เยเรมีย์
1 ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำของเยเรมีย์*ลูกชายฮิลคียาห์ซึ่งเป็นปุโรหิตในเมืองอานาโธท+เขตตระกูลเบนยามิน 2 พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงเขาในปีที่ 13 ที่โยสิยาห์+ลูกชายอาโมน+เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ 3 พระองค์ส่งข่าวมาถึงเขาอีกในช่วงที่เยโฮยาคิม+ลูกชายโยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ไปจนสิ้นปีที่ 11 ที่เศเดคียาห์+ลูกชายโยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ซึ่งในเดือน 5 ของปีนั้นชาวเยรูซาเล็มถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย+
4 พระยะโฮวาพูดกับผมว่า
5 “ก่อนที่เราจะสร้างเจ้าในท้องแม่ เรารู้จัก*เจ้าแล้ว+
และก่อนที่เจ้าจะเกิดมา เราได้เลือก*เจ้าไว้ให้ทำงานพิเศษ+
ให้เป็นผู้พยากรณ์ไปส่งข่าวแก่ชาติต่าง ๆ”
6 แต่ผมพูดว่า “ได้โปรดเถอะ พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
ผมพูดไม่เป็น+ เพราะผมยังเด็กอยู่”*+
7 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับผมว่า
“อย่าพูดว่า ‘ผมยังเด็กอยู่’
เพราะเจ้าต้องไปหาทุกคนที่เราจะใช้เจ้าไป
และต้องพูดทุกสิ่งตามที่เราสั่งเจ้า+
8 อย่ากลัวพวกเขาเลย+
เพราะ ‘เราจะอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้า’+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนั้น”
9 แล้วพระยะโฮวาก็ยื่นมือมาแตะปากผม+ และพระยะโฮวาพูดกับผมว่า “เราใส่คำพูดของเราไว้ในปากเจ้าแล้ว+ 10 วันนี้เราให้เจ้ามีอำนาจเหนือชาติและอาณาจักรต่าง ๆ เพื่อจะถอนและรื้อ เพื่อจะพังและทำลาย เพื่อจะสร้างและปลูก”+
11 พระยะโฮวาถามผมว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไร?” ผมตอบว่า “ผมเห็นกิ่งอัลมอนด์*ครับ”
12 พระยะโฮวาพูดกับผมว่า “ถูกแล้ว เพราะเราตื่นตัวอยู่ตลอดเพื่อจะทำให้คำพูดของเราเป็นจริง”
13 พระยะโฮวาถามผมเป็นครั้งที่สองว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ผมตอบว่า “ผมเห็นหม้อใบหนึ่งที่กำลังเดือดพล่าน* ปากหม้อนั้นเทจากทิศเหนือลงมาทิศใต้” 14 พระยะโฮวาจึงบอกผมว่า
“ทุกคนในแผ่นดินนี้จะต้องเจอภัยพิบัติ
ที่ถูกปล่อยออกมาจากทิศเหนือ+
15 เพราะพระยะโฮวาบอกว่า ‘เรากำลังเรียกทุกเผ่าของอาณาจักรต่าง ๆ ที่อยู่ทางเหนือมา+
พวกเขาจะมา และแต่ละคนจะตั้งบัลลังก์ของตัวเอง
ตรงหน้าประตูของกรุงเยรูซาเล็ม+
พวกเขาจะโจมตีกำแพงเมืองทุกด้าน
และโจมตีเมืองทุกเมืองของยูดาห์+
16 และเราจะพิพากษาพวกเขาเพราะความชั่วทั้งหมดของพวกเขา
เพราะพวกเขาทิ้งเรา+
และเผาเครื่องบูชาถวายพระอื่น+
และหมอบลงนมัสการสิ่งที่พวกเขาทำขึ้น’+
17 แต่เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม*
เจ้าต้องลุกขึ้นและไปบอกพวกเขาทุกสิ่งตามที่เราสั่งเจ้า
อย่ากลัวพวกเขาเลย+
ไม่อย่างนั้นเราจะทำให้เจ้ากลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา
18 เพราะวันนี้เราได้ทำให้เจ้าเป็นเหมือนเมืองที่มีป้อมปราการ
เหมือนเสาเหล็กและกำแพงทองแดง เพื่อเจ้าจะต้านทานทุกคนในแผ่นดินนี้ได้+
รวมทั้งพวกกษัตริย์ของยูดาห์และพวกเจ้านาย
และพวกปุโรหิตกับประชาชนในแผ่นดินนี้+
19 พวกเขาจะต่อสู้เจ้าแน่
แต่จะไม่ชนะเจ้า
เพราะ ‘เราจะอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้า’+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนั้น”
2 พระยะโฮวาพูดกับผมว่า 2 “เจ้าต้องไปบอกเยรูซาเล็มว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า
“เรายังไม่ลืมที่เจ้าเคยซื่อสัตย์*ต่อเราตอนที่เจ้าอายุยังน้อย+
และที่เจ้าเคยรักเราตอนหมั้นกับเรา+
ตอนนั้นเจ้าตามเราไปในที่กันดาร
ในแผ่นดินที่ไม่มีการหว่านพืช+
3 ตอนนั้นพระยะโฮวาถือว่าอิสราเอลบริสุทธิ์+ เป็นผลแรกจากผลผลิตของพระองค์”’
พระยะโฮวาบอกว่า ‘ใครก็ตามที่กัดกินอิสราเอลจะมีความผิด
และจะเจอภัยพิบัติ’”+
4 ลูกหลานของยาโคบ และทุกตระกูลของอิสราเอล
ขอให้ฟังพระยะโฮวาพูด
5 พระยะโฮวาบอกว่า
“ปู่ย่าตายายของพวกเจ้าเห็นว่าเรามีความผิดอะไรหรือ+
พวกเขาถึงได้ทิ้งเราไป
และนมัสการรูปเคารพที่ไร้ค่า+และทำให้ตัวเองไร้ค่าไปด้วย?+
6 พวกเขาไม่ได้ถามว่า ‘พระยะโฮวาอยู่ไหน?
พระองค์พาพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์+
และนำทางพวกเราในที่กันดาร
ในแผ่นดินที่มีทะเลทราย+และหุบเหว
ในแผ่นดินที่แห้งแล้ง+และมืดมน
ในแผ่นดินที่ไม่มีใครผ่านไปผ่านมา
และไม่มีคนอยู่’
7 แล้วเราได้พาพวกเจ้ามาถึงแผ่นดินที่มีสวนผลไม้
ให้มากินผลผลิตและของดี ๆ ในแผ่นดินนี้+
แต่พวกเจ้าเข้ามาทำให้แผ่นดินของเราแปดเปื้อน
และทำให้มรดกของเราน่ารังเกียจ+
8 พวกปุโรหิตไม่ได้ถามว่า ‘พระยะโฮวาอยู่ไหน?’+
คนที่สอนกฎหมายไม่รู้จักเรา
พวกคนเลี้ยงแกะก็กบฏต่อเรา+
พวกผู้พยากรณ์ก็บอกข่าวของพระบาอัล+
พวกเขาพากันนมัสการพระที่ช่วยอะไรไม่ได้
9 พระยะโฮวาบอกว่า ‘ดังนั้น เราจะสู้กับพวกเจ้าต่อไป+
และเราจะสู้กับลูกหลานของพวกเจ้าด้วย’
10 ‘แต่ให้พวกเจ้าไปที่ดินแดนชายฝั่ง*ของชาวคิททิม+และดูให้ดี
ส่งคนไปยังแผ่นดินเคดาร์+และตรวจดูให้ทั่ว
แล้วดูว่าเคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นบ้างไหม
11 เคยมีชาติไหนเอาสิ่งที่ไม่ใช่พระมาแทนพระของตัวเองไหม?
แต่ประชาชนของเรากลับยกย่องสิ่งที่ไร้ประโยชน์แทนเรา+
12 โอ้สวรรค์ มองดูสิแล้วเจ้าจะตกตะลึง
และกลัวจนตัวสั่น’ พระยะโฮวาพูดไว้อย่างนั้น
13 ‘เพราะประชาชนของเราทำเรื่องชั่วสองอย่าง
พวกเขาทิ้งเราซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ให้ชีวิต+
แล้วไปขุด*บ่อเก็บน้ำกันเอง
แต่เป็นบ่อเก็บน้ำที่มีรอยแตกและเก็บน้ำไม่อยู่’
14 ‘อิสราเอลเป็นคนรับใช้และทาสที่เกิดในบ้านไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมถึงให้เขาถูกจับตัวไปได้?
15 พวกสิงโตหนุ่มคำรามใส่เขา+
พวกมันแผดเสียงดังสนั่น
และทำให้แผ่นดินของเขากลายเป็นที่ที่น่าสยดสยอง
เมืองต่าง ๆ ของเขาถูกเผาจนไม่มีใครอยู่เลย
16 ชาวเมืองโนฟ*+และชาวเมืองทาห์ปานเหส+ก็ปล้นแผ่นดินของเจ้า*
17 นี่เป็นเพราะเจ้าหาเรื่องเองไม่ใช่หรือ?
เจ้าทิ้งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า+
ตอนที่พระองค์นำทางเจ้าอยู่
19 ความชั่วของเจ้าน่าจะทำให้เจ้าได้บทเรียน
และความไม่ซื่อสัตย์ของเจ้าน่าจะทำให้เจ้าสำนึกผิด
ขอให้รู้ไว้ว่าที่เจ้าทิ้งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้านั้น
เป็นเรื่องชั่วช้าและทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงขนาดไหน+
เจ้าไม่ได้เกรงกลัวเราเลย’+ พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดและเป็นจอมทัพบอกไว้อย่างนี้
20 ‘เพราะเราหักแอกของเจ้าไปนานแล้ว+
และดึงโซ่ที่ล่ามเจ้าไว้ให้ขาด
แต่เจ้าบอกว่า “ฉันจะไม่รับใช้พระองค์”
21 เจ้าเป็นองุ่นแดงพันธุ์ดีที่เราปลูกไว้+ด้วยเมล็ดพันธุ์แท้ทั้งหมด
แล้วเจ้ากลายเป็นองุ่นป่าที่ไม่ดีไปได้อย่างไร?’+
22 พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบอกว่า ‘ถึงเจ้าจะล้างตัวด้วยผงโซดา*กับสบู่มากมาย
แต่เราก็ยังมองเห็นความผิดของเจ้าที่เป็นเหมือนคราบฝังแน่น’+
23 เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ฉันไม่ได้ทำอะไรให้ตัวเองแปดเปื้อนเลย
ฉันไม่ได้นมัสการบาอัลสักหน่อย’?
ดูสิว่าเจ้าทำอะไรในหุบเขา
คิดดี ๆ ว่าเจ้าทำอะไรไว้
เจ้าเป็นเหมือนอูฐสาวที่คึกคะนอง
ซึ่งวิ่งไปมาอย่างไร้จุดหมาย
24 เหมือนลาป่าซึ่งคุ้นกับที่กันดาร
ทำจมูกฟุดฟิดเพราะอยากผสมพันธุ์
เมื่อลาป่าติดสัด ใครจะห้ามมันได้?
คนที่อยากเจอมันไม่ต้องตามหาให้เหนื่อย
เมื่อถึงฤดูที่มันผสมพันธุ์ พวกเขาก็จะเจอมันเอง
25 อย่าปล่อยให้เท้าของเจ้าเปลือยเปล่า
และอย่าปล่อยให้คอเจ้าแห้ง
แต่เจ้าบอกว่า ‘ไม่ได้!+
26 พวกอิสราเอลถูกทำให้อับอาย
เหมือนขโมยที่อับอายเมื่อถูกจับได้
ทั้งพวกกษัตริย์ เจ้านาย
ปุโรหิต และผู้พยากรณ์ของพวกเขา+
27 พวกเขาพูดกับต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นพ่อฉัน’+
และพูดกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดฉัน’
แต่พวกเขาหันหลังให้เราและไม่มองเราเลย+
แล้วเมื่อเจอภัยพิบัติพวกเขาก็จะพูดว่า
‘ช่วยพวกเราด้วย!’+
28 พระที่เจ้าทำไว้อยู่ไหนล่ะ?+
ถ้าพระพวกนั้นช่วยได้ ก็ให้มาช่วยเจ้าเวลาเจอภัยพิบัติสิ
ยูดาห์ เจ้ามีพระมากพอ ๆ กับเมืองของเจ้าแล้วนะ+
29 พระยะโฮวาพูดว่า ‘ทำไมเจ้าถึงสู้กับเราอยู่เรื่อย?
ทำไมเจ้าทุกคนกบฏต่อเรา?’+
30 เราตีพวกลูกชายของเจ้า แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไร+
พวกเขาไม่ยอมรับการแก้ไข+
เจ้าฆ่าพวกผู้พยากรณ์ของเจ้าด้วยดาบ+
เหมือนสิงโตที่ออกล่าเหยื่อ
31 พวกเจ้าที่เป็นคนรุ่นนี้ ขอให้ใคร่ครวญคำพูดของพระยะโฮวา
เรากลายเป็นเหมือนที่กันดาร
และแผ่นดินที่มืดมนสำหรับอิสราเอลไปแล้วหรือ?
ทำไมประชาชนของเราจึงพูดว่า ‘พวกเราจะไปไหนมาไหนอย่างที่อยากไป
พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีกแล้ว’?+
32 หญิงสาวบริสุทธิ์จะลืมเครื่องประดับได้หรือ?
เจ้าสาวจะลืมสายรัดเอว*ได้หรือ?
แต่ประชาชนของเราลืมเราไปตั้งนานแล้ว+
33 เจ้าหาความรักได้เก่งเหลือเกิน!
เจ้าฝึกทำชั่วจนชำนาญ+
34 แม้แต่เสื้อผ้าของเจ้าก็เปื้อนเลือดคนจนที่ไร้ความผิด+
ที่พวกเขาถูกฆ่าไม่ใช่เพราะบุกเข้าบ้านคนอื่น
เรายังเห็นรอยเลือดของพวกเขาเต็มเสื้อผ้าของเจ้า+
35 แต่เจ้าบอกว่า ‘ฉันไม่มีความผิด
พระองค์คงไม่โกรธฉันแล้วแน่ ๆ’
ตอนนี้เราจึงจะพิพากษาเจ้า
เพราะเจ้าบอกว่า ‘ฉันไม่ได้ทำผิด’
36 ทำไมเจ้าคิดว่าการที่เจ้าเปลี่ยนใจบ่อย ๆ เป็นเรื่องเล็กน้อย?
37 เพราะอย่างนี้ เจ้าจะกุมหัวออกไปด้วยความอับอาย+
เพราะพระยะโฮวาไม่ยอมรับคนที่เจ้าไว้ใจ
พวกเขาจะไม่ช่วยให้เจ้าประสบความสำเร็จ”
3 ผู้คนพูดกันว่า “ถ้าผู้ชายคนหนึ่งหย่าภรรยาและเธอไปเป็นภรรยาของผู้ชายอีกคนหนึ่งแล้ว เขาควรจะกลับไปอยู่กับเธออีกหรือ?”
แผ่นดินนี้แปดเปื้อนมากอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?+
พระยะโฮวาพูดว่า “เจ้าไปขายตัวให้ใครต่อใครตั้งมากมาย+
แล้วเจ้าควรจะกลับมาหาเราอีกหรือ?
2 เงยหน้ามองดูภูเขาหัวโล้นพวกนั้นสิ
มีที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่เคยเอาผู้ชายไปนอนด้วย?
เจ้านั่งรอพวกเขาตามริมถนน
เหมือนชนเผ่าเร่ร่อน*ในที่กันดาร
เจ้าทำให้แผ่นดินแปดเปื้อน
ด้วยการขายตัวและความชั่วของเจ้า+
3 เพราะอย่างนี้จึงไม่มีฝนตก+
และไม่มีฝนในฤดูใบไม้ผลิ
เจ้าทำตัวหน้าด้านเหมือนภรรยาที่ขายตัวให้ชายอื่น
เจ้าไม่รู้จักอายเลย+
4 แต่ตอนนี้เจ้ามาเรียกเราว่า
‘พระองค์ผู้เป็นพ่อของฉัน พระองค์กับฉันสนิทกันตั้งแต่ฉันเป็นสาว+
5 พระองค์จะโกรธและเคียดแค้นตลอดไปหรือ?’
เจ้าพูดกับเราอย่างนี้
แต่เจ้าก็ยังทำชั่วช้าสารพัดเท่าที่จะทำได้”+
6 ในสมัยที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์+ พระยะโฮวาพูดกับผมว่า “‘เจ้าเห็นไหมว่าอิสราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ทำอะไรบ้าง? เธอขึ้นไปบนภูเขาสูงทุกลูกและไปขายตัวอยู่ใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น+ 7 แม้เธอจะทำชั่วขนาดนั้น เราก็ยังบอกให้เธอกลับมาหาเราอยู่เรื่อย ๆ+ แต่เธอไม่ยอมกลับมา และยูดาห์ก็มองดูพี่สาวที่ไม่ซื่อสัตย์ของเธอ+ 8 เมื่อเราเห็นอย่างนั้น เราจึงทำหนังสือหย่าให้อิสราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์และไล่เธอไป+เพราะเธอเล่นชู้+ แต่ยูดาห์น้องสาวที่ไม่ซื่อสัตย์ของเธอก็ไม่กลัว และไปขายตัวเหมือนกัน+ 9 เธอ*คิดว่าที่ไปขายตัวนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนและเล่นชู้กับก้อนหินและต้นไม้+ 10 ถึงจะเป็นอย่างนั้น ยูดาห์น้องสาวที่ไม่ซื่อสัตย์ของเธอก็ยังไม่กลับมาหาเราสุดหัวใจ แค่แกล้งทำเป็นกลับมาเท่านั้น’ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้”
11 แล้วพระยะโฮวาพูดกับผมว่า “อิสราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ก็ยังดีกว่ายูดาห์ที่ทรยศ+ 12 เจ้าต้องไปประกาศทางเหนือว่า+
“‘พระยะโฮวาบอกว่า “อิสราเอลที่ทิ้งเรา กลับมาเถอะ”+ พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะไม่มองเจ้าด้วยความโกรธ+ เพราะเราภักดีต่อเจ้า” “เราจะไม่โกรธเจ้าตลอดไป 13 ขอให้เจ้ายอมรับความผิดของตัวเองเถอะ เพราะเจ้ากบฏต่อพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า เจ้าเที่ยวไปนอนกับคนแปลกหน้า*ใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น แต่กลับไม่ยอมฟังเรา” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้’”
14 พระยะโฮวาบอกว่า “พวกลูกชายที่ทิ้งเรา กลับมาเถอะ เพราะเราคือเจ้านายตัวจริงของพวกเจ้า* และเราจะพาพวกเจ้าคนหนึ่งออกมาจากทุกเมือง และพาสองคนออกมาจากทุกตระกูล แล้วเราจะพาพวกเจ้าไปยังศิโยน+ 15 เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะที่ทำตามใจเรา+ พวกเขาจะเลี้ยงดูพวกเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ” 16 พระยะโฮวาบอกว่า “ในสมัยนั้นพวกเจ้าจะเพิ่มจำนวนขึ้นในแผ่นดินจนมีมากมาย+ จะไม่มีใครพูดถึงหีบสัญญาของพระยะโฮวาอีก และจะไม่นึกถึง จดจำ หรือคิดถึงหีบนั้น และจะไม่มีการสร้างหีบนั้นขึ้นมาอีกเลย 17 ตอนนั้นพวกเขาจะเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่าบัลลังก์ของพระยะโฮวา+ ทุกชาติจะถูกรวบรวมมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อยกย่องชื่อของพระยะโฮวา+ และพวกเขาจะไม่ดื้อดึงทำตามใจชั่วของตัวเองอีกเลย”
18 “ในสมัยนั้น ชาวยูดาห์กับชาวอิสราเอลจะเดินไปด้วยกัน+ พวกเขาจะออกมาจากแผ่นดินทางเหนือด้วยกัน และจะเข้าไปในแผ่นดินที่เรายกเป็นมรดกแก่ปู่ย่าตายายของพวกเจ้า+ 19 แล้วเราก็คิดว่า ‘เราได้ให้พวกเจ้าอยู่กับพวกลูกชายของเรา และยกแผ่นดินที่น่าอยู่ซึ่งเป็นมรดกที่ชาติไหน ๆ ก็อยากได้ให้กับพวกเจ้า’+ และเราก็คิดด้วยว่าพวกเจ้าคงจะเรียกเราว่า ‘พ่อ’ และจะตามเราไป ไม่ทิ้งเราไปไหน 20 ‘แต่อิสราเอล พวกเจ้าทรยศเราเหมือนภรรยาที่ทรยศสามี’+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้”
21 มีเสียงร้องไห้และเสียงอ้อนวอนของชาวอิสราเอล
อยู่บนภูเขาหัวโล้น
เพราะพวกเขาคิดคดทรยศ
และลืมพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาไปแล้ว+
22 “พวกลูกชายที่ทิ้งเรา กลับมาเถอะ
เราจะช่วยให้พวกเจ้าเลิกทรยศเรา”+
“พวกเราอยู่นี่ พวกเรากลับมาหาพระองค์แล้ว
พระยะโฮวา เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา+
23 ที่จริง เนินเขาและความวุ่นวายบนภูเขาเป็นสิ่งหลอกลวง+
และความรอดของอิสราเอลมาจากพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา+
24 ตั้งแต่พวกเราเป็นเด็ก สิ่งน่าอายนั้น*ล้างผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่ปู่ย่าตายายของพวกเราหามาด้วยความเหนื่อยยากไปหมด+
ทั้งแกะ ทั้งวัว
และลูกชายลูกสาวของพวกเขา
25 ให้พวกเราไปนอนด้วยความอับอาย
และเอาความอัปยศคลุมตัวไว้
เพราะพวกเรากับปู่ย่าตายายได้ทำบาปต่อพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา
ตั้งแต่พวกเราเป็นเด็กจนถึงทุกวันนี้+
และพวกเราไม่ได้เชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราเลย”
4 พระยะโฮวาบอกว่า “อิสราเอล ถ้าเจ้าจะกลับมา
ถ้าเจ้าจะกลับมาหาเรา
และถ้าเจ้าจะเอารูปเคารพที่น่าขยะแขยงของเจ้าไปให้พ้นหน้าเรา
เจ้าก็จะไม่ต้องเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ+
2 ถ้าเจ้าสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่
ด้วยความจริง ความยุติธรรม และความถูกต้องชอบธรรม
พระองค์ก็จะอวยพรชาติต่าง ๆ
และพวกเขาจะอวดเรื่องพระองค์”+
3 เพราะพระยะโฮวาพูดกับชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มว่า
“ให้พวกเจ้าไถดินในที่ที่เพาะปลูกได้
และอย่าหว่านพืชในดงหนามเลย+
4 ชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม
ให้พวกเจ้าเข้าสุหนัตเพื่อพระยะโฮวา
และให้เข้าสุหนัตที่หัวใจ+
แล้วเราจะไม่โกรธพวกเจ้าเหมือนไฟที่ลุกไหม้
และจะไม่มีใครดับไฟนั้นได้
เพราะพวกเจ้าทำชั่ว”+
5 ไปบอกเรื่องนี้ในยูดาห์ และประกาศในกรุงเยรูซาเล็ม
พูดดัง ๆ และเป่าแตรเขาสัตว์ไปทั่วแผ่นดิน+
ร้องบอกดัง ๆ ว่า “ให้พวกเรามาชุมนุมกัน
แล้วหนีเข้าไปในเมืองที่มีป้อมปราการ+
6 ส่งสัญญาณ*บอกทางไปศิโยน
แล้วหาที่หลบภัย อย่ายืนอยู่เฉย ๆ”
เพราะเราจะส่งภัยพิบัติมาจากทิศเหนือ+ ซึ่งเป็นความพินาศที่ร้ายแรง
7 ศัตรูออกมาแล้ว เหมือนสิงโตออกมาจากพุ่มไม้หนาทึบ+
ผู้ที่จะทำลายประเทศต่าง ๆ ก็มุ่งหน้ามาแล้ว+
เขาออกมาจากที่ของเขาเพื่อทำให้แผ่นดินของเจ้ากลายเป็นที่ที่น่าสยดสยอง
เมืองต่าง ๆ ของเจ้าจะถูกทำลายจนไม่มีใครอยู่เลย+
8 ดังนั้น ให้พวกเจ้าใส่ผ้ากระสอบ+
และร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะพระยะโฮวายังไม่หายโกรธพวกเรา
9 พระยะโฮวาบอกว่า “ในวันนั้นกษัตริย์กับพวกเจ้านายจะอกสั่นขวัญแขวน+
พวกปุโรหิตจะหวาดกลัว และพวกผู้พยากรณ์จะตกตะลึง”+
10 ผมจึงพูดว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด พระองค์หลอกคนเหล่านี้+กับชาวเยรูซาเล็มว่า ‘เจ้าจะมีความสงบสุข’+ ทั้ง ๆ ที่ดาบจี้อยู่ที่คอพวกเราแล้ว”
11 ในตอนนั้นคนเหล่านี้กับชาวเยรูซาเล็มจะได้ยินว่า
“ลมร้อนจากภูเขาที่แห้งแล้งในทะเลทราย
จะพัดมาใส่ประชาชนของเรา
ลมนี้ไม่ได้พัดมาเพื่อแยกสิ่งสกปรกออกจากข้าว
12 ลมพัดกระหน่ำมาจากที่นั่นตามคำสั่งของเรา
ตอนนี้เราจะประกาศคำพิพากษาพวกเขาแล้ว
13 ศัตรูจะมาเหมือนเมฆฝน
และรถศึกของเขาเป็นเหมือนลมพายุ+
ม้าของเขาเร็วกว่านกอินทรี+
พวกเราพินาศย่อยยับแน่!
14 ชาวเยรูซาเล็ม พวกเจ้าต้องล้างความชั่วให้หมดจากใจเพื่อจะได้รับการช่วยให้รอด+
พวกเจ้าจะคิดเรื่องชั่ว ๆ ไปอีกนานแค่ไหน?
15 เพราะมีคนส่งข่าวมาจากเมืองดาน+
และมีเสียงประกาศเตือนภัยดังมาจากเขตเทือกเขาของเอฟราอิม
16 ขอให้เจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกชาติทั้งหลาย
ประกาศเรื่องนี้ให้ชาวเยรูซาเล็มฟัง”
“มีทหารยาม*มาจากแดนไกล
พวกเขาจะโห่ร้องเพื่อโจมตีเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์
17 พวกเขาจะล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้ทุกด้านเหมือนคนเฝ้าทุ่งนา+
เพราะเมืองนี้กบฏต่อเรา”+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
18 “เจ้าจะได้รับผลจากการกระทำของเจ้า
เจ้าจะพินาศย่อยยับ+
เพราะใจเจ้าดื้อด้านจริง ๆ”
19 ผมเจ็บปวดใจเหลือเกิน
ผมปวดร้าวใจจริง ๆ
ใจผมสั่นไปหมด
20 มีข่าวเรื่องภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะทั้งแผ่นดินย่อยยับแล้ว
จู่ ๆ เต็นท์ของผมก็พังลงมา
ผ้าเต็นท์ของผมถูกทำลายในชั่วพริบตา+
22 “เพราะประชาชนของเราเป็นคนโง่+
พวกเขาไม่สนใจฟังเรา
พวกเขาเป็นลูกชายที่โง่ และไม่มีความเข้าใจ
พวกเขาฉลาดในเรื่องการทำชั่ว
แต่ไม่รู้จักการทำดี”
23 “ผมมองแผ่นดิน และเห็นว่ามันว่างเปล่าไร้ผู้คน+
ผมมองท้องฟ้า แต่ไม่เห็นแสงสว่าง+
24 เมื่อผมมองภูเขา ก็เห็นว่ามันกำลังสั่นสะเทือน
และเนินเขากำลังสั่นไหว+
25 เมื่อผมมองดู ผมไม่เห็นคนเลย
และนกบนฟ้าก็บินหนีไปหมด+
26 เมื่อผมมองดู ก็เห็นสวนผลไม้กลายเป็นที่กันดาร
และเมืองต่าง ๆ ถูกทำลายไปหมด+
เพราะพระยะโฮวาโกรธมาก
27 พระยะโฮวาพูดว่า “ทั้งแผ่นดินจะไม่มีคนอยู่+
แต่เราจะไม่ทำลายจนสิ้นซาก
29 เมื่อได้ยินเสียงทหารม้าและพลธนู
คนทั้งเมืองก็หนีไป+
พวกเขาหนีเข้าไปในป่าทึบ
และปีนขึ้นไปตามซอกผา+
เมืองทุกเมืองถูกทิ้งร้าง
ไม่มีคนอยู่เลย”
30 ตอนนี้เจ้าพินาศแล้ว และเจ้าจะทำอย่างไร?
เจ้าเคยสวมเสื้อผ้าสีแดงเข้ม
เคยสวมเครื่องประดับทองคำ
และทาตาด้วยสีดำเพื่อให้ดูโตขึ้น
แต่ถึงเจ้าแต่งตัวสวย ๆ ไปก็ไร้ประโยชน์+
เพราะคนที่เคยลุ่มหลงเจ้าทิ้งเจ้าไปแล้ว
ตอนนี้พวกเขากำลังตามล่าเอาชีวิตเจ้า+
31 ผมได้ยินเสียงเหมือนเสียงผู้หญิงที่ไม่สบาย
เหมือนเสียงร้องของผู้หญิงที่กำลังเจ็บปวดเพราะคลอดลูกคนแรก
เป็นเสียงลูกสาวของศิโยนที่กำลังจะขาดใจ
เธอยื่นมือออกไปและร้องว่า+
“ฉันไม่รอดแน่ ฉันเหนื่อยเหลือเกินเพราะพวกฆาตกร!”
5 เดินไปตามถนนในกรุงเยรูซาเล็มสิ
มองไปรอบ ๆ และดูให้ดี
ไปเสาะหาตามลานสาธารณะด้วย
ดูซิว่าเจ้าจะเจอคนที่มีความยุติธรรมสักคนไหม+
คือคนที่พยายามเป็นคนซื่อสัตย์
ถ้าเจ้าเจอ เราก็จะยกโทษให้เมืองนี้
2 แม้พวกเขาจะสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่
แต่พวกเขาก็ยังสาบานหลอก ๆ+
3 พระยะโฮวา พระองค์มองหาความซื่อสัตย์ไม่ใช่หรือ?+
พระองค์ตีพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้สึกอะไร
แม้พระองค์ทำลายพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้บทเรียน+
4 ผมคิดในใจว่า “คงเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนต่ำต้อย
พวกเขาทำอะไรโง่ ๆ เพราะไม่รู้จักแนวทางของพระยะโฮวา
และไม่รู้จักกฎหมายของพระเจ้าของพวกเขา
5 ผมจะไปพูดกับพวกคนใหญ่คนโต
เพราะพวกเขาคงจะสนใจแนวทางของพระยะโฮวา
และสนใจกฎหมายของพระเจ้าของพวกเขา+
แต่พวกเขาทุกคนก็หักแอก
และดึงเชือกจนขาดหมดแล้ว”
6 เพราะอย่างนี้ สิงโตตัวหนึ่งจึงออกจากป่ามาขย้ำพวกเขา
หมาป่าตัวหนึ่งจากที่ราบกันดารก็มาทำร้ายพวกเขาอยู่เรื่อย ๆ
และมีเสือดาวตัวหนึ่งคอยซุ่มอยู่ตามเมืองของพวกเขา
มันกัดฉีกทุกคนที่ออกจากเมืองเหล่านั้น
เพราะพวกเขาทำผิดมากมาย
และไม่ซื่อสัตย์หลายครั้งหลายหน+
7 เมื่อเจ้าทำอย่างนี้เราจะยกโทษให้เจ้าได้อย่างไร?
พวกลูกชายของเจ้าทิ้งเราไป
พวกเขาสาบานโดยอ้างสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า+
เราดูแลให้พวกเขามีทุกอย่างที่ต้องการ
แต่พวกเขาก็ยังเล่นชู้
และพากันไปที่บ้านโสเภณี
8 พวกเขาเป็นเหมือนม้าตัวผู้ที่อยากผสมพันธุ์
แต่ละคนต่างก็ร้องหาภรรยาของคนอื่น+
9 พระยะโฮวาบอกว่า “แล้วอย่างนี้เราไม่ควรเอาเรื่องพวกเขาหรือ?
เราไม่ควรแก้แค้นชนชาติที่ทำอย่างนี้หรือ?”+
10 “ไปทำลายสวนองุ่นของเมืองนี้
แต่อย่าทำลายจนสิ้นซาก+
ตัดกิ่งองุ่นแตกใหม่ทิ้งไปซะ
เพราะมันไม่ได้เป็นของพระยะโฮวา
11 เพราะพวกอิสราเอลและยูดาห์
ได้ทรยศเรามากเหลือเกิน” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้+
พวกเราจะไม่เจอหายนะ
ไม่เจอคมดาบและความอดอยากเลย’+
13 พวกผู้พยากรณ์พูดแต่เรื่องไร้สาระ
พวกเขาไม่มีคำของเรา
ขอให้พวกเขาสาบสูญไปเหมือนคำพูดของพวกเขาเอง”
14 พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพจึงบอกว่า
“เพราะพวกเขาพูดอย่างนั้น
เราจะทำให้คำพูดของเราเป็นเหมือนไฟในปากเจ้า+
ส่วนชนชาตินี้เป็นเหมือนฟืน
และคำพูดของเราจะเผาพวกเขา”+
15 พระยะโฮวาบอกว่า “ชาวอิสราเอล เราจะพาชาติหนึ่งจากแดนไกลมาต่อสู้พวกเจ้า+
ชาตินั้นเป็นชาติเก่าแก่
เป็นชาติที่มีมาแต่โบราณ
ชาตินั้นพูดภาษาที่พวกเจ้าไม่รู้จัก
พวกเจ้าจะไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไร+
16 กระบอกใส่ลูกธนูของพวกเขาเป็นเหมือนหลุมศพที่เปิดอยู่
พวกเขาทุกคนเป็นนักรบ
17 พวกเขาจะทำลายพืชผลและอาหารของพวกเจ้า+
จะฆ่าลูกชายลูกสาวของพวกเจ้า
จะฆ่าฝูงสัตว์ของพวกเจ้า
จะทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเจ้า
และจะใช้ดาบทำลายเมืองที่มีป้อมปราการซึ่งพวกเจ้าวางใจ”
18 พระยะโฮวาบอกว่า “แม้แต่ในเวลานั้น เราก็จะไม่ทำลายพวกเจ้าจนสิ้นซาก+ 19 และถ้าพวกเขาถามว่า ‘ทำไมพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราทำอย่างนี้?’ เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘เพราะพวกเจ้าทิ้งเราไปนมัสการพระของคนต่างชาติในแผ่นดินของพวกเจ้าเอง ดังนั้น พวกเจ้าจะต้องไปรับใช้คนต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของพวกเจ้า’”+
20 ไปบอกเรื่องนี้กับลูกหลานของยาโคบ
และไปประกาศในยูดาห์ว่า
21 “ฟังทางนี้ ชนชาติที่โง่และไร้ปัญญา+
22 พระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเจ้าไม่เกรงกลัวเราหรือ?
พวกเจ้าควรจะกลัวเราจนตัวสั่นไม่ใช่หรือ?
เราใช้ทรายกั้นทะเลไว้
และตั้งกฎถาวรที่มันจะฝ่าฝืนไม่ได้
แม้คลื่นจะซัดมา มันก็ข้ามไปไม่ได้
ถึงมันจะร้องคำรามแต่ก็ล้ำเขตไปไม่ได้+
23 แต่ชนชาตินี้มีใจดื้อดึงและคิดกบฏ
พวกเขาทิ้งเราไปทำตามใจตัวเอง+
24 พวกเขาไม่ได้คิดว่า
“พวกเราควรจะเกรงกลัวพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา
พระองค์ให้มีฝนตกตามฤดูกาล
ทั้งฝนในฤดูใบไม้ร่วงและฝนในฤดูใบไม้ผลิ
และให้เรามีฤดูเก็บเกี่ยวพืชผล”+
25 ความผิดของพวกเจ้าทำให้สิ่งเหล่านั้นไม่มีอีกแล้ว
บาปของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าไม่ได้รับสิ่งดี+
26 เพราะมีคนชั่วอยู่ท่ามกลางประชาชนของเรา
พวกเขาเป็นเหมือนคนล่านกที่หมอบอยู่กับพื้นและคอยเฝ้าดู
พวกเขาวางกับดักมรณะไว้จับคน
27 บ้านของพวกเขามีแต่การหลอกลวง+
เหมือนกรงที่มีนกอยู่เต็ม
พวกเขาจึงมีอำนาจและร่ำรวย
28 พวกเขาอ้วนท้วนผิวพรรณเต่งตึง
และทำแต่เรื่องชั่ว
พวกเขาไม่ช่วยสู้คดีให้ลูกกำพร้าพ่อ+
เพราะอยากให้ตัวเองเจริญรุ่งเรือง
และพวกเขาไม่ให้ความยุติธรรมกับคนจน’”+
29 พระยะโฮวาบอกว่า “แล้วอย่างนี้เราไม่ควรเอาเรื่องพวกเขาหรือ?
เราไม่ควรแก้แค้นชนชาติที่ทำอย่างนี้หรือ?
30 มีเรื่องน่าตกใจและน่ารังเกียจเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้
31 นั่นคือ พวกผู้พยากรณ์พูดแต่เรื่องโกหก+
พวกปุโรหิตใช้อำนาจควบคุมคนอื่น
และประชาชนของเราก็ชอบแบบนั้น+
แต่เมื่อจุดจบมาถึง พวกเจ้าจะทำอย่างไร?”
6 ชาวเบนยามิน ไปหาที่หลบภัยนอกกรุงเยรูซาเล็มเถอะ
เพราะหายนะจากทิศเหนือกำลังจะมา เป็นหายนะครั้งใหญ่+
2 เมืองศิโยนเป็นเหมือนผู้หญิงสวยที่อ่อนแอ+
3 พวกคนเลี้ยงแกะกับฝูงแกะจะไปที่นั่น
4 “เตรียมทำสงครามกับเมืองนี้เถอะ!
ลุกขึ้น ให้เราโจมตีเมืองนี้ตอนเที่ยงวัน”
“พวกเราแย่แน่ เพราะจวนจะเย็นแล้ว
แดดก็อ่อนลงทุกที”
5 “ลุกขึ้น ให้พวกเราโจมตีตอนกลางคืน
และไปทำลายป้อมปราการของเมืองนี้”+
6 เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพสั่งว่า
“ตัดต้นไม้และสร้างเนินดินเพื่อยึดกรุงเยรูซาเล็มซะ+
เมืองนี้จะต้องถูกลงโทษ
เพราะในเมืองนี้มีแต่การข่มเหง+
7 เมืองนี้เป็นแหล่งของความชั่ว
เหมือนที่บ่อเก็บน้ำเป็นแหล่งของน้ำเย็น
เมืองนี้มีแต่ข่าวเรื่องความรุนแรงและการทำลาย+
เราเห็นแต่ความเจ็บป่วยและภัยพิบัติ
8 ระวังตัวไว้เถอะกรุงเยรูซาเล็ม ไม่อย่างนั้นเราจะหันหน้าหนีเจ้าด้วยความรังเกียจ+
เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นเมืองร้าง เป็นแผ่นดินที่ไม่มีคนอยู่”+
9 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
“พวกเขาจะเก็บชาวอิสราเอลที่ยังเหลือรอดเหมือนเก็บองุ่นที่เหลืออยู่บนต้น
พวกเจ้าต้องยื่นมือไปเก็บอีกเหมือนเก็บองุ่นจากต้น”
10 “ผมควรจะพูดกับใครและเตือนใครดี?
จะมีใครฟังไหม?
หูของพวกเขาปิดอยู่* พวกเขาจึงฟังไม่ได้+
พวกเขาดูถูกคำพูดของพระยะโฮวา+
พวกเขาไม่ชอบคำพูดของพระองค์
11 ความโกรธของพระยะโฮวาอัดแน่นอยู่ในตัวผม
ผมอดกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว”+
“ระบายมันออกมาใส่เด็กตามถนนเลย+
และใส่พวกคนหนุ่มที่อยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ ด้วย
พวกเขาทุกคนจะถูกจับ ทั้งผู้ชายกับภรรยา
และคนเฒ่าคนแก่+
12 บ้านของพวกเขาจะถูกยกให้คนอื่น
พร้อมกับไร่นาและภรรยาของพวกเขา+
เพราะเราจะลงมือจัดการคนในแผ่นดินนี้” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนั้น
13 “เพราะพวกเขาทุกคนหาประโยชน์ด้วยวิธีทุจริต+ ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนสำคัญที่สุด
ตั้งแต่ผู้พยากรณ์จนถึงปุโรหิต พวกเขาฉ้อโกงกันหมด+
14 พวกเขารักษาแผล*ให้ประชาชนของเราอย่างลวก ๆ และบอกว่า
‘มีสันติสุข! มีสันติสุข!’
ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสันติสุขเลย+
15 พวกเขาอายไหมที่ได้ทำสิ่งที่น่าเกลียดอย่างนั้น?
พวกเขาไม่อายเลย!
พวกเขาไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าความอายเป็นอย่างไร+
ดังนั้น พวกเขาจะล้มไปกับคนที่ล้มไปแล้ว
เมื่อเราลงโทษพวกเขา พวกเขาจะสะดุดล้ม” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
16 พระยะโฮวาบอกว่า
“ไปยืนที่ทางแยกแล้วมองดู
ถามหาหนทางที่มีมาแต่โบราณสิ
ถามหาทางที่ดีแล้วเดินในทางนั้น+
และเจ้าจะได้หยุดพักผ่อน”
แต่คนพวกนั้นกลับพูดว่า “พวกเราจะไม่เดินในทางนั้น”+
แต่คนพวกนั้นกลับพูดว่า “พวกเราจะไม่ฟัง”+
18 “ดังนั้น ชาติต่าง ๆ ขอให้ฟังทางนี้
ให้พวกเจ้ารู้ไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
19 ฟังนะแผ่นดิน!
เราจะทำให้ชนชาตินี้เจอหายนะ+
เพราะพวกเขาคิดชั่ว
พวกเขาไม่ฟังเรา
และไม่เชื่อฟังกฎหมาย*ของเรา”
20 “เราไม่สนใจเลยที่เจ้าเอากำยานมาจากเชบา
และเอาตะไคร้หอมมาจากแดนไกล
เราไม่รับเครื่องบูชาเผาของเจ้า
และไม่ชอบเครื่องบูชาทั้งหมดของเจ้า”+
21 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า
“เราจะวางสิ่งที่ทำให้สะดุดตรงหน้าชนชาตินี้
พวกเขาจะสะดุดล้มเพราะสิ่งนั้น
ทั้งพ่อและลูกชาย
ทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อน ๆ
พวกเขาทุกคนจะพินาศ”+
22 พระยะโฮวาบอกว่า
“จะมีชนชาติหนึ่งมาจากแผ่นดินทางเหนือ
ชาติใหญ่ชาติหนึ่งจะถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาจากสุดขอบโลก+
23 พวกเขาจะถือคันธนูและหอก
พวกเขาโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
พวกเขาส่งเสียงคำรามเหมือนเสียงทะเล
พวกเขาจะขี่ม้ามา+
พวกเขามาตั้งทัพต่อสู้เมืองศิโยนอย่างนักรบ”
24 พอพวกเราได้ยินข่าวเรื่องชนชาตินั้น
25 อย่าออกไปนอกเมือง
อย่าไปเดินตามถนน
เพราะศัตรูมีดาบ
และมีแต่ความหวาดกลัวรอบด้าน
26 เพื่อนร่วมชาติของผม
ใส่ผ้ากระสอบ+และลงไปกลิ้งในกองขี้เถ้าเถอะ
ให้พวกคุณเสียใจเหมือนลูกชายคนเดียวตาย และร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ+
เพราะผู้ทำลายจะมาสู้กับพวกเราอย่างกะทันหัน+
27 “เราได้ทำให้เจ้า*เป็นคนถลุงโลหะ
เพื่อให้เจ้าถลุงประชาชนของเรา
เจ้าต้องสังเกตและเฝ้าดูว่าพวกเขาทำอะไร
พวกเขาเป็นเหมือนทองแดงและเหล็ก
พวกเขาทุกคนชั่วร้ายเลวทราม
29 เครื่องเป่าลมของช่างถลุงไหม้ไปแล้ว
เขาได้แต่ตะกั่วออกมา
30 ผู้คนจะเรียกพวกเขาว่า ‘เงินที่ถูกทิ้ง’
เพราะพระยะโฮวาทิ้งพวกเขาแล้ว”+
7 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์ว่า 2 “ให้เจ้าไปยืนที่ประตูวิหารของพระยะโฮวาและประกาศว่า ‘ชาวยูดาห์ทุกคนที่เข้ามาในประตูนี้เพื่อนมัสการพระยะโฮวา ขอให้ฟังคำของพระยะโฮวา 3 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “พวกเจ้าต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางชีวิตและการกระทำของตัวเอง แล้วเราจะให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป+ 4 อย่าเชื่อคำหลอกลวงและพูดว่า ‘นี่*เป็นวิหารของพระยะโฮวา เป็นวิหารของพระยะโฮวา เป็นวิหารของพระยะโฮวา!’+ 5 เพราะถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนแปลงแนวทางชีวิตและการกระทำของตัวเองจริง ๆ ถ้าพวกเจ้าให้ความยุติธรรมในคดีระหว่างคนหนึ่งกับเพื่อนบ้านของเขา+ 6 ถ้าพวกเจ้าไม่ข่มเหงคนต่างชาติ เด็กกำพร้า* และแม่ม่าย+ ถ้าพวกเจ้าไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์ในที่แห่งนี้ และถ้าพวกเจ้าไม่นมัสการพระอื่นจนต้องเจอหายนะ+ 7 เราก็จะให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป ในแผ่นดินที่เราได้ยกให้ปู่ย่าตายายของพวกเจ้าตลอดไป”’”
8 “แต่พวกเจ้ากลับเชื่อคำหลอกลวง+ที่ไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย 9 พวกเจ้าขโมย+ ฆ่าคน เล่นชู้ สาบานเท็จ+ เผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัล+ และนมัสการพระอื่น ๆ ที่พวกเจ้าไม่รู้จัก 10 แล้วพวกเจ้าจะมายืนต่อหน้าเราในวิหารหลังนี้ที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา และบอกว่า ‘พวกเรารอดแน่’ ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าทำสิ่งที่น่าเกลียดทั้งหมดนี้หรือ? 11 พวกเจ้าเห็นวิหารหลังนี้ที่ถูกเรียกตามชื่อของเราเป็นถ้ำโจรไปแล้วหรือ?+ เราเห็นนะว่าพวกเจ้าทำอะไรอยู่” พระยะโฮวาพูดไว้อย่างนี้
12 “‘แต่ตอนนี้ให้พวกเจ้าไปยังที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราในเมืองชิโลห์+ที่เราเลือกไว้สำหรับชื่อของเราในตอนแรก+ และดูว่าเราได้ทำอะไรกับที่นั่นเพราะอิสราเอลประชาชนของเราทำชั่ว’+ 13 พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่พวกเจ้ายังทำชั่วอยู่ และแม้เราพูดกับพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า* พวกเจ้าก็ไม่ฟัง+ เราเรียกพวกเจ้าหลายครั้ง พวกเจ้าก็ไม่ตอบ+ 14 ดังนั้น เราจะทำกับวิหารที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา+ซึ่งพวกเจ้าวางใจ+ และทำกับที่แห่งนี้ซึ่งเราได้ยกให้พวกเจ้าและปู่ย่าตายายของพวกเจ้าเหมือนที่เราทำกับเมืองชิโลห์+ 15 เราจะเหวี่ยงพวกเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเราเหมือนที่เราได้เหวี่ยงพี่น้องของพวกเจ้า คือลูกหลานทั้งหมดของเอฟราอิม’+
16 “ส่วนเจ้าก็อย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ อย่าขอหรืออ้อนวอนเราเพื่อพวกเขา+ เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า+ 17 เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเขาทำอะไรบ้างในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และตามถนนในกรุงเยรูซาเล็ม? 18 พวกลูกชายเก็บฟืน พวกพ่อก่อไฟ และพวกภรรยานวดแป้งทำขนมถวายราชินีแห่งท้องฟ้า*+ พวกเขาเทเครื่องบูชาดื่มถวายพระอื่นเพื่อทำให้เราโกรธ+ 19 พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่พวกเขาทำให้เราเจ็บปวด*หรือ? พวกเขาทำให้ตัวเองเจ็บปวดและอับอายขายหน้าต่างหาก’+ 20 ดังนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบอกว่า ‘เราจะระบายความโกรธใส่ที่นี่+ ใส่มนุษย์และสัตว์ ใส่ต้นไม้ในทุ่งและใส่พืชผลบนแผ่นดิน ความโกรธของเราจะเป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญและจะไม่ดับเลย’+
21 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เอาเลย เอาเครื่องบูชาเผามาถวายพร้อมกับเครื่องบูชาอื่น ๆ ของพวกเจ้า แล้วกินเนื้อด้วย+ 22 เพราะตอนที่เราพาปู่ย่าตายายของพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้น เราไม่ได้พูดหรือสั่งพวกเขาเรื่องเครื่องบูชาเผาและเครื่องบูชาอื่น ๆ เลย+ 23 แต่เราสั่งพวกเขาว่า “พวกเจ้าต้องฟังเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นประชาชนของเรา+ พวกเจ้าต้องใช้ชีวิตตามแนวทางที่เราสั่งไว้ แล้วพวกเจ้าจะอยู่ดีมีสุข”’+ 24 แต่พวกเขาไม่ฟังและไม่สนใจ*+ พวกเขาทำตามแผนการ*ของตัวเองและดื้อดึงทำตามใจชั่ว+ พวกเขาจึงถอยหลัง และไม่ก้าวหน้า 25 ตั้งแต่วันที่ปู่ย่าตายายของพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้+ ดังนั้น เราจึงส่งพวกผู้พยากรณ์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรามาหาพวกเจ้าเรื่อย ๆ เราส่งพวกเขามาทุกวันครั้งแล้วครั้งเล่า*+ 26 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเราและไม่สนใจ*+ พวกเขาดื้อด้านและทำชั่วยิ่งกว่าปู่ย่าตายายซะอีก
27 “เมื่อเจ้าพูดอย่างนี้กับพวกเขา+ พวกเขาจะไม่ฟัง เมื่อเจ้าเรียกพวกเขา พวกเขาจะไม่ตอบ 28 แล้วให้เจ้าพูดกับพวกเขาว่า ‘คนชาตินี้ไม่ฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาและไม่ยอมรับการอบรมสั่งสอน ไม่มีใครซื่อสัตย์เลย พวกเขาไม่พูดถึงความซื่อสัตย์ด้วยซ้ำ’+
29 “ตัดผมยาวของพวกคุณทิ้งซะ และร้องเพลงไว้อาลัยบนภูเขาหัวโล้น เพราะพระยะโฮวาไม่ยอมรับคนรุ่นนี้แล้ว และจะทิ้งคนที่ทำให้พระองค์โกรธมาก 30 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะชาวยูดาห์ทำสิ่งที่เราเห็นว่าชั่ว พวกเขาเอารูปเคารพที่น่าขยะแขยงมาตั้งไว้ในวิหารที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา และทำให้วิหารนั้นแปดเปื้อน+ 31 พวกเขาสร้างสถานบูชาบนที่สูงไว้ที่โทเฟทซึ่งอยู่ในหุบเขาของลูกชายฮินโนม*+ เพื่อเผาบูชายัญลูกชายและลูกสาวของตัวเอง+ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำและเราไม่เคยคิดจะให้พวกเขาทำด้วยซ้ำ’*+
32 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ดังนั้น จะมีวันหนึ่งที่เขาจะไม่เรียกที่นั่นว่าโทเฟทหรือหุบเขาของลูกชายฮินโนมอีก แต่จะเรียกว่าหุบเขาแห่งการฆ่า และเขาจะเอาศพมาฝังที่โทเฟทจนไม่มีที่เหลืออีก+ 33 ศพคนเหล่านี้จะเป็นอาหารของนกบนฟ้าและสัตว์ป่าบนแผ่นดิน และจะไม่มีใครไล่พวกมันไป+ 34 เราจะไม่ให้มีเสียงดีใจกับเสียงชื่นชมยินดี และเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว+ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และตามถนนในกรุงเยรูซาเล็มอีกต่อไป เพราะแผ่นดินนี้จะเหลือแต่ซาก’”+
8 พระยะโฮวาบอกว่า “ตอนนั้นกระดูกของกษัตริย์ยูดาห์ กระดูกพวกเจ้านาย กระดูกพวกปุโรหิต กระดูกพวกผู้พยากรณ์ และกระดูกชาวเยรูซาเล็มจะถูกขุดขึ้นมาจากหลุมศพ 2 กระดูกพวกนั้นจะกระจัดกระจายอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวบนฟ้าที่พวกเขารัก รับใช้ นมัสการ ขอการชี้นำ และกราบไหว้+ กระดูกพวกนั้นจะไม่มีใครเก็บไม่มีใครฝัง แต่จะเป็นเหมือนปุ๋ยบนดิน”+
3 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพประกาศว่า “ชนชาติชั่วร้ายนี้ที่ยังเหลือรอดอยู่ตามที่ต่าง ๆ ซึ่งเราได้ไล่พวกเขาไปอยู่นั้นจะอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่”
4 “และเจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาพูดว่า
“พวกเขาจะล้มลงแล้วไม่ลุกขึ้นอีกหรือ?
ถ้าคนหนึ่งกลับมา อีกคนหนึ่งจะไม่กลับมาด้วยหรือ?
5 ทำไมชาวเยรูซาเล็มพวกนี้ไม่ซื่อสัตย์ต่อเราอยู่เรื่อย?
พวกเขาหลอกลวงเสมอ
และไม่ยอมกลับมา+
6 เราตั้งใจฟังอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด
ไม่มีสักคนสำนึกผิดที่ได้ทำชั่ว หรือพูดว่า ‘ฉันทำอะไรลงไป?’+
ทุกคนกลับไปทำตามคนส่วนใหญ่ เหมือนม้าที่วิ่งเข้าสู่สนามรบ
7 แม้แต่นกกระสาในท้องฟ้าก็รู้เวลา*ของมัน
แต่ประชาชนของเราไม่เข้าใจคำพิพากษาของพระยะโฮวา”’+
8 ‘พวกเจ้าพูดได้อย่างไรว่า “พวกเราฉลาด พวกเรามีกฎหมาย*ของพระยะโฮวา”?
ทั้งที่ความจริงแล้วพวกผู้คัดลอก*ใช้ปากกา*+เขียนแต่เรื่องโกหก
9 คนฉลาดถูกทำให้อับอายแล้ว+
พวกเขากลัวและจะต้องติดกับดัก
พวกเขาไม่ยอมทำตามคำของพระยะโฮวา
แล้วพวกเขาเป็นคนฉลาดแบบไหนกัน?
10 ดังนั้น เราจะยกภรรยาของพวกเขาให้คนอื่น
และยกไร่นาของพวกเขาให้คนอื่นด้วย+
เพราะพวกเขาทุกคนหาประโยชน์ด้วยวิธีทุจริต+ ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนสำคัญที่สุด
ตั้งแต่ผู้พยากรณ์จนถึงปุโรหิต พวกเขาฉ้อโกงกันหมด+
11 พวกเขารักษาแผล*ให้ประชาชนของเราอย่างลวก ๆ และบอกว่า
“มีสันติสุข! มีสันติสุข!”
ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสันติสุขเลย+
12 พวกเขาอายไหมที่ได้ทำสิ่งที่น่าเกลียดอย่างนั้น?
พวกเขาไม่อายเลย!
พวกเขาไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าความอายเป็นอย่างไร+
ดังนั้น พวกเขาจะล้มไปกับคนที่ล้มไปแล้ว
เมื่อเราลงโทษพวกเขา พวกเขาจะสะดุดล้ม’+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
13 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เมื่อเรารวบรวมพวกเขามา เราจะทำลายพวกเขา
ต้นองุ่นจะไม่มีลูก ต้นมะเดื่อจะไม่มีผล และใบไม้จะเหี่ยวแห้ง
พวกเขาจะสูญเสียสิ่งที่เราเคยให้กับพวกเขา’”
14 “พวกเราจะนั่งกันอยู่ที่นี่ทำไม?
ให้พวกเราเข้าไปในเมืองที่มีป้อมปราการ+ด้วยกันแล้วตายที่นั่นเถอะ
เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราจะทำลายพวกเราแล้ว
พระยะโฮวาเอาน้ำที่มีพิษให้พวกเราดื่ม+
เพราะพวกเราทำบาปต่อพระองค์
15 พวกเราหวังว่าจะมีความสงบสุข แต่ไม่มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเลย
หวังว่าจะมีเวลารักษา แต่กลับมีความกลัว+
16 เสียงม้าหายใจดังมาจากเมืองดาน
ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน
เพราะเสียงร้องของม้าตัวผู้ของเขา
ศัตรูเข้ามาทำลายแผ่นดินนี้และทุกสิ่งในแผ่นดิน
ทั้งเมืองนี้และชาวเมือง”
17 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะส่งงูมาหาพวกเจ้า
เป็นงูพิษที่จะใช้มนตร์สะกดไม่ได้
พวกมันจะกัดพวกเจ้าแน่”
18 ผมเศร้าใจไม่หาย
ใจผมเป็นทุกข์เหลือเกิน
19 มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชาติของผม
ดังมาจากแดนไกลว่า
“พระยะโฮวาไม่อยู่ในศิโยนหรือ?
กษัตริย์ของศิโยนไม่อยู่ในเมืองหรือ?”
“ทำไมพวกเขาถึงทำให้เราโกรธเพราะรูปเคารพแกะสลัก
และเทวรูปที่ไร้ค่าของคนต่างชาติ?”
20 “ฤดูเกี่ยวผ่านไปแล้ว ฤดูร้อนก็สิ้นสุดแล้ว
แต่พวกเรายังไม่ได้รับการช่วยให้รอดเลย!”
21 ผมเจ็บปวดเพราะบาดแผลของเพื่อนร่วมชาติ+
ผมเศร้าใจและหวาดกลัว
22 ไม่มีน้ำมันยา*ในกิเลอาดหรือ?+
ที่นั่นไม่มีหมอหรือ?+
ทำไมเพื่อนร่วมชาติของผมไม่หายป่วย?+
9 ผมอยากให้หัวของผมเป็นบ่อน้ำตา
และให้ตาของผมเป็นตาน้ำ+
ผมจะได้ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน
ให้กับเพื่อนร่วมชาติที่ถูกฆ่า
2 ผมอยากมีที่พักสำหรับคนเดินทางในที่กันดาร
3 พวกเขาพร้อมจะพูดโกหกเหมือนโก่งคันธนูพร้อมยิง
แผ่นดินมีแต่ความหลอกลวง ไม่มีความซื่อสัตย์เลย+
พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเขาทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีก
และไม่สนใจเราเลย”+
4 “ทุกคนต้องระวังเพื่อนบ้านให้ดี
และอย่าไว้ใจพี่น้องของตัวเอง
5 ทุกคนโกงเพื่อนบ้าน
และไม่มีใครพูดความจริงเลย
พวกเขาฝึกโกหกจนเก่ง+
และทำผิดจนเหนื่อย
6 เจ้าอยู่ในที่ที่มีแต่ความหลอกลวง
พวกเขาโกหกและไม่อยากรู้จักเรา” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนั้น
7 ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
“เราจะถลุงและทดสอบพวกเขา+
เพราะเราจะทำอะไรกับประชาชนของเราได้อีกล่ะ?
8 ลิ้นพวกเขาเป็นเหมือนลูกธนูมรณะที่พูดหลอกลวง
ปากก็พูดจาดีกับเพื่อนบ้าน
แต่ในใจคิดจะดักซุ่มทำร้าย”
9 พระยะโฮวาบอกว่า “แล้วอย่างนี้เราไม่ควรเอาเรื่องพวกเขาหรือ?
เราไม่ควรแก้แค้นชนชาติที่ทำอย่างนี้หรือ?+
10 เราจะร้องไห้คร่ำครวญเพราะภูเขา
และจะร้องเพลงไว้อาลัยเพราะทุ่งหญ้าในที่กันดาร
เพราะมันถูกเผาจนไม่มีใครผ่านไปมา
และไม่มีใครได้ยินเสียงฝูงสัตว์
นกในท้องฟ้าและสัตว์ป่าก็หนีไปหมด+
11 เราจะทำให้กรุงเยรูซาเล็มกลายเป็นกองหิน+ เป็นที่อยู่ของหมาใน+
และเราจะทำให้เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์เป็นเมืองร้างและไม่มีใครอยู่เลย+
12 ใครฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องนี้บ้าง?
พระยะโฮวาได้พูดกับใครเพื่อให้เขาประกาศเรื่องนี้?
ทำไมแผ่นดินนี้จึงพินาศ?
ทำไมแผ่นดินนี้จึงถูกเผาเหมือนที่กันดาร
จนไม่มีใครผ่านไปมา?”
13 พระยะโฮวาตอบว่า “เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังกฎหมาย*ที่เราให้ไว้ และเพราะพวกเขาไม่ทำตามและไม่เชื่อฟังเรา 14 แต่กลับดื้อดึงทำตามใจตัวเอง+ และนมัสการรูปพระบาอัลอย่างที่ปู่ย่าตายายของพวกเขาสอนให้ทำ+ 15 ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะให้ชนชาตินี้กินบอระเพ็ดและดื่มน้ำที่มีพิษ+ 16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่ตามชาติต่าง ๆ ที่พวกเขาและปู่ย่าตายายของพวกเขาไม่รู้จัก+ และเราจะส่งดาบไปจัดการพวกเขาให้สิ้นซาก’+
17 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
‘เจ้าต้องทำตัวเหมือนคนที่มีความเข้าใจ
เรียกพวกผู้หญิงมาร้องเพลงไว้อาลัย+
และให้คนไปตามผู้หญิงมืออาชีพพวกนั้นมา’
18 ‘พวกเธอจะได้รีบมาร้องคร่ำครวญให้พวกเรา
ตาของพวกเราจะได้มีน้ำตาไหลออกมาเหมือนสายน้ำ
และเปลือกตาของพวกเราจะได้ชุ่มไปด้วยน้ำ+
19 เพราะมีเสียงร้องคร่ำครวญดังมาจากศิโยนว่า+
“พวกเราพินาศย่อยยับแล้ว!
พวกเราอายเหลือเกิน!
เพราะพวกเราต้องออกจากแผ่นดิน และพวกเขารื้อบ้านของพวกเราแล้ว”+
20 พวกผู้หญิง ขอให้ฟังคำพระยะโฮวา
ขอให้ฟังคำจากปากของพระองค์
สอนลูกสาวของพวกเจ้าให้ร้องคร่ำครวญ
และสอนเพลงไว้อาลัยนี้ให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ด้วย+
21 เพราะความตายเข้ามาทางหน้าต่างบ้านพวกเรา
และเข้ามาในป้อมปราการของพวกเราแล้ว
เพื่อจะจับเด็ก ๆ ไปจากถนน
และจับพวกหนุ่ม ๆ ไปจากลานสาธารณะ’+
22 ขอให้พูดว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า
“ศพคนตายจะกองบนพื้นเหมือนปุ๋ยที่อยู่ในทุ่ง
เหมือนฟ่อนข้าวใหม่ที่คนเกี่ยววางเรียงไว้
และไม่มีใครมาเก็บ”’”+
23 พระยะโฮวาบอกว่า
24 “แต่ให้คนที่อวดนั้นอวดว่า
เขามีความเข้าใจและความรู้เกี่ยวกับเรา+
และรู้ว่าเราคือยะโฮวา เป็นผู้แสดงความรักที่มั่นคง ความยุติธรรม และความถูกต้องชอบธรรมบนโลก+
เพราะเราพอใจอย่างนี้”+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนั้น
25 พระยะโฮวาบอกว่า “สักวันหนึ่งเราจะคิดบัญชีกับทุกคนทั้งที่เข้าสุหนัตและไม่ได้เข้าสุหนัต+ 26 คือพวกอียิปต์+ ยูดาห์+ เอโดม+ อัมโมน+ และโมอับ+ รวมทั้งทุกคนที่อยู่ในที่กันดารซึ่งเป็นพวกที่ตัดผมข้างหูออก+ เพราะทุกชาติไม่ได้เข้าสุหนัต และพวกอิสราเอลทั้งหมดไม่ได้เข้าสุหนัตที่หัวใจ”+
10 ชาวอิสราเอล ขอให้พวกเจ้าฟังพระยะโฮวาพูดกับพวกเจ้า 2 พระยะโฮวาพูดว่า
“อย่าเลียนแบบชาติต่าง ๆ+
และอย่ากลัวสัญญาณบอกเหตุในท้องฟ้า
เพราะชาติต่าง ๆ กลัวสิ่งเหล่านั้น+
3 ประเพณีของพวกเขาเป็นสิ่งหลอกลวง*
ช่างแกะสลักตัดต้นไม้จากป่า
แล้วใช้เครื่องมือทำเป็นรูปเคารพ+
5 มันเป็นเหมือนหุ่นไล่กาในไร่แตงกวา เพราะพูดไม่ได้+
ต้องให้คนแบกไป เพราะเดินไม่ได้+
อย่ากลัวมัน เพราะมันทำร้ายใครไม่ได้
และทำดีก็ไม่ได้”+
6 พระยะโฮวา ไม่มีใครเหมือนพระองค์+
พระองค์เป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ชื่อของพระองค์ก็ยิ่งใหญ่และพระองค์มีอำนาจมาก
7 พระองค์เป็นกษัตริย์ของชาติต่าง ๆ+ ทุกคนควรเกรงกลัวพระองค์เพราะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
และในหมู่คนฉลาดของอาณาจักรต่าง ๆ
ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้เลย+
8 พวกเขาทุกคนคิดหาเหตุผลไม่เป็นและโง่+
คำสอนของรูปเคารพที่แกะสลักจากไม้ก็เป็นคำหลอกลวง*ทั้งนั้น+
9 แผ่นเงินมาจากทาร์ชิช+และทองคำมาจากอุฟาส
พวกช่างฝีมือและช่างโลหะเอามาหุ้มรูปเหล่านั้น
เสื้อผ้าของมันทอด้วยด้ายสีฟ้าและด้ายขนสัตว์สีม่วง
มันเป็นผลงานของช่างที่ชำนาญ
10 แต่พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
พระองค์เป็นพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่+และเป็นกษัตริย์ตลอดไป+
เมื่อพระองค์โกรธ แผ่นดินก็สั่นสะเทือน+
และไม่มีชาติไหนจะทนได้เมื่อถูกพระองค์ตำหนิ
11 * พวกเจ้าต้องบอกพวกเขาว่า
“พวกพระที่ไม่ได้สร้างฟ้าและโลก
จะถูกทำลายให้หมดไปจากโลกและจากใต้ฟ้า”+
12 พระองค์เป็นผู้สร้างโลกด้วยพลังของพระองค์
พระองค์สร้างแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสติปัญญา+
และกางท้องฟ้าไว้ด้วยความเข้าใจ+
14 มนุษย์ทุกคนทำอะไรไม่มีเหตุผลและไม่มีความรู้
ช่างโลหะทุกคนจะต้องอับอายเพราะรูปเคารพแกะสลักนั้น+
เพราะรูปหล่อโลหะที่เขาทำขึ้นเป็นพระเท็จ
และมันไม่มีลมหายใจ+
15 มันเป็นสิ่งหลอกลวง* และเป็นผลงานที่น่าเยาะเย้ย+
เมื่อถึงเวลาที่มันถูกคิดบัญชี มันก็จะพินาศ
16 พระเจ้า*ของยาโคบไม่เหมือนรูปเคารพเหล่านั้น
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง
และอิสราเอลคือไม้เท้าที่เป็นสมบัติของพระองค์+
พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพคือชื่อของพระองค์+
17 ผู้หญิงที่ถูกล้อม
เก็บของขึ้นจากพื้นดินเถอะ
18 เพราะพระยะโฮวาบอกว่า
“คราวนี้เราจะเหวี่ยงคนที่อยู่ในแผ่นดินออกไป+
และเราจะทำให้พวกเขาเป็นทุกข์”
19 ฉันไม่รอดแน่ เพราะฉันมีแผล*+
ฉันมีบาดแผลที่รักษาไม่หาย
ฉันพูดว่า “นี่เป็นความเจ็บป่วยของฉันเอง และฉันต้องทน
20 เต็นท์ของฉันถูกทำลาย และเชือกเต็นท์ของฉันขาดหมดแล้ว+
พวกลูกชายก็ทิ้งฉันไปหมด+
ไม่เหลือใครช่วยกางเต็นท์หรือขึงผ้าเต็นท์ให้ฉันเลย
พวกเขาจึงทำสิ่งที่ไม่รอบคอบ
และฝูงแกะของพวกเขาก็กระจัดกระจายไปหมด”+
22 ฟังสิ มีข่าวมา!
มีเสียงทุบดังสนั่นมาจากดินแดนทางเหนือ+
เพื่อทำให้เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์กลายเป็นเมืองร้างและเป็นที่อยู่ของหมาใน+
23 พระยะโฮวา ผมรู้ว่ามนุษย์กำหนดแนวทางชีวิตของตัวเองไม่ได้
แต่ละย่างก้าวของชีวิต เขาก็ยังกำหนดไม่ได้ด้วยซ้ำ+
24 พระยะโฮวา โปรดว่ากล่าวแก้ไขผมตามที่พระองค์เห็นว่าเหมาะสม
25 ขอพระองค์ระบายความโกรธต่อชาติต่าง ๆ ที่ไม่สนใจพระองค์+
และต่อตระกูลต่าง ๆ ที่ไม่ร้องเรียกชื่อพระองค์
เพราะพวกเขาทำลายยาโคบไปแล้ว+
พวกเขาทำลายยาโคบจนสิ้นซาก+
และทำให้บ้านเกิดเมืองนอนของยาโคบถูกทิ้งร้าง+
11 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์ว่า 2 “ให้ทุกคนฟังข้อความในสัญญานี้!
“เจ้าต้องไปบอก*ข้อความในสัญญานี้กับชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม 3 และบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “คนที่ไม่เชื่อฟังข้อความในสัญญานี้จะถูกสาปแช่ง+ 4 ข้อความเหล่านี้เราได้สั่งปู่ย่าตายายของพวกเจ้าไว้ตอนที่เราพาพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์+ ออกมาจากเตาถลุงเหล็ก+ และตอนนั้นเราบอกว่า ‘พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเราและทำทุกสิ่งที่เราสั่งไว้ แล้วพวกเจ้าจะเป็นประชาชนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า+ 5 เราจะได้ทำตามที่เราสาบานไว้กับปู่ย่าตายายของพวกเจ้าว่าจะยกแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งมากมายให้พวกเขา+ และตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นแล้ว’”’”
ผมจึงตอบว่า “อาเมน* พระยะโฮวา”
6 พระยะโฮวาพูดกับผมอีกว่า “ขอให้เจ้าไปประกาศตามเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และตามถนนในกรุงเยรูซาเล็มว่า ‘พวกเจ้าต้องฟังข้อความในสัญญานี้และทำตาม 7 เพราะเรากำชับปู่ย่าตายายของพวกเจ้าไว้ตั้งแต่วันที่เราพาพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงวันนี้ เราเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าว่า* “พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเรา”+ 8 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเราและไม่สนใจ* ทุกคนดื้อดึงทำตามใจชั่ว+ เราจึงทำให้พวกเขาเจอทุกอย่างตามที่บอกไว้ในสัญญานั้น เพราะพวกเขาไม่ทำตามที่เราสั่งไว้’”
9 พระยะโฮวาพูดกับผมอีกว่า “ชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มคบคิดกัน 10 พวกเขาทำผิดเหมือนปู่ย่าตายายของพวกเขาซึ่งไม่ยอมฟังเรา+ และไปนมัสการพระอื่นเหมือนกัน+ พวกอิสราเอลกับยูดาห์ฉีกสัญญาที่เราทำไว้กับปู่ย่าตายายของพวกเขา+ 11 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะให้พวกเขาเจอหายนะ+ซึ่งพวกเขาจะหนีไม่พ้น เมื่อพวกเขาขอร้องให้เราช่วย เราจะไม่ฟัง+ 12 แล้วชาวเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มจะไปหาพระที่พวกเขาเคยเผาเครื่องบูชาถวายเพื่อขอความช่วยเหลือ+ แต่พระเหล่านั้นจะช่วยพวกเขาให้รอดจากหายนะไม่ได้ 13 ยูดาห์ เจ้ามีพระมากพอ ๆ กับเมืองของเจ้า และมีแท่นบูชาสำหรับสิ่งที่น่าอาย*มากพอ ๆ กับถนนในกรุงเยรูซาเล็ม คือแท่นสำหรับถวายเครื่องบูชาแก่พระบาอัล’+
14 “ส่วนเจ้า*ก็อย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ และอย่าขอร้องหรืออ้อนวอนเพื่อพวกเขา+ เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อพวกเขาขอให้เราช่วยตอนที่เจอหายนะ
15 ประชาชนที่เรารักมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในวิหารของเรา
ในเมื่อพวกเขาทำชั่วกันมากอย่างนี้?
พวกเขาจะถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาเพื่อช่วยเจ้าให้พ้นจากหายนะได้หรือ?
ถึงตอนนั้นเจ้าจะยินดีหรือ?
16 พระยะโฮวาเคยเรียกเจ้าว่าต้นมะกอกที่เจริญงอกงาม
ดูสมบูรณ์ดีและมีลูกดก
พระองค์จุดไฟเผามัน และมีเสียงดังสนั่น
และพวกเขาก็มาหักกิ่งของมัน
17 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพซึ่งเป็นผู้ปลูกเจ้า+ได้บอกว่าเจ้าจะเจอหายนะ เพราะพวกอิสราเอลและยูดาห์ทำชั่วและทำให้พระองค์โกรธด้วยการเผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัล”+
18 พระยะโฮวาบอกให้ผมรู้
ตอนนั้นพระองค์ให้ผมเห็นว่าพวกเขากำลังทำอะไร
19 ผมเป็นเหมือนลูกแกะเชื่อง ๆ ที่ถูกจูงไปให้คนฆ่า
ผมไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนทำร้ายผม+ และพูดกันว่า
“ให้พวกเราทำลายต้นไม้ต้นนี้และลูกของมัน
ให้พวกเราฆ่าเขาซะ
จะได้ไม่มีใครจำชื่อเขาได้อีก”
20 แต่พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพตัดสินด้วยความยุติธรรม
พระองค์ตรวจดูส่วนลึกที่สุดของความคิดจิตใจ*และหัวใจ+
ขอให้ผมได้เห็นพระองค์แก้แค้นพวกเขาเถอะ
เพราะผมมอบคดีของผมให้พระองค์จัดการแล้ว
21 พระยะโฮวาจึงพูดถึงชาวอานาโธท+ พวกเขาหาทางฆ่าผมและขู่ผมว่า “อย่าพยากรณ์ในนามพระยะโฮวา+ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะฆ่าแก!” 22 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพจึงบอกว่า “เราจะคิดบัญชีพวกเขา พวกคนหนุ่มจะตายเพราะดาบ+ และลูกชายลูกสาวของพวกเขาจะอดตาย+ 23 พวกเขาจะไม่เหลือรอดสักคนเดียว เพราะเราจะทำให้ชาวอานาโธท+เจอหายนะในปีที่เราจะคิดบัญชีพวกเขา”
12 พระยะโฮวา เมื่อผมคร่ำครวญให้พระองค์ฟังและพูดเรื่องการพิพากษาของพระองค์+
พระองค์ก็ให้ความยุติธรรม
แต่ทำไมคนชั่วประสบความสำเร็จ+
และทำไมคนทรยศไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลย?
2 พระองค์ปลูกพวกเขา และพวกเขาก็หยั่งราก
พวกเขาเติบโตและเกิดผล
พวกเขาพูดถึงพระองค์บ่อย ๆ แต่ไม่มีพระองค์อยู่ในส่วนลึกที่สุดของความคิดจิตใจ*พวกเขา+
3 พระยะโฮวา พระองค์รู้จักผมดี+ พระองค์เห็นผม
พระองค์ตรวจดูหัวใจของผมและเห็นว่าผมจงรักภักดีต่อพระองค์+
ขอแยกพวกเขาออกมาเหมือนแยกแกะเอาไปฆ่า
และแยกพวกเขาไว้ต่างหากเพื่อรอวันถูกฆ่า
4 แผ่นดินนี้จะแห้งแล้งไปอีกนานแค่ไหน?
และพืชผักในไร่นาจะเหี่ยวแห้งอีกนานไหม?+
เพราะความชั่วของคนที่อยู่ในแผ่นดินนี้
สัตว์และนกทั้งหลายจึงหายไปหมด
พวกเขาบอกว่า “พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา”
5 ถ้าเจ้าวิ่งแข่งกับคนก็ยังเหนื่อย
แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?+
ถึงแม้เจ้ามั่นใจในแผ่นดินที่สงบสุข
แต่เจ้าจะทำอย่างไรถ้าไปอยู่ในป่าทึบริมแม่น้ำจอร์แดน?
6 เพราะแม้แต่พี่น้องของเจ้าซึ่งเป็นคนในบ้านของพ่อเจ้าเอง
ก็ยังทรยศเจ้า+
พวกเขาตะโกนด่าเจ้า
อย่าเชื่อพวกเขา
แม้พวกเขาจะพูดดีกับเจ้า
7 “เราทิ้งวิหารของเราแล้ว+ เราทิ้งประชาชนที่เป็นสมบัติของเราแล้ว+
เราปล่อยให้คนที่เรารักมากตกอยู่ในมือพวกศัตรู+
8 เธอที่เป็นสมบัติของเราเป็นเหมือนสิงโตในป่า
เธอคำรามใส่เรา
เราจึงเกลียดเธอ
9 เธอที่เป็นสมบัติของเราเป็นเหมือนนกล่าเหยื่อที่มีหลายสี*
นกล่าเหยื่อตัวอื่น ๆ ก็มารุมทำร้าย+
สัตว์ป่าทั้งหลาย มากันเลย
เข้ามากินมันเถอะ+
พวกเขาทำให้ที่ดินที่สวยงามของเรากลายเป็นที่กันดารว่างเปล่า
11 มันกลายเป็นแผ่นดินรกร้าง
แผ่นดินทั้งสิ้นถูกทำให้ร้าง
แต่ไม่มีใครสนใจเลย+
12 พวกผู้ทำลายพากันมาตามถนนเก่าแก่ซึ่งตัดผ่านที่กันดาร
เพราะดาบของพระยะโฮวากำลังสังหารคนทั่วทุกมุมโลก+
ไม่มีใครมีความสงบสุขเลย
13 พวกเขาหว่านข้าวสาลีแต่เก็บเกี่ยวหนาม+
พวกเขาทำงานหนักจนหมดแรงแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไร
พวกเขาจะต้องอายเพราะผลผลิตที่ได้มา
เพราะพระยะโฮวาโกรธมาก”
14 พระยะโฮวาบอกว่า “ส่วนเพื่อนบ้านชั่วช้าซึ่งมาแตะต้องมรดกที่เรายกให้อิสราเอลประชาชนของเรานั้น+ เรากำลังถอนรากถอนโคนพวกเขาจากแผ่นดินของพวกเขา+ และเราจะถอนรากถอนโคนพวกยูดาห์ออกจากท่ามกลางพวกเขา 15 แต่เมื่อเราถอนรากถอนโคนพวกเขาแล้ว เราจะเมตตาพวกเขาอีกและจะพากลับมายังแผ่นดินที่เป็นมรดกของพวกเขา”
16 “ถ้าพวกเขาตั้งใจเรียนรู้แนวทางของประชาชนของเรา และสาบานโดยออกชื่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ เหมือนที่พวกเขาเคยสอนประชาชนของเราให้สาบานโดยออกชื่อพระบาอัล พวกเขาก็จะเจริญรุ่งเรืองไปกับประชาชนของเรา 17 แต่ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง เราก็จะถอนรากถอนโคนชาตินั้นและทำลายพวกเขา” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้+
13 พระยะโฮวาสั่งผมว่า “ไปซื้อผ้าลินินมาคาดเอวไว้ แต่อย่าเอาผ้านั้นไปจุ่มน้ำ” 2 ผมจึงไปซื้อผ้ามาคาดเอวไว้ตามที่พระยะโฮวาสั่ง 3 และพระยะโฮวาสั่งผมเป็นครั้งที่สองว่า 4 “เอาผ้าคาดเอวที่เจ้าซื้อมาไปที่แม่น้ำยูเฟรติส แล้วซ่อนมันไว้ในซอกหินริมแม่น้ำ” 5 ผมจึงเอาผ้าคาดเอวไปซ่อนไว้ริมแม่น้ำยูเฟรติสตามที่พระยะโฮวาสั่ง
6 แต่หลายวันต่อมาพระยะโฮวาสั่งผมว่า “ไปที่แม่น้ำยูเฟรติสแล้วเอาผ้าคาดเอวที่เราสั่งให้เจ้าเอาไปซ่อนนั้นกลับมา” 7 ผมจึงไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและขุดเอาผ้าคาดเอวออกมาจากที่ซ่อน และผมก็เห็นว่าผ้าคาดเอวนั้นเปื่อยจนใช้ไม่ได้อีกต่อไป
8 แล้วพระยะโฮวาพูดกับผมว่า 9 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะทำลายความหยิ่งของยูดาห์และความจองหองของเยรูซาเล็มอย่างนี้แหละ+ 10 ชนชาติชั่วนี้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังเรา+จะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวซึ่งใช้ไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาดื้อดึงทำตามใจตัวเอง+และไปนมัสการ รับใช้ และกราบไหว้พระอื่น ๆ’ 11 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เหมือนกับผ้าคาดเอวที่ติดอยู่กับเอวคน เราได้ทำให้พวกอิสราเอลกับพวกยูดาห์ทั้งหมดติดอยู่กับเราเพื่อจะเป็นประชาชนของเรา+ เป็นชื่อเสียงของเรา+ เป็นคำสรรเสริญของเรา และเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังเรา’+
12 “และเจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “ไหใบใหญ่ทุกใบต้องมีเหล้าองุ่นอยู่เต็ม”’ แล้วพวกเขาจะพูดกับเจ้าว่า ‘พวกเราก็รู้อยู่แล้วว่าไหใบใหญ่ทุกใบต้องมีเหล้าองุ่นอยู่เต็ม’ 13 แล้วให้เจ้าบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะให้ทุกคนในแผ่นดินดื่มจนเมา+ ทั้งกษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด พวกปุโรหิต พวกผู้พยากรณ์ และชาวเยรูซาเล็มทุกคน” 14 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะทำให้พวกเขาสู้กันเอง ทั้งพ่อและลูก+ เราจะไม่สงสารและไม่เสียใจและไม่เมตตาเลย เราจะทำลายพวกเขา และไม่มีอะไรหยุดเราได้”’+
15 ขอให้ตั้งใจฟัง
อย่าหยิ่งนักเลย เพราะพระยะโฮวาพูดแล้ว
16 ขอให้ยกย่องพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า
ก่อนที่พระองค์จะทำให้เกิดความมืด
และก่อนที่เจ้าจะสะดุดล้มอยู่บนภูเขาตอนใกล้ค่ำ
เจ้าอยากให้มีแสงสว่าง
แต่พระองค์จะทำให้มีความมืดมน
พระองค์จะทำให้แสงสว่างกลายเป็นความมืด+
17 ถ้าพวกคุณไม่ยอมฟัง
ผมจะแอบร้องไห้เพราะพวกคุณหยิ่ง
18 ไปบอกกษัตริย์กับราชมารดาว่า+ ‘ลงไปนั่งในที่ต่ำ ๆ เถอะ
เพราะมงกุฎที่สวยงามจะหลุดจากหัวของเจ้าแล้ว’
19 เมืองต่าง ๆ ทางใต้ก็ถูกปิด*และไม่มีใครเปิดได้
ชาวยูดาห์ทุกคนถูกจับไปเป็นเชลย พวกเขาถูกกวาดต้อนไปหมด+
20 เงยหน้ามองดูพวกที่มาจากทางเหนือสิ+
ฝูงแกะที่สมบูรณ์ที่เจ้าได้มาอยู่ไหนแล้วล่ะ?+
21 เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อเจ้าถูกลงโทษ
โดยเพื่อน ๆ ที่เจ้าสนิทมาตั้งแต่แรก+
เจ้าจะไม่เจ็บปวดเหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูกหรือ?+
22 เมื่อเจ้าคิดในใจว่า ‘ทำไมฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย?’+
ก็ขอให้รู้ไว้ว่าเพราะเจ้าทำผิดร้ายแรง กระโปรงของเจ้าจึงถูกถอด+
และส้นเท้าของเจ้าก็เจ็บมาก
23 ชาวคูช*จะเปลี่ยนสีผิวและเสือดาวจะเปลี่ยนลายได้หรือ?+
ถ้าได้ พวกเจ้าซึ่งเคยถูกฝึกให้ทำชั่วก็คงจะทำดีได้เหมือนกัน
24 ดังนั้น เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปเหมือนฟางที่ถูกลมทะเลทรายพัดปลิวไป+
25 พระยะโฮวาบอกว่า “นี่เป็นส่วนของเจ้าซึ่งเราได้ตวงให้เจ้า
26 ดังนั้น เราจะถอดกระโปรงเจ้าออก
ให้เจ้าอับอายต่อหน้าคนอื่น+
27 เพราะเจ้าเล่นชู้+และร้องหาคู่นอน
เจ้าขายตัวอย่างน่าเกลียด*
เราเห็นเจ้าทำตัวน่ารังเกียจ+
บนภูเขาและในไร่นา
เยรูซาเล็ม เจ้าพินาศแน่!
เจ้าจะทำตัวสกปรกโสโครกไปอีกนานแค่ไหน?”+
14 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์เรื่องความแห้งแล้งว่า+
2 ยูดาห์โศกเศร้า+ และประตูเมืองของยูดาห์พังแล้ว
เหมือนคนทุกข์ใจที่ทรุดตัวลงกับพื้น
มีเสียงร้องออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม
3 พวกเจ้านายสั่งให้คนรับใช้ไปตักน้ำ
คนรับใช้ก็ไปที่บ่อเก็บน้ำ*แต่ไม่เจอน้ำเลย
พวกเขาถือไหเปล่ากลับมา
พวกเขาอายและผิดหวัง
และเอาผ้าคลุมหัวไว้
5 แม้แต่กวางตัวเมียในทุ่งก็ยังทิ้งลูกอ่อน
เพราะไม่มีหญ้าให้กิน
6 ลาป่ายืนอยู่บนภูเขาหัวโล้น
พวกมันหอบเหมือนหมาใน
พวกมันตามัวเพราะไม่มีพืชผัก+
7 แม้ความผิดของพวกเราจะมัดตัวพวกเราเอง
แต่ขอพระยะโฮวาทำอะไรสักอย่างเพื่อเห็นแก่ชื่อของพระองค์+
เพราะพวกเราไม่ซื่อสัตย์หลายครั้งหลายหน+
และพวกเราทำผิดต่อพระองค์
8 พระองค์ผู้เป็นความหวังของอิสราเอลและผู้ช่วยให้รอด+ในเวลาลำบาก
ทำไมพระองค์กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าในแผ่นดินนี้
และเป็นเหมือนคนเดินทางที่มาแวะค้างคืนเท่านั้น?
9 ทำไมพระองค์เป็นเหมือนคนที่ทำอะไรไม่ถูก
และเป็นเหมือนคนมีกำลังมากที่ช่วยใครไม่ได้?
ขออย่าทิ้งพวกเราเลย
10 พระยะโฮวาพูดถึงชนชาตินี้ว่า “พวกเขาชอบเถลไถล+ ไม่รู้จักยั้งเท้าของตัวเอง+ พระยะโฮวาจึงไม่พอใจพวกเขา+ ตอนนี้พระองค์จะคิดถึงความผิดของพวกเขาและจะคิดบัญชีพวกเขา”+
11 พระยะโฮวาบอกว่า “อย่าอธิษฐานขอสิ่งดี ๆ ให้ชนชาตินี้+ 12 เมื่อพวกเขาถือศีลอดอาหาร เราจะไม่ฟังคำขอของพวกเขา+ เมื่อพวกเขาถวายเครื่องบูชาเผาและเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว เราจะไม่พอใจเครื่องบูชาพวกนั้น+ เราจะทำลายพวกเขาด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด”+
13 ผมจึงพูดว่า “แย่แล้ว พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด! พวกผู้พยากรณ์บอกพวกเขาว่า ‘พวกคุณจะไม่ตายด้วยดาบหรอก และจะไม่ต้องอดอยากด้วย แต่พระเจ้าจะให้พวกคุณมีความสงบสุขในแผ่นดินนี้’”+
14 พระยะโฮวาจึงพูดกับผมว่า “ผู้พยากรณ์พวกนั้นพยากรณ์เรื่องโกหกโดยอ้างชื่อเรา+ เราไม่ได้ใช้พวกเขาไปและไม่ได้สั่งหรือพูดอะไรกับพวกเขาเลย+ คำพยากรณ์ที่พวกเขาบอกเจ้านั้นเป็นนิมิตหลอก ๆ และเป็นคำทำนายที่ไม่มีประโยชน์ พวกเขาพยากรณ์เรื่องหลอกลวงที่อยู่ในใจพวกเขา+ 15 ดังนั้น พระยะโฮวาพูดถึงพวกผู้พยากรณ์ที่พระองค์ไม่ได้ใช้ไปแต่ได้พยากรณ์โดยอ้างชื่อของพระองค์และบอกว่าจะไม่มีการฆ่าฟันหรือความอดอยากในแผ่นดินนี้ว่า ‘พวกเขาจะตายเพราะดาบและความอดอยาก+ 16 และคนที่พวกเขาพยากรณ์ให้ฟังจะกลายเป็นศพที่ถูกโยนทิ้งตามถนนในกรุงเยรูซาเล็มเพราะความอดอยากและคมดาบ จะไม่มีใครฝังพวกเขา+ หรือภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของพวกเขาเลย เพราะเราจะทำให้พวกเขาเจอหายนะอย่างที่สมควรได้รับ’+
17 “เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า
‘ผมจะร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน+
เพราะเพื่อนร่วมชาติของผมถูกตีจนย่อยยับ+
พวกเขาบาดเจ็บสาหัส
18 ถ้าผมออกไปดูนอกเมือง
ก็เห็นคนถูกฆ่าด้วยดาบ+
ถ้าผมเข้าไปในเมือง
ก็เห็นคนป่วยเพราะอดอยาก+
ผู้พยากรณ์กับปุโรหิตเดินทางไปทั่วแผ่นดินที่พวกเขาไม่รู้จัก’”+
19 พระองค์ตัดขาดยูดาห์แล้วหรือ? พระองค์เกลียดศิโยนแล้วหรือ?+
ทำไมพระองค์ตีพวกเราจนหมดทางรักษา?+
พวกเราหวังว่าจะมีความสงบสุข แต่ไม่มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเลย
หวังว่าจะมีเวลารักษา แต่กลับมีความกลัว+
20 พระยะโฮวา พวกเรายอมรับว่าทำชั่ว
และยอมรับว่าปู่ย่าตายายของพวกเราทำผิด
พวกเราทำบาปต่อพระองค์+
21 เพื่อเห็นแก่ชื่อของพระองค์ ขออย่าทิ้งพวกเราเลย+
อย่ารังเกียจบัลลังก์ที่งดงามของพระองค์
ขอนึกถึงสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับพวกเรา และอย่ายกเลิกสัญญานั้นเลย+
22 ไม่มีรูปเคารพไร้ค่าของชาติไหนจะทำให้ฝนตกได้
ท้องฟ้าก็ทำให้ฝนตกลงมาเองไม่ได้
พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา พระองค์เป็นผู้เดียวที่ทำอย่างนั้นได้+
และพวกเรารอคอยพระองค์
เพราะพระองค์ผู้เดียวเคยทำสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว
15 พระยะโฮวาพูดกับผมว่า “ถึงโมเสสกับซามูเอลจะมายืนอยู่ต่อหน้าเรา+ เราก็จะไม่เมตตาชนชาตินี้ ไล่พวกเขาไปให้พ้นหน้าเราซะ! 2 ถ้าพวกเขาถามเจ้าว่า ‘แล้วพวกเราจะเป็นยังไง?’ เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า
“บางคนจะตายเพราะโรคร้าย
บางคนจะตายเพราะดาบ+
บางคนจะตายเพราะอดอยาก
และบางคนจะถูกจับไปเป็นเชลย”’+
3 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘แล้วเราจะให้พวกเขาเจอหายนะ 4 อย่าง*+ คือให้ดาบมาฆ่าฟัน ให้หมามาลากไป และให้นกในท้องฟ้ากับสัตว์ป่าในแผ่นดินมากินและทำลาย+ 4 และเราจะทำให้อาณาจักรต่าง ๆ ในโลกสยดสยองเมื่อเห็นพวกเขา+ ที่เป็นอย่างนี้เพราะสิ่งที่มนัสเสห์ลูกชายเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทำในกรุงเยรูซาเล็ม+
5 เยรูซาเล็ม ใครจะสงสารเจ้า
ใครจะเห็นอกเห็นใจเจ้า
และใครจะแวะมาถามว่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?’
6 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เจ้าทิ้งเราไป+
เจ้าหันหลังให้เรา*อยู่เรื่อย+
ดังนั้น เราจะจัดการเจ้าและทำลายเจ้า+
เราเบื่อที่จะสงสารเจ้า*แล้ว
7 เราจะสาดพวกเขาด้วยคราดเหมือนสาดข้าวในประตูเมืองของแผ่นดินนี้
เราจะทำให้พวกเขาเสียลูก ๆ ไป+
เราจะทำลายประชาชนของเรา
เพราะพวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเอง+
8 เราจะทำให้พวกเขามีแม่ม่ายมากกว่าเม็ดทรายในทะเล
เราจะพาผู้ทำลายมาโจมตีทั้งแม่และชายหนุ่มของพวกเขาตอนเที่ยงวัน
เราจะทำให้พวกเขาตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างกะทันหัน
9 ผู้หญิงที่มีลูก 7 คนเป็นลมไปแล้ว
เธอหายใจลำบาก
ดวงอาทิตย์ของเธอตกไปแล้วทั้ง ๆ ที่ยังกลางวันอยู่
ทำให้เกิดความอับอายอดสู’*
พระยะโฮวาบอกว่า ‘ส่วนคนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนนั้น
เราจะให้พวกศัตรูฆ่าฟันพวกเขา’”+
10 แม่ครับ ผมลำบากมากเพราะแม่ให้ผมเกิดมา+
ผมเป็นต้นเหตุให้คนทั้งแผ่นดินทะเลาะและต่อสู้กัน
ผมไม่เคยให้ใครยืมหรือขอยืมจากใคร
แต่พวกเขาทุกคนพากันด่าผม
11 พระยะโฮวาพูดว่า “เราจะทำดีกับเจ้าแน่นอน
เราจะเข้ามาช่วยเจ้าให้พ้นจากศัตรูแน่ ๆ
เมื่อเจ้าเจอหายนะและความทุกข์ลำบาก
12 ใครจะทำให้เหล็กจากทางเหนือ
และทองแดงแตกเป็นชิ้น ๆ ได้?
13 เราจะให้คนอื่นเอาทรัพย์สมบัติของเจ้าไปเฉย ๆ+
เพราะบาปทั้งหมดที่เจ้าทำไว้ทั่วดินแดน
14 เราจะยกสมบัติของเจ้าให้ศัตรู
ให้พวกเขาขนไปยังแผ่นดินที่เจ้าไม่รู้จัก+
เพราะเราโกรธจัดเหมือนไฟที่ลุกไหม้
และมันจะเผาพวกเจ้า”+
15 พระยะโฮวา พระองค์ก็รู้ว่าผมลำบาก
โปรดคิดถึงผมและสนใจผม
ขอแก้แค้นพวกที่ข่มเหงผมด้วย+
อย่าให้ผมต้องตาย*เพราะพระองค์ไม่โกรธสักที
พระองค์ก็รู้ว่าผมทนการด่าว่านี้เพราะเห็นแก่พระองค์+
16 พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพ
ผมได้รับคำของพระองค์ไว้และกินเข้าไป+
คำของพระองค์ทำให้ผมมีความสุขในหัวใจ
เพราะผมถูกเรียกตามชื่อของพระองค์
17 ผมไม่ได้นั่งกับคนรักสนุกแล้วก็สนุกไปกับพวกเขาด้วย+
ผมนั่งอยู่คนเดียว เพราะมือของพระองค์อยู่บนตัวผม
พระองค์ทำให้ความโกรธของพระองค์*เต็มล้นอยู่ในตัวผม+
18 ทำไมผมเจ็บปวดตลอดเวลาและแผลของผมรักษาไม่ได้?
มันไม่หายสักที
พระองค์จะเป็นเหมือนแหล่งน้ำที่ไม่มีน้ำ
และไว้ใจไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
19 ดังนั้น พระยะโฮวาจึงบอกว่า
“ถ้าเจ้ากลับมา เราจะทำให้เจ้าฟื้นตัว
และเจ้าจะยืนอยู่ต่อหน้าเรา
ถ้าเจ้าแยกสิ่งมีค่าออกจากสิ่งไม่มีค่า
เจ้าก็จะเป็นคนพูดแทนเรา*
พวกเขาจะกลับมาหาเจ้า
แต่เจ้าไม่ต้องไปหาพวกเขา”
20 พระยะโฮวาพูดว่า “เราจะทำให้เจ้าเป็นกำแพงทองแดงที่แข็งแกร่งอยู่ในชนชาตินี้+
พวกเขาจะสู้กับเจ้าแน่
แต่พวกเขาจะไม่ชนะเจ้า+
เพราะเราจะอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้าให้รอด
21 เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมือคนชั่ว
และช่วยเจ้าให้พ้นจากมือคนโหดร้าย”
16 พระยะโฮวาพูดกับผมอีกว่า 2 “เจ้าอย่ามีภรรยาและอย่ามีลูกชายลูกสาวที่นี่ 3 เพราะพระยะโฮวาได้บอกเรื่องลูกชายลูกสาวซึ่งเกิดที่นี่ และบอกเรื่องพ่อแม่ที่ให้กำเนิดพวกเขาว่า 4 ‘พวกเขาจะตายด้วยโรคร้าย+ แต่จะไม่มีใครไว้ทุกข์หรือฝังพวกเขา พวกเขาจะเป็นปุ๋ยบนพื้นดิน+ พวกเขาจะตายด้วยดาบและความอดอยาก+ และศพพวกเขาจะเป็นอาหารของนกบนฟ้ากับสัตว์ป่าบนแผ่นดิน’
5 พระยะโฮวาบอกว่า
‘อย่าเข้าไปในบ้านที่มีการเลี้ยงไว้ทุกข์
อย่าเข้าไปร้องไห้คร่ำครวญ และอย่าเห็นใจพวกเขา’+
พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะเราเอาสันติสุขของเรา
และความรักที่มั่นคงและความเมตตาไปจากชนชาตินี้แล้ว+
6 ทั้งคนต่ำต้อยและคนสำคัญจะตายในแผ่นดินนี้
จะไม่มีใครฝังศพพวกเขา
และจะไม่มีใครไว้ทุกข์ให้พวกเขา
หรือเชือดเนื้อเชือดตัวหรือโกนหัวเพื่อพวกเขา*
7 จะไม่มีใครเอาอาหารให้คนที่ไว้ทุกข์กิน
เพื่อปลอบโยนเพราะมีคนในบ้านพวกเขาตาย
และจะไม่มีใครเอาถ้วยเหล้าองุ่นให้พวกเขาดื่ม
เพื่อปลอบโยนเพราะพ่อแม่พวกเขาตาย
8 และอย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานเลี้ยง
เพื่อนั่งกินดื่มกับพวกเขา’
9 “เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะไม่ให้มีเสียงดีใจกับเสียงชื่นชมยินดีและเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่นี่อีกต่อไป และเจ้าจะได้เห็นมันเกิดขึ้นในสมัยของเจ้า’+
10 “เมื่อเจ้าบอกเรื่องนี้กับชนชาตินี้ พวกเขาจะถามเจ้าว่า ‘ทำไมพระยะโฮวาบอกว่าจะให้มีหายนะร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเรา? พวกเราทำผิดทำบาปอะไรต่อพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราหรือ?’+ 11 เจ้าต้องตอบพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เพราะปู่ย่าตายายของพวกเจ้าทิ้งเราไป+นมัสการพระอื่น ๆ และรับใช้กราบไหว้พระพวกนั้น+ พวกเขาทิ้งเราและไม่ทำตามกฎหมายของเรา+ 12 ส่วนพวกเจ้าเองก็ทำชั่วยิ่งกว่าปู่ย่าตายายเสียอีก+ พวกเจ้าทุกคนดื้อดึงทำตามใจชั่วของตัวเองและไม่เชื่อฟังเรา+ 13 ดังนั้น เราจะเหวี่ยงพวกเจ้าออกจากแผ่นดินนี้ไปยังแผ่นดินที่พวกเจ้าและปู่ย่าตายายไม่รู้จัก+ และพวกเจ้าจะต้องนมัสการพระอื่นอยู่ที่นั่นทั้งวันทั้งคืน+ เพราะเราจะไม่เมตตาพวกเจ้าเลย”’
14 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่จะมีวันหนึ่งที่พวกเขาจะไม่พูดว่า “เราขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ที่พาชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์”+ 15 แต่จะพูดว่า “เราขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ที่พาชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินทางเหนือและจากดินแดนต่าง ๆ ซึ่งพระองค์ได้ไล่พวกเขาไปอยู่นั้น” และเราจะพาพวกเขากลับมายังแผ่นดินที่เราได้ยกให้กับปู่ย่าตายายของพวกเขา’+
16 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะใช้คนไปเรียกชาวประมงมาหลายคน
ชาวประมงเหล่านั้นจะหาพวกเขาเหมือนหาปลา
แล้วเราจะใช้คนไปเรียกนายพรานมาหลายคน
นายพรานเหล่านั้นจะหาพวกเขาตามภูเขาและเนินเขาทุกลูก
และตามซอกหินด้วย
17 เพราะเราเฝ้าดูทุกอย่างที่พวกเขาทำ
พวกเขาซ่อนตัวจากเราไม่ได้
และความผิดของพวกเขาไม่พ้นสายตาของเรา
18 ก่อนอื่น เราจะตอบแทนความผิดและบาปของพวกเขาให้สาสม+
เพราะพวกเขาทำให้แผ่นดินของเราแปดเปื้อนไปด้วยรูปเคารพไร้ชีวิต*ที่น่าขยะแขยง
พวกเขาทำให้มรดกของเรากลายเป็นของน่ารังเกียจ’”+
19 พระยะโฮวา พระองค์เป็นกำลังและเป็นป้อมปราการของผม
เป็นที่ที่ผมจะหนีไปหลบภัยในเวลาลำบาก+
ชาติต่าง ๆ จากทุกมุมโลกจะมาหาพระองค์
และพวกเขาจะบอกว่า “ปู่ย่าตายายของพวกเราได้รูปเคารพที่หลอกลวง
และได้สิ่งไร้ค่ากับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เป็นมรดก”+
20 มนุษย์จะทำพระของตัวเองได้หรือ?
สิ่งที่เขาทำไม่ใช่พระเจ้าจริง ๆ+
21 “ดังนั้น เราจะทำให้พวกเขารู้
เราจะทำให้พวกเขารู้จักพลังและอำนาจของเราคราวนี้แหละ
แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าชื่อของเราคือยะโฮวา”
17 “บาปของยูดาห์ถูกจารึกไว้ด้วยเหล็กแหลม
และสลักไว้ด้วยเพชรบนหัวใจพวกเขา
และที่มุมแท่นบูชาของพวกเขาซึ่งทำเป็นรูปเขาสัตว์
2 ตอนนั้นพวกลูกชายของพวกเขาคิดถึงแท่นบูชาและเสาศักดิ์สิทธิ์+
ซึ่งอยู่ข้างต้นไม้เขียวสดบนเขาสูง+
3 และบนภูเขานอกเมือง
เราจะให้คนอื่นเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเจ้าไป+
และให้มาปล้นสถานบูชาบนที่สูงของพวกเจ้า เพราะบาปที่พวกเจ้าทำไว้ทั่วดินแดน+
4 พวกเจ้าจะสละมรดกที่เราได้ยกให้+
และเราจะให้พวกเจ้ารับใช้ศัตรูในแผ่นดินที่พวกเจ้าไม่รู้จัก+
เพราะพวกเจ้ายั่วให้เราโมโหเหมือนจุดไฟให้ลุก+
และมันจะไหม้ตลอดไป”
5 พระยะโฮวาพูดว่า
6 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ต้นเดียวกลางทะเลทราย
เขาจะไม่เห็นตอนที่สิ่งดี ๆ มาถึง
แต่เขาจะอยู่ในที่กันดารแห้งแล้ง
ในผืนดินที่มีเกลือซึ่งไม่มีใครอยู่ได้
8 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
ซึ่งรากชอนไชไปถึงลำธาร
แม้จะร้อนมันก็ไม่รู้สึกอะไร
แต่จะมีใบเขียวสดเสมอ+
ในปีที่แห้งแล้ง มันก็ไม่เดือดร้อน
และมันจะไม่หยุดเกิดผล
9 หัวใจทรยศ*ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดและกระตุ้นให้คนเราทำชั่วได้ทุกอย่าง+
ใครจะรู้จักหัวใจได้?
10 เรายะโฮวาตรวจดูหัวใจ+
และตรวจสอบส่วนลึกที่สุดของความคิดจิตใจ*
เพื่อจะตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา
และตามผลงานของเขา+
ทรัพย์สมบัตินั้นจะหนีเขาไปในช่วงที่เขายังหนุ่ม
และสุดท้ายเขาก็กลายเป็นคนโง่”
12 บัลลังก์ที่งดงามได้รับการยกย่องตั้งแต่เริ่มแรก
และเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา+
13 พระยะโฮวาผู้เป็นความหวังของอิสราเอล
ทุกคนที่ทิ้งพระองค์จะต้องอาย
คนที่ทรยศพระองค์*จะถูกเขียนชื่อไว้บนดิน+
เพราะพวกเขาทิ้งพระยะโฮวาผู้เป็นแหล่งน้ำที่ให้ชีวิต+
14 พระยะโฮวา ได้โปรดรักษาผม ผมจะได้หาย+
ขอช่วยผม ผมจะได้รอด
เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ผมสรรเสริญ
15 มีคนพูดกับผมว่า
“ทำไมคำของพระยะโฮวาไม่เห็นเป็นจริง?+
ให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ สักทีเถอะ!”
16 แต่ผมไม่ได้เลิกติดตามพระองค์ในฐานะคนเลี้ยงแกะของพระองค์
และผมไม่ได้อยากให้ถึงวันหายนะ
พระองค์รู้ดีว่าผมพูดอะไรไว้
พระองค์เห็นทุกอย่าง!
17 อย่าทำให้ผมกลัวเลย
พระองค์เป็นที่พึ่งของผมในวันหายนะ
18 ขอให้คนที่ข่มเหงผมต้องอาย+
แต่อย่าทำให้ผมต้องอาย
ขอพระองค์ทำให้พวกเขากลัว
แต่อย่าทำให้ผมกลัว
ขอให้พวกเขาเจอวันหายนะ+
และขอทำลายพวกเขาให้พินาศย่อยยับ
19 พระยะโฮวาบอกผมว่า “ให้เจ้าไปยืนที่ประตูเมืองของลูกหลานชนชาตินี้ซึ่งเป็นประตูที่กษัตริย์ยูดาห์ใช้เข้าออก และไปยืนที่ประตูอื่น ๆ ของกรุงเยรูซาเล็มทุกประตูด้วย+ 20 เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘กษัตริย์ยูดาห์ ชาวยูดาห์ทุกคน และชาวเยรูซาเล็มทุกคนที่เข้ามาทางประตูนี้ ขอให้ฟังคำของพระยะโฮวา 21 พระยะโฮวาบอกว่า “ระวังให้ดี อย่ายกของหนักในวันสะบาโต หรือขนของเข้ามาทางประตูเมืองเยรูซาเล็มในวันนั้น+ 22 อย่าขนของหนักออกจากบ้านหรือทำงานในวันสะบาโต+ พวกเจ้าต้องถือว่าวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ตามที่เราเคยสั่งปู่ย่าตายายของพวกเจ้าไว้+ 23 แต่พวกเขาไม่ฟังและไม่สนใจ* พวกเขาดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟังและไม่ยอมรับการอบรมสั่งสอน”’+
24 “‘พระยะโฮวาพูดว่า “แต่ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังเราอย่างเคร่งครัด และไม่ขนของหนักเข้ามาทางประตูเมืองนี้ในวันสะบาโต และถือว่าวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์โดยไม่ทำงานในวันนั้น+ 25 กษัตริย์กับพวกเจ้านายที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด+ก็จะเข้ามาทางประตูเมืองนี้ พวกกษัตริย์กับพวกเจ้านายรวมทั้งชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มจะนั่งรถม้าและขี่ม้าเข้ามา+ และเมืองนี้จะมีคนอยู่ตลอดไป 26 และประชาชนจะมาจากเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ จากรอบ ๆ กรุงเยรูซาเล็ม จากเขตตระกูลเบนยามิน+ จากที่ลุ่ม+ จากเขตเทือกเขา และจากเนเกบ* พวกเขาจะเอาเครื่องบูชาเผา+ เครื่องบูชาอื่น ๆ+ เครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว+ กำยาน และเครื่องบูชาขอบคุณเข้ามาในวิหารของพระยะโฮวา+
27 “‘“แต่ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อฟังเราโดยไม่ยอมถือว่าวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์และยังขนของหนักเข้ามาทางประตูเมืองเยรูซาเล็มในวันสะบาโตอีก เราก็จะเอาไฟเผาประตูเมืองต่าง ๆ ของกรุงเยรูซาเล็มและป้อมปราการของเมืองนี้+ และไฟนั้นจะไม่ดับเลย”’”+
18 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์ว่า 2 “ลงไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อ+ แล้วเราจะพูดกับเจ้าที่นั่น”
3 ผมจึงลงไปที่บ้านของช่างปั้นหม้อซึ่งกำลังปั้นหม้ออยู่ที่แป้นหมุน 4 พอเขาปั้นภาชนะอย่างหนึ่งแล้วไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เขาก็ใช้ดินเหนียวก้อนนั้นปั้นเป็นภาชนะอย่างอื่นตามที่เขาเห็นว่าเหมาะ
5 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับผมว่า 6 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ชาวอิสราเอล เราจะทำกับพวกเจ้าเหมือนที่ช่างปั้นหม้อทำกับดินเหนียวไม่ได้หรือ? ชาวอิสราเอล พวกเจ้าอยู่ในมือเราเหมือนดินเหนียวที่อยู่ในมือช่างปั้นหม้อ+ 7 เมื่อเราบอกว่าจะถอนรากถอนโคน รื้อ และทำลายชาติหนึ่งหรืออาณาจักรหนึ่ง+ 8 แล้วชาตินั้นได้เลิกทำชั่วอย่างที่เราเคยตำหนิ เราก็จะเปลี่ยนใจ* ไม่ให้พวกเขาเจอหายนะอย่างที่เราตั้งใจไว้+ 9 แต่เมื่อเราบอกว่าจะสร้างและตั้งชาติหนึ่งหรืออาณาจักรหนึ่งขึ้น 10 แล้วชาตินั้นได้ทำสิ่งที่เราเห็นว่าชั่วและไม่เชื่อฟังเรา เราก็จะเปลี่ยนใจ* ไม่ให้พวกเขาได้สิ่งดี ๆ อย่างที่เราตั้งใจไว้’
11 “ขอให้เจ้าบอกชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มว่า ‘พระยะโฮวาพูดว่า “เรากำลังเตรียมหายนะและคิดแผนร้ายเอาไว้เล่นงานพวกเจ้า ขอให้พวกเจ้าเลิกทำชั่วและเปลี่ยนแปลงแนวทางชีวิตกับการกระทำของตัวเองเถอะ”’”+
12 แต่พวกเขาบอกว่า “ไม่ได้!+ พวกเราจะทำตามความคิดของตัวเอง และพวกเราแต่ละคนจะไม่เลิกทำตามใจชั่วของตัวเอง”+
13 พระยะโฮวาจึงบอกว่า
“ให้พวกเจ้าไปถามชาติต่าง ๆ ดู
มีใครเคยได้ยินเรื่องอย่างนี้บ้าง?
ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งที่น่าเกลียดที่สุด+
14 หิมะบนหินที่เทือกเขาเลบานอนจะหายไปได้หรือ?
น้ำเย็นที่ไหลมาจากแดนไกลจะแห้งไปได้หรือ?
15 แต่ประชาชนของเราลืมเราไปแล้ว+
พวกเขาถวายเครื่องบูชาให้กับสิ่งไร้ค่า+
พวกเขาทำให้คนที่เดินอยู่บนทางที่มีมาแต่โบราณสะดุดล้ม+
และต้องไปเดินบนทางสายเล็ก ๆ ที่ขรุขระไม่ราบเรียบ*
16 เพื่อทำให้แผ่นดินของพวกเขากลายเป็นแผ่นดินที่น่าสยดสยอง+
ทุกคนที่เดินผ่านไปมาจะจ้องมองด้วยความสยดสยองและส่ายหัว+
17 เราจะเป็นเหมือนลมจากทิศตะวันออกที่พัดพวกเขากระจายไปต่อหน้าศัตรู
เราจะหันหลังให้พวกเขาในวันที่พวกเขาเจอหายนะ และจะไม่หันมาดูเลย”+
18 พวกเขาจึงพูดกันว่า “พวกเรามาวางแผนจัดการกับเยเรมีย์เถอะ+ เพราะปุโรหิตของเราก็มีกฎหมาย* พวกคนฉลาดก็มีคำแนะนำ และพวกผู้พยากรณ์ก็มีข่าวสาร ให้พวกเราไปด่าว่าเขา*กันเถอะ อย่าสนใจเรื่องที่เขาพูดเลย”
19 พระยะโฮวา โปรดฟังผมเถอะ
และขอให้ฟังที่พวกศัตรูของผมพูด
20 คนทำดีควรได้ความชั่วตอบแทนหรือ?
พวกเขาขุดหลุมเพื่อดักเอาชีวิตผม+
ขอระลึกว่าผมเคยอ้อนวอนพระองค์เพื่อพวกเขา
และขอให้พระองค์หายโกรธพวกเขา
21 ดังนั้น ขอพระองค์ทำให้ลูกชายของพวกเขาอดตาย
และให้พวกเขาถูกฆ่าด้วยดาบ+
ขอให้พวกผู้หญิงสูญเสียลูกและสามี+
ขอให้พวกผู้ชายตายด้วยโรคร้าย
และให้พวกคนหนุ่มถูกฆ่าด้วยดาบในสนามรบ+
22 ขอให้มีเสียงร้องดังมาจากบ้านพวกเขา
เมื่อพระองค์พากองโจรมาโจมตีอย่างกะทันหัน
เพราะพวกเขาขุดหลุมไว้ดักจับผม
และวางกับดักไว้ให้ผมเหยียบ+
23 แต่พระยะโฮวา
พระองค์รู้แผนทุกอย่างที่พวกเขาคิดขึ้นเพื่อฆ่าผม+
โปรดอย่าปกปิดความผิดของพวกเขา
และขอพระองค์อย่าลบล้างบาปของพวกเขาเลย
19 พระยะโฮวาพูดว่า “ให้เจ้าไปซื้อขวดดินเผาจากช่างปั้นหม้อมาใบหนึ่ง+ และพาพวกผู้นำของชาตินี้กับปุโรหิตที่อาวุโสบางคนไปด้วย 2 แล้วออกไปที่หุบเขาของลูกชายฮินโนม+ซึ่งอยู่ตรงทางเข้าประตูกองเศษหม้อ และประกาศเรื่องที่เราบอกเจ้า 3 เจ้าต้องพูดว่า ‘กษัตริย์ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม ขอให้ฟังคำพูดของพระยะโฮวา พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า
“‘“เรากำลังจะทำให้เกิดหายนะขึ้นที่นี่ และคนที่ได้ยินเรื่องนี้จะตกตะลึง 4 เพราะพวกเขาทิ้งเรา+และทำให้เมืองนี้กลายเป็นที่ที่เราไม่รู้จัก+ พวกเขาถวายเครื่องบูชาให้พระอื่นที่พวกเขากับปู่ย่าตายายและพวกกษัตริย์ของยูดาห์ไม่รู้จัก และพวกเขาทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ไหลนองอยู่ที่นี่+ 5 พวกเขาสร้างสถานบูชาบนที่สูงสำหรับพระบาอัลเพื่อเผาลูกชายของตัวเองเป็นเครื่องบูชาให้พระบาอัล+ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำ ไม่เคยพูดถึง และไม่เคยคิดจะให้พวกเขาทำด้วยซ้ำ”’*+
6 “‘พระยะโฮวาบอกว่า “ดังนั้น จะมีวันหนึ่งที่เขาจะไม่เรียกที่นี่ว่าโทเฟทหรือหุบเขาของลูกชายฮินโนมอีก แต่จะเรียกว่าหุบเขาแห่งการฆ่า+ 7 ที่นี่เราจะทำให้แผนของชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มล้มเหลว เราจะให้พวกเขาตายด้วยดาบต่อหน้าพวกศัตรูและด้วยน้ำมือคนที่พยายามจะฆ่าพวกเขา เราจะให้ศพของพวกเขาเป็นอาหารของนกบนฟ้าและสัตว์ป่าบนแผ่นดิน+ 8 และเราจะทำให้เมืองนี้กลายเป็นที่ที่น่าสยดสยองและถูกเยาะเย้ย*ตลอดไป ทุกคนที่เดินผ่านไปมาจะจ้องมองด้วยความสยดสยองและเยาะเย้ยเพราะเมืองนี้เจอหายนะ+ 9 เราจะทำให้พวกเขากินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง และพวกเขาจะกินเนื้อกันเอง เพราะถูกล้อมและถูกบีบคั้นจนสิ้นหวังโดยพวกศัตรูและคนที่พยายามฆ่าพวกเขา”’+
10 “แล้วเจ้าต้องทำให้ขวดใบนั้นแตกต่อหน้าคนที่ไปกับเจ้า 11 และบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า “เราจะทำลายชนชาตินี้กับเมืองนี้เหมือนคนที่ทำลายภาชนะของช่างปั้นหม้อจนซ่อมไม่ได้ และพวกเขาจะเอาศพคนตายมาฝังที่โทเฟทจนไม่มีที่เหลือให้ฝังอีก”’+
12 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะทำให้เมืองนี้และคนที่อยู่ที่นี่เป็นเหมือนโทเฟท 13 บ้านเรือนในกรุงเยรูซาเล็มและวังของกษัตริย์ยูดาห์จะกลายเป็นที่ที่ไม่สะอาดเหมือนโทเฟท+ เพราะพวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่ดวงดาวในท้องฟ้า+และเทเครื่องบูชาดื่มถวายพระอื่นบนดาดฟ้า’”+
14 พอเยเรมีย์กลับมาจากโทเฟทที่พระยะโฮวาใช้เขาไปพยากรณ์แล้ว เขาก็มายืนที่ลานวิหารของพระยะโฮวาและพูดกับประชาชนว่า 15 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะทำให้เมืองนี้กับเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบเจอหายนะทุกอย่างที่เราเคยพูดไว้ เพราะพวกเขาดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟังเรา’”+
20 ตอนที่เยเรมีย์กำลังพยากรณ์เรื่องเหล่านี้ ปาชเฮอร์ลูกชายอิมเมอร์ ซึ่งเป็นปุโรหิตและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ในวิหารของพระยะโฮวาก็ฟังอยู่ด้วย 2 แล้วปาชเฮอร์ก็ทุบตีผู้พยากรณ์เยเรมีย์และเอาเขาไปใส่ขื่อ+ซึ่งอยู่ที่ประตูเบนยามินบน ในวิหารของพระยะโฮวา 3 วันถัดมาเมื่อปาชเฮอร์ปล่อยตัวเยเรมีย์ออกจากขื่อแล้ว เยเรมีย์ก็พูดกับเขาว่า
“พระยะโฮวาไม่เรียกคุณว่าปาชเฮอร์แล้ว แต่จะเรียกว่า ความหวาดกลัวรอบด้าน+ 4 เพราะพระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะทำให้เจ้ากับเพื่อน ๆ ของเจ้าหวาดกลัวเพราะเจ้า เจ้าจะเห็นพวกเขาถูกศัตรูฆ่าด้วยดาบ+ และเราจะให้กษัตริย์บาบิโลนจัดการชาวยูดาห์ทั้งหมดและเอาตัวพวกเขาไปเป็นเชลยที่บาบิโลนและฆ่าพวกเขาด้วยดาบ+ 5 เราจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเมืองนี้ให้พวกศัตรู คือทรัพย์สินกับของมีค่าทุกอย่างและสมบัติของกษัตริย์ยูดาห์+ และพวกศัตรูจะปล้นของเหล่านั้นแล้วเอาไปไว้ที่บาบิโลน+ 6 ส่วนเจ้า ปาชเฮอร์ เจ้ากับทุกคนที่อยู่ในบ้านเจ้าจะต้องไปเป็นเชลย เจ้าจะต้องไปที่บาบิโลนและตายที่นั่น เจ้าจะถูกฝังที่นั่นกับเพื่อน ๆ ของเจ้า เพราะเจ้าได้พยากรณ์เรื่องโกหกให้พวกเขาฟัง’”+
7 พระยะโฮวา พระองค์หลอกผม
พระองค์ใช้กำลังกับผมและเอาชนะผมได้+
ผมถูกหัวเราะเยาะทั้งวัน
ทุกคนเยาะเย้ยผม+
8 เพราะเมื่อไรก็ตามที่ผมพูด ผมจะร้องประกาศว่า
“จะมีความรุนแรงและความพินาศ!”
คำของพระยะโฮวาทำให้ผมถูกดูหมิ่นและถูกเยาะเย้ยตลอดวัน+
9 ผมจึงบอกว่า “ผมจะไม่พูดถึงพระองค์อีก
ผมจะไม่พูดในนามพระองค์อีกแล้ว”+
แต่คำของพระองค์อยู่ในใจผมเหมือนไฟอยู่ในกระดูก
ผมจึงอดกลั้นไว้ไม่ไหว
และทนนิ่งเงียบต่อไปไม่ได้+
10 เพราะผมได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีหลายอย่าง
มีเรื่องน่ากลัวอยู่รอบตัวผม+
“ไปต่อว่าเขากันเถอะ ไปต่อว่าเขาเลย!”
ทุกคนที่อวยพรผมพากันจ้องดูว่าผมจะล้มลงเมื่อไหร่+และพูดว่า
“เขาอาจจะพลาดพลั้งทำอะไรโง่ ๆ
แล้วพวกเราก็จะเอาชนะเขาและแก้แค้นเขาได้”
11 แต่พระยะโฮวาอยู่กับผมเหมือนนักรบที่น่าเกรงขาม+
ดังนั้น คนที่ข่มเหงผมจะสะดุดล้มและไม่ชนะ+
พวกเขาจะต้องอับอายมาก เพราะพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ
และจะไม่มีใครลืมความอัปยศของพวกเขาตลอดไป+
12 แต่พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระองค์ตรวจสอบคนดี
พระองค์มองดูส่วนลึกที่สุดของความคิดจิตใจ*และหัวใจ+
13 ร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาสิ! สรรเสริญพระยะโฮวากันเถอะ!
เพราะพระองค์ช่วยคนจนให้พ้นเงื้อมมือคนทำชั่วแล้ว
14 ขอให้วันที่ผมเกิดมาถูกแช่ง!
อย่าให้วันที่แม่คลอดผมมาได้รับพร!+
15 ขอให้คนที่มาบอกข่าวดีกับพ่อผมถูกแช่ง คือคนที่บอกว่า
“ลูกของคุณคลอดออกมาแล้ว เป็นผู้ชาย!”
ซึ่งทำให้พ่อผมดีใจมาก
16 ขอให้คนนั้นเป็นเหมือนเมืองต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำลายไปโดยไม่เสียใจ
ขอให้เขาได้ยินเสียงร้องในตอนเช้าและเสียงสัญญาณเตือนภัยตอนเที่ยงวัน
17 ทำไมเขาไม่ฆ่าผมตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้อง?
แม่ผมจะได้กลายเป็นที่ฝังศพของผม
และแม่จะได้ตั้งท้องตลอดไป+
18 ทำไมผมต้องออกมาจากท้องแม่
มาเห็นความทุกข์และความโศกเศร้า
และต้องตายด้วยความอับอาย?+
21 พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์ตอนที่กษัตริย์เศเดคียาห์+ส่งปาชเฮอร์+ลูกชายมัลคียาห์ กับปุโรหิตเศฟันยาห์+ลูกชายมาอาเสอาห์ไปขอร้องเยเรมีย์ว่า 2 “ช่วยถามพระยะโฮวาให้พวกเราหน่อย เพราะเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนกำลังรบกับพวกเรา+ บางทีพระยะโฮวาอาจจะทำเรื่องมหัศจรรย์เพื่อช่วยพวกเราเหมือนเมื่อก่อนก็ได้ แล้วเนบูคัดเนสซาร์จะได้ถอนทัพไปจากพวกเรา”+
3 เยเรมีย์พูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเศเดคียาห์ว่า 4 ‘พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “อาวุธที่พวกเจ้าถืออยู่เพื่อใช้ต่อสู้กับกษัตริย์บาบิโลน+และชาวเคลเดียที่มาล้อมพวกเจ้านอกกำแพงเมืองนั้น เราจะทำให้หันกลับมาทำร้ายพวกเจ้า และเราจะรวบรวมอาวุธพวกนั้นมาไว้กลางเมือง 5 เราจะใช้มือและแขนที่แข็งแรงต่อสู้พวกเจ้า+เพราะเราไม่พอใจ โมโห และโกรธมาก+ 6 เราจะทำให้ทั้งคนและสัตว์ในเมืองนี้ตายเพราะโรคระบาดร้ายแรง”’+
7 “‘พระยะโฮวาบอกว่า “หลังจากนั้น เราจะให้เศเดคียาห์กษัตริย์ยูดาห์กับพวกข้าราชการและประชาชนในเมืองนี้ที่รอดตายจากโรคระบาด คมดาบ และความอดอยาก ตกอยู่ในมือของเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลน ในมือพวกศัตรู และในมือคนที่พยายามฆ่าพวกเขา+ แล้วกษัตริย์บาบิโลนจะฆ่าพวกเขาด้วยดาบ เขาจะไม่เห็นใจ ไม่สงสาร และไม่เมตตาเลย”’+
8 “และไปบอกชนชาตินี้ว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เรามีทางแห่งชีวิตกับทางแห่งความตายให้พวกเจ้าเลือก 9 คนที่อยู่ในเมืองนี้ต่อไปจะตายด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด แต่คนที่ออกไปและยอมแพ้ชาวเคลเดียที่มาล้อมจะไม่ตาย แต่จะรอดชีวิตและมีชีวิตอยู่ต่อไป”’+
10 “‘พระยะโฮวาบอกว่า “เพราะเราทิ้งเมืองนี้แล้ว เมืองนี้จะเจอหายนะและจะไม่เจอสิ่งดี ๆ เลย+ เมืองนี้จะตกอยู่ในกำมือกษัตริย์บาบิโลน+ และเขาจะเผาเมืองนี้”+
11 “‘ครอบครัวของกษัตริย์ยูดาห์ ขอให้ตั้งใจฟังคำของพระยะโฮวา 12 คนในราชวงศ์ดาวิด พระยะโฮวาบอกว่า
“ขอให้ยึดมั่นกับความยุติธรรมทุกเช้า
และช่วยเหลือคนที่ถูกโกง+
เราจะได้ไม่โกรธจัดเหมือนไฟ+
ที่เผาผลาญจนไม่มีใครดับได้
เพราะพวกเจ้าทำชั่ว”’+
13 พระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเจ้าที่อยู่ในหุบเขา
และในเมืองที่อยู่บนเขาหินในที่ราบ เราจะสู้กับพวกเจ้า
ส่วนพวกเจ้าที่พูดว่า “ใครจะลงมาสู้กับพวกเรา?
ใครจะบุกเข้ามาในบ้านของพวกเรา?”
14 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะคิดบัญชีพวกเจ้า
ให้สาสมกับการกระทำของพวกเจ้า+
และเราจะเผาป่าของเมืองนี้
และจะเผาทุกอย่างรอบเมืองนี้’”+
22 พระยะโฮวาบอกว่า “ให้เจ้าลงไปที่วังของกษัตริย์ยูดาห์และบอกข่าวสารนี้ 2 เจ้าต้องพูดว่า ‘กษัตริย์ยูดาห์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ขอให้ท่านกับข้าราชการและประชาชนที่เข้ามาทางประตูเหล่านี้ฟังคำของพระยะโฮวา 3 พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเจ้าต้องยึดมั่นกับความยุติธรรมและความถูกต้อง ช่วยเหลือคนที่ถูกโกง และอย่ารังแกคนต่างชาติ ลูกกำพร้าพ่อ* หรือแม่ม่าย+ และอย่าฆ่าคนบริสุทธิ์ที่นี่+ 4 เพราะถ้าพวกเจ้าทำตามคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัด กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด+กับข้าราชการและประชาชนจะนั่งรถม้าและขี่ม้าเข้ามาทางประตูของวังนี้”’+
5 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งนี้ เราสาบานว่าวังนี้จะกลายเป็นวังร้าง’+
6 “พระยะโฮวาพูดถึงวังของกษัตริย์ยูดาห์ว่า
‘สำหรับเรา เจ้าเป็นเหมือนกิเลอาด
และเป็นเหมือนยอดเขาเลบานอน
แต่เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นที่กันดาร
และเมืองต่าง ๆ ของเจ้าจะไม่มีคนอยู่เลย+
7 เราจะแต่งตั้งพวกผู้ทำลายมาจัดการเจ้า
ทุกคนมีอาวุธ+
พวกเขาจะตัดต้นสนซีดาร์ที่ดีที่สุดของเจ้า
แล้วโยนลงในไฟ+
8 “‘คนหลายชาติจะผ่านมาที่เมืองนี้และพูดกันว่า “ทำไมพระยะโฮวาทำอย่างนี้กับเมืองใหญ่นี้?”+ 9 แล้วจะมีคนตอบว่า “เพราะพวกเขาละเมิดสัญญาที่ทำกับพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาและไปหมอบลงนมัสการพระอื่น ๆ”’+
10 อย่าร้องไห้เพื่อคนที่ตายไปแล้ว
และอย่าสงสารเขา
แต่ให้ร้องไห้คร่ำครวญเพื่อคนที่กำลังจะจากไป
เพราะเขาจะไม่ได้กลับมาเห็นแผ่นดินเกิดของเขาอีก
11 “เพราะพระยะโฮวาพูดถึงชัลลูม*+ลูกชายโยสิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ที่ปกครองแทนโยสิยาห์พ่อของเขา+ ซึ่งได้จากแผ่นดินนี้ไปแล้วว่า ‘เขาจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย 12 เพราะเขาจะตายในแผ่นดินที่เขาถูกจับไปเป็นเชลย และจะไม่ได้เห็นแผ่นดินนี้อีก’+
13 คนที่สร้างบ้านด้วยความชั่ว
และสร้างห้องชั้นบนด้วยความไม่ยุติธรรมจะต้องพินาศ
เขาใช้คนอื่นทำงานแต่ไม่ให้อะไร
และไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง+
14 เขาบอกว่า ‘ฉันจะสร้างบ้านหลังใหญ่
ให้มีห้องชั้นบนกว้าง ๆ
มีหน้าต่างหลายบาน
และบุผนังด้วยไม้สนซีดาร์และทาด้วยสีแดงสด’
15 เจ้าจะได้ปกครองต่อไปเพราะเจ้าใช้ไม้สนซีดาร์เยอะกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือ?
พ่อของเจ้าก็กินและดื่ม
แต่เขายึดมั่นกับความยุติธรรมและความถูกต้องชอบธรรม+
เขาจึงอยู่ดีมีสุข
16 เขาให้ความเป็นธรรมกับคนที่ทุกข์ลำบากและยากจน
เขาจึงอยู่ดีมีสุข
พระยะโฮวาบอกว่า ‘คนที่รู้จักเราต้องทำอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?
17 แต่ตากับใจของเจ้าจ้องแต่จะหาผลประโยชน์ด้วยวิธีทุจริต
และฆ่าคนบริสุทธิ์
รวมทั้งโกงและรีดไถคนอื่น’
18 “พระยะโฮวาจึงพูดถึงเยโฮยาคิม+ลูกชายโยสิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ว่า
‘ผู้คนจะไม่คร่ำครวญถึงเขาเหมือนที่คนทั่วไปคร่ำครวญว่า
“ไม่น่าเลย พี่ชาย! ไม่น่าเลย พี่สาว!”
ผู้คนจะไม่คร่ำครวญถึงเขาว่า
“ไม่น่าเลย เจ้านาย! ไม่น่าเลย ท่านกษัตริย์!”
20 ขึ้นไปบนเทือกเขาเลบานอนแล้วร้องดัง ๆ สิ
ไปตะโกนที่บาชาน
และส่งเสียงร้องที่อาบาริม+
เพราะพวกคนรักของเจ้าถูกทำลายไปหมดแล้ว+
21 เราพูดกับเจ้าตอนที่เจ้ารู้สึกปลอดภัย
แต่เจ้าบอกว่า ‘ฉันจะไม่ฟัง’+
เจ้าทำอย่างนี้มาตั้งแต่อายุน้อย ๆ แล้ว
เจ้าไม่เคยเชื่อฟังเราเลย+
22 ลมจะพัดคนเลี้ยงแกะของเจ้าไปหมด+
และพวกคนรักของเจ้าจะไปเป็นเชลย
แล้วเจ้าจะต้องอับอายขายหน้าที่เจอหายนะอย่างนั้น
23 พวกเจ้าที่อยู่ในเทือกเขาเลบานอน+
ที่อยู่ท่ามกลางไม้สนซีดาร์+
เจ้าจะต้องครวญครางแค่ไหนเมื่อเจ็บท้องคลอด
เมื่อเจ้าเจ็บปวดเหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก”+
24 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราสาบานโดยเอาตัวเราเป็นประกันว่า แม้โคนิยาห์*+ลูกชายเยโฮยาคิม+กษัตริย์ยูดาห์จะเป็นเหมือนแหวนตราที่มือขวาของเรา เราก็จะถอดเขาออกแน่ 25 “เราจะให้เจ้าตกอยู่ในมือของคนที่พยายามฆ่าเจ้า คนที่เจ้ากลัว คือเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลน และชาวเคลเดีย+ 26 เราจะเหวี่ยงเจ้ากับแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าไปยังแผ่นดินอื่นที่ไม่ใช่แผ่นดินเกิดของเจ้า และเจ้าจะตายที่นั่น” 27 พวกเขาจะไม่ได้กลับมายังแผ่นดินที่อยากกลับมา+
28 โคนิยาห์เป็นแค่หม้อแตกที่ใคร ๆ ก็รังเกียจ
และเป็นภาชนะที่ไม่มีใครอยากได้หรือ?
ทำไมเขากับลูกหลานจึงถูกเหวี่ยงลง
และถูกโยนไปที่แผ่นดินที่พวกเขาไม่รู้จัก?’+
29 “แผ่นดิน แผ่นดิน แผ่นดิน! ขอให้ฟังคำของพระยะโฮวา
30 พระยะโฮวาบอกว่า
‘ให้เขียนไว้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีลูก
เขาจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
เพราะจะไม่มีลูกหลานของเขาคนไหน
ได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดและปกครองยูดาห์อีกเลย’”+
23 พระยะโฮวาบอกว่า “พวกคนเลี้ยงแกะที่ทำลายและไล่ฝูงแกะในทุ่งหญ้าของเราให้กระจัดกระจายไปจะต้องพินาศ!”+
2 ดังนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลจึงพูดกับพวกคนเลี้ยงแกะที่ดูแลเพื่อนร่วมชาติของผมว่า “พวกเจ้าไล่ฝูงแกะของเราให้กระจัดกระจายไป และยังทำอย่างนั้นอยู่เรื่อย ๆ พวกเจ้าไม่เอาใจใส่ฝูงแกะของเราเลย”+
พระยะโฮวาบอกว่า “ดังนั้น เราจะลงโทษพวกเจ้าเพราะพวกเจ้าทำชั่ว”
3 “แล้วเราจะรวบรวมแกะของเราที่เหลืออยู่ออกจากแผ่นดินต่าง ๆ ที่เราได้ไล่พวกเขาไป+ และเราจะพาพวกเขากลับมายังทุ่งหญ้าของพวกเขา+ พวกเขาจะเกิดลูกหลานมากมายและเพิ่มจำนวนขึ้น+ 4 และเราจะตั้งพวกคนเลี้ยงแกะที่จะดูแลพวกเขาจริง ๆ+ พวกเขาจะไม่ต้องกลัวอะไร และจะไม่มีใครหายไป” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
5 พระยะโฮวาบอกว่า “วันหนึ่งเราจะให้ดาวิดมีผู้สืบเชื้อสาย*ซึ่งมีสิทธิ์อย่างถูกต้องชอบธรรม+ เขาจะปกครองเป็นกษัตริย์ในแผ่นดินนี้+ด้วยความเข้าใจลึกซึ้งและจะยึดมั่นกับความยุติธรรมและความถูกต้องชอบธรรม+ 6 ในสมัยที่เขาปกครอง ยูดาห์จะรอด+และอิสราเอลจะปลอดภัย+ และเขาจะถูกเรียกว่า พระยะโฮวาคือความถูกต้องชอบธรรมของพวกเรา”+
7 พระยะโฮวาบอกว่า “แต่จะมีวันหนึ่งที่พวกเขาจะไม่พูดว่า ‘เราขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ที่พาชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์’+ 8 แต่จะพูดว่า ‘เราขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ที่พาลูกหลานชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินทางเหนือและจากดินแดนต่าง ๆ ซึ่งพระองค์ได้ไล่พวกเขาไปอยู่นั้น’ และพวกเขาจะได้อยู่ในแผ่นดินของตัวเอง”+
9 ผมพูดกับพวกผู้พยากรณ์ว่า
ใจผมแตกสลายอยู่ข้างใน
กระดูกผมสั่นไปทั้งตัว
ผมเป็นเหมือนคนเมา
เหมือนคนเมาเหล้าองุ่น
เพราะพระยะโฮวาและเพราะคำที่บริสุทธิ์ของพระองค์
10 เพราะแผ่นดินนี้เต็มไปด้วยคนเล่นชู้+
แผ่นดินนี้โศกเศร้าเพราะถูกสาปแช่ง+
และทุ่งหญ้าในที่กันดารก็แห้งไป+
พวกเขาทำชั่ว และใช้อำนาจอย่างผิด ๆ
11 พระยะโฮวาบอกว่า “ทั้งผู้พยากรณ์และปุโรหิตทิ้งพระเจ้า+
เราเห็นความชั่วของพวกเขาแม้แต่ในวิหารของเรา”+
12 พระยะโฮวาบอกว่า “ดังนั้น ทางของพวกเขาจะลื่นและมืด+
พวกเขาจะถูกผลักและจะล้มลง
เราจะทำให้พวกเขาเจอหายนะ
ในปีที่เราจะคิดบัญชีพวกเขา
13 เราเห็นสิ่งที่น่ารังเกียจในตัวพวกผู้พยากรณ์ของกรุงสะมาเรีย+
คำพยากรณ์ของพวกเขามาจากพระบาอัล
และพวกเขาทำให้อิสราเอลประชาชนของเราหลงผิด
14 เราเห็นสิ่งที่น่าเกลียดในตัวพวกผู้พยากรณ์ของกรุงเยรูซาเล็ม
พวกเขาเล่นชู้+และโกหกหลอกลวง+
พวกเขาสนับสนุนให้คนทำชั่ว
และพวกเขาเองก็ไม่เลิกทำชั่ว
15 ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพพูดถึงผู้พยากรณ์เหล่านี้ว่า
“เราจะให้พวกเขากินบอระเพ็ด
และดื่มน้ำที่มีพิษ+
เพราะพวกผู้พยากรณ์ในกรุงเยรูซาเล็มทำให้คนทั้งแผ่นดินทรยศพระเจ้า”
16 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
“อย่าฟังคำพยากรณ์ที่ผู้พยากรณ์เหล่านี้บอกพวกเจ้า+
พวกเขาหลอกพวกเจ้า*
17 พวกเขาพูดกับคนที่ไม่นับถือเราซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า
‘พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเจ้าจะมีความสงบสุข”’+
และพวกเขาพูดกับทุกคนที่ดื้อดึงทำตามใจชั่วว่า
‘พวกคุณจะไม่เจอหายนะเลย’+
18 เพราะมีใครบ้างอยู่ในกลุ่มคนที่สนิทกับพระยะโฮวา
ซึ่งได้ยินและเข้าใจคำของพระองค์?
มีใครสนใจฟังคำของพระองค์บ้าง?
19 พายุของพระยะโฮวาจะพัดออกไปอย่างรุนแรง
ความโกรธของพระองค์เป็นเหมือนพายุหมุนที่จะพัดใส่หัวคนชั่ว+
20 พระยะโฮวาจะไม่หายโกรธ
จนกว่าพระองค์จะทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ
ในสมัยสุดท้ายพวกเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
21 เราไม่ได้ใช้ผู้พยากรณ์พวกนั้นมา แต่พวกเขามาเอง
เราไม่ได้บอกพวกเขา แต่พวกเขาพยากรณ์เอง+
22 แต่ถ้าพวกเขาอยู่ในกลุ่มคนที่สนิทกับเรา
พวกเขาคงเอาคำพูดของเราไปบอกประชาชนของเรา
และคงช่วยให้ประชาชนเลิกทำชั่วไปแล้ว”+
23 พระยะโฮวาบอกว่า “เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้ ๆ เท่านั้นหรือ? เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยไม่ใช่หรือ?”
24 พระยะโฮวาบอกว่า “มีใครไปซ่อนตัวในที่ลับแล้วเรามองไม่เห็นบ้าง?”+
พระยะโฮวาบอกว่า “เราเห็นทุกอย่างทั้งบนสวรรค์และบนโลกไม่ใช่หรือ?+
25 “เราได้ยินพวกผู้พยากรณ์ที่พยากรณ์เรื่องโกหกโดยอ้างชื่อของเรา พวกเขาพูดว่า ‘ฉันฝัน! ฉันฝัน!’+ 26 ผู้พยากรณ์พวกนั้นคิดจะพยากรณ์เรื่องโกหกไปอีกนานแค่ไหน? พวกเขาพยากรณ์เรื่องหลอกลวงที่อยู่ในใจพวกเขา+ 27 คนพวกนี้ตั้งใจเล่าความฝันให้คนอื่นฟังเพื่อให้ประชาชนของเราลืมชื่อของเรา เหมือนที่ปู่ย่าตายายของพวกเขาเคยลืมชื่อของเราเพราะพระบาอัล+ 28 ผู้พยากรณ์คนไหนฝันก็ให้เขาเล่าความฝันของเขา แต่คนที่ได้ยินคำของเราต้องพูดคำของเราอย่างซื่อสัตย์”
พระยะโฮวาบอกว่า “ฟางกับเมล็ดข้าวเหมือนกันตรงไหน?”
29 พระยะโฮวาบอกว่า “คำของเราเป็นเหมือนไฟ+และเหมือนค้อนที่ทุบหินผาจนแหลกไม่ใช่หรือ?”+
30 พระยะโฮวาบอกว่า “ดังนั้น เราจะจัดการพวกผู้พยากรณ์ที่เอาคำของเราไปบิดเบือนเพื่อจะพูดอย่างที่อยากพูด”+
31 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะจัดการพวกผู้พยากรณ์ที่พูดว่า ‘พระองค์บอกอย่างนี้’”+
32 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะจัดการพวกผู้พยากรณ์ที่เล่าความฝันที่ไม่จริง และทำให้ประชาชนของเราหลงผิดเพราะเรื่องโกหกและการโอ้อวดของพวกเขา”+
พระยะโฮวาบอกว่า “แต่เราไม่ได้ใช้พวกเขาไปและไม่ได้สั่งอะไรพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจะไม่ทำประโยชน์ให้ประชาชนของเราเลย”+
33 “และเมื่อชนชาตินี้หรือผู้พยากรณ์หรือปุโรหิตถามเจ้าว่า ‘มีข่าวที่น่าหนักใจ*อะไรมาจากพระยะโฮวาบ้าง?’ เจ้าควรตอบพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเจ้านั่นแหละที่เป็นภาระหนัก! เราจะทิ้งพวกเจ้า”’+ 34 ส่วนผู้พยากรณ์หรือปุโรหิตหรือใครที่พูดว่า ‘มีข่าวที่น่าหนักใจจากพระยะโฮวา!’ เราก็จะลงโทษคนนั้นกับคนในบ้านเขา 35 ให้พวกเจ้าแต่ละคนถามเพื่อนและพี่น้องของตัวเองเถอะว่า ‘พระยะโฮวาตอบว่ายังไง? พระยะโฮวาพูดอะไรบ้าง?’ 36 แต่พวกเจ้าต้องไม่พูดอีกว่าข่าวของพระยะโฮวาน่าหนักใจ เพราะพวกเจ้าแต่ละคนพูดถึงข่าวที่น่าหนักใจของตัวเอง และพวกเจ้าได้เปลี่ยนแปลงคำของพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของพวกเราผู้มีชีวิตอยู่
37 “เจ้าต้องถามผู้พยากรณ์คนนั้นว่า ‘พระยะโฮวาตอบคุณว่ายังไง? พระยะโฮวาพูดอะไรบ้าง? 38 และถ้าคุณยังพูดว่า “นี่เป็นข่าวที่น่าหนักใจจากพระยะโฮวา” พระยะโฮวาบอกว่า “เพราะพวกเจ้าพูดว่า ‘นี่เป็นข่าวที่น่าหนักใจจากพระยะโฮวา’ ทั้ง ๆ ที่เราบอกพวกเจ้าแล้วว่า ‘พวกเจ้าต้องไม่พูดว่า “มีข่าวที่น่าหนักใจจากพระยะโฮวา!”’ 39 ดังนั้น เราจะจับพวกเจ้าเหวี่ยงไปให้พ้นหน้าเรา ทั้งตัวพวกเจ้าและเมืองที่เรายกให้พวกเจ้ากับปู่ย่าตายายของพวกเจ้าด้วย 40 และเราจะทำให้พวกเจ้าอับอายขายหน้าตลอดไปอย่างที่ไม่มีวันลืม”’”+
24 หลังจากเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนจับเยโคนิยาห์*+ลูกชายเยโฮยาคิม+กษัตริย์ยูดาห์กับพวกเจ้านายของยูดาห์และพวกช่างฝีมือกับช่างโลหะ*จากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลนแล้ว+ พระยะโฮวาก็ให้ผมเห็นตะกร้าใส่มะเดื่อ 2 ใบวางอยู่หน้าวิหารของพระยะโฮวา 2 ตะกร้าใบหนึ่งมีมะเดื่อที่ดีเหมือนมะเดื่อรุ่นแรกของปี ส่วนตะกร้าอีกใบหนึ่งมีมะเดื่อที่ไม่ดีจนกินไม่ได้เลย
3 พระยะโฮวาถามผมว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไร?” ผมตอบว่า “ผมเห็นมะเดื่อครับ มะเดื่อที่ดีก็ดีมาก มะเดื่อที่ไม่ดีก็ไม่ดีจนกินไม่ได้เลย”+
4 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับผมว่า 5 “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘ชาวยูดาห์ที่เราให้ออกจากแผ่นดินนี้ไปเป็นเชลยในแผ่นดินเคลเดียนั้น เราจะมองว่าพวกเขาดีเหมือนมะเดื่อที่ดี 6 เราจะคอยดูแลให้พวกเขาได้สิ่งดี ๆ และจะให้พวกเขากลับมาที่แผ่นดินนี้+ เราจะสร้างพวกเขาและจะไม่รื้อ เราจะปลูกพวกเขาและจะไม่ถอน+ 7 เราจะทำให้พวกเขาอยากรู้จักเรา และรู้ว่าเราคือยะโฮวา+ พวกเขาจะเป็นประชาชนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา+ เพราะพวกเขาจะกลับมาหาเราอย่างสุดชีวิตจิตใจ+
8 “‘พระยะโฮวาพูดว่า “ส่วนกษัตริย์เศเดคียาห์+แห่งยูดาห์กับพวกเจ้านายของเขาและชาวเยรูซาเล็มที่เหลือรอดอยู่ในแผ่นดินนี้และคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์นั้น+ เราจะมองว่าพวกเขาเป็นเหมือนมะเดื่อที่ไม่ดีจนกินไม่ได้แล้ว+ 9 เราจะทำให้พวกเขาเจอหายนะ และให้อาณาจักรต่าง ๆ ในโลกสยดสยองเมื่อเห็นพวกเขา+ เราจะให้พวกเขาถูกด่าว่า ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ถูกเยาะเย้ย และถูกสาปแช่ง+ในทุกที่ที่เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป+ 10 เราจะจัดการพวกเขาด้วยดาบ+ ความอดอยาก และโรคระบาด+ จนพวกเขาสาบสูญไปจากแผ่นดินที่เรายกให้พวกเขากับปู่ย่าตายายของพวกเขา”’”
25 พระเจ้าส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์เกี่ยวกับชาวยูดาห์ในปีที่ 4 ที่กษัตริย์เยโฮยาคิม+ลูกชายโยสิยาห์ปกครองยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่ 1 ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์*ปกครองบาบิโลน 2 ผู้พยากรณ์เยเรมีย์พูดถึง*ชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทุกคนว่า
3 “พระยะโฮวาส่งข่าวมาหาผมตั้งแต่ปีที่ 13 ที่กษัตริย์โยสิยาห์+ลูกชายอาโมนปกครองยูดาห์ จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ 23 ปีมาแล้ว และผมก็บอกพวกคุณครั้งแล้วครั้งเล่า* แต่พวกคุณไม่ยอมฟัง+ 4 และพระยะโฮวาได้ส่งพวกผู้พยากรณ์ที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์มาหาพวกคุณครั้งแล้วครั้งเล่า* แต่พวกคุณไม่ฟังและไม่สนใจ*+ 5 พวกเขาพูดว่า ‘ขอให้พวกเจ้าทุกคนเลิกทำผิดทำชั่ว+ แล้วพวกเจ้าจะได้อยู่ต่อไปนาน ๆ ในแผ่นดินที่พระยะโฮวายกให้พวกเจ้ากับปู่ย่าตายายของพวกเจ้าเมื่อนานมาแล้ว 6 อย่านมัสการพระอื่น ๆ อย่ารับใช้และกราบไหว้พระเหล่านั้น และอย่าทำให้เราโมโหเพราะสิ่งที่พวกเจ้าทำขึ้น ไม่อย่างนั้นเราจะทำให้พวกเจ้าเจอหายนะ’
7 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเจ้าไม่ฟังเราแต่กลับทำให้เราโมโหเพราะสิ่งที่พวกเจ้าทำขึ้น จนพวกเจ้าต้องเจอหายนะ’+
8 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพจึงพูดว่า ‘“เพราะพวกเจ้าไม่เชื่อฟังเรา” 9 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะเรียกทุกชาติที่อยู่ทางเหนือ+และเรียกเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรา+ให้มาโจมตีแผ่นดินนี้กับประชาชนในแผ่นดินนี้+รวมทั้งชาติที่อยู่รอบ ๆ+ เราจะทำลายพวกเขาและทำให้คนที่มองเห็นพวกเขาสยดสยองและเยาะเย้ย*พวกเขา และทำให้ที่นั่นกลายเป็นซากปรักหักพังตลอดไป 10 เราจะไม่ให้มีเสียงดีใจกับเสียงชื่นชมยินดีของพวกเขา+ เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว+ และเสียงโม่แป้งหรือแสงตะเกียง 11 แผ่นดินนี้จะเหลือแต่ซากปรักหักพังและกลายเป็นแผ่นดินที่น่าสยดสยอง และชาติเหล่านี้จะต้องรับใช้กษัตริย์บาบิโลน 70 ปี”’+
12 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่เมื่อครบ 70 ปีแล้ว+ เราจะคิดบัญชี*กษัตริย์บาบิโลนกับชาติของเขาที่ได้ทำผิด+ และเราจะทำให้แผ่นดินของชาวเคลเดียรกร้างว่างเปล่าตลอดไป+ 13 เราจะทำให้แผ่นดินนั้นเจอหายนะทุกอย่างที่เราเคยพูดไว้ และตามคำพยากรณ์ทั้งหมดของเยเรมีย์เกี่ยวกับชาติต่าง ๆ ที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ 14 จะมีหลายชาติและกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่หลายองค์+บังคับให้พวกเขาเป็นทาส+ และเราจะตอบแทนพวกนั้นตามการกระทำของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาทำ’”+
15 เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลพูดกับผมว่า “เอาถ้วยเหล้าองุ่นที่เต็มไปด้วยความโกรธถ้วยนี้จากมือเราไปให้ทุกชาติที่เราใช้เจ้าไปหานั้น แล้วให้พวกเขาดื่ม 16 พวกเขาจะดื่มแล้วเดินโซเซและทำตัวเหมือนคนบ้าเพราะเราจะทำให้พวกเขาเจอสงคราม”+
17 ผมจึงเอาถ้วยจากมือพระยะโฮวาไปให้ทุกชาติที่พระยะโฮวาใช้ผมไป แล้วให้พวกเขาดื่ม+ 18 เริ่มจากกรุงเยรูซาเล็มและเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์+ รวมทั้งกษัตริย์และพวกเจ้านาย เพื่อจะทำลายและทำให้ใคร ๆ ที่เห็นพากันสยดสยอง เยาะเย้ย และสาปแช่ง+อย่างที่เป็นอยู่นี้ 19 และเอาให้ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์กับข้าราชการ พวกเจ้านาย และประชาชนของเขา+ 20 รวมทั้งชนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในแผ่นดินนั้น และกษัตริย์ของแผ่นดินอูส กษัตริย์ของแผ่นดินฟีลิสเตีย+ อัชเคโลน+ กาซา เอโครน และชาวอัชโดดที่เหลืออยู่ 21 เอโดม+ โมอับ+ และชาวอัมโมน+ 22 กษัตริย์ทุกองค์ของไทระ กษัตริย์ทุกองค์ของไซดอน+ และกษัตริย์ของเกาะในทะเล 23 เดดาน+ เทมา บูส และทุกคนที่ตัดผมข้างหูออก+ 24 กษัตริย์ทุกองค์ของชาวอาหรับ+ และกษัตริย์ทุกองค์ของชนชาติต่าง ๆ ในที่กันดาร 25 กษัตริย์ทุกองค์ของศิมรี กษัตริย์ทุกองค์ของเอลาม+ และกษัตริย์ทุกองค์ของชาวมีเดีย+ 26 และกษัตริย์ทุกองค์ของแผ่นดินทางเหนือทั้งใกล้และไกล ทีละองค์ ๆ และอาณาจักรอื่น ๆ ในโลก และกษัตริย์ของเชชัก*+ก็จะต้องดื่มจากถ้วยนั้นด้วย
27 “เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “ดื่มให้เมาและอาเจียนเลย ล้มลงซะ แล้วไม่ต้องลุกขึ้นมาอีก+ เพราะเราจะทำให้พวกเจ้าเจอสงคราม”’ 28 และถ้าพวกเขาไม่ยอมรับถ้วยจากมือเจ้าไปดื่ม เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพสั่งว่า “พวกเจ้าต้องดื่ม! 29 เพราะแม้แต่เมืองที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา+ เราก็ยังให้เจอหายนะ พวกเจ้าก็ควรจะถูกลงโทษด้วยไม่ใช่หรือ?”’+
“พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า ‘พวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษแน่นอน เพราะเรากำลังสั่งดาบเล่มหนึ่งมาจัดการทุกคนในโลก’
30 “แล้วเจ้าต้องพยากรณ์เรื่องทั้งหมดนี้ให้พวกเขาฟังและบอกพวกเขาว่า
‘พระยะโฮวาจะแผดเสียงจากที่สูง
พระองค์จะเปล่งเสียงจากที่อาศัยอันบริสุทธิ์ของพระองค์
พระองค์จะคำรามใส่ที่อยู่ของพระองค์
พระองค์จะตะโกนเหมือนคนที่ย่ำองุ่นอยู่ในบ่อ
พระองค์จะร้องเพลงชัยชนะให้ทุกคนในโลกได้ยิน’
31 พระยะโฮวาบอกว่า ‘จะมีเสียงดังก้องไปทุกมุมโลก
เพราะพระยะโฮวามีข้อขัดแย้งกับชาติต่าง ๆ
พระองค์จะพิพากษามนุษย์ทั้งหมดด้วยตัวเอง+
และพระองค์จะฆ่าคนชั่วด้วยดาบ’
32 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
33 “‘คนที่ถูกพระยะโฮวาประหารในวันนั้นจะมีตั้งแต่สุดขอบโลกด้านนี้ไปถึงด้านโน้น จะไม่มีใครร้องไห้เสียใจให้พวกเขา ศพของพวกเขาจะไม่มีใครเก็บไม่มีใครฝัง พวกเขาจะเป็นเหมือนปุ๋ยบนพื้นดิน’
34 คนเลี้ยงแกะ ร้องไห้คร่ำครวญสิ!
ผู้ยิ่งใหญ่ของฝูงแกะ นอนกลิ้งบนพื้นเลย!
เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะต้องถูกฆ่าและกระจัดกระจายไป
และพวกเจ้าจะตกลงมาแตกเหมือนภาชนะราคาแพง
35 พวกคนเลี้ยงแกะไม่รู้จะหนีไปไหน
และพวกผู้ยิ่งใหญ่ของฝูงแกะก็หนีไม่พ้น
36 ฟังสิ! ฟังเสียงร้องของพวกคนเลี้ยงแกะ
และเสียงคร่ำครวญของผู้ยิ่งใหญ่ของฝูงแกะ
เพราะพระยะโฮวาทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขาหมดแล้ว
37 และที่อยู่อันสงบสุขถูกทำให้เป็นที่ร้างไปแล้ว
เพราะพระยะโฮวาโกรธมาก
38 พระองค์ออกมาเหมือนสิงโตหนุ่มที่ออกจากถ้ำ+
แผ่นดินของพวกเขากลายเป็นที่ที่น่าสยดสยอง
เพราะดาบที่ไร้ความปรานี
และเพราะพระองค์โกรธมาก”
26 ตอนที่กษัตริย์เยโฮยาคิม+ลูกชายโยสิยาห์เริ่มปกครองยูดาห์ พระยะโฮวาส่งข่าวมาว่า 2 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เจ้าต้องไปยืนอยู่ในลานวิหารของพระยะโฮวาและพูดถึง*ชาวเมืองต่าง ๆ ในยูดาห์ซึ่งมานมัสการ*ที่วิหารของพระยะโฮวา เจ้าต้องบอกพวกเขาทุกอย่างตามที่เราสั่งให้เจ้าพูด อย่าให้ขาดแม้แต่คำเดียว 3 เผื่อว่าพวกเขาแต่ละคนจะฟังและเลิกทำชั่ว แล้วเราจะได้เปลี่ยนใจ*และไม่ทำให้พวกเขาเจอหายนะอย่างที่เราตั้งใจว่าจะทำเพราะพวกเขาทำชั่ว+ 4 เจ้าต้องบอกพวกเขาว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังเราและไม่ทำตามกฎหมาย*ที่เราให้พวกเจ้าไว้ 5 และไม่ฟังพวกผู้พยากรณ์ที่เป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราส่งมาหาพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า*แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่เคยฟัง+ 6 เราก็จะทำให้วิหารหลังนี้เป็นเหมือนชิโลห์+ และเราจะทำให้ชาติต่าง ๆ ในโลกพูดถึงเมืองนี้ว่าเป็นเมืองที่ถูกสาปแช่ง’”’”+
7 พวกปุโรหิตกับผู้พยากรณ์และประชาชนก็ได้ยินเยเรมีย์พูดอย่างนี้ในวิหารของพระยะโฮวา+ 8 พอเยเรมีย์พูดทุกสิ่งที่พระยะโฮวาสั่งให้พูดกับประชาชนจบแล้ว พวกปุโรหิตกับผู้พยากรณ์และประชาชนก็จับตัวเยเรมีย์ไว้และบอกว่า “แกตายแน่! 9 ทำไมแกต้องพยากรณ์ในนามพระยะโฮวาว่า ‘วิหารหลังนี้จะเป็นเหมือนเมืองชิโลห์ และเมืองนี้จะถูกทำลายและไม่มีใครอยู่เลย’?” ผู้คนก็เข้ามาล้อมเยเรมีย์ในวิหารของพระยะโฮวา
10 เมื่อพวกเจ้านายในยูดาห์ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็ออกจากวังกษัตริย์และมาที่วิหารของพระยะโฮวา แล้วนั่งอยู่ตรงทางเข้าประตูใหม่ที่วิหารของพระยะโฮวา+ 11 พวกปุโรหิตกับผู้พยากรณ์ก็บอกพวกเจ้านายกับประชาชนว่า “ผู้ชายคนนี้ควรถูกประหาร+ เพราะเขาพยากรณ์เรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเมืองนี้อย่างที่พวกคุณได้ยินกับหูแล้ว”+
12 เยเรมีย์จึงพูดกับพวกเจ้านายและประชาชนว่า “พระยะโฮวาใช้ผมให้มาพยากรณ์เรื่องไม่ดีเกี่ยวกับวิหารหลังนี้และเมืองนี้อย่างที่พวกคุณได้ยินนั่นแหละ+ 13 ดังนั้น ขอให้พวกคุณเปลี่ยนแปลงแนวทางชีวิตและการกระทำของตัวเอง และเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกคุณ แล้วพระยะโฮวาจะเปลี่ยนใจ*และไม่ให้พวกคุณเจอหายนะอย่างที่พระองค์พูดไว้+ 14 ส่วนผมเองก็อยู่ในมือพวกคุณแล้ว พวกคุณเห็นว่าควรจะทำอะไรกับผมก็ทำเถอะ 15 แต่ขอให้รู้ไว้ว่าถ้าพวกคุณฆ่าผม พวกคุณกับเมืองนี้และประชาชนจะมีความผิดฐานฆ่าคนบริสุทธิ์ เพราะพระยะโฮวาใช้ผมมาพูดอย่างนี้กับพวกคุณจริง ๆ”
16 พวกเจ้านายกับประชาชนจึงพูดกับพวกปุโรหิตและผู้พยากรณ์ว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่ควรถูกประหาร เพราะเขาพูดกับพวกเราในนามพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา”
17 แล้วผู้ดูแลบางคนในแผ่นดินก็ลุกขึ้นพูดกับประชาชนที่ชุมนุมกันอยู่ว่า 18 “มีคาห์+ชาวเมืองโมเรเชทเคยพยากรณ์ในสมัยกษัตริย์เฮเซคียาห์+แห่งยูดาห์และบอกประชาชนในยูดาห์ว่า ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
“ศิโยนจะเป็นเหมือนทุ่งนาที่ถูกไถ
เยรูซาเล็มจะเหลือแต่ซาก+
ภูเขาที่วิหารตั้งอยู่จะกลายเป็นป่ารก”’+
19 “ตอนนั้นกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์กับชาวยูดาห์ฆ่าเขาไหม? เฮเซคียาห์เกรงกลัวพระยะโฮวาและขอความเมตตาจากพระยะโฮวาไม่ใช่หรือ? พระยะโฮวาถึงได้เปลี่ยนใจ*และไม่ทำให้พวกเขาเจอหายนะอย่างที่พระองค์พูดไว้+ แต่ตอนนี้พวกเรากำลังจะทำให้ตัวเองเจอหายนะครั้งใหญ่
20 “และมีอีกคนหนึ่งที่พยากรณ์ในนามพระยะโฮวา ชื่ออุรียาห์ลูกชายเชไมอาห์ชาวเมืองคีริยาทเยอาริม+ เขาพยากรณ์ว่าเมืองนี้และแผ่นดินนี้จะเจอหายนะเหมือนที่เยเรมีย์พูดนี่แหละ 21 เมื่อกษัตริย์เยโฮยาคิม+กับพวกทหารและพวกเจ้านายได้ยินที่เขาพูด กษัตริย์ก็หาทางฆ่าเขา+ พออุรียาห์รู้เข้าก็กลัวและหนีไปอียิปต์ 22 กษัตริย์เยโฮยาคิมจึงส่งเอลนาธัน+ลูกชายอัคโบร์กับคนอื่น ๆ ไปที่อียิปต์ 23 พวกเขาจับตัวอุรียาห์กลับมาจากอียิปต์แล้วพาไปหากษัตริย์เยโฮยาคิม กษัตริย์ก็ใช้ดาบฆ่าเขา+แล้วโยนศพเขาลงไปในหลุมศพของประชาชน”
24 แต่อาหิคัม+ลูกชายชาฟาน+ช่วยเยเรมีย์ไว้ไม่ให้ถูกส่งตัวไปให้ประชาชนฆ่า+
27 ตอนที่กษัตริย์เยโฮยาคิมลูกชายโยสิยาห์เริ่มปกครองยูดาห์ พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์ 2 “พระยะโฮวาพูดกับผมว่า ‘เจ้าต้องทำสายรัดกับแอกให้ตัวเอง และเอาใส่คอเจ้าไว้ 3 แล้วให้เจ้าส่งสายรัดกับแอกไปให้กษัตริย์เอโดม+ กษัตริย์โมอับ+ กษัตริย์อัมโมน+ กษัตริย์ไทระ+ และกษัตริย์ไซดอน+ โดยฝากไปกับพวกผู้ส่งข่าวที่มาหาเศเดคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม 4 ให้พวกเขาไปบอกเจ้านายของตัวเองว่า
“‘“พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ให้พวกเจ้ากลับไปบอกเจ้านายว่า 5 ‘เราเป็นผู้สร้างโลก มนุษย์ และสัตว์บนแผ่นดินด้วยพลังและอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเรา และเราได้ยกสิ่งเหล่านี้ให้กับคนที่เราอยากให้+ 6 และตอนนี้เราได้ยกแผ่นดินทั้งหมดไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์+แห่งบาบิโลนซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรา แม้แต่สัตว์ป่าในทุ่งเราก็ยกให้เขาด้วย 7 ทุกชาติจะรับใช้เขากับลูกหลานของเขาจนถึงเวลาที่ชาติของเขาหมดอำนาจ+ แล้วชาติต่าง ๆ และกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่หลายองค์จะทำให้เขาเป็นทาส’+
8 “‘“พระยะโฮวาบอกว่า ‘ถ้าชาติไหนหรืออาณาจักรไหนไม่รับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและไม่ยอมอยู่ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลน เราจะลงโทษชาตินั้นด้วยดาบ+ ความอดอยาก และโรคระบาด จนกว่าเราจะใช้เนบูคัดเนสซาร์มากำจัดชาตินั้น’
9 “‘“‘ดังนั้น อย่าไปฟังพวกผู้พยากรณ์ ผู้ทำนาย ผู้เห็นนิมิต ผู้ใช้วิชาอาคม และพ่อมดของพวกเจ้า ซึ่งบอกว่าพวกเจ้าจะไม่ต้องรับใช้กษัตริย์บาบิโลน 10 เพราะพวกเขาพยากรณ์เรื่องโกหกให้พวกเจ้าฟัง จนทำให้พวกเจ้าต้องจากแผ่นดินของพวกเจ้าไปไกล และเราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปและพวกเจ้าจะพินาศ
11 “‘“พระยะโฮวาบอกว่า ‘ส่วนชาติที่ยอมอยู่ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลนและรับใช้เขา เราจะให้ชาตินั้นอยู่ในแผ่นดินของตัวเองต่อไป และพวกเขาจะทำไร่ไถนาและอาศัยอยู่ที่นั่น’”’”
12 ผมบอกเศเดคียาห์+กษัตริย์ยูดาห์แบบเดียวกันว่า “ขอให้ท่านยอมอยู่ใต้แอกกษัตริย์บาบิโลนและรับใช้เขากับประชาชนของเขาเถอะ แล้วท่านจะมีชีวิตอยู่ต่อไป+ 13 ทำไมท่านจะต้องทำให้ตัวท่านกับประชาชนของท่านต้องตายด้วยดาบ+ ความอดอยาก+ และโรคระบาด+เหมือนที่พระยะโฮวาพูดไว้เกี่ยวกับชาติที่ไม่รับใช้กษัตริย์บาบิโลน? 14 อย่าไปฟังพวกผู้พยากรณ์ที่บอกท่านว่า ‘ท่านจะไม่ต้องรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเลย’+ เพราะพวกเขาพยากรณ์เรื่องโกหกให้ท่านฟัง+
15 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะเราไม่ได้ใช้พวกเขาไป แต่พวกเขาพยากรณ์เรื่องโกหกโดยอ้างชื่อเรา แล้วสุดท้ายเราก็จะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปและพวกเจ้าจะต้องพินาศ ทั้งพวกเจ้าและผู้พยากรณ์ของพวกเจ้าด้วย’”+
16 ผมพูดกับพวกปุโรหิตและประชาชนว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘อย่าไปฟังพวกผู้พยากรณ์ของพวกเจ้าที่พยากรณ์ว่า “เครื่องใช้ในวิหารของพระยะโฮวาจะถูกนำกลับมาจากบาบิโลนเร็ว ๆ นี้!”+ เพราะพวกเขาพยากรณ์เรื่องโกหกให้พวกเจ้าฟัง+ 17 อย่าฟังพวกเขา รับใช้กษัตริย์บาบิโลนเถอะ แล้วพวกเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป+ จะทำให้เมืองนี้พินาศทำไมล่ะ? 18 แต่ถ้าพวกเขาเป็นผู้พยากรณ์และถ้าพวกเขาพูดคำของพระยะโฮวาจริง ก็ขอให้พวกเขาอ้อนวอนพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพว่า อย่าให้เครื่องใช้ที่เหลืออยู่ในวิหารของพระยะโฮวาและในวังกษัตริย์ยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็มถูกเอาไปบาบิโลนเลย’
19 “เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพได้พูดถึงเสา+ ทะเลทองแดง*+ รถเข็น+ และเครื่องใช้ที่เหลืออยู่ในเมืองนี้ 20 ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนไม่ได้เอาไป ตอนที่จับเยโคนิยาห์ลูกชายเยโฮยาคิมกษัตริย์ยูดาห์จากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลนพร้อมกับพวกชนชั้นสูงของยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม+ 21 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลพูดถึงเครื่องใช้ที่เหลืออยู่ในวิหารของพระยะโฮวาและในวังกษัตริย์ยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็มว่า 22 ‘พระยะโฮวาบอกว่า “ของเหล่านี้จะถูกเอาไปบาบิโลน+และอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่เราจะคิดถึงมันอีก แล้วเราจะเอาของเหล่านี้กลับมาเก็บไว้ที่นี่เหมือนเดิม”’”+
28 ในปีเดียวกันนั้น คือในปีที่ 4 เดือน 5 ซึ่งเป็นช่วงแรก ๆ ที่กษัตริย์เศเดคียาห์+ปกครองยูดาห์ ผู้พยากรณ์ฮานันยาห์ลูกชายของอัสซูร์ซึ่งมาจากเมืองกิเบโอน+ได้พูดกับเยเรมีย์ในวิหารของพระยะโฮวาต่อหน้าพวกปุโรหิตและประชาชนว่า 2 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะหักแอกของกษัตริย์บาบิโลน+ 3 และภายใน 2 ปี เราจะเอาเครื่องใช้ทั้งหมดของวิหารของพระยะโฮวากลับมาที่นี่ คือเครื่องใช้ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนเอาจากที่นี่ไปไว้บาบิโลน’”+ 4 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะพาเยโคนิยาห์+ลูกชายเยโฮยาคิม+กษัตริย์ยูดาห์กลับมาที่นี่พร้อมกับชาวยูดาห์ทุกคนที่ไปเป็นเชลยในบาบิโลน+ เพราะเราจะหักแอกของกษัตริย์บาบิโลนแล้ว’”
5 ผู้พยากรณ์เยเรมีย์จึงพูดกับผู้พยากรณ์ฮานันยาห์ต่อหน้าพวกปุโรหิตและต่อหน้าประชาชนที่ยืนอยู่ในวิหารของพระยะโฮวา 6 ผู้พยากรณ์เยเรมีย์พูดว่า “อาเมน!* ขอให้พระยะโฮวาทำอย่างนั้นเถอะ! ขอพระยะโฮวาทำให้คำพยากรณ์ของคุณเป็นจริงโดยเอาเครื่องใช้ของวิหารของพระยะโฮวากับทุกคนที่ไปเป็นเชลยในบาบิโลนกลับมาที่นี่! 7 แต่ขอให้ฟังเรื่องที่ผมจะพูดกับคุณและประชาชนทุกคน 8 นานมาแล้ว พวกผู้พยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ก่อนผมและก่อนคุณก็เคยพยากรณ์ว่าจะมีสงคราม ภัยพิบัติ และโรคระบาดในหลายประเทศและในอาณาจักรใหญ่ ๆ หลายอาณาจักร 9 ถ้าผู้พยากรณ์คนไหนพยากรณ์ว่าจะมีความสงบสุขแล้วเป็นจริงตามนั้น ผู้คนก็จะรู้ว่าพระยะโฮวาส่งผู้พยากรณ์คนนั้นมาจริง ๆ”
10 ผู้พยากรณ์ฮานันยาห์จึงเอาแอกออกจากคอผู้พยากรณ์เยเรมีย์และหักมัน+ 11 แล้วฮานันยาห์ก็พูดต่อหน้าทุกคนว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ภายใน 2 ปี เราจะหักแอกของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนที่อยู่บนคอของทุกชาติอย่างนี้แหละ’”+ แล้วผู้พยากรณ์เยเรมีย์ก็ไป
12 หลังจากผู้พยากรณ์ฮานันยาห์เอาแอกที่คอของผู้พยากรณ์เยเรมีย์มาหักแล้ว พระยะโฮวาก็พูดกับเยเรมีย์ว่า 13 “เจ้าต้องไปบอกฮานันยาห์ว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เจ้าหักแอกไม้ไปแล้ว+ แต่จะมีแอกเหล็กมาแทน” 14 เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “เราจะเอาแอกเหล็กใส่คอชาติเหล่านี้เพื่อให้พวกเขารับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน และพวกเขาจะต้องรับใช้กษัตริย์องค์นั้น+ แม้แต่สัตว์ป่าในทุ่งเราก็จะยกให้เขา”’”+
15 ผู้พยากรณ์เยเรมีย์บอกผู้พยากรณ์ฮานันยาห์+อีกว่า “ฮานันยาห์ ฟังผมเถอะ พระยะโฮวาไม่ได้ใช้คุณมา แต่คุณทำให้ชนชาตินี้เชื่อเรื่องโกหก+ 16 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะกำจัดเจ้าไปจากแผ่นดิน เจ้าจะต้องตายภายในปีนี้ เพราะเจ้าชักจูงประชาชนให้กบฏต่อพระยะโฮวา’”+
17 และผู้พยากรณ์ฮานันยาห์ก็ตายในเดือน 7 ของปีนั้นเอง
29 ต่อไปนี้เป็นจดหมายที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์ส่งจากกรุงเยรูซาเล็มไปถึงพวกผู้นำ*ของประชาชนที่เป็นเชลย และถึงพวกปุโรหิต พวกผู้พยากรณ์ รวมทั้งทุกคนที่เนบูคัดเนสซาร์จับตัวจากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 2 หลังจากที่กษัตริย์เยโคนิยาห์+กับราชมารดา+ พวกข้าราชสำนัก พวกเจ้านายของยูดาห์และเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกช่างฝีมือและช่างโลหะ*ได้ไปจากกรุงเยรูซาเล็มแล้ว+ 3 เขาส่งจดหมายฉบับนี้ไปกับเอลาสาห์ลูกชายชาฟาน+กับเกมาริยาห์ลูกชายฮิลคียาห์ซึ่งเศเดคียาห์+กษัตริย์ยูดาห์ส่งไปหาเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลน จดหมายนั้นเขียนว่า
4 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลส่งข่าวมาถึงทุกคนที่พระองค์ทำให้ออกจากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลนว่า 5 ‘ให้พวกเจ้าสร้างบ้านและอยู่ที่นั่นเถอะ ทำสวนและกินพืชผลในสวนนั้น 6 พวกเจ้าต้องหาภรรยาและมีลูกชายลูกสาว และหาภรรยาให้ลูกชายและหาสามีให้ลูกสาวด้วย พวกเขาจะได้มีลูกชายลูกสาวของตัวเอง พวกเจ้าต้องมีลูกมีหลานเยอะ ๆ ในประเทศนั้น อย่าให้มีคนน้อยลง 7 และให้พวกเจ้าอยู่อย่างสงบสุขในเมืองที่เราให้พวกเจ้าไปเป็นเชลยอยู่นั้น และอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยเมืองนั้น เพราะถ้าเมืองนั้นมีความสงบสุข พวกเจ้าก็จะมีความสงบสุขด้วย+ 8 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “อย่ายอมให้พวกผู้พยากรณ์กับพวกผู้ทำนายในหมู่พวกเจ้าหลอก+ และอย่าไปฟังพวกเขาเล่าความฝัน 9 เพราะพระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเขาพยากรณ์เรื่องโกหกให้พวกเจ้าฟังโดยอ้างชื่อของเรา เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป’”’”+
10 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เมื่อพวกเจ้าอยู่ที่บาบิโลนครบ 70 ปีแล้ว เราจะคิดถึงพวกเจ้า+ และจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพวกเจ้าว่าจะพาพวกเจ้ากลับมาที่นี่’+
11 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะเรารู้ว่าเราจะทำอะไรให้พวกเจ้า เราจะให้พวกเจ้ามีสันติสุข ไม่ต้องเจอหายนะ+ และพวกเจ้าจะมีอนาคตที่ดีและมีความหวัง+ 12 แล้วพวกเจ้าจะเรียกเรา และจะมาอธิษฐานถึงเรา และเราจะฟังพวกเจ้า’+
13 “‘พวกเจ้าจะหาเราและจะพบ+ เพราะพวกเจ้าจะเสาะหาเราสุดหัวใจ’+ 14 พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะให้พวกเจ้าพบเรา’+ และพระยะโฮวาบอกอีกว่า ‘เราจะรวบรวมพวกเจ้าที่เป็นเชลยออกมาจากชาติต่าง ๆ และจากทุกที่ที่เราทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น+ และเราจะพาพวกเจ้ากลับมายังที่ที่เราเคยทำให้พวกเจ้าต้องจากไป’+
15 “แต่พวกเจ้าบอกว่า ‘พระยะโฮวาแต่งตั้งผู้พยากรณ์ไว้ให้พวกเราที่บาบิโลนแล้ว’
16 “พระยะโฮวาพูดกับกษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด+และพูดกับประชาชนที่อยู่ในเมืองนี้ คือพวกพี่น้องของพวกเจ้าที่ไม่ได้ไปเป็นเชลยว่า 17 ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า “เราจะจัดการพวกเขาด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด+ เราจะทำให้พวกเขาเป็นเหมือนมะเดื่อเน่า*ที่กินไม่ได้”’+
18 “‘และเราจะให้พวกเขาตายด้วยดาบ+ ความอดอยาก และโรคระบาด เราจะทำให้อาณาจักรต่าง ๆ ในโลกสยดสยองเมื่อเห็นพวกเขา+ และทำให้พวกเขาถูกสาปแช่ง ใคร ๆ ที่เห็นพวกเขาจะตกใจและเยาะเย้ย*+ และชาติต่าง ๆ ที่เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่นั้นจะด่าว่าพวกเขา+ 19 เพราะพวกเขาไม่ฟังคำของเราที่เราใช้พวกผู้พยากรณ์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเราไปบอกพวกเขา เราส่งพวกผู้พยากรณ์ไปครั้งแล้วครั้งเล่า’*+ พระยะโฮวาบอกไว้
“พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่พวกเจ้าไม่ฟัง’+
20 “ดังนั้น พวกเจ้าทุกคนที่เราทำให้จากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ขอให้ฟังคำของพระยะโฮวา 21 ต่อไปนี้เป็นคำพูดของพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลเกี่ยวกับอาหับลูกชายโคลายาห์และเศเดคียาห์ลูกชายมาอาเสอาห์ซึ่งพยากรณ์เรื่องโกหกให้พวกเจ้าฟังโดยอ้างชื่อของเรา+ ‘เราจะให้พวกเขาตกอยู่ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์*แห่งบาบิโลน และเนบูคัดเนสซาร์จะฆ่าพวกเขาต่อหน้าพวกเจ้า 22 และเมื่อชาวยูดาห์ที่เป็นเชลยในบาบิโลนจะสาปแช่งใครก็จะพูดถึงเรื่องของพวกเขาว่า “ขอพระยะโฮวาทำให้แกเป็นเหมือนเศเดคียาห์กับอาหับที่ถูกกษัตริย์บาบิโลนเผาด้วยไฟ!” 23 เพราะพวกเขาทำเรื่องน่าอายในอิสราเอล+ พวกเขาเล่นชู้กับภรรยาเพื่อนบ้าน และพูดเรื่องโกหกโดยอ้างชื่อเราทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้สั่งให้พวกเขาพูด+
“‘พระยะโฮวาบอกว่า “เรารู้เรื่องนี้และเป็นพยานได้”’”+
24 “เจ้าต้องบอกเชไมอาห์+ชาวเนเฮลามว่า 25 ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “เพราะเจ้าส่งจดหมายที่ลงชื่อเจ้าเองไปถึงคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม คือปุโรหิตเศฟันยาห์+ลูกชายมาอาเสอาห์และปุโรหิตทุกคนว่า 26 ‘พระยะโฮวาตั้งคุณเป็นปุโรหิตแทนปุโรหิตเยโฮยาดาให้เป็นผู้ดูแลวิหารของพระยะโฮวา และให้จัดการกับคนบ้าที่ทำตัวเหมือนผู้พยากรณ์และให้จับเขาใส่ขื่อไว้+ 27 แล้วทำไมคุณไม่ห้ามปรามเยเรมีย์ชาวอานาโธท+ที่ทำตัวเหมือนผู้พยากรณ์?+ 28 เพราะเขาถึงกับส่งจดหมายมาบอกพวกเราที่บาบิโลนว่า “พวกคุณจะเป็นเชลยไปอีกนาน ให้สร้างบ้านและอาศัยอยู่ที่นั่น ทำสวนและกินพืชผลในสวนนั้น+. . .”’”’”
29 พอปุโรหิตเศฟันยาห์+อ่านจดหมายนี้ให้ผู้พยากรณ์เยเรมีย์ฟัง 30 พระยะโฮวาก็พูดกับเยเรมีย์ว่า 31 “เขียนไปบอกคนที่เป็นเชลยว่า ‘พระยะโฮวาพูดถึงเชไมอาห์ชาวเนเฮลามว่า “เชไมอาห์ได้พยากรณ์ให้พวกเจ้าฟังทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ใช้เขา และเขาพยายามทำให้พวกเจ้าเชื่อเรื่องโกหก+ 32 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะลงโทษเชไมอาห์ชาวเนเฮลามกับลูกหลานของเขา จะไม่มีลูกหลานของเขาแม้แต่คนเดียวเหลือรอดอยู่ในหมู่ชนชาตินี้ และเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งดี ๆ ที่เราจะทำให้ประชาชนของเรา’ พระยะโฮวาบอกว่า “เพราะเขาชักจูงประชาชนให้กบฏต่อพระยะโฮวา’”’”
30 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์ว่า 2 “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เจ้าต้องเขียนทุกคำที่เราพูดกับเจ้าไว้ในหนังสือ 3 พระยะโฮวาบอกว่า “วันหนึ่งเราจะรวบรวมประชาชนของเราทั้งอิสราเอลและยูดาห์ที่ไปเป็นเชลย”+ พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะพาพวกเขากลับมาแผ่นดินที่เราได้ยกให้กับปู่ย่าตายายของพวกเขา และพวกเขาจะครอบครองแผ่นดินนั้นอีกครั้งหนึ่ง”’”+
4 ต่อไปนี้คือเรื่องที่พระยะโฮวาพูดกับอิสราเอลและยูดาห์
5 พระยะโฮวาบอกว่า
“พวกเจ้าได้ยินเสียงคนที่กำลังตัวสั่น
มีแต่ความหวาดกลัว ไม่มีความสงบสุขเลย
6 ลองถามดูเถอะว่าผู้ชายจะคลอดลูกได้ไหม
ทำไมทุกคนหน้าซีด?
7 วันนั้นเป็นวันที่น่ากลัว*+
ไม่มีวันไหนเหมือนวันนั้น
เป็นเวลาทุกข์เดือดร้อนสำหรับยาโคบ
แต่เขาจะได้รับการช่วยให้รอดจากวันนั้น”
8 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า “วันนั้นเราจะหักแอกที่คอเขาและจะดึงสายรัดให้ขาดเป็นสองเส้น และคนแปลกหน้า*จะไม่ทำให้เขา*เป็นทาสอีก 9 พวกเขาจะรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาและรับใช้ดาวิดซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เราจะแต่งตั้งให้พวกเขา”+
10 พระยะโฮวาบอกว่า “ยาโคบผู้รับใช้ของเรา อย่ากลัวเลย
อิสราเอล ไม่ต้องตกใจกลัว+
เพราะเราจะช่วยเจ้ากลับมาจากแดนไกล
และช่วยลูกหลานของเจ้ากลับมาจากแผ่นดินที่พวกเขาไปเป็นเชลย+
ยาโคบจะกลับมาและอยู่อย่างสงบไม่มีอะไรมารบกวน
และจะไม่มีใครทำให้เขากลัว”+
11 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้า
ส่วนชาติต่าง ๆ ที่เราเคยทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น+ เราจะกำจัดให้สิ้นซาก+
แต่เราจะไม่กำจัดเจ้า
12 พระยะโฮวาบอกว่า
“แผลของเจ้าไม่มีทางรักษา+
แผลนั้นรักษาไม่หาย
13 ไม่มีใครสู้คดีให้เจ้า
ไม่มีวิธีรักษาแผลเรื้อรังของเจ้า
และเจ้าหมดทางรักษาแล้ว
14 พวกคนรักของเจ้าก็พากันลืมเจ้าไปหมด+
พวกเขาเลิกตามหาเจ้าแล้ว
เพราะเราตีเจ้าเหมือนที่ศัตรูตี+
ลงโทษเจ้าเหมือนที่คนโหดร้ายทำ
เพราะเจ้าทำผิดร้ายแรงและทำบาปมามาก+
15 เจ้าจะร้องครวญครางเพราะแผลของเจ้าทำไม?
เจ้าไม่หายเจ็บหรอก!
เพราะเจ้าทำผิดร้ายแรงและทำบาปมามาก+
เราถึงทำกับเจ้าอย่างนี้
16 ดังนั้น ทุกคนที่กัดกินเจ้าจะถูกกัดกิน+
และศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย+
คนที่ปล้นเจ้าจะถูกปล้น
และใครที่แย่งของของเจ้าไป เราจะให้คนอื่นมาแย่งของของเขาเหมือนกัน”+
17 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะทำให้เจ้าฟื้นตัวและจะรักษาแผลให้เจ้า+
แม้พวกเขาเคยพูดว่าเจ้าเป็นคนที่ถูกทิ้ง และเรียกเจ้าว่า
‘ศิโยนที่ไม่มีใครตามหา’”+
18 พระยะโฮวาบอกว่า
“เราจะรวบรวมลูกหลานยาโคบที่ไปเป็นเชลย+
และเราจะสงสารพวกเขา
เมืองจะถูกสร้างขึ้นใหม่บนเนินดิน+
และป้อมปราการจะตั้งอยู่ในที่ของมัน
19 พวกเขาจะขอบคุณและส่งเสียงหัวเราะ+
เราจะให้พวกเขามีลูกหลานมากมาย ไม่ใช่มีน้อย ๆ+
เราจะทำให้พวกเขาเพิ่มจำนวนขึ้น*
และพวกเขาจะไม่ใช่คนต่ำต้อยเลย+
20 ลูกชายของเขาจะมีมากมายเหมือนเมื่อก่อน
และจะเป็นชนชาติที่เข้มแข็งอยู่ต่อหน้าเราเสมอ+
เราจะจัดการทุกคนที่ข่มเหงเขา+
21 พวกเขาคนหนึ่งจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่
และพวกเขาคนหนึ่งจะเป็นผู้ปกครอง
เราจะให้เขาเข้ามาใกล้เรา และเขาจะมาหาเรา”
พระยะโฮวาบอกว่า “เพราะใครล่ะจะกล้าเข้ามาหาเรา?
22 และพวกเจ้าจะเป็นประชาชนของเรา+ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า”+
23 พายุของพระยะโฮวาจะพัดออกไปอย่างรุนแรง+
ความโกรธของพระองค์เป็นเหมือนพายุหมุนที่พัดใส่หัวคนชั่ว
24 พระยะโฮวาจะไม่หายโกรธ
จนกว่าพระองค์จะทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ+
ในสมัยสุดท้ายพวกเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้+
31 พระยะโฮวาบอกว่า “ตอนนั้นเราจะเป็นพระเจ้าของอิสราเอลทุกตระกูล และพวกเขาจะเป็นประชาชนของเรา”+
2 พระยะโฮวาบอกว่า
“ประชาชนที่รอดจากคมดาบได้รับความเมตตาในที่กันดาร
ตอนที่อิสราเอลเดินไปยังที่อยู่ของเขา”
3 พระยะโฮวามาหาผมจากที่ห่างไกลและพูดว่า
“เรารักเจ้าและจะรักตลอดไป
เพราะเรามีความรักที่มั่นคง+ เราจึงทำให้เจ้าเข้ามาใกล้เรา
4 อิสราเอล เราจะสร้างเจ้าขึ้นใหม่และเจ้าจะถูกสร้างขึ้นอีก+
6 เพราะวันหนึ่ง พวกคนเฝ้ายามในเขตเทือกเขาของเอฟราอิมจะร้องว่า
‘ลุกขึ้นเถอะ ไปหาพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราที่ศิโยนกัน’”+
7 เพราะพระยะโฮวาบอกว่า
“ร้องดีใจกับยาโคบเถอะ
ตะโกนด้วยความยินดีเพราะพวกเจ้าอยู่เหนือชาติต่าง ๆ+
ประกาศเรื่องนี้ออกไป ให้สรรเสริญพระเจ้าและพูดว่า
‘ได้โปรดเถอะพระยะโฮวา ขอช่วยประชาชนของพระองค์ด้วย คือชาวอิสราเอลที่เหลืออยู่’+
8 เราจะพาพวกเขากลับมาจากแผ่นดินทางเหนือ+
เราจะรวบรวมพวกเขามาจากสุดขอบโลก+
พวกเขาบางคนตาบอดและพิการ+
มีทั้งผู้หญิงตั้งท้องและผู้หญิงที่กำลังจะคลอด
พวกเขากลุ่มใหญ่จะกลับมาที่นี่+
9 พวกเขาจะเดินร้องไห้มา+
เราจะพาพวกเขากลับมาตอนที่พวกเขาร้องขอความเมตตา
เราจะพาพวกเขาไปที่ลำธาร+
และพาไปเดินบนทางที่ราบเรียบและพวกเขาจะไม่สะดุดล้มเลย
เพราะเราเป็นพ่อของอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นลูกคนโตของเรา”+
10 ชาติทั้งหลาย ขอให้ฟังพระยะโฮวา
และประกาศให้หมู่เกาะที่อยู่ไกล ๆ ฟังว่า+
“ผู้ที่ทำให้อิสราเอลกระจัดกระจายไปจะรวบรวมเขากลับมาอีก
พระองค์จะดูแลเขาเหมือนที่คนเลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะ+
11 เพราะพระยะโฮวาจะไถ่ลูกหลานของยาโคบ+
และจะช่วยพวกเขาให้พ้น*จากเงื้อมมือคนที่แข็งแรงกว่าพวกเขา+
12 พวกเขาจะกลับมาร้องดีใจบนภูเขาศิโยน+
และมีหน้าตาเบิกบานเพราะความดีของ*พระยะโฮวา
เพราะข้าว เหล้าองุ่นใหม่+ และน้ำมัน
และเพราะลูกสัตว์ที่เกิดใหม่+
13 “ในเวลานั้นหญิงสาวบริสุทธิ์จะเต้นรำอย่างร่าเริง
ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ด้วย+
เราจะทำให้ความโศกเศร้าของพวกเขากลายเป็นความยินดี+
เราจะปลอบพวกเขาและทำให้พวกเขามีความสุขแทนที่จะโศกเศร้า+
14 เราจะทำให้พวกปุโรหิตอิ่มท้องเพราะมีอาหารมากมาย
และประชาชนของเราจะอิ่มใจเพราะความดีของเรา”+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
15 “พระยะโฮวาบอกว่า
‘ได้ยินเสียงคร่ำครวญและร้องไห้อย่างขมขื่นในเมืองรามาห์+
ราเชลร้องไห้เพราะเธอไม่มีลูกชาย*แล้ว+
เธอไม่ยอมให้ใครมาปลอบโยน
เพราะเธอสูญเสียลูก ๆ ไป’”+
16 พระยะโฮวาบอกว่า
“‘หยุดร้องไห้ได้แล้วและกลั้นน้ำตาไว้
เพราะเรามีรางวัลสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ
พวกเขาจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู’ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้+
17 พระยะโฮวาบอกว่า ‘และเจ้ายังมีหวังในวันข้างหน้า+
พวกลูกชายของเจ้าจะกลับมายังเขตแดนของพวกเขา’”+
18 “เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า
‘พระองค์ว่ากล่าวแก้ไขผม และผมถูกว่ากล่าวแก้ไขแล้ว
เหมือนลูกวัวที่ไม่เคยถูกฝึก
ขอให้พาผมกลับมา แล้วผมจะกลับมาทันที
เพราะพระองค์คือพระยะโฮวาพระเจ้าของผม
19 พอผมกลับมาแล้ว ผมก็สำนึกผิด+
พอผมเข้าใจแล้ว ผมก็ตีต้นขาตัวเองด้วยความเสียใจ
ผมละอายใจจริง ๆ+เพราะสิ่งที่ผมทำไปตั้งแต่ยังหนุ่ม’”
20 พระยะโฮวาบอกว่า “เอฟราอิมเป็นลูกชายคนโปรด และเป็นลูกที่เรารักไม่ใช่หรือ?+
เพราะถึงเราจะด่าว่าเขามากแค่ไหน เราก็ยังคิดถึงเขา+
เราจึงเจ็บปวดใจเพราะเขา
และเราจะสงสารเขา”+
21 “ทำหลักหินข้างถนนให้ตัวเองสิ+
และทำป้ายบอกทางด้วย
ดูทางหลวงให้ดี คือทางที่เจ้าต้องไปนั้น+
อิสราเอล กลับมาเถอะ กลับมาอยู่ในเมืองต่าง ๆ ของเจ้า
22 ประชาชนที่ไม่ซื่อสัตย์ พวกเจ้าจะสองจิตสองใจไปอีกนานแค่ไหน?
พระยะโฮวาทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นในโลก
คือผู้หญิงจะไล่ตามผู้ชาย”
23 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “เมื่อเรารวบรวมพวกเขาที่เป็นเชลยกลับมา พวกเขาจะพูดอีกครั้งในแผ่นดินยูดาห์และในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ว่า ‘ที่ที่มีความถูกต้องชอบธรรม+และภูเขาที่บริสุทธิ์+ ขอพระยะโฮวาอวยพรเจ้า’ 24 และชาวเมือง ชาวไร่ชาวนา กับคนเลี้ยงแกะจะอยู่ด้วยกันในยูดาห์+ 25 เพราะเราจะทำให้คนที่เหน็ดเหนื่อยอิ่มท้องและทำให้คนที่หมดแรงอิ่มหนำสำราญ”+
26 ถึงตอนนี้ผมก็ลืมตาตื่น ผมนอนหลับสบายจริง ๆ
27 พระยะโฮวาบอกว่า “วันหนึ่ง เราจะทำให้ชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์เพิ่มจำนวนขึ้น และทำให้ฝูงสัตว์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นด้วย”+
28 พระยะโฮวาบอกว่า “เราเคยเฝ้าดูพวกเขาเพื่อจะถอน พัง รื้อ ทำลาย และทำให้เสียหาย+ แต่ตอนนี้เราจะเฝ้าดูพวกเขาเพื่อจะปลูกและสร้างขึ้นใหม่+ 29 ในสมัยนั้น พวกเขาจะไม่พูดอีกว่า ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยว แต่ลูกเข็ดฟัน’+ 30 แต่ทุกคนจะตายเพราะความผิดของตัวเอง คนไหนกินองุ่นเปรี้ยว เขาก็จะเข็ดฟันเอง”
31 พระยะโฮวาบอกว่า “วันหนึ่ง เราจะทำสัญญาใหม่กับชาวอิสราเอลและยูดาห์+ 32 สัญญานี้จะไม่เหมือนสัญญาที่เราเคยทำกับปู่ย่าตายายของพวกเขาตอนที่เราจูงมือพาคนเหล่านั้นออกมาจากแผ่นดินอียิปต์+ พระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเขาฉีกสัญญาของเราไปแล้ว+ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นเจ้านายตัวจริงของพวกเขา’”*
33 พระยะโฮวาบอกว่า “นี่คือสัญญาที่เราจะทำกับชาวอิสราเอลหลังจากสมัยนั้น เราจะเอากฎหมายของเราใส่ไว้ในตัวพวกเขา+ และเราจะเขียนกฎหมายนั้นไว้ที่หัวใจพวกเขา+ แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชาชนของเรา”+
34 พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้านและพี่น้องของตัวเองอีกว่า ‘คุณต้องรู้จักพระยะโฮวา’+ เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนสำคัญที่สุดจะรู้จักเรา+ เราจะยกโทษให้พวกเขาและจะไม่จดจำความผิดของพวกเขาอีกเลย”+
35 พระยะโฮวา ผู้ทำให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงตอนกลางวัน
ผู้ตั้งกฎให้ดวงจันทร์และดวงดาวส่องแสงตอนกลางคืน
ผู้ทำให้ทะเลปั่นป่วนและมีคลื่นแรง
ผู้มีชื่อว่ายะโฮวาผู้เป็นจอมทัพพูดอย่างนี้+
36 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ถ้ากฎเหล่านี้ใช้ไม่ได้เมื่อไร
ลูกหลานอิสราเอลถึงจะสิ้นชาติไปต่อหน้าเรา’”+
37 พระยะโฮวาบอกว่า “‘ถ้าวัดท้องฟ้าได้และถ้าสำรวจฐานรากของโลกได้เมื่อไร เราถึงจะทิ้งลูกหลานของอิสราเอลเพราะทุกสิ่งที่พวกเขาทำ’ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้”+
38 พระยะโฮวาบอกว่า “วันหนึ่ง เมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นใหม่+ให้พระยะโฮวา ตั้งแต่หอคอยฮานันเอล+ไปถึงประตูมุม+ 39 เขาจะขึงสายวัด+ไปถึงเนินเขากาเรบ และขึงอ้อมไปถึงโกอาห์ 40 และทั่วทั้งหุบเขาที่มีซากศพกับขี้เถ้า* และไหล่เขาทั้งหมดจนถึงหุบเขาขิดโรน+ รวมทั้งมุมของประตูม้า+ซึ่งอยู่ทางตะวันออกจะเป็นที่บริสุทธิ์สำหรับพระยะโฮวา+ เมืองนี้จะไม่ถูกถอนรากถอนโคนอีกเลย”
32 พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์ในปีที่ 10 ที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่ 18 ที่เนบูคัดเนสซาร์*ปกครอง+ 2 ตอนนั้นกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ และผู้พยากรณ์เยเรมีย์ถูกขังไว้ที่ลานทหารองครักษ์+ในวังของกษัตริย์ยูดาห์ 3 เพราะกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ให้ขังเยเรมีย์ไว้+และบอกว่า “ทำไมคุณถึงพยากรณ์อย่างนี้? คุณพูดว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะให้เมืองนี้ตกอยู่ในมือกษัตริย์บาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้ได้+ 4 และกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือชาวเคลเดีย เขาจะตกอยู่ในมือกษัตริย์บาบิโลน และเขาจะได้เจอและพูดกับกษัตริย์บาบิโลนซึ่ง ๆ หน้า”’+ 5 พระยะโฮวาบอกว่า ‘แล้วกษัตริย์บาบิโลนจะพาตัวเศเดคียาห์ไปบาบิโลน และเขาจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะคิดถึงเขา แม้ว่าพวกเจ้าจะพยายามสู้กับชาวเคลเดีย แต่พวกเจ้าจะสู้ไม่ได้’”+
6 เยเรมีย์พูดว่า “พระยะโฮวาพูดกับผมว่า 7 ‘ฮานัมเอลลูกชายของชัลลูมที่เป็นลุง*ของเจ้าจะมาพูดกับเจ้าว่า “ซื้อที่ดินของผมที่อยู่ในเมืองอานาโธทเถอะ+ เพราะคุณเป็นคนแรกที่มีสิทธิ์จะไถ่ถอนที่ดินผืนนั้น”’”+
8 ฮานัมเอลลูกชายของลุงผมก็มาหาผมที่ลานทหารองครักษ์ตามที่พระยะโฮวาบอกไว้จริง ๆ และพูดกับผมว่า “ขอช่วยซื้อที่ดินของผมในเมืองอานาโธทเขตตระกูลเบนยามินด้วย เพราะคุณมีสิทธิ์จะซื้อและไถ่ถอนที่ดินผืนนั้น ขอให้คุณซื้อไว้เถอะ” ผมจึงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นไปตามที่พระยะโฮวาบอกไว้
9 ผมจึงซื้อที่ดินในเมืองอานาโธทจากฮานัมเอลลูกชายของลุงผม ผมชั่งเงิน+ให้เขา 7 เชเขล*และ 10 เชเขล* 10 แล้วผมก็เขียนไว้ในหนังสือสัญญา+ ประทับตรา ให้คนมาเป็นพยาน+ และชั่งเงินด้วยตาชั่ง 11 ผมเก็บหนังสือสัญญาซื้อขายเอาไว้ ทั้งฉบับที่ประทับตราตามกฎหมายและข้อกำหนด กับฉบับที่ไม่ได้ประทับตรา 12 ผมเอาสัญญาซื้อขายนั้นให้บารุค+ลูกเนริยาห์+หลานมาอาเสยาห์ต่อหน้าฮานัมเอลลูกชายของลุงผม และต่อหน้าพวกพยานที่ลงชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายนั้น รวมทั้งชาวยิวทุกคนที่นั่งอยู่ในลานทหารองครักษ์+
13 แล้วผมก็สั่งบารุคต่อหน้าคนเหล่านั้นว่า 14 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘ให้เจ้าเอาหนังสือสัญญาซื้อขายทั้งฉบับที่ประทับตราและฉบับที่ไม่ประทับตราใส่ไว้ในภาชนะดินเผาเพื่อจะเก็บไว้นาน ๆ’ 15 เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘จะมีการซื้อขายบ้าน ที่ดิน และสวนองุ่นในแผ่นดินนี้อีก’”+
16 เมื่อผมเอาหนังสือสัญญาซื้อขายให้บารุคลูกชายเนริยาห์แล้ว ผมก็อธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า 17 “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด พระองค์สร้างสวรรค์และโลกด้วยพลังและอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์+ ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปสำหรับพระองค์ 18 พระองค์มีความรักที่มั่นคงให้คนหลายพันชั่วอายุ แต่ทำให้โทษของพ่อตกอยู่กับลูก+ พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ เป็นผู้ยิ่งใหญ่และมีฤทธิ์อำนาจ พระองค์มีชื่อว่าพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ 19 สิ่งที่พระองค์คิดนั้นยิ่งใหญ่และพระองค์ทำทุกสิ่งด้วยฤทธิ์อำนาจ+ พระองค์สังเกตดูทุกอย่างที่มนุษย์ทำ+ เพื่อจะตอบแทนแต่ละคนตามแนวทางชีวิตและการกระทำของเขา+ 20 พระองค์ทำการอัศจรรย์และแสดงอิทธิฤทธิ์ในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งเลื่องลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ พระองค์ทำให้ชื่อของพระองค์โด่งดังในอิสราเอลและในทุกชาติ+อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 21 พระองค์พาอิสราเอลประชาชนของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยการอัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ และด้วยสิ่งที่น่าหวาดกลัว+
22 “แล้วพระองค์ก็ยกแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งมากมาย+นี้ให้พวกเขา ซึ่งเป็นแผ่นดินที่พระองค์สาบานว่าจะให้กับปู่ย่าตายายของพวกเขา+ 23 แล้วพวกเขาก็เข้ามาครองแผ่นดินนี้ แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังพระองค์และไม่ทำตามกฎหมายของพระองค์ พวกเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของพระองค์เลยสักอย่าง พระองค์จึงทำให้พวกเขาเจอหายนะทั้งหมดนี้+ 24 ตอนนี้พวกศัตรูมาสร้างเนินดินล้อมเมืองนี้เพื่อจะยึดเอาให้ได้+ และเมืองนี้กำลังจะตกเป็นของชาวเคลเดียที่ยกมาโจมตีเพราะคมดาบ+ ความอดอยาก และโรคระบาด+ พระองค์พูดอะไรก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหมือนที่พระองค์เห็นอยู่ 25 พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด ทำไมพระองค์บอกผมว่า ‘จ่ายเงินซื้อที่ดินนั้นไว้และหาคนมาเป็นพยาน’ ทั้ง ๆ ที่เมืองนี้กำลังจะตกเป็นของชาวเคลเดียอยู่แล้ว?”
26 พระยะโฮวาจึงพูดกับเยเรมีย์ว่า 27 “เราคือยะโฮวา พระเจ้าของมนุษย์ทุกคน มีอะไรที่ยากเกินไปสำหรับเราหรือ? 28 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะทำให้เมืองนี้ตกเป็นของชาวเคลเดียและเป็นของเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลน เขาจะยึดเมืองนี้ได้+ 29 ชาวเคลเดียที่มาโจมตีเมืองนี้จะเข้ามาในเมือง พวกเขาจะจุดไฟเผาเมือง+และเผาบ้านที่มีดาดฟ้าซึ่งชาวเมืองขึ้นไปเผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัลและเทเครื่องดื่มถวายพระอื่น ๆ เพื่อทำให้เราโกรธ’+
30 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะชาวอิสราเอลกับชาวยูดาห์ทำแต่สิ่งที่เราเห็นว่าชั่วมาตั้งแต่พวกเขายังหนุ่มสาว+ ชาวอิสราเอลทำให้เราโกรธอยู่เรื่อย ๆ 31 เพราะเมืองนี้ทำให้เราโกรธและโมโหตั้งแต่ตอนที่มันถูกสร้างขึ้นจนถึงทุกวันนี้+ ดังนั้น มันจะต้องถูกกำจัดไปให้พ้นหน้าเรา+ 32 เพราะชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์ทำชั่วมากเพื่อยั่วโมโหเรา ทั้งคนพวกนั้น กษัตริย์ของพวกเขา+ พวกเจ้านาย+ ปุโรหิตและผู้พยากรณ์ของพวกเขา+ รวมทั้งคนที่อยู่ในยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มด้วย 33 พวกเขาหันหลังให้เรา ไม่หันมาดูเราเลย+ ทั้ง ๆ ที่เราพยายามจะสอนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า* ไม่มีใครยอมรับการอบรมสั่งสอนแม้แต่คนเดียว+ 34 และพวกเขาเอารูปเคารพที่น่าขยะแขยงมาตั้งไว้ในวิหารที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา ทำให้วิหารนั้นแปดเปื้อน+ 35 และพวกเขายังสร้างสถานบูชาบนที่สูงสำหรับพระบาอัลไว้ในหุบเขาของลูกชายฮินโนม*+ เพื่อเผาบูชายัญลูกชายและลูกสาวของตัวเองให้พระโมเลค+ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำ+ และเราไม่เคยคิด*ที่จะให้พวกเขาทำสิ่งที่น่าเกลียดอย่างนั้นซึ่งเป็นต้นเหตุให้ยูดาห์ทำบาป’
36 “พวกเจ้าบอกว่า ‘เมืองนี้จะตกเป็นของกษัตริย์บาบิโลนเพราะคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด’ แต่พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า 37 ‘เราจะรวบรวมพวกเขามาจากแผ่นดินต่าง ๆ ที่เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่ เพราะพวกเขาทำให้เราไม่พอใจ โมโห และโกรธมาก+ แล้วเราจะพาพวกเขากลับมาที่นี่และให้พวกเขาอยู่อย่างปลอดภัย+ 38 พวกเขาจะเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา+ 39 เราจะให้พวกเขาคิดอย่างเดียวกัน+และทำอย่างเดียวกันเพื่อพวกเขาจะได้เกรงกลัวเราเสมอ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพวกเขาเองและลูกหลานของพวกเขา+ 40 เราจะทำสัญญาที่จะคงอยู่ตลอดไปกับพวกเขา+ เราสัญญาว่าจะไม่เลิกทำดีต่อพวกเขา+ และเราจะทำให้พวกเขามีใจเกรงกลัวเรา พวกเขาจะได้ไม่ทิ้งเรา+ 41 เราจะยินดีที่ได้ทำสิ่งดี ๆ ให้พวกเขา+ และเราจะปลูกพวกเขาให้มั่นคงในแผ่นดินนี้+ด้วยเต็มใจและเต็มกำลังของเรา’”
42 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราเคยทำให้ชนชาตินี้เจอหายนะร้ายแรง แต่ตอนนี้เราจะทำให้พวกเขาเจอสิ่งดี ๆ ตามที่เราสัญญาไว้กับพวกเขา+ 43 และจะมีการซื้อขายที่ดินในแผ่นดินนี้กันอีก+ แม้พวกเจ้าจะบอกว่า “มันเป็นที่ที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีคนและสัตว์อยู่เลย และเคยเป็นของชาวเคลเดียมาแล้ว”’
44 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘จะมีการจ่ายเงินซื้อขายที่ดิน และทำหนังสือสัญญาซื้อขายกับประทับตราด้วย และพวกเขาจะให้คนมาเป็นพยานในเขตตระกูลเบนยามิน+ ในบริเวณรอบ ๆ กรุงเยรูซาเล็ม ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์+ ในเมืองต่าง ๆ ในเขตเทือกเขา ในเมืองต่าง ๆ ในที่ลุ่ม+ และในเมืองต่าง ๆ ทางใต้ เพราะเราจะพาพวกเขาที่เป็นเชลยกลับมา’”+
33 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์อีกครั้งหนึ่งตอนที่เขายังถูกขังอยู่ในลานทหารองครักษ์+ พระองค์บอกว่า 2 “พระยะโฮวาเป็นผู้สร้างโลก พระยะโฮวาเป็นผู้สร้างและทำให้โลกตั้งมั่นคง พระยะโฮวาคือชื่อของพระองค์ พระองค์บอกว่า 3 ‘เรียกเราสิ แล้วเราจะตอบเจ้า เราพร้อมจะบอกเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเข้าใจได้’”+
4 “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลพูดถึงบ้านเรือนในเมืองนี้ และวังของกษัตริย์ยูดาห์ที่ถูกรื้อไป เพื่อจะรับมือกับศัตรูที่ถือดาบมาโจมตีและสร้างเนินดินล้อมเมืองนี้+ 5 และพูดถึงคนที่จะมาสู้กับชาวเคลเดียซึ่งจะกลายเป็นศพอยู่ที่นี่ เพราะถูกเราฆ่าด้วยความโกรธและความโมโห พวกเขาทำชั่วมากจนเราไม่อยากเห็นเมืองนี้อีก 6 เราพูดว่า ‘เราจะทำให้เมืองนี้ฟื้นตัวและเป็นเหมือนเดิม+ เราจะรักษาพวกเขาและจะให้พวกเขาได้พบความจริงและมีความสงบสุขอย่างล้นเหลือ+ 7 เราจะพาชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลที่เป็นเชลยกลับมา+ และเราจะสร้างพวกเขาขึ้นใหม่ให้เป็นเหมือนเดิม+ 8 เราจะยกโทษและลบล้างความผิดทั้งหมด+ที่พวกเขาเคยทำไว้กับเรา+ พวกเขาจะได้สะอาด 9 ชื่อของเมืองนี้จะทำให้เรามีความสุข และได้รับการสรรเสริญและมีสง่าราศีท่ามกลางทุกชาติในโลกซึ่งได้ยินเรื่องดี ๆ ที่เราทำให้ชาวเมืองนี้+ แล้วชาติเหล่านั้นจะกลัวจนตัวสั่น+ เพราะเราจะทำให้เมืองนี้ได้รับสิ่งดี ๆ และมีความสงบสุข’”+
10 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเจ้าจะพูดว่าแผ่นดินนี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีคนและสัตว์อยู่เลย เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และตามถนนของกรุงเยรูซาเล็มก็กลายเป็นที่ร้างเปล่า ไม่มีคนและสัตว์อยู่เลย 11 แต่ที่นี่จะมีเสียงดีใจกับเสียงชื่นชมยินดีอีกครั้ง+ และเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวและเสียงคนที่พูดว่า “ขอให้ขอบคุณพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพเพราะพระยะโฮวาดีจริง ๆ+ พระองค์มีความรักที่มั่นคงตลอดไป”’+
“พระยะโฮวาบอกว่า ‘พวกเขาจะเอาเครื่องบูชาขอบคุณเข้ามาในวิหารของพระยะโฮวา+ เพราะเราจะพาพวกที่เป็นเชลยในแผ่นดินนั้นกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม’”
12 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า ‘ในที่รกร้างว่างเปล่านี้ซึ่งไม่มีทั้งคนและสัตว์ และในเมืองทุกเมืองของแผ่นดินนี้ จะกลับมีทุ่งหญ้าให้คนเลี้ยงแกะพาฝูงแกะไปนอนพักอีกครั้ง’+
13 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ในเมืองต่าง ๆ ในเขตเทือกเขา ในเมืองต่าง ๆ ในเขตที่ลุ่ม ในเมืองต่าง ๆ ทางใต้ ในเขตตระกูลเบนยามิน ในบริเวณรอบ ๆ กรุงเยรูซาเล็ม+ และในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์+ พวกคนเลี้ยงแกะจะได้นับแกะของพวกเขาอีกครั้ง’
14 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘วันหนึ่ง เราจะทำตามคำสัญญาดี ๆ ที่เราเคยให้ไว้เกี่ยวกับชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์+ 15 ในสมัยนั้น เราจะให้ดาวิดมีผู้สืบเชื้อสาย*+ซึ่งมีสิทธิ์อย่างถูกต้องชอบธรรม เขาจะตัดสินอย่างยุติธรรมและถูกต้องในแผ่นดินนี้+ 16 ในสมัยนั้น ยูดาห์จะรอด+ และกรุงเยรูซาเล็มจะปลอดภัย+ และเมืองนี้จะถูกเรียกว่า พระยะโฮวาคือความถูกต้องชอบธรรมของพวกเรา’”+
17 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘จะมีเชื้อสายของดาวิดครองบัลลังก์ของอิสราเอลตลอดไป+ 18 และจะมีปุโรหิตตระกูลเลวีอยู่ต่อหน้าเราตลอดไปเพื่อถวายเครื่องบูชาเผา เพื่อเผาเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว และถวายเครื่องบูชาอื่น ๆ’”
19 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์อีกว่า 20 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ถ้าพวกเจ้ายกเลิกสัญญาของเราเรื่องกลางวันและกลางคืน เพื่อไม่ให้กลางวันและกลางคืนมาตามเวลาของมันได้เมื่อไร+ 21 สัญญาที่เราทำไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของเราถึงจะถูกยกเลิก+ และเขาจะไม่มีลูกชายปกครองเป็นกษัตริย์บนบัลลังก์ของเขา+ และสัญญาที่เราทำไว้กับพวกปุโรหิตตระกูลเลวีผู้รับใช้ของเราก็จะถูกยกเลิกเหมือนกัน+ 22 เราจะทำให้ลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้ของเราและทำให้คนเลวีที่รับใช้เราอยู่มีจำนวนมากมายเหมือนดาวบนฟ้าที่นับไม่ได้และเหมือนทรายในทะเลที่ตวงไม่ได้’”
23 พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์อีกว่า 24 “เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนในชาตินี้พูดอะไรกัน? พวกเขาพูดว่า ‘พระยะโฮวาจะทิ้งสองตระกูลที่พระองค์เลือกไว้’ พวกเขาดูหมิ่นประชาชนของเราและไม่ถือว่าประชาชนของเราเป็นชาติอีกต่อไป
25 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เหมือนกับที่เราได้ทำสัญญาไว้ในเรื่องกลางวันและกลางคืน+ และได้ตั้งกฎของท้องฟ้าและโลกไว้อย่างแน่นอน+ 26 เราจะไม่มีวันทิ้งลูกหลานของยาโคบและลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้ของเราอย่างแน่นอน เราจะให้ลูกหลานของเขาปกครองลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ และเราจะรวบรวมพวกเขาที่เป็นเชลยกลับมา+และจะสงสารพวกเขา’”+
34 ตอนที่เนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนกับกองทัพทั้งหมดของเขา และทุกอาณาจักรที่อยู่ใต้อำนาจเขารวมทั้งชาติต่าง ๆ กำลังโจมตีกรุงเยรูซาเล็มกับเมืองที่อยู่รายรอบ+ พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์ว่า
2 “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลสั่งว่า ‘ไปบอกกษัตริย์เศเดคียาห์+แห่งยูดาห์ว่า “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะให้เมืองนี้ตกอยู่ในมือกษัตริย์บาบิโลน และเขาจะเผาเมืองนี้+ 3 เจ้าจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือเขา เจ้าจะถูกจับและถูกส่งตัวไปให้เขาแน่+ เจ้าจะได้เจอและพูดกับกษัตริย์บาบิโลนซึ่ง ๆ หน้า และเจ้าจะต้องไปที่บาบิโลน’+ 4 แต่ขอให้ฟังพระยะโฮวาเถอะกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ‘พระยะโฮวาพูดถึงเจ้าว่า “เจ้าจะไม่ตายด้วยดาบ 5 แต่เจ้าจะตายอย่างสงบ+ และจะมีคนจัดพิธีเผาเครื่องหอมให้เจ้าเหมือนที่ทำให้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือพวกกษัตริย์ที่อยู่ก่อนเจ้า และพวกเขาจะคร่ำครวญถึงเจ้าว่า ‘ไม่น่าเลย ท่านกษัตริย์ของเรา!’ เพราะพระยะโฮวาบอกว่า ‘เราได้พูดไว้แล้ว’”’”’”
6 แล้วผู้พยากรณ์เยเรมีย์จึงไปบอกเรื่องนี้กับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ในกรุงเยรูซาเล็ม 7 ตอนนั้นกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนกำลังโจมตีกรุงเยรูซาเล็มและเมืองของยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่+ คือลาคีช+กับอาเซคาห์+ เพราะเมืองที่มีป้อมปราการของยูดาห์ซึ่งยังไม่ถูกยึดเหลืออยู่แค่นี้
8 พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์หลังจากที่กษัตริย์เศเดคียาห์ทำสัญญากับทุกคนในกรุงเยรูซาเล็มว่าจะปล่อยทาสเป็นอิสระ+ 9 และทุกคนต้องปล่อยทาสชายหญิงชาวฮีบรูไป เพื่อจะไม่มีใครเอาชาวยิวด้วยกันมาเป็นทาสอีก 10 พวกเจ้านายและประชาชนทุกคนก็สัญญาว่าจะปล่อยทาสชายหญิงของตัวเองและจะไม่เอามาเป็นทาสอีก พวกเขาก็เชื่อฟังและปล่อยทาสไป 11 แต่ตอนหลังพวกเขาจับตัวทาสชายหญิงที่ปล่อยไปแล้วกลับมาและบังคับให้เป็นทาสอีก 12 พระยะโฮวาจึงส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์ พระยะโฮวาพูดว่า
13 “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราได้ทำสัญญากับปู่ย่าตายายของพวกเจ้า+ในวันที่เราพาพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ซึ่งพวกเขาเคยเป็นทาสอยู่ที่นั่น+ เราบอกพวกเขาว่า 14 “ในปีที่ 7* พวกเจ้าทุกคนต้องปล่อยพี่น้องชาวฮีบรูซึ่งถูกขายให้พวกเจ้าและได้รับใช้พวกเจ้ามา 6 ปีแล้ว พวกเจ้าต้องปล่อยเขาเป็นอิสระ”+ แต่ปู่ย่าตายายของพวกเจ้าไม่ฟังและไม่สนใจเรา 15 แต่ไม่นานมานี้* พวกเจ้าได้กลับใจและทำสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้องด้วยการปล่อยเพื่อนร่วมชาติให้เป็นอิสระ และพวกเจ้าทำสัญญาต่อหน้าเราในวิหารที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา 16 แต่แล้วพวกเจ้าก็เปลี่ยนใจ และทำให้ชื่อของเราเสื่อมเสีย+ พวกเจ้าจับตัวทาสชายหญิงที่ปล่อยไปแล้วกลับมาอีกทั้ง ๆ ที่พวกเขาอยากไปจากพวกเจ้า และพวกเจ้าก็บังคับให้พวกเขาเป็นทาสอีก’
17 “ดังนั้น ต่อไปนี้เป็นคำพูดของพระยะโฮวา พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะพวกเจ้าไม่เชื่อฟังเราและไม่ปล่อยพี่น้องกับเพื่อนร่วมชาติให้เป็นอิสระ+ เราจะปล่อยให้พวกเจ้าพินาศด้วยคมดาบ โรคระบาด และความอดอยาก+ เราจะทำให้อาณาจักรต่าง ๆ ในโลกสยดสยองเมื่อเห็นพวกเจ้า+ 18 นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนที่ผิดสัญญากับเรา คือคนที่ไม่ทำตามข้อตกลงในสัญญาซึ่งทำไว้ต่อหน้าเราตอนที่พวกเขาผ่าลูกวัวเป็นสองซีกแล้วเดินผ่านระหว่างสองซีกนั้น+ 19 คือพวกเจ้านายของยูดาห์ พวกเจ้านายของกรุงเยรูซาเล็ม พวกข้าราชสำนัก พวกปุโรหิต และประชาชนทุกคนในแผ่นดินนี้ซึ่งเดินผ่านระหว่างซากลูกวัวสองซีกนั้น 20 เราจะให้พวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรูและคนที่หาทางฆ่าพวกเขา ศพของพวกเขาจะเป็นอาหารของนกบนฟ้ากับสัตว์ป่าบนแผ่นดิน+ 21 เราจะให้กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์กับพวกเจ้านายตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรูและคนที่หาทางฆ่าพวกเขา และในเงื้อมมือกองทัพของกษัตริย์บาบิโลน+ที่กำลังถอนทัพไปจากเจ้า’+
22 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะออกคำสั่งและเราจะให้คนเหล่านั้นกลับมาที่เมืองนี้อีก พวกเขาจะโจมตีและยึดเมืองนี้ แล้วก็เผาด้วยไฟ+ เราจะทำให้เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์กลายเป็นเมืองร้างไม่มีใครอยู่เลย’”+
35 ในสมัยของเยโฮยาคิม+ลูกชายโยสิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ พระยะโฮวาสั่งเยเรมีย์ว่า 2 “ไปพูดกับคนตระกูลเรคาบ+และพาพวกเขามาที่วิหารของพระยะโฮวา แล้วพาเข้าไปในห้องอาหาร*ห้องหนึ่ง และชวนพวกเขาดื่มเหล้าองุ่น”
3 ผมจึงไปพายาอาซันยาห์ลูกเยเรมีย์หลานฮาบาซซินยาห์กับพี่ชายน้องชายและลูกชายทั้งหมดของเขามา รวมทั้งทุกคนในครอบครัวคนตระกูลเรคาบ 4 แล้วไปที่วิหารของพระยะโฮวา ผมพาพวกเขาเข้าไปในห้องอาหารของพวกลูกชายของฮานันซึ่งเป็นลูกชายอิกดาลิยาห์คนของพระเจ้าเที่ยงแท้ ห้องนั้นอยู่ติดกับห้องอาหารของพวกเจ้านายซึ่งอยู่ข้างบนห้องอาหารของมาอาเสอาห์ลูกชายชัลลูมคนเฝ้าประตู 5 แล้วผมก็เอาถ้วยกับจอกซึ่งมีเหล้าองุ่นอยู่เต็มมาวางข้างหน้าคนตระกูลเรคาบแล้วบอกพวกเขาว่า “ดื่มเหล้าองุ่นสิ”
6 แต่พวกเขาบอกว่า “พวกเราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่น เพราะเยโฮนาดับ*+ลูกเรคาบซึ่งเป็นต้นตระกูลของพวกเราได้สั่งพวกเราไว้ว่า ‘พวกเจ้ากับลูกหลานของพวกเจ้าต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นเลยตลอดชีวิต 7 และพวกเจ้าต้องไม่สร้างบ้าน เพาะปลูก ทำสวนองุ่นหรือมีสวนองุ่น พวกเจ้าต้องอยู่ในเต็นท์เสมอ เพื่อพวกเจ้าจะได้มีอายุยืนในแผ่นดินที่พวกเจ้าอาศัยอยู่อย่างคนต่างชาติ’ 8 พวกเราจึงเชื่อฟังเยโฮนาดับลูกเรคาบต้นตระกูลของพวกเราในทุกเรื่องที่เขาสั่งไว้ พวกเรากับภรรยาและลูกชายลูกสาวของพวกเราไม่เคยดื่มเหล้าองุ่นเลย 9 พวกเราไม่สร้างบ้าน ไม่มีสวนองุ่น ไม่มีไร่นา และไม่มีเมล็ดพืช 10 พวกเราอยู่ในเต็นท์และเชื่อฟังทุกสิ่งที่เยโฮนาดับ*ต้นตระกูลของพวกเราสั่งไว้ 11 แต่พอเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนมาโจมตีแผ่นดินนี้+ พวกเราก็พูดกันว่า ‘หนีกองทัพชาวเคลเดียกับพวกซีเรียไปอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มกันเถอะ’ ตอนนี้พวกเราเลยมาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม”
12 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับเยเรมีย์ว่า 13 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เจ้าต้องไปพูดอย่างนี้กับชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม พระยะโฮวาบอกว่า “เราเตือนพวกเจ้าอยู่เรื่อย ๆ ให้เชื่อฟังเราไม่ใช่หรือ?+ 14 เยโฮนาดับลูกเรคาบสั่งลูกหลานของเขาไม่ให้ดื่มเหล้าองุ่น พวกเขาก็เชื่อฟังคำสั่งบรรพบุรุษ+และไม่ดื่มเหล้าองุ่นเลยจนถึงทุกวันนี้ แต่เราพูดกับพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า* พวกเจ้าก็ไม่เชื่อฟังเรา+ 15 เราส่งผู้พยากรณ์ที่เป็นผู้รับใช้ของเรามาหาพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า*+และบอกว่า “ขอให้ทุกคนเลิกทำชั่ว+และหันมาทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่านมัสการพระอื่น แล้วพวกเจ้าจะได้อยู่ในแผ่นดินที่เรายกให้พวกเจ้ากับปู่ย่าตายายของพวกเจ้าต่อไป”+ แต่พวกเจ้าไม่สนใจ*และไม่ฟังเราเลย 16 พวกลูกหลานของเยโฮนาดับลูกเรคาบยังทำตามคำสั่งของบรรพบุรุษ+ แต่ชนชาตินี้ไม่ยอมฟังเราเลย”’”
17 “ดังนั้น พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะทำให้ชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเจอหายนะทุกอย่างเหมือนที่เราเคยเตือนไว้+ เพราะเราบอกพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ฟัง เราเรียกพวกเขาเรื่อย ๆ แต่พวกเขาไม่ตอบ’”+
18 เยเรมีย์พูดกับคนในตระกูลเรคาบว่า “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เพราะพวกเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของเยโฮนาดับต้นตระกูลของพวกเจ้า และทำตามที่เขาสั่งไว้ทุกอย่างไม่ขาดแม้แต่ข้อเดียว 19 ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “จะมีลูกหลานของเยโฮนาดับ*ลูกเรคาบรับใช้อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป”’”
36 ในปีที่ 4 ที่กษัตริย์เยโฮยาคิม+ลูกโยสิยาห์ปกครองยูดาห์ พระยะโฮวาพูดกับเยเรมีย์ว่า 2 “เอาม้วนหนังสือมาม้วนหนึ่งและเขียนทุกอย่างที่เราพูดกับเจ้าไว้ในนั้น คือเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ยูดาห์+ และทุกชาติ+ ตั้งแต่วันที่เราเริ่มพูดกับเจ้าในสมัยของโยสิยาห์มาจนถึงวันนี้+ 3 เมื่อชาวยูดาห์ได้ยินว่าเราตั้งใจจะทำให้พวกเขาเจอหายนะอะไรบ้าง พวกเขาอาจจะเลิกทำชั่ว แล้วเราจะได้ยกโทษที่พวกเขาทำผิดและทำบาป”+
4 เยเรมีย์จึงเรียกบารุค+ลูกชายเนริยาห์มา แล้วเยเรมีย์ก็บอกถ้อยคำที่พระยะโฮวาเคยพูดกับเขาให้บารุคเขียนเอาไว้ในม้วนหนังสือนั้น+ 5 ต่อมา เยเรมีย์บอกบารุคว่า “ผมถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในวิหารของพระยะโฮวา 6 ดังนั้น คุณต้องเข้าไปที่วิหารของพระยะโฮวาและอ่านถ้อยคำของพระยะโฮวาจากม้วนหนังสือที่คุณเขียนไว้ตามคำบอกของผม คุณต้องไปอ่านให้ประชาชนที่นั่นฟังในวันถือศีลอดอาหาร และอ่านให้ชาวยูดาห์ที่มาจากเมืองต่าง ๆ ฟัง 7 เผื่อว่าพวกเขาจะขอความเมตตาจากพระยะโฮวาและพระองค์จะฟังคำขอของพวกเขา แล้วพวกเขาจะได้เลิกทำชั่ว เพราะพระยะโฮวาบอกว่าพระองค์โกรธชนชาตินี้มาก”
8 บารุคลูกชายเนริยาห์ทำตามที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์สั่งทุกอย่าง เขาไปอ่านถ้อยคำของพระยะโฮวาจากม้วนหนังสือนั้นที่วิหารของพระยะโฮวาให้ทุกคนได้ยิน+
9 ในเดือน 9 ของปีที่ 5 ที่กษัตริย์เยโฮยาคิม+ลูกโยสิยาห์ปกครองยูดาห์ มีการประกาศให้ทุกคนในกรุงเยรูซาเล็มและคนจากเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ที่เข้ามาในกรุงเยรูซาเล็มถือศีลอดอาหารต่อหน้าพระยะโฮวา+ 10 บารุคไปอ่านถ้อยคำของเยเรมีย์จากม้วนหนังสือนั้นที่วิหารของพระยะโฮวาในห้อง*ของเกมาริยาห์+ลูกชายชาฟาน+ผู้คัดลอก ซึ่งอยู่ที่ลานด้านบนตรงทางเข้าประตูใหม่ของวิหารของพระยะโฮวา+ เขาอ่านถ้อยคำนั้นให้ประชาชนทุกคนฟัง
11 เมื่อมีคายาห์ลูกเกมาริยาห์หลานชาฟานได้ยินถ้อยคำทั้งหมดของพระยะโฮวาในม้วนหนังสือนั้น 12 เขาก็ลงไปที่วังของกษัตริย์แล้วไปที่ห้องของเลขานุการ เจ้านาย*ทุกคนนั่งอยู่ที่นั่น คือเอลีชามา+ที่เป็นเลขานุการ เดไลยาห์ลูกชายเชไมอาห์ เอลนาธัน+ลูกชายอัคโบร์+ เกมาริยาห์ลูกชายชาฟาน เศเดคียาห์ลูกชายฮานันยาห์ และเจ้านายคนอื่น ๆ ด้วย 13 มีคายาห์ก็ไปบอกพวกเจ้านายว่าเขาได้ยินอะไรบ้างตอนที่บารุคอ่านจากม้วนหนังสือให้ประชาชนฟัง
14 พวกเจ้านายจึงส่งเยฮูดีลูกชายของเนธานิยาห์หลานของเชเลมิยาห์เหลนของคูชีไปบอกบารุคว่า “ขอคุณมาที่นี่และเอาม้วนหนังสือที่คุณอ่านให้ประชาชนฟังมาด้วย” บารุคลูกชายเนริยาห์ก็ถือม้วนหนังสือนั้นไปหาพวกเขา 15 พวกเขาบอกบารุคว่า “เชิญนั่งลงและอ่านม้วนหนังสือนั้นให้พวกเราฟังหน่อย” บารุคก็อ่านให้พวกเขาฟัง
16 พอพวกเขาได้ยินถ้อยคำทั้งหมดแล้วก็มองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว และบอกบารุคว่า “พวกเราต้องไปบอกเรื่องนี้กับกษัตริย์” 17 แล้วพวกเขาก็พูดกับบารุคว่า “บอกพวกเรามาเถอะว่าคุณเอาเรื่องที่เขียนนี้มาจากไหน เยเรมีย์บอกให้คุณเขียนใช่ไหม?” 18 บารุคตอบพวกเขาว่า “ผมเขียนตามที่เขาบอกทุกคำ ผมใช้หมึกเขียนถ้อยคำทั้งหมดในม้วนหนังสือนี้” 19 พวกเจ้านายบอกบารุคว่า “คุณกับเยเรมีย์ไปหาที่ซ่อนตัวเถอะ อย่าให้ใครรู้ว่าพวกคุณอยู่ไหน”+
20 แล้วพวกเขาก็ไปหากษัตริย์ เข้าไปที่ลานของวังและเก็บม้วนหนังสือนั้นไว้ในห้องของเอลีชามาที่เป็นเลขานุการ แล้วพวกเขาก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กษัตริย์ฟังทั้งหมด
21 กษัตริย์จึงให้เยฮูดี+ไปเอาม้วนหนังสือนั้นมา เยฮูดีก็ไปเอาม้วนหนังสือนั้นมาจากห้องของเอลีชามาที่เป็นเลขานุการแล้วอ่านให้กษัตริย์กับเจ้านายทุกคนที่ยืนอยู่กับกษัตริย์ฟัง 22 ตอนนั้นเป็นเดือน 9* กษัตริย์นั่งอยู่หน้าเตาไฟในวังฤดูหนาว 23 พอเยฮูดีอ่านไปได้สักสามสี่ตอน กษัตริย์ก็เอามีดของเลขานุการตัดม้วนหนังสือส่วนนั้นแล้วโยนลงในเตาไฟ เขาทำอย่างนี้จนม้วนหนังสือทั้งม้วนถูกเผาจนหมด 24 กษัตริย์กับข้าราชการทุกคนที่ได้ยินถ้อยคำนั้นไม่รู้สึกกลัวและไม่ได้ฉีกเสื้อของตัวเองเลย 25 ถึงแม้เอลนาธัน+ เดไลยาห์+ และเกมาริยาห์+จะขอร้องกษัตริย์ไม่ให้เผาม้วนหนังสือนั้น แต่กษัตริย์ก็ไม่ฟัง 26 นอกจากนั้น กษัตริย์ยังสั่งให้เยราเมเอลซึ่งเป็นลูกกษัตริย์ เสไรอาห์ลูกชายอัสรีเอล และเชเลมิยาห์ลูกชายอับเดเอลไปจับบารุคซึ่งเป็นเลขานุการกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์ แต่พระยะโฮวาซ่อนพวกเขาไว้+
27 หลังจากกษัตริย์เผาม้วนหนังสือซึ่งมีถ้อยคำที่บารุคเขียนตามคำบอกของเยเรมีย์แล้ว+ พระยะโฮวาก็พูดกับเยเรมีย์อีกว่า 28 “เอาม้วนหนังสือมาอีกม้วนหนึ่ง และเขียนถ้อยคำทั้งหมดให้เหมือนกับม้วนหนังสือม้วนแรกที่กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์เผาไป+ 29 แล้วเจ้าต้องบอกกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เพราะเจ้าเผาม้วนหนังสือนั้นและยังถามอีกว่า ‘ทำไมคุณเขียนในม้วนหนังสือนี้ว่ากษัตริย์บาบิโลนจะมาทำลายแผ่นดินนี้จนไม่มีคนและสัตว์เหลืออยู่เลย?’+ 30 ดังนั้น พระยะโฮวาพูดถึงกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ว่า ‘จะไม่มีลูกของเขาสักคนเดียวได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด+ และศพของเขาจะถูกทิ้งให้ตากแดดตอนกลางวันและตากน้ำค้างแข็งตอนกลางคืน+ 31 เราจะลงโทษเขากับลูกหลานและคนรับใช้ของเขาเพราะความผิดของพวกเขา เราจะทำให้พวกเขากับชาวเยรูซาเล็มและชาวยูดาห์เจอหายนะทุกอย่างที่เราเคยบอกไว้+ ซึ่งพวกเขาไม่เคยฟังเลย’”’”+
32 แล้วเยเรมีย์ก็เอาม้วนหนังสืออีกม้วนหนึ่งมาให้บารุคลูกชายเนริยาห์เลขานุการของเขา+ และบารุคก็เขียนถ้อยคำทั้งหมดตามคำบอกของเยเรมีย์เหมือนในม้วนหนังสือม้วนแรกที่กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์เผาทิ้งไป+ และยังได้เพิ่มเติมข้อความอีกหลายอย่างที่คล้ายกันลงไปด้วย
37 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์+ลูกชายโยสิยาห์ก็ขึ้นปกครองแทนโคนิยาห์*+ลูกชายเยโฮยาคิม เพราะเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนตั้งเขาเป็นกษัตริย์ของแผ่นดินยูดาห์+ 2 แต่เขากับพวกข้าราชการและประชาชนในแผ่นดินไม่ยอมฟังคำของพระยะโฮวาที่พูดผ่านทางผู้พยากรณ์เยเรมีย์
3 กษัตริย์เศเดคียาห์ใช้เยฮูคัล+ลูกชายเชเลมิยาห์ และเศฟันยาห์+ลูกชายปุโรหิตมาอาเสอาห์ไปบอกผู้พยากรณ์เยเรมีย์ว่า “ขอช่วยอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราเพื่อพวกเราด้วย” 4 ตอนนั้นเยเรมีย์ยังไปไหนมาไหนได้เพราะยังไม่ถูกขังคุก+ 5 เมื่อชาวเคลเดียที่ล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ได้ข่าวว่ากองทัพของฟาโรห์กำลังมาจากอียิปต์+ พวกเขาก็ถอนทัพไปจากกรุงเยรูซาเล็ม+ 6 แล้วพระยะโฮวาก็พูดกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์ว่า 7 “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘ให้พวกเจ้าบอกกษัตริย์ยูดาห์ซึ่งใช้พวกเจ้ามาถามเรานั้นว่า “กองทัพของฟาโรห์ที่กำลังมาช่วยพวกเจ้าจะต้องกลับไปยังอียิปต์แผ่นดินของพวกเขา+ 8 แล้วชาวเคลเดียจะกลับมาโจมตีและยึดเมืองนี้ และเผาด้วยไฟ”+ 9 พระยะโฮวาบอกว่า “อย่าหลอกตัวเองว่า ‘พวกเคลเดียจะไม่กลับมาอีก’ เพราะพวกเขาจะกลับมา 10 แม้พวกเจ้าจะฆ่าฟันกองทัพของชาวเคลเดียที่มาต่อสู้กับพวกเจ้าจนเหลือไว้แต่คนที่บาดเจ็บ คนพวกนั้นก็จะออกจากเต็นท์มาเผาเมืองนี้อยู่ดี”’”+
11 เมื่อกองทัพชาวเคลเดียที่มาโจมตีกรุงเยรูซาเล็มถอยกลับไปเพราะกองทัพของฟาโรห์+ 12 เยเรมีย์ก็ออกจากกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจะไปที่เขตตระกูลเบนยามิน+ เพราะเขาจะไปรับส่วนแบ่งของเขาที่อยู่ท่ามกลางคนร่วมชาติ 13 แต่พอเขาไปถึงประตูเบนยามิน หัวหน้าทหารยามชื่ออิรียาห์ลูกชายของเชเลมิยาห์หลานของฮานันยาห์ก็เข้ามาจับผู้พยากรณ์เยเรมีย์ และบอกว่า “แกจะไปอยู่กับพวกเคลเดียใช่ไหม?” 14 เยเรมีย์บอกว่า “ไม่ใช่! ผมไม่ได้ไปหาพวกเคลเดีย!” แต่อิรียาห์ไม่ฟังและจับตัวเยเรมีย์ไปหาพวกเจ้านาย 15 พวกเจ้านายโกรธเยเรมีย์มาก+และทุบตีเขา แล้วขังเขาไว้+ที่บ้านของเยโฮนาธันซึ่งเป็นเลขานุการ เพราะพวกเขาใช้ที่นั่นเป็นคุก 16 พวกเขาขังเยเรมีย์ไว้ในคุกใต้ดินหลายวัน
17 ต่อมา กษัตริย์เศเดคียาห์ก็ใช้คนไปเอาตัวเยเรมีย์มาที่วังและแอบถามเขาว่า+ “พระยะโฮวาส่งข่าวมาบ้างไหม?” เยเรมีย์ตอบว่า “ครับ” แล้วพูดต่อว่า “ท่านจะตกอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์บาบิโลน”+
18 แล้วเยเรมีย์ก็พูดกับกษัตริย์เศเดคียาห์ว่า “ผมทำผิดอะไรต่อท่านและต่อพวกข้าราชการและชนชาตินี้ ท่านถึงขังผมไว้ในคุก? 19 พวกผู้พยากรณ์ของท่านที่บอกว่า ‘กษัตริย์บาบิโลนจะไม่มาโจมตีท่านกับแผ่นดินนี้’ ไปไหนหมดแล้ว?+ 20 ท่านกษัตริย์ผู้เป็นนายของผม โปรดฟังผมเถอะ โปรดทำตามคำขอของผมด้วย อย่าส่งผมกลับไปที่บ้านของเยโฮนาธัน+เลขานุการเลย ไม่อย่างนั้นผมต้องตายอยู่ที่นั่นแน่”+ 21 กษัตริย์เศเดคียาห์จึงสั่งให้เอาตัวเยเรมีย์ไปขังไว้ในลานทหารองครักษ์+ และเขาได้รับขนมปังกลมจากถนนคนทำขนมปังวันละก้อนทุกวัน+จนขนมปังในเมืองนั้นหมด+ และเยเรมีย์ก็อยู่ในลานทหารองครักษ์
38 เชฟาทิยาห์ลูกชายมัททาน เกดาลิยาห์ลูกชายปาชเฮอร์ ยูคาล+ลูกชายเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์+ลูกชายมัลคียาห์ได้ยินเยเรมีย์พูดกับประชาชนว่า 2 “พระยะโฮวาพูดว่า ‘คนที่อยู่ในเมืองนี้ต่อไปจะตายด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด+ แต่คนที่ออกไปยอมแพ้พวกเคลเดียจะไม่ตาย เขาจะรอดชีวิตและมีชีวิตอยู่ต่อไป’+ 3 พระยะโฮวาบอกว่า ‘กองทัพกษัตริย์บาบิโลนจะชนะเมืองนี้แน่ และเขาจะยึดเมืองนี้ได้’”+
4 พวกเจ้านายพูดกับกษัตริย์ว่า “ได้โปรดประหารชายคนนี้เถอะ+ เพราะเรื่องที่เขาพูดทำให้ทหารที่เหลืออยู่ในเมืองกับประชาชนทุกคนหมดกำลังใจ เขาไม่อยากให้ประชาชนมีความสงบสุข แต่อยากให้เจอหายนะ” 5 กษัตริย์เศเดคียาห์ตอบว่า “พวกคุณจะทำอะไรกับเขาก็ทำเถอะ เพราะกษัตริย์จะห้ามอะไรพวกคุณได้ล่ะ?”
6 พวกเขาจึงเอาตัวเยเรมีย์ไปทิ้งไว้ในบ่อเก็บน้ำของมัลคียาห์ลูกกษัตริย์ซึ่งอยู่ในลานทหารองครักษ์+ พวกเขาเอาเชือกหย่อนเยเรมีย์ลงไปในบ่อนั้นซึ่งไม่มีน้ำ มีแต่โคลน ตัวเยเรมีย์จึงจมอยู่ในโคลน
7 เอเบดเมเลค+ชาวเอธิโอเปียซึ่งเป็นขันที*ในวังกษัตริย์ได้ยินว่าพวกเขาเอาเยเรมีย์ไปทิ้งไว้ในบ่อเก็บน้ำ ตอนนั้นกษัตริย์นั่งอยู่ที่ประตูเบนยามิน+ 8 เอเบดเมเลคจึงออกจากวังกษัตริย์และไปพูดกับกษัตริย์ว่า 9 “ได้โปรดเถอะกษัตริย์ผู้เป็นนายของผม คนพวกนั้นทำเรื่องชั่วร้ายกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์! พวกเขาเอาตัวเยเรมีย์ไปทิ้งในบ่อเก็บน้ำ และเขาคงจะอดตายที่นั่นแน่ ๆ เพราะไม่มีขนมปังเหลือในเมืองนี้แล้ว”+
10 กษัตริย์จึงสั่งเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียว่า “เอาคนจากที่นี่ 30 คนไปช่วยผู้พยากรณ์เยเรมีย์ขึ้นมาจากบ่อเก็บน้ำก่อนที่เขาจะตาย” 11 แล้วเอเบดเมเลคกับคนกลุ่มนี้ก็ไปเอาผ้าขี้ริ้วกับเศษผ้าเก่าจากห้องที่อยู่ใต้คลังสมบัติในวังกษัตริย์+มาผูกกับเชือก แล้วหย่อนลงไปให้เยเรมีย์ในบ่อเก็บน้ำ 12 แล้วเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียก็บอกเยเรมีย์ว่า “ขอให้ท่านเอาเชือกคล้องตัวไว้ แล้วเอาผ้าขี้ริ้วกับเศษผ้ารองไว้ใต้รักแร้” เยเรมีย์ก็ทำตาม 13 พวกเขาดึงเยเรมีย์ขึ้นจากบ่อเก็บน้ำ แล้วเยเรมีย์ก็อยู่ในลานทหารองครักษ์ต่อไป+
14 กษัตริย์เศเดคียาห์ใช้คนไปพาผู้พยากรณ์เยเรมีย์มาพบเขาที่ประตูวิหารของพระยะโฮวาประตูที่ 3 แล้วกษัตริย์ก็พูดกับเยเรมีย์ว่า “เราขอถามอะไรคุณสักหน่อย อย่าปิดบังเราเลย” 15 เยเรมีย์บอกเศเดคียาห์ว่า “ถ้าผมบอกท่าน ท่านคงจะประหารผมแน่ และถ้าผมแนะนำอะไร ท่านก็คงไม่ฟัง” 16 กษัตริย์เศเดคียาห์จึงสาบานต่อเยเรมีย์โดยไม่ให้ใครรู้ว่า “เราขอสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ซึ่งเป็นผู้ให้ชีวิตแก่พวกเราว่า เราจะไม่ประหารคุณแน่นอน และเราจะไม่ส่งตัวคุณไปให้พวกที่พยายามฆ่าคุณด้วย”
17 เยเรมีย์จึงบอกเศเดคียาห์ว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘ถ้าเจ้ายอมแพ้พวกขุนนางของกษัตริย์บาบิโลน เจ้าจะรอดชีวิต เมืองนี้จะไม่ถูกเผาด้วยไฟ และเจ้ากับครอบครัวของเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป+ 18 แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมแพ้พวกขุนนางของกษัตริย์บาบิโลน พวกเคลเดียจะยึดเมืองนี้ได้ พวกเขาจะเผาเมืองนี้ด้วยไฟ+ และเจ้าจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือพวกเขา’”+
19 กษัตริย์เศเดคียาห์พูดกับเยเรมีย์ว่า “เรากลัวชาวยิวที่หนีไปอยู่กับพวกเคลเดีย ถ้าพวกเคลเดียส่งตัวเราให้พวกนั้น พวกเขาคงจะทำร้ายเรา” 20 แต่เยเรมีย์บอกว่า “พวกเคลเดียจะไม่ส่งตัวท่านให้คนพวกนั้น ได้โปรดฟังคำพูดของพระยะโฮวาที่ผมบอกท่าน แล้วท่านจะปลอดภัยและจะมีชีวิตอยู่ต่อไป 21 แต่ถ้าท่านไม่ยอมแพ้พวกเคลเดีย พระยะโฮวาให้ผมเห็นว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ 22 ผู้หญิงทุกคนที่เหลืออยู่ในวังกษัตริย์ยูดาห์จะถูกพาตัวไปให้พวกขุนนางของกษัตริย์บาบิโลน+ และผู้หญิงเหล่านั้นจะพูดว่า
‘พวกที่ท่านไว้ใจก็หลอกท่านและเอาชนะท่านได้+
พวกเขาทำให้เท้าของท่านจมโคลน
ตอนนี้พวกเขาหนีไปหมดแล้ว’
23 ภรรยาและลูกชายทุกคนของท่านจะถูกจับตัวไปให้ชาวเคลเดีย ท่านเองก็จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือพวกเขา แต่จะถูกกษัตริย์บาบิโลนจับได้+ และท่านจะเป็นต้นเหตุให้เมืองนี้ถูกเผาด้วยไฟ”+
24 เศเดคียาห์จึงพูดกับเยเรมีย์ว่า “อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ คุณจะได้ไม่ตาย 25 ถ้าพวกเจ้านายได้ยินว่าเรามาพูดกับคุณ แล้วพวกเขามาพูดว่า ‘บอกพวกเรามาว่าคุณพูดอะไรกับกษัตริย์ อย่าปิดบังเลย แล้วพวกเราจะไว้ชีวิตคุณ+ กษัตริย์พูดอะไรกับคุณบ้าง?’ 26 คุณต้องบอกพวกเขาว่า ‘ผมขอร้องกษัตริย์ว่าอย่าส่งผมกลับไปที่บ้านของเยโฮนาธันเลย ไม่อย่างนั้นผมตายแน่’”+
27 ต่อมา พวกเจ้านายพากันมาถามเยเรมีย์ เยเรมีย์ก็บอกพวกเขาตามที่กษัตริย์สั่งไว้ทุกอย่าง พวกเขาก็ไม่ซักถามอะไรอีกเพราะไม่รู้ว่ากษัตริย์กับเยเรมีย์คุยกันเรื่องอะไร 28 เยเรมีย์ก็อยู่ในลานทหารองครักษ์+จนถึงวันที่กรุงเยรูซาเล็มแตก เขาอยู่ที่นั่นตอนที่กรุงเยรูซาเล็มถูกยึด+
39 ในเดือน 10 ของปีที่ 9 ที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์ เนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนกับกองทัพทั้งหมดของเขามาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม+
2 ในวันที่ 9 เดือน 4 ของปีที่ 11 ที่เศเดคียาห์ปกครอง พวกบาบิโลนก็ทะลวงกำแพงเมืองเข้ามาได้+ 3 แล้วขุนนางทุกคนของกษัตริย์บาบิโลนก็เข้ามานั่งอยู่ที่ประตูกลาง+ คือเนอร์กัลชาเรเซอร์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสัมการ์ เนโบสาร์เสคิมซึ่งมีตำแหน่งเป็นรับสารีส* เนอร์กัลชาเรเซอร์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรับมัก* รวมทั้งขุนนางคนอื่น ๆ ทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลน
4 พอกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์กับทหารทั้งหมดเห็นคนเหล่านั้น พวกเขาก็หนี+ออกจากเมืองตอนกลางคืนโดยออกไปทางประตูเมืองระหว่างกำแพงสองชั้นที่อยู่ใกล้สวนของกษัตริย์ แล้วพวกเขาก็หนีไปทางอาราบาห์+ 5 แต่กองทัพเคลเดียไล่ตามพวกเขาไปและตามเศเดคียาห์ทันในที่ราบกันดารเยรีโค+ พวกเคลเดียจับตัวเศเดคียาห์ได้และพามาหากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์*แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์+ในแผ่นดินฮามัท+ แล้วกษัตริย์บาบิโลนก็ตัดสินลงโทษเศเดคียาห์ที่นั่น 6 กษัตริย์บาบิโลนสั่งให้ฆ่าพวกลูกชายของเศเดคียาห์ที่ริบลาห์ต่อหน้าเขา และสั่งให้ฆ่าขุนนางทุกคนของยูดาห์+ 7 แล้วกษัตริย์บาบิโลนก็ทำให้เศเดคียาห์ตาบอด ล่ามเขาด้วยโซ่ตรวนทองแดง และพาไปบาบิโลน+
8 พวกเคลเดียเผาวังของกษัตริย์และบ้านเรือนของประชาชนด้วยไฟ+ และพังกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม+ 9 เนบูซาระดาน+หัวหน้าองครักษ์จับตัวคนที่เหลือในเมืองไปเป็นเชลยที่บาบิโลน รวมทั้งคนที่หนีไปหาเขาก่อนหน้านั้นและคนอื่น ๆ ที่ยังเหลืออยู่
10 แต่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ยอมให้คนที่ยากจนที่สุดบางคนอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ต่อไป คือคนที่ไม่มีสมบัติอะไรเลย วันนั้นเขายกสวนองุ่นและไร่นาให้คนเหล่านั้นดูแลด้วย*+
11 เนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนสั่งเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์เรื่องเยเรมีย์ว่า 12 “พาตัวเขาไปและดูแลเขาให้ดี อย่าทำร้ายเขา ถ้าเขาขออะไรก็ให้เขา”+
13 แล้วเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เนบูชัสบานซึ่งมีตำแหน่งเป็นรับสารีส* เนอร์กัลชาเรเซอร์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรับมัก* และคนสำคัญ ๆ ของกษัตริย์บาบิโลนก็ใช้คนไป 14 พาเยเรมีย์ออกจากลานทหารองครักษ์+แล้วส่งตัวให้เกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัม+หลานชาฟาน+ และให้เกดาลิยาห์พาเยเรมีย์ไปที่บ้านของเขา เยเรมีย์จะได้อยู่กับเพื่อนร่วมชาติ
15 ตอนที่เยเรมีย์ยังถูกขังอยู่ในลานทหารองครักษ์+ พระยะโฮวาพูดกับเขาว่า 16 “ไปบอกเอเบดเมเลค+ชาวเอธิโอเปียว่า ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “เรากำลังจะทำให้เมืองนี้เจอหายนะอย่างที่เราพูดไว้ และไม่เจอสิ่งดี ๆ เลย วันนั้นเจ้าจะได้เห็น”’
17 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ในวันนั้นเราจะช่วยเจ้าให้รอด เจ้าจะไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือคนที่เจ้ากลัว’
18 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะเราจะให้เจ้ารอดแน่ ๆ และเจ้าจะไม่ตายด้วยดาบ เจ้าจะรอดชีวิต+เพราะเจ้าไว้ใจเรา’”+
40 พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์หลังจากเนบูซาระดาน+หัวหน้าองครักษ์ปล่อยเขาให้เป็นอิสระที่รามาห์+ ก่อนหน้านั้นเนบูซาระดานพาตัวเยเรมีย์ไปที่นั่นพร้อมกับล่ามโซ่ที่มือไว้ เยเรมีย์ไปกับเชลยจากกรุงเยรูซาเล็มและยูดาห์ซึ่งกำลังจะถูกกวาดต้อนไปที่บาบิโลน 2 หัวหน้าองครักษ์พูดกับเยเรมีย์ว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของคุณบอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าที่นี่จะเจอหายนะอย่างนี้ 3 และพระยะโฮวาก็ทำให้เป็นอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เพราะพวกคุณทำผิดต่อพระยะโฮวาและไม่เชื่อฟังพระองค์ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นกับพวกคุณ+ 4 วันนี้ ผมปลดโซ่ที่ล่ามมือคุณออกแล้ว ถ้าคุณอยากจะไปบาบิโลนกับผมก็เชิญมาเลย แล้วผมจะดูแลคุณ แต่ถ้าคุณไม่อยากไปบาบิโลนกับผมก็ไม่เป็นไร ดูแผ่นดินกว้างใหญ่ข้างหน้าคุณสิ คุณอยากไปอยู่ที่ไหนก็เลือกเอาเลย”+
5 พอเห็นว่าเยเรมีย์ยังไม่ไป เนบูซาระดานก็พูดว่า “กลับไปหาเกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัม+หลานชาฟาน+เถอะ กษัตริย์บาบิโลนตั้งเขาให้ดูแลเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ ไปอยู่กับเขาและประชาชนคนอื่น ๆ หรือไปที่ไหนก็ได้ที่คุณอยากไป”
แล้วหัวหน้าองครักษ์ก็เอาเสบียงกับของขวัญให้เขาและให้เขาไป 6 เยเรมีย์จึงไปหาเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมที่เมืองมิสปาห์+และอยู่กับเขาและประชาชนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน
7 ต่อมา พวกแม่ทัพที่อยู่นอกเมืองกับพวกทหารได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนตั้งเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมให้ดูแลแผ่นดินและดูแลคนจน ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง กับเด็ก ๆ ซึ่งไม่ได้ถูกพาตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน+ 8 พวกเขาจึงมาหาเกดาลิยาห์ที่เมืองมิสปาห์+ พวกเขาคืออิชมาเอล+ลูกเนธานิยาห์ โยฮานัน+กับโยนาธานลูกคาเรอาห์ เสไรอาห์ลูกทันหุเมท พวกลูกชายของเอฟายชาวเนโทฟาห์ และเยซันยาห์+ชาวมาอาคาห์ และทหารของพวกเขา 9 เกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมหลานชาฟานรับรองกับพวกแม่ทัพและทหารของพวกเขาว่า “อย่ากลัวที่จะรับใช้พวกเคลเดียเลย อยู่ในแผ่นดินนี้และรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเถอะ แล้วพวกคุณจะปลอดภัย+ 10 ผมจะอยู่ที่มิสปาห์เพื่อเป็นตัวแทนพวกคุณคอยรับหน้าชาวเคลเดียซึ่งมาหาพวกเรา ส่วนพวกคุณก็ให้รวบรวมเหล้าองุ่น ผลไม้ฤดูร้อน และน้ำมันเก็บไว้ในภาชนะ และไปอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ที่พวกคุณยึดได้เถอะ”+
11 ชาวยิวที่อยู่ในโมอับ อัมโมน และเอโดม รวมทั้งคนที่อยู่ในแผ่นดินอื่น ๆ ทั้งหมดก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนให้มีคนเหลืออยู่ในยูดาห์ต่อไป และได้ตั้งเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมหลานชาฟานให้ดูแลคนเหล่านั้น 12 ชาวยิวก็เริ่มทยอยกันมาจากทุกที่ที่พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่และกลับมายังแผ่นดินยูดาห์และมาหาเกดาลิยาห์ที่เมืองมิสปาห์ พวกเขาเก็บรวบรวมเหล้าองุ่นกับผลไม้ฤดูร้อนได้มากมาย
13 โยฮานันลูกคาเรอาห์กับแม่ทัพทุกคนที่เคยอยู่นอกเมืองก็มาหาเกดาลิยาห์ที่เมืองมิสปาห์ 14 พวกเขาบอกเกดาลิยาห์ว่า “คุณรู้ไหมว่าบาอาลิสกษัตริย์อัมโมน+ส่งอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์มาฆ่าคุณ?”+ แต่เกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมไม่เชื่อพวกเขา
15 โยฮานันลูกคาเรอาห์จึงแอบมาพูดกับเกดาลิยาห์ในเมืองมิสปาห์ว่า “ผมจะไปฆ่าอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์โดยไม่ให้ใครรู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะฆ่าคุณ แล้วชาวยูดาห์ที่พากันมาอยู่กับคุณจะกระจัดกระจายไป และชาวยูดาห์ที่เหลืออยู่ก็จะพินาศ” 16 แต่เกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัมบอกโยฮานันลูกคาเรอาห์ว่า “อย่าทำอย่างนั้น เรื่องที่คุณพูดถึงอิชมาเอลนั้นไม่เป็นความจริงเลย”
41 ในเดือน 7 อิชมาเอล+ลูกเนธานิยาห์ซึ่งเป็นหลานเอลีชามาและเป็นคนสำคัญ กับพวกลูกหลานของกษัตริย์และพรรคพวกอีก 10 คนก็มาหาเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมที่เมืองมิสปาห์+ ตอนที่พวกเขากินอาหารอยู่ด้วยกันที่เมืองมิสปาห์นั้น 2 อิชมาเอลลูกเนธานิยาห์กับพรรคพวก 10 คนก็ลุกขึ้นฆ่าเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมหลานชาฟานด้วยดาบ เขาได้ฆ่าคนที่กษัตริย์บาบิโลนตั้งไว้ให้ดูแลแผ่นดินนี้ 3 อิชมาเอลยังฆ่าชาวยิวทุกคนที่อยู่กับเกดาลิยาห์ในเมืองมิสปาห์และทหารชาวเคลเดียที่อยู่ที่นั่นด้วย
4 วันถัดมา หลังจากที่เกดาลิยาห์ถูกฆ่า และยังไม่มีใครรู้ 5 มีผู้ชาย 80 คนมาจากเมืองเชเคม+ ชิโลห์+ และสะมาเรีย+ พวกเขาโกนเครา ฉีกเสื้อ เชือดเนื้อเชือดตัว+ และเอาเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าวกับกำยาน+มาที่วิหารของพระยะโฮวา 6 อิชมาเอลลูกเนธานิยาห์ก็ออกจากเมืองมิสปาห์ไปพบพวกเขา เขาเดินไปร้องไห้ไป พอเจอกันแล้วก็พูดว่า “ไปหาเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมกันเถอะ” 7 แต่พอคนเหล่านั้นเข้ามาในเมือง อิชมาเอลลูกเนธานิยาห์กับคนของเขาก็ฆ่าคนเหล่านั้นแล้วเอาศพไปทิ้งในบ่อเก็บน้ำ
8 แต่มี 10 คนในกลุ่มนั้นพูดกับอิชมาเอลว่า “อย่าฆ่าพวกเราเลย พวกเราซ่อนข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมัน และน้ำผึ้งไว้ในทุ่งนาแห่งหนึ่ง” อิชมาเอลจึงไม่ฆ่าคนเหล่านี้พร้อมกับพี่น้องของพวกเขา 9 อิชมาเอลโยนศพคนที่เขาฆ่าลงไปในบ่อเก็บน้ำใหญ่ที่กษัตริย์อาสาสร้างไว้ตอนที่ถูกบาอาชากษัตริย์อิสราเอล+โจมตี บ่อเก็บน้ำนั้นแหละที่อิชมาเอลลูกเนธานิยาห์เอาศพคนที่เขาฆ่าไปโยนทิ้งจนเต็ม
10 อิชมาเอลจับคนที่เหลืออยู่ในเมืองมิสปาห์+ไปเป็นเชลย รวมทั้งพวกลูกสาวกษัตริย์และทุกคนที่เหลืออยู่ในเมืองมิสปาห์ซึ่งเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ได้มอบหมายให้เกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัมดูแล อิชมาเอลลูกเนธานิยาห์จับตัวคนเหล่านี้แล้วพาข้ามไปหาชาวอัมโมน+
11 เมื่อโยฮานัน+ลูกคาเรอาห์กับพวกแม่ทัพที่อยู่กับเขาได้ยินว่าอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์ทำชั่วอะไรบ้าง 12 พวกเขาก็พาทหารทั้งหมดไปสู้กับอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์ พวกเขาเจออิชมาเอลที่สระน้ำใหญ่ในเมืองกิเบโอน
13 ทุกคนที่ถูกอิชมาเอลจับตัวไปดีใจมากเมื่อเห็นโยฮานันลูกคาเรอาห์กับพวกแม่ทัพที่มาด้วย 14 แล้วทุกคนที่อิชมาเอลจับตัวเป็นเชลยจากเมืองมิสปาห์+ก็หนีมาหาโยฮานันลูกคาเรอาห์และกลับมากับเขา 15 ส่วนอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์กับพรรคพวกอีก 8 คนหนีโยฮานันไปได้แล้วไปหาพวกอัมโมน
16 โยฮานันลูกคาเรอาห์กับพวกแม่ทัพที่มากับเขาก็พาคนที่เคยอยู่ในมิสปาห์กลับมา คือคนที่พวกเขาช่วยเอาไว้จากอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์ที่ได้ฆ่าเกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัม โยฮานันกับพรรคพวกพาคนเหล่านี้กลับมาจากเมืองกิเบโอน ทั้งผู้ชาย ทหาร ผู้หญิง เด็ก ๆ และข้าราชสำนัก 17 แล้วพวกเขาก็หยุดพักกันตรงที่พักแรมของคิมฮามซึ่งอยู่ใกล้ ๆ เมืองเบธเลเฮม+ และตั้งใจจะเดินทางต่อไปที่อียิปต์+ 18 เพราะพวกเขากลัวชาวเคลเดีย เนื่องจากอิชมาเอลลูกเนธานิยาห์ได้ฆ่าเกดาลิยาห์ลูกอาหิคัมซึ่งเป็นคนที่กษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งไว้ให้ดูแลแผ่นดินนี้+
42 แล้วแม่ทัพทุกคน รวมทั้งโยฮานัน+ลูกคาเรอาห์ เยซันยาห์ลูกโฮชายาห์ และประชาชนทุกคนตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนสำคัญที่สุดก็มาหา 2 และพูดกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์ว่า “โปรดทำตามคำขอของพวกเราด้วย ขอให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณเพื่อพวกเราและเพื่อคนที่เหลืออยู่นี้ทั้งหมด+ เพราะคุณก็เห็นว่าพวกเราเหลือกันอยู่ไม่กี่คนแล้ว 3 ขอพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณบอกพวกเราว่าควรทำอย่างไรต่อไป”
4 ผู้พยากรณ์เยเรมีย์ตอบพวกเขาว่า “ได้สิ ผมจะอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกคุณตามที่พวกคุณขอ พระยะโฮวาตอบพวกคุณอย่างไรผมก็จะบอกทุกคำ ไม่ปิดบังไว้แม้แต่คำเดียว”
5 คนเหล่านั้นพูดกับเยเรมีย์ว่า “ถ้าพระยะโฮวาซึ่งเป็นพยานที่พูดความจริงและซื่อสัตย์บอกอะไรแล้วพวกเราไม่ทำตาม ก็ขอให้พระยะโฮวาพระเจ้าของคุณลงโทษพวกเรา 6 ทุกอย่างที่พระองค์บอก ไม่ว่าพวกเราจะชอบหรือไม่ พวกเราจะเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราซึ่งพวกเราขอให้คุณอธิษฐานถึงนั้น พวกเราจะได้ปลอดภัยเพราะพวกเราเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา”
7 พอ 10 วันผ่านไป พระยะโฮวาก็ส่งข่าวมาถึงเยเรมีย์ 8 เยเรมีย์จึงเรียกโยฮานันลูกคาเรอาห์กับแม่ทัพทุกคนที่อยู่กับเขาและประชาชนทุกคนตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนสำคัญที่สุดให้มาหา+ 9 เยเรมีย์พูดกับพวกเขาว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลที่พวกคุณให้ผมไปอ้อนวอนได้บอกอย่างนี้ว่า 10 ‘ถ้าพวกเจ้าอยู่ในแผ่นดินนี้ต่อไป เราจะสร้างพวกเจ้าและจะไม่รื้อ เราจะปลูกพวกเจ้าและจะไม่ถอน เพราะเราจะเสียใจที่ทำให้พวกเจ้าเจอหายนะ+ 11 อย่ากลัวกษัตริย์บาบิโลนที่พวกเจ้ากลัวอยู่นั้น’+
“พระยะโฮวาบอกว่า ‘อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราจะอยู่กับพวกเจ้าเพื่อจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือเขา 12 เราจะเมตตาพวกเจ้า+ และเขาจะสงสารพวกเจ้าและให้พวกเจ้ากลับไปยังแผ่นดินของตัวเอง
13 “‘แต่ถ้าพวกเจ้าพูดว่า “ไม่เอา พวกเราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้!” และไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเจ้า 14 และพูดอีกว่า “พวกเราจะไปแผ่นดินอียิปต์+ จะได้ไม่เจอสงคราม ไม่ต้องได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ และไม่ต้องอดอยาก พวกเราจะไปอยู่ที่นั่น” 15 ก็ขอให้ฟังคำของพระยะโฮวา พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลซึ่งจะบอกกับชาวยูดาห์ที่เหลือว่า “ถ้าพวกเจ้าตั้งใจจะไปอียิปต์และไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ* 16 ดาบที่พวกเจ้ากลัวจะตามพวกเจ้าไปถึงแผ่นดินอียิปต์ และความอดอยากที่พวกเจ้ากลัวก็จะตามพวกเจ้าไปอียิปต์ แล้วพวกเจ้าจะตายที่นั่น+ 17 และทุกคนที่ตั้งใจไปอยู่ที่อียิปต์จะต้องตายด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด จะไม่มีใครรอดตายหรือหนีพ้นหายนะที่เราจะทำให้เกิดขึ้นกับพวกเขาเลย”’
18 “เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไปอียิปต์ เราจะระบายความโกรธใส่พวกเจ้าเหมือนที่เราระบายความโกรธใส่ชาวเยรูซาเล็มมาแล้ว+ พวกเจ้าจะถูกสาปแช่ง คนที่เห็นพวกเจ้าจะสยดสยอง พวกเจ้าจะถูกดูหมิ่นและถูกด่าว่า+ และจะไม่ได้กลับมาเห็นที่นี่อีกเลย’
19 “ชาวยูดาห์ที่เหลือ พระยะโฮวาบอกพวกคุณแล้ว อย่าไปอียิปต์เลย อย่าลืมว่าวันนี้ผมเตือนพวกคุณแล้ว 20 ว่าความผิดของพวกคุณจะทำให้พวกคุณต้องตาย พวกคุณให้ผมไปอ้อนวอนพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกคุณโดยบอกว่า ‘อธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราด้วย และพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราบอกอะไร ก็ขอให้บอกพวกเราเถอะ แล้วพวกเราจะทำตาม’+ 21 วันนี้ผมได้บอกพวกคุณแล้ว แต่พวกคุณจะไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกคุณและจะไม่ทำตามที่พระองค์ให้ผมมาบอกพวกคุณหรอก+ 22 ดังนั้น ขอให้แน่ใจได้เลยว่าพวกคุณจะตายด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาดในที่ที่พวกคุณอยากไปอยู่กันนั้น”+
43 พอเยเรมีย์บอกคำเหล่านี้ที่มาจากพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาให้ทุกคนฟังตามที่พระยะโฮวาพระเจ้าใช้เขามาบอกแล้ว 2 อาซาริยาห์ลูกโฮชายาห์ โยฮานัน+ลูกคาเรอาห์ และพวกคนอวดดีก็พูดกับเยเรมีย์ว่า “คุณโกหก! พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราไม่ได้ใช้ให้คุณมาบอกว่า ‘อย่าไปอยู่ที่อียิปต์’ 3 แต่บารุค+ลูกเนริยาห์ยุให้คุณบอกพวกเราอย่างนี้เพราะอยากจะให้พวกเราตกอยู่ในมือพวกเคลเดีย และให้พวกนั้นฆ่าพวกเราหรือจับพวกเราไปเป็นเชลยที่บาบิโลน”+
4 โยฮานันลูกคาเรอาห์กับแม่ทัพทุกคนและพวกประชาชนไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาที่บอกให้อยู่ในแผ่นดินยูดาห์ต่อไป 5 โยฮานันลูกคาเรอาห์กับพวกแม่ทัพได้พาทุกคนไป คือชาวยูดาห์ที่เหลือซึ่งก่อนหน้านี้ได้กลับมาจากชาติต่าง ๆ ที่เคยกระจัดกระจายไปและมาอยู่ในยูดาห์+ 6 คนที่พวกเขาพาไปมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ๆ พวกลูกสาวของกษัตริย์ รวมทั้งทุกคนที่เนบูซาระดาน+หัวหน้าองครักษ์ทิ้งไว้ให้อยู่กับเกดาลิยาห์+ลูกอาหิคัม+หลานชาฟาน+ และได้พาผู้พยากรณ์เยเรมีย์กับบารุคลูกเนริยาห์ไปด้วย 7 พวกเขาไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา และพากันไปที่แผ่นดินอียิปต์จนไปถึงเมืองทาห์ปานเหส+
8 แล้วพระยะโฮวาก็สั่งเยเรมีย์ที่ทาห์ปานเหสว่า 9 “เอาหินก้อนใหญ่ ๆ มาฝังไว้ที่ทางเดินซึ่งปูด้วยอิฐตรงทางเข้าวังของฟาโรห์ในทาห์ปานเหสต่อหน้าชาวยิวทั้งหลาย แล้วเอาปูนปิดไว้ 10 แล้วเจ้าต้องบอกพวกเขาว่า ‘พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า “เราจะเรียกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์*แห่งบาบิโลนซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรามา+ และเราจะตั้งบัลลังก์ของเขาไว้เหนือก้อนหินเหล่านี้ที่เราฝังไว้ และเขาจะกางเต็นท์ใหญ่ของเขาครอบก้อนหินเหล่านี้+ 11 แล้วเขาจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์+ บางคนจะตายด้วยโรคร้าย บางคนจะถูกจับไปเป็นเชลย และบางคนจะตายด้วยดาบ+ 12 เราจะเผาวิหารของพระต่าง ๆ ในอียิปต์+ กษัตริย์บาบิโลนจะเป็นคนเผาวิหารพวกนั้นและเอารูปพระไปด้วย เขาจะเอาแผ่นดินอียิปต์คลุมตัวไว้เหมือนคนเลี้ยงแกะเอาเสื้อมาคลุมตัว และเขาจะกลับไปโดยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ 13 เขาจะทุบเสา*ของเมืองเบธเชเมช*ในแผ่นดินอียิปต์จนแหลก และเขาจะเผาวิหารของพระต่าง ๆ ในอียิปต์ด้วยไฟ”’”
44 ต่อไปนี้เป็นข่าวสารที่เยเรมีย์ได้รับเกี่ยวกับชาวยิวทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์+ คือคนที่อยู่ในมิกดล+ ในเมืองทาห์ปานเหส+ ในเมืองโนฟ*+ และในแผ่นดินปัทโรส+ 2 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘พวกเจ้าเห็นหายนะที่เราทำให้เกิดขึ้นกับกรุงเยรูซาเล็ม+และเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์แล้ว ทุกวันนี้เมืองเหล่านั้นเป็นเมืองร้างไม่มีคนอยู่เลย+ 3 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกเขาทำชั่วและทำให้เราโกรธ พวกเขาไปถวายเครื่องบูชา+และนมัสการพระอื่นที่พวกเขาไม่รู้จัก และพวกเจ้ากับปู่ย่าตายายของพวกเจ้าก็ไม่รู้จัก+ 4 เราส่งพวกผู้พยากรณ์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรามาหาพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า* และให้พวกเขาบอกว่า “อย่าทำสิ่งที่น่ารังเกียจที่เราเกลียดชังเลย”+ 5 แต่พวกเจ้าไม่ฟัง ไม่สนใจ* ไม่เลิกทำชั่ว และไม่เลิกถวายเครื่องบูชาพระอื่น+ 6 เราจึงระบายความโกรธ และความโกรธของเราก็เป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และถนนหนทางในกรุงเยรูซาเล็ม เมืองเหล่านั้นจึงกลายเป็นซากปรักหักพังและเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอย่างทุกวันนี้’+
7 “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘ทำไมพวกเจ้าจะทำให้ตัวเองเจอหายนะครั้งใหญ่จนผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ๆ รวมทั้งทารกของยูดาห์พินาศหมด และทำให้พวกเจ้าไม่เหลือใครเลย? 8 ทำไมพวกเจ้าทำให้เราโกรธโดยถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่น ๆ ในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งพวกเจ้ามาอยู่นี้? พวกเจ้าจะถูกทำลายและถูกชาติต่าง ๆ ในโลกสาปแช่งและด่าว่าพวกเจ้า+ 9 พวกเจ้าลืมความชั่วของปู่ย่าตายายของพวกเจ้าไปแล้วหรือ? รวมทั้งความชั่วของพวกกษัตริย์ของยูดาห์+กับภรรยาของพวกเขา+ และความชั่วของพวกเจ้าเองกับภรรยา+ที่ทำกันในแผ่นดินยูดาห์และตามถนนของกรุงเยรูซาเล็มด้วย 10 จนถึงทุกวันนี้พวกเจ้าก็ยังไม่ถ่อมตัวลง* ไม่เกรงกลัวเรา+ ไม่ทำตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เราให้ไว้กับพวกเจ้าและปู่ย่าตายายของพวกเจ้า’+
11 “ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราตั้งใจจะทำให้พวกเจ้าเจอหายนะและทำลายชาวยูดาห์ทั้งหมด 12 เราจะทำให้ชาวยูดาห์ที่เหลืออยู่ซึ่งตั้งใจมาอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์ต้องพบจุดจบในแผ่นดินนี้+ พวกเขาจะพินาศเพราะดาบและความอดอยาก ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนสำคัญที่สุด พวกเขาจะตายด้วยดาบและความอดอยาก พวกเขาจะถูกสาปแช่ง คนที่เห็นพวกเขาจะสยดสยอง พวกเขาจะถูกดูหมิ่นและถูกด่าว่า+ 13 เราจะลงโทษคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ด้วยดาบ ความอดอยาก และโรคระบาดเหมือนที่เราลงโทษกรุงเยรูซาเล็ม+ 14 ชาวยูดาห์ที่เหลือซึ่งมาอยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะหนีไม่พ้นและไม่รอดชีวิตกลับไปยังแผ่นดินยูดาห์ พวกเขาจะอยากกลับไปอยู่ที่นั่นแต่จะไม่ได้กลับ ยกเว้นไม่กี่คนที่หนีไปได้’”
15 ผู้ชายทุกคนที่รู้ว่าภรรยาของตัวเองได้ถวายเครื่องบูชาให้พระอื่นและพวกภรรยาซึ่งยืนอยู่ที่นั่นเป็นกลุ่มใหญ่ รวมทั้งทุกคนในปัทโรส+ในแผ่นดินอียิปต์+จึงตอบเยเรมีย์ว่า 16 “พวกเราจะไม่ฟังที่คุณพูดกับพวกเราโดยอ้างชื่อพระยะโฮวา 17 แต่พวกเราจะทำตามที่พวกเราเคยพูดไว้ทุกคำว่าจะถวายเครื่องบูชาและเครื่องบูชาดื่มแก่ราชินีแห่งท้องฟ้า*+ เหมือนที่พวกเรา ปู่ย่าตายายของพวกเรา และพวกกษัตริย์กับเจ้านายของพวกเราเคยทำกันในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และตามถนนในกรุงเยรูซาเล็ม ตอนนั้นพวกเรามีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ เจริญรุ่งเรือง และไม่เคยเจอหายนะเลย 18 แต่พอพวกเราเลิกถวายเครื่องบูชาและเครื่องบูชาดื่มแก่ราชินีแห่งท้องฟ้า* พวกเราก็ขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง และต้องพินาศเพราะดาบและความอดอยาก”
19 พวกผู้หญิงพูดเสริมว่า “ตอนที่พวกเราถวายเครื่องบูชาและเครื่องบูชาดื่มแก่ราชินีแห่งท้องฟ้า* สามีของพวกเราก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่พวกเราทำขนมรูปเทพธิดาองค์นี้และที่พวกเราเทเครื่องบูชาดื่มถวาย”
20 เยเรมีย์จึงพูดกับทุกคน คือผู้ชายกับภรรยาของพวกเขา และทุกคนที่พูดอย่างนั้นว่า 21 “เรื่องที่พวกคุณกับปู่ย่าตายายของพวกคุณ และพวกกษัตริย์กับพวกเจ้านายของพวกคุณ และประชาชนในแผ่นดินได้ถวายเครื่องบูชาในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และตามถนนในกรุงเยรูซาเล็มนั้น+ พระยะโฮวาจำได้ไม่เคยลืม 22 และในที่สุด พระยะโฮวาก็ทนไม่ได้กับความชั่วและสิ่งน่าเกลียดที่พวกคุณทำกัน แผ่นดินของพวกคุณจึงรกร้างว่างเปล่าไม่มีคนอยู่ คนที่เห็นก็สยดสยองและสาปแช่งแผ่นดินนั้นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้+ 23 เพราะพวกคุณถวายเครื่องบูชาพวกนี้ และทำบาปต่อพระยะโฮวาโดยไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาและไม่ทำตามกฎหมาย ข้อกำหนด และข้อเตือนใจของพระองค์ พวกคุณถึงได้เจอหายนะอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้”+
24 เยเรมีย์พูดกับประชาชนและพวกผู้หญิงต่อไปว่า “ชาวยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ขอให้ฟังคำของพระยะโฮวา 25 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘อะไรที่พวกเจ้ากับภรรยาของพวกเจ้าได้พูดไว้ พวกเจ้าก็ทำกันไปแล้วนี่ เพราะพวกเจ้าพูดว่า “พวกเราจะทำตามที่ได้สาบานไว้ว่าจะถวายเครื่องบูชาและเครื่องบูชาดื่มแก่ราชินีแห่งท้องฟ้า”*+ และคราวนี้พวกเจ้าที่เป็นผู้หญิงจะทำตามที่สาบานไว้แน่’
26 “ดังนั้น ชาวยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ขอให้ฟังคำพระยะโฮวา ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เราสาบานโดยอ้างชื่อที่ยิ่งใหญ่ของเราว่า จะไม่มีชาวยูดาห์คนไหน+ในแผ่นดินอียิปต์สาบานโดยอ้างชื่อของเราอีกเลยว่า ‘ฉันขอสาบานต่อพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดที่มีชีวิตอยู่’+ 27 เรากำลังเฝ้าดูพวกเขาเพื่อจะทำให้พวกเขาเจอหายนะและไม่ได้เจอสิ่งดี ๆ เลย+ ชาวยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะพินาศเพราะดาบและความอดอยากจนพวกเขาสาบสูญไปหมด+ 28 จะมีไม่กี่คนที่หนีพ้นคมดาบและได้ออกจากแผ่นดินอียิปต์กลับไปแผ่นดินยูดาห์+ แล้วชาวยูดาห์ที่เหลือทั้งหมดซึ่งมาอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์ก็จะรู้ว่าคำพูดของใครเป็นจริง ของเราหรือของพวกเขา”’”
29 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะให้หลักฐานยืนยันเพื่อให้พวกเจ้าแน่ใจว่าเราจะลงโทษพวกเจ้าที่นี่ แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าที่เราบอกไว้ว่าพวกเจ้าจะเจอหายนะนั้นจะเป็นจริง 30 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะให้ฟาโรห์โฮฟราแห่งอียิปต์ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกศัตรูและคนที่พยายามฆ่าเขา เหมือนที่เราเคยทำให้เศเดคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ตกอยู่ในเงื้อมมือเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนซึ่งเป็นศัตรูที่พยายามฆ่าเขา”’”+
45 ในปีที่ 4 ที่กษัตริย์เยโฮยาคิม+ลูกโยสิยาห์ปกครองยูดาห์ ตอนที่บารุค+ลูกเนริยาห์เขียนหนังสือตามคำบอกของเยเรมีย์+ ผู้พยากรณ์เยเรมีย์พูดกับบารุคว่า
2 “บารุค พระยะโฮวาพระเจ้าของอิสราเอลพูดถึงคุณว่า 3 ‘เจ้าบอกว่า “ผมไม่ไหวแล้ว เพราะพระยะโฮวาซ้ำเติมให้ผมทุกข์ใจมากกว่าเดิม ผมร้องคร่ำครวญจนเหนื่อย หาความสงบใจไม่ได้เลย”’
4 “เจ้าต้องบอกเขาว่า ‘พระยะโฮวาบอกว่า “เรากำลังจะรื้อสิ่งที่เราสร้างไว้และจะถอนสิ่งที่เราปลูกไว้ทั่วแผ่นดินนี้+ 5 แต่เจ้ากลับพยายามหา*ของใหญ่ให้ตัวเอง เลิกซะเถอะ”’
“พระยะโฮวาบอกว่า ‘เพราะเราจะทำให้ทุกคนเจอหายนะ+ แต่เราจะให้เจ้ารอดชีวิตไม่ว่าเจ้าจะไปอยู่ที่ไหน’”+
46 ต่อไปนี้คือเรื่องที่พระยะโฮวาพูดกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์เกี่ยวกับชาติต่าง ๆ+ 2 พระองค์พูดถึงอียิปต์+และกองทัพของฟาโรห์เนโค+กษัตริย์อียิปต์ที่อยู่ริมแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งได้พ่ายแพ้เนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนที่คาร์เคมิชในปีที่ 4 ที่กษัตริย์เยโฮยาคิม+ลูกโยสิยาห์ปกครองยูดาห์
3 “เตรียมโล่เล็ก*และโล่ใหญ่
แล้วออกไปรบ
4 พวกเจ้าที่เป็นทหารม้า เอาบังเหียนใส่ม้าแล้วขึ้นขี่
เข้าประจำที่และสวมหมวกเกราะ
เอาหอกมาขัดให้ขึ้นเงาและสวมเสื้อเกราะซะ
5 พระยะโฮวาบอกว่า ‘ทำไมเราเห็นพวกเขาหวาดกลัวขนาดนั้น?
พวกเขาถอยกลับไป นักรบของพวกเขาแตกกระเจิง
พวกเขาหนีเพราะความกลัว นักรบของพวกเขาไม่เหลียวหลังมาดูเลย
มีแต่ความหวาดกลัวรอบด้าน
6 คนวิ่งเร็วยังหนีไม่ได้ และนักรบก็หนีไม่พ้น
พวกเขาสะดุดล้มอยู่ทางเหนือ
ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส’+
7 คนที่ขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์
และเหมือนแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวนี้เป็นใคร?
8 อียิปต์ขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์+
และเหมือนแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว
พวกเขาพูดว่า ‘เราจะขึ้นไปและปกคลุมโลก
เราจะทำลายเมืองนั้นกับคนที่อยู่ในเมือง’
9 ม้าทั้งหลาย ขึ้นไปสิ!
รถศึกทั้งหลาย บึ่งไปเลย!
10 “วันนั้นเป็นวันของพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดผู้เป็นจอมทัพ เป็นวันที่พระองค์จะแก้แค้นศัตรู ดาบจะกินเลือดพวกเขาจนอิ่ม เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดผู้เป็นจอมทัพได้เตรียมเครื่องบูชาไว้แล้วในแผ่นดินทางเหนือ ริมแม่น้ำยูเฟรติส+
11 ชาวอียิปต์
ขึ้นไปเอาน้ำมันยาที่กิเลอาดสิ+
เจ้ารักษามาหลายวิธีแต่ไม่ได้ผล
เพราะเจ้าหมดทางรักษาแล้ว+
12 ชาติต่าง ๆ ได้ข่าวเรื่องความอัปยศของเจ้าแล้ว+
และเสียงร้องของเจ้าดังไปทั่วแผ่นดิน
พวกนักรบก็สะดุดกันเอง
และล้มไปด้วยกัน”
13 พระยะโฮวาพูดกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์เรื่องเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนที่จะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ว่า+
14 “ไปประกาศเรื่องนี้ในอียิปต์ และบอกประชาชนในมิกดล+
ประกาศเรื่องนี้ในเมืองโนฟ* และเมืองทาห์ปานเหส+
ให้พูดว่า ‘เข้าประจำที่และเตรียมตัวให้พร้อม
เพราะดาบจะสังหารทุกคนรอบตัวพวกเจ้า
15 ทำไมคนที่มีกำลังของพวกเจ้าถูกกวาดล้าง?
พวกเขายืนไม่อยู่แล้ว
เพราะพระยะโฮวาผลักพวกเขาล้มลง
16 พวกเขามากมายสะดุดและล้มลง
พวกเขาพูดกันว่า
“ลุกขึ้นเร็ว! กลับไปหาเพื่อนร่วมชาติและกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเรากันเถอะ
เพราะดาบนี้โหดร้ายเหลือเกิน”’
17 ที่นั่นพวกเขาประกาศว่า
‘คำพูดของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ไม่มีความหมาย
18 กษัตริย์ผู้มีชื่อว่าพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า ‘เราสาบานโดยเอาตัวเราเป็นประกันว่า
เขา*จะมาแน่นอน เหมือนภูเขาทาโบร์+ที่อยู่ท่ามกลางภูเขาทั้งหลาย
และเหมือนภูเขาคาร์เมล+ที่อยู่ริมทะเล
19 ชาวอียิปต์
เก็บข้าวของเตรียมไปเป็นเชลยได้แล้ว
20 อียิปต์เป็นเหมือนวัวสาวที่สง่างาม
แต่จะมีฝูงเหลือบจากทางเหนือมาเล่นงานพวกเขา
21 แม้แต่ทหารที่พวกเขาจ้างมาก็เป็นเหมือนลูกวัวที่อุ้ยอ้าย
ทหารพวกนั้นพากันถอยกลับและหนีไปหมด
พวกเขาต้านไม่ไหว+
เพราะวันที่พวกเขาเจอหายนะ
และเวลาที่พวกเขาจะถูกคิดบัญชีมาถึงแล้ว’
22 ‘พวกเขาส่งเสียงเหมือนงูเลื้อย
เพราะศัตรูที่แข็งแกร่งถือขวานไล่ฟันพวกเขา
เหมือนคนตัดต้นไม้’*
23 พระยะโฮวาบอกว่า ‘คนพวกนั้นจะตัดไม้ในป่าของพวกเขา แม้ว่าป่านั้นจะดูเหมือนเข้าไปไม่ได้
เพราะคนพวกนั้นมีมากกว่าตั๊กแตนและนับจำนวนไม่ได้
24 ชาวอียิปต์จะต้องอับอาย
พวกเขาจะถูกมอบไว้ในมือชนชาติที่มาจากทางเหนือ’+
25 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะลงโทษพระอาโมน+แห่งเมืองโน*+ รวมทั้งฟาโรห์ แผ่นดินอียิปต์ และพระต่าง ๆ+กับกษัตริย์ทั้งหลายของอียิปต์ เราจะลงโทษฟาโรห์และทุกคนที่วางใจเขา’+
26 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะให้พวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือคนที่พยายามฆ่าพวกเขา คือในเงื้อมมือเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลน+กับคนของเขา แต่หลังจากนั้น จะมีคนไปอยู่ในอียิปต์เหมือนสมัยก่อน’+
27 ‘ส่วนเจ้า ยาโคบผู้รับใช้ของเรา อย่ากลัวเลย+
อิสราเอล ไม่ต้องตกใจกลัว
เพราะเราจะช่วยเจ้ากลับมาจากแดนไกล
และช่วยลูกหลานของเจ้ากลับมาจากแผ่นดินที่พวกเขาไปเป็นเชลย+
ยาโคบจะกลับมาและอยู่อย่างสงบไม่มีอะไรมารบกวน
และจะไม่มีใครทำให้เขากลัว’+
28 พระยะโฮวาบอกว่า ‘ยาโคบผู้รับใช้ของเรา อย่ากลัวเลย เพราะเราจะอยู่กับเจ้า
ส่วนชาติต่าง ๆ ที่เราเคยทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น เราจะกำจัดให้สิ้นซาก+
แต่เราจะไม่กำจัดเจ้า+
47 พระยะโฮวาพูดกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์เรื่องชาวฟีลิสเตีย+ก่อนที่ฟาโรห์จะโจมตีเมืองกาซา 2 พระยะโฮวาบอกว่า
“คอยดูเถอะ จะมีน้ำมาจากทางเหนือ
แล้วจะกลายเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
ซึ่งจะท่วมแผ่นดินกับทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งเมืองกับคนที่อยู่ในเมืองนั้น
พวกผู้ชายจะร้องเสียงดัง
และทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นจะร้องไห้
3 พอได้ยินเสียงกีบม้าของเขากระทบพื้น
เสียงรถศึกของเขาตะบึงมา
และเสียงดังสนั่นของล้อรถศึก
คนเป็นพ่อจะวิ่งหนีไปโดยไม่หันมาช่วยลูกด้วยซ้ำ
เพราะพวกเขาหมดแรงไปแล้ว
4 เพราะวันนั้นจะเป็นวันที่พวกฟีลิสเตียทั้งหมดถูกทำลาย+
5 คนในกาซาจะหัวล้าน*
เมืองอัชเคโลนก็เงียบสนิท+
คนที่เหลืออยู่ในที่ราบหุบเขาของเมืองเหล่านี้
พวกเจ้าจะเชือดเนื้อเชือดตัวไปอีกนานแค่ไหน?+
6 ดาบของพระยะโฮวา+
เมื่อไรจะเงียบสักที?
กลับไปอยู่ในฝักเถอะ
หยุดพักและเงียบได้แล้ว
7 มันจะอยู่เงียบ ๆ ได้อย่างไร
ในเมื่อพระยะโฮวาสั่งให้มันทำงาน?
พระองค์สั่งให้มันไปที่นั่น
เพื่อทำลายอัชเคโลนและชายฝั่งทะเล”+
48 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลพูดถึงโมอับว่า+
“เนโบย่อยยับไป+ เพราะเมืองนี้ถูกทำลายแล้ว
เมืองคีริยาธาอิม+ถูกทำให้อับอายและถูกยึดแล้ว
ที่ซ่อนอันปลอดภัย*ก็ต้องอับอายและพังพินาศ+
2 ไม่มีใครยกย่องโมอับอีกแล้ว
พวกเขาวางแผนโค่นโมอับในเมืองเฮชโบน+
และพูดกันว่า ‘มาเถอะ ให้พวกเราจัดการโมอับจนสิ้นชาติ’
เจ้าก็เหมือนกัน มัดเมน เงียบซะ
เพราะดาบกำลังไล่ตามเจ้า
3 มีเสียงร้องดังมาจากโฮโรนาอิม+
เพราะความพินาศย่อยยับ
4 โมอับถูกทำลายแล้ว
เด็กเล็ก ๆ ของโมอับร้องไห้เสียงดัง
5 ตอนเดินขึ้นไปลูฮีท พวกเขาร้องไห้ไม่หยุด
และตอนลงมาจากโฮโรนาอิม พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความทุกข์ใจเพราะภัยพิบัติครั้งใหญ่+
6 หนีเอาชีวิตรอดเถอะ!
เจ้าจะกลายเป็นเหมือนต้นสนจูนิเปอร์ในที่กันดาร
7 เพราะเจ้าไว้ใจผลงานและทรัพย์สมบัติของตัวเอง
เจ้าจะถูกจับไปด้วย
และพระเคโมช+จะต้องถูกจับไปเป็นเชลย
พร้อมกับพวกปุโรหิตและพวกเจ้านายที่นับถือพระนั้น
8 ผู้ทำลายจะเข้าไปในเมืองทุกเมือง
และไม่มีเมืองไหนจะรอดไปได้+
หุบเขาจะพินาศ
และที่ราบ*จะถูกทำลายเหมือนที่พระยะโฮวาพูดไว้
9 ทำหลักหินไว้ให้โมอับสิ
เพราะเมื่อโมอับพินาศเขาจะหนีไป
เมืองต่าง ๆ ของโมอับจะเป็นที่ที่น่าสยดสยอง
และไม่มีใครอยู่เลย+
10 คนที่ไม่ตั้งใจทำงานที่พระยะโฮวามอบหมายจะถูกสาปแช่ง
และคนที่ไม่ยอมใช้ดาบฆ่าฟันจะถูกสาปแช่ง
11 ไม่เคยมีอะไรมารบกวนโมอับตั้งแต่พวกเขายังหนุ่มสาว
พวกเขาเป็นเหมือนเหล้าองุ่นที่ตกตะกอน
ไม่เคยถูกเทใส่ภาชนะอื่นเลย
พวกเขาไม่เคยถูกจับไปเป็นเชลย
รสชาติของพวกเขาจึงเหมือนเดิม
กลิ่นก็ไม่เปลี่ยน
12 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ดังนั้น วันหนึ่งเราจะใช้คนไปคว่ำโมอับ คนพวกนั้นจะเทโมอับออกจนหมด และจะทุบไหใบใหญ่ของโมอับให้แตกเป็นชิ้น ๆ 13 ชาวโมอับจะต้องอับอายเพราะพระเคโมช เหมือนที่ชาวอิสราเอลอับอายเพราะเมืองเบธเอลที่พวกเขาเคยวางใจ+
14 พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พูดว่า “พวกเราเป็นนักรบที่เก่งกล้า และพร้อมออกรบ”?’+
15 กษัตริย์ผู้มีชื่อว่าพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ+บอกว่า
‘โมอับถูกทำลายแล้ว
เมืองต่าง ๆ ของโมอับถูกโจมตี+
พวกคนหนุ่มที่เก่งที่สุดของพวกเขาก็ถูกฆ่าหมด’+
16 อีกไม่นาน ชาวโมอับจะพินาศ
พวกเขาใกล้จะล่มจมเต็มทีแล้ว+
17 ทุกคนที่อยู่ล้อมรอบพวกเขาจะต้องเห็นใจพวกเขา
คือทุกคนที่รู้จักชื่อของพวกเขา
บอกพวกเขาสิว่า ‘ไม้เท้าที่แข็งแกร่งและคทาที่งดงามถูกหักแล้ว’
18 คนที่อยู่ในเมืองดีโบน+ ลงมาจากตำแหน่งที่มีเกียรติเถอะ
และไปนั่งคอแห้งเพราะหิวน้ำ*
เพราะผู้ที่ทำลายโมอับมาโจมตีเจ้าแล้ว
เขาจะทำลายป้อมปราการของเจ้า+
19 คนที่อยู่ในเมืองอาโรเออร์+ ไปยืนดูอยู่ข้างถนนสิ
และถามผู้ชายผู้หญิงที่หนีมาว่า ‘เกิดอะไรขึ้น?’
20 โมอับถูกทำให้อับอายและหวาดกลัวแล้ว
ร้องไห้คร่ำครวญเลย
ไปบอกข่าวในอาร์โนน+ด้วยว่าโมอับถูกทำลายแล้ว
21 “เมืองในที่ราบ*ถูกพิพากษาแล้ว+ คือโฮโลน ยาฮาส+ เมฟาอาท+ 22 ดีโบน+ เนโบ+ เบธดิบลาธาอิม 23 คีริยาธาอิม+ เบธกามุล เบธเมโอน+ 24 เคริโอท+ โบสราห์ และทุกเมืองในแผ่นดินโมอับทั้งใกล้และไกล
25 พระยะโฮวาบอกว่า ‘กำลัง*ของโมอับหมดไปแล้ว
โมอับถูกหักแขนแล้ว
26 ให้โมอับดื่มจนเมา+ เพราะเขายกตัวเองต่อสู้พระยะโฮวา+
โมอับเกลือกกลิ้งในอาเจียนของตัวเอง
และคนก็เยาะเย้ยเขา
27 อิสราเอลเคยถูกเจ้าเยาะเย้ยไม่ใช่หรือ?+
เขาเป็นขโมยหรือ
ตอนนั้นเจ้าถึงได้ส่ายหัวเยาะเย้ยและด่าว่าเขา?
28 ชาวโมอับ ออกจากเมืองแล้วไปอยู่ตามซอกหินเถอะ
และทำเหมือนนกเขาที่ทำรังอยู่ข้างหุบผาสูงชัน’”
29 “พวกเราเคยได้ยินเรื่องความเย่อหยิ่งของโมอับ เขาทะนงตัวมาก
และได้ยินว่าเขาเป็นคนจองหอง เย่อหยิ่ง และยโสโอหัง”+
30 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เรารู้ว่าโมอับโกรธมาก
แต่เรื่องที่เขาโอ้อวดไว้จะไม่มีวันเป็นจริง
ชาวโมอับจะไม่ทำอะไรเลย
31 เพราะอย่างนี้ เราจะร้องไห้ไว้ทุกข์ให้โมอับ
เราจะร้องเสียงดังให้กับทุกคนในโมอับ
และคร่ำครวญให้กับคนในเมืองคีร์เฮเรส+
กิ่งที่งอกงามของเจ้าเคยแผ่ข้ามทะเลไป
กิ่งของเจ้าแผ่ไปไกลถึงทะเลและถึงเมืองยาเซอร์
แต่มีคนมาทำลายผลไม้ฤดูร้อนและองุ่นที่เจ้าเก็บไว้+
33 ไม่มีความสุขความยินดีในสวนผลไม้
และในแผ่นดินโมอับอีกแล้ว+
เราทำให้เหล้าองุ่นหยุดไหลจากบ่อย่ำองุ่นแล้ว
จะไม่มีใครย่ำองุ่นและส่งเสียงอย่างมีความสุข
แต่จะมีเสียงร้องอีกแบบหนึ่งมาแทน’”+
34 “‘มีเสียงร้องจากเมืองเฮชโบน+ดังไปถึงเอเลอาเลห์+
พวกเขาส่งเสียงดังไปถึงเมืองยาฮาส+
เสียงร้องของพวกเขาดังจากเมืองโศอาร์ไปถึงโฮโรนาอิม+และเอกลัทเชลีชิยาห์
แม้แต่น้ำของนิมริมก็จะแห้งขอด+
35 เราจะกำจัดคนที่ถวายเครื่องบูชาบนที่สูง
และคนที่ถวายเครื่องบูชาเผาแก่พระของเขา
ให้หมดไปจากโมอับ’ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
36 ‘เพราะอย่างนี้ ใจเราจะคร่ำครวญ*ถึงโมอับเหมือนเสียงขลุ่ย*+
และใจเราจะคร่ำครวญ*ถึงชาวคีร์เฮเรสเหมือนเสียงขลุ่ย*
เพราะทรัพย์สมบัติที่เขาหามาได้จะต้องพินาศ
37 ทุกคนจะโกนหัว+
และตัดเคราออก
38 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘มีแต่เสียงร้องไห้
บนดาดฟ้าบ้านทุกหลังในโมอับ
และตามลานสาธารณะทุกแห่ง
เพราะเราทำลายโมอับไปแล้ว
เหมือนไหที่ถูกทิ้ง’
39 ‘โมอับหวาดกลัวและร้องไห้คร่ำครวญมาก
เขาหันหลังด้วยความอับอาย
โมอับถูกเยาะเย้ย
คนรอบข้างที่เห็นเขาก็หวาดกลัว’”
40 “พระยะโฮวาบอกว่า
41 เมืองต่าง ๆ จะถูกพิชิต
และป้อมปราการของโมอับจะถูกยึด
ในวันนั้นนักรบโมอับจะหวาดกลัว
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก’”
43 คนที่อยู่ในโมอับ พวกเจ้าจะต้องเจอความกลัว หลุม และกับดัก’
พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
44 ‘ใครที่หนีความกลัวจะตกลงไปในหลุม
ใครที่ตะกายขึ้นมาจากหลุมก็จะติดกับดัก’
พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะทำให้โมอับเจอกับปีแห่งการลงโทษ’
45 ‘คนที่หนีไปแล้วก็ยืนหมดแรงอยู่ในเงาของเมืองเฮชโบน
เพราะจะมีไฟออกจากเมืองเฮชโบน
และมีเปลวไฟออกจากสิโหน+
ไฟนั้นจะเผาหน้าผากของโมอับ
และเผากะโหลกของพวกนักรบบ้าเลือด’+
46 ‘โมอับ เจ้าย่อยยับแน่!
คนของพระเคโมช+พินาศแล้ว
พวกลูกชายของเจ้าถูกจับไป
และพวกลูกสาวของเจ้าก็ไปเป็นเชลย+
47 แต่ในสมัยสุดท้าย เราจะรวบรวมเชลยชาวโมอับกลับมา’ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
‘ทั้งหมดนี้คือคำพิพากษาที่มีต่อโมอับ’”+
49 พระยะโฮวาพูดถึงชาวอัมโมนว่า+
“อิสราเอลไม่มีลูกชายหรือ?
เขาไม่มีทายาทหรือ?
ทำไมพระมัลคาม+จึงยึดเขตตระกูลกาดไป?+
ทำไมคนที่นมัสการพระมัลคามจึงเข้าไปอยู่ในเมืองของอิสราเอล?”
2 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘ดังนั้น จะมีวันหนึ่งที่
เราจะให้มีสัญญาณทำสงคราม*กับเมืองรับบาห์+ของชาวอัมโมน+
เมืองนี้จะกลายเป็นเนินดินที่ว่างเปล่า
และเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบจะถูกเผาด้วยไฟ’
พระยะโฮวาบอกว่า ‘แล้วอิสราเอลจะยึดแผ่นดินของคนที่เคยยึดแผ่นดินของเขาไป’+
3 ‘เมืองเฮชโบน ร้องไห้คร่ำครวญเถอะ เพราะเมืองอัยถูกทำลายแล้ว
เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รายรอบเมืองรับบาห์ ร้องดัง ๆ เลย
ใส่ผ้ากระสอบด้วย
ร้องไห้แล้วเที่ยวไปตามคอกแกะที่ล้อมด้วยกำแพงหิน
เพราะพระมัลคามจะถูกจับไปเป็นเชลย
พร้อมกับพวกปุโรหิตและพวกเจ้านายที่นับถือพระนั้น+
4 ประชาชนที่ไม่ซื่อสัตย์ เจ้าจะอวดเรื่องหุบเขา
และเรื่องที่ราบที่มีน้ำไหลผ่านไปทำไม?
เจ้าไว้ใจทรัพย์สมบัติของตัวเอง
และพูดว่า “ใครจะมาสู้ฉันได้?”’”
5 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบอกว่า ‘เรากำลังจะทำให้เจ้าเจอสิ่งที่น่าหวาดกลัว
จากคนที่อยู่รอบเจ้า
เจ้าจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง
และจะไม่มีใครรวบรวมคนที่หนีไปให้กลับมา’”
6 “พระยะโฮวาบอกว่า ‘แต่หลังจากนั้นเราจะรวบรวมเชลยชาวอัมโมนกลับมา’”
7 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพพูดถึงเอโดมว่า
“ไม่มีคนฉลาดในเทมานแล้วหรือ?+
คนที่มีความเข้าใจไม่มีคำแนะนำดี ๆ แล้วหรือ?
สติปัญญาของพวกเขาเสื่อมไปแล้วหรือ?
8 ชาวเดดาน+
หนีลงไปอยู่ในหุบเขาลึก ๆ ซะ
เพราะเราจะทำให้เอซาวเจอหายนะ
ตอนที่เราจะลงโทษเขา
9 ถ้าคนเก็บองุ่นมาทำงานในสวนของเจ้า
เขาคงเหลือองุ่นไว้บ้างไม่ใช่หรือ?
ถ้าโจรมาตอนกลางคืน
เขาคงจะเอาไปแค่ของที่ต้องการเท่านั้น+
10 แต่เราจะทำให้เอซาวไม่เหลืออะไรเลย
เราจะเปิดเผยที่ซ่อนของเขา
และเขาจะซ่อนตัวไม่ได้อีก
11 ทิ้งเด็ก ๆ ของเจ้าที่กำพร้าพ่อไว้เถอะ
แล้วเราจะช่วยพวกเขาให้รอดชีวิต
และพวกแม่ม่ายของเจ้าจะวางใจเรา”
12 พระยะโฮวาบอกว่า “ถ้าคนที่ไม่ได้ถูกตัดสินให้ดื่มจากถ้วยนั้นยังต้องดื่ม แล้วเจ้าจะไม่ถูกลงโทษเลยอย่างนั้นหรือ? เจ้าจะถูกลงโทษแน่ เพราะเจ้าต้องดื่มจากถ้วยนั้น”+
13 พระยะโฮวาบอกว่า “เราเองได้สาบานไว้ว่าโบสราห์จะเป็นที่ที่น่าสยดสยอง+ ถูกด่าว่า พินาศและถูกสาปแช่ง เมืองทุกเมืองของโบสราห์จะเป็นซากปรักหักพังตลอดไป”+
14 พระยะโฮวาส่งข่าวมาถึงผมว่า
มีทูตคนหนึ่งถูกส่งไปบอกหลายประเทศว่า
“รวมกำลังกันไปโจมตีเมืองนี้เลย
เตรียมไปสู้รบเถอะ”+
15 “เราได้ทำให้เจ้ากลายเป็นประเทศเล็ก ๆ
ใคร ๆ ก็พากันดูถูกเหยียดหยามเจ้า+
16 เจ้าผู้อยู่อย่างปลอดภัยบนหน้าผาสูง
และบนเขาที่สูงที่สุด
ความหวาดกลัวที่เจ้าก่อขึ้นและความหยิ่ง
ทำให้เจ้าหลอกตัวเอง
แม้ว่าเจ้าทำรังอยู่บนที่สูงเหมือนนกอินทรี
เราจะลากเจ้าลงมาจากที่นั่น” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
17 “เอโดมจะเป็นที่ที่น่าสยดสยอง+ ทุกคนที่เดินผ่านไปมาจะจ้องมองด้วยความสยดสยองและเยาะเย้ย*ที่พวกเขาเจอหายนะ 18 จะไม่มีใครอยู่ในเอโดม จะไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นั่นอีก+ เหมือนเมืองโสโดมกับเมืองโกโมราห์และเมืองที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งถูกทำลายไป”+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
19 “คอยดูเถอะ! จะมีผู้หนึ่งเหมือนสิงโตที่ออกมาจากป่าทึบริมแม่น้ำจอร์แดน ผู้นั้นจะมาโจมตีทุ่งหญ้าที่ปลอดภัย+ แต่เดี๋ยวเราจะทำให้เอโดมวิ่งหนีไปจากแผ่นดินของตัวเอง และเราจะให้ผู้ที่เราเลือกไว้ปกครองแผ่นดินนั้น เพราะใครจะเทียบเราได้? ใครจะท้าทายเราได้? และคนเลี้ยงแกะคนไหนจะสู้เราได้?+ 20 ดังนั้น ประชาชนทั้งหลาย ขอให้ฟังว่าพระยะโฮวาตัดสินใจ*อย่างไรเกี่ยวกับเอโดม และคิดจะทำอะไรกับชาวเทมาน+
ลูกแกะในฝูงจะต้องถูกคาบไป
พระองค์จะทำให้ที่อยู่ของพวกมันว่างเปล่าเพราะพวกเขา+
21 เมื่อพวกเขาล้มลงเสียงดัง โลกก็สะเทือน
มีเสียงร้องดังขึ้น
เสียงนั้นได้ยินไปถึงทะเลแดง+
ในวันนั้นนักรบเอโดมจะหวาดกลัว
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก”
23 มีการพูดถึงดามัสกัสว่า+
“เมืองฮามัท+และเมืองอาร์ปัดถูกทำให้อับอายแล้ว
เพราะพวกเขาได้ยินข่าวร้าย
และพวกเขากลัวมาก
ทะเลก็ปั่นป่วนและไม่ยอมสงบ
24 ดามัสกัสก็เสียขวัญ
เขาหันหน้าไปเพื่อจะหนี แต่ก็กลัวจนทำอะไรไม่ถูก
เขาเป็นทุกข์และปวดร้าว
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
25 ทำไมผู้คนไม่ทิ้งเมืองที่มีสง่าราศี
และเมืองที่มีแต่ความยินดีนี้ไปซะ?
26 เพราะคนหนุ่ม ๆ ในเมืองนี้จะล้มตายตามลานสาธารณะ
และนักรบทั้งหมดจะถูกฆ่าในวันนั้น” พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกไว้อย่างนี้
27 “เราจะจุดไฟเผากำแพงกรุงดามัสกัส
และไฟจะเผาป้อมปราการของเบนฮาดัด”+
28 พระยะโฮวาพูดถึงเคดาร์+และอาณาจักรต่าง ๆ ในฮาโซร์ที่เนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนได้ทำลายไปแล้วว่า
“ลุกขึ้น ไปที่เคดาร์เถอะ
และทำลายลูกหลานของชาวตะวันออกซะ
29 เต็นท์และฝูงแกะของพวกเขาจะถูกยึดไป
รวมทั้งผ้าเต็นท์และข้าวของทั้งหมด
ฝูงอูฐของพวกเขาจะถูกเอาไป
ผู้คนจะร้องว่า ‘มีแต่ความหวาดกลัวรอบด้าน!’”
30 พระยะโฮวาบอกว่า “ชาวฮาโซร์ หนีไปให้ไกล ๆ
ลงไปอยู่ในหุบเขาลึก ๆ เลย
เพราะเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนได้วางแผนจัดการพวกเจ้า
และเขาคิดแผนโจมตีพวกเจ้าไว้แล้ว”
31 พระยะโฮวาบอกว่า “ลุกขึ้นเถอะ และไปโจมตีชาติที่สงบสุข
และชาติที่อยู่อย่างปลอดภัย
ชาตินั้นไม่มีประตูเมืองและไม่มีกลอนประตู พวกเขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว
32 ฝูงอูฐของพวกเขาจะถูกปล้นไป
และฝูงสัตว์มากมายของพวกเขาจะถูกกวาดต้อนไป
เราจะทำให้คนที่ตัดผมข้างหูออก+
ต้องกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง
และเราจะทำให้พวกเขาเจอภัยพิบัติรอบด้าน” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
33 “ฮาโซร์จะเป็นที่อยู่ของหมาใน
และจะร้างเปล่าตลอดไป
จะไม่มีใครอยู่ที่ฮาโซร์
และจะไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นั่นอีก”
34 พระยะโฮวาพูดกับผู้พยากรณ์เยเรมีย์เกี่ยวกับเอลาม+ในช่วงแรก ๆ ที่กษัตริย์เศเดคียาห์+ปกครองยูดาห์ว่า 35 “พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า ‘เราจะหักคันธนูของเอลาม+ ซึ่งเป็นกำลังหลักของพวกเขา 36 เราจะให้ลมจากขอบฟ้าทั้งสี่ทิศพัดใส่เอลาม เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศ และชาวเอลามจะกระจัดกระจายไปอยู่ทั่วทุกประเทศ’”
37 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะทำให้ชาวเอลามหวาดกลัวศัตรูและหวาดกลัวคนที่พยายามฆ่าพวกเขา เราจะทำให้พวกเขาเจอหายนะ คือความโกรธที่รุนแรงของเรา และเราจะส่งดาบไปจัดการพวกเขาให้สิ้นซาก”
38 พระยะโฮวาบอกว่า “เราจะตั้งบัลลังก์ของเราไว้ที่เอลาม+ และเราจะทำลายกษัตริย์กับพวกเจ้านายที่นั่นเสีย”
39 พระยะโฮวาบอกว่า “แต่ในสมัยสุดท้าย เราจะรวบรวมเชลยชาวเอลามกลับมา”
50 พระยะโฮวาพูดถึงบาบิโลน+และแผ่นดินของชาวเคลเดียผ่านทางผู้พยากรณ์เยเรมีย์ว่า
2 “บอกเรื่องนี้ให้ชาติต่าง ๆ รู้และประกาศออกไป
ส่งสัญญาณ*และประกาศเรื่องนี้
อย่าปิดบังอะไรไว้เลย
บอกว่า ‘บาบิโลนถูกยึดแล้ว+
พระเบลถูกทำให้อับอาย+
พระเมโรดัคหวาดกลัว
รูปพระของเมืองนี้ก็ถูกทำให้อับอาย
รูปเคารพที่น่าขยะแขยง*ของเมืองนี้ก็หวาดกลัว’
3 เพราะมีชาติหนึ่งจากทางเหนือมาโจมตีบาบิโลน+
ชาตินั้นทำให้แผ่นดินบาบิโลนเป็นที่ที่น่าสยดสยอง
ไม่มีใครอยู่ในบาบิโลนอีกเลย
ทั้งคนและสัตว์หนีไป
ไม่มีเหลือเลย”
4 พระยะโฮวาบอกว่า “ในสมัยนั้น ชาวอิสราเอลกับชาวยูดาห์จะมาอยู่ด้วยกัน+ พวกเขาจะเดินไปร้องไห้ไป+ และพวกเขาจะพากันมาหาพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขา+ 5 พวกเขาจะถามทางไปศิโยน พวกเขาจะหันหน้าไปทางนั้น+และพูดว่า ‘ให้พวกเราไปทำสัญญาที่จะคงอยู่ตลอดไปกับพระยะโฮวากันเถอะ สัญญานั้นจะไม่มีใครลืม’+ 6 ประชาชนของเราเป็นฝูงแกะที่หลงทาง+ พวกคนเลี้ยงแกะนำพวกเขาไปผิดทาง+ และพาพวกเขาไปตามภูเขาต่าง ๆ ร่อนเร่จากภูเขาลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่ง พวกเขาลืมที่อยู่ของตัวเองไปแล้ว 7 ทุกคนที่เจอพวกเขาก็กัดกินพวกเขา+ และศัตรูของพวกเขาพูดว่า ‘พวกเราไม่ผิด เพราะพวกเขาทำบาปต่อพระยะโฮวา คือพระยะโฮวาผู้มีความยุติธรรมและผู้เป็นความหวังของปู่ย่าตายายของพวกเขา’”
8 “พวกเจ้าต้องหนีออกจากบาบิโลน
และออกไปจากแผ่นดินของชาวเคลเดีย+
และต้องเป็นเหมือนแกะหรือแพะตัวจ่าฝูง
9 เพราะเราจะเรียกชาติใหญ่ ๆ จากแผ่นดินทางเหนือ
ให้มาโจมตีบาบิโลน+
พวกเขาจะมาตั้งทัพโจมตีเมืองนี้
และยึดเมืองนี้ได้
ลูกธนูของพวกเขาเป็นเหมือนลูกธนูของนักรบ
ที่ทำให้เด็กต้องกำพร้า+
มันไม่เคยพลาดเป้าเลย
10 เคลเดียจะถูกปล้น+
ใคร ๆ ที่มาปล้นเมืองนี้จะอิ่มหนำสำราญ” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
พวกเจ้ากระโดดโลดเต้นเหมือนวัวสาวในทุ่งหญ้า
และร้องเหมือนม้าตัวผู้
12 แม่ของพวกเจ้าถูกทำให้อับอายแล้ว+
คนที่ให้กำเนิดพวกเจ้าต้องผิดหวัง
ดูสิ! แม่ของพวกเจ้ากลายเป็นชาติที่เล็กที่สุด
เป็นที่กันดารแห้งแล้งและทะเลทราย+
ใครที่เดินผ่านบาบิโลนจะจ้องมองด้วยความสยดสยอง
14 พวกเจ้าทุกคนที่โก่งคันธนู
ไปตั้งทัพโจมตีบาบิโลนจากทุกด้านสิ
15 ตะโกนขู่ขวัญเมืองนี้จากทุกด้านเลย
เมืองนี้ยอมแพ้แล้ว
แก้แค้นเมืองนี้เถอะ
ทำกับเมืองนี้อย่างที่เมืองนี้เคยทำไว้+
16 กำจัดคนหว่านเมล็ดพืชให้หมดไปจากบาบิโลน
รวมทั้งคนที่ถือเคียวในฤดูเกี่ยวด้วย+
ดาบที่ไร้ความปรานีจะทำให้แต่ละคนกลับไปหาเพื่อนร่วมชาติของตัวเอง
และหนีไปยังแผ่นดินของตัวเอง+
17 “ชาวอิสราเอลเป็นฝูงแกะที่กระจัดกระจายไป+ พวกสิงโตทำให้พวกเขาแตกกระเจิง+ ตอนแรกกษัตริย์อัสซีเรียกัดกินพวกเขา+ แล้วเนบูคัดเนสซาร์*กษัตริย์บาบิโลนก็แทะกระดูกพวกเขา+ 18 ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า ‘เราจะจัดการกษัตริย์บาบิโลนและแผ่นดินของเขาเหมือนที่เราเคยจัดการกษัตริย์อัสซีเรีย+ 19 และเราจะพาอิสราเอลกลับมาที่ทุ่งหญ้าของเขา+ เขาจะกินหญ้าบนภูเขาคาร์เมลและบาชาน+ เขาจะอิ่มหนำสำราญอยู่บนภูเขาของเอฟราอิม+และกิเลอาด’”+
20 พระยะโฮวาบอกว่า “ในสมัยนั้น
จะมีการหาความผิดของอิสราเอล
แต่จะหาไม่เจอ
และจะไม่พบว่ายูดาห์มีบาป
เพราะเราจะยกโทษให้คนที่เราปล่อยให้มีชีวิตอยู่”+
21 พระยะโฮวาบอกว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินเมราธาอิมและไปสู้กับคนที่อยู่ในเปโขด+
ฆ่าและทำลายพวกเขาให้หมด
และทำทุกสิ่งที่เราสั่งเจ้าไว้
22 มีเสียงสงครามในแผ่นดินนี้
เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่
23 ค้อนที่เคยทุบชาติต่าง ๆ ในโลกถูกหักและทำลายแล้ว+
ชาติต่าง ๆ ก็สยดสยองเมื่อเห็นบาบิโลน+
24 บาบิโลน เราวางกับดักไว้ดักเจ้า และเจ้าก็ติดกับ
แต่เจ้าไม่รู้ตัวเลย
มีคนมาพบเจ้าและจับเจ้าไป+
เพราะเจ้าต่อต้านพระยะโฮวา
25 พระยะโฮวาเปิดคลังแสงของพระองค์แล้ว
และพระองค์เอาอาวุธออกมาเพราะพระองค์โกรธมาก+
พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดมีงานต้องทำ
ในแผ่นดินของชาวเคลเดีย
26 พวกที่อยู่ไกล ๆ มาสู้กับเมืองนี้เลย+
เปิดยุ้งข้าวของเมืองนี้สิ+
เอาสมบัติของเมืองนี้มากองไว้เหมือนกองข้าว
แล้วทำลายเมืองนี้ให้ราบคาบ+
อย่าให้มีใครเหลือเลย
27 ฆ่าวัวหนุ่มในเมืองนี้ให้หมด+
เอาพวกมันไปฆ่าซะ
พวกมันจะพินาศ เพราะถึงเวลาของพวกมันแล้ว
ถึงเวลาคิดบัญชีแล้ว
28 มีเสียงร้องของคนที่กำลังหนี
พวกเขาหนีออกจากแผ่นดินบาบิโลน
และไปประกาศที่ศิโยนว่าพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรากำลังแก้แค้น
พระองค์แก้แค้นให้วิหารของพระองค์+
29 เรียกพลธนูมาโจมตีบาบิโลนสิ
ทุกคนที่โก่งคันธนู+
มาตั้งค่ายล้อมเมืองนี้ไว้ อย่าให้ใครหนีไปได้
และตอบแทนเมืองนี้ให้สาสมกับสิ่งที่ทำไว้+
ทำกับเมืองนี้อย่างที่เมืองนี้เคยทำ+
เพราะเมืองนี้บังอาจต่อสู้พระยะโฮวา
พระเจ้าองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล+
30 ดังนั้น คนหนุ่ม ๆ ในเมืองนี้จะล้มตายอยู่ตามลานสาธารณะ+
และนักรบทั้งหมดจะถูกฆ่า*ในวันนั้น” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
31 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบอกว่า “ดูสิ เจ้าคนอวดดี+ เรากำลังสู้กับเจ้า+
วันของเจ้าจะต้องมาถึง และวันนั้นเราจะคิดบัญชีกับเจ้า
32 เจ้าคนอวดดี เจ้าจะต้องสะดุดล้มลง
และจะไม่มีใครพยุงเจ้าให้ลุกขึ้น+
แล้วเราจะเผาเมืองต่าง ๆ ของเจ้า
และไฟนั้นจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเจ้า”
33 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
“ชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์ถูกกดขี่
คนที่เอาพวกเขาไปเป็นเชลยก็ไม่ปล่อยตัวพวกเขา+
และไม่ยอมให้พวกเขาไป+
34 แต่ผู้ไถ่ของพวกเขามีอำนาจมาก+
พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพคือชื่อของพระองค์+
พระองค์จะสู้คดีให้พวกเขา+
เพื่อจะทำให้แผ่นดินของพวกเขาสงบ+
และทำให้ชาวบาบิโลนวุ่นวาย”+
35 พระยะโฮวาบอกว่า “จะมีดาบมาฆ่าฟันชาวเคลเดีย
รวมทั้งคนที่อยู่ในบาบิโลน พวกเจ้านาย และพวกคนฉลาดในเมืองนี้+
36 จะมีดาบมาฆ่าฟันพวกผู้พยากรณ์เท็จ และพวกเขาจะทำอะไรโง่ ๆ
จะมีดาบมาฆ่าฟันนักรบของเมืองนี้ และพวกเขาจะต้องกลัว+
37 จะมีดาบมาทำลายม้าและรถศึกของพวกเขา
และฆ่าฟันชนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในเมืองนี้
และพวกเขาจะเป็นเหมือนผู้หญิง+
จะมีดาบมาทำลายทรัพย์สมบัติในเมืองนี้ และสิ่งเหล่านั้นจะถูกปล้นไป+
38 แหล่งน้ำของเมืองนี้จะถูกทำลาย และจะแห้งไป+
เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยรูปเคารพแกะสลัก+
และเพราะพวกเขาเห็นนิมิตที่น่ากลัว พวกเขาจึงทำตัวเหมือนคนบ้า
39 ดังนั้น สัตว์ทะเลทรายกับสัตว์ที่เห่าหอน
และนกกระจอกเทศจะมาอยู่ในเมืองนี้+
จะไม่มีคนอยู่ในเมืองนี้อีกเลย
และจะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดทุกยุคทุกสมัย”+
40 “จะไม่มีใครอยู่ที่บาบิโลน จะไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นั่นอีก+ เหมือนเมืองโสโดมกับเมืองโกโมราห์+และเมืองที่อยู่ใกล้เคียง+ซึ่งถูกพระเจ้าทำลายไปแล้ว” พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
41 คอยดูเถอะ จะมีชนชาติหนึ่งมาจากทางเหนือ
ชาติใหญ่ชาติหนึ่งและพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่+
จะถูกเรียกมาจากสุดขอบโลก+
42 บาบิโลน พวกที่มาหาเจ้านั้นถือคันธนูและหอก+
พวกเขาโหดร้ายและไร้ความปรานี+
พวกเขาส่งเสียงดังเหมือนทะเลที่ปั่นป่วน+
พวกเขาขี่ม้ามา
และมาตั้งทัพสู้กับเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน+
เขาเป็นทุกข์จนทำอะไรไม่ถูก
และเจ็บปวดเหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
44 “คอยดูเถอะ! จะมีผู้หนึ่งเหมือนสิงโตที่ออกมาจากป่าทึบริมแม่น้ำจอร์แดน ผู้นั้นจะมาโจมตีทุ่งหญ้าที่ปลอดภัย แต่เดี๋ยวเราจะทำให้ชาวบาบิโลนวิ่งหนีไปจากแผ่นดินของตัวเอง และเราจะให้ผู้ที่เราเลือกไว้ปกครองแผ่นดินนั้น+ เพราะใครจะเทียบเราได้? ใครจะท้าทายเราได้? และคนเลี้ยงแกะคนไหนจะสู้เราได้?+ 45 ดังนั้น ประชาชนทั้งหลาย ขอให้ฟังว่าพระยะโฮวาตัดสินใจ*อย่างไรเกี่ยวกับบาบิโลน+ และคิดจะทำอะไรกับแผ่นดินของชาวเคลเดีย
ลูกแกะในฝูงจะต้องถูกคาบไป
พระองค์จะทำให้ที่อยู่ของพวกมันว่างเปล่าเพราะพวกเขา+
46 เมื่อบาบิโลนถูกยึด โลกก็สะเทือน
และชาติต่าง ๆ จะได้ยินเสียงร้อง”
51 พระยะโฮวาบอกว่า
2 เราจะส่งคนมาฝัดบาบิโลนเหมือนฝัดข้าว
พวกเขาจะทำให้แผ่นดินบาบิโลนว่างเปล่า
และจะโจมตีบาบิโลนจากทุกด้านในวันแห่งหายนะ+
3 อย่าให้พลธนูโก่งคันธนู
และอย่าให้คนที่สวมเสื้อเกราะลุกขึ้นยืน
อย่าได้สงสารคนหนุ่ม ๆ ในเมืองนี้+
ทำลายกองทัพบาบิโลนให้หมด
4 พวกเขาจะล้มตายในแผ่นดินของชาวเคลเดีย
และถูกแทงตายอยู่ตามถนนในเมืองนี้+
5 เพราะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพไม่ได้ทิ้งอิสราเอลและยูดาห์+ พวกเขาไม่ได้เป็นเหมือนแม่ม่าย
แต่พระเจ้าองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลถือว่าแผ่นดินของพวกเขา*มีแต่การทำผิด
6 พวกเจ้าต้องหนีออกจากบาบิโลน
รีบหนีเอาชีวิตรอด+
อย่าพินาศเพราะความผิดของเมืองนี้เลย
เพราะถึงเวลาแก้แค้นของพระยะโฮวาแล้ว
พระองค์จะตอบแทนเมืองนี้ให้สาสมกับสิ่งที่ทำไว้+
7 บาบิโลนเคยเป็นถ้วยทองคำในมือของพระยะโฮวา
เมืองนี้ทำให้ทั้งโลกเมา
ชาติต่าง ๆ เคยดื่มเหล้าองุ่นของเมืองนี้
ชาติเหล่านั้นจึงคลุ้มคลั่ง+
8 บาบิโลนล่มจมแล้ว เมืองนี้ถูกทำลายอย่างกะทันหัน+
พวกเจ้าต้องร้องไห้คร่ำครวญให้เมืองนี้
เอาน้ำมันยามาให้เมืองนี้ เผื่อว่าเมืองนี้จะหายดี”
9 “พวกเราพยายามรักษาบาบิโลนแล้ว แต่รักษาไม่ได้
ทิ้งบาบิโลนไว้แล้วไปกันเถอะ ต่างคนต่างกลับไปแผ่นดินของตัวเอง+
เพราะความผิดที่ทำให้เมืองนี้ถูกลงโทษกองสูงจนถึงฟ้า
และสูงไปถึงก้อนเมฆแล้ว
10 พระยะโฮวาให้ความยุติธรรมกับพวกเราแล้ว+
ให้พวกเราไปเล่าในศิโยนกันเถอะว่าพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเราทำอะไรบ้าง”+
11 “เอาลูกธนูมาขัดให้ขึ้นเงา+ และเตรียมโล่กลมไว้*
พระยะโฮวาดลใจกษัตริย์ของชาวมีเดีย+
เพราะพระองค์ตั้งใจจะทำลายบาบิโลน
นี่เป็นการแก้แค้นของพระยะโฮวา พระองค์จะแก้แค้นให้วิหารของพระองค์
12 ส่งสัญญาณ*+ที่หน้ากำแพงกรุงบาบิโลนเลย
เสริมทหารยามให้แน่นหนา จัดเวรยามไว้
แล้ววางกำลังซุ่มโจมตี
เพราะพระยะโฮวาคิดแผนไว้แล้ว
และจะจัดการคนที่อยู่ในบาบิโลนตามที่พระองค์สัญญาไว้”
13 “เมืองที่ตั้งอยู่บนน้ำมากมาย
และมีทรัพย์สมบัติมหาศาล+
จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว เจ้าหมดโอกาสหากำไรแล้ว+
14 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพสาบานว่า
‘เราจะให้คนมากมายเข้าไปในเจ้าเหมือนฝูงตั๊กแตน
พวกเขาจะโห่ร้องเพราะดีใจที่ชนะเจ้าได้’+
15 พระองค์เป็นผู้สร้างโลกด้วยพลังของพระองค์
พระองค์สร้างแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสติปัญญา+
และกางท้องฟ้าไว้ด้วยความเข้าใจ+
17 มนุษย์ทุกคนทำอะไรไม่มีเหตุผลและไม่มีความรู้
ช่างโลหะทุกคนจะต้องอับอายเพราะรูปเคารพแกะสลักนั้น+
เพราะรูปหล่อโลหะที่เขาทำขึ้นเป็นพระเท็จ
และมันไม่มีลมหายใจ+
18 มันเป็นสิ่งหลอกลวง*+ และเป็นผลงานที่น่าเยาะเย้ย
เมื่อถึงเวลาที่มันถูกคิดบัญชี มันก็จะพินาศ
19 พระเจ้า*ของยาโคบไม่เหมือนรูปเคารพเหล่านั้น
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง
และเป็นไม้เท้าของประชาชนที่เป็นสมบัติของพระองค์+
พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพคือชื่อของพระองค์”+
20 “เจ้าเป็นกระบองศึกของเรา เป็นอาวุธที่เราใช้ทำสงคราม
เราจะใช้เจ้าทุบชาติต่าง ๆ ให้แหลก
และจะใช้เจ้าทำลายอาณาจักรทั้งหลาย
21 เราจะใช้เจ้าตีม้ากับคนขี่ม้า
และจะใช้เจ้าทุบรถศึกและคนขับ
22 เราจะใช้เจ้าตีผู้ชายและผู้หญิง
เราจะใช้เจ้าตีคนแก่และเด็ก
เราจะใช้เจ้าตีชายหนุ่มและหญิงสาว
23 เราจะใช้เจ้าตีคนเลี้ยงแกะกับฝูงแกะ
เราจะใช้เจ้าตีชาวนากับสัตว์ที่ใช้ไถนา
เราจะใช้เจ้าตีเจ้าเมืองกับพวกข้าราชการ
24 และเราจะตอบแทนบาบิโลนกับชาวเคลเดียทั้งหมด
ที่ได้ทำชั่วมากมายในศิโยนต่อหน้าพวกเจ้า”+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
25 พระยะโฮวาบอกว่า “ภูเขาแห่งการทำลายล้าง
เราจะจัดการเจ้าและผลักเจ้าให้กลิ้งลงมาจากหน้าผา
และทำให้เจ้ากลายเป็นภูเขาที่ถูกไฟเผาแล้ว”
26 พระยะโฮวาบอกว่า “จะไม่มีใครเอาหินหัวมุมหรือหินฐานรากของเจ้าไป
เพราะเจ้าจะร้างตลอดไป”+
27 “ส่งสัญญาณ*ในแผ่นดินนั้นสิ+
เป่าแตรเขาสัตว์ท่ามกลางชาติทั้งหลาย
ให้ชาติต่าง ๆ มาโจมตีแผ่นดินนี้
เรียกอาณาจักรอารารัต+ มินนี และอัชเคนัส+มาจัดการ
สั่งให้เจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหารเพื่อมาทำลายแผ่นดินนี้
ให้กองทัพม้ายกกันมาเหมือนฝูงตั๊กแตนตัวอ่อน
28 ให้ชาติต่าง ๆ มาโจมตีแผ่นดินนี้
คือกษัตริย์ของมีเดีย+ พวกเจ้าเมืองกับพวกข้าราชการ
และแผ่นดินทั้งหมดที่พวกเขาปกครอง
29 แล้วโลกจะสะเทือนหวั่นไหว
เพราะพระยะโฮวาจะจัดการบาบิโลนอย่างที่พระองค์คิดไว้
และจะทำให้แผ่นดินบาบิโลนเป็นที่ที่น่าสยดสยองและไม่มีใครอยู่เลย+
30 พวกนักรบบาบิโลนหยุดต่อสู้แล้ว
พวกเขานั่งอยู่ในป้อมปราการ
และหมดเรี่ยวหมดแรง+
พวกเขากลายเป็นเหมือนผู้หญิง+
บ้านเรือนในเมืองนี้ถูกเผา
กลอนประตูของเมืองนี้ถูกหักแล้ว+
31 คนส่งสารคนหนึ่งวิ่งไปเจอคนส่งสารอีกคนหนึ่ง
และคนส่งข่าวคนหนึ่งก็วิ่งไปเจอคนส่งข่าวอีกคนหนึ่ง
เพื่อไปรายงานกษัตริย์บาบิโลนว่าเมืองของเขาถูกยึดไว้ทุกด้านแล้ว+
32 ทางข้ามแม่น้ำถูกยึดแล้ว+
เรือพาไพรัสก็ถูกเผา
และพวกทหารพากันหวาดกลัว”
33 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอลบอกว่า
“บาบิโลนเป็นเหมือนลานนวดข้าว
ถึงเวลาที่บาบิโลนจะถูกเหยียบจนแน่น
ใกล้จะถึงฤดูเกี่ยวสำหรับบาบิโลนแล้ว”
เขาทำให้ฉันกลายเป็นภาชนะเปล่า
เขากลืนฉันลงท้องเหมือนเขาเป็นงูตัวใหญ่+
และกินของดี ๆ ของฉันลงไปจนเต็มท้อง
เขาล้างเอาฉันออกไป
35 ศิโยนพูดว่า ‘ขอให้บาบิโลนเจอความโหดร้ายเหมือนที่เขาเคยโหดร้ายกับฉันและคนของฉัน’+
เยรูซาเล็มพูดว่า ‘ขอให้ชาวเคลเดียมีความผิดเพราะเขาฆ่าฉัน’”
36 ดังนั้น พระยะโฮวาบอกว่า
เราจะทำให้แม่น้ำและบ่อน้ำของบาบิโลนแห้งไป+
37 บาบิโลนจะกลายเป็นกองหิน+
เป็นที่อยู่ของหมาใน+
เป็นที่ที่น่าสยดสยองและถูกเยาะเย้ย*
และไม่มีใครอยู่เลย+
38 พวกเขาจะพากันคำรามเหมือนสิงโตหนุ่ม
และจะขู่เหมือนลูกสิงโต”
39 พระยะโฮวาบอกว่า “ตอนที่พวกเขากำลังร้อนอกร้อนใจ เราจะจัดงานเลี้ยงให้พวกเขาและทำให้พวกเขาเมา
พวกเขาจะได้ร่าเริงยินดี+
แล้วพวกเขาจะหลับไปตลอดกาล
และจะไม่ตื่นเลย+
40 เราจะพาพวกเขาลงไปเหมือนพาลูกแกะไปฆ่า
เหมือนพาแกะกับแพะไปฆ่า”
ชาติต่าง ๆ ก็สยดสยองเมื่อเห็นบาบิโลน
42 น้ำทะเลมาท่วมบาบิโลนแล้ว
เมืองนี้ถูกคลื่นมากมายซัดท่วมจนจมมิด
43 เมืองต่าง ๆ ของบาบิโลนกลายเป็นที่ที่น่าสยดสยอง เป็นแผ่นดินที่แห้งแล้งและเป็นทะเลทราย
จะไม่มีใครอยู่ในแผ่นดินนั้น และไม่มีคนเดินทางผ่านเลย+
ชาติต่าง ๆ จะไม่พากันไปหาเขาอีก
และกำแพงบาบิโลนจะพัง+
45 ประชาชนของเรา ออกจากเมืองนี้ซะ+
หนีเอาชีวิตรอดเถอะ+ เพราะพระยะโฮวาโกรธมาก+
46 อย่าตกใจหรือหวาดกลัวเพราะข่าวที่จะได้ยินในแผ่นดินนี้
อีกหนึ่งปีจะได้ยินข่าวนั้น
และในปีต่อไปก็จะได้ยินอีกข่าวหนึ่ง
เป็นข่าวเรื่องความรุนแรงในแผ่นดินและเรื่องผู้นำต่อสู้กัน
47 ดังนั้น จะมีวันหนึ่ง
ที่เราจะลงโทษรูปเคารพแกะสลักของบาบิโลน
แผ่นดินบาบิโลนจะถูกทำให้อับอาย
และชาวบาบิโลนจะล้มตายในแผ่นดินนั้น+
48 ฟ้าและโลก รวมทั้งทุกสิ่งในนั้น
จะร้องดีใจเมื่อบาบิโลนล่มจม+
เพราะผู้ทำลายจากทางเหนือจะมาที่บาบิโลน”+ พระยะโฮวาบอกไว้อย่างนี้
49 “บาบิโลนไม่ได้ทำให้ชาวอิสราเอลล้มตายเท่านั้น+
แต่ยังทำให้คนทั้งโลกล้มตายที่บาบิโลนด้วย
50 “พวกเจ้าที่รอดจากคมดาบ หนีไปอย่าหยุด และอย่ายืนเฉย ๆ+
เมื่ออยู่ในที่ไกล ๆ ขอให้นึกถึงพระยะโฮวา
และคิดถึงกรุงเยรูซาเล็ม”+
51 “พวกเราอับอายเพราะถูกเยาะเย้ย
52 พระยะโฮวาบอกว่า “ดังนั้น จะมีวันหนึ่ง
ที่เราจะลงโทษรูปเคารพแกะสลักของบาบิโลน
และคนที่บาดเจ็บจะร้องครวญครางทั่วแผ่นดินบาบิโลน”+
53 พระยะโฮวาบอกว่า “แม้บาบิโลนจะขึ้นไปถึงฟ้า+
แม้บาบิโลนจะเสริมป้อมสูงให้แข็งแรง
เราก็จะให้พวกผู้ทำลายมาที่บาบิโลน”+
54 “ฟังสิ มีเสียงร้องดังมาจากบาบิโลน+
และมีเสียงภัยพิบัติครั้งใหญ่ดังมาจากแผ่นดินของชาวเคลเดีย+
55 เพราะพระยะโฮวากำลังทำลายบาบิโลน
พระองค์จะทำให้เสียงดังในบาบิโลนเงียบไป
คลื่นของพวกเขาจะร้องคำรามเหมือนน้ำมหาศาล
ใคร ๆ ก็จะได้ยินเสียงของพวกเขา
56 เพราะผู้ทำลายจะมาที่เมืองบาบิโลน+
นักรบของเมืองนี้จะถูกจับ+
และคันธนูของพวกเขาจะถูกหัก
เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าแห่งการลงโทษ+
พระองค์จะตอบแทนแน่นอน+
57 เราจะทำให้พวกเจ้านายกับคนฉลาดในเมืองนี้เมา+
รวมทั้งพวกเจ้าเมือง พวกข้าราชการ และนักรบของเมืองนี้ด้วย
พวกเขาจะหลับไปตลอดกาล
และจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย”+ กษัตริย์ผู้มีชื่อว่าพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกไว้อย่างนี้
58 พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า
“แม้กำแพงของบาบิโลนจะหนา มันก็จะถูกทำลาย+
แม้ประตูของเมืองนี้จะสูง มันก็จะถูกเผา
ชนชาติทั้งหลายจะทำงานหนักแต่ไม่ได้อะไรเลย
ชาติต่าง ๆ ทำงานจนเหนื่อยแต่สิ่งที่ได้มาจะเป็นแค่เชื้อไฟ”+
59 ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์สั่งไว้กับเสไรอาห์ลูกเนริยาห์+หลานมาอาเสยาห์ ตอนที่เสไรอาห์ติดตามกษัตริย์เศเดคียาห์ไปบาบิโลน ในปีที่ 4 ที่เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์ ตอนนั้นเสไรอาห์เป็นผู้ดูแลที่พักของกษัตริย์ 60 เยเรมีย์เขียนถึงหายนะทั้งหมดที่จะเกิดกับบาบิโลนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่ง เรื่องที่เขียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับบาบิโลน 61 เยเรมีย์พูดกับเสไรอาห์อีกว่า “เมื่อคุณไปถึงบาบิโลนและได้เห็นเมืองนั้นแล้ว คุณต้องอ่านข้อความทั้งหมดนี้ให้ทุกคนได้ยิน 62 แล้วพูดว่า ‘พระยะโฮวา พระองค์บอกไว้ว่าที่นี่จะถูกทำลายและจะไม่มีใครอยู่ในเมืองนี้เลย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ และเมืองนี้จะเป็นเมืองร้างตลอดไป’+ 63 และเมื่อคุณอ่านหนังสือนี้จบแล้ว ก็ให้มัดหนังสือนี้กับก้อนหิน แล้วขว้างลงไปกลางแม่น้ำยูเฟรติส 64 และพูดว่า ‘บาบิโลนจะจมลงอย่างนี้และจะไม่กลับขึ้นมาอีกเลย เพราะเราจะทำให้เมืองนี้เจอหายนะ และพวกเขาจะต้องหมดแรง’”+
ทั้งหมดนี้คือถ้อยคำของเยเรมีย์
52 เศเดคียาห์+อายุ 21 ปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม 11 ปี แม่ของเขาชื่อฮามุทาล+เป็นลูกสาวของเยเรมีย์จากเมืองลิบนาห์ 2 เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วเหมือนเยโฮยาคิมทุกอย่าง+ 3 ที่เยรูซาเล็มและยูดาห์ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นเพราะพระยะโฮวาโกรธมาก ในที่สุด พระองค์ก็กำจัดพวกเขาให้พ้นหน้าพระองค์+ และเศเดคียาห์ก็กบฏต่อกษัตริย์บาบิโลน+ 4 ในวันที่ 10 เดือน 10 ของปีที่ 9 ที่เศเดคียาห์ปกครอง กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์*ของบาบิโลนยกทัพมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาตั้งค่ายและสร้างกำแพงล้อมเมืองนี้ไว้ทุกด้าน+ 5 กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อมจนถึงปีที่ 11 ที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครอง
6 ในวันที่ 9 เดือน 4 ของปีนั้น+ กรุงเยรูซาเล็มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก และประชาชนไม่มีอาหารกินเลย+ 7 ในที่สุด กำแพงเมืองก็ถูกทะลวง ทหารทั้งหมดจึงหนีออกจากเมืองไปตอนกลางคืนทางประตูเมืองระหว่างกำแพงสองชั้นที่อยู่ใกล้สวนของกษัตริย์ตอนที่พวกเคลเดียล้อมเมืองอยู่ และพวกเขาหนีไปทางอาราบาห์+ 8 แต่กองทัพเคลเดียไล่ตามกษัตริย์เศเดคียาห์ไปและตามทัน+ในที่ราบกันดารเยรีโค ทหารทั้งหมดทิ้งเขาและหนีกันไปคนละทาง 9 พวกเคลเดียจับตัวเขาได้และพามาหากษัตริย์บาบิโลนที่เมืองริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท แล้วกษัตริย์บาบิโลนก็ตัดสินลงโทษเศเดคียาห์ 10 กษัตริย์บาบิโลนฆ่าพวกลูกชายของเศเดคียาห์ต่อหน้าเขา และฆ่าเจ้านายทุกคนของยูดาห์ที่ริบลาห์ 11 แล้วกษัตริย์บาบิโลนก็ทำให้เศเดคียาห์ตาบอด+ ล่ามเขาด้วยโซ่ตรวนทองแดงและพาไปบาบิโลน แล้วขังเขาไว้ในคุกจนวันตาย
12 ในวันที่ 10 เดือน 5 ปีที่ 19 ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์*ของบาบิโลนปกครอง เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ซึ่งเป็นคนของกษัตริย์บาบิโลนก็มาที่กรุงเยรูซาเล็ม+ 13 เขาเผาวิหารของพระยะโฮวา+ วังของกษัตริย์ และบ้านทุกหลังในเยรูซาเล็ม รวมทั้งบ้านหลังใหญ่ทุกหลัง 14 แล้วกองทัพชาวเคลเดียที่อยู่กับหัวหน้าองครักษ์ก็พังกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม+
15 เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์จับตัวคนที่ยากจนบางคนและคนที่เหลือในเมืองไปเป็นเชลย รวมทั้งคนที่หนีไปหากษัตริย์บาบิโลนก่อนหน้านั้นและพวกช่างฝีมือที่เหลือด้วย+ 16 แต่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ยอมให้คนที่ยากจนที่สุดบางคนอยู่ในเมืองต่อไปเพื่อจะดูแลไร่องุ่นและเป็นคนงาน+
17 พวกเคลเดียทำลายเสาทองแดง 2 ต้น+ที่วิหารของพระยะโฮวา รวมทั้งรถเข็น+และทะเลทองแดง+ที่อยู่ในวิหารของพระยะโฮวาด้วย แล้วพวกเขาก็ขนทองแดงทั้งหมดนั้นกลับไปบาบิโลน+ 18 พวกเขายังเอาถังใส่ขี้เถ้า พลั่ว กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชาม+ ถ้วย+ และเครื่องใช้ที่ทำจากทองแดงทั้งหมดในวิหารไปด้วย 19 หัวหน้าองครักษ์เอาอ่าง+ ภาชนะใส่ถ่านไฟ ชาม ถังใส่ขี้เถ้า เชิงตะเกียง+ ถ้วย และชามที่ทำจากเงินและทองคำแท้ไป+ 20 ทองแดงที่ได้จากเสา 2 ต้น รวมทั้งทะเลทองแดง รูปวัวทองแดง 12 ตัว+ที่อยู่ใต้ทะเลทองแดง และรถเข็นที่กษัตริย์โซโลมอนทำไว้สำหรับวิหารของพระยะโฮวานั้นมีมากมายจนชั่งไม่ไหว
21 เสาสองต้นนั้น แต่ละต้นสูง 18 ศอก* วัดโดยรอบได้ 12 ศอก*+ เสาสองต้นนี้เป็นเสากลวง ทำจากทองแดงหนา 4 นิ้วมือ* 22 หัวเสาต้นหนึ่งที่ทำจากทองแดงสูง 5 ศอก*+ ตาข่ายและผลทับทิมที่อยู่รอบหัวเสาก็ทำจากทองแดงทั้งหมด เสาทั้งสองต้นตกแต่งแบบเดียวกันและมีผลทับทิมเหมือนกัน 23 ด้านข้างของหัวเสามีรูปผลทับทิมห้อยอยู่ 96 ผล รวมมีผลทับทิมห้อยอยู่ที่ตาข่ายแต่ละอัน 100 ผล+
24 หัวหน้าองครักษ์จับตัวปุโรหิตใหญ่เสไรอาห์+ รองปุโรหิตใหญ่เศฟันยาห์+ และคนเฝ้าประตู 3 คน+ 25 เขาจับตัวข้าราชสำนักคนหนึ่งที่ดูแลกองทัพกับคนสนิท 7 คนของกษัตริย์ที่ยังอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งเลขานุการของแม่ทัพซึ่งเป็นคนดูแลการเกณฑ์ทหาร และประชาชนทั่วไปอีก 60 คนที่ยังเหลืออยู่ในเมือง 26 เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์จับตัวคนเหล่านี้ไปให้กษัตริย์บาบิโลนที่เมืองริบลาห์ 27 กษัตริย์บาบิโลนฆ่าพวกเขาที่เมืองริบลาห์+ในเขตฮามัท ชาวยูดาห์จึงถูกบังคับให้ออกไปจากแผ่นดินของตัวเอง+
28 คนที่เนบูคัดเนสซาร์*จับไปเป็นเชลยมีจำนวนดังต่อไปนี้ ในปีที่ 7 มีชาวยิวถูกจับไป 3,023 คน+
29 ในปีที่ 18 ที่เนบูคัดเนสซาร์*+ปกครอง มี 832 คนถูกจับไปจากกรุงเยรูซาเล็ม
30 ในปีที่ 23 ที่เนบูคัดเนสซาร์*ปกครอง เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์จับชาวยิวไปเป็นเชลย 745 คน+
รวมทั้งหมดมี 4,600 คนถูกจับไปเป็นเชลย
31 ในปีที่ 37 ที่กษัตริย์เยโฮยาคีน+ของยูดาห์เป็นเชลย เอวิลเมโรดักขึ้นเป็นกษัตริย์บาบิโลน และในวันที่ 25 เดือน 12 ของปีนั้นกษัตริย์เอวิลเมโรดักปล่อยตัวกษัตริย์เยโฮยาคีนของยูดาห์ออกจากคุก+ 32 กษัตริย์เอวิลเมโรดักพูดดีกับเขาและยกย่องเขาให้มีเกียรติกว่า*กษัตริย์องค์อื่น ๆ ที่อยู่กับเขาในบาบิโลน 33 เยโฮยาคีนถอดชุดนักโทษออก และได้กินอาหารกับกษัตริย์เอวิลเมโรดักตลอดชีวิต 34 เขาได้รับอาหารจากกษัตริย์บาบิโลนเป็นประจำทุกวันตลอดชีวิตของเขา จนถึงวันที่เขาตาย
อาจแปลว่า “พระยะโฮวายกย่อง”
หรือ “เลือก”
หรือ “แยก”
หรือ “อายุน้อย”
แปลตรงตัวว่า “ผู้ตื่นอยู่”
แปลตรงตัวว่า “ถูกพัด” แสดงว่าใต้หม้อนั้นมีไฟที่ถูกพัดจนลุกโพลง
แปลตรงตัวว่า “คาดเอวไว้”
หรือ “มีความรักที่มั่นคง”
หรือ “หมู่เกาะ”
หรือ “เจาะ” อาจเป็นการเจาะลงไปในหิน
หรือ “เมมฟิส”
แปลตรงตัวว่า “กินบนหัวของเจ้า”
คือ แม่น้ำที่แยกมาจากแม่น้ำไนล์
คือ แม่น้ำยูเฟรติส
หรือ “ด่าง”
หรือ “เทวรูปของคนต่างชาติ”
หรือ “ผ้าคาดเอวของชุดแต่งงาน”
แปลตรงตัวว่า “ชาวอาหรับ”
อาจหมายถึงอิสราเอล
หรือ “เทวรูปของคนต่างชาติ”
หรืออาจแปลได้ว่า “สามีของพวกเจ้า”
หรือ “พระที่ไร้ค่า”
หรือ “ยกเสาให้สัญญาณ”
คือ คนที่เฝ้าดูเมืองเพื่อจะตัดสินใจว่าควรโจมตีเมื่อไร
หรืออาจแปลได้ว่า “เสียงโห่ร้องเวลาออกรบ”
หรือ “เสาให้สัญญาณ”
หรือ “เสียใจ”
แปลตรงตัวว่า “หน้า”
หรืออาจแปลได้ว่า “พระองค์ไม่มีจริง”
แปลตรงตัวว่า “หูของพวกเขาไม่ได้เข้าสุหนัต”
หรือ “รอยแตก”
หรือ “คำสั่งสอน”
คือ เยเรมีย์
แปลตรงตัวว่า “สิ่งเหล่านี้” หมายถึงอาคารทุกหลังในบริเวณวิหาร
หรือ “เด็กกำพร้าพ่อ”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและพูด”
ชื่อเรียกเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งพวกอิสราเอลที่ทิ้งพระเจ้าพากันไปนมัสการ อาจเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์
หรือ “โกรธ”
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
หรือ “คำแนะนำ”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าทุกวันและส่ง”
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
ดูคำว่า “เกเฮนนา” ในส่วนอธิบายศัพท์
หรือ “ไม่เคยเข้ามาในความคิดของเรา”
หรือ “เวลากำหนด”
หรืออาจแปลได้ว่า “นกกระเรียน”
หรือ “อพยพ”
หรือ “คำสั่งสอน”
หรือ “เลขานุการ”
หรือ “เหล็กแหลม”
หรือ “รอยแตก”
หรือ “ยาขี้ผึ้งบรรเทาปวด”
หรือ “คำสั่งสอน”
หรือ “ไม่มีประโยชน์”
หรือ “ไม่มีประโยชน์”
ในต้นฉบับข้อ 11 เขียนเป็นภาษาอาราเมอิก
หรือ “ไอน้ำ”
หรืออาจแปลได้ว่า “ทำประตูน้ำเพื่อฝน”
หรือ “ไม่มีประโยชน์”
แปลตรงตัวว่า “ส่วนแบ่ง”
หรือ “รอยแตก”
น่าจะพูดกับเยเรมีย์
หรือ “ขอให้เป็นอย่างนั้น”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและเตือนว่า”
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
หรือ “พระที่ไร้ค่า”
คือ เยเรมีย์
หรือ “อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึกที่สุด” แปลตรงตัวว่า “ไต”
หรือ “อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึกที่สุด” แปลตรงตัวว่า “ไต”
หรือ “มีลาย”
หรืออาจแปลได้ว่า “โศกเศร้า”
หรือ “ถูกล้อม”
หรือ “ชาวเอธิโอเปีย”
หรือ “น่าอาย”
หรือ “ร่องน้ำ”
หรืออาจแปลได้ว่า “การพิพากษา 4 อย่าง”
หรืออาจแปลได้ว่า “เดินถอยหลัง”
หรือ “เสียใจ”
หรืออาจแปลได้ว่า “ดวงอาทิตย์อับอาย”
แปลตรงตัวว่า “อย่าเอาผมไป”
หรือ “ข่าวสารเรื่องความโกรธ”
หรือ “เป็นโฆษกของเรา”
ดูเหมือนเป็นประเพณีการไว้ทุกข์แบบศาสนาเท็จที่ชาวอิสราเอลทำกันหลังจากทิ้งพระเจ้าแล้ว
แปลตรงตัวว่า “ซากศพ”
หรือ “คนแข็งแรง”
หรือ “คนแข็งแรง”
หรือ “หลอกลวง”
หรือ “อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึกที่สุด” แปลตรงตัวว่า “ไต”
หรือ “แต่ไม่ได้หาอย่างยุติธรรม”
แปลตรงตัวว่า “เรา” น่าจะหมายถึงพระยะโฮวา
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
หรือ “ทางใต้”
หรือ “เสียใจ”
หรือ “เสียใจ”
หรือ “ทางที่ยังสร้างไม่เสร็จ”
แปลตรงตัวว่า “ถูกผิวปากใส่”
หรือ “คำสั่งสอน”
แปลตรงตัวว่า “ตีเขาด้วยลิ้น”
หรือ “ไม่เคยเข้ามาในความคิดของเรา”
แปลตรงตัวว่า “ถูกผิวปากใส่”
หรือ “อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึกที่สุด” แปลตรงตัวว่า “ไต”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “ลูกกำพร้า”
มีอีกชื่อหนึ่งว่าเยโฮอาหาส
มีชื่ออีกว่าเยโฮยาคีนและเยโคนิยาห์
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “หน่อ”
หรือ “พวกเขาให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับพวกเจ้า”
แปลตรงตัวว่า “น้ำหนัก” ในภาษาฮีบรูคำนี้มีสองความหมายคือ “คำประกาศที่น่าหนักใจจากพระเจ้า” หรือ “ภาระหนัก”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
มีชื่ออีกว่าเยโฮยาคีนและโคนิยาห์
หรืออาจแปลได้ว่า “ช่างก่อกำแพงต้านข้าศึก”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “พูดกับ”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและบอก”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและส่ง”
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “ผิวปากใส่”
หรือ “ลงโทษ”
ดูเหมือนเป็นรหัสลับหมายถึงบาเบล (บาบิโลน)
หรือ “พูดกับ”
หรือ “คำนับ”
หรือ “เสียใจ”
หรือ “คำสั่งสอน”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและส่ง”
หรือ “เสียใจ”
หรือ “เสียใจ”
คือ ทะเลทองแดงในวิหาร
หรือ “ขอให้เป็นอย่างนั้น”
แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุ”
หรืออาจแปลได้ว่า “ช่างก่อกำแพงต้านข้าศึก”
หรืออาจแปลได้ว่า “แตก”
แปลตรงตัวว่า “ผิวปากใส่”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและส่ง”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “เอว”
แปลตรงตัวว่า “ยิ่งใหญ่”
หรือ “คนต่างชาติ”
หรือ “พวกเขา”
หรือ “แก้ไข”
หรืออาจแปลได้ว่า “ได้รับเกียรติ”
หรือ “กลองฉิ่ง”
หรือ “ออกไปเต้นรำกับคนที่หัวเราะ”
หรือ “เอาเขากลับมา”
หรือ “สิ่งดี ๆ จาก”
หรือ “ลูก ๆ”
หรืออาจแปลได้ว่า “สามีของพวกเขา”
หรือ “ขี้เถ้าที่ชุ่มด้วยมัน” คือ ขี้เถ้าที่ชุ่มด้วยมันของสัตว์ที่ถวายเป็นเครื่องบูชา
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “อา”
79.8 กรัม ดูภาคผนวก ข14
114 กรัม
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและสอน”
ดูคำว่า “เกเฮนนา” ในส่วนอธิบายศัพท์
หรือ “ไม่เคยเข้ามาในความคิดของเรา”
แปลตรงตัวว่า “หน่อ”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “ปลายปีที่ 7”
แปลตรงตัวว่า “วันนี้”
หรือ “ห้อง”
แปลตรงตัวว่า “โยนาดับ” ย่อมาจากเยโฮนาดับ
แปลตรงตัวว่า “โยนาดับ” ย่อมาจากเยโฮนาดับ
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและพูด”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและส่ง”
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
แปลตรงตัวว่า “โยนาดับ” ย่อมาจากเยโฮนาดับ
หรือ “ห้องอาหาร”
หรือ “ข้าราชสำนัก”
ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม ดูภาคผนวก ข15
มีชื่ออีกว่าเยโฮยาคีนและเยโคนิยาห์
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “ข้าราชสำนัก”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “เนอร์กัลชาเรเซอร์ สัมการ์เนโบ สาร์เสคิม รับสารีส” ตามวิธีแบ่งคำอีกวิธีหนึ่งในภาษาฮีบรู
หรือ “หัวหน้าของพวกที่มีวิชาอาคม (โหร)”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรืออาจแปลได้ว่า “เขาเกณฑ์คนเหล่านั้นให้ทำงานในสวนองุ่นและไร่นาด้วย”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “หัวหน้าข้าราชสำนัก”
หรือ “หัวหน้าของพวกที่มีวิชาอาคม (โหร)”
หรือ “ไปอยู่ที่นั่นชั่วคราว”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “เสาหินที่มียอดแหลม”
หรือ “วิหารแห่งพระอาทิตย์” คือ เมืองเฮลิโอโปลิส
หรือ “เมมฟิส”
แปลตรงตัวว่า “ตื่นขึ้นแต่เช้าและส่ง”
แปลตรงตัวว่า “เงี่ยหูฟัง”
หรือ “เสียใจมาก”
ชื่อเรียกเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งพวกอิสราเอลที่ทิ้งพระเจ้าพากันไปนมัสการ อาจเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์
ชื่อเรียกเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งพวกอิสราเอลที่ทิ้งพระเจ้าพากันไปนมัสการ อาจเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์
ชื่อเรียกเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งพวกอิสราเอลที่ทิ้งพระเจ้าพากันไปนมัสการ อาจเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์
ชื่อเรียกเทพธิดาองค์หนึ่งซึ่งพวกอิสราเอลที่ทิ้งพระเจ้าพากันไปนมัสการ อาจเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “คาดหมายว่าจะได้”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
โล่ขนาดเล็กที่พลธนูใช้
หรือ “เอธิโอเปีย”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “เมมฟิส”
แปลตรงตัวว่า “เวลากำหนด”
คือ ผู้พิชิตอียิปต์
หรือ “เมมฟิส”
หรืออาจแปลได้ว่า “จะเป็นที่รกร้างว่างเปล่า”
หรือ “เก็บฟืน”
คือ เมืองธีบส์
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “แก้ไข”
คือ เกาะครีต
คือ พวกเขาจะโกนหัวเพราะไว้ทุกข์และอับอาย
หรือ “ที่สูงอันปลอดภัย”
หรือ “ที่ราบสูง”
หรืออาจแปลได้ว่า “นั่งบนดินแห้ง”
หรือ “ที่ราบสูง”
แปลตรงตัวว่า “เขาสัตว์”
หรือ “กระวนกระวาย”
คือ ขลุ่ยที่เล่นเพลงโศกในงานศพ
หรือ “กระวนกระวาย”
คือ ขลุ่ยที่เล่นเพลงโศกในงานศพ
หรืออาจแปลได้ว่า “เสียงโห่ร้องเวลาออกรบ”
แปลตรงตัวว่า “ผิวปากใส่”
หรือ “แนะนำ”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “ยกเสาให้สัญญาณ”
คำนี้ในภาษาฮีบรูอาจเกี่ยวข้องกับคำว่า “มูลสัตว์” และใช้ในเชิงดูถูก
แปลตรงตัวว่า “ผิวปากใส่”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “ถูกทำให้เงียบ”
หรือ “แนะนำ”
ดูเหมือนเป็นรหัสลับหมายถึงเคลเดีย
คือ แผ่นดินของชาวเคลเดีย
หรืออาจแปลได้ว่า “เอาลูกธนูใส่กระบอกให้เต็ม”
หรือ “ยกเสาให้สัญญาณ”
หรือ “ไอน้ำ”
หรืออาจแปลได้ว่า “ทำประตูน้ำเพื่อฝน”
หรือ “ไม่มีประโยชน์”
แปลตรงตัวว่า “ส่วนแบ่ง”
หรือ “ยกเสาให้สัญญาณ”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “ถูกผิวปากใส่”
ดูเหมือนเป็นรหัสลับหมายถึงบาเบล (บาบิโลน)
หรือ “คนแปลกหน้า”
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
8.01 เมตร ดูภาคผนวก ข14
5.34 เมตร
7.4 ซม.
2.23 เมตร
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
แปลตรงตัวว่า “เนบูคัดเรสซาร์” เป็นการสะกดอีกแบบหนึ่ง
หรือ “และตั้งบัลลังก์ของเขาให้สูงกว่าบัลลังก์ของ”