิด หรือก่อนที่เขาจะถูกเลือกให้เป็นอัครสาวก เพราะพระเยซูเลือกเขาหลังจากที่ท่านอธิษฐานตลอดทั้งคืน (ลก 6:12-16) แต่หมายถึง ตั้งแต่แรกที่ยูดาสเริ่มคิดชั่วพระเยซูก็ดูออกทันที (ยน 2:24, 25; วว 1:1; 2:23) นี่แสดงว่าการทรยศของเขาเกิดจากการไตร่ตรองและวางแผนไว้ก่อน เขาไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน คำว่า ar·kheʹ (อาร์ฮี) ในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกแปลได้หลายความหมายขึ้นอยู่กับท้องเรื่อง เช่น 2ปต 3:4 แปลคำนี้ว่า “ตอนเริ่มต้น” ซึ่งหมายถึงตอนที่พระเจ้าเริ่มสร้างสิ่งต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วคำนี้จะมีความหมายที่เจาะจง เช่น เปโตรบอกว่าคนต่างชาติได้รับพลังบริสุทธิ์ “เหมือนที่พวกเราได้รับตอนแรกนั้น” (กจ 11:15) ในข้อนี้เปโตรไม่ได้หมายถึงตอนที่เขาเกิดหรือตอนที่เขาได้รับเลือกเป็นอัครสาวก แต่หมายถึงวันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 ซึ่งเป็น “ตอนแรก” ที่พระเจ้าให้พลังบริสุทธิ์กับสาวกของพระเยซูเพื่อจุดประสงค์พิเศษบางอย่าง (กจ 2:1-4) ตัวอย่างอื่น ๆ ที่แสดงว่าคำภาษากรีกนี้มักจะแปลตามท้องเรื่องมีอยู่ที่ ลก 1:2; ยน 15:27; และ 1ยน 2:7
วันที่ 24-30 กันยายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ยอห์น 7-8
“พระเยซูให้เกียรติพระเจ้าผู้เป็นพ่อเสมอ”
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ยน 8:58
ผมอยู่มาตั้งแต่ พวกผู้ต่อต้านชาวยิวอยากเอาหินขว้างพระเยซู เพราะท่านบอกว่าเคย “เห็นอับราฮัม” ทั้งที่ตอนนั้นท่าน “อายุยังไม่ถึง 50 ปี” (ยน 8:57) แต่พระเยซูกำลังบอกพวกเขาว่าท่านเป็นทูตสวรรค์ที่มีชีวิตอยู่ในสวรรค์ก่อนที่อับราฮัมจะเกิด บางคนอ้างว่าคำพูดของพระเยซูแสดงว่าท่านเป็นพระเจ้า พวกเขาบอกว่าคำภาษากรีก e·goʹ ei·miʹ (เอโกอีมี) ที่ใช้ใน ยน 8:58 (พระคัมภีร์บางฉบับแปลว่า “เราเป็น” หรือ “เป็นอยู่”) เหมือนกับคำพูดของพระเจ้าในฉบับเซปตัวจินต์ที่ อพย 3:14 และควรแปลให้เหมือนกัน แต่ตามท้องเรื่องนี้ พระเยซูกำลังบอกว่าท่านมีชีวิตอยู่มา (ภาษากรีก ei·miʹ) “ตั้งแต่อับราฮัมยังไม่เกิด” และตอนที่พูดท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ ที่จริง คำกริยาภาษากรีกคำเดียวกันนี้ (ei·miʹ) มีอยู่ใน ยน 14:9 ซึ่งเป็นคำพูดของพระเยซูที่ว่า “ฟีลิป ผมอยู่กับพวกคุณมาตั้งนาน คุณยังไม่รู้จักผมอีกหรือ?” ดังนั้น การแปลว่า “ผมอยู่มาตั้งแต่” เป็นการแปลที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งฉบับแปลสมัยใหม่และสมัยโบราณส่วนใหญ่ก็แปลคล้ายกับฉบับแปลโลกใหม่ นอกจากนั้น คำพูดของพระเยซูที่ ยน 8:54, 55 ก็แสดงว่าท่านไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่าท่านเป็นบุคคลเดียวกันกับพ่อของท่าน