เคล็ดลับที่ 6 การให้อภัย
“จงทนกันและกันเรื่อยไปและให้อภัยกันอย่างใจกว้าง.”—โกโลซาย 3:13
เรื่องนี้หมายความอย่างไร? คู่สมรสที่ประสบความสำเร็จเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีต แต่ก็ไม่ผูกใจเจ็บ แล้วยกเรื่องนั้นขึ้นมาตำหนิครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น “คุณนี่สายเสมอ” หรือ “คุณไม่เคย ฟังฉันเลย.” ทั้งสามีและภรรยาเชื่อว่า “ที่เขามองข้ามการล่วงละเมิดก็เป็นความงดงาม.”—สุภาษิต 19:11, ล.ม.
เรื่องนี้สำคัญอย่างไร? พระเจ้า “พร้อมที่จะทรงยกความผิด” แต่มนุษย์ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป. (บทเพลงสรรเสริญ 86:5) ความผิดเก่า ๆ ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจเป็นเหตุให้ความขุ่นเคืองพอกพูนขึ้นจนถึงขั้นที่ดูเหมือนไม่มีทางให้อภัยได้. ต่างฝ่ายต่างก็เก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้ และไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะรู้สึกอย่างไร. ทั้งคู่รู้สึกว่าต้องฝืนทนอยู่ในชีวิตสมรสที่ขาดความรัก.
ลองวิธีต่อไปนี้. ดูรูปเก่า ๆ ของคุณกับคู่สมรสซึ่งถ่ายไว้ครั้งแต่งงานกันใหม่ ๆ หรือในช่วงที่ติดต่อฝากรัก. พยายามฟื้นความรักความผูกพันที่เคยมีก่อนที่จะเกิดเรื่องขุ่นข้องหมองใจกัน. แล้วคิดย้อนไปว่าคุณลักษณะอะไรของคู่สมรสที่ทำให้คุณชอบเขาในตอนแรก.
◼ คุณลักษณะอะไรของคู่สมรสในตอนนี้ที่คุณชอบมากที่สุด?
◼ คิดถึงผลกระทบในทางดีต่อลูก ๆ ถ้าคุณเป็นคนที่ให้อภัยคนอื่นมากขึ้น.
คุณต้องทำอะไร? คิดถึงหนึ่งหรือสองวิธีที่คุณตั้งใจจะไม่นำความขุ่นเคืองในอดีตเข้ามาพัวพันกับความไม่ลงรอยกันในปัจจุบัน.
คงจะดีถ้ากล่าวชมคู่สมรสเกี่ยวกับคุณลักษณะของเขาที่คุณชื่นชอบ.—สุภาษิต 31:28, 29
พิจารณาวิธีการบางอย่างที่คุณจะให้อภัยลูก.
คงจะดีที่คุณพูดคุยกับลูกเรื่องการให้อภัยและผลประโยชน์ที่แต่ละคนในครอบครัวจะได้รับเมื่อสามารถให้อภัยกัน.
[ภาพหน้า 8]
เมื่อคุณให้อภัย ก็เหมือนคุณได้ยกหนี้ให้คู่สมรสไปหมดแล้ว. คุณไม่พยายามจะรื้อหลักฐานเพื่อเอาผิดเขาอีก