แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 1-7 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ปฐมกาล 44-45
“โยเซฟให้อภัยพวกพี่ชาย”
(ปฐมกาล 44:13) พอเห็นอย่างนี้ พวกเขาก็ฉีกเสื้อที่ใส่อยู่ แล้วยกกระสอบของตัวเองขึ้นวางไว้บนหลังลาอย่างเดิมและกลับเข้าเมือง
it-2-E น. 813
การฉีกเสื้อ
เป็นการแสดงถึงความโศกเศร้าของคนยิวและคนในประเทศทางแถบตะวันออกโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าญาติใกล้ชิดตาย หลายกรณี หมายถึงการฉีกเสื้อให้ขาดถึงช่วงอก ไม่ใช่การฉีกจนขาดตลอดทั้งตัวจนใส่ไม่ได้อีก
จากบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล รูเบนลูกชายคนโตของยาโคบเป็นคนแรกที่ฉีกเสื้อ ตอนที่เขากลับไปที่บ่อน้ำแต่ไม่เห็นโยเซฟอยู่ในบ่อ เขาก็ฉีกเสื้อและพูดว่า “เด็กนั่นหายไปแล้ว! ทำยังไงดี?” เนื่องจากรูเบนเป็นลูกคนโต เขาจึงมีหน้าที่ดูแลน้อง พอยาโคบได้ยินว่าโยเซฟตาย เขาก็ฉีกเสื้อและใส่ผ้ากระสอบเป็นทุกข์โศกเศร้าอยู่หลายวัน (ปฐก 37:29, 30, 34) และที่อียิปต์ ตอนที่เบนยามินถูกพบว่าเป็นขโมย พวกพี่ชายของโยเซฟก็ฉีกเสื้อด้วยความโศกเศร้า—ปฐก 44:13
วันที่ 8-14 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ปฐมกาล 46-47
“ได้รับอาหารในช่วงที่ขาดแคลน”
(ปฐมกาล 47:13) ตอนนั้น ในอียิปต์และคานาอันไม่มีอาหารเพราะการขาดแคลนอาหารครั้งนั้นรุนแรงมาก ชาวอียิปต์และชาวคานาอันต่างก็อ่อนระโหยโรยแรงเพราะไม่มีอะไรจะกิน
ห87-E 1/5 น. 15 ว. 2
ได้รับอาหารในช่วงที่ขาดแคลน
2 7 ปีที่อุดมสมบูรณ์สิ้นสุดลงแล้ว และการขาดแคลนอาหารตามที่พระยะโฮวาบอกไว้ล่วงหน้าเริ่มขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่ที่อียิปต์เท่านั้นแต่ “เกิดขึ้นทั่วโลก” เมื่อประชาชนที่หิวโหยในอียิปต์ร้องขออาหารจากฟาโรห์ ฟาโรห์บอกพวกเขาว่า “ไปหาโยเซฟแล้วทำทุกอย่างตามที่เขาบอก” พวกเขาซื้อข้าวจากโยเซฟจนไม่มีเงินเหลือ โยเซฟจึงให้พวกเขาเอาฝูงสัตว์มาแลกกับอาหาร สุดท้ายประชาชนก็มาหาโยเซฟอีกแล้วบอกว่า “พวกเราขอเอาตัวกับที่ดินของพวกเราแลกกับอาหาร พวกเราจะยอมเป็นทาสฟาโรห์และที่ดินของพวกเราก็จะเป็นของฟาโรห์ด้วย” โยเซฟจึงซื้อที่ดินทั้งหมดจากชาวอียิปต์ให้ฟาโรห์—ปฐมกาล 41:53-57; 47:13-20
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
(ปฐมกาล 46:4) เราจะไปอียิปต์กับเจ้าและเราจะพาเจ้ากลับมา เมื่อเจ้าตาย โยเซฟจะเป็นคนเอามือมาปิดตาให้เจ้า”
it-1-E น. 220 ว. 1
ทัศนคติและท่าทาง
เอามือปิดตาให้คนตาย พระยะโฮวาบอกยาโคบว่า “โยเซฟจะเป็นคนเอามือมาปิดตาให้เจ้า” (ปฐก 46:4) พระยะโฮวากำลังบอกยาโคบว่าโยเซฟจะปิดตาของยาโคบหลังจากที่เขาตาย ซึ่งปกติแล้วหน้าที่นี้เป็นของลูกชายคนโต จากคำพูดนี้พระยะโฮวากำลังบอกยาโคบว่าสิทธิลูกคนโตจะตกเป็นของโยเซฟ—1พศ 5:2
(กิจการ 7:14) แล้วโยเซฟก็ใช้คนไปเชิญยาโคบพ่อของเขากับญาติพี่น้องมาจากคานาอัน รวมทั้งหมด 75 คน
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา กจ 7:14
รวมทั้งหมด 75 คน: ตอนที่สเทเฟนพูดถึงครอบครัวของยาโคบตอนอยู่อียิปต์ว่ามี 75 คน เขาอาจไม่ได้ยกข้อมูลนี้มาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ตัวเลขนี้ก็ไม่พบในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่พวกมาโซเรตคัดลอก ที่ปฐมกาล 46:26 บอกว่า “ลูกหลานทั้งหมดของยาโคบที่มาอียิปต์พร้อมกับเขารวมแล้วมี 66 คน ไม่นับพวกลูกสะใภ้” ส่วนข้อ 27 บอกว่า “คนในครอบครัวยาโคบซึ่งมาอียิปต์มีทั้งหมด 70 คน” จาก 2 ข้อนี้ทำให้เห็นว่ามีการนับจำนวนคนในแบบที่แตกต่างกัน ตัวเลขแรกดูเหมือนนับเฉพาะลูกหลานตามสายเลือด ตัวเลขที่สองนับคนทั้งหมดในครอบครัวยาโคบที่เดินทางมาอียิปต์ มีการพูดถึงจำนวนลูกหลานของยาโคบไว้ในอพยพ 1:5 และใน เฉลยธรรมบัญญัติ 10:22 ด้วยซึ่งบอกว่ามี “70 คน” ดูเหมือนว่าจำนวน 75 คนที่สเทเฟนพูดถึงนั้นรวมญาติ ๆ ของยาโคบไว้ด้วย บางคนบอกว่าจำนวนนี้รวมลูกและหลานของมนัสเสห์กับเอฟราอิมตามที่บอกในปฐมกาล 46:20 ของฉบับเซปตัวจินต์ ด้วย แต่บางคนบอกว่าจำนวนนี้รวมลูกสะใภ้ของยาโคบที่ไม่ได้พูดถึงในปฐมกาล 46:26 ดังนั้น “75 คน” อาจเป็นจำนวนรวมทั้งหมด และจำนวนนี้อาจมีอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่ใช้กันในศตวรรษแรก และนักวิชาการหลายคนก็รู้ว่าจำนวน “75” นี้ใช้ในปฐมกาล 46:27 และอพยพ 1:5 ของฉบับกรีกเซปตัวจินต์ นอกจากนั้น ในศตวรรษที่ 20 มีการค้นพบชิ้นส่วนของม้วนหนังสือทะเลตาย 2 ชิ้นซึ่งเป็นข้อความจากอพยพ 1:5 ในภาษาฮีบรู และในชิ้นส่วนทั้งสองนั้นก็บอกว่ามี “75 คน” ข้อมูลที่สเทเฟนใช้ก็อาจเป็นข้อมูลจากสำเนาเก่าแก่เหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่สเทเฟนพูดถึงแสดงให้เห็นว่ามีการใช้วิธีนับสมาชิกครอบครัวของยาโคบแตกต่างกัน
วันที่ 15-21 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ปฐมกาล 48-50
“คนสูงอายุมีสิ่งดีหลายอย่างจะบอกเรา”
(ปฐมกาล 48:21, 22) แล้วอิสราเอลก็พูดกับโยเซฟว่า “พ่อกำลังจะตาย แต่พระเจ้าจะอยู่กับลูก ๆ ต่อ ๆ ไปและจะนำลูก ๆ กลับไปที่แผ่นดินของบรรพบุรุษของลูก 22 พ่อจะยกแผ่นดินที่พ่อชิงมาจากชาวอาโมไรต์ด้วยดาบและธนูให้ลูก พ่อจะให้ลูกมากกว่าพี่น้องของลูกอีกส่วนหนึ่ง”
it-1-E น. 1246 ว. 8
ยาโคบ
ก่อนตาย ยาโคบอวยพรหลาน ๆ ที่เป็นลูกชายโยเซฟ พระเจ้าชี้นำเขาให้อวยพรเอฟราอิมให้ยิ่งใหญ่กว่ามนัสเสห์ซึ่งเป็นพี่ชาย หลังจากนั้น เขาบอกโยเซฟที่จะได้รับส่วนแบ่งของลูกคนโตมากกว่าพี่น้องคนอื่น 2 เท่าว่า “พ่อจะยกแผ่นดินที่พ่อชิงมาจากชาวอาโมไรต์ด้วยดาบและธนูให้ลูก พ่อจะให้ลูกมากกว่าพี่น้องของลูกอีกส่วนหนึ่ง” (ปฐก 48:1-22; 1คร 5:1) ก่อนหน้านี้ยาโคบได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งใกล้เชเคมจากพวกลูกชายของฮาโมร์ (ปฐก 33:19, 20) ก็เลยดูเหมือนว่าคำสัญญาที่ยาโคบให้กับโยเซฟเป็นการแสดงถึงความเชื่อของเขา เขามั่นใจว่าในอนาคตลูกหลานของเขาจะพิชิตคานาอันได้อย่างแน่นอน เขาพูดเหมือนกับว่าเขาชิงแผ่นดินนั้นมาแล้วด้วยดาบและธนูของเขาเอง และที่บอกว่าโยเซฟได้รับมากกว่าพี่น้องคนอื่นอีกส่วนหนึ่งก็คือมีการแบ่งที่ดินให้ทั้งตระกูลเอฟราอิมและตระกูลมนัสเสห์
(ปฐมกาล 49:1) แล้วยาโคบก็เรียกลูกชายทั้งหมดมาและบอกว่า “ลูก ๆ ทุกคน เข้ามาใกล้ ๆ พ่อหน่อย พ่อจะได้บอกลูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกในอนาคต
it-2-E น. 206 ว. 1
สมัยสุดท้าย
คำพยากรณ์ของยาโคบก่อนตาย ตอนที่ยาโคบบอกกับพวกลูกชายว่า “ลูก ๆ ทุกคน เข้ามาใกล้ ๆ พ่อหน่อย พ่อจะได้บอกลูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกในอนาคต” (ปฐก 49:1) นานกว่า 200 ปีก่อนหน้านั้น พระยะโฮวาบอกกับอับราม (อับราฮัม) ซึ่งเป็นปู่ของยาโคบว่าลูกหลานของเขาจะถูกกดขี่เป็นเวลา 400 ปี (ปฐก 15:13) ดังนั้น ในกรณีนี้ “ในอนาคต” ที่ยาโคบพูดถึงจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าการกดขี่ 400 ปีจะสิ้นสุดลง คาดว่าในภายหลังมีการใช้คำพยากรณ์นี้กับ “อิสราเอลของพระเจ้า” ด้วย—กท 6:16; รม 9:6
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
(ปฐมกาล 49:27) “เบนยามินจะฉีกเนื้อเหมือนหมาป่า ตอนเช้าเขาจะกินเหยื่อที่จับมาได้ และตอนเย็นเขาจะแบ่งของที่ชิงมา”
it-1-E น. 289 ว. 2
เบนยามิน
ในคำพยากรณ์ของยาโคบก่อนตาย เขาพูดถึงเบนยามินลูกชายที่เขารักว่า “เบนยามินจะฉีกเนื้อเหมือนหมาป่า ตอนเช้าเขาจะกินเหยื่อที่จับมาได้ และตอนเย็นเขาจะแบ่งของที่ชิงมา” (ปฐก 49:27) คำพยากรณ์นี้ทำให้เห็นว่าลูกหลานของเบนยามินมีความสามารถในการสู้รบ นักรบตระกูลเบนยามินมีความสามารถโดดเด่นในการใช้เชือกเหวี่ยงก้อนหินให้ถูกเป้า ไม่ว่าจะมือซ้ายหรือมือขวาถึงแม้ “เป้านั้นจะเล็กขนาดเท่าเส้นผม” ก็ตาม (วนฉ 20:16; 1พศ 12:2) ผู้วินิจฉัยเอฮูดที่ถนัดมือซ้ายซึ่งฆ่ากษัตริย์เอกโลนที่กดขี่ก็เป็นคนตระกูลเบนยามิน (วนฉ 3:15-21) น่าสังเกตด้วยว่าใน “ตอนเช้า” หรือตอนเริ่มต้นอาณาจักรอิสราเอล ซาอูลลูกชายของคีช กษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรนี้ก็มาจากตระกูลเบนยามินซึ่ง “เป็นตระกูลเล็กที่สุด” เขารบชนะพวกฟีลิสเตีย (1ซม 9:15-17, 21) และใน “ตอนเย็น” หรือตอนที่อิสราเอลเกือบจะสิ้นชาติ ราชินีเอสเธอร์กับโมร์เดคัยที่ช่วยชาวอิสราเอลให้รอดจากการกวาดล้างของเปอร์เซียก็มาจากตระกูลเบนยามินด้วย—อสธ 2:5-7
วันที่ 22-28 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | อพยพ 1-3
“เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการจะเป็น”
(อพยพ 2:10) เมื่อเด็กโตขึ้น เธอก็พาไปให้ลูกสาวของฟาโรห์ แล้วลูกสาวของฟาโรห์ก็รับไว้เป็นลูกของตัวเอง และตั้งชื่อว่าโมเสส เธอพูดว่า “ฉันตั้งชื่อนี้เพราะได้ช่วยเด็กคนนี้ขึ้นมาจากน้ำ”
ต04-E 8/4 น. 6 ว. 5
โมเสส—เรื่องจริงหรือนิยาย
แปลกไหมถ้าเราจะคิดว่าเจ้าหญิงของอียิปต์รับเด็กคนหนึ่งมาเป็นลูก? ไม่เลย เพราะศาสนาของอียิปต์สอนว่าคนที่ทำอย่างนั้นจะได้ขึ้นสวรรค์ นักโบราณคดีชื่อจอยซ์ ไทล์เดสลีย์บอกว่า “ผู้ชายและผู้หญิงชาวอียิปต์มีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งในเรื่องกฎหมายและในเรื่องเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็ตามทฤษฎี และ . . . ผู้หญิงจึงสามารถรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้” นอกจากนั้น พาไพรัสเก่าแก่ที่พูดถึงเรื่องนี้บอกว่าผู้หญิงอียิปต์คนหนึ่งรับทาสของเธอเป็นบุตรบุญธรรม ส่วนเรื่องการจ้างแม่ของโมเสสมาเป็นแม่นมนั้น พจนานุกรมดิแองเคอร์ไบเบิล บอกว่า “การจ่ายค่าจ้างให้แม่ที่แท้จริงของโมเสสในการเป็นแม่นม . . . แสดงให้เห็นว่ามีการทำสัญญาเรื่องการรับบุตรบุญธรรมในเมโสโปเตเมีย”
วันที่ 29 มิถุนายน–5 กรกฎาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | อพยพ 4-5
“เราจะช่วยเจ้าตอนที่เจ้าพูด”
(อพยพ 5:2) แต่ฟาโรห์ตอบว่า “พระยะโฮวาเป็นใคร? แล้วทำไมเราจะต้องฟังพระองค์และปล่อยพวกอิสราเอลไป? เราไม่เห็นจะรู้จักพระยะโฮวา และเราก็จะไม่ปล่อยพวกอิสราเอลไป”
it-2-E น. 12 ว. 5
ยะโฮวา
การ “รู้จัก” ไม่ได้หมายถึงแค่คุ้นเคย หรือรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างหรือคนบางคน นาบาลที่เป็นคนโง่ก็รู้จักชื่อของดาวิดแต่ก็ยังถามว่า “ดาวิดเป็นใครกัน?” ที่จริงเขากำลังถามว่า “ทำไมผมต้องสนใจดาวิดด้วย?” (1ซม 25:9-11; เทียบกับ 2ซม 8:13) เหมือนกันฟาโรห์พูดกับโมเสสว่า “พระยะโฮวาเป็นใคร? แล้วทำไมเราจะต้องฟังพระองค์และปล่อยพวกอิสราเอลไป? เราไม่เห็นจะรู้จักพระยะโฮวาและเราก็จะไม่ปล่อยพวกอิสราเอลไป” (อพย 5:1, 2) จากคำพูดนี้แสดงว่าฟาโรห์ไม่รู้จักพระยะโฮวาว่าเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ เขาไม่รู้ว่าพระองค์มีอำนาจเหนือกษัตริย์อียิปต์และสิ่งที่กษัตริย์ทำ รวมทั้งไม่รู้ด้วยว่าเขาขัดขืนความประสงค์ของพระองค์ไม่ได้ แต่ตอนนี้ฟาโรห์และชาวอียิปต์ทุกคนรวมทั้งชาวอิสราเอลรู้ความหมายที่แท้จริงของชื่อยะโฮวาและบุคคลที่ชื่อนี้หมายถึง โมเสสเข้าใจเรื่องนี้เพราะพระยะโฮวาทำให้ความประสงค์ต่าง ๆ ของพระองค์เกี่ยวกับชาวอิสราเอลเกิดขึ้นจริง พระองค์ปลดปล่อยพวกเขา พาพวกเขาเข้าแผ่นดินที่พระองค์สัญญา และทำตามที่พระองค์สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา พระองค์บอกว่า “พวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือยะโฮวาพระเจ้าของพวกเจ้า”—อพย 6:4-8