ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • บ7 มาระโก 1:1-16:20
  • ข่าวดีที่เรียบเรียงโดยมาระโก

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ข่าวดีที่เรียบเรียงโดยมาระโก
  • พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่
พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่
ข่าวดีที่เรียบเรียงโดยมาระโก

ข่าว​ดี​ที่​เรียบเรียง​โดย​มาระโก

1 นี่​คือ​ตอน​เริ่ม​ต้น​แห่ง​ข่าว​ดี​เกี่ยว​กับ​พระ​เยซู​คริสต์. 2 ตาม​ที่​เขียน​ไว้​ใน​หนังสือ​ของ​ผู้​พยากรณ์​ยะซายาห์​ว่า “(ดู​เถิด! เรา​จะ​ใช้​ผู้​ส่ง​ข่าว​ของ​เรา​ไป​ก่อน​เจ้า ผู้​นั้น​จะ​เตรียม​ทาง​ไว้​ให้​เจ้า)* 3 จง​ฟัง​เถิด! มี​ผู้​หนึ่ง​ร้อง​อยู่​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​ว่า ‘เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​เตรียม​ทาง​ไว้​สำหรับ​พระ​ยะโฮวา จง​ทำ​ทาง​ของ​พระองค์​ให้​ตรง’ ” 4 โยฮัน​ผู้​ให้​บัพติสมา​จึง​ปรากฏ​ตัว​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​และ​ประกาศ​ว่า​ผู้​คน​ต้อง​รับ​บัพติสมา*เพื่อ​แสดง​การ​กลับ​ใจ​จึง​จะ​ได้​รับ​การ​อภัย​บาป. 5 ดัง​นั้น ผู้​คน​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย​และ​ที่​อาศัย​ใน​กรุง​เยรูซาเลม​จึง​ออก​ไป​หา​เขา​และ​รับ​บัพติสมา​จาก​เขา​ที่​แม่น้ำ​จอร์แดน และ​สารภาพ​บาป​ของ​ตน​อย่าง​เปิด​เผย. 6 โยฮัน​นุ่ง​ห่ม​ผ้า​ขน​อูฐ คาด​เอว​ด้วย​หนัง​สัตว์ และ​กิน​ตั๊กแตน​กับ​น้ำ​ผึ้ง​ป่า​เป็น​อาหาร. 7 และ​เขา​ประกาศ​ว่า “จะ​มี​ผู้​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​ใหญ่​กว่า​ข้าพเจ้า​เสด็จ​มา​ภาย​หลัง​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​ไม่​คู่​ควร​จะ​ก้ม​ลง​แก้​สาย​ฉลอง​พระ​บาท​ของ​พระองค์. 8 ข้าพเจ้า​ให้​บัพติสมา​แก่​พวก​ท่าน​ด้วย​น้ำ แต่​พระองค์​จะ​ให้​บัพติสมา​แก่​พวก​ท่าน​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์.”

9 ใน​ช่วง​นั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​มา​จาก​เมือง​นาซาเรท​ใน​แคว้น​แกลิลี​และ​ทรง​รับ​บัพติสมา​จาก​โยฮัน​ใน​แม่น้ำ​จอร์แดน. 10 ทันที​ที่​พระองค์​เสด็จ​ขึ้น​จาก​น้ำ​ก็​ทรง​เห็น​ท้องฟ้า​แยก​ออก และ​ทรง​เห็น​พระ​วิญญาณ​ลง​มา​บน​พระองค์​ดุจ​นก​พิราบ 11 และ​มี​เสียง​ตรัส​จาก​ฟ้า​ว่า “เจ้า​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา เรา​พอ​ใจ​เจ้า​มาก.”

12 ใน​ทันที​นั้น​เอง พระ​วิญญาณ​ได้​กระตุ้น​พระองค์​ให้​เข้า​ไป​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร. 13 พระองค์​ทรง​อยู่​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​นั้น​สี่​สิบ​วัน ถูก​ซาตาน​ล่อ​ใจ และ​ทรง​อยู่​กับ​สัตว์​ป่า แต่​มี​เหล่า​ทูตสวรรค์​คอย​รับใช้​พระองค์.

14 หลัง​จาก​โยฮัน​ถูก​จับ​กุม พระ​เยซู​เสด็จ​ไป​ยัง​แคว้น​แกลิลี ทรง​ประกาศ​ข่าว​ดี​ของ​พระเจ้า 15 และ​ตรัส​ว่า “เวลา​ที่​กำหนด​ไว้​มา​ถึง​แล้ว และ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​มา​ใกล้​แล้ว. เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​กลับ​ใจ​และ​เชื่อ​ข่าว​ดี​เถิด.”

16 ขณะ​ที่​ทรง​ดำเนิน​เลียบ​ชายฝั่ง​ทะเล​แกลิลี* พระองค์​ทรง​เห็น​ซีโมน​กับ​อันเดรอัส​น้อง​ชาย​กำลัง​ตี​อวน​อยู่​ใน​ทะเล เพราะ​ทั้ง​สอง​เป็น​ชาว​ประมง. 17 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​สอง​ว่า “ตาม​เรา​มา​เถิด แล้ว​เรา​จะ​ให้​เจ้า​เป็น​ผู้​จับ​คน.” 18 ทั้ง​สอง​จึง​ละ​อวน​แล้ว​ตาม​พระองค์​ไป​ทันที. 19 และ​เมื่อ​ทรง​ดำเนิน​ต่อ​ไป​อีก​หน่อย​หนึ่ง พระองค์​ทรง​เห็น​ยาโกโบ​บุตร​เซเบเดอุส​กับ​โยฮัน​น้อง​ชาย​กำลัง​ชุน​อวน​อยู่​ใน​เรือ 20 พระองค์​จึง​ทรง​เรียก​พวก​เขา​ทันที. เขา​ทั้ง​สอง​จึง​ละ​เซเบเดอุส​บิดา​ของ​ตน​ไว้​ใน​เรือ​กับ​พวก​ลูกจ้าง​แล้ว​ตาม​พระองค์​ไป. 21 แล้ว​พระองค์​กับ​พวก​เขา​ก็​เข้า​ไป​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม.

พอ​ถึง​วัน​ซะบาโต* พระ​เยซู​ทรง​เข้า​ไป​สอน​ใน​ธรรมศาลา. 22 ผู้​คน​ต่าง​อัศจรรย์​ใจ​ใน​วิธี​สอน​ของ​พระองค์​เพราะ​พระองค์​ทรง​สอน​พวก​เขา​อย่าง​ผู้​ที่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​พระเจ้า ไม่​เหมือน​พวก​อาลักษณ์. 23 ขณะ​นั้น ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ถูก​กาย​วิญญาณ​โสโครก​สิง​ตะโกน​ขึ้น​ใน​ธรรม​ศาลา 24 ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเรท ท่าน​มา​ยุ่ง​กับ​พวก​ข้า​ทำไม? ท่าน​มา​ทำลาย​พวก​ข้า​หรือ? ข้า​รู้​ดี​ว่า​ท่าน​เป็น​ใคร ท่าน​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า.” 25 แต่​พระ​เยซู​ทรง​ห้าม​มัน​ว่า “เงียบ! ออก​มา​จาก​เขา​เสีย!” 26 กาย​วิญญาณ​โสโครก​ทำ​ให้​ชาย​คน​นั้น​ชัก และ​มัน​ร้อง​จน​สุด​เสียง​แล้ว​ออก​มา​จาก​เขา. 27 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​อัศจรรย์​ใจ​ยิ่ง​จน​พูด​กัน​ว่า “อะไร​กัน? การ​สอน​แบบ​ใหม่*หรือ​นี่! เขา​มี​อำนาจ​สั่ง​ได้​แม้​แต่​กาย​วิญญาณ​โสโครก และ​พวก​มัน​ก็​ฟัง​เขา.” 28 กิตติศัพท์​ของ​พระองค์​ก็​เลื่อง​ลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​แกลิลี​ทันที.

29 และ​ทันที​ที่​ออก​จาก​ธรรมศาลา พระ​เยซู​กับ​สาวก​ก็​ไป​ยัง​บ้าน​ของ​ซีโมน​กับ​อันเดรอัส ยาโกโบ​และ​โยฮัน​ก็​ไป​ด้วย. 30 ขณะ​นั้น​แม่ยาย​ของ​ซีโมน​นอน​ป่วย​เป็น​ไข้​อยู่ พวก​เขา​จึง​ทูล​เรื่อง​นาง​ให้​พระองค์​ทราบ​ทันที. 31 พระ​เยซู​จึง​ทรง​ไป​หา​นาง ทรง​จับ​มือ​นาง​พยุง​ให้​ลุก​ขึ้น นาง​ก็​หาย​ไข้​แล้ว​จึง​ปรนนิบัติ​พระองค์​กับ​พวก​เขา.

32 พอ​พลบ​ค่ำ เมื่อ​ดวง​อาทิตย์​ตก​แล้ว ผู้​คน​ก็​พา​บรรดา​คน​ป่วย​และ​คน​ถูก​ปิศาจ​สิง​มา​หา​พระองค์ 33 และ​คน​ทั้ง​เมือง​ก็​ออ​กัน​อยู่​ที่​ประตู. 34 พระองค์​จึง​ทรง​รักษา​คน​เป็น​อัน​มาก​ที่​ป่วย​ด้วย​โรค​ต่าง ๆ และ​ทรง​ขับ​ปิศาจ​หลาย​ตน แต่​ทรง​ห้าม​ไม่​ให้​ปิศาจ​เหล่า​นั้น​พูด เพราะ​พวก​มัน​รู้​ว่า​พระองค์​คือ​พระ​คริสต์.*

35 ใน​ตอน​เช้า​ตรู่ ขณะ​ที่​ยัง​มืด​อยู่ พระองค์​ทรง​ลุก​ขึ้น​แล้ว​เสด็จ​ออก​ไป​ยัง​ที่​ห่าง​ไกล​ผู้​คน​และ​ทรง​อธิษฐาน​ที่​นั่น. 36 แต่​ซีโมน​กับ​คน​อื่น​ที่​อยู่​ด้วย​พา​กัน​ตาม​หา​พระองค์ 37 เมื่อ​พบ​แล้ว​พวก​เขา​ทูล​พระองค์​ว่า “คน​ทั้ง​ปวง​ตาม​หา​พระองค์​อยู่.” 38 แต่​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เรา​ไป​ที่​อื่น​กัน​เถิด เข้า​ไป​ตาม​เมือง​ใกล้ ๆ นี้ เพื่อ​เรา​จะ​ประกาศ​ที่​นั่น​ด้วย เพราะ​ที่​เรา​มา​ก็​ด้วย​จุด​ประสงค์​นี้.” 39 แล้ว​พระองค์​ทรง​ไป​ประกาศ​ใน​ธรรมศาลา​ทั่ว​แคว้น​แกลิลี​และ​ทรง​ขับ​ปิศาจ.

40 มี​คน​โรค​เรื้อน​คน​หนึ่ง​มา​หา​พระองค์ เขา​ถึง​กับ​คุกเข่า​ลง​ทูล​อ้อน​วอน​พระองค์​ว่า “ขอ​เพียง​พระองค์​ต้องการ พระองค์​จะ​ทรง​ทำ​ให้​ข้าพเจ้า​หาย​ได้.” 41 พระองค์​ทรง​รู้สึก​สงสาร​เขา จึง​ทรง​ยื่น​พระ​หัตถ์​ออก​แตะ​ตัว​เขา​และ​ตรัส​ว่า “เรา​ต้องการ. จง​หาย​โรค​เถิด.” 42 เขา​ก็​หาย​จาก​โรค​เรื้อน​ทันที. 43 แล้ว​พระองค์​ทรง​กำชับ​เขา​และ​ให้​เขา​ไป​ทันที 44 โดย​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “อย่า​บอก​เรื่อง​นี้​แก่​ใคร แต่​จง​ไป​ให้​ปุโรหิต​ตรวจ​ดู​และ​ถวาย​สิ่ง​ของ​สำหรับ​การ​ที่​เจ้า​หาย​จาก​โรค​เรื้อน​ตาม​ที่​โมเซ​ได้​สั่ง​ไว้​เพื่อ​ให้​พวก​เขา​ได้​เห็น​หลักฐาน.” 45 แต่​เมื่อ​ชาย​คน​นั้น​ไป​แล้ว เขา​ก็​เริ่ม​ป่าว​ประกาศ​และ​เล่า​เรื่อง​นั้น​ไป​ทั่ว​จน​พระ​เยซู​ไม่​อาจ​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ใด ๆ อย่าง​เปิด​เผย​ได้​อีก แต่​พระองค์​ทรง​ประทับ​อยู่​นอก​เมือง​ใน​ที่​ห่าง​ไกล​ผู้​คน. ถึง​กระนั้น คน​ทั้ง​หลาย​ก็​ยัง​พา​กัน​มา​หา​พระองค์​จาก​ทุก​สาร​ทิศ.

2 ต่อ​มา​อีก​ไม่​กี่​วัน พระองค์​ทรง​เข้า​ไป​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม​อีก​และ​ข่าว​แพร่​ออก​ไป​ว่า​พระองค์​ทรง​อยู่​ที่​บ้าน. 2 ผู้​คน​จึง​มา​ชุมนุม​กัน​มาก​มาย​จน​ไม่​มี​ที่​ว่าง​เลย​แม้​แต่​ที่​ประตู แล้ว​พระ​เยซู​ได้​ตรัส​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ให้​พวก​เขา​ฟัง. 3 มี​ชาย​สี่​คน​หาม​คน​เป็น​อัมพาต​มา​หา​พระองค์. 4 แต่​เมื่อ​พา​เขา​เข้า​ไป​หา​พระ​เยซู​ไม่​ได้​เพราะ​มี​คน​มาก พวก​เขา​จึง​รื้อ​หลังคา​ตรง​ที่​พระองค์​ประทับ​อยู่ เจาะ​เป็น​ช่อง แล้ว​หย่อน​แคร่​ที่​คน​เป็น​อัมพาต​นอน​อยู่​ลง​มา. 5 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา​จึง​ตรัส​กับ​คน​ที่​เป็น​อัมพาต​ว่า “ลูก​เอ๋ย บาป​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​อภัย​แล้ว.” 6 ขณะ​นั้น​มี​อาลักษณ์​บาง​คน​นั่ง​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย พวก​เขา​คิด​ใน​ใจ​ว่า 7 “ทำไม​คน​นี้​พูด​อย่าง​นี้? เขา​กำลัง​หมิ่น​ประมาท​พระเจ้า. ใคร​จะ​อภัย​บาป​ได้​นอก​จาก​พระเจ้า​องค์​เดียว?” 8 แต่​พระ​เยซู​ทรง​รู้​ทันที​ว่า​เขา​คิด​เช่น​นั้น​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ทำไม​พวก​เจ้า​คิด​ใน​ใจ​เช่น​นั้น​เล่า? 9 พูด​กับ​คน​เป็น​อัมพาต​อย่าง​ไหน​จะ​ง่าย​กว่า จะ​ว่า ‘บาป​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​อภัย​แล้ว’ หรือ​จะ​ว่า ‘ลุก​ขึ้น​ยก​แคร่​ของ​เจ้า​เดิน​ไป​เถิด’? 10 แต่​เพื่อ​ให้​พวก​เจ้า​รู้​ว่า​บุตร​มนุษย์​มี​อำนาจ​ให้​อภัย​บาป​บน​แผ่นดิน​โลก” พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​คน​เป็น​อัมพาต​ว่า 11 “เรา​บอก​เจ้า​ว่า จง​ลุก​ขึ้น​ยก​แคร่​ของ​เจ้า​กลับ​ไป​บ้าน​เถิด.” 12 เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ยก​แคร่​เดิน​ออก​ไป​ต่อ​หน้า​คน​ทั้ง​ปวง​ทันที พวก​เขา​จึง​อัศจรรย์​ใจ​ยิ่ง​นัก​และ​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า และ​พูด​ว่า “พวก​เรา​ไม่​เคย​เห็น​อะไร​อย่าง​นี้​เลย.”

13 พระองค์​เสด็จ​ออก​ไป​ริม​ทะเล​อีก ฝูง​ชน​ก็​มา​หา​พระองค์​อยู่​เรื่อย ๆ และ​พระองค์​ทรง​สอน​พวก​เขา. 14 ขณะ​ที่​พระองค์​เสด็จ​จาก​ที่​นั่น​มา​ก็​ทรง​เห็น​เลวี​บุตร​อัลเฟอุส​นั่ง​อยู่​ที่​ด่าน​เก็บ​ภาษี พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​มา​เป็น​ผู้​ติด​ตาม​เรา​เถิด.” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ตาม​พระองค์​ไป. 15 ต่อ​มา พระ​เยซู​ทรง​นั่ง​เอน​กาย​อยู่​ที่​โต๊ะ​ใน​บ้าน​ของ​เลวี​และ​มี​คน​เก็บ​ภาษี​กับ​คน​บาป​หลาย​คน​มา​ร่วม​โต๊ะ​กับ​พระองค์​และ​เหล่า​สาวก พวก​เขา​หลาย​คน​เริ่ม​ติด​ตาม​พระองค์​แล้ว. 16 แต่​เมื่อ​พวก​อาลักษณ์​ที่​เป็น​ฟาริซาย*เห็น​พระ​เยซู​ทรง​รับประทาน​อาหาร​ร่วม​กับ​คน​บาป​และ​คน​เก็บ​ภาษี จึง​พูด​กับ​สาวก​ของ​พระองค์​ว่า “เขา​กิน​อาหาร​ร่วม​กับ​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คน​บาป​หรือ?” 17 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ได้​ยิน​เช่น​นั้น​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “คน​แข็งแรง​ไม่​ต้องการ​หมอ แต่​คน​ป่วย​ต้องการ. เรา​ไม่​ได้​มา​เรียก​คน​ชอบธรรม แต่​มา​เรียก​คน​บาป.”

18 สาวก​ของ​โยฮัน​และ​พวก​ฟาริซาย​ต่าง​ก็​ถือ​ศีล​อด​อาหาร. พวก​เขา​จึง​มา​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “สาวก​ของ​โยฮัน​และ​สาวก​ของ​ฟาริซาย​ล้วน​แต่​ถือ​ศีล​อด​อาหาร แต่​ทำไม​สาวก​ของ​พระองค์​ไม่​ถือ?” 19 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “เมื่อ​เจ้าบ่าว​ยัง​อยู่​ด้วย เพื่อน​เจ้าบ่าว​จะ​อด​อาหาร​ได้​หรือ? ตราบ​ใด​ที่​เจ้าบ่าว​ยัง​อยู่​กับ​พวก​เขา พวก​เขา​จะ​อด​อาหาร​ไม่​ได้. 20 แต่​จะ​มี​เวลา​ที่​เจ้าบ่าว​ถูก​พราก​ไป​จาก​พวก​เขา แล้ว​ใน​เวลา​นั้น​พวก​เขา​จะ​อด​อาหาร. 21 ไม่​มี​ใคร​เอา​ผ้า​ใหม่​มา​ปะ​เสื้อ​เก่า เพราะ​ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น เมื่อ​ผ้า​ใหม่​หด มัน​จะ​ดึง​ผ้า​เก่า​ให้​ขาด แล้ว​รอย​ขาด​จะ​กว้าง​ขึ้น​อีก. 22 และ​ไม่​มี​ใคร​เอา​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ใส่​ถุง​หนัง​เก่า เพราะ​ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น เหล้า​องุ่น​ใหม่​จะ​ทำ​ให้​ถุง​หนัง​แตก แล้ว​เขา​จะ​เสีย​ทั้ง​เหล้า​องุ่น​และ​ถุง​หนัง. แต่​เขา​จะ​เอา​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ใส่​ถุง​หนัง​ใหม่.”

23 คราว​หนึ่ง​พระองค์​ทรง​เดิน​ผ่าน​นา​ข้าว​ใน​วัน​ซะบาโต สาวก​ของ​พระองค์​เด็ด​รวง​ข้าว. 24 พวก​ฟาริซาย​จึง​ไป​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ดู​เถอะ! ทำไม​พวก​เขา​ทำ​สิ่ง​ที่​พระ​บัญญัติ​ห้าม​ทำ​ใน​วัน​ซะบาโต?”* 25 แต่​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ไม่​เคย​อ่าน​หรือ​ว่า​ดาวิด​ได้​ทำ​อะไร​เมื่อ​ท่าน​กับ​คน​ของ​ท่าน​อดอยาก​และ​หิว​โหย? 26 คือ​ใน​เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​อะบีอาทาร์​ปุโรหิต​ใหญ่ คราว​ที่​ดาวิด​ได้​เข้า​ไป​ใน​พระ​นิเวศ​ของ​พระเจ้า​และ​กิน​ขนมปัง​ที่​ตั้ง​ถวาย ซึ่ง​พระ​บัญญัติ​ห้าม​ไม่​ให้​ผู้​ใด​กิน​เว้น​แต่​พวก​ปุโรหิต และ​ท่าน​ยัง​เอา​ขนมปัง​นั้น​ให้​คน​ของ​ท่าน​ด้วย.” 27 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ต่อ​ไป​ว่า “วัน​ซะบาโต​มี​ขึ้น​สำหรับ​มนุษย์ มิ​ใช่​มี​มนุษย์​สำหรับ​วัน​ซะบาโต 28 ฉะนั้น บุตร​มนุษย์​จึง​เป็น​เจ้า​แห่ง​วัน​ซะบาโต​ด้วย.”

3 พระ​เยซู​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ธรรมศาลา​อีก และ​มี​ชาย​ที่​มือ​ลีบ​ข้าง​หนึ่ง​อยู่​ที่​นั่น. 2 พวก​ฟาริซาย​จึง​เฝ้า​ดู​ว่า​พระองค์​จะ​รักษา​ชาย​คน​นั้น​ใน​วัน​ซะบาโต*หรือ​ไม่ เพื่อ​พวก​เขา​จะ​กล่าวหา​พระองค์​ได้. 3 พระองค์​ตรัส​กับ​ชาย​มือ​ลีบ​นั้น​ว่า “ลุก​ขึ้น​มา​ยืน​ตรง​กลาง​นี่​เถิด.” 4 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ใน​วัน​ซะบาโต​ควร​ทำ​การ​ดี​หรือ​ทำ​การ​ชั่ว ควร​ช่วย​ชีวิต​หรือ​ทำลาย​ชีวิต?” แต่​พวก​เขา​นิ่ง​อยู่. 5 พระองค์​จึง​ทอด​พระ​เนตร​พวก​เขา​ที่​อยู่​รอบ ๆ ด้วย​ความ​เคือง​พระทัย​และ​รู้สึก​เศร้า​พระทัย​ยิ่ง​นัก​เพราะ​หัวใจ​ที่​ด้าน​ชา​ของ​พวก​เขา แล้ว​พระองค์​ก็​ตรัส​กับ​ชาย​มือ​ลีบ​ว่า “จง​เหยียด​มือ​ออก.” เขา​จึง​เหยียด​มือ​ออก แล้ว​มือ​ของ​เขา​ก็​หาย​เป็น​ปกติ. 6 เมื่อ​เห็น​ดัง​นั้น พวก​ฟาริซาย​จึง​ออก​ไป​หารือ​เรื่อง​พระองค์​กับ​กลุ่ม​คน​ที่​สนับสนุน​เฮโรด​ทันที​เพื่อ​จะ​ฆ่า​พระองค์​เสีย.

7 แต่​พระ​เยซู​เสด็จ​จาก​ที่​นั่น​ไป​ที่​ทะเล​กับ​พวก​สาวก มี​คน​มาก​มาย​จาก​แคว้น​แกลิลี​กับ​แคว้น​ยูเดีย​ตาม​พระองค์​ไป. 8 แล้ว​ก็​มี​คน​มาก​มาย​จาก​กรุง​เยรูซาเลม​และ​แคว้น​อิดูเมีย จาก​อีก​ฟาก​หนึ่ง​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน​และ​จาก​แถบ​เมือง​ไทระ​กับ​ซีโดน​มา​หา​พระองค์​เพราะ​ได้​ยิน​ถึง​สิ่ง​ต่าง ๆ มาก​มาย​ที่​พระองค์​ทรง​ทำ. 9 และ​พระ​เยซู​ทรง​บอก​พวก​สาวก​ให้​จัด​เรือ​เล็ก​ไว้​สำหรับ​พระองค์​เสมอ เพื่อ​ฝูง​ชน​จะ​ไม่​เข้า​มา​เบียด​พระองค์. 10 เนื่อง​จาก​พระองค์​ทรง​รักษา​หลาย​คน​ให้​หาย​โรค บรรดา​คน​ที่​มี​โรค​ร้าย​จึง​พา​กัน​เข้า​มา​รุม​ล้อม​พระองค์​เพื่อ​จะ​ได้​สัมผัส​พระองค์. 11 และ​เมื่อ​ใด​ก็​ตาม​ที่​กาย​วิญญาณ​โสโครก​เห็น​พระองค์ พวก​มัน​ก็​จะ​หมอบ​ลง​เบื้อง​หน้า​พระองค์​แล้ว​ร้อง​ว่า “ท่าน​คือ​บุตร​ของ​พระเจ้า.” 12 แต่​พระองค์​ทรง​กำชับ​พวก​มัน​หลาย​ครั้ง​ไม่​ให้​แพร่งพราย​ว่า​พระองค์​เป็น​ผู้​ใด.

13 แล้ว​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​และ​ทรง​เรียก​คน​ที่​พระองค์​ทรง​ประสงค์ พวก​เขา​ก็​มา​หา​พระองค์. 14 พระองค์​ทรง​เลือก​สาวก​สิบ​สอง​คน​แล้ว​ทรง​เรียก​พวก​เขา​ว่า “อัครสาวก”* เพื่อ​พวก​เขา​จะ​อยู่​กับ​พระองค์​เสมอ​และ​เพื่อ​พระองค์​จะ​ส่ง​พวก​เขา​ออก​ไป​ประกาศ 15 และ​ให้​มี​อำนาจ​ขับ​ปิศาจ.

16 สิบ​สอง​คน​ที่​พระองค์​ทรง​เลือก​คือ ซีโมน ซึ่ง​พระองค์​ทรง​ประทาน​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​ว่า​เปโตร 17 ยาโกโบ​บุตร​เซเบเดอุส​กับ​โยฮัน​น้อง​ชาย​ของ​ยาโกโบ (พระองค์​ทรง​ประทาน​อีก​ชื่อ​หนึ่ง​แก่​สอง​คน​นี้​ด้วย​ว่า โบอาเนอร์เยส ซึ่ง​แปล​ว่า​ลูก​ฟ้า​ร้อง) 18 อันเดรอัส ฟิลิป บาร์โทโลมาย มัดธาย โทมัส ยาโกโบ​บุตร​อัลเฟอุส ทัดเดอุส ซีโมน​คานาไนโอส* 19 และ​ยูดา​อิสการิโอต​ซึ่ง​ต่อ​มา​ได้​ทรยศ​พระองค์.

แล้ว​พระองค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง. 20 ฝูง​ชน​ก็​พา​กัน​มา​อีก จน​พระองค์​กับ​สาวก​ไม่​มี​เวลา​แม้​แต่​จะ​รับประทาน​อาหาร. 21 แต่​เมื่อ​ญาติ ๆ ของ​พระองค์​ได้​ยิน​เรื่อง​นี้ ก็​พา​กัน​มา​เพื่อ​จะ​เอา​ตัว​พระองค์​ไป เพราะ​พวก​เขา​พูด​ว่า “เขา​เสีย​สติ​ไป​แล้ว.” 22 ฝ่าย​พวก​อาลักษณ์​ที่​ลง​มา​จาก​กรุง​เยรูซาเลม​ก็​พูด​ว่า “เขา​มี​เบเอลเซบูล*สิง​อยู่ และ​เขา​ขับ​ปิศาจ​โดย​อาศัย​เจ้า​แห่ง​ปิศาจ.” 23 พระองค์​จึง​ทรง​เรียก​คน​เหล่า​นั้น​มา แล้ว​ตรัส​กับ​พวก​เขา​โดย​ใช้​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​ว่า “ซาตาน​จะ​ขับ​ซาตาน​ได้​อย่าง​ไร? 24 ถ้า​อาณาจักร​ใด​แตก​แยก อาณาจักร​นั้น​จะ​ตั้ง​อยู่​ไม่​ได้. 25 และ​ถ้า​บ้าน​ใด​แตก​แยก บ้าน​นั้น​จะ​ตั้ง​อยู่​ไม่​ได้. 26 เช่น​กัน ถ้า​ซาตาน​ลุก​ขึ้น​ต่อ​สู้​ตัว​มัน​เอง​แล้ว​แตก​แยก มัน​จะ​อยู่​ไม่​ได้ แต่​จะ​ถึง​จุด​จบ. 27 ที่​จริง ไม่​มี​ใคร​จะ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ของ​คน​แข็งแรง​แล้ว​ปล้น​ทรัพย์​ไป​ได้ ถ้า​ไม่​จับ​คน​นั้น​มัด​ไว้​ก่อน เมื่อ​ทำ​อย่าง​นั้น​แล้ว​เขา​จึง​จะ​ปล้น​บ้าน​คน​นั้น​ได้. 28 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า บาป​หรือ​การ​หมิ่น​ประมาท​ใด ๆ ที่​มนุษย์​ทำ​นั้น​ทรง​อภัย​ให้​ได้. 29 แต่​ใคร​ก็​ตาม​ที่​หมิ่น​ประมาท​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​จะ​ไม่​ได้​รับ​การ​อภัย​เป็น​นิตย์ แต่​บาป​ของ​เขา​จะ​คง​อยู่​ตลอด​กาล.” 30 ที่​ตรัส​เช่น​นี้​ก็​เพราะ​พวก​เขา​พูด​ว่า “เขา​มี​กาย​วิญญาณ​โสโครก​สิง.”

31 ใน​เวลา​นั้น มารดา​กับ​น้อง​ชาย​ของ​พระ​เยซู​มา​หา​พระองค์ พวก​เขา​ยืน​คอย​อยู่​ข้าง​นอก​และ​ให้​คน​เข้า​ไป​เรียก​พระองค์. 32 แต่​มี​ฝูง​ชน​นั่ง​อยู่​รอบ​พระองค์ พวก​เขา​จึง​ทูล​พระองค์​ว่า “มารดา​กับ​น้อง​ชาย​ของ​ท่าน​มา​หา​ท่าน พวก​เขา​อยู่​ข้าง​นอก.” 33 แต่​พระองค์​ตรัส​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ใคร​เป็น​มารดา​และ​น้อง​ชาย​ของ​เรา?” 34 แล้ว​พระองค์​ทรง​มอง​ดู​คน​ที่​นั่ง​อยู่​รอบ ๆ และ​ตรัส​ว่า “นี่​แหละ มารดา​และ​พี่​น้อง​ของ​เรา! 35 ผู้​ใด​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า ผู้​นั้น​ก็​เป็น​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​และ​มารดา​ของ​เรา.”

4 พระองค์​ทรง​สอน​ที่​ริม​ทะเล​อีก. และ​คน​มาก​มาย​ชุมนุม​กัน​อยู่​ใกล้​พระองค์ พระองค์​จึง​เสด็จ​ลง​ไป​ประทับ​ใน​เรือ​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​ฝั่ง ส่วน​คน​ทั้ง​ปวง​อยู่​บน​ฝั่ง. 2 แล้ว​พระ​เยซู​ทรง​สอน​พวก​เขา​หลาย​สิ่ง​โดย​ใช้​อุปมา​โวหาร และ​ขณะ​ที่​ทรง​สอน​นั้น​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า 3 “จง​ฟัง​เถิด มี​คน​หนึ่ง​ออก​ไป​หว่าน​เมล็ด​พืช. 4 ขณะ​ที่​เขา​หว่าน เมล็ด​พืช​บาง​ส่วน​ตก​ตาม​ริม​ทาง​และ​นก​มา​จิก​กิน​หมด. 5 บาง​ส่วน​ตก​ใน​ที่​ที่​เป็น​พื้น​หิน​มี​ดิน​อยู่​ไม่​มาก​จึง​งอก​ขึ้น​ทันที​เพราะ​ดิน​ไม่​ลึก. 6 แต่​พอ​ดวง​อาทิตย์​ขึ้น​ก็​ถูก​แดด​เผา และ​เพราะ​ไม่​มี​ราก​จึง​เหี่ยว​แห้ง​ตาย​ไป. 7 บาง​ส่วน​ตก​กลาง​ต้น​ไม้​มี​หนาม และ​ต้น​ไม้​มี​หนาม​ขึ้น​เบียด​จน​ไม่​เติบโต จึง​ไม่​เกิด​ผล. 8 บาง​ส่วน​ตก​บน​ดิน​ดี จึง​งอก​และ​เติบโต​ขึ้น แล้ว​เกิด​ผล​สาม​สิบ​เท่า​บ้าง หก​สิบ​เท่า​บ้าง และ​ร้อย​เท่า​บ้าง.” 9 แล้ว​พระองค์​ตรัส​ว่า “ผู้​ที่​มี​หู​ฟัง​ได้ จง​ฟัง​เถิด.”

10 เมื่อ​พระองค์​ทรง​อยู่​ตาม​ลำพัง คน​ที่​อยู่​กับ​พระองค์​พร้อม​กับ​สาวก​สิบ​สอง​คน​จึง​ทูล​ถาม​พระองค์​เรื่อง​อุปมา​โวหาร​นั้น. 11 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ความ​ลับ​อัน​ศักดิ์สิทธิ์​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​นั้น​ทรง​โปรด​ให้​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เข้าใจ แต่​ทุก​สิ่ง​ที่​คน​ภาย​นอก​ได้​ยิน​นั้น​เป็น​เพียง​อุปมา​โวหาร​สำหรับ​พวก​เขา. 12 เพื่อ​ว่า​แม้​พวก​เขา​จะ​มอง​ดู​ก็​ไม่​เห็น แม้​พวก​เขา​จะ​ได้​ยิน​ก็​ไม่​เข้าใจ ทั้ง​จะ​ไม่​หัน​กลับ​มา​หา​พระเจ้า​และ​ได้​รับ​การ​อภัย.” 13 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ต่อ​ไป​ว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไม่​เข้าใจ​อุปมา​โวหาร​นี้ แล้ว​เจ้า​จะ​เข้าใจ​อุปมา​โวหาร​อื่น ๆ ได้​อย่าง​ไร?

14 “ผู้​หว่าน​นั้น​หว่าน​พระ​คำ. 15 เมล็ด​พืช​ที่​ตก​ตาม​ริม​ทาง​คือ​พระ​คำ​ที่​ถูก​หว่าน​ใน​ตัว​ผู้​คน แต่​ทันที​ที่​พวก​เขา​ได้​ยิน​พระ​คำ​นั้น ซาตาน​ก็​มา​เอา​พระ​คำ​ที่​หว่าน​ไว้​ใน​ตัว​พวก​เขา​ไป. 16 และ​เมล็ด​พืช​ที่​หว่าน​ลง​บน​ที่​ที่​เป็น​พื้น​หิน​คือ​พระ​คำ​ที่​ผู้​คน​รับ​ไว้​ด้วย​ความ​ยินดี​ใน​ทันที​ที่​ได้​ยิน. 17 แต่​พวก​เขา​ไม่​มี​ราก​ใน​ตัว จึง​อยู่​ได้​ระยะ​หนึ่ง และ​พอ​มี​ความ​ทุกข์​ลำบาก​หรือ​การ​ข่มเหง​เกิด​ขึ้น​เพราะ​พระ​คำ​นั้น พวก​เขา​ก็​เลิก​เชื่อ​ทันที. 18 ส่วน​เมล็ด​พืช​ที่​หว่าน​ลง​กลาง​ต้น​ไม้​มี​หนาม​คือ​พระ​คำ​ที่​คน​ได้​ยิน 19 แต่​ความ​วิตก​กังวล​กับ​ชีวิต​ใน​ยุค*นี้​และ​อำนาจ​ล่อ​ลวง​ของ​ทรัพย์​สมบัติ​กับ​ความ​ปรารถนา​สิ่ง​อื่น ๆ ต่าง​ประดัง​เข้า​มา​บดบัง​พระ​คำ​นั้น จึง​ไม่​เกิด​ผล. 20 สุด​ท้าย เมล็ด​พืช​ที่​หว่าน​ลง​บน​ดิน​ดี​คือ​พระ​คำ​ที่​ผู้​คน​ได้​ฟัง​และ​ยินดี​รับ​ไว้ แล้ว​เกิด​ผล​สาม​สิบ​เท่า​บ้าง หก​สิบ​เท่า​บ้าง และ​ร้อย​เท่า​บ้าง.”

21 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ต่อ​ไป​ว่า “มี​ใคร​หรือ​จะ​เอา​ตะเกียง​มา​วาง​แล้ว​เอา​ถัง​ครอบ​หรือ​วาง​ไว้​ใต้​เตียง? เขา​จะ​เอา​มา​ตั้ง​บน​เชิง​ตะเกียง​มิ​ใช่​หรือ? 22 ด้วย​ว่า​ทุก​สิ่ง​ที่​ซ่อน​ไว้​จะ​ต้อง​ถูก​เปิด​เผย และ​ทุก​สิ่ง​ที่​ปก​ปิด​ไว้​อย่าง​มิดชิด​จะ​ต้อง​ถูก​เปิดโปง. 23 ใคร​มี​หู​ฟัง​ได้ ให้​เขา​ฟัง​เถิด.”

24 พระองค์​ตรัส​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ต่อ​ไป​ว่า “จง​เอา​ใจ​ใส่​สิ่ง​ที่​พวก​เจ้า​ได้​ยิน. เจ้า​ตวง​ให้​เขา​อย่าง​ไร เขา​จะ​ตวง​ให้​เจ้า​อย่าง​นั้น และ​เจ้า​จะ​ได้​รับ​มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น​อีก. 25 เพราะ​คน​ที่​มี​แล้ว​จะ​ได้​รับ​มาก​ขึ้น แต่​คน​ที่​ไม่​มี แม้​แต่​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่​ก็​จะ​ถูก​เอา​ไป​จาก​เขา.”

26 แล้ว​พระองค์​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เปรียบ​เหมือน​คน​ที่​หว่าน​เมล็ด​พืช​ลง​บน​ดิน 27 กลางคืน​เขา​นอน​หลับ​พอ​สว่าง​เขา​ก็​ตื่น เมล็ด​นั้น​งอก​และ​เติบโต​ขึ้น​อย่าง​ไร​เขา​ไม่​รู้. 28 ดิน​เป็น​ตัว​ทำ​ให้​พืช​นั้น​ค่อย ๆ เติบโต​ขึ้น โดย​เป็น​ต้น​อ่อน​ก่อน แล้ว​ก็​ออก​รวง ใน​ที่​สุด​ก็​มี​เมล็ด​เต็ม​รวง. 29 แต่​ทันที​ที่​ข้าว​สุก เขา​ก็​เอา​เคียว​เกี่ยว เพราะ​ถึง​ฤดู​เกี่ยว​แล้ว.”

30 แล้ว​พระองค์​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “เรา​จะ​เปรียบ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​กับ​อะไร หรือ​เรา​จะ​อธิบาย​เรื่อง​ราชอาณาจักร​โดย​เปรียบ​เหมือน​อะไร? 31 ก็​เหมือน​เมล็ด​มัสตาร์ด*เมล็ด​หนึ่ง​ซึ่ง​ตอน​ที่​เพาะ​ใน​ดิน​นั้น​เป็น​เมล็ด​พืช​ที่​เล็ก​ที่​สุด​ใน​บรรดา​เมล็ด​พืช​บน​แผ่นดิน​โลก 32 แต่​เมื่อ​เพาะ​แล้ว มัน​ก็​งอก​ขึ้น​และ​กลาย​เป็น​ต้น​ใหญ่​กว่า​ผัก​อื่น ๆ ทั้ง​หมด และ​แตก​กิ่ง​ก้าน​ขนาด​ใหญ่​จน​นก​ใน​ท้องฟ้า​มา​อาศัย​อยู่​ใต้​ร่ม​มัน​ได้.”

33 พระองค์​ได้​ตรัส​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ให้​พวก​เขา​ฟัง​โดย​ใช้​อุปมา​โวหาร​เช่น​นี้​หลาย​เรื่อง​เท่า​ที่​พวก​เขา​จะ​เข้าใจ​ได้. 34 ที่​จริง พระองค์​จะ​ไม่​ตรัส​กับ​พวก​เขา​โดย​ไม่​ใช้​อุปมา​โวหาร แต่​ทรง​อธิบาย​ทุก​สิ่ง​แก่​สาวก​ของ​พระองค์​เมื่อ​อยู่​กัน​ตาม​ลำพัง.

35 ใน​วัน​นั้น พอ​ตก​เย็น​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ให้​พวก​เรา​ข้าม​ไป​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​กัน​เถิด.” 36 ดัง​นั้น เมื่อ​พวก​เขา​บอก​ให้​ฝูง​ชน​ไป​แล้ว​ก็​พา​พระองค์​ซึ่ง​ประทับ​ใน​เรือ​อยู่​แล้ว​ออก​เรือ​ไป มี​เรือ​ลำ​อื่น ๆ ตาม​ไป​ด้วย. 37 ครั้น​แล้ว​เกิด​ลม​พายุ​กล้า​และ​คลื่น​ซัด​เข้า​เรือ​จน​เรือ​จวน​จะ​จม. 38 แต่​พระ​เยซู​ทรง​หนุน​หมอน​บรรทม​หลับ​อยู่​ท้าย​เรือ. พวก​เขา​จึง​ปลุก​พระองค์​แล้ว​ทูล​ว่า “อาจารย์​เจ้าข้า พวก​เรา​จวน​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว พระองค์​ไม่​ทรง​เป็น​ห่วง​หรือ?” 39 พระองค์​จึง​ทรง​ตื่น​ขึ้น​มา​ห้าม​ลม​และ​ตรัส​กับ​ทะเล​ว่า “จง​สงบ​เงียบ​เถิด!” แล้ว​ลม​ก็​หยุด​พัด​และ​ทุก​สิ่ง​ก็​สงบ​เงียบ. 40 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “กลัว​ทำไม​เล่า? พวก​เจ้า​ยัง​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​อีก​หรือ?” 41 แต่​พวก​เขา​รู้สึก​กลัว​ยิ่ง​นัก​และ​พูด​กัน​ว่า “พระองค์​เป็น​ใคร​กัน​แน่ แม้​แต่​ลม​และ​ทะเล​ยัง​เชื่อ​ฟัง​พระองค์?”

5 พระ​เยซู​กับ​เหล่า​สาวก​มา​ถึง​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ของ​ทะเล​ซึ่ง​เป็น​เขต​แดน​ของ​ชาว​เกราซา. 2 ทันที​ที่​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​จาก​เรือ ชาย​ถูก​กาย​วิญญาณ​โสโครก​สิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ออก​มา​จาก​สุสาน​ก็​ได้​พบ​พระองค์. 3 เขา​อาศัย​อยู่​ตาม​อุโมงค์​ฝัง​ศพ และ​ไม่​ว่า​ใคร​ก็​มัด​เขา​ไม่​อยู่​แม้​จะ​ใช้​โซ่​ก็​ตาม 4 เพราะ​หลาย​ครั้ง​เขา​ถูก​ล่าม​ด้วย​ตรวน​และ​โซ่ แต่​เขา​ก็​ดึง​โซ่​ขาด​และ​ฟาด​ตรวน​จน​หัก ไม่​มี​ใคร​มี​แรง​พอ​จะ​กำราบ​เขา​ได้. 5 เขา​ร้อง​อยู่​ตาม​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​และ​บน​ภูเขา​ทั้ง​กลางวัน​กลางคืน​และ​เอา​หิน​เชือด​ตัว​เอง. 6 แต่​เมื่อ​เขา​มอง​เห็น​พระ​เยซู​แต่​ไกล​ก็​วิ่ง​เข้า​มา​หมอบ​ตรง​หน้า​พระองค์ 7 เขา​ร้อง​เสียง​ดัง​แล้ว​พูด​ว่า “เยซู บุตร​ของ​พระเจ้า​องค์​สูง​สุด ท่าน​มา​ยุ่ง​กับ​ข้า​ทำไม? ข้า​ขอ​ให้​ท่าน​สาบาน​ใน​นาม​ของ​พระเจ้า​ว่า​จะ​ไม่​ทรมาน​ข้า.” 8 เพราะ​พระองค์​ทรง​บอก​มัน​ว่า “เจ้า​กาย​วิญญาณ​โสโครก จง​ออก​มา​จาก​ชาย​คน​นี้.” 9 แล้ว​พระองค์​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “เจ้า​ชื่อ​อะไร?” เขา​ตอบ​พระองค์​ว่า “ข้า​ชื่อ​กอง เพราะ​พวก​ข้า​มี​กัน​หลาย​ตน.” 10 และ​เขา​ขอร้อง​พระองค์​หลาย​ครั้ง​ไม่​ให้​ส่ง​พวก​กาย​วิญญาณ​ไป​นอก​เขต​แดน​นั้น.

11 ขณะ​นั้น​มี​สุกร​ฝูง​ใหญ่​กำลัง​หา​กิน​อยู่​ที่​ภูเขา. 12 กาย​วิญญาณ​เหล่า​นั้น​จึง​ขอร้อง​พระองค์​ว่า “ส่ง​พวก​ข้า​เข้า​ไป​สิง​ใน​ฝูง​สุกร​นั้น​เถิด.” 13 พระองค์​ทรง​อนุญาต. พวก​กาย​วิญญาณ​โสโครก​ก็​ออก​มา​แล้ว​ไป​สิง​ใน​สุกร ฝูง​สุกร​ประมาณ​สอง​พัน​ตัว​ก็​กระโจน​จาก​หน้าผา​ลง​ไป​ใน​ทะเล และ​ต่าง​ก็​จม​น้ำ​ตาย. 14 แต่​พวก​คน​เลี้ยง​สุกร​ได้​หนี​ไป​และ​เล่า​เรื่อง​นั้น​ทั้ง​ใน​เมือง​และ​ชนบท ผู้​คน​จึง​มา​ดู​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น. 15 พวก​เขา​มา​หา​พระ​เยซู​และ​เห็น​ชาย​ที่​เคย​มี​ปิศาจ​ทั้ง​กอง​สิง​นั้น​สวม​เสื้อ​ผ้า​นั่ง​อยู่​และ​มี​สติ​ดี พวก​เขา​ก็​กลัว. 16 และ​คน​ที่​เห็น​เหตุ​การณ์​ก็​เล่า​ให้​พวก​เขา​ฟัง​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​คน​ที่​ถูก​ปิศาจ​สิง​และ​ฝูง​สุกร. 17 แล้ว​พวก​เขา​จึง​ขอร้อง​พระองค์​ให้​ออก​ไป​จาก​เขต​ของ​ตน.

18 เมื่อ​พระองค์​กำลัง​เสด็จ​ลง​เรือ ชาย​ที่​เคย​มี​ปิศาจ​สิง​ก็​ขอ​ไป​กับ​พระองค์. 19 พระองค์​ไม่​ทรง​อนุญาต แต่​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “กลับ​ไป​หา​ญาติ​ของ​เจ้า​ที่​บ้าน​เถิด และ​บอก​ให้​พวก​เขา​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทำ​อะไร​เพื่อ​เจ้า​และ​ทรง​เมตตา​เจ้า​มาก​เพียง​ไร.” 20 เขา​จึง​ไป​และ​เริ่ม​ประกาศ​ใน​เขต​เดคาโปลิส*เกี่ยว​กับ​สิ่ง​สารพัด​ที่​พระ​เยซู​ทรง​ทำ​เพื่อ​เขา และ​คน​ทั้ง​ปวง​ก็​ประหลาด​ใจ.

21 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​นั่ง​เรือ​กลับ​มา​ถึง​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​แล้ว คน​มาก​มาย​พา​กัน​มา​หา​พระองค์ ขณะ​นั้น พระองค์​ประทับ​อยู่​ริม​ทะเล. 22 ครั้น​แล้ว​มี​นาย​ธรรมศาลา​คน​หนึ่ง​มา​ที่​นั่น เขา​ชื่อ​ไยรอส พอ​เขา​เห็น​พระ​เยซู​ก็​ซบ​ลง​แทบ​พระ​บาท 23 แล้ว​ทูล​วิงวอน​พระองค์​ว่า “ลูก​สาว​ของ​ข้าพเจ้า​กำลัง​ป่วย​หนัก. ขอ​ท่าน​โปรด​มา​วาง​มือ​บน​เธอ เพื่อ​เธอ​จะ​หาย​ดี​และ​มี​ชีวิต​อยู่.” 24 พระ​เยซู​จึง​เสด็จ​ไป​กับ​เขา. มี​คน​มาก​มาย​ตาม​พระองค์​ไป​ด้วย​และ​คน​เหล่า​นั้น​เบียด​อยู่​รอบ​ข้าง​พระองค์.

25 ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​มี​อาการ​ตก​เลือด​มา​สิบ​สอง​ปี​แล้ว 26 นาง​รักษา​กับ​หมอ​มา​แล้ว​หลาย​คน​และ​ได้​รับ​ความ​เจ็บ​ปวด​มา​มาก อีก​ทั้ง​เสีย​ทรัพย์​สิน​ที่​มี​จน​หมด​ตัว​แต่​ก็​ยัง​ไม่​หาย ซ้ำ​ยัง​เป็น​หนัก​กว่า​เดิม. 27 เมื่อ​นาง​ได้​ยิน​เรื่อง​พระ​เยซู นาง​จึง​เดิน​ปะปน​กับ​ฝูง​ชน​เข้า​มา​ข้าง​หลัง​พระ​เยซู​แล้ว​แตะ​ที่​ฉลองพระองค์ 28 เพราะ​นาง​คิด​ใน​ใจ​ว่า “ถ้า​เพียง​ฉัน​ได้​แตะ​ฉลองพระองค์ ฉัน​ก็​จะ​หาย.” 29 ทันใด​นั้น เลือด​ที่​ตก​ก็​หยุด​และ​นาง​รู้สึก​ว่า​ตน​หาย​จาก​อาการ​ป่วย​ที่​ทำ​ให้​เป็น​ทุกข์​แล้ว.

30 พระ​เยซู​เอง​ก็​ทรง​รู้สึก​ใน​ทันที​เช่น​กัน​ว่า​ฤทธิ์​ได้​ออก​จาก​กาย จึง​ทรง​เหลียว​ดู​ฝูง​ชน​แล้ว​ตรัส​ว่า “ใคร​แตะ​เสื้อ​เรา?” 31 แต่​พวก​สาวก​ทูล​พระองค์​ว่า “พระองค์​ก็​ทรง​เห็น​อยู่​แล้ว​ว่า​มี​คน​มาก​มาย​เบียด​พระองค์​อยู่ แล้ว​พระองค์​ยัง​ทรง​ถาม​อีก​หรือ​ว่า ‘ใคร​มา​ถูก​ตัว​เรา?’ ” 32 แต่​พระองค์​ทรง​มอง​ไป​รอบ ๆ เพื่อ​หา​ผู้​หญิง​ที่​แตะ​ฉลองพระองค์. 33 ผู้​หญิง​คน​นั้น​ซึ่ง​รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​นาง​ก็​กลัว​จน​ตัว​สั่น จึง​เข้า​มา​หมอบ​ลง​เบื้อง​หน้า​พระองค์​แล้ว​ทูล​ความ​จริง​ทั้ง​หมด. 34 พระองค์​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “ลูก​เอ๋ย ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ทำ​ให้​เจ้า​หาย​โรค. จง​ไป​อย่าง​มี​ความ​สุข​และ​หาย​จาก​อาการ​ป่วย​ที่​ทำ​ให้​เจ้า​เป็น​ทุกข์​เถิด.”

35 พระองค์​ตรัส​ยัง​ไม่​ทัน​ขาด​คำ​ก็​มี​คน​จาก​บ้าน​นาย​ธรรมศาลา​มา​บอก​ว่า “ลูก​สาว​ของ​ท่าน​ตาย​แล้ว! จะ​รบกวน​อาจารย์​อีก​ทำไม?” 36 แต่​เมื่อ​พระ​เยซู​ได้​ยิน​ที่​เขา​พูด​ก็​ตรัส​กับ​นาย​ธรรมศาลา​ว่า “อย่า​กลัว​เลย ขอ​เพียง​เจ้า​มี​ความ​เชื่อ.” 37 และ​พระองค์​ไม่​ทรง​ให้​ใคร​ตาม​ไป​ด้วย เว้น​แต่​เปโตร​และ​ยาโกโบ​กับ​โยฮัน​น้อง​ชาย​ของ​ยาโกโบ.

38 พระองค์​กับ​สาวก​จึง​มา​ที่​บ้าน​ของ​นาย​ธรรมศาลา และ​พระองค์​ทรง​เห็น​คน​เอะอะ​วุ่นวาย​และ​ร้องไห้​คร่ำ​ครวญ​เสียง​ดัง 39 เมื่อ​พระองค์​เสด็จ​เข้า​ไป​แล้ว​จึง​ตรัส​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “พวก​เจ้า​เอะอะ​วุ่นวาย​และ​ร้องไห้​กัน​ทำไม? เด็ก​นั้น​ยัง​ไม่​ตาย แต่​นอน​หลับ​อยู่.” 40 พวก​เขา​จึง​หัวเราะ​เยาะ​พระองค์. แต่​เมื่อ​ทรง​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​ออก​ไป​แล้ว พระองค์​ทรง​พา​บิดา​มารดา​ของ​เด็ก​และ​สาวก​ที่​มา​กับ​พระองค์​เข้า​ไป​ยัง​ที่​ที่​เด็ก​นั้น​นอน​อยู่. 41 พระองค์​ทรง​จับ​มือ​เด็ก​นั้น​และ​ตรัส​กับ​เธอ​ว่า “ทาลีทา คูมิ” ซึ่ง​แปล​ว่า “เด็ก​หญิง​เอ๋ย เรา​บอก​เจ้า​ว่า ลุก​ขึ้น​เถอะ!” 42 เด็ก​หญิง​ซึ่ง​อายุ​สิบ​สอง​ปี​แล้ว​ก็​ลุก​ขึ้น​เดิน​ทันที พวก​เขา​ก็​ตื่นเต้น​ดีใจ​ยิ่ง​นัก. 43 แต่​พระองค์​ทรง​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​เรื่อง​นี้​แก่​ใคร และ​ทรง​บอก​ให้​เอา​อาหาร​มา​ให้​เธอ​กิน.

6 พระ​เยซู​เสด็จ​จาก​ที่​นั่น​ไป​ยัง​ถิ่น​เดิม​ของ​พระองค์ พวก​สาวก​ก็​ติด​ตาม​พระองค์​ไป. 2 เมื่อ​ถึง​วัน​ซะบาโต* พระองค์​ทรง​เริ่ม​สอน​ใน​ธรรมศาลา คน​ส่วน​ใหญ่​ที่​ได้​ฟัง​พระองค์​ก็​ประหลาด​ใจ​และ​พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​ได้​สิ่ง​เหล่า​นี้​มา​จาก​ไหน? ทำไม​เขา​มี​สติ​ปัญญา​และ​ทำ​การ​อิทธิ​ฤทธิ์​อย่าง​นี้​ได้? 3 คน​นี้​เป็น​ช่าง​ไม้​บุตร​นาง​มาเรีย​และ​เป็น​พี่​ชาย​ของ​ยาโกโบ โยเซฟ ยูดา กับ​ซีโมน​ไม่​ใช่​หรือ? พวก​น้อง​สาว​ของ​เขา​ก็​อยู่​กับ​เรา​ที่​นี่​ไม่​ใช่​หรือ?” ดัง​นั้น พวก​เขา​จึง​ไม่​ยอม​เชื่อถือ​พระองค์. 4 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ต่อ​ไป​ว่า “ผู้​พยากรณ์​ไม่​ขาด​คน​นับถือ​เว้น​แต่​ใน​ถิ่น​ของ​ตน ใน​หมู่​ญาติ และ​ใน​บ้าน​ของ​ตน​เอง.” 5 ดัง​นั้น พระองค์​จึง​ไม่​ทรง​ทำ​การ​อิทธิ​ฤทธิ์​ใด ๆ ที่​นั่น นอก​จาก​วาง​พระ​หัตถ์​รักษา​คน​ป่วย​ไม่​กี่​คน​ให้​หาย. 6 พระองค์​ประหลาด​พระทัย​ที่​พวก​เขา​ไม่​มี​ความ​เชื่อ. แล้ว​พระองค์​จึง​เสด็จ​ไป​สอน​ตาม​หมู่​บ้าน​ทั่ว​บริเวณ​นั้น.

7 พระองค์​ทรง​เรียก​สาวก​สิบ​สอง​คน​มา แล้ว​เริ่ม​ส่ง​พวก​เขา​ออก​ไป​เป็น​คู่ ๆ และ​ทรง​ให้​พวก​เขา​มี​อำนาจ​เหนือ​กาย​วิญญาณ​โสโครก. 8 พระองค์​ทรง​สั่ง​พวก​เขา​ไม่​ให้​เอา​สิ่ง​ใด​ไป​เมื่อ​เดิน​ทาง​นอก​จาก​ไม้เท้า ไม่​ให้​เอา​ขนมปัง​หรือ​ถุง​ใส่​อาหาร​ไป​ด้วย ไม่​ให้​เอา​เงิน​ใส่​ถุง​คาด​เอว​ไป 9 แต่​ให้​สวม​รอง​เท้า และ​ไม่​ให้​เอา​เสื้อ​ไป​อีก​ตัว​หนึ่ง.* 10 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​อีก​ว่า “เมื่อ​พวก​เจ้า​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ใด​แล้ว จง​อยู่​ที่​นั่น​จน​กว่า​จะ​ไป​จาก​เมือง​นั้น. 11 และ​ที่​ใด​ไม่​ต้อนรับ​หรือ​ไม่​ฟัง​พวก​เจ้า เมื่อ​จะ​ออก​จาก​ที่​นั่น จง​สะบัด​ฝุ่น​ใต้​เท้า​ของ​พวก​เจ้า​ออก​เพื่อ​ยืน​ยัน​ความ​ผิด​ของ​พวก​เขา.” 12 พวก​เขา​จึง​ออก​ไป​ประกาศ​ให้​ผู้​คน​กลับ​ใจ 13 ทั้ง​ยัง​ขับ​ปิศาจ​หลาย​ตน เอา​น้ำมัน​ทา​คน​ที่​เจ็บ​ป่วย​และ​รักษา​พวก​เขา.

14 เรื่อง​นี้​รู้​ถึง​หู​กษัตริย์​เฮโรด* เนื่อง​จาก​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​เป็น​ที่​เลื่อง​ลือ และ​ผู้​คน​พูด​กัน​ว่า “โยฮัน​ผู้​ให้​บัพติสมา​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​แล้ว​จึง​ทำ​การ​อิทธิ​ฤทธิ์​ได้.” 15 บาง​คน​พูด​ว่า “เขา​คือ​เอลียาห์.” แต่​บาง​คน​พูด​ว่า “เขา​เหมือน​ผู้​พยากรณ์​คน​หนึ่ง.” 16 แต่​เมื่อ​เฮโรด​ได้​ยิน​เรื่อง​นั้น​ก็​ตรัส​ว่า “โยฮัน​ที่​เรา​ได้​สั่ง​ตัด​หัว​ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว.” 17 ด้วย​ว่า​เฮโรด​เอง​เป็น​ผู้​ส่ง​คน​ไป​จับ​ตัว​โยฮัน​มา​จองจำ​ไว้​ใน​คุก​เพราะ​เรื่อง​ที่​ท่าน​ได้​แต่งงาน​กับ​เฮโรดิอัส​ภรรยา​ฟิลิป​พี่​ชาย​ของ​ท่าน. 18 โยฮัน​เคย​บอก​เฮโรด​หลาย​ครั้ง​ว่า “ท่าน​ไม่​มี​สิทธิ์​เอา​ภรรยา​พี่​ชาย​มา​เป็น​ภรรยา​ท่าน.” 19 นาง​เฮโรดิอัส​จึง​ผูก​พยาบาท​โยฮัน​และ​ต้องการ​จะ​ฆ่า​เสีย แต่​ทำ​ไม่​ได้. 20 เพราะ​เฮโรด​ยำเกรง​โยฮัน​ด้วย​รู้​ว่า​เขา​เป็น​คน​ชอบธรรม​และ​บริสุทธิ์ จึง​คอย​ปก​ป้อง​เขา และ​เมื่อ​ใด​ที่​ได้​ฟัง​โยฮัน​พูด​ก็​ไม่​รู้​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​เขา แต่​ยัง​พอ​ใจ​จะ​ฟัง​เขา​อยู่.

21 แล้ว​โอกาส​ก็​มา​ถึง​ใน​วัน​เกิด​ของ​เฮโรด เมื่อ​ท่าน​จัด​เลี้ยง​อาหาร​มื้อ​เย็น​แก่​เหล่า​ขุนนาง​และ​นาย​ทหาร​ชั้น​ผู้​ใหญ่​รวม​ทั้ง​คน​สำคัญ ๆ ใน​แคว้น​แกลิลี. 22 บุตร​สาว​ของ​นาง​เฮโรดิอัส​ก็​เข้า​มา​เต้น​รำ ทำ​ให้​เฮโรด​และ​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​นั่ง​เอน​กาย​อยู่​ด้วย​กัน​ชอบ​อก​ชอบ​ใจ. กษัตริย์​จึง​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “เจ้า​อยาก​ได้​อะไร​ก็​ขอ​มา​เถิด เรา​จะ​ให้.” 23 กษัตริย์​ทรง​ให้​คำ​มั่น​กับ​นาง​ว่า “ไม่​ว่า​อะไร​ก็​ตาม​ที่​เจ้า​ขอ เรา​จะ​ให้​เจ้า​จน​ถึง​ครึ่ง​อาณาจักร​ของ​เรา.” 24 นาง​จึง​ออก​ไป​ถาม​มารดา​ว่า “ฉัน​จะ​ขอ​อะไร​ดี?” มารดา​บอก​ว่า “จง​ขอ​หัว​ของ​โยฮัน​ผู้​ให้​บัพติสมา.” 25 นาง​รีบ​ออก​ไป​ทูล​ขอ​กษัตริย์​ทันที​ว่า “ข้าพเจ้า​ขอ​ศีรษะ​ของ​โยฮัน​ผู้​ให้​บัพติสมา​ใส่​ถาด​มา​เดี๋ยว​นี้​เถิด.” 26 แม้​กษัตริย์​จะ​ทรง​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง​นัก​แต่​ก็​ไม่​อยาก​ปฏิเสธ​นาง​เนื่อง​จาก​คำ​มั่น​ที่​ตน​ให้​ไว้ และ​เนื่อง​จาก​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​นั่ง​เอน​กาย​อยู่​ที่​โต๊ะ​นั้น. 27 ดัง​นั้น กษัตริย์​จึง​สั่ง​ราชองครักษ์​ให้​ไป​นำ​ศีรษะ​ของ​โยฮัน​มา​ทันที. เขา​จึง​ไป​ตัด​ศีรษะ​โยฮัน​ใน​คุก 28 แล้ว​ใส่​ถาด​นำ​มา​ให้​นาง นาง​ก็​นำ​ไป​ให้​มารดา. 29 เมื่อ​พวก​สาวก​ของ​โยฮัน​ทราบ​เรื่อง​จึง​มา​รับ​ศพ​เขา​ไป​ไว้​ใน​อุโมงค์​ฝัง​ศพ.

30 เหล่า​อัครสาวก​พา​กัน​มา​เฝ้า​พระ​เยซู​และ​ทูล​รายงาน​ทุก​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​ได้​ทำ​และ​สอน. 31 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไป​ใน​ที่​ห่าง​ไกล​ผู้​คน​กัน​เถิด จะ​ได้​พัก​สัก​หน่อย.” ด้วย​ว่า​มี​คน​มาก​มาย​ไป ๆ มา ๆ จน​พระองค์​กับ​สาวก​ไม่​มี​เวลา​ว่าง​แม้​แต่​จะ​รับประทาน​อาหาร. 32 พระ​เยซู​กับ​สาวก​จึง​ลง​เรือ​ไป​ยัง​ที่​ห่าง​ไกล​ผู้​คน​เพื่อ​อยู่​กัน​ตาม​ลำพัง. 33 แต่​ผู้​คน​เห็น​พระองค์​กับ​สาวก​ออก​ไป​และ​มี​หลาย​คน​รู้​ว่า​จะ​ไป​ไหน ผู้​คน​จาก​ทุก​เมือง​จึง​พา​กัน​รีบ​ไป​ที่​นั่น​ก่อน. 34 เมื่อ​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​จาก​เรือ​ก็​ทรง​เห็น​ผู้​คน​มาก​มาย แต่​พระองค์​ทรง​รู้สึก​สงสาร​พวก​เขา​เพราะ​พวก​เขา​เป็น​เหมือน​แกะ​ที่​ไม่​มี​ผู้​เลี้ยง พระองค์​จึง​ทรง​สอน​พวก​เขา​หลาย​เรื่อง.

35 พอ​ใกล้​จะ​ถึง​ตอน​เย็น เหล่า​สาวก​มา​ทูล​พระองค์​ว่า “ที่​นี่​ห่าง​ไกล​ผู้​คน​และ​นี่​ก็​ใกล้​จะ​เย็น​แล้ว. 36 ขอ​ทรง​บอก​ให้​พวก​เขา​ไป​เถิด พวก​เขา​จะ​ได้​ไป​ยัง​บ้าน​ผู้​คน​และ​หมู่​บ้าน​ใน​บริเวณ​นี้​เพื่อ​ซื้อ​อาหาร​กิน​กัน.” 37 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​เอา​อาหาร​ให้​พวก​เขา​กิน​เถิด.” สาวก​จึง​ทูล​พระองค์​ว่า “จะ​ให้​พวก​ข้าพเจ้า​ไป​ซื้อ​ขนมปัง​มา​สัก​สอง​ร้อย​เดนาริอน*ให้​คน​เหล่า​นี้​กิน​หรือ?” 38 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​มี​ขนมปัง​กี่​อัน? ไป​ดู​ซิ!” เมื่อ​ดู​แล้ว​พวก​เขา​ก็​ทูล​ว่า “มี​ห้า​อัน​กับ​ปลา​สอง​ตัว.” 39 พระองค์​ทรง​บอก​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​นั่ง​ลง​เป็น​กลุ่ม ๆ บน​พื้น​หญ้า​เขียว​สด. 40 พวก​เขา​ก็​นั่ง​ลง​เป็น​กลุ่ม กลุ่ม​ละ​ร้อย​คน​บ้าง ห้า​สิบ​คน​บ้าง. 41 แล้ว​พระองค์​ทรง​หยิบ​ขนมปัง​ห้า​อัน​กับ​ปลา​สอง​ตัว​มา​และ​ทรง​เงย​พระ​พักตร์​มอง​ท้องฟ้า​ทูล​ขอบพระคุณ​แล้ว​บิ​ขนมปัง​ส่ง​ให้​สาวก​แจก​แก่​คน​ทั้ง​ปวง และ​ทรง​แบ่ง​ปลา​สอง​ตัว​นั้น​ให้​แก่​ทุก​คน. 42 ทุก​คน​จึง​กิน​จน​อิ่ม 43 และ​พวก​เขา​เก็บ​เศษ​อาหาร​ได้​สิบ​สอง​ตะกร้า​เต็ม​โดย​ไม่​รวม​ปลา. 44 คน​ที่​กิน​ขนมปัง​นั้น​เป็น​ผู้​ชาย​ห้า​พัน​คน.

45 หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​ทรง​สั่ง​เหล่า​สาวก​ให้​ลง​เรือ​ทันที​และ​ข้าม​ไป​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ก่อน​โดย​ให้​แล่น​ไป​ทาง​เมือง​เบทซายะดา ขณะ​ที่​พระองค์​ทรง​รอ​ส่ง​ฝูง​ชน​กลับ​บ้าน. 46 เมื่อ​พระองค์​ลา​พวก​เขา​แล้ว​ก็​เสด็จ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพื่อ​อธิษฐาน. 47 พอ​ถึง​ตอน​ค่ำ เรือ​ของ​สาวก​อยู่​กลาง​ทะเล​แต่​พระ​เยซู​ทรง​อยู่​บน​ฝั่ง​ผู้​เดียว. 48 และ​เมื่อ​พระองค์​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​พวก​เขา​กำลัง​ตี​กรรเชียง​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก​เนื่อง​จาก​แล่น​ทวน​ลม​อยู่ ประมาณ​ยาม​สี่*ของ​คืน​นั้น​พระองค์​จึง​ทรง​ดำเนิน​บน​ทะเล​มา​หา​พวก​เขา แต่​ทรง​ดำเนิน​เหมือน​จะ​ผ่าน​พวก​เขา​ไป. 49 เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​พระ​เยซู​ทรง​ดำเนิน​บน​ทะเล พวก​เขา​ก็​คิด​ว่า “นี่​เรา​ตา​ฝาด​ไป​หรือ​เปล่า!” แล้ว​ก็​ร้อง​เสียง​ดัง. 50 เพราะ​พวก​เขา​ทุก​คน​เห็น​พระองค์​และ​ต่าง​ก็​กลัว. แต่​ทันใด​นั้น​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “อย่า​กลัว เรา​เอง อย่า​กลัว​เลย.” 51 แล้ว​พระองค์​จึง​เสด็จ​ลง​เรือ​ไป​กับ​พวก​เขา และ​ลม​ก็​สงบ. เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​เช่น​นั้น​จึง​อัศจรรย์​ใจ​ยิ่ง​นัก 52 เพราะ​พวก​เขา​ไม่​เข้าใจ​เรื่อง​ขนมปัง​นั้น และ​พวก​เขา​ก็​ยัง​ไม่​อาจ​เข้าใจ​ได้.

53 เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ข้าม​มา​ถึง​ฝั่ง​ใน​แขวง​เกนเนซาเรต​แล้ว​ก็​จอด​เรือ​ไว้​บริเวณ​นั้น 54 แต่​ทันที​ที่​ขึ้น​จาก​เรือ ผู้​คน​ก็​จำ​พระ​เยซู​ได้ 55 พวก​เขา​จึง​รีบ​ไป​ทั่ว​เขต​นั้น​แล้ว​พา​บรรดา​คน​ที่​เจ็บ​ป่วย​ใส่​แคร่​หาม​มา​ยัง​ที่​ที่​เขา​ได้​ยิน​ว่า​พระองค์​ประทับ​อยู่. 56 และ​ไม่​ว่า​พระองค์​จะ​เสด็จ​ไป​หมู่​บ้าน​ใด เมือง​ใด หรือ​ตาม​ชนบท พวก​เขา​ก็​จะ​วาง​คน​ป่วย​ไว้​ตาม​ตลาด*และ​ทูล​ขอ​ให้​ได้​แตะ​แค่​ชาย​ครุย​ฉลองพระองค์​ก็​พอ. และ​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​แตะ​ก็​หาย​ป่วย.

7 ครั้ง​หนึ่ง พวก​ฟาริซาย​และ​อาลักษณ์​บาง​คน​ซึ่ง​มา​จาก​กรุง​เยรูซาเลม​พา​กัน​มา​หา​พระองค์. 2 และ​เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​สาวก​บาง​คน​ของ​พระ​เยซู​กิน​อาหาร​ด้วย​มือ​ที่​มี​มลทิน คือ ยัง​ไม่​ได้​ล้าง 3 เพราะ​ชาว​ยิว​ทุก​คน​ซึ่ง​รวม​ทั้ง​พวก​ฟาริซาย​ด้วย​จะ​ไม่​กิน​อาหาร​ถ้า​ไม่​ได้​ล้าง​มือ​ให้​ถึง​ข้อ​ศอก​เสีย​ก่อน ซึ่ง​เป็น​การ​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​ที่​สืบ​ทอด​มา​จาก​บรรพบุรุษ 4 และ​เมื่อ​กลับ​จาก​ตลาด​พวก​เขา​จะ​ไม่​กิน​อาหาร​ถ้า​ไม่​ได้​ชำระ​ตัว​ด้วย​การ​พรม​น้ำ​เสีย​ก่อน และ​ยัง​มี​ธรรมเนียม​อื่น ๆ อีก​มาก​ที่​พวก​เขา​ปฏิบัติ​สืบ​ต่อ​กัน​มา เช่น การ​จุ่ม​ถ้วย​และ​เหยือก​และ​ภาชนะ​ทองแดง​ลง​ใน​น้ำ. 5 พวก​ฟาริซาย​กับ​อาลักษณ์​เหล่า​นั้น​จึง​ถาม​พระองค์​ว่า “ทำไม​พวก​สาวก​ของ​ท่าน​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​ของ​บรรพบุรุษ แต่​กิน​อาหาร​ด้วย​มือ​ที่​มี​มลทิน?” 6 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ยะซายาห์​พยากรณ์​ถึง​พวก​เจ้า​คน​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ไว้​ถูก​ต้อง​แล้ว ดัง​มี​คำ​เขียน​ไว้​ว่า ‘ชน​ชาติ​นี้​ดี​แต่​พูด​ว่า​นับถือ​เรา แต่​หัวใจ​พวก​เขา​ห่าง​ไกล​จาก​เรา. 7 ที่​พวก​เขา​นมัสการ​เรา​อยู่​นั้น​เป็น​การ​ไร้​ประโยชน์ เพราะ​บัญญัติ​ที่​พวก​เขา​สอน​เป็น​เพียง​บัญญัติ​ของ​มนุษย์.’ 8 พวก​เจ้า​ทิ้ง​พระ​บัญญัติ​ของ​พระเจ้า​ไป​ยึด​ถือ​ธรรมเนียม​ของ​มนุษย์.”

9 แล้ว​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​อีก​ว่า “พวก​เจ้า​หา​ทาง​เลี่ยง​พระ​บัญญัติ​ของ​พระเจ้า​ไป​ถือ​ตาม​ธรรมเนียม​ของ​พวก​เจ้า​เอง​ได้​เก่ง​นัก. 10 ตัว​อย่าง​เช่น โมเซ​กล่าว​ว่า ‘จง​นับถือ​บิดา​มารดา​ของ​เจ้า’ และ ‘ผู้​ที่​ด่า​ว่า​บิดา​มารดา​ต้อง​ตาย.’ 11 แต่​พวก​เจ้า​กล่าว​ว่า ‘ถ้า​คน​ใด​พูด​กับ​บิดา​มารดา​ว่า “สิ่ง​ใด​ที่​ข้าพเจ้า​มี​ซึ่ง​อาจ​เป็น​ประโยชน์​แก่​ท่าน สิ่ง​นั้น​เป็น​คอร์​บัน (คือ​ของ​ที่​อุทิศ​แด่​พระเจ้า​แล้ว)”’ 12 โดย​วิธี​นี้ พวก​เจ้า​จึง​ไม่​ให้​คน​นั้น​ทำ​อะไร​ให้​บิดา​มารดา​ของ​เขา​อีก​ต่อ​ไป 13 และ​ด้วย​เหตุ​นี้ พวก​เจ้า​จึง​ทำ​ให้​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เป็น​โมฆะ​ด้วย​ธรรมเนียม​ที่​พวก​เจ้า​ถือ​สืบ​ต่อ​กัน​มา และ​พวก​เจ้า​ยัง​ทำ​หลาย​สิ่ง​คล้าย ๆ กัน​นี้​อีก​ด้วย.” 14 พระองค์​จึง​ทรง​เรียก​ฝูง​ชน​เข้า​มา​อีก​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ทุก​คน​จง​ฟัง​เรา​และ​เข้าใจ​เถิด. 15 ไม่​มี​สิ่ง​ใด​จาก​ภาย​นอก​ที่​เข้า​ไป​ใน​ตัว​มนุษย์​จะ​ทำ​ให้​เขา​มี​มลทิน​ได้ แต่​สิ่ง​ทั้ง​หลาย​ที่​ออก​มา​จาก​ตัว​มนุษย์​ต่าง​หาก​ที่​ทำ​ให้​มนุษย์​มี​มลทิน.” 16 * ——

17 เมื่อ​พระ​เยซู​เสด็จ​จาก​ฝูง​ชน​แล้ว​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง เหล่า​สาวก​ก็​ทูล​ถาม​พระองค์​เรื่อง​อุปมา​โวหาร​นั้น. 18 พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ก็​ไม่​เข้าใจ​เหมือน​พวก​เขา​ด้วย​หรือ? พวก​เจ้า​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​ไม่​มี​สิ่ง​ใด​จาก​ภาย​นอก​ที่​เข้า​ไป​ใน​ตัว​มนุษย์​จะ​ทำ​ให้​เขา​มี​มลทิน​ได้ 19 เพราะ​ว่า​สิ่ง​นั้น​มิ​ได้​เข้า​ไป​ใน​ใจ​เขา แต่​เข้า​ไป​ใน​ลำไส้ แล้ว​ถ่าย​ลง​ส้วม​ไป?” ที่​พระองค์​ตรัส​เช่น​นี้​เป็น​การ​ประกาศ​ว่า​อาหาร​ทุก​อย่าง​ปราศจาก​มลทิน. 20 พระองค์​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “สิ่ง​ที่​ออก​มา​จาก​มนุษย์​คือ​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​มนุษย์​มี​มลทิน 21 เพราะ​ความ​คิด​ชั่ว​ร้าย​ออก​มา​จาก​ภาย​ใน คือ ออก​จาก​หัวใจ​มนุษย์ ได้​แก่ การ​ผิด​ประเวณี การ​ขโมย การ​ฆ่า​คน 22 การ​เล่นชู้ ความ​โลภ การ​กระทำ​ที่​ชั่ว​ช้า การ​ล่อ​ลวง ความ​ประพฤติ​ที่​ไร้​ยางอาย ความ​อิจฉา การ​หมิ่น​ประมาท ความ​เย่อหยิ่ง ความ​ไร้​เหตุ​ผล. 23 สิ่ง​ชั่ว​ทั้ง​หมด​นี้​ออก​มา​จาก​ภาย​ใน​และ​ทำ​ให้​มนุษย์​มี​มลทิน.”

24 พระองค์​ทรง​ลุก​ขึ้น​จาก​ที่​นั่น​แล้ว​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​เขต​เมือง​ไทระ​และ​ซีโดน. พระองค์​ทรง​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​และ​ไม่​ทรง​ประสงค์​ให้​ใคร​รู้ แต่​ก็​ยัง​มี​คน​สังเกต​เห็น​พระองค์. 25 หญิง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​บุตร​สาว​ตัว​น้อย​ของ​นาง​ถูก​กาย​วิญญาณ​โสโครก​สิง​ได้​ยิน​เรื่อง​พระองค์​จึง​มา​หา​ทันที​และ​หมอบ​ลง​แทบ​พระ​บาท. 26 หญิง​คน​นี้​เป็น​ชาว​กรีก​เชื้อชาติ​ซีเรีย​ฟีนิเซีย นาง​วิงวอน​พระองค์​ให้​ขับ​ปิศาจ​ตน​นั้น​ออก​จาก​บุตร​สาว​ของ​นาง. 27 พระองค์​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “ให้​ลูก ๆ กิน​อิ่ม​เสีย​ก่อน เพราะ​ถ้า​จะ​เอา​ขนมปัง​ของ​ลูก​โยน​ให้​ลูก​สุนัข​ก็​ไม่​ถูก.” 28 นาง​ทูล​ตอบ​พระองค์​ว่า “จริง​อยู่ นาย​ท่าน แต่​ลูก​สุนัข​ที่​อยู่​ใต้​โต๊ะ​ย่อม​กิน​เศษ​ขนมปัง​ของ​ลูก ๆ.” 29 เมื่อ​ได้​ยิน​ดัง​นั้น​พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “เพราะ​เจ้า​พูด​เช่น​นี้ จง​ไป​เถิด ปิศาจ​ได้​ออก​จาก​บุตร​สาว​ของ​เจ้า​แล้ว.” 30 นาง​จึง​กลับ​ไป​ที่​บ้าน​และ​พบ​บุตร​น้อย​นอน​อยู่​บน​เตียง​และ​ปิศาจ​ก็​ออก​ไป​แล้ว.

31 เมื่อ​กลับ​ออก​มา​จาก​เขต​เมือง​ไทระ​แล้ว พระองค์​จึง​เสด็จ​ผ่าน​ซีโดน​ไป​ยัง​ทะเล​แกลิลี​และ​เสด็จ​ผ่าน​เขต​เดคาโปลิส.* 32 ที่​นั่น​พวก​เขา​พา​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​หู​หนวก​และ​พูด​แทบ​ไม่​ได้​มา​หา​พระองค์ และ​ขอร้อง​พระองค์​ให้​วาง​มือ​บน​เขา. 33 พระองค์​จึง​ทรง​พา​เขา​แยก​ออก​มา​จาก​ฝูง​ชน​แล้ว​แหย่​นิ้ว​พระ​หัตถ์​เข้า​ไป​ใน​หู​ของ​ชาย​คน​นั้น และ​ทรง​บ้วน​น้ำลาย​แล้ว​แตะ​ลิ้น​ของ​เขา. 34 พระองค์​ทรง​เงย​พระ​พักตร์​มอง​ท้องฟ้า​พร้อม​กับ​ถอน​พระทัย​ยาว​และ​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เอฟฟาทา” แปล​ว่า “จง​เปิด​ออก.” 35 หู​เขา​ก็​หาย​หนวก ลิ้น​เขา​ก็​หาย​ติด​ขัด และ​เขา​เริ่ม​พูด​ได้​เป็น​ปกติ. 36 แล้ว​พระ​เยซู​ทรง​สั่ง​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​ใคร แต่​ยิ่ง​พระองค์​ทรง​ห้าม พวก​เขา​ก็​ยิ่ง​ป่าว​ประกาศ​เรื่อง​นั้น. 37 พวก​เขา​ต่าง​อัศจรรย์​ใจ​ยิ่ง​นัก​และ​พูด​ว่า “คน​นี้​ทำ​แต่​สิ่ง​ดี ๆ. เขา​ถึง​กับ​ทำ​ให้​คน​หู​หนวก​ได้​ยิน​และ​คน​ใบ้​พูด​ได้.”

8 คราว​นั้น เมื่อ​คน​มาก​มาย​มา​กัน​อีก​และ​พวก​เขา​ไม่​มี​อะไร​รับประทาน พระ​เยซู​ทรง​เรียก​พวก​สาวก​มา​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า 2 “เรา​สงสาร​คน​เหล่า​นี้ เพราะ​พวก​เขา​อยู่​กับ​เรา​มา​สาม​วัน​แล้ว​และ​ตอน​นี้​พวก​เขา​ไม่​มี​อะไร​จะ​กิน 3 ถ้า​เรา​จะ​ให้​พวก​เขา​กลับ​ไป​บ้าน​โดย​ไม่​ได้​กิน​อะไร พวก​เขา​คง​จะ​หมด​แรง​กลาง​ทาง​เพราะ​บาง​คน​มา​จาก​ที่​ไกล.” 4 แต่​สาวก​ของ​พระองค์​ทูล​ว่า “ใน​ที่​ห่าง​ไกล​ผู้​คน​อย่าง​นี้​จะ​ไป​หา​ขนมปัง​จาก​ไหน​มา​ให้​คน​เหล่า​นี้​กิน​อิ่ม​ได้?” 5 แต่​พระองค์​ทรง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​มี​ขนมปัง​กี่​อัน?” พวก​เขา​ทูล​ว่า “มี​เจ็ด​อัน.” 6 แล้ว​พระองค์​ทรง​บอก​ให้​ฝูง​ชน​นั่ง​ลง​บน​พื้น ทรง​เอา​ขนมปัง​เจ็ด​อัน​นั้น​มา​และ​ทูล​ขอบพระคุณ ทรง​บิ​ขนมปัง​ส่ง​ให้​สาวก​นำ​ไป​แจก สาวก​ก็​แจก​จ่าย​ขนมปัง​แก่​ฝูง​ชน. 7 พวก​เขา​มี​ปลา​ตัว​เล็ก ๆ สอง​สาม​ตัว​ด้วย และ​เมื่อ​ทูล​ขอ​พร​แล้ว พระองค์​ทรง​บอก​ให้​พวก​เขา​แจก​จ่าย​ปลา​เหล่า​นั้น​ด้วย. 8 คน​ทั้ง​หลาย​จึง​กิน​จน​อิ่ม แล้ว​พวก​เขา​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​เจ็ด​กระบุง​เต็ม. 9 คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​ประมาณ​สี่​พัน​คน. แล้ว​พระองค์​ทรง​ให้​พวก​เขา​กลับ​ไป.

10 ทันที​หลัง​จาก​นั้น พระองค์​ก็​เสด็จ​ลง​เรือ​กับ​เหล่า​สาวก​มา​ยัง​เขต​ดัลมานูทา. 11 พวก​ฟาริซาย​ก็​มา​ถกเถียง​กับ​พระองค์ และ​ทดสอบ​พระองค์​โดย​ขอ​ให้​แสดง​ข้อ​พิสูจน์*จาก​สวรรค์. 12 พระองค์​จึง​ทรง​ถอน​พระทัย​ใหญ่​และ​ตรัส​ว่า “เหตุ​ใด​คน​ใน​ยุค​นี้​จึง​ต้องการ​แต่​ข้อ​พิสูจน์? เรา​บอก​ตาม​จริง​ว่า จะ​ไม่​ให้​ข้อ​พิสูจน์​ใด ๆ แก่​คน​ใน​ยุค​นี้.” 13 แล้ว​พระองค์​จึง​ไป​จาก​พวก​เขา​และ​เสด็จ​ลง​เรือ​ข้าม​ไป​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง.

14 ครั้ง​นั้น​พวก​สาวก​ลืม​เอา​ขนมปัง​ไป​ด้วย และ​พวก​เขา​ไม่​มี​อะไร​ใน​เรือ​เลย​นอก​จาก​ขนมปัง​อัน​เดียว. 15 และ​พระองค์​ทรง​กำชับ​พวก​เขา​ว่า “จง​ตื่น​ตัว​อยู่​เสมอ ระวัง​เชื้อ​ของ​พวก​ฟาริซาย​และ​เชื้อ​ของ​เฮโรด​ให้​ดี.” 16 ดัง​นั้น พวก​เขา​จึง​พูด​กัน​เรื่อง​ที่​ไม่​มี​ขนมปัง. 17 เมื่อ​พระองค์​ทรง​เห็น​เช่น​นั้น​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ทำไม​พวก​เจ้า​จึง​พูด​กัน​เรื่อง​ที่​เจ้า​ไม่​มี​ขนมปัง? พวก​เจ้า​ยัง​ไม่​รู้​และ​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ความ​หมาย​อีก​หรือ? ใจ​พวก​เจ้า​ยัง​ไม่​เปิด​รับ​ความ​รู้​ความ​เข้าใจ​อีก​หรือ? 18 ‘พวก​เจ้า​มี​ตา​แต่​มอง​ไม่​เห็น​หรือ มี​หู​แต่​ไม่​ได้​ยิน​หรือ?’ และ​พวก​เจ้า​จำ​ไม่​ได้​หรือ​ว่า 19 เมื่อ​เรา​บิ​ขนมปัง​ห้า​อัน​ให้​แก่​ชาย​ห้า​พัน​คน​นั้น พวก​เจ้า​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​กี่​ตะกร้า?” พวก​เขา​ทูล​ตอบ​ว่า “สิบ​สอง.” 20 “เมื่อ​เรา​บิ​ขนมปัง​เจ็ด​อัน​ให้​แก่​ชาย​สี่​พัน​คน​นั้น พวก​เจ้า​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้​กี่​กระบุง​เต็ม?” พวก​เขา​ทูล​พระองค์​ว่า “เจ็ด.” 21 พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ยัง​ไม่​เข้าใจ​อีก​หรือ?”

22 เมื่อ​พระองค์​กับ​สาวก​มา​ถึง​เมือง​เบทซายะดา ผู้​คน​ก็​พา​ชาย​ตา​บอด​คน​หนึ่ง​มา​หา​พระองค์​และ​ขอร้อง​ให้​ทรง​แตะ​ต้อง​ตัว​เขา. 23 พระองค์​จึง​ทรง​จูง​ชาย​ตา​บอด​ออก​ไป​นอก​หมู่​บ้าน และ​เมื่อ​ทรง​บ้วน​น้ำลาย​ลง​ที่​ตา​ของ​เขา​แล้ว ทรง​วาง​พระ​หัตถ์​บน​เขา​แล้ว​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “เจ้า​เห็น​อะไร​บ้าง​ไหม?” 24 เขา​เงย​หน้า​ขึ้น​มอง​และ​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​เห็น​คน ข้าพเจ้า​เห็น​พวก​เขา​เป็น​เหมือน​ต้น​ไม้​เดิน​ไป​เดิน​มา.” 25 แล้ว​พระองค์​ทรง​วาง​พระ​หัตถ์​บน​ตา​เขา​อีก เขา​ก็​มอง​เห็น​ชัด​และ​หาย​เป็น​ปกติ​และ​มอง​เห็น​ทุก​สิ่ง​ชัดเจน. 26 พระ​เยซู​จึง​ทรง​บอก​ให้​เขา​กลับ​บ้าน​และ​สั่ง​ว่า “อย่า​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​นั้น.”

27 จาก​ที่​นั่น พระ​เยซู​กับ​สาวก​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​ต่าง ๆ ใน​เมือง​ซีซาเรีย​ฟิลิปปี และ​ระหว่าง​เดิน​ทาง​พระองค์​ทรง​ถาม​พวก​สาวก​ว่า “ผู้​คน​พูด​กัน​ว่า​เรา​เป็น​ผู้​ใด?” 28 พวก​เขา​ทูล​พระองค์​ว่า “บาง​คน​ว่า​เป็น​โยฮัน​ผู้​ให้​บัพติสมา* บาง​คน​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​บาง​คน​ก็​ว่า​เป็น​ผู้​พยากรณ์​คน​หนึ่ง.” 29 แล้ว​พระองค์​ทรง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​เช่น​นั้น พวก​เจ้า​ว่า​เรา​เป็น​ผู้​ใด?” เปโตร​ทูล​ตอบ​พระองค์​ว่า “พระองค์​เป็น​พระ​คริสต์.” 30 เมื่อ​ได้​ยิน​เช่น​นั้น พระองค์​ทรง​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​เรื่อง​พระองค์​แก่​ใคร. 31 พระองค์​ทรง​สอน​พวก​เขา​ด้วย​ว่า​บุตร​มนุษย์​ต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​หลาย​อย่าง แล้ว​จะ​ถูก​พวก​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่ พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​อาลักษณ์​ปฏิเสธ และ​จะ​ถูก​ฆ่า แล้ว​อีก​สาม​วัน​จะ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. 32 พระองค์​ตรัส​เช่น​นี้​อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา. แต่​เปโตร​ดึง​พระองค์​ออก​มา​และ​ทัด​ทาน​พระองค์. 33 พระองค์​ทรง​หัน​ไป​มอง​พวก​สาวก​แล้ว​ทรง​ตำหนิ​เปโตร​ว่า “ไป​ให้​พ้น ซาตาน เพราะ​ที่​เจ้า​คิด​ไม่​ใช่​ความ​คิด​ของ​พระเจ้า แต่​เป็น​ความ​คิด​ของ​มนุษย์.”

34 แล้ว​พระองค์​ทรง​เรียก​ฝูง​ชน​กับ​เหล่า​สาวก​เข้า​มา​หา​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​ผู้​ใด​ต้องการ​ติด​ตาม​เรา ให้​เขา​ปฏิเสธ​ตัว​เอง​และ​แบก​เสา​ทรมาน*ของ​ตน​แล้ว​ตาม​เรา​เรื่อย​ไป. 35 ด้วย​ว่า​ผู้​ใด​พยายาม​เอา​ชีวิต​รอด ผู้​นั้น​จะ​เสีย​ชีวิต แต่​ผู้​ใด​ยอม​เสีย​ชีวิต​เพื่อ​เห็น​แก่​เรา​และ​ข่าว​ดี ผู้​นั้น​จะ​ได้​ชีวิต. 36 ที่​จริง จะ​เป็น​ประโยชน์​อะไร​แก่​มนุษย์​เล่า​ถ้า​เขา​ได้​โลก​ทั้ง​โลก​แต่​เสีย​ชีวิต? 37 มนุษย์​จะ​เอา​อะไร​มา​แลก​กับ​ชีวิต​ของ​เขา? 38 ด้วย​ว่า​ผู้​ใด​อาย​ที่​เป็น​สาวก​ของ​เรา​และ​เชื่อ​คำ​ของ​เรา​ใน​ยุค​ของ​คน​ที่​ไม่​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า*และ​ชั่ว​ช้า​นี้ บุตร​มนุษย์​ก็​จะ​อาย​ถ้า​จะ​ยอม​รับ​ว่า​เขา​เป็น​สาวก​เมื่อ​ท่าน​มา​ใน​ฐานะ​ที่​มี​เกียรติ​อัน​รุ่ง​โรจน์​อย่าง​ที่​พระ​บิดา​มี และ​มา​พร้อม​กับ​เหล่า​ทูตสวรรค์​ผู้​บริสุทธิ์.”

9 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ต่อ​ไป​อีก​ว่า “เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นี่​จะ​ไม่​ตาย​จน​กว่า​พวก​เขา​จะ​เห็น​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​มา​ด้วย​อำนาจ​เสีย​ก่อน.” 2 หก​วัน​ต่อ​มา​พระ​เยซู​ทรง​พา​เปโตร​และ​ยาโกโบ​กับ​โยฮัน​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​สูง​แต่​ลำพัง. และ​รูป​กาย​ของ​พระองค์​ก็​เปลี่ยน​ไป​ต่อ​หน้า​พวก​เขา 3 ฉลองพระองค์​ก็​เป็น​ประกาย​แวว​วาว ขาว​กว่า​ที่​ช่าง​ฟอก​ผ้า​บน​โลก​จะ​ทำ​ให้​ขาว​ได้​มาก​นัก. 4 เอลียาห์​กับ​โมเซ​ก็​ปรากฏ​แก่​พวก​เขา​ด้วย และ​ทั้ง​สอง​สนทนา​กับ​พระ​เยซู. 5 เปโตร​จึง​ทูล​พระ​เยซู​ว่า “อาจารย์* ดี​ที่​พวก​เรา​อยู่​ที่​นี่ ให้​พวก​ข้าพเจ้า​ตั้ง​พลับพลา​ขึ้น​สาม​หลัง​เถิด หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​พระองค์ หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​โมเซ อีก​หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​เอลียาห์.” 6 ที่​จริง​แล้ว​เขา​ไม่​รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร เพราะ​พวก​เขา​รู้สึก​กลัว​มาก. 7 แล้ว​มี​เมฆ​ก้อน​หนึ่ง​มา​ปก​คลุม​พวก​เขา​ไว้ และ​มี​เสียง​ตรัส​ออก​มา​จาก​เมฆ​นั้น​ว่า “นี่​คือ​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา จง​ฟัง​ท่าน​เถิด.” 8 แต่​ทันที​ที่​พวก​เขา​หัน​มอง​รอบ ๆ ก็​ไม่​เห็น​ใคร​อยู่​ที่​นั่น​กับ​พวก​เขา​นอก​จาก​พระ​เยซู​องค์​เดียว.

9 ขณะ​ที่​ลง​มา​จาก​ภูเขา พระ​เยซู​ทรง​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​เล่า​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​เห็น​ให้​ใคร​ฟัง​จน​กว่า​บุตร​มนุษย์​จะ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​แล้ว. 10 พวก​เขา​ก็​จำ​คำ​พระองค์​ไว้ แต่​ถก​กัน​ว่า​การ​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ตาย​ที่​ว่า​นั้น​หมาย​ความ​ว่า​อย่าง​ไร. 11 แล้ว​พวก​เขา​ทูล​ถาม​พระองค์​ว่า “ทำไม​พวก​อาลักษณ์​บอก​ว่า​เอลียาห์​ต้อง​มา​ก่อน?” 12 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จริง​อยู่ เอลียาห์​จะ​มา​ก่อน​และ​จะ​ฟื้นฟู​ทุก​สิ่ง แต่​เหตุ​ใด​จึง​มี​คำ​เขียน​ไว้​เกี่ยว​กับ​บุตร​มนุษย์​ว่า​ท่าน​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์​หลาย​อย่าง​และ​จะ​ถูก​ปฏิบัติ​อย่าง​เหยียด​หยาม? 13 แต่​เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ว่า ที่​จริง เอลียาห์​มา​แล้ว และ​พวก​นั้น​ได้​ทำ​กับ​เขา​สารพัด​อย่าง​ตาม​ที่​ต้องการ ดัง​ที่​มี​เขียน​ไว้​ล่วง​หน้า​เกี่ยว​กับ​เขา.”

14 เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​พวก​เขา​กลับ​มา​หา​สาวก​คน​อื่น ๆ ก็​สังเกต​เห็น​คน​มาก​มาย​อยู่​กับ​สาวก​เหล่า​นั้น​และ​พวก​อาลักษณ์​กำลัง​ถกเถียง​กับ​พวก​เขา. 15 แต่​ทันที​ที่​คน​ทั้ง​ปวง​เห็น​พระองค์​ก็​ประหลาด​ใจ​นัก แล้ว​วิ่ง​เข้า​มา​ทักทาย​พระองค์. 16 และ​พระองค์​ตรัส​ถาม​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ถกเถียง​กับ​พวก​เขา​ด้วย​เรื่อง​อะไร?” 17 คน​หนึ่ง​ใน​ฝูง​ชน​ทูล​ตอบ​พระองค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์ ข้าพเจ้า​พา​บุตร​ชาย​มา​หา​ท่าน​เพราะ​เขา​โดน​กาย​วิญญาณ​ที่​ทำ​ให้​เป็น​ใบ้​สิง 18 พอ​มัน​อาละวาด มัน​จะ​เหวี่ยง​เขา​ลง​กับ​พื้น แล้ว​เขา​ก็​มี​น้ำลาย​ฟูม​ปาก กัด​ฟัน​และ​หมด​เรี่ยว​หมด​แรง. ข้าพเจ้า​ขอ​สาวก​ของ​ท่าน​ให้​ขับ​มัน​ออก แต่​พวก​เขา​ทำ​ไม่​ได้.” 19 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “โอ คน​ใน​ยุค​ที่​ขาด​ความ​เชื่อ เรา​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​เจ้า​อีก​นาน​เท่า​ใด? เรา​จะ​ต้อง​ทน​พวก​เจ้า​นาน​เท่า​ใด? พา​เขา​มา​หา​เรา​เถิด.” 20 พวก​เขา​จึง​พา​เด็ก​คน​นั้น​มา​หา​พระองค์. แต่​พอ​เห็น​พระองค์ กาย​วิญญาณ​ตน​นั้น​ก็​ทำ​ให้​เด็ก​นั้น​ชัก​ทันที และ​พอ​ล้ม​ลง​ที่​พื้น​ก็​กลิ้ง​ไป​มา มี​น้ำลาย​ฟูม​ปาก. 21 แล้ว​พระองค์​ทรง​ถาม​บิดา​ของ​เด็ก​ว่า “บุตร​ของ​เจ้า​เป็น​อย่าง​นี้​มา​นาน​เท่า​ไร​แล้ว?” เขา​ตอบ​ว่า “ตั้ง​แต่​ยัง​เล็ก 22 มัน​ทำ​ให้​เขา​ตก​ไฟ​ตก​น้ำ​บ่อย ๆ เพื่อ​จะ​ฆ่า​เสีย. ถ้า​ท่าน​ทำ​อะไร​ได้ โปรด​สงสาร​และ​ช่วย​พวก​เรา​ด้วย​เถิด.” 23 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​พูด​ว่า ‘ถ้า​ทำ​ได้’ หรือ? ทุก​สิ่ง​เป็น​ไป​ได้​ถ้า​คน​เรา​มี​ความ​เชื่อ.” 24 บิดา​ของ​เด็ก​คน​นั้น​จึง​ร้อง​ออก​มา​ทันที​ว่า “ข้าพเจ้า​มี​ความ​เชื่อ! แต่​ใน​ส่วน​ที่​ยัง​ขาด​อยู่​นั้น ขอ​โปรด​ช่วย​เสริม​ให้​มี​มาก​ขึ้น​ด้วย​เถิด!”

25 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​เห็น​คน​มาก​มาย​พา​กัน​วิ่ง​เข้า​มา พระองค์​จึง​ห้าม​กาย​วิญญาณ​โสโครก​นั้น​และ​ตรัส​กับ​มัน​ว่า “เจ้า​กาย​วิญญาณ​ที่​ทำ​ให้​หู​หนวก​และ​เป็น​ใบ้ เรา​สั่ง​เจ้า​ให้​ออก​มา​และ​อย่า​เข้า​สิง​เขา​อีก.” 26 มัน​ส่ง​เสียง​ร้อง​และ​ทำ​ให้​เด็ก​ชัก​ดิ้น​ชัก​งอ​หลาย​หน​แล้ว​ก็​ออก​มา และ​เด็ก​นั้น​แน่นิ่ง​เหมือน​คน​ตาย คน​ส่วน​ใหญ่​จึง​พูด​ว่า “เขา​ตาย​แล้ว!” 27 แต่​พระ​เยซู​ทรง​จับ​มือ​เขา​พยุง​ให้​ลุก​ขึ้น เขา​ก็​ลุก​ขึ้น. 28 เมื่อ​พระองค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​แล้ว เหล่า​สาวก​จึง​มา​ถาม​พระองค์​เป็น​การ​ส่วน​ตัว​ว่า “ทำไม​พวก​ข้าพเจ้า​จึง​ขับ​กาย​วิญญาณ​ตน​นั้น​ไม่​ได้?” 29 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “กาย​วิญญาณ​ชนิด​นี้​ขับ​ออก​ได้​ด้วย​การ​อธิษฐาน​เท่า​นั้น.”

30 เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ออก​จาก​ที่​นั่น​แล้ว​จึง​เดิน​ทาง​ไป​ทั่ว​แคว้น​แกลิลี แต่​พระองค์​ไม่​ทรง​ประสงค์​ให้​ใคร​รู้. 31 เพราะ​พระองค์​กำลัง​สอน​สาวก​ของ​พระองค์​ว่า “บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​มนุษย์​และ​พวก​นั้น​จะ​ฆ่า​ท่าน แต่​แม้​จะ​ถูก​ฆ่า อีก​สาม​วัน​ให้​หลัง​ท่าน​ก็​จะ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.” 32 พวก​เขา​ไม่​เข้าใจ​คำ​ตรัส​นั้น แต่​ก็​ไม่​กล้า​ถาม​พระองค์.

33 แล้ว​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ก็​มา​ถึง​เมือง​คาเปอร์นาอุม. เมื่อ​พระ​เยซู​ประทับ​อยู่​ใน​บ้าน พระองค์​ทรง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ระหว่าง​ทาง​พวก​เจ้า​เถียง​กัน​เรื่อง​อะไร?” 34 พวก​เขา​ก็​นิ่ง​อยู่ เพราะ​ระหว่าง​ทาง​พวก​เขา​เถียง​กัน​ว่า​ใคร​จะ​เป็น​ใหญ่​กว่า​ใคร. 35 ดัง​นั้น พระองค์​จึง​ทรง​นั่ง​ลง​และ​เรียก​สาวก​สิบ​สอง​คน​นั้น​มา​แล้ว​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​ผู้​ใด​ต้องการ​เป็น​คน​แรก ผู้​นั้น​ต้อง​เป็น​คน​สุด​ท้าย​และ​เป็น​ผู้​รับใช้​ทุก​คน.” 36 แล้ว​พระองค์​ทรง​ให้​เด็ก​เล็ก​คน​หนึ่ง​มา​ยืน​อยู่​กลาง​พวก​เขา​และ​ทรง​โอบ​เด็ก​ไว้​แล้ว​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า 37 “ผู้​ใด​รับ​คน​ที่​เป็น​เหมือน​เด็ก​เล็ก ๆ ใน​นาม​ของ​เรา​ก็​รับ​เรา และ​ผู้​ใด​ที่​รับ​เรา​ก็​รับ​ไม่​เพียง​เรา​เท่า​นั้น แต่​รับ​พระองค์​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา​ด้วย.”

38 โยฮัน​ทูล​พระองค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์ พวก​ข้าพเจ้า​เห็น​ชาย​คน​หนึ่ง​ขับ​ปิศาจ​ออก​โดย​ใช้​พระ​นาม​พระองค์ และ​ได้​พยายาม​ห้าม​เขา​แล้ว​เพราะ​เขา​ไม่​ได้​มา​กับ​พวก​เรา.” 39 แต่​พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “อย่า​ห้าม​เขา​เลย เพราะ​ไม่​มี​ใคร​ที่​ทำ​การ​อิทธิ​ฤทธิ์​ใน​นาม​ของ​เรา​แล้ว​อีก​ประเดี๋ยว​ก็​พูด​หยาบ​ช้า​ต่อ​เรา 40 เพราะ​ผู้​ที่​ไม่​ต่อ​ต้าน​พวก​เรา​ก็​อยู่​ฝ่าย​พวก​เรา. 41 ด้วย​ว่า​ผู้​ใด​ให้​น้ำ​พวก​เจ้า​ดื่ม​ถ้วย​หนึ่ง​เพราะ​เหตุ​ที่​พวก​เจ้า​เป็น​คน​ของ​พระ​คริสต์ เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า เขา​จะ​ไม่​ขาด​บำเหน็จ​แน่นอน. 42 แต่​ผู้​ใด​ทำ​ให้​คน​หนึ่ง​ใน​ผู้​เล็ก​น้อย​เหล่า​นี้​ที่​เชื่อ​ใน​เรา​หลง​ผิด* ถ้า​จะ​เอา​หิน​โม่​อย่าง​ที่​ใช้​ลา​หมุน​มา​ผูก​คอ​ผู้​นั้น​แล้ว​โยน​ลง​ทะเล​ก็​คง​ดี​กว่า.

43 “และ​ถ้า​มือ​ของ​เจ้า​ทำ​ให้​เจ้า​หลง​ผิด* จง​ตัด​ทิ้ง​เสีย ซึ่ง​เจ้า​จะ​ได้​รับ​ชีวิต​ทั้ง ๆ ที่​มือ​ด้วน​ก็​ดี​กว่า​มี​สอง​มือ​แต่​ต้อง​ไป​ยัง​เกเฮนนา* คือ​เข้า​ไป​ใน​ไฟ​ที่​ไม่​อาจ​ดับ​ได้. 44 * —— 45 และ​ถ้า​เท้า​ของ​เจ้า​ทำ​ให้​เจ้า​หลง​ผิด* จง​ตัด​ทิ้ง​เสีย ซึ่ง​เจ้า​จะ​ได้​รับ​ชีวิต​ทั้ง ๆ ที่​ขา​พิการ​ก็​ดี​กว่า​มี​สอง​เท้า​แต่​ต้อง​ถูก​โยน​ลง​ใน​เกเฮนนา. 46 * —— 47 และ​ถ้า​ตา​ของ​เจ้า​ทำ​ให้​เจ้า​หลง​ผิด* จง​ควัก​ทิ้ง​เสีย ซึ่ง​เจ้า​จะ​เข้า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​โดย​มี​ตา​ข้าง​เดียว​ก็​ดี​กว่า​มี​ตา​สอง​ข้าง​แต่​ต้อง​ถูก​โยน​ลง​ใน​เกเฮนนา 48 ที่​ซึ่ง​ตัว​หนอน​จะ​ไม่​ตาย​และ​ไฟ​จะ​ไม่​ดับ.

49 “ด้วย​ว่า​จะ​ต้อง​มี​การ​เท​ไฟ​ลง​บน​ทุก​คน​เหมือน​เท​เกลือ. 50 เกลือ​เป็น​ของ​ดี แต่​ถ้า​เกลือ​หมด​รส​เค็ม พวก​เจ้า​จะ​ใช้​อะไร​ทำ​ให้​เกลือ​มี​รส​เค็ม? จง​มี​เกลือ​ใน​ตัว​เอง​และ​รักษา​สันติ​สุข​ระหว่าง​พวก​เจ้า​ไว้.”

10 แล้ว​พระ​เยซู​ทรง​ลุก​ขึ้น​และ​เสด็จ​จาก​ที่​นั่น​ข้าม​แม่น้ำ​จอร์แดน​มา​ยัง​เขต​แดน​แคว้น​ยูเดีย คน​มาก​มาย​ก็​พา​กัน​มา​หา​พระองค์​อีก และ​พระ​เยซู​ทรง​สอน​พวก​เขา​อย่าง​ที่​ทรง​ทำ​เป็น​ประจำ. 2 พวก​ฟาริซาย​ก็​มา​ทดสอบ​พระองค์​โดย​ถาม​ว่า ตาม​พระ​บัญญัติ ผู้​ชาย​จะ​หย่า​ภรรยา​ได้​หรือ​ไม่. 3 พระ​เยซู​ตรัส​ถาม​พวก​เขา​ว่า “โมเซ​สั่ง​พวก​เจ้า​ไว้​อย่าง​ไร?” 4 พวก​เขา​บอก​ว่า “โมเซ​อนุญาต​ให้​ทำ​หนังสือ​หย่า​ให้​ภรรยา​แล้ว​ก็​หย่า​ได้.” 5 แต่​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “โมเซ​เขียน​บัญญัติ​ข้อ​นี้​ให้​พวก​เจ้า​ก็​เพราะ​ใจ​พวก​เจ้า​แข็ง​กระด้าง. 6 อย่าง​ไร​ก็​ตาม ตั้ง​แต่​แรก​ที่​ทรง​สร้าง​มนุษย์ ‘พระองค์​ทรง​สร้าง​ให้​เป็น​ชาย​และ​หญิง. 7 ด้วย​เหตุ​นี้​ผู้​ชาย​จะ​ไป​จาก​บิดา​มารดา​ของ​ตน 8 และ​ทั้ง​สอง​จะ​เป็น​เนื้อหนัง​เดียว​กัน’* พวก​เขา​จึง​ไม่​เป็น​สอง​อีก​ต่อ​ไป แต่​เป็น​เนื้อหนัง​เดียว​กัน. 9 ฉะนั้น ที่​พระเจ้า​ทรง​ผูก​มัด​ไว้​ด้วย​กัน​แล้ว​นั้น​อย่า​ให้​มนุษย์​ทำ​ให้​แยก​จาก​กัน​เลย.” 10 เมื่อ​อยู่​ด้วย​กัน​ใน​บ้าน​อีก พวก​สาวก​ก็​ทูล​ถาม​พระองค์​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้. 11 และ​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ผู้​ใด​ที่​หย่า​ภรรยา​แล้ว​แต่งงาน​ใหม่​ก็​เป็น​คน​เล่นชู้​และ​ทำ​ผิด​ต่อ​นาง 12 และ​ถ้า​ผู้​หญิง​หย่า​จาก​สามี​แล้ว​ไป​แต่งงาน​กับ​คน​อื่น นาง​ก็​มี​ชู้.”

13 มี​ผู้​คน​พา​เด็ก​เล็ก ๆ มา​ให้​พระองค์​จับ​ต้อง แต่​พวก​สาวก​ปราม​พวก​เขา​ไว้. 14 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​เห็น​เช่น​นั้น​ก็​ไม่​พอ​พระทัย​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ให้​เด็ก​เล็ก ๆ เข้า​มา​หา​เรา​เถิด อย่า​ห้าม​พวก​เขา​เลย เพราะ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เป็น​ของ​คน​อย่าง​นี้. 15 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า ผู้​ใด​ไม่​ยอม​รับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เหมือน​เด็ก​เล็ก ๆ คน​หนึ่ง ผู้​นั้น​จะ​ไม่​ได้​เข้า​ราชอาณาจักร​เลย.” 16 แล้ว​พระองค์​ทรง​โอบ​เด็ก ๆ ไว้ แล้ว​ทรง​วาง​พระ​หัตถ์​บน​พวก​เด็ก ๆ และ​อวย​พร​พวก​เขา.

17 ขณะ​ที่​พระองค์​ทรง​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป ชาย​คน​หนึ่ง​วิ่ง​เข้า​มา​คุกเข่า​ลง​เบื้อง​หน้า​พระองค์​และ​ทูล​ถาม​ว่า “ท่าน​อาจารย์​ผู้​ประเสริฐ ข้าพเจ้า​ต้อง​ทำ​อะไร​จึง​จะ​ได้​ชีวิต​นิรันดร์?” 18 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ทำไม​เจ้า​เรียก​เรา​ว่า​ผู้​ประเสริฐ? ไม่​มี​ใคร​เป็น​ผู้​ประเสริฐ​นอก​จาก​พระเจ้า​องค์​เดียว. 19 เจ้า​ก็​รู้​จัก​บัญญัติ​ที่​ว่า ‘อย่า​ฆ่า​คน อย่า​เล่นชู้ อย่า​ขโมย อย่า​เป็น​พยาน​เท็จ อย่า​โกง จง​นับถือ​บิดา​มารดา​ของ​เจ้า.’ ” 20 ชาย​คน​นั้น​ทูล​พระองค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์ ข้าพเจ้า​ปฏิบัติ​ตาม​ข้อ​เหล่า​นั้น​ทั้ง​หมด​ตั้ง​แต่​เด็ก​มา.” 21 พระ​เยซู​ทรง​มอง​ดู​เขา​และ​ทรง​รู้สึก​รัก จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “มี​อย่าง​หนึ่ง​ที่​เจ้า​ขาด​อยู่ จง​ไป​ขาย​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​เจ้า​มี​และ​เอา​เงิน​แจก​ให้​คน​จน​แล้ว​เจ้า​จะ​มี​ทรัพย์​สมบัติ​ใน​สวรรค์ แล้ว​จง​มา​เป็น​ผู้​ติด​ตาม​เรา​เถิด.” 22 แต่​เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​เช่น​นั้น​ก็​เศร้า​ใจ​และ​ออก​ไป​ด้วย​ความ​ทุกข์​ใจ​เพราะ​เขา​มี​ทรัพย์​สมบัติ​มาก.

23 เมื่อ​พระ​เยซู​ทอด​พระ​เนตร​ไป​รอบ ๆ แล้ว​จึง​ตรัส​กับ​เหล่า​สาวก​ว่า “คน​มี​เงิน​จะ​เข้า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ก็​ยาก​นัก!” 24 แต่​พวก​สาวก​ต่าง​ประหลาด​ใจ​ใน​คำ​ตรัส​ของ​พระองค์. พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​อีก​ว่า “ลูก​เอ๋ย ที่​จะ​เข้า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ก็​ยาก​นัก! 25 อูฐ​จะ​ลอด​รู​เข็ม​ก็​ง่าย​กว่า​คน​มั่งมี​จะ​เข้า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.” 26 พวก​เขา​ก็​ยิ่ง​ประหลาด​ใจ​และ​ทูล​พระองค์​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น ใคร​จะ​รอด​ได้?” 27 พระ​เยซู​ทรง​มอง​ดู​พวก​เขา​และ​ตรัส​ว่า “สำหรับ​มนุษย์ เรื่อง​นี้​เป็น​ไป​ไม่​ได้ แต่​ไม่​ใช่​สำหรับ​พระเจ้า เพราะ​พระเจ้า​ทรง​ทำ​ให้​ทุก​สิ่ง​เป็น​ไป​ได้.” 28 เปโตร​จึง​ทูล​พระองค์​ว่า “พวก​ข้าพเจ้า​ได้​สละ​ทุก​สิ่ง​และ​ติด​ตาม​พระองค์​เรื่อย​มา.” 29 พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า ไม่​มี​ใคร​ที่​ได้​สละ​บ้าน​หรือ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​หรือ​มารดา​หรือ​บิดา​หรือ​ลูก ๆ หรือ​ไร่​นา​เพื่อ​เห็น​แก่​เรา​และ​เพื่อ​เห็น​แก่​ข่าว​ดี 30 แล้ว​จะ​ไม่​ได้​คืน​ร้อย​เท่า​ใน​ช่วง​ชีวิต​นี้ คือ​บ้าน​เรือน​และ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​และ​มารดา​และ​ลูก ๆ และ​ไร่​นา พร้อม​กับ​การ​ข่มเหง แล้ว​ใน​ยุค*หน้า​จะ​ได้​ชีวิต​นิรันดร์. 31 แต่​หลาย​คน​ที่​เป็น​คน​แรก​จะ​เป็น​คน​สุด​ท้าย​และ​คน​สุด​ท้าย​จะ​ได้​เป็น​คน​แรก.”

32 ขณะ​เดิน​ทาง​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม พระ​เยซู​ทรง​ดำเนิน​อยู่​ข้าง​หน้า และ​พวก​สาวก​รู้สึก​ประหลาด​ใจ แต่​คน​อื่น ๆ ที่​ตาม​มา​รู้สึก​กลัว. อีก​ครั้ง​หนึ่ง​พระองค์​ทรง​พา​สาวก​สิบ​สอง​คน​แยก​ออก​ไป​และ​ทรง​บอก​พวก​เขา​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​จะ​ต้อง​เกิด​ขึ้น​กับ​พระองค์ โดย​ตรัส​ว่า 33 “พวก​เรา​จะ​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม และ​บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​อาลักษณ์ พวก​เขา​จะ​ตัดสิน​ลง​โทษ​ท่าน​ถึง​ตาย และ​จะ​ส่ง​ท่าน​ให้​ชน​ต่าง​ชาติ 34 คน​เหล่า​นั้น​จะ​เยาะเย้ย​ท่าน ถ่ม​น้ำลาย​ใส่​ท่าน เฆี่ยน​ตี​ท่าน และ​ฆ่า​ท่าน แต่​สาม​วัน​ให้​หลัง​ท่าน​จะ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.”

35 ยาโกโบ​กับ​โยฮัน​บุตร​สอง​คน​ของ​เซเบเดอุส​เดิน​เข้า​ไป​หา​พระองค์​และ​ทูล​ว่า “ท่าน​อาจารย์ พวก​ข้าพเจ้า​อยาก​ให้​พระองค์​ทำ​ตาม​ที่​พวก​ข้าพเจ้า​จะ​ขอ.” 36 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​อยาก​ให้​เรา​ทำ​อะไร​ให้​หรือ?” 37 พวก​เขา​ทูล​พระองค์​ว่า “เมื่อ​พระองค์​ดำรง​ฐานะ​อัน​รุ่ง​โรจน์​แล้ว ขอ​ทรง​โปรด​ให้​พวก​ข้าพเจ้า​ได้​นั่ง​ด้าน​ขวา​พระ​หัตถ์​ของ​พระองค์​คน​หนึ่ง​และ​ด้าน​ซ้าย​คน​หนึ่ง.” 38 แต่​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​กำลัง​ขอ​อะไร. พวก​เจ้า​จะ​ดื่ม​จาก​ถ้วย​ที่​เรา​ดื่ม​อยู่ หรือ​จะ​รับ​บัพติสมา​อย่าง​ที่​เรา​รับ​อยู่​ได้​หรือ?” 39 พวก​เขา​ทูล​พระองค์​ว่า “พวก​ข้าพเจ้า​ทำ​ได้.” พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ถ้วย​ที่​เรา​ดื่ม​อยู่​นั้น พวก​เจ้า​จะ​ได้​ดื่ม และ​บัพติสมา​ที่​เรา​รับ​อยู่​นั้น พวก​เจ้า​จะ​ได้​รับ. 40 แต่​ใคร​จะ​ได้​นั่ง​ด้าน​ขวา​หรือ​ด้าน​ซ้าย​ของ​เรา​นั้น เรา​ไม่​ใช่​ผู้​กำหนด แต่​ที่​นั่ง​เหล่า​นั้น​จะ​เป็น​ของ​ผู้​ที่​พระ​บิดา​ของ​เรา​เตรียม​ไว้​ให้.”

41 เมื่อ​สาวก​อีก​สิบ​คน​ได้​ยิน​เรื่อง​นั้น​ก็​ไม่​พอ​ใจ​ยาโกโบ​กับ​โยฮัน. 42 พระ​เยซู​จึง​ทรง​เรียก​พวก​เขา​มา​เฝ้า​และ​ตรัส​ว่า “พวก​เจ้า​รู้​ว่า​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ผู้​คน​ถือ​กัน​ว่า​เป็น​ผู้​ปกครอง​ชน​ต่าง​ชาติ​ต่าง​ทำ​ตัว​เป็น​นาย​เหนือ​พวก​เขา​และ​พวก​คน​ใหญ่​คน​โต​ก็​ใช้​อำนาจ​กดขี่. 43 แต่​พวก​เจ้า​ไม่​เป็น​เช่น​นั้น ผู้​ใด​ต้องการ​เป็น​ใหญ่​ใน​หมู่​พวก​เจ้า​ต้อง​เป็น​ผู้​รับใช้​พวก​เจ้า 44 และ​ผู้​ใด​ต้องการ​เป็น​เอก​เป็น​ใหญ่​ใน​หมู่​พวก​เจ้า​ต้อง​เป็น​ทาส​ของ​ทุก​คน. 45 เพราะ​แม้​แต่​บุตร​มนุษย์​ก็​ไม่​ได้​มา​ให้​คน​อื่น​รับใช้ แต่​มา​รับใช้​คน​อื่น และ​สละ​ชีวิต​เป็น​ค่า​ไถ่​เพื่อ​คน​เป็น​อัน​มาก.”

46 แล้ว​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ได้​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เยริโค. ตอน​ที่​พระองค์​กำลัง​ออก​จาก​เมือง​เยริโค​พร้อม​กับ​สาวก​และ​คน​จำนวน​มาก มี​ขอ​ทาน​ตา​บอด​คน​หนึ่ง​ชื่อ​บาร์ทิเมอุส (บุตร​ทิเมอุส) นั่ง​อยู่​ริม​ทาง. 47 เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​ว่า​เป็น​พระ​เยซู​ชาว​นาซาเรท​ก็​ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า “พระ​เยซู​บุตร​ดาวิด​เจ้าข้า โปรด​เมตตา​ข้าพเจ้า​เถิด!” 48 หลาย​คน​จึง​ดุ​เขา​ให้​เงียบ ๆ แต่​เขา​ยิ่ง​ร้อง​ดัง​ขึ้น​อีก​ว่า “บุตร​ดาวิด​เจ้าข้า โปรด​เมตตา​ข้าพเจ้า​เถิด!” 49 พระ​เยซู​จึง​ทรง​หยุด​เดิน​และ​ตรัส​ว่า “เรียก​เขา​มา​นี่​เถิด.” พวก​เขา​จึง​เรียก​ชาย​ตา​บอด​และ​บอก​เขา​ว่า “ลุก​ขึ้น​ไป​เถอะ ท่าน​เรียก​เจ้า​แล้ว.” 50 เขา​จึง​สลัด​ผ้า​คลุม​ออก​และ​รีบ​ลุก​ไป​หา​พระ​เยซู. 51 พระองค์​ทรง​ถาม​เขา​ว่า “เจ้า​อยาก​ให้​เรา​ทำ​อะไร​ให้?” ชาย​ตา​บอด​นั้น​ทูล​พระองค์​ว่า “อาจารย์*เจ้าข้า ขอ​ให้​ข้าพเจ้า​มอง​เห็น​เถิด.” 52 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ไป​เถิด ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ทำ​ให้​เจ้า​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว.” เขา​ก็​มอง​เห็น​ทันที​และ​ตาม​พระองค์​ไป.

11 เมื่อ​มา​ใกล้​กรุง​เยรูซาเลม และ​ใกล้​หมู่​บ้าน​เบทฟาเก​กับ​หมู่​บ้าน​เบทาเนีย​ซึ่ง​อยู่​ที่​ภูเขา​มะกอก พระ​เยซู​ทรง​ใช้​สาวก​สอง​คน​ไป 2 และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​ที่​เห็น​อยู่​ข้าง​หน้า​นี้ และ​ทันที​ที่​เข้า​ไป​พวก​เจ้า​จะ​พบ​ลูก​ลา​ถูก​ล่าม​ไว้ เป็น​ลา​ที่​ยัง​ไม่​เคย​มี​ใคร​นั่ง จง​แก้​เชือก​และ​จูง​มัน​มา. 3 แล้ว​ถ้า​มี​ใคร​พูด​ว่า ‘พวก​เจ้า​ทำ​อย่าง​นี้​ทำไม?’ จง​บอก​ว่า ‘องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ประสงค์​ลา​ตัว​นี้ แล้ว​จะ​ส่ง​กลับ​มา​ให้​ทันที.’ ” 4 สาวก​สอง​คน​นั้น​ก็​ไป​และ​พบ​ลูก​ลา​ถูก​ล่าม​ไว้​หน้า​ประตู​ริม​ถนน​จึง​แก้​เชือก​ล่าม​ลูก​ลา​นั้น. 5 แต่​บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​พูด​กับ​ทั้ง​สอง​ว่า “พวก​เจ้า​แก้​เชือก​ล่าม​ลูก​ลา​ทำไม?” 6 พวก​เขา​จึง​ตอบ​ตาม​ที่​พระ​เยซู​บอก คน​เหล่า​นั้น​จึง​ให้​พวก​เขา​เอา​ลูก​ลา​ไป.

7 ทั้ง​สอง​ได้​จูง​ลูก​ลา​นั้น​มา​ให้​พระ​เยซู แล้ว​เอา​เสื้อ​คลุม​ปู​บน​หลัง​ลา​ให้​พระองค์​นั่ง. 8 หลาย​คน​ก็​เอา​เสื้อ​คลุม​ของ​ตน​ปู​ตาม​ทาง แต่​คน​อื่น ๆ ตัด​กิ่ง​ไม้​จาก​ทุ่ง​มา. 9 คน​ที่​เดิน​อยู่​ข้าง​หน้า​และ​คน​ที่​เดิน​ตาม​หลัง​ต่าง​ก็​ร้อง​ว่า “ขอ​ทรง​พระ​เจริญ! ขอ​พระ​พร​จง​มี​แด่​พระองค์​ผู้​เสด็จ​มา​ใน​พระ​นาม​พระ​ยะโฮวา! 10 พระ​พร​จง​มี​แก่​ราชอาณาจักร​ที่​จะ​มา​ซึ่ง​เป็น​ของ​ดาวิด​บิดา​ของ​พวก​เรา! ข้า​แต่​พระ​ผู้​สถิต​ใน​ที่​สูง​เบื้อง​บน ขอ​ทรง​โปรด​ช่วย​ให้​พระองค์​ทรง​พระ​เจริญ​เถิด!” 11 พระองค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​กรุง​เยรูซาเลม​แล้ว​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร​และ​ทอด​พระ​เนตร​ทุก​สิ่ง​ที่​อยู่​รอบ ๆ และ​เมื่อ​เย็น​มาก​แล้ว พระองค์​จึง​เสด็จ​ออก​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​เบทาเนีย​พร้อม​กับ​สาวก​สิบ​สอง​คน.

12 ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​ออก​จาก​หมู่​บ้าน​เบทาเนีย​มา​แล้ว พระองค์​ทรง​รู้สึก​หิว. 13 และ​พระองค์​ทรง​เห็น​ต้น​มะเดื่อ​ที่​มี​ใบ​แล้ว​ต้น​หนึ่ง​อยู่​แต่​ไกล จึง​เสด็จ​เข้า​ไป​เพื่อ​จะ​ดู​ว่า​มี​ผล​หรือ​ไม่. แต่​พอ​ไป​ถึง​ก็​พบ​ว่า​มี​แต่​ใบ เพราะ​ตอน​นั้น​ไม่​ใช่​ฤดู​มะเดื่อ. 14 ดัง​นั้น พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​ต้น​มะเดื่อ​นั้น​ว่า “เจ้า​จะ​ไม่​เกิด​ผล​ให้​ผู้​ใด​ได้​กิน​อีก​ต่อ​ไป.” และ​พวก​สาวก​ของ​พระองค์​ก็​ฟัง​อยู่.

15 เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​สาวก​มา​ถึง​กรุง​เยรูซาเลม พระองค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร​แล้ว​ขับ​ไล่​คน​ที่​กำลัง​ซื้อ​ขาย​อยู่​ใน​พระ​วิหาร และ​คว่ำ​โต๊ะ​คน​รับ​แลก​เงิน​กับ​ม้า​นั่ง​ของ​คน​ขาย​นก​เขา 16 และ​พระองค์​ไม่​ทรง​ยอม​ให้​ใคร​นำ​สิ่ง​ของ​เครื่อง​ใช้​ผ่าน​พระ​วิหาร 17 พระองค์​ทรง​สอน​ด้วย​ว่า “มี​คำ​เขียน​ไว้​มิ​ใช่​หรือ​ว่า ‘นิเวศ​ของ​เรา​จะ​ถูก​เรียก​ว่า​นิเวศ​สำหรับ​การ​อธิษฐาน​ของ​ชน​ทุก​ชาติ’? แต่​พวก​เจ้า​มา​ทำ​ให้​เป็น​ถ้ำ​โจร.” 18 พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​อาลักษณ์​ได้​ยิน​ที่​พระองค์​ตรัส​จึง​หา​ทาง​ฆ่า​พระองค์​เพราะ​พวก​เขา​กลัว​พระองค์ ด้วย​ว่า​คน​ทั้ง​ปวง​ยัง​อัศจรรย์​ใจ​ใน​คำ​สอน​ของ​พระองค์​อยู่.

19 พอ​ค่ำ​ลง​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ก็​ออก​ไป​นอก​เมือง​เช่น​เคย. 20 และ​เมื่อ​ผ่าน​มา​ใน​ตอน​เช้า​ตรู่​ก็​เห็น​ต้น​มะเดื่อ​นั้น​เหี่ยว​แห้ง​จน​ถึง​ราก. 21 เปโตร​จำ​ได้​จึง​ทูล​พระ​เยซู​ว่า “อาจารย์* ดู​สิ! ต้น​มะเดื่อ​ที่​ทรง​สาป​นั้น​เหี่ยว​แห้ง​ไป​แล้ว.” 22 พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “จง​มี​ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า. 23 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า ผู้​ใด​ที่​บอก​ภูเขา​นี้​ว่า ‘จง​ลอย​ไป​หล่น​ลง​ใน​ทะเล​เถิด’ และ​ไม่​มี​ใจ​สงสัย แต่​มี​ความ​เชื่อ​ว่า​สิ่ง​ที่​ตน​พูด​จะ​เกิด​ขึ้น มัน​ก็​จะ​เป็น​ไป​ตาม​นั้น. 24 เพราะ​เหตุ​นี้​เรา​จึง​บอก​พวก​เจ้า​ว่า ทุก​สิ่ง​ที่​พวก​เจ้า​อธิษฐาน​ขอ จง​มี​ความ​เชื่อ​ว่า​จะ​ได้​รับ แล้ว​พวก​เจ้า​จะ​ได้​รับ​เป็น​แน่. 25 และ​เมื่อ​พวก​เจ้า​ยืน​อธิษฐาน​อยู่ ไม่​ว่า​เจ้า​จะ​มี​เรื่อง​ขุ่นเคือง​ผู้​ใด จง​ให้​อภัย​เขา เพื่อ​ว่า​พระ​บิดา​ของ​พวก​เจ้า​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​จะ​ทรง​ให้​อภัย​การ​ล่วง​ละเมิด​ของ​พวก​เจ้า​ด้วย.” 26 * ——

27 พระ​เยซู​กับ​สาวก​มา​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม​อีก. ขณะ​ที่​พระองค์​ทรง​ดำเนิน​อยู่​ใน​พระ​วิหาร พวก​ปุโรหิต​ใหญ่ พวก​อาลักษณ์ และ​พวก​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่​ก็​เข้า​มา​หา 28 และ​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “เจ้า​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ด้วย​อำนาจ​อะไร? หรือ​ใคร​ให้​อำนาจ​เจ้า​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นั้น?” 29 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “เรา​จะ​ถาม​พวก​เจ้า​ข้อ​หนึ่ง. จง​ตอบ​เรา​แล้ว​เรา​จะ​บอก​พวก​เจ้า​ว่า​เรา​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ด้วย​อำนาจ​อะไร. 30 บัพติสมา*โดย​โยฮัน​นั้น​มา​จาก​สวรรค์​หรือ​มา​จาก​มนุษย์? ตอบ​เรา​เถิด.” 31 ดัง​นั้น พวก​เขา​จึง​ปรึกษา​กัน​ว่า “ถ้า​พวก​เรา​บอก​ว่า ‘มา​จาก​สวรรค์’ เขา​ก็​จะ​ว่า ‘ถ้า​อย่าง​นั้น ทำไม​พวก​เจ้า​จึง​ไม่​เชื่อ​โยฮัน​เล่า?’ 32 แต่​พวก​เรา​จะ​กล้า​บอก​หรือ​ว่า ‘มา​จาก​มนุษย์’?” ที่​พวก​เขา​พูด​อย่าง​นั้น​เนื่อง​จาก​กลัว​ประชาชน เพราะ​คน​ทั้ง​ปวง​ถือ​ว่า​โยฮัน​เป็น​ผู้​พยากรณ์​จริง ๆ. 33 พวก​เขา​จึง​ตอบ​พระ​เยซู​ว่า “พวก​เรา​ไม่​รู้.” พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ว่า “เรา​ก็​จะ​ไม่​บอก​พวก​เจ้า​เช่น​กัน​ว่า​เรา​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ด้วย​อำนาจ​อะไร.”

12 แล้ว​พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​เป็น​อุปมา​โวหาร​ว่า “ชาย​คน​หนึ่ง​ทำ​สวน​องุ่น เขา​ล้อม​รั้ว​และ​ขุด​บ่อ​ย่ำ​องุ่น​อีก​ทั้ง​สร้าง​หอคอย​ไว้ และ​ให้​ชาว​สวน​เช่า​แล้ว​เดิน​ทาง​ไป​ต่าง​แดน. 2 เมื่อ​ถึง​ฤดู​เก็บ​ผล เขา​ก็​ส่ง​ทาส​คน​หนึ่ง​ไป​หา​ผู้​เช่า​สวน​เพื่อ​จะ​รับ​ผล​องุ่น​ใน​สวน​นั้น​จาก​พวก​เขา​บ้าง. 3 แต่​ผู้​เช่า​สวน​จับ​ทาส​คน​นั้น​เฆี่ยน​ตี​แล้ว​ไล่​กลับ​ไป​มือ​เปล่า. 4 เขา​จึง​ส่ง​ทาส​อีก​คน​ไป​หา​ผู้​เช่า​สวน​เหล่า​นั้น​อีก ผู้​เช่า​สวน​ก็​ตี​หัว​ทาส​คน​นี้​และ​ทำ​ให้​เขา​อับอาย. 5 แล้ว​เมื่อ​เขา​ส่ง​ทาส​ไป​อีก​คน​หนึ่ง พวก​เขา​ก็​ฆ่า​เสีย และ​ทาส​อีก​หลาย​คน​ที่​เขา​ส่ง​ไป บ้าง​ก็​ถูก​ตี บ้าง​ก็​ถูก​ฆ่า. 6 เขา​ยัง​เหลือ​คน​อีก​คน​หนึ่ง คือ​บุตร​ชาย​ที่​รัก. เขา​ส่ง​บุตร​ไป​หา​พวก​นั้น​เป็น​คน​สุด​ท้าย​และ​พูด​ว่า ‘พวก​เขา​คง​จะ​นับถือ​บุตร​ของ​เรา.’ 7 แต่​ผู้​เช่า​สวน​เหล่า​นั้น​พูด​กัน​ว่า ‘คน​นี้​เป็น​ผู้​รับ​มรดก. ฆ่า​เขา​เสีย มรดก​จะ​ได้​เป็น​ของ​เรา.’ 8 พวก​เขา​จึง​จับ​บุตร​เจ้าของ​สวน​ฆ่า​เสีย​แล้ว​โยน​ออก​ไป​นอก​สวน​องุ่น. 9 เจ้าของ​สวน​องุ่น​จะ​ทำ​อย่าง​ไร? เขา​ก็​จะ​มา​ฆ่า​ผู้​เช่า​สวน​เสีย แล้ว​เอา​สวน​องุ่น​นั้น​ให้​คน​อื่น​เช่า. 10 เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไม่​เคย​อ่าน​ข้อ​ความ​นี้​ใน​พระ​คัมภีร์​หรือ​ว่า ‘หิน​ที่​ช่าง​ก่อ​สร้าง​ปฏิเสธ​นั้น​ได้​กลาย​เป็น​หิน​หัว​มุม​หลัก. 11 เรื่อง​นี้​เป็น​มา​แต่​พระ​ยะโฮวา​และ​เป็น​สิ่ง​อัศจรรย์​ใน​สายตา​พวก​เรา’?”

12 เมื่อ​ได้​ยิน​เช่น​นั้น พวก​เขา​จึง​หา​ทาง​จะ​จับ​พระองค์​เพราะ​รู้​ว่า​อุปมา​โวหาร​ที่​พระองค์​ตรัส​นั้น​หมาย​ถึง​พวก​เขา. แต่​เพราะ​กลัว​ฝูง​ชน พวก​เขา​จึง​ละ​พระองค์​ไป.

13 ต่อ​มา พวก​เขา​ส่ง​พวก​ฟาริซาย​บาง​คน​กับ​คน​ที่​สนับสนุน​เฮโรด​บาง​คน​ไป​หา​พระ​เยซู​เพื่อ​จะ​จับ​ผิด​คำ​พูด​ของ​พระองค์. 14 เมื่อ​คน​เหล่า​นี้​มา​ถึง​ก็​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์ พวก​เรา​รู้​ว่า​ท่าน​พูด​แต่​ความ​จริง​และ​ไม่​เห็น​แก่​ใคร​เพราะ​ท่าน​ไม่​มอง​คน​ที่​ภาย​นอก แต่​สอน​ทาง​ของ​พระเจ้า​ตาม​ความ​จริง ฉะนั้น จะ​เสีย​ภาษี​แก่​ซีซาร์*ได้​หรือ​ไม่? 15 เรา​ควร​เสีย​หรือ​ไม่​ควร​เสีย?” พระองค์​ทรง​มอง​เห็น​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ของ​พวก​เขา​จึง​ตรัส​ว่า “พวก​เจ้า​หา​ทาง​จับ​ผิด​เรา​ทำไม? จง​เอา​เหรียญ​เดนาริอน*มา​ให้​เรา​เหรียญ​หนึ่ง.” 16 พวก​เขา​ก็​เอา​ให้​พระองค์. แล้ว​พระองค์​ตรัส​ถาม​พวก​เขา​ว่า “รูป​และ​ชื่อ​ที่​จารึก​ไว้​นี้​เป็น​ของ​ใคร?” พวก​เขา​บอก​ว่า “ของ​ซีซาร์.” 17 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ว่า “ของ​ของ​ซีซาร์​จง​คืน​ให้​ซีซาร์ แต่​ของ​ของ​พระเจ้า​จง​คืน​ให้​พระเจ้า.” พวก​เขา​ก็​อัศจรรย์​ใจ​ใน​พระองค์.

18 แล้ว​พวก​ซาดูกาย*ซึ่ง​บอก​ว่า​ไม่​มี​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ก็​มา​ถาม​พระองค์​ว่า 19 “ท่าน​อาจารย์ โมเซ​ได้​เขียน​บอก​พวก​เรา​ว่า​ถ้า​ผู้​ใด​ตาย​และ​ทิ้ง​ภรรยา​ไว้​แต่​ไม่​มี​บุตร พี่​ชาย​หรือ​น้อง​ชาย​ของ​เขา​ควร​รับ​ภรรยา​ของ​เขา​เป็น​ภรรยา​ตน​และ​มี​บุตร​กับ​นาง​เพื่อ​สืบ​ตระกูล​ให้​เขา. 20 แล้ว​ถ้า​มี​พี่​น้อง​อยู่​เจ็ด​คน คน​โต​มี​ภรรยา แต่​ตอน​ที่​เขา​ตาย เขา​ยัง​ไม่​มี​บุตร. 21 คน​ที่​สอง​จึง​รับ​นาง​เป็น​ภรรยา แต่​ก็​ตาย​ไป​โดย​ไม่​มี​บุตร คน​ที่​สาม​ก็​เหมือน​กัน 22 และ​ทั้ง​เจ็ด​คน​ต่าง​ตาย​ไป​โดย​ไม่​มี​บุตร. สุด​ท้าย หญิง​คน​นั้น​ก็​ตาย​ด้วย. 23 เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​คน​ตาย​กลับ​เป็น​ขึ้น​มา นาง​จะ​เป็น​ภรรยา​ของ​คน​ไหน? เพราะ​ทั้ง​เจ็ด​คน​ต่าง​ได้​นาง​เป็น​ภรรยา.” 24 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​เข้าใจ​ผิด​แล้ว เพราะ​พวก​เจ้า​ไม่​รู้​จัก​ทั้ง​พระ​คัมภีร์​และ​ฤทธิ์​ของ​พระเจ้า. 25 ด้วย​ว่า​เมื่อ​มนุษย์​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย พวก​เขา​จะ​ไม่​แต่งงาน​เป็น​สามี​ภรรยา​กัน แต่​ต่าง​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​ทูตสวรรค์. 26 ส่วน​ใน​เรื่อง​ที่​คน​ตาย​จะ​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น พวก​เจ้า​ไม่​ได้​อ่าน​เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​พุ่ม​หนาม​ใน​หนังสือ​ของ​โมเซ​หรือ ที่​พระเจ้า​ตรัส​กับ​ท่าน​ว่า ‘เรา​เป็น​พระเจ้า​ของ​อับราฮาม พระเจ้า​ของ​ยิศฮาค และ​พระเจ้า​ของ​ยาโคบ’? 27 พระองค์​มิ​ได้​เป็น​พระเจ้า​ของ​คน​ตาย แต่​เป็น​พระเจ้า​ของ​คน​เป็น. พวก​เจ้า​เข้าใจ​ผิด​ไป​มาก.”

28 มี​อาลักษณ์​คน​หนึ่ง​มา​ได้​ยิน​การ​ถกเถียง​นั้น เมื่อ​เห็น​ว่า​พระองค์​ตอบ​พวก​เขา​ได้​ดี​จึง​ถาม​พระองค์​ว่า “บัญญัติ​ข้อ​ใด​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​บัญญัติ​ทั้ง​ปวง?” 29 พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “บัญญัติ​ข้อ​สำคัญ​ที่​สุด​คือ ‘ชน​อิสราเอล​เอ๋ย จง​ฟัง​เถิด พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​พวก​เรา​เป็น​พระ​ยะโฮวา​แต่​องค์​เดียว. 30 จง​รัก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​เจ้า​ด้วย​สุด​หัวใจ​ของ​เจ้า ด้วย​สุด​ชีวิต​ของ​เจ้า ด้วย​สุด​ความ​คิด​ของ​เจ้า และ​ด้วย​สุด​กำลัง​ของ​เจ้า.’ 31 บัญญัติ​ข้อ​ที่​สอง คือ ‘จง​รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตน​เอง.’ ไม่​มี​บัญญัติ​ข้อ​ใด​สำคัญ​กว่า​สอง​ข้อ​นี้.” 32 อาลักษณ์​คน​นั้น​ทูล​พระองค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์ ที่​ท่าน​พูด​ว่า ‘พระองค์​มี​แต่​ผู้​เดียว และ​ไม่​มี​ผู้​อื่น​นอก​จาก​พระองค์’ นั้น​เป็น​ความ​จริง 33 และ​การ​รัก​พระองค์​ด้วย​สุด​หัวใจ ด้วย​สุด​ความ​คิด และ​ด้วย​สุด​กำลัง และ​การ​รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตน​เอง​นั้น​ก็​มี​ค่า​กว่า​เครื่อง​บูชา​เผา​และ​เครื่อง​บูชา​ทั้ง​หลาย​มาก​นัก.” 34 พระ​เยซู​ทรง​เห็น​ว่า​เขา​ตอบ​ด้วย​ความ​เข้าใจ​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​อยู่​ไม่​ไกล​จาก​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า” จึง​ไม่​มี​ผู้​ใด​กล้า​ถาม​พระองค์​อีก.

35 อย่าง​ไร​ก็​ตาม ขณะ​ที่​พระ​เยซู​ทรง​สอน​อยู่​ใน​พระ​วิหาร พระองค์​ตรัส​ถึง​เรื่อง​นั้น​ต่อ​ไป​ว่า “เหตุ​ใด​พวก​อาลักษณ์​จึง​พูด​ว่า​พระ​คริสต์​เป็น​บุตร​ของ​ดาวิด? 36 ใน​เมื่อ​ดาวิด​เอง​ได้​กล่าว​โดย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ว่า ‘พระ​ยะโฮวา​ตรัส​กับ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​ว่า “จง​นั่ง​ด้าน​ขวา​มือ​ของ​เรา​จน​กว่า​เรา​จะ​ทำ​ให้​เหล่า​ศัตรู​ของ​เจ้า​อยู่​ใต้​เท้า​เจ้า.”’ 37 ดาวิด​เอง​เรียก​ท่าน​ว่า ‘องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า’ แล้ว​ท่าน​จะ​เป็น​บุตร​ของ​ดาวิด​ได้​อย่าง​ไร?”

ฝูง​ชน​จำนวน​มาก​ที่​ฟัง​พระองค์​อยู่​ก็​รู้สึก​ชอบ​ใจ. 38 และ​ขณะ​ที่​สอน​นั้น​พระองค์​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “จง​ระวัง​พวก​อาลักษณ์​ที่​ชอบ​สวม​เสื้อ​คลุม​ยาว​เดิน​ไป​มา ชอบ​ให้​คน​คำนับ​ใน​ตลาด 39 ชอบ​นั่ง​ที่​เด่น ๆ ใน​ธรรมศาลา และ​ชอบ​นั่ง​ใน​ที่​อัน​ทรง​เกียรติ​ใน​งาน​เลี้ยง. 40 พวก​เขา​โกง​เอา​เรือน​ของ​หญิง​ม่าย​และ​แสร้ง​อธิษฐาน​เสีย​ยืด​ยาว คน​เหล่า​นี้​จะ​ได้​รับ​โทษ​หนัก​กว่า.”

41 แล้ว​พระองค์​ทรง​นั่ง​ลง​ใน​ที่​ซึ่ง​มอง​เห็น​ที่​ใส่​เงิน​ถวาย​และ​ทรง​สังเกต​ดู​ผู้​คน​ที่​กำลัง​ใส่​เงิน​ลง​ใน​ที่​ใส่​เงิน​ถวาย คน​มั่งมี​หลาย​คน​ใส่​เงิน​เหรียญ​ลง​ไป​เป็น​จำนวน​มาก. 42 แล้ว​มี​หญิง​ม่าย​ยาก​จน​คน​หนึ่ง​มา​ใส่​เงิน​เหรียญ​เล็ก ๆ สอง​เหรียญ*ลง​ไป​ซึ่ง​มี​ค่า​น้อย​มาก. 43 พระองค์​จึง​ทรง​เรียก​พวก​สาวก​มา​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า หญิง​ม่าย​ยาก​จน​คน​นี้​ได้​ใส่​เงิน​ลง​ไป​ใน​ที่​ใส่​เงิน​ถวาย​มาก​กว่า​ทุก​คน 44 เพราะ​คน​ทั้ง​ปวง​เอา​เงิน​เหลือ​ใช้​ของ​ตน​ใส่​ลง​ไป แต่​หญิง​คน​นี้​แม้​จะ​ขัดสน​ก็​เอา​เงิน​ทั้ง​หมด​ที่​นาง​มี​สำหรับ​เลี้ยง​ชีวิต​ใส่​ลง​ไป.”

13 ขณะ​ที่​พระองค์​เสด็จ​ออก​จาก​พระ​วิหาร สาวก​คน​หนึ่ง​ทูล​พระองค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์ ทอด​พระ​เนตร​ศิลา​และ​อาคาร​เหล่า​นี้​สิ!” 2 แต่​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​เห็น​อาคาร​ใหญ่​โต​งดงาม​เหล่า​นี้​ไหม? จะ​ไม่​มี​ศิลา​ที่​ซ้อน​ทับ​กัน​เหลือ​อยู่​ที่​นี่​เลย มัน​จะ​ถูก​ทลาย​ลง​หมด.”

3 และ​เมื่อ​พระองค์​ทรง​นั่ง​อยู่​บน​ภูเขา​มะกอก​ซึ่ง​มอง​เห็น​พระ​วิหาร​ได้ เปโตร ยาโกโบ โยฮัน และ​อันเดรอัส​ได้​ทูล​ถาม​พระองค์​เป็น​การ​ส่วน​ตัว​ว่า 4 “ขอ​ทรง​บอก​พวก​ข้าพเจ้า​เถิด​ว่า สิ่ง​เหล่า​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ไร และ​อะไร​จะ​เป็น​สัญญาณ​บอก​ว่า​เป็น​ช่วง​สุด​ท้าย​แล้ว​ที่​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​นี้​จะ​ต้อง​ถึง​กาล​อวสาน?” 5 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​ระวัง อย่า​ให้​ใคร​ชัก​นำ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ให้​หลง. 6 หลาย​คน​จะ​มา​อ้าง​นาม​ของ​เรา​และ​บอก​ว่า ‘เรา​คือ​ผู้​นั้น’ และ​จะ​ชัก​นำ​คน​จำนวน​มาก​ให้​หลง​ไป. 7 นอก​จาก​นั้น เมื่อ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​เสียง​การ​สู้​รบ​และ​ข่าว​สงคราม อย่า​ตกใจ​กลัว สิ่ง​เหล่า​นี้​จะ​ต้อง​เกิด​ขึ้น แต่​ยัง​ไม่​ถึง​อวสาน.

8 “ด้วย​ว่า​ชาติ​จะ​ต่อ​สู้​ชาติ​และ​อาณาจักร​ต่อ​สู้​อาณาจักร จะ​เกิด​แผ่นดิน​ไหว​แห่ง​แล้ว​แห่ง​เล่า​และ​จะ​เกิด​การ​ขาด​แคลน​อาหาร. สิ่ง​เหล่า​นี้​เป็น​การ​เริ่ม​ต้น​ของ​ความ​ทุกข์​ปวด​ร้าว​เหมือน​ตอน​เจ็บ​ท้อง​คลอด.

9 “ส่วน​พวก​เจ้า​จง​ระวัง​ให้​ดี จะ​มี​คน​ส่ง​พวก​เจ้า​ไป​ขึ้น​ศาล และ​พวก​เจ้า​จะ​ถูก​เฆี่ยน​ใน​ธรรมศาลา​และ​จะ​ต้อง​ยืน​ต่อ​หน้า​เจ้าเมือง​และ​กษัตริย์​เพื่อ​เห็น​แก่​เรา​และ​เพื่อ​ประกาศ​ให้​พวก​เขา​รู้​ความ​จริง. 10 และ​จะ​ต้อง​มี​การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​แก่​ทุก​ชาติ​ก่อน. 11 แต่​เมื่อ​พวก​เขา​พา​พวก​เจ้า​ไป​ขึ้น​ศาล อย่า​คิด​กังวล​ไป​ก่อน​ว่า​จะ​พูด​อะไร แต่​จง​พูด​ตาม​ที่​ทรง​โปรด​ให้​พวก​เจ้า​พูด​ใน​เวลา​นั้น ด้วย​ว่า​พวก​เจ้า​ไม่​ได้​พูด​เอง แต่​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ต่าง​หาก​ที่​พูด. 12 นอก​จาก​นั้น พี่​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​น้อง​ถึง​ตาย น้อง​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​พี่​ถึง​ตาย พ่อ​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​ลูก​ถึง​ตาย และ​ลูก​จะ​ต่อ​สู้​พ่อ​แม่​และ​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​พ่อ​แม่​ถึง​ตาย 13 และ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จะ​ตก​เป็น​เป้า​แห่ง​ความ​เกลียด​ชัง​จาก​คน​ทั้ง​ปวง​เพราะ​นาม​ของ​เรา. แต่​ผู้​ที่​เพียร​อด​ทน​จน​ถึง​ที่​สุด​จะ​ได้​รับ​การ​ช่วย​ให้​รอด.

14 “อย่าง​ไร​ก็​ดี เมื่อ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เห็น​สิ่ง​น่า​สะอิดสะเอียน​ซึ่ง​ทำ​ให้​เกิด​ความ​ร้าง​เปล่า​ตั้ง​อยู่​ใน​ที่​ที่​ไม่​ควร​อยู่ (ให้​ผู้​อ่าน​สังเกต​ให้​เข้าใจ) เวลา​นั้น​ให้​คน​ที่​อยู่​ใน​แคว้น​ยูเดีย​เริ่ม​หนี​ไป​ยัง​ภูเขา. 15 คน​ที่​อยู่​บน​ดาดฟ้า​อย่า​ลง​มา​และ​อย่า​เข้า​ไป​เอา​อะไร​ใน​บ้าน 16 คน​ที่​อยู่​ใน​ไร่​นา​อย่า​กลับ​ไป​เอา​เสื้อ​คลุม​ของ​ตน. 17 วิบัติ​แก่​หญิง​มี​ครรภ์​และ​หญิง​ที่​มี​ลูก​อ่อน​ใน​เวลา​นั้น! 18 จง​เฝ้า​อธิษฐาน​เสมอ​เพื่อ​สิ่ง​นี้​จะ​ไม่​เกิด​ขึ้น​ใน​ช่วง​ฤดู​หนาว 19 เพราะ​เวลา​นั้น​จะ​เป็น​เวลา​แห่ง​ความ​ทุกข์​ลำบาก​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​เกิด​ขึ้น​เลย​นับ​ตั้ง​แต่​พระเจ้า​เริ่ม​สร้าง​โลก​จน​ถึง​เวลา​นั้น และ​จะ​ไม่​เกิด​ขึ้น​อีก​เลย. 20 ที่​จริง ถ้า​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ทรง​ทำ​ให้​ช่วง​เวลา​นั้น​สั้น​ลง จะ​ไม่​มี​ใคร*รอด​เลย. แต่​เพราะ​ทรง​เห็น​แก่​เหล่า​ผู้​ถูก​เลือก พระองค์​จึง​ทรง​ทำ​ให้​ช่วง​เวลา​นั้น​สั้น​ลง.

21 “และ​ถ้า​มี​ผู้​ใด​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ว่า ‘ดู​เถิด! พระ​คริสต์​อยู่​นี่’ ‘ดู​สิ! พระองค์​อยู่​นั่น’ อย่า​เชื่อ​เลย. 22 เพราะ​พระ​คริสต์​ปลอม​และ​ผู้​พยากรณ์​เท็จ​จะ​ปรากฏ​ตัว​ขึ้น แล้ว​จะ​ให้​ข้อ​พิสูจน์​และ​ทำ​การ​อัศจรรย์​เพื่อ​ชัก​นำ​แม้​กระทั่ง​ผู้​ถูก​เลือก​ให้​หลง ถ้า​เป็น​ได้. 23 ดัง​นั้น พวก​เจ้า​จง​ระวัง​ระไว เรา​บอก​พวก​เจ้า​ไว้​ก่อน​แล้ว​ทุก​สิ่ง.

24 “แต่​ใน​เวลา​นั้น หลัง​จาก​ความ​ทุกข์​ลำบาก​นั้น​แล้ว ดวง​อาทิตย์​จะ​มืด​ไป ดวง​จันทร์​จะ​ไม่​ส่อง​แสง 25 ดวง​ดาว​จะ​ตก​จาก​ฟ้า และ​สิ่ง​ที่​มี​อำนาจ​ใน​ฟ้า​สวรรค์​จะ​สั่น​สะเทือน. 26 แล้ว​พวก​เขา​จะ​เห็น​บุตร​มนุษย์​มา​ใน​เมฆ​ด้วย​อำนาจ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​และ​ฐานะ​ที่​มี​เกียรติ​อัน​รุ่ง​โรจน์. 27 และ​ท่าน​จะ​ส่ง​เหล่า​ทูตสวรรค์​ออก​ไป​รวบ​รวม​เหล่า​ผู้​ถูก​เลือก​ของ​ท่าน​จาก​ทั้ง​สี่​ทิศ จาก​สุด​แผ่นดิน​โลก​จน​ถึง​สุด​ฟ้า​สวรรค์.

28 “จง​ดู​ต้น​มะเดื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง เมื่อ​กิ่ง​อ่อน​ของ​มัน​ผลิ​ใบ เจ้า​ทั้ง​หลาย​ก็​รู้​ว่า​ใกล้​จะ​ถึง​ฤดู​ร้อน​แล้ว. 29 ทำนอง​เดียว​กัน เมื่อ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เห็น​สิ่ง​เหล่า​นี้​เกิด​ขึ้น จง​รู้​ว่า​บุตร​มนุษย์​มา​ใกล้​แล้ว ท่าน​อยู่​ที่​ประตู. 30 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า คน​ใน​ยุค​นี้​จะ​ไม่​ล่วง​ลับ​ไป​จน​กว่า​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น. 31 ฟ้า​สวรรค์​และ​แผ่นดิน​โลก​จะ​สูญ​ไป แต่​ถ้อย​คำ​ของ​เรา​จะ​ไม่​สูญ​ไป.

32 “วัน​เวลา​นั้น​ไม่​มี​ใคร​รู้ แม้​ทูตสวรรค์​หรือ​พระ​บุตร​ก็​ไม่​รู้ พระ​บิดา​เท่า​นั้น​ที่​ทรง​รู้. 33 จง​คอย​ดู​และ​ตื่น​ตัว​เสมอ เพราะ​พวก​เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​เวลา​ที่​กำหนด​ไว้​คือ​เมื่อ​ไร 34 เหมือน​ชาย​คน​หนึ่ง​เดิน​ทาง​ไป​ต่าง​แดน​และ​ฝาก​บ้าน​ให้​พวก​ทาส​ดูแล​โดย​มอบหมาย​งาน​ให้​แต่​ละ​คน และ​สั่ง​คน​เฝ้า​ประตู​ให้​เฝ้า​ระวัง​อยู่​เสมอ. 35 ฉะนั้น จง​เฝ้า​ระวัง​อยู่​เสมอ เพราะ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไม่​รู้​ว่า​เจ้าของ​บ้าน​จะ​มา​เมื่อ​ไร จะ​มา​ตอน​ค่ำ หรือ​ตอน​เที่ยง​คืน หรือ​ตอน​ไก่​ขัน หรือ​ตอน​เช้า​ตรู่ 36 เพื่อ​ว่า​ถ้า​ท่าน​มา​ถึง​อย่าง​กะทันหัน ท่าน​จะ​ไม่​พบ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​หลับ​อยู่. 37 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เหมือน​ที่​บอก​ทุก​คน คือ จง​เฝ้า​ระวัง​อยู่​เสมอ.”

14 อีก​สอง​วัน​จะ​ถึง​วัน​ปัศคา​และ​เทศกาล​ขนมปัง​ไม่​ใส่​เชื้อ. พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​อาลักษณ์​กำลัง​หา​อุบาย​จับ​พระ​เยซู​ฆ่า​เสีย 2 แต่​พวก​เขา​พูด​กัน​ว่า “อย่า​ทำ​ใน​ช่วง​เทศกาล เกรง​ว่า​จะ​เกิด​ความ​วุ่นวาย​ใน​หมู่​ประชาชน.”

3 เมื่อ​พระองค์​ทรง​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​เบทาเนีย​ใน​บ้าน​ของ​ซีโมน​คน​โรค​เรื้อน ขณะ​ที่​พระองค์​ทรง​นั่ง​เอน​กาย​รับประทาน​อาหาร​อยู่ หญิง​คน​หนึ่ง​ถือ​ขวด*ใส่​น้ำมัน​หอม​นาร์ด*บริสุทธิ์​ราคา​แพง​มาก​เข้า​มา. นาง​เปิด​ขวด​แล้ว​เท​น้ำมัน​ลง​บน​พระ​เศียร​ของ​พระองค์. 4 เมื่อ​เห็น​เช่น​นั้น​มี​บาง​คน​พูด​กัน​อย่าง​ไม่​พอ​ใจ​ว่า “ทำไม​ทำ​ให้​น้ำมัน​หอม​เสีย​เปล่า​อย่าง​นี้? 5 เพราะ​น้ำมัน​หอม​ขวด​นี้​ถ้า​ขาย​ก็​คง​ได้​เงิน​มาก​กว่า​สาม​ร้อย​เดนาริอน*แล้ว​เอา​แจก​ให้​คน​จน​ได้!” พวก​เขา​จึง​รู้สึก​ไม่​พอ​ใจ​นาง​มาก. 6 แต่​พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ปล่อย​ให้​นาง​ทำ​เถิด. พวก​เจ้า​ทำ​ให้​นาง​ไม่​สบาย​ใจ​ทำไม? นาง​ได้​ทำ​ดี​ต่อ​เรา. 7 เพราะ​คน​จน​จะ​อยู่​กับ​พวก​เจ้า​เสมอ และ​เมื่อ​ใด​ที่​พวก​เจ้า​อยาก​ทำ​ดี​ต่อ​พวก​เขา​ก็​ทำ​ได้​ทุก​เมื่อ แต่​เรา​ไม่​อยู่​กับ​พวก​เจ้า​เสมอ​ไป. 8 นาง​ทำ​สิ่ง​ที่​นาง​ทำ​ได้ นาง​เท​น้ำมัน​หอม​ชโลม​กาย​เรา​เพื่อ​เตรียม​การ​ฝัง​ศพ​เรา. 9 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า ไม่​ว่า​จะ​มี​การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​ที่​ไหน​ใน​โลก ก็​จะ​มี​การ​กล่าวขวัญ​ถึง​สิ่ง​ที่​หญิง​ผู้​นี้​ได้​ทำ​เพื่อ​เป็น​การ​ระลึก​ถึง​นาง.”

10 แล้ว​ยูดา​อิสการิโอต​ซึ่ง​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​สาวก​สิบ​สอง​คน​จึง​ได้​ไป​หา​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​เพื่อ​จะ​มอบ​พระองค์​แก่​พวก​เขา. 11 เมื่อ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ได้​ยิน​เช่น​นั้น​ก็​ดีใจ​และ​สัญญา​จะ​ให้​เงิน​เขา. ดัง​นั้น ยูดา​จึง​เริ่ม​หา​ทาง​มอบ​พระองค์​แก่​พวก​เขา.

12 ใน​วัน​แรก​ของ​เทศกาล​ขนมปัง​ไม่​ใส่​เชื้อ​ซึ่ง​พวก​เขา​ถวาย​สัตว์​สำหรับ​ปัศคา​ตาม​ธรรมเนียม พวก​สาวก​ทูล​พระองค์​ว่า “พระองค์​ทรง​ประสงค์​จะ​ให้​พวก​ข้าพเจ้า​ไป​เตรียม​อาหาร​สำหรับ​ปัศคา​ให้​พระองค์​เสวย​ที่​ไหน?” 13 พระองค์​จึง​ทรง​ใช้​สาวก​สอง​คน​ไป​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​เข้า​ไป​ใน​เมือง จะ​มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​แบก​หม้อ​ดิน​ใส่​น้ำ​มา​พบ​พวก​เจ้า. จง​ตาม​เขา​ไป 14 และ​เขา​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ใด จง​บอก​กับ​เจ้าของ​บ้าน​นั้น​ว่า ‘ท่าน​อาจารย์​ถาม​ว่า “ห้อง​รับ​แขก​ที่​เรา​จะ​กิน​อาหาร​สำหรับ​ปัศคา​กับ​สาวก​ของ​เรา​อยู่​ที่​ไหน?”’ 15 และ​เขา​จะ​ให้​เจ้า​ดู​ห้อง​ใหญ่​ชั้น​บน​ซึ่ง​เตรียม​ไว้​แล้ว จง​เตรียม​การ​ทุก​อย่าง​ไว้​ให้​พวก​เรา​ที่​นั่น.” 16 สาวก​สอง​คน​นั้น​จึง​เข้า​ไป​ใน​เมือง​และ​พบ​อย่าง​ที่​พระองค์​ทรง​บอก​ไว้ พวก​เขา​จึง​เตรียม​การ​สำหรับ​ฉลอง​ปัศคา​ไว้​ที่​นั่น.

17 เมื่อ​ตก​เย็น พระองค์​เสด็จ​มา​กับ​สาวก​สิบ​สอง​คน. 18 และ​ขณะ​ที่​นั่ง​เอน​กาย​รับประทาน​อาหาร​กัน​อยู่​ที่​โต๊ะ พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า พวก​เจ้า​คน​หนึ่ง​ที่​กำลัง​กิน​กับ​เรา​จะ​ทรยศ​เรา.” 19 พวก​เขา​ก็​เป็น​ทุกข์​และ​ทูล​ถาม​พระองค์​ที​ละ​คน​ว่า “คือ​ข้าพเจ้า​หรือ?” 20 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ผู้​นั้น​คือ​คน​หนึ่ง​ใน​สิบ​สอง​คน​ที่​กำลัง​จิ้ม​ใน​ชาม​เดียว​กับ​เรา. 21 จริง​อยู่ บุตร​มนุษย์​จะ​จาก​ไป​อย่าง​ที่​มี​คำ​เขียน​ถึง​ท่าน​ไว้​แล้ว แต่​วิบัติ​จง​มี​แก่​คน​ที่​ทรยศ​บุตร​มนุษย์! ถ้า​เขา​ไม่​ได้​เกิด​มา​ก็​ดี​กว่า.”

22 ขณะ​ที่​รับประทาน​กัน​อยู่​นั้น พระ​เยซู​ทรง​หยิบ​ขนมปัง​มา​แผ่น​หนึ่ง​แล้ว​ทูล​ขอ​พร​และ​ทรง​หัก​ส่ง​ให้​พวก​เขา​แล้ว​ตรัส​ว่า “รับ​ไป​เถิด นี่​หมาย​ถึง​กาย​ของ​เรา.” 23 แล้ว​พระองค์​ทรง​หยิบ​ถ้วย​ขึ้น​มา​ทูล​ขอบพระคุณ​และ​ส่ง​ให้​พวก​เขา พวก​เขา​ทุก​คน​ก็​ดื่ม​จาก​ถ้วย​นั้น 24 และ​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “นี่​หมาย​ถึง​โลหิต​ของ​เรา​ซึ่ง​เป็น ‘โลหิต​แห่ง​สัญญา’ ซึ่ง​จะ​ต้อง​ไหล​ออก​เพื่อ​คน​เป็น​อัน​มาก. 25 เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า เรา​จะ​ไม่​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​อีก​เลย​จน​กระทั่ง​วัน​นั้น​ที่​เรา​จะ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ใน​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.” 26 และ​เมื่อ​ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​แล้ว พระองค์​กับ​เหล่า​สาวก​จึง​ออก​ไป​ยัง​ภูเขา​มะกอก.

27 และ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “เจ้า​ทุก​คน​จะ​ทิ้ง​เรา​ไป* เพราะ​มี​คำ​เขียน​ไว้​ว่า ‘เรา​จะ​ตี​ผู้​เลี้ยง​แกะ และ​ฝูง​แกะ​จะ​กระจัด​กระจาย​ไป.’ 28 แต่​เมื่อ​เรา​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​แล้ว เรา​จะ​ไป​รอ​พวก​เจ้า​ที่​แคว้น​แกลิลี.” 29 แต่​เปโตร​ทูล​พระองค์​ว่า “แม้​ทุก​คน​จะ​ทิ้ง​พระองค์​ไป* แต่​ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​ทิ้ง​พระองค์​ไป​เลย.” 30 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เรา​บอก​เจ้า​ตาม​จริง​ว่า วัน​นี้ คือ​คืน​นี้​แหละ ก่อน​ไก่​ขัน​สอง​ครั้ง เจ้า​จะ​ปฏิเสธ​เรา​สาม​ครั้ง.” 31 แต่​เขา​ทูล​พระองค์​ด้วย​ความ​มั่น​ใจ​ว่า “แม้​ข้าพเจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​กับ​พระองค์ ข้าพเจ้า​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​พระองค์​เลย.” สาวก​ทั้ง​หมด​ต่าง​ก็​พูด​เหมือน​กัน.

32 แล้ว​พระ​เยซู​กับ​เหล่า​สาวก​ก็​มา​ถึง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​ชื่อ​เกทเซมาเน และ​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​นั่ง​อยู่​ตรง​นี้​ขณะ​ที่​เรา​อธิษฐาน.” 33 แล้ว​พระองค์​ทรง​พา​เปโตร ยาโกโบ และ​โยฮัน​ไป​ด้วย พระองค์​เริ่ม​วิตก​และ​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง. 34 พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “เรา​เป็น​ทุกข์​หนัก​เจียน​ตาย. จง​อยู่​ที่​นี่​และ​เฝ้า​ระวัง.” 35 เมื่อ​ทรง​ดำเนิน​ไป​อีก​หน่อย​หนึ่ง พระองค์​ทรง​ทรุด​กาย​ลง​ที่​พื้น​และ​อธิษฐาน​ว่า ถ้า​เป็น​ได้ ขอ​ให้​พระองค์​พ้น​จาก​ช่วง​เวลา​เช่น​นั้น. 36 แล้ว​พระองค์​ทูล​ต่อ​ไป​ว่า “อับบา* พระ​บิดา ทุก​สิ่ง​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​พระองค์ ขอ​ทรง​เอา​ถ้วย​นี้​ไป​จาก​ข้าพเจ้า. แต่​อย่า​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​ข้าพเจ้า​ต้องการ ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​พระองค์​ต้องการ​เถิด.” 37 แล้ว​พระองค์​ทรง​กลับ​มา​และ​พบ​พวก​เขา​หลับ​อยู่ พระองค์​จึง​ตรัส​กับ​เปโตร​ว่า “ซีโมน เจ้า​หลับ​อยู่​หรือ? เจ้า​ไม่​มี​เรี่ยว​แรง​จะ​เฝ้า​ระวัง​อยู่​สัก​ชั่วโมง​หรือ? 38 จง​เฝ้า​ระวัง​และ​อธิษฐาน​อยู่​เสมอ​เพื่อ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จะ​ไม่​พ่าย​แพ้​การ​ล่อ​ใจ. ใจ​กระตือรือร้น​ก็​จริง แต่​กาย​นั้น​อ่อนแอ.” 39 พระองค์​จึง​เสด็จ​ไป​อธิษฐาน​อีก โดย​ทูล​เหมือน​คราว​ก่อน. 40 แล้ว​พระองค์​ทรง​กลับ​มา​อีก​และ​พบ​พวก​สาวก​หลับ​อยู่​เพราะ​ง่วง​มาก และ​พวก​เขา​ไม่​รู้​ว่า​จะ​ตอบ​พระองค์​อย่าง​ไร. 41 แล้ว​พระองค์​ทรง​กลับ​มา​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม​และ​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “ใน​เวลา​อย่าง​นี้​พวก​เจ้า​ยัง​หลับ​พักผ่อน​อยู่​อีก! พอ​เถิด! เวลา​นั้น​มา​ถึง​แล้ว! บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​คน​บาป​แล้ว. 42 ลุก​ขึ้น​ไป​กัน​เถิด. ผู้​ทรยศ​เรา​มา​ใกล้​แล้ว.”

43 ทันใด​นั้น ขณะ​ที่​พระองค์​ตรัส​ยัง​ไม่​ทัน​ขาด​คำ ยูดา​ซึ่ง​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​สาวก​สิบ​สอง​คน​ก็​มา​พร้อม​กับ​คน​มาก​มาย​ที่​ถือ​ดาบ​ถือ​ตะบอง ซึ่ง​เป็น​คน​ของ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่ พวก​อาลักษณ์ และ​พวก​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่. 44 ผู้​ทรยศ​พระองค์​กำหนด​สัญญาณ​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ไว้​ว่า “ข้าพเจ้า​จูบ​ผู้​ใด​ก็​คือ​คน​นั้น​แหละ จง​จับ​กุม​เขา​แล้ว​ควบคุม​ตัว​ไป.” 45 แล้ว​เขา​ก็​ตรง​เข้า​มา​หา​พระองค์​และ​พูด​ว่า “อาจารย์!”* และ​จูบ​พระองค์​อย่าง​นุ่มนวล. 46 คน​เหล่า​นั้น​จึง​เข้า​มา​จับ​กุม​พระองค์. 47 แต่​มี​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ได้​ชัก​ดาบ​ออก​ฟัน​ทาส​ของ​มหา​ปุโรหิต​โดน​หู​เขา​ขาด. 48 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “พวก​เจ้า​ถือ​ดาบ​ถือ​ตะบอง​มา​จับ​เรา​เหมือน​จับ​โจร​หรือ? 49 เรา​สอน​ใน​พระ​วิหาร​ทุก​วัน และ​พวก​เจ้า​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย แต่​พวก​เจ้า​ก็​ไม่​ได้​จับ​เรา. แต่​ที่​เป็น​เช่น​นี้​ก็​เพื่อ​พระ​คัมภีร์​จะ​สำเร็จ.”

50 แล้ว​สาวก​ทั้ง​หมด​ก็​ทิ้ง​พระองค์​แล้ว​หนี​ไป. 51 แต่​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​ผ้า​ลินิน​เนื้อ​ดี​คลุม​ทับ​เสื้อ*ไว้​ได้​ตาม​พระองค์​ไป​ไม่​ห่าง​นัก และ​คน​เหล่า​นั้น​พยายาม​จะ​จับ​เขา. 52 แต่​เขา​ทิ้ง​ผ้า​ลินิน​ไว้​แล้ว​หนี​ไป​โดย​ไม่​มี​ผ้า​คลุม.*

53 พวก​เขา​จึง​พา​พระ​เยซู​ไป​พบ​มหา​ปุโรหิต และ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่ พวก​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่ และ​พวก​อาลักษณ์​ก็​มา​ประชุม​กัน​ที่​นั่น​ทุก​คน. 54 ส่วน​เปโตร​ตาม​พระองค์​ไป​ห่าง ๆ จน​ถึง​ลาน​บ้าน​มหา​ปุโรหิต แล้ว​นั่ง​ผิง​ไฟ​อยู่​กับ​พวก​คน​รับใช้. 55 ระหว่าง​นั้น พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​สมาชิก​ทุก​คน​ของ​สภา​ซันเฮดริน*ก็​หา​พยาน​มา​ปรักปรำ​พระ​เยซู​เพื่อ​จะ​ได้​ประหาร​พระองค์ แต่​หา​ไม่​ได้. 56 ถึง​จะ​มี​หลาย​คน​ให้​การ​เท็จ​เพื่อ​ใส่​ร้าย​พระองค์ แต่​คำ​ให้​การ​ของ​พวก​เขา​ขัด​แย้ง​กัน. 57 มี​คน​ลุก​ขึ้น​ให้​การ​เท็จ​เพื่อ​ใส่​ร้าย​พระองค์​อีก​ว่า 58 “พวก​เรา​ได้​ยิน​เขา​พูด​ว่า ‘เรา​จะ​ทลาย​วิหาร​หลัง​นี้​ที่​สร้าง​โดย​มนุษย์​และ​ใน​สาม​วัน​เรา​จะ​สร้าง​อีก​หลัง​หนึ่ง​ที่​ไม่​ได้​สร้าง​โดย​มนุษย์.’ ” 59 แต่​คำ​ให้​การ​ของ​พวก​เขา​ใน​เรื่อง​นี้​ก็​ขัด​แย้ง​กัน.

60 ใน​ที่​สุด มหา​ปุโรหิต​จึง​ลุก​ขึ้น​ยืน​ท่ามกลาง​พวก​เขา​และ​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “เจ้า​ไม่​โต้​ตอบ​อะไร​หรือ? เจ้า​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​ที่​คน​เหล่า​นี้​ให้​การ​ปรักปรำ​เจ้า?” 61 แต่​พระองค์​ยัง​คง​นิ่ง​อยู่ ไม่​ทรง​ตอบ​อะไร​เลย. มหา​ปุโรหิต​จึง​ถาม​พระองค์​อีก​ว่า “เจ้า​เป็น​พระ​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า​ผู้​สม​ควร​ได้​รับ​การ​สรรเสริญ​ใช่​หรือ​ไม่?” 62 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ว่า “เรา​คือ​ผู้​นั้น และ​พวก​เจ้า​จะ​เห็น​บุตร​มนุษย์​นั่ง​ด้าน​ขวา​พระ​หัตถ์​ของ​พระองค์​ผู้​ทรง​ฤทธิ์​และ​จะ​เห็น​ท่าน​มา​ใน​เมฆ​บน​ท้องฟ้า.” 63 มหา​ปุโรหิต​จึง​ฉีก​เสื้อ​ของ​ตน​แล้ว​พูด​ว่า “เรา​ยัง​จะ​ต้องการ​พยาน​อีก​หรือ? 64 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​แล้ว​ว่า​เขา​หมิ่น​ประมาท​พระเจ้า. พวก​ท่าน​คิด​เห็น​อย่าง​ไร?” พวก​เขา​ทั้ง​หมด​ตัดสิน​ให้​พระองค์​รับ​โทษ​ถึง​ตาย. 65 แล้ว​บาง​คน​ได้​ถ่ม​น้ำลาย​รด​พระองค์ พวก​เขา​ปิด​พระ​พักตร์​พระองค์​และ​ต่อย​พระองค์​แล้ว​พูด​ว่า “พิสูจน์​ให้​พวก​เรา​เห็น​สิ​ว่า​เจ้า​เป็น​ผู้​พยากรณ์” พวก​เจ้า​พนักงาน​ศาล​ก็​ตบ​พระ​พักตร์​พระองค์​แล้ว​เอา​ตัว​พระองค์​ไป.

66 ขณะ​ที่​เปโตร​อยู่​ข้าง​ล่าง​ที่​ลาน​บ้าน สาว​ใช้​คน​หนึ่ง​ของ​มหา​ปุโรหิต​เดิน​เข้า​มา 67 พอ​เห็น​เปโตร​ผิง​ไฟ​อยู่ นาง​ก็​จ้อง​เขา​และ​พูด​ว่า “เจ้า​เคย​อยู่​กับ​เยซู​ชาว​นาซาเรท​คน​นั้น​ด้วย​นี่.” 68 แต่​เขา​ปฏิเสธ​ว่า “ข้า​ไม่​รู้​จัก​เขา ข้า​ไม่​เข้าใจ​ที่​เจ้า​พูด” แล้ว​เขา​ก็​เดิน​ออก​ไป​ที่​โถง​ทาง​เข้า. 69 พอ​สาว​ใช้​ที่​อยู่​ที่​นั่น​เห็น​เปโตร​ก็​พูด​กับ​คน​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ อีก​ว่า “คน​นี้​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​นั้น.” 70 เขา​ปฏิเสธ​อีก. สัก​ครู่​หนึ่ง คน​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ก็​พูด​กับ​เปโตร​อีก​ว่า “เจ้า​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​นั้น​แน่ ๆ เพราะ​เจ้า​เป็น​ชาว​แกลิลี.” 71 เขา​จึง​สบถ​สาบาน​ว่า “ข้า​ไม่​รู้​จัก​คน​ที่​พวก​เจ้า​พูด​ถึง.” 72 ทันใด​นั้น​ไก่​ก็​ขัน​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง เปโตร​จึง​นึก​ถึง​คำ​ที่​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​ตน​ว่า “ก่อน​ไก่​ขัน​สอง​ครั้ง เจ้า​จะ​ปฏิเสธ​เรา​สาม​ครั้ง.” เขา​จึง​เสียใจ​มาก​จน​ร้องไห้​ออก​มา.

15 พอ​รุ่ง​เช้า​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่​และ​พวก​อาลักษณ์ คือ​ทุก​คน​ใน​สภา​ซันเฮดริน*ก็​ปรึกษา​กัน แล้ว​พวก​เขา​ก็​มัด​พระ​เยซู​และ​นำ​ตัว​ไป​มอบ​ให้​ปีลาต. 2 ปีลาต​จึง​ถาม​พระองค์​ว่า “เจ้า​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว​หรือ?” พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “ท่าน​พูด​ถูก​แล้ว.” 3 พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ก็​กล่าวหา​พระองค์​หลาย​ประการ. 4 แล้ว​ปีลาต​ถาม​พระองค์​อีก​ว่า “เจ้า​ไม่​โต้​ตอบ​อะไร​หรือ? ดู​สิ พวก​เขา​กล่าวหา​เจ้า​ตั้ง​หลาย​ประการ.” 5 แต่​พระ​เยซู​ไม่​ทรง​ตอบ​อะไร​อีก​เลย ปีลาต​ก็​ประหลาด​ใจ.

6 ใน​ช่วง​เทศกาล​นี้ ปีลาต​จะ​ปล่อย​นัก​โทษ​คน​หนึ่ง​ตาม​ที่​ประชาชน​ร้อง​ขอ. 7 ตอน​นั้น​มี​คน​หนึ่ง​ที่​เรียก​กัน​ว่า​บารับบัส​ถูก​จองจำ​อยู่​กับ​พวก​นัก​ปลุกระดม​ที่​ได้​ฆ่า​คน​ใน​ตอน​ที่​พวก​เขา​ก่อ​จลาจล. 8 ฝูง​ชน​จึง​มา​ร้อง​ขอ​ปีลาต​ให้​ปล่อย​นัก​โทษ​ให้​อย่าง​ที่​เคย​ทำ. 9 ปีลาต​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ต้องการ​ให้​เรา​ปล่อย​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว​ไหม?” 10 เพราะ​ปีลาต​รู้​ว่า​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ส่ง​ตัว​พระองค์​มา​เพราะ​ความ​ริษยา. 11 แต่​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ยุ​ฝูง​ชน​ให้​ขอ​ปีลาต​ให้​ปล่อย​บารับบัส​แทน. 12 ปีลาต​จึง​ถาม​อีก​ว่า “แล้ว​จะ​ให้​เรา​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​ผู้​ที่​พวก​เจ้า​เรียก​ว่า​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว?” 13 พวก​เขา​ร้อง​อีก​ว่า “ตรึง​เขา​เสีย!” 14 แต่​ปีลาต​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “ตรึง​เขา​ทำไม? เขา​ทำ​ชั่ว​อะไร?” แต่​พวก​เขา​ยิ่ง​ร้อง​ว่า “ตรึง​เขา​เสีย!” 15 ปีลาต​ต้องการ​จะ​เอา​ใจ​ฝูง​ชน​จึง​ปล่อย​บารับบัส​ให้​พวก​เขา และ​เมื่อ​ให้​เฆี่ยน​พระ​เยซู​แล้ว​ก็​ส่ง​พระองค์​ให้​พวก​เขา​เอา​ไป​ตรึง​บน​เสา.

16 พวก​ทหาร​จึง​พา​พระองค์​ไป​ที่​ลาน​ใน​จวน​ผู้​ว่า​ราชการ​แล้ว​เรียก​ทหาร​ทั้ง​กอง​มา 17 แล้ว​พวก​เขา​เอา​ผ้า​สี​ม่วง​มา​คลุม​ให้​พระองค์ และ​เอา​หนาม​สาน​เป็น​มงกุฎ​แล้ว​สวม​ให้​พระองค์. 18 พวก​เขา​พา​กัน​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ข้า​แต่​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว ขอ​ทรง​พระ​เจริญ!” 19 แล้ว​พวก​เขา​เอา​ไม้​อ้อ​ตี​พระ​เศียร​พระองค์ ถ่ม​น้ำลาย​รด​พระองค์ และ​คุกเข่า​แสดง​ความ​เคารพ​พระองค์. 20 เมื่อ​พวก​เขา​เยาะเย้ย​พระองค์​แล้ว​ก็​เอา​ผ้า​สี​ม่วง​ออก​และ​เอา​ฉลองพระองค์​ตัว​นอก​มา​สวม​ให้ แล้ว​จึง​นำ​ตัว​พระองค์​ออก​ไป​ตรึง​บน​เสา. 21 มี​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ซีโมน​ชาว​ไซรีนี​ซึ่ง​มา​จาก​นอก​เมือง​เดิน​ผ่าน​มา เขา​เป็น​บิดา​ของ​อะเล็กซานเดอร์​และ​รูโฟส พวก​เขา​จึง​เกณฑ์​ซีโมน​ให้​แบก​เสา​ทรมาน*ของ​พระองค์.

22 พวก​เขา​พา​พระองค์​มา​ยัง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​คือ โกลโกทา ซึ่ง​แปล​ว่า​กะโหลก. 23 พวก​เขา​เอา​เหล้า​องุ่น​ผสม​มดยอบ​ซึ่ง​ทำ​ให้​ง่วง​ซึม​ให้​พระองค์​เสวย แต่​พระองค์​ไม่​เสวย. 24 พวก​เขา​จึง​ตรึง​พระองค์​บน​เสา​แล้ว​เอา​ฉลองพระองค์​ตัว​นอก​มา​จับ​ฉลาก​แบ่ง​กัน. 25 ตอน​ที่​พวก​เขา​ตรึง​พระองค์​นั้น​เป็น​เวลา​เก้า​โมง. 26 และ​มี​ข้อ​ความ​กล่าวหา​พระองค์​เขียน​ไว้​เหนือ​พระ​เศียร​พระองค์​ว่า “กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว.” 27 นอก​จาก​นั้น พวก​เขา​ยัง​ตรึง​โจร​สอง​คน​ไว้​บน​เสา​พร้อม​กับ​พระองค์ ข้าง​ขวา​คน​หนึ่ง​และ​ข้าง​ซ้าย​คน​หนึ่ง. 28 * —— 29 และ​คน​ที่​เดิน​ผ่าน​ไป​มา​ก็​พูด​สบประมาท​พระองค์ พวก​เขา​ส่าย​หน้า​และ​พูด​ว่า “เฮ้! เจ้า​ผู้​ที่​จะ​ทลาย​พระ​วิหาร​และ​สร้าง​ขึ้น​ใน​สาม​วัน 30 ช่วย​ตัว​เอง​ลง​มา​จาก​เสา​ทรมาน​ให้​ได้​สิ.” 31 พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​พวก​อาลักษณ์​ก็​เยาะเย้ย​พระองค์​เหมือน​กัน​ว่า “เขา​ช่วย​คน​อื่น​ได้ แต่​ช่วย​ตัว​เอง​ไม่​ได้! 32 ให้​พระ​คริสต์​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล​ลง​มา​จาก​เสา​ทรมาน​ให้​พวก​เรา​เห็น​เดี๋ยว​นี้​สิ พวก​เรา​ถึง​จะ​เชื่อ.” แม้​แต่​โจร​สอง​คน​ที่​ถูก​ตรึง​บน​เสา​พร้อม​กับ​พระองค์​ก็​หยาบ​หยาม​พระองค์.

33 พอ​ถึง​เวลา​เที่ยง​วัน​ก็​เกิด​ความ​มืด​ทั่ว​แผ่นดิน​จน​ถึง​บ่าย​สาม​โมง. 34 ตอน​บ่าย​สาม​โมง​พระ​เยซู​ทรง​ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า “เอลี เอลี ลามาซาบัคทานี?” แปล​ว่า “พระเจ้า​ของ​ข้าพเจ้า พระเจ้า​ของ​ข้าพเจ้า เหตุ​ใด​พระองค์​ทรง​ทอดทิ้ง​ข้าพเจ้า?” 35 เมื่อ​บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ได้​ยิน​ก็​พูด​ว่า “ดู​สิ! เขา​เรียก​เอลียาห์.” 36 แต่​มี​คน​หนึ่ง​วิ่ง​ไป​เอา​ฟองน้ำ​ชุบ​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​เสียบ​กับ​ไม้​อ้อ​แล้ว​ยื่น​ให้​พระองค์​เสวย​และ​พูด​ว่า “อย่า​ยุ่ง​กับ​เขา! มา​ดู​กัน​ว่า​เอลียาห์​จะ​มา​เอา​เขา​ลง​มา​หรือ​ไม่.” 37 แต่​พระ​เยซู​ทรง​ร้อง​เสียง​ดัง​แล้ว​สิ้น​พระ​ชนม์. 38 ม่าน​ใน​พระ​วิหาร​ก็​ขาด​เป็น​สอง​ส่วน​ตั้ง​แต่​บน​จด​ล่าง. 39 เมื่อ​นาย​ร้อย​ที่​ยืน​มอง​อยู่​ใกล้ ๆ เห็น​พระองค์​สิ้น​พระ​ชนม์​ใน​สภาพการณ์​เช่น​นั้น​จึง​พูด​ว่า “คน​นี้​เป็น​บุตร​ของ​พระเจ้า​แน่​แล้ว.”

40 มี​พวก​ผู้​หญิง​มอง​ดู​อยู่​ห่าง ๆ ด้วย ซึ่ง​ใน​ผู้​หญิง​เหล่า​นั้น​ก็​มี​มาเรีย​มักดาลา มาเรีย​มารดา​ของ​ยาโกโบ​น้อย​กับ​โยเสส และ​นาง​ซาโลเม​อยู่​ด้วย 41 พวก​นาง​เคย​ติด​ตาม​รับใช้​พระองค์​เมื่อ​ทรง​อยู่​ใน​แคว้น​แกลิลี และ​ยัง​มี​ผู้​หญิง​อีก​หลาย​คน​ที่​ได้​ขึ้น​มา​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม​พร้อม​กับ​พระองค์.

42 ตอน​นั้น​เป็น​เวลา​เย็น​แล้ว และ​เนื่อง​จาก​วัน​นั้น​เป็น​วัน​เตรียม* คือ​เป็น​วัน​ก่อน​ซะบาโต* 43 โยเซฟ​แห่ง​อะริมาเทีย​ที่​เป็น​สมาชิก​สภา*ผู้​มี​ชื่อเสียง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​คอย​ท่า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​อยู่​เช่น​กัน​ได้​รวบ​รวม​ความ​กล้า​แล้ว​เข้า​ไป​ขอ​พระ​ศพ​พระ​เยซู​จาก​ปีลาต. 44 แต่​ปีลาต​สงสัย​ว่า​พระองค์​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว​หรือ​ไม่ จึง​เรียก​นาย​ร้อย​มา​ถาม​ว่า​พระ​เยซู​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว​หรือ​ยัง. 45 เมื่อ​ทราบ​แน่ชัด​จาก​นาย​ร้อย​ว่า​พระองค์​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว ปีลาต​จึง​ให้​โยเซฟ​นำ​พระ​ศพ​ไป. 46 โยเซฟ​จึง​ซื้อ​ผ้า​ลินิน​เนื้อ​ดี​และ​นำ​พระ​ศพ​ลง​มา เอา​ผ้า​ลินิน​นั้น​พัน​พระ​ศพ​แล้ว​วาง​ไว้​ใน​อุโมงค์​ที่​เจาะ​ไว้​ใน​ศิลา แล้ว​กลิ้ง​หิน​ก้อน​หนึ่ง​ปิด​ปาก​อุโมงค์​ไว้. 47 แต่​มาเรีย​มักดาลา​กับ​มาเรีย​มารดา​ของ​โยเสส​ยัง​คง​มอง​ดู​ที่​ที่​เขา​วาง​พระ​ศพ​ไว้.

16 เมื่อ​วัน​ซะบาโต​ผ่าน​ไป​แล้ว มาเรีย​มักดาลา มาเรีย​มารดา​ของ​ยาโกโบ และ​ซาโลเม​จึง​ซื้อ​เครื่อง​หอม​เพื่อ​มา​ชโลม​พระ​ศพ. 2 ใน​ตอน​เช้า​ตรู่​ของ​วัน​ต้น​สัปดาห์ เมื่อ​ดวง​อาทิตย์​ขึ้น​แล้ว พวก​นาง​ก็​มา​ที่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ. 3 พวก​นาง​พูด​กัน​ว่า “ใคร​จะ​กลิ้ง​หิน​ออก​จาก​ปาก​อุโมงค์​ให้​พวก​เรา?” 4 แต่​เมื่อ​พวก​นาง​มอง​ดู​ก็​เห็น​ว่า​หิน​ถูก​กลิ้ง​ออก​ไป​แล้ว​ทั้ง ๆ ที่​หิน​ก้อน​นั้น​ใหญ่​มาก. 5 เมื่อ​พวก​นาง​เข้า​ไป​ใน​อุโมงค์​ก็​เห็น​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​สวม​เสื้อ​ยาว​สี​ขาว​นั่ง​อยู่​ด้าน​ขวา พวก​นาง​ก็​ตกตะลึง. 6 คน​นั้น​พูด​กับ​พวก​นาง​ว่า “อย่า​ตกตะลึง​อยู่​เลย. พวก​เจ้า​กำลัง​มอง​หา​พระ​เยซู​ชาว​นาซาเรท​ผู้​ถูก​ตรึง​บน​เสา​อยู่​หรือ? พระองค์​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​แล้ว พระองค์​ไม่​อยู่​ที่​นี่. ดู​สิ! นี่​เป็น​ที่​ซึ่ง​เขา​เคย​วาง​พระ​ศพ​พระองค์​ไว้. 7 แต่​จง​ไป​บอก​เหล่า​สาวก​กับ​เปโตร​ว่า ‘พระองค์​จะ​ไป​รอ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ที่​แคว้น​แกลิลี เจ้า​ทั้ง​หลาย​จะ​พบ​พระองค์​ที่​นั่น​ตาม​ที่​ทรง​บอก​พวก​เจ้า​ไว้.’ ” 8 เมื่อ​พวก​นาง​ออก​มา​แล้ว​ก็​หนี​ไป​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​เพราะ​ทั้ง​กลัว​ทั้ง​ประหลาด​ใจ และ​พวก​นาง​ไม่​ได้​บอก​อะไร​ใคร​เพราะ​ความ​กลัว.*

คำ​ลง​ท้าย​แบบ​สั้น

แต่​ทุก​สิ่ง​ที่​ทรง​สั่ง​ไว้​นั้น พวก​เขา​ได้​เล่า​ให้​คน​ที่​อยู่​กับ​เปโตร​ฟัง​อย่าง​ย่อ ๆ. หลัง​จาก​เหตุ​การณ์​เหล่า​นี้ พระ​เยซู​ทรง​ส่ง​พวก​เขา​ไป​ประกาศ​ข่าว​อัน​ศักดิ์สิทธิ์​และ​ไม่​มี​วัน​เสื่อม​สูญ​เรื่อง​ความ​รอด​นิรันดร์​ตั้ง​แต่​ทิศ​ตะวัน​ออก​จน​ถึง​ทิศ​ตะวัน​ตก.

คำ​ลง​ท้าย​แบบ​ยาว

9 หลัง​จาก​พระองค์​ทรง​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ใน​ตอน​เช้า​ตรู่​ของ​วัน​ต้น​สัปดาห์​แล้ว พระองค์​ทรง​ปรากฏ​แก่​มาเรีย​มักดาลา​เป็น​คน​แรก คือ​คน​ที่​พระองค์​เคย​ขับ​ปิศาจ​ออก​เจ็ด​ตน. 10 นาง​จึง​ไป​บอก​เรื่อง​นี้​แก่​คน​ที่​เคย​อยู่​กับ​พระองค์​ซึ่ง​กำลัง​โศก​เศร้า​และ​ร้องไห้​อยู่. 11 แต่​พวก​เขา​ไม่​เชื่อ​เมื่อ​ได้​ยิน​ว่า​พระองค์​คืน​พระ​ชนม์​แล้ว​และ​นาง​ได้​เห็น​พระองค์. 12 นอก​จาก​นั้น หลัง​จาก​เหตุ​การณ์​เหล่า​นี้ พระองค์​ทรง​ปรากฏ​กาย​อีก​แบบ​หนึ่ง​แก่​สาวก​สอง​คน​ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​เดิน​ทาง​ไป​นอก​เมือง 13 และ​สอง​คน​นั้น​ได้​กลับ​มา​บอก​คน​อื่น ๆ. คน​เหล่า​นั้น​ก็​ไม่​เชื่อ​สอง​คน​นี้​เช่น​กัน. 14 แต่​ต่อ​มา​พระองค์​ทรง​ปรากฏ​แก่​สาวก​สิบ​เอ็ด​คน​ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​นั่ง​เอน​กาย​อยู่​ที่​โต๊ะ และ​พระองค์​ทรง​ตำหนิ​ที่​พวก​เขา​ขาด​ความ​เชื่อ​และ​มี​หัวใจ​แข็ง​กระด้าง เพราะ​พวก​เขา​ไม่​เชื่อ​คน​ที่​ได้​เห็น​พระองค์​ซึ่ง​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​แล้ว. 15 และ​พระองค์​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​ไป​ทั่ว​โลก​และ​ประกาศ​ข่าว​ดี​แก่​มนุษย์​ทั้ง​ปวง. 16 คน​ที่​เชื่อ​และ​รับ​บัพติสมา​จะ​ได้​รับ​การ​ช่วย​ให้​รอด แต่​คน​ที่​ไม่​เชื่อ​จะ​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ. 17 นอก​จาก​นั้น ผู้​ที่​เชื่อ​จะ​ทำ​การ​อัศจรรย์​เหล่า​นี้​ด้วย คือ พวก​เขา​จะ​ขับ​ปิศาจ​โดย​ใช้​นาม​ของ​เรา จะ​พูด​ภาษา​ต่าง ๆ 18 จะ​จับ​งู​พิษ​ด้วย​มือ​เปล่า และ​ถ้า​พวก​เขา​ดื่ม​อะไร​ที่​มี​พิษ​ถึง​ตาย พวก​เขา​จะ​ไม่​เป็น​อันตราย​เลย. พวก​เขา​จะ​วาง​มือ​บน​คน​ป่วย​และ​คน​เหล่า​นั้น​จะ​หาย​ดี.”

19 เมื่อ​พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​กับ​พวก​เขา​แล้ว พระองค์​ก็​ถูก​รับ​ไป​สวรรค์​และ​ทรง​นั่ง​ด้าน​ขวา​พระ​หัตถ์​ของ​พระเจ้า. 20 ดัง​นั้น พวก​เขา​จึง​ออก​ไป​ประกาศ​ทุก​แห่ง​หน ขณะ​ที่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​พวก​เขา​และ​ทรง​สนับสนุน​ข่าวสาร​นั้น​ด้วย​การ​อัศจรรย์​ต่าง ๆ.

ข้อ​ความ​ใน​วง​เล็บ​ยก​มา​จาก มลคี 3:1.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 3:1.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 4:18.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 12:1.

หรือ “คำ​สอน​ใหม่.”

หรือ “ผู้​ถูก​เจิม.” ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 2:4.

ดู​เชิงอรรถ​ของ​คำ “ฟาริซาย” ที่ มัด 3:7.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 12:1.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 12:1.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “ผู้​ถูก​ส่ง​ออก​ไป.”

หมาย​ความ​ว่า “ซีโมน​ผู้​มี​ใจ​แรง​กล้า.”

ชื่อ​หนึ่ง​ที่​ใช้​เรียก​ซาตาน.

หรือ “ระบบ.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 13:31.

เขต​ที่​ประกอบ​ด้วย​สิบ​เมือง ส่วน​ใหญ่​อยู่​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 12:1.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สวม​เสื้อ​สอง​ตัว.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ​คำ “เฮโรด” ที่ ลูกา 3:1.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 18:28.

เวลา​ตี​สาม​ถึง​หก​โมง​เช้า.

ลาน​สำหรับ​ค้า​ขาย​และ​ชุมนุม​ชน.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 17:21.

เขต​ที่​ประกอบ​ด้วย​สิบ​เมือง ส่วน​ใหญ่​อยู่​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สัญญาณ.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 3:1.

ดู​ภาค​ผนวก 6.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “ชอบ​เล่นชู้.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 23:7.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สะดุด.”

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สะดุด.”

ที่​เผา​ขยะ​นอก​กรุง​เยรูซาเลม. ดู​ภาค​ผนวก 9.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 17:21.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สะดุด.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 17:21.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สะดุด.”

หรือ “คน​เดียว​กัน.”

หรือ “ระบบ.”

แปล​จาก​คำ​ว่า “รับโบนี” ใน​ภาษา​เดิม.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 23:7.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 17:21.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 3:1.

หรือ “จักรพรรดิ.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 18:28.

ดู​เชิงอรรถ​ของ​คำ “ซาดูกาย” ที่ มัด 3:7.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สอง​เลปตัน” ซึ่ง​เท่า​กับ​หนึ่ง​ส่วน​หก​สิบ​สี่​ของ​ค่า​แรง​หนึ่ง​วัน.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “เนื้อหนัง.”

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 26:7.

นาร์ด​เป็น​น้ำมัน​หอม​ที่​เชื่อ​กัน​ว่า​ทำ​จาก​ต้น​และ​ราก​ของ​พืช​ล้ม​ลุก​แถบ​ภูเขา​หิมาลัย.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 18:28.

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สะดุด.”

คำ​แปล​ตรง​ตัว​คือ “สะดุด.”

คำ​ที่​บุตร​เรียก​บิดา​อย่าง​สนิทสนม​และ​แสดง​ความ​นับถือ.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 23:7.

หรือ “คลุม​กาย​ที่​เปลือย​เปล่า.” คำ​ภาษา​กรีก กูมนอส ที่​แปล​ว่า “เปลือย” ยัง​หมาย​ความ​ว่า “สวม​เสื้อ​ผ้า​น้อย​ชิ้น สวม​แต่​เสื้อ​ตัว​ใน” อีก​ด้วย.

หรือ “เปลือย​กาย​หนี​ไป.” ดู​เชิงอรรถ​ของ มโก 14:51.

ซันเฮดริน คือ​ศาล​สูง​ของ​ชาว​ยิว.

ซันเฮดริน คือ​ศาล​สูง​ของ​ชาว​ยิว.

ดู​ภาค​ผนวก 6.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 17:21.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 27:62.

ดู​เชิงอรรถ​ของ มัด 12:1.

หรือ “สภา​ซันเฮดริน” ศาล​สูง​ของ​ชาว​ยิว.

เจโรม​และ​ยูเซบิอุส ผู้​คง​แก่​เรียน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สี่​เห็น​พ้อง​กัน​ว่า​ข้อ​ความ​ใน​มาระโก​บท 16 ลง​ท้าย​ด้วย​วลี “เพราะ​ความ​กลัว.” สำเนา​บาง​ฉบับ​เพิ่ม​คำ​ลง​ท้าย​แบบ​ยาว​และ​แบบ​สั้น​ดัง​ต่อ​ไป​นี้​ไว้​หลัง​ข้อ 8 ด้วย แต่​ก็​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​ว่า​คำ​ลง​ท้าย​ทั้ง​สอง​แบบ​ไม่​ใช่​ข้อ​ความ​ใน​พระ​คัมภีร์​ที่​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ.

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์