เรื่องราวชีวิตจริง
มรดกคริสเตียนที่มากมายทำให้ชีวิตผมมีความสุขและประสบความสำเร็จ
คืนหนึ่ง พวกเรากำลังยืนที่ริมตลิ่งแม่น้ำไนเจอร์ที่เชี่ยวกรากและกว้าง 1.6 กิโลเมตร ตอนนั้นสงครามกลางเมืองที่ไนจีเรียกำลังปะทุขึ้น การข้ามแม่น้ำไนเจอร์อาจทำให้จมน้ำตายได้ แต่เราต้องเสี่ยง ซึ่งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ผมไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้ยังไง? ขอให้ย้อนกลับไปตอนก่อนที่ผมจะเกิด
ในปี 1913 จอห์น มิลส์พ่อของผมได้รับบัพติศมาที่กรุงนิวยอร์กตอนอายุ 25 พี่น้องรัสเซลล์เป็นคนบรรยายบัพติศมา ไม่นานหลังจากนั้นพ่อก็ย้ายไปที่ตรินิแดดและได้แต่งงานกับคอนสแตนส์ ฟาร์มเมอร์ซึ่งเป็นคนหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่กระตือรือร้น พ่อช่วยเพื่อนของเขาที่ชื่อวิลเลียม อาร์. บราวน์ฉาย “ภาพยนตร์เรื่องการทรงสร้าง” พ่อกับวิลเลียมช่วยกันทำงานนี้จนกระทั่งพี่น้องวิลเลียมได้รับมอบหมายให้ไปที่แอฟริกาตะวันตกในปี 1923 พ่อกับแม่ของผมซึ่งมีความหวังจะไปสวรรค์ทั้งคู่ก็ทำงานรับใช้ต่อไปที่ตรินิแดด
พ่อแม่ที่รักเรา
พ่อกับแม่ผมมีลูก 9 คน พวกเขาตั้งชื่อลูกคนแรกว่ารัทเทอร์ฟอร์ดซึ่งเป็นชื่อของนายกสมาคมสมัยนั้น และในวันที่ 30 ธันวาคม 1922 ผมก็เกิดมา พ่อแม่ตั้งชื่อผมว่าวูดเวิร์ทตามชื่อของเคลย์ตัน เจ. วูดเวิร์ท ซึ่งเป็นบรรณาธิการของวารสารเดอะ โกลเดน เอจ สมัยนั้น (ปัจจุบันคือตื่นเถิด!) พ่อกับแม่จะสอนหนังสือขั้นพื้นฐานให้ลูกทุกคน แต่จะเน้นเรื่องเป้าหมายของคริสเตียนเป็นหลัก แม่ผมเป็นคนที่หาเหตุผลจากคัมภีร์ไบเบิลได้เก่งมาก ส่วนพ่อก็ชอบเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลให้พวกเราฟัง เวลาที่พ่อเล่า พ่อจะออกท่าทางทั้งตัวทำให้ฟังสนุกมาก
ความพยายามของพ่อแม่เกิดผลมากจริง ๆ ในจำนวนลูกชาย 5 คน มี 3 คนได้เข้าโรงเรียนกิเลียด ส่วนพวกลูกสาวทั้ง 3 คนก็เป็นไพโอเนียร์หลายปีในประเทศตรินิแดดและโตเบโก การที่พ่อกับแม่สอนและวางตัวอย่างที่ดีให้พวกเรา เป็นการปลูกเรา “ไว้ในวิหารของพระยะโฮวา” กำลังใจจากพวกเขาช่วยเราให้ยังคงรับใช้ต่อไปและ “เติบโตอยู่ในลานวิหารของพระเจ้า”—สด. 92:13
บ้านของเราเป็นฐานการประกาศ พวกไพโอเนียร์จะมารวมตัวกันที่นั่นและชอบคุยกันเกี่ยวกับพี่น้องจอร์จ ยัง ซึ่งเป็นมิชชันนารีชาวแคนาดาซึ่งเคยมารับใช้ที่ตรินิแดด พ่อกับแม่ยังชอบเล่าเรื่องพี่น้องบราวน์ซึ่งเคยทำงานรับใช้ด้วยกัน ตอนนั้นพี่น้องบราวน์อยู่ที่แอฟริกาตะวันตก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นให้ผมเริ่มทำงานรับใช้ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
งานรับใช้ช่วงแรก ๆ
สมัยนั้นวารสารของเรามีเนื้อหาที่ค่อนข้างแรง เช่น เปิดโปงศาสนาเท็จ การค้าที่โลภ และการเมืองที่สกปรก ผลก็คือในปี 1936 พวกบาทหลวงยุให้รักษาการผู้ว่าการรัฐตรินิแดดสั่งห้ามหนังสือทุกอย่างของว็อชเทาเวอร์ เราต้องซ่อนหนังสือเหล่านั้นไว้ แต่ก็เอาออกมาใช้เป็นประจำจนหมด เรายังจัดกิจกรรมการประกาศแบบเดินเรียงแถวกันไปตามถนนและปั่นจักรยาน พี่น้องเหล่านั้นแขวนแผ่นป้ายโฆษณาประกบหน้าหลังพร้อมทั้งแจกใบปลิว นอกจากนั้น เรายังไปประกาศในเขตที่ห่างไกลในตรินิแดดพร้อมกับรถกระจายเสียงจากเมืองทูนาพูนา มันน่าตื่นเต้นจริง ๆ! การที่ผมได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมคริสเตียนแบบนั้นทำให้ผมรับบัพติศมาตอนอายุ 16
รถกระจายเสียงจากเมืองทูนาพูนา
มรดกด้านความเชื่อที่ได้จากครอบครัวและประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นตอนเด็ก ๆ ทำให้ผมอยากเป็นมิชชันนารี และผมก็ยังรู้สึกแบบนั้นตอนที่ผมไปที่เกาะอารูบาในปี 1944 และทำงานรับใช้กับพี่น้องเอดมันด์ ดับเบิลยู. คัมมิงส์ เราตื่นเต้นมากที่มี 10 คนมาประชุมอนุสรณ์ในปี 1945 และปีถัดมาก็มีการตั้งประชาคมแรกขึ้นที่เกาะนั้น
กับโอริสซึ่งทำให้ชีวิตผมมีความสุข
ไม่นานหลังจากนั้น ผมได้ประกาศแบบไม่เป็นทางการกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง เธอชื่อโอริส วิลเลียมส์ โอริสเถียงหัวชนฝาเพื่อจะปกป้องคำสอนที่เธอถูกสอนมา แต่พอได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเธอก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรและรับบัพติศมาในวันที่ 5 มกราคม 1947 ต่อมาเราเป็นแฟนกัน แล้วก็แต่งงานกัน โอริสเริ่มเป็นไพโอเนียร์ในเดือนพฤศจิกายน 1950 โอริสทำให้ผมมีความสุขจริง ๆ
งานรับใช้ที่น่ายินดีในไนจีเรีย
ปี 1955 เราได้รับเชิญเข้าโรงเรียนกิเลียด เพื่อจะเตรียมตัวรับสิทธิพิเศษนั้น ผมกับโอริสลาออกจากงาน ขายบ้านและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของเรา แล้วก็บอกลาพี่น้องที่เกาะอารูบา เราจบชั้นเรียนที่ 27 ของโรงเรียนกิเลียดในวันที่ 29 กรกฎาคม 1956 และได้รับมอบหมายให้ไปไนจีเรีย
กับสมาชิกครอบครัวเบเธลลากอส ไนจีเรีย ในปี 1957
เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น โอริสเล่าว่า “พลังของพระยะโฮวาช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับชีวิตแบบมิชชันนารีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ ฉันไม่เหมือนกับสามี เมื่อก่อนฉันไม่เคยสนใจงานมิชชันนารี ฉันอยากจะมีบ้านและมีลูก แต่ความคิดฉันเปลี่ยนไปเมื่อมารู้ว่างานประกาศข่าวดีเป็นเรื่องเร่งด่วนขนาดไหน และพอเราจบจากโรงเรียนกิเลียด ฉันก็พร้อมเต็มที่ที่จะเป็นมิชชันนารี แต่พอเรากำลังขึ้นเรือควีนแมรี่ พี่น้องเวิร์ธ ทอร์นตันซึ่งทำงานที่สำนักงานของพี่น้องนอร์ก็มาร่ำลาเราและบอกว่า ‘เดินทางปลอดภัยนะ’ เขาบอกว่าเราจะต้องไปรับใช้ในเบเธลที่ไนจีเรีย ฉันถอนหายใจแล้วก็คิดว่า ‘ไม่นะ’ แต่ฉันก็ปรับตัวได้เร็วและรู้สึกรักชีวิตในเบเธล ที่นั่นฉันได้มีโอกาสทำงานหลายอย่าง หนึ่งได้งานที่ฉันชอบที่สุดก็คืองานที่แผนกต้อนรับ เนื่องจากฉันรักผู้คน งานนี้เลยทำให้ฉันได้มีโอกาสคุยกับพี่น้องไนจีเรียมากมาย พี่น้องหลายคนเข้ามาที่เบเธลด้วยสภาพเปื้อนฝุ่น เหนื่อย หิวน้ำแล้วก็หิวข้าว ฉันดีใจที่ได้เอาอะไรให้พวกเขากินซึ่งทำให้พวกเขาสดชื่นหายเหนื่อย ทั้งหมดนี้เป็นงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อพระยะโฮวาและก็ทำให้ฉันมีความสุขมากจริง ๆ ค่ะ” ใช่แล้ว งานรับใช้ทุกอย่างทำให้ชีวิตเรามีความสุขและประสบความสำเร็จจริง ๆ
ตอนที่ครอบครัวเรานัดรวมตัวกันที่ตรินิแดดในปี 1961 พี่น้องบราวน์ได้เล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในแอฟริกา ส่วนผมก็เล่าเรื่องความก้าวหน้าในประเทศไนจีเรีย พี่น้องบราวน์กอดผมแล้วก็พูดกับพ่อว่า “จอห์นนี่ คุณไม่เคยไปแอฟริกา แต่วูดเวิร์ทได้รับใช้ที่นั่นเชียวนะ” พ่อบอกว่า “ดีแล้วลูก ทำต่อไปนะ” คำพูดที่ให้กำลังใจจากผู้มีประสบการณ์ทั้งสองคนซึ่งมีความเชื่อเข้มแข็งทำให้ผมยิ่งอยากจะทำงานรับใช้ให้สำเร็จ
วิลเลียม “ไบเบิล” บราวน์กับอันโตเนียภรรยาของเขาให้กำลังใจเรามากจริง ๆ
ในปี 1962 ผมได้รับสิทธิพิเศษให้ไปฝึกอบรมเพิ่มเติมที่โรงเรียนกิเลียดรุ่นที่ 37 ซึ่งเป็นหลักสูตร 10 เดือน พี่น้องวิลเฟรด กูชซึ่งตอนนั้นเป็นผู้ดูแลสาขาไนจีเรียเข้าชั้นเรียนที่ 38 และได้รับมอบหมายให้ไปที่อังกฤษ ผมเลยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลสาขาไนจีเรียแทน ผมทำตามตัวอย่างของพี่น้องบราวน์โดยเดินทางไปทั่วไนจีเรียบ่อย ๆ เพื่อจะรู้จักพี่น้องไนจีเรียที่น่ารัก แม้ว่าพี่น้องที่นั่นหลายคนจะยากจนมากกว่าพี่น้องในหลาย ๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่พวกเขาก็มีความสุขมาก มันแสดงให้เห็นเลยว่าชีวิตที่มีความหมายไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินหรือทรัพย์สมบัติ เมื่อคิดถึงฐานะการเงินของพวกเขา ผมรู้สึกทึ่งที่เห็นพวกเขาแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยและมีสง่ามาที่การประชุม เมื่อมีการจัดการประชุมใหญ่พวกเขาก็นั่งรถบรรทุกหรือไม่ก็โบเลกาจาซa (รถบรรทุกประกอบเอง) รถเหล่านี้มักจะติดคำขวัญว่า “หยดน้ำหยดเล็ก ๆ เมื่อรวมกันย่อมเป็นมหาสมุทรที่กว้างใหญ่”
คำขวัญนี้เหมาะจริง ๆ! ความพยายามของพวกเราแต่ละคนมีส่วนทำให้คำขวัญนี้เป็นจริง ในปี 1974 ไนจีเรียเป็นประเทศแรกนอกจากสหรัฐที่มีผู้ประกาศทะลุ 100,000 คน งานของเราเติบโตจริง ๆ!
ขณะที่งานของเรากำลังก้าวหน้า ก็เกิดสงครามกลางเมืองที่ไนจีเรียตั้งแต่ปี 1967-1970 ตลอดหลายเดือนพี่น้องของเราซึ่งอยู่ริมแม่น้ำไนเจอร์ฝั่งสาธารณรัฐเบียฟราไม่สามารถติดต่อกับสำนักงานสาขาได้ เราเลยต้องเอาความรู้ที่เสริมความเชื่อจากคัมภีร์ไบเบิลไปให้พวกเขาให้ได้ และอย่างที่บอกไปตอนต้น เราอธิษฐานและไว้วางใจพระยะโฮวา เราข้ามแม่น้ำนี้ไปหาพวกเขาหลายครั้ง
ผมจำได้ดีตอนที่ต้องเดินทางฝ่าอันตรายหลายครั้งเพื่อข้ามแม่น้ำไนเจอร์ และต้องเสี่ยงกับสภาพการณ์หลายอย่าง เช่น ทหารที่พร้อมจะยิง โรคระบาดต่าง ๆ และความยากลำบากอื่น ๆ การเดินทางผ่านกองกำลังของรัฐบาลกลางที่ขี้ระแวงก็นับว่าแย่แล้ว แต่การเดินทางผ่านด่านเขตเบียฟรายิ่งน่ากลัวกว่า ครั้งหนึ่งผมข้ามแม่น้ำไนเจอร์ที่เชี่ยวกรากตอนกลางคืนโดยพายเรือแคนูจากเมืองอาซาบาไปที่เมืองโอนิชา และได้ไปให้กำลังใจผู้ดูแลที่เมืองเอนูกู ครั้งหนึ่งผมต้องไปให้กำลังใจพวกผู้ดูแลที่เมืองอาบาซึ่งถูกตัดไฟ และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่น้องของเราในเมืองพอร์ตฮาร์คอร์ตต้องรีบอธิษฐานปิดการประชุมก่อนเวลาเมื่อกองกำลังของรัฐบาลกลางบุกเข้าไปในเขตเบียฟราที่อยู่นอกเมือง
การประชุมกับพี่น้องตอนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อช่วยให้พี่น้องที่รักของเรามั่นใจว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงพวกเขา มีการให้คำแนะนำที่จำเป็นเกี่ยวกับเรื่องความเป็นกลางและความเป็นหนึ่งเดียวกัน พี่น้องไนจีเรียไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งแบ่งฝ่ายที่เกิดขึ้นในประเทศ พวกเขาแสดงความรักที่เหนือกว่าความเกลียดชังระหว่างเผ่า พวกเขารักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันแบบคริสเตียน ผมรู้สึกเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้อยู่กับพวกเขาในช่วงเวลานั้น
ปี 1969 พี่น้องมิลตัน จี. เฮนเชลเป็นประธานการประชุม “สันติภาพบนโลก” ซึ่งเป็นการประชุมนานาชาติที่สนามกีฬาแยงกี นิวยอร์ก ผมได้มีโอกาสเป็นผู้ช่วยของพี่น้องมิลตัน เฮนเชลและได้เรียนรู้หลายอย่างจริง ๆ สิ่งที่ผมได้เรียนเหมาะกับเวลาพอดี เพราะในปี 1970 ไม่นานหลังจากสงครามกลางเมืองจบลง เราได้จัดการประชุมนานาชาติที่ชื่อ “ประชาชนที่พระเจ้ายอมรับ” ในเมืองลากอสประเทศไนจีเรีย การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้เพราะพระยะโฮวาอวยพร การประชุมนี้จัดขึ้นทั้งหมด 17 ภาษาและมีผู้เข้าร่วมประชุม 121,128 คน พี่น้องนอร์และพี่น้องเฮนเชลรวมทั้งแขกคนอื่น ๆ ที่ขึ้นเครื่องบินมาจากสหรัฐและอังกฤษได้มีโอกาสเห็นการรับบัพติศมาครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันเพ็นเทคอสต์ คือมีคนรับบัพติศมาในการประชุมคราวนั้นที่ไนจีเรียถึง 3,775 คน! การที่ผมมีโอกาสช่วยจัดการประชุมครั้งนั้นอาจเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดในชีวิต จำนวนผู้ประกาศที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไนจีเรียไม่ใช่เป็นการขยายแต่เป็นการระเบิดเลยทีเดียว!
การประชุมนานาชาติ “ประชาชนที่พระเจ้ายอมรับ” มีผู้เข้าร่วมประชุมถึง 121,128 คนใน 17 ภาษา รวมทั้งภาษาอีโบ
มากกว่า 30 ปีที่อยู่ที่ไนจีเรีย บางครั้งผมมีโอกาสได้เป็นผู้ดูแลเดินทางและเป็นผู้ดูแลโซนเยี่ยมประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก พี่น้องมิชชันนารีรู้สึกเห็นค่าจริง ๆ ที่ได้รับการเอาใจใส่และได้รับกำลังใจมากขนาดนี้ ผมดีใจที่รู้ว่าพวกเขาไม่ถูกละเลย งานนี้สอนผมว่าการสนใจพี่น้องเป็นส่วนตัวคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาเติบโต เข้มแข็ง และเป็นหนึ่งเดียวกับองค์การของพระยะโฮวา
เฉพาะความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเท่านั้นที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาจากสงครามกลางเมืองและความเจ็บป่วยได้ พระยะโฮวาอวยพรเราเสมอ มีอะไรบ้าง เดี๋ยวโอริสจะเล่าให้คุณฟัง
“เราสองคนเป็นมาลาเรียหลายครั้ง ครั้งหนึ่งสามีฉันต้องเข้าโรงพยาบาลที่ลากอสเพราะหมดสติ หมอบอกฉันว่าเขาอาจไม่รอด แต่ดีใจจริง ๆ ที่เขารอดมาได้ พอรู้สึกตัวเขาก็พูดเรื่องรัฐบาลของพระเจ้ากับบุรุษพยาบาลคนหนึ่งที่คอยดูแลเขา ต่อมาสามีพาฉันไปเยี่ยมบุรุษพยาบาลคนนั้น เขาชื่อแวมบีวี เราคุยกับเขาเรื่องคัมภีร์ไบเบิล แวมบีวีเรียนความจริงและต่อมาก็เป็นผู้ดูแลที่เมืองอาบา ฉันเองก็มีโอกาสช่วยหลายคนให้มาเรียนความจริง แม้แต่คนที่เป็นมุสลิมที่เคร่ง ฉันก็ช่วยพวกเขาให้อุทิศชีวิตเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้ แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากก็คือการได้รู้จักและรักชาวไนจีเรีย วัฒนธรรม ประเพณีและภาษาของพวกเขา”
สำหรับผม บทเรียนอีกอย่างที่ผมได้คือ เพื่อจะทำงานรับใช้อย่างประสบความสำเร็จในเขตมอบหมายต่างประเทศ เราต้องเรียนรู้ที่จะรักพี่น้องไม่ว่าเขาจะมีวัฒนธรรมแตกต่างจากเราขนาดไหน
งานมอบหมายใหม่
ในปี 1987 หลังจากรับใช้ที่เบเธลไนจีเรีย เราได้รับงานมอบหมายใหม่ให้เป็นมิชชันนารีที่เกาะเซนต์ลูเซียในทะเลแคริเบียนซึ่งเป็นเกาะที่สวยงาม เรามีความสุขมากที่ได้ทำงานมอบหมายนี้ แต่ก็มีข้อท้าทายใหม่ ที่แอฟริกาเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะมีภรรยาหลายคน แต่ที่เกาะเซนต์ลูเซียผู้ชายผู้หญิงจะอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน พลังของคัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นให้นักศึกษาหลายคนของเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ผมรักโอริสมากตลอด 68 ปีที่เราแต่งงานกัน
เมื่อกำลังวังชาของเราลดน้อยลงเพราะอายุมากขึ้น คณะกรรมการปกครองได้แสดงความรักต่อเราโดยให้เรามาอยู่ในสำนักงานใหญ่ที่บรุกลิน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาในปี 2005 ผมขอบคุณพระยะโฮวาทุกวันที่มีโอริส แต่แล้วเธอก็ตายในปี 2015 ผมเสียใจมากกับการสูญเสียครั้งนี้ โอริสเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและเป็นภรรยาที่น่ารัก ผมรักเธอตลอด 68 ปีที่เราอยู่ด้วยกัน สูตรสำเร็จความสุขของเราก็คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตคู่หรือเรื่องประชาคม เราต้องเคารพความเป็นผู้นำ ให้อภัยกันอย่างเต็มใจ รักษาความถ่อมและแสดงผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้าเสมอ
เมื่อเรารู้สึกผิดหวังและท้อใจ เราจะพึ่งพระยะโฮวาให้ช่วยเรารักษาน้ำใจเสียสละต่อ ๆ ไป เราเห็นแล้วว่าทุกครั้งที่มีการปรับเปลี่ยน สิ่งต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ และผมแน่ใจว่าสิ่งที่ดีที่สุดกำลังรออยู่ข้างหน้า—อสย. 60:17; 2 คร. 13:11
ที่ตรินิแดดและโตเบโก พระยะโฮวาอวยพรงานของพ่อแม่ผมและพี่น้องคนอื่น ๆ ตามรายงานล่าสุดมี 9,892 คนเป็นพยานฯ ที่นั่น เกาะอารูบามีพี่น้องหลายคนร่วมมือกันเสริมความเข้มแข็งให้กับประชาคมเดิมที่ผมเคยอยู่ เกาะนั้นตอนนี้มี 14 ประชาคมที่กำลังก้าวหน้า และสำหรับประเทศไนจีเรียมีผู้ประกาศเพิ่มขึ้นเป็น 381,398 คน และที่เกาะเซนต์ลูเซียมีพี่น้องที่สนับสนุนรัฐบาลของพระยะโฮวาถึง 783 คน
ตอนนี้ผมอายุ 90 กว่าแล้ว ที่สดุดี 92:14 บอกว่าคนที่ถูกปลูกในวิหารของพระยะโฮวา “เมื่อพวกเขาแก่ก็จะยังเจริญงอกงาม พวกเขาจะยังแข็งแรงและสดชื่น” ผมรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ที่ได้ใช้ชีวิตเพื่อรับใช้พระยะโฮวา มรดกของคริสเตียนที่ผมได้รับอย่างมากมายทำให้ผมได้มีโอกาสรับใช้พระยะโฮวาเต็มที่ พระองค์รักผมอย่างมั่นคงและทำให้ผม “เติบโตอยู่ในวิหารของพระเจ้า [ของผม]”—สด. 92:13
a ดูตื่นเถิด! 8 มีนาคม 1972 (ภาษาอังกฤษ) น. 24-26