บทความศึกษา 47
อย่าให้อะไรมาทำให้คุณห่างจากพระยะโฮวา
“พระยะโฮวา ผมวางใจพระองค์”—สด. 31:14
เพลง 122 ขอให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว
ใจความสำคัญa
1. เรารู้ได้ยังไงว่าพระยะโฮวาอยากให้เราเข้าไปใกล้ชิดและสนิทกับพระองค์?
พระยะโฮวาชวนเราให้เข้าไปใกล้ชิดและสนิทกับพระองค์ (ยก. 4:8) พระองค์อยากเป็นพระเจ้าของเรา พ่อของเรา และเพื่อนของเราด้วย พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเราและช่วยเราเสมอเมื่อเรามีปัญหา นอกจากนั้น พระองค์ยังใช้องค์การของพระองค์เพื่อสอนและปกป้องเรา แต่ตัวเราเองต้องทำอะไรเพื่อจะเข้าไปใกล้ชิดและสนิทกับพระยะโฮวา?
2. เราจะใกล้ชิดและสนิทกับพระยะโฮวาได้ยังไง?
2 เราจะใกล้ชิดและสนิทกับพระยะโฮวาได้ถ้าเราอธิษฐานถึงพระองค์ อ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำและคิดใคร่ครวญ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราก็จะรักพระองค์มาก และรู้สึกขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่พระองค์ทำให้กับเรา เราจะอยากเชื่อฟังพระองค์และสรรเสริญพระองค์ด้วย (วว. 4:11) ยิ่งเรารู้จักพระยะโฮวามากขึ้น เราก็จะยิ่งไว้วางใจพระองค์และองค์การของพระองค์มากขึ้นด้วย
3. ซาตานพยายามทำให้เราห่างจากพระยะโฮวายังไง? และอะไรจะช่วยให้เราไม่ทิ้งพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์? (สดุดี 31:13, 14)
3 ซาตานพยายามทำให้เราห่างจากพระยะโฮวาโดยเฉพาะตอนที่เราเจอปัญหา มันใช้วิธีอะไร? มันพยายามทำให้เราไม่ไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ทีละเล็กทีละน้อย แต่เราต้องไม่หลงกลมัน ถ้าเรามีความเชื่อเข้มแข็ง มั่นใจในพระยะโฮวา และไว้วางใจพระองค์เต็มร้อย เราก็จะไม่มีทางทิ้งพระองค์และองค์การของพระองค์แน่นอน—อ่านสดุดี 31:13, 14
4. เราจะคุยอะไรกันในบทความนี้?
4 มีหลายอย่างที่อาจทำให้เราไม่ไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ ในบทความนี้เราจะมาดู 3 อย่างที่มาจากนอกประชาคม 3 อย่างนี้อาจทำให้เราห่างจากพระยะโฮวาได้ยังไง? และเราต้องทำอะไรเพื่อจะไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ต่อ ๆ ไป?
ตอนที่เราเจอความยากลำบาก
5. ความยากลำบากอาจทำให้เราไม่ไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ยังไง?
5 บางครั้งเราอาจเจอปัญหาและความยากลำบากในชีวิต เช่น ครอบครัวต่อต้านหรือตกงาน การเจอปัญหาเหล่านั้นอาจจะทำให้เราไม่ไว้วางใจองค์การของพระเจ้าและทำให้เราห่างจากพระยะโฮวายังไง? เมื่อเราต้องอดทนความยากลำบากเป็นเวลานาน เราอาจจะรู้สึกหมดหวังและก็ท้อแท้มาก ซาตานอยากฉวยโอกาสนั้นทำให้เราสงสัยว่าพระยะโฮวารักเราหรือเปล่า มันอยากให้เราคิดว่าพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์นั่นแหละที่ทำให้เราต้องเจอความยากลำบาก ชาวอิสราเอลที่เป็นเชลยในอียิปต์ก็เคยคิดแบบนี้ ตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าพระยะโฮวาแต่งตั้งโมเสสกับอาโรนให้ช่วยพวกเขาจากการเป็นทาส (อพย. 4:29-31) แต่ตอนหลัง พอฟาโรห์ทำให้ชีวิตของพวกเขาลำบากขึ้น พวกเขาก็โทษโมเสสกับอาโรนว่า “เพราะคุณนี่แหละที่ทำให้ฟาโรห์กับข้าราชสำนักของเขาเกลียดพวกเรา สิ่งที่คุณทำไปเป็นเหมือนเอาดาบใส่มือพวกเขาให้มาฆ่าพวกเรา” (อพย. 5:19-21) แย่จริง ๆ ที่พวกเขาโทษผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าแบบนี้! ถ้าคุณต้องอดทนกับความยากลำบากมานานแล้ว คุณจะทำยังไงเพื่อจะยังคงไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์?
6. เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของผู้พยากรณ์ฮาบากุกเกี่ยวกับการรับมือกับความยากลำบาก? (ฮาบากุก 3:17-19)
6 อธิษฐานระบายความในใจกับพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วย ผู้พยากรณ์ฮาบากุกเจอความยากลำบากหลายอย่าง ครั้งหนึ่งดูเหมือนว่าเขาสงสัยว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงเขาจริง ๆ ไหม เขาก็เลยอธิษฐานระบายความรู้สึกกับพระยะโฮวาว่า “ได้โปรดเถอะพระยะโฮวา ผมต้องร้องขอความช่วยเหลืออีกนานแค่ไหนพระองค์ถึงจะฟัง? . . . ทำไมพระองค์ยอมให้คนข่มเหงกัน?” (ฮบก. 1:2, 3) พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์คนนี้ (ฮบก. 2:2, 3) และพอเขาได้คิดใคร่ครวญถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำเพื่อช่วยเขา เขาก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง ฮาบากุกมั่นใจว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงเขา และจะช่วยเขาให้อดทนต่อความยากลำบากได้ทุกอย่าง (อ่านฮาบากุก 3:17-19) บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ตอนที่คุณเจอความยากลำบาก ให้อธิษฐานบอกพระยะโฮวาว่าคุณรู้สึกยังไงและให้คุณคิดว่าที่ผ่านมาพระองค์ช่วยคุณยังไงบ้าง ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณก็จะมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณให้มีกำลังที่จะอดทนได้ แล้วถ้าคุณรู้สึกได้ว่าพระยะโฮวากำลังช่วยคุณอยู่ คุณก็จะไว้วางใจพระองค์มากขึ้น
7. ญาติของเชอร์ลีย์พยายามทำอะไร? แต่อะไรช่วยเธอให้ยังคงไว้วางใจพระยะโฮวาเสมอ?
7 ทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำ ขอให้นึกถึงตัวอย่างของพี่น้องเชอร์ลีย์bซึ่งเป็นพี่น้องหญิงจากปาปัวนิวกินี เธอเจอปัญหาและความยากลำบากในชีวิตหลายอย่าง ครอบครัวของเธอยากจนมาก บางครั้งต้องดิ้นรนทำงานหนักกว่าจะหาเงินมาซื้ออาหารได้ แถมญาติคนหนึ่งยังพยายามทำให้เธอเลิกไว้วางใจพระยะโฮวาด้วย เขาบอกว่า “ไหนเธอบอกว่าพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าช่วยเธอไง แล้วทำไมครอบครัวเธอถึงยังยากจนอยู่ล่ะ มัวแต่ไปประกาศอยู่นั่นแหละ เสียเวลาทำมาหากิน” เชอร์ลีย์ยอมรับว่า “ตอนนั้นฉันถามตัวเองว่า ‘พระยะโฮวารักฉันและเป็นห่วงฉันจริง ๆ ไหม?’ แต่แล้วฉันก็รีบอธิษฐานถึงพระยะโฮวาทันที บอกพระองค์ว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันพยายามอ่านคัมภีร์ไบเบิล หนังสือขององค์การเป็นประจำ และยังคงไปประกาศกับไปประชุมสม่ำเสมอ” ต่อมาไม่นาน เธอก็เริ่มรู้สึกว่าพระยะโฮวาดูแลครอบครัวของเธอจริง ๆ เพราะไม่มีใครในครอบครัวของเธอต้องหิวโซและทุกคนก็มีความสุขมาก เชอร์ลีย์บอกว่า “ฉันรู้สึกเลยค่ะว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของฉัน” (1 ทธ. 6:6-8) ถ้าคุณพยายามทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำสม่ำเสมอ ถึงคุณจะเจอความยากลำบากหรืออาจเริ่มสงสัยว่าพระยะโฮวารักคุณหรือเปล่า แต่คุณก็จะไม่ห่างจากพระองค์
ตอนที่พี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
8. พี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การอาจเจออะไร?
8 ศัตรูของเราใช้อินเทอร์เน็ตและสื่อต่าง ๆ แพร่เรื่องโกหกและข้อมูลที่ไม่จริงเกี่ยวกับพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและองค์การ (สด. 31:13) พี่น้องบางคนถูกจับและถูกตั้งข้อหาว่าเป็นอาชญากร ถ้าพี่น้องที่เรารู้จักเจอแบบนั้น เราควรทำยังไง? ให้เรามาดูว่าคริสเตียนรุ่นแรกทำยังไงตอนที่เปาโลถูกตั้งข้อหาเท็จและถูกจับ
9. คริสเตียนบางคนทำอะไรเมื่ออัครสาวกเปาโลถูกจำคุก?
9 ตอนที่เปาโลถูกจำคุกที่กรุงโรม คริสเตียนบางคนเลิกให้ความช่วยเหลือและเลิกสนับสนุนเปาโลไปเลย (2 ทธ. 1:8, 15) เพราะอะไร? อาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกอายที่ใคร ๆ ก็มองเปาโลว่าเป็นอาชญากรไหม? หรืออาจเป็นเพราะพวกเขากลัวว่าจะถูกข่มเหงไปด้วย? (2 ทธ. 2:8, 9) ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นยังไง ลองนึกดูว่าเปาโลจะรู้สึกยังไงที่พวกเขาทิ้งเปาโลแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เปาโลอุตส่าห์อดทนต่อความยากลำบากหลายอย่างและถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพวกเขา (กจ. 20:18-21; 2 คร. 1:8) ขอให้เราอย่าเป็นเหมือนคนเหล่านี้ที่ทิ้งเปาโลในเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด แล้วเราควรจำอะไรไว้เสมอตอนที่พี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การถูกข่มเหง?
10. เราควรจำอะไรไว้เมื่อพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การถูกข่มเหง?
10 จำไว้ว่าทำไมเราถึงถูกข่มเหงและใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ที่ 2 ทิโมธี 3:12 บอกว่า “ทุกคนที่ตั้งใจใช้ชีวิตด้วยความเลื่อมใสพระเจ้าและเป็นสาวกพระคริสต์เยซูต้องถูกข่มเหงกันทั้งนั้น” เราเลยไม่รู้สึกแปลกใจที่ซาตานจะเล็งเป้าไปที่พี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การ มันใช้วิธีนี้เพราะอยากให้พวกเขาทิ้งพระยะโฮวาและทำให้เรากลัว—1 ปต. 5:8
ตอนที่เปาโลถูกขังอยู่ในคุก โอเนสิโฟรัสไม่กลัวที่จะเข้าไปเยี่ยมเปาโลและให้ความช่วยเหลือ ทุกวันนี้พี่น้องของเราก็ไปช่วยพี่น้องที่ติดคุกและให้กำลังใจเขาอย่างที่เราเห็นในภาพสมมุตินี้ (ดูข้อ 11-12)
11. เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของโอเนสิโฟรัส? (2 ทิโมธี 1:16-18)
11 ภักดีกับพี่น้องและช่วยเหลือพวกเขาต่อ ๆ ไป (อ่าน 2 ทิโมธี 1:16-18) ตอนที่เปาโลถูกจำคุก คริสเตียนที่ชื่อโอเนสิโฟรัสไม่ได้เลียนแบบพี่น้องเหล่านั้นที่ทิ้งเปาโล เปาโลบอกว่าเขา “ไม่อายที่ผมถูกล่ามโซ่อยู่” โอเนสิโฟรัสตามหาเปาโลจนเจอ แล้วก็พยายามช่วยให้เปาโลได้สิ่งที่ต้องการถึงแม้มันทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? อย่ากลัวคนแล้วไม่ยอมช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังถูกข่มเหง แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ให้เราปกป้องพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขาให้เต็มที่ (สภษ. 17:17) พวกเขาต้องการความรักและความช่วยเหลือจากเรา
12. เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของพี่น้องในรัสเซีย?
12 พี่น้องในรัสเซียเป็นตัวอย่างที่ดีมาก พวกเขาพยายามช่วยพี่น้องที่อยู่ในคุกหลายอย่าง ตอนที่พี่น้องของเราต้องขึ้นศาล พวกเขาก็พากันไปให้กำลังใจ บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ถ้าพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การถูกใส่ร้าย ถูกข่มเหง และถูกจับ เราไม่ต้องกลัว ให้เราอธิษฐานเพื่อเขาและหาวิธีที่เราจะช่วยได้ นอกจากนั้น ขอให้เราดูแลครอบครัวของเขาด้วย—กจ. 12:5; 2 คร. 1:10, 11
ตอนที่เราถูกเยาะเย้ย
13. การเยาะเย้ยอาจทำให้เราไม่ไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ยังไง?
13 เราอาจถูกญาติ คนที่ทำงาน หรือเพื่อนที่โรงเรียนเยาะเย้ยเพราะไปประกาศและทำตามมาตรฐานสูงของพระยะโฮวา (1 ปต. 4:4) พวกเขาอาจจะบอกว่า “ฉันชอบนิสัยเธอนะ แต่ศาสนาเธอมันเข้มงวดเกินไป โลกมันเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว” หรือพวกเขาอาจว่าเราเกี่ยวกับการตัดสัมพันธ์ พวกเขาอาจบอกว่า “ไหนศาสนาเธอสอนว่าให้รักกันไง?” พอเราเจอคำพูดแบบนี้ เราอาจจะเริ่มสงสัยก็ได้ เราอาจคิดว่า ‘ที่พระยะโฮวาสั่งเรามันมากเกินไปรึเปล่า? องค์การเข้มงวดเกินไปไหม?’ ถ้าคุณถูกเยาะเย้ยแบบนี้ คุณควรทำอะไรเพื่อจะใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและยังไว้วางใจองค์การของพระองค์?
โยบไม่ยอมเชื่อคำโกหกของเพื่อนจอมปลอมที่เยาะเย้ยเขา โยบตั้งใจจะซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม (ดูข้อ 14)
14. เราควรทำยังไงถ้าถูกเยาะเย้ยเพราะทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา? (สดุดี 119:50-52)
14 พยายามทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป โยบเป็นคนที่พยายามทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาทั้ง ๆ ที่ถูกเยาะเย้ยอย่างหนัก เพื่อนจอมปลอมบอกเขาว่าถึงเขาจะพยายามทำตามที่พระเจ้าบอกแค่ไหน พระองค์ก็ไม่สนใจหรอก (โยบ 4:17, 18; 22:3) แต่โยบไม่หลงกล เขารู้ว่ามาตรฐานของพระยะโฮวาถูกต้องและดีที่สุด สิ่งที่พระยะโฮวาบอกให้ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะยังซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า (โยบ 27:5, 6) บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ถ้าคุณถูกเยาะเย้ย อย่าสงสัยว่าสิ่งที่พระยะโฮวาบอกให้คุณทำเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ รึเปล่า ให้ลองคิดถึงชีวิตของคุณเอง ที่ผ่านมาคุณเห็นหลายต่อหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าการทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวามีประโยชน์กับคุณจริง ๆ? ขอให้คุณพยายามทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป ถ้าคุณตั้งใจทำอย่างนั้น ไม่ว่าใครจะดูถูกคุณ หรือคุณจะถูกเยาะเย้ยมากแค่ไหน คุณก็จะไม่มีวันห่างจากพระยะโฮวา—อ่านสดุดี 119:50-52
15. ทำไมบริจิตถึงถูกเยาะเย้ย?
15 ให้เรามาดูตัวอย่างของพี่น้องบริจิตที่อยู่ในอินเดีย เธอถูกคนอื่นในครอบครัวเยาะเย้ยเพราะเป็นพยานพระยะโฮวา บริจิตรับบัพติศมาในปี 1997 ไม่นานหลังจากนั้น สามีของเธอที่ไม่ได้เป็นพยานฯ ก็ตกงาน สามีของเธอก็เลยตัดสินใจพาครอบครัวไปอยู่กับพ่อแม่ของเขาซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้เจอปัญหาหนักกว่าเดิม เพราะสามีตกงานเธอก็เลยต้องทำงานเต็มเวลาเพื่อจะหาเลี้ยงครอบครัว ไม่เพียงเท่านั้นประชาคมที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างออกไปถึง 350 กิโลเมตร มิหนำซ้ำครอบครัวของสามียังต่อต้านที่เธอเป็นพยานฯ ด้วย พวกเขาต่อต้านอย่างหนักจนครอบครัวของบริจิตต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แล้วจู่ ๆ สามีของเธอก็ตายกะทันหัน และต่อมาลูกสาวคนหนึ่งที่อายุ 12 ก็ตายเพราะเป็นมะเร็ง ญาติ ๆ พากันโทษบริจิต พวกเขาบอกว่าถ้าเธอไม่มาเป็นพยานฯ เรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ถึงจะเป็นอย่างนั้น บริจิตก็ยังคงไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์
16. การที่บริจิตใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและไว้วางใจองค์การของพระองค์ทำให้เธอได้รับพรอะไร?
16 เนื่องจากบริจิตอยู่ไกลจากประชาคมมาก ผู้ดูแลหมวดก็เลยสนับสนุนให้เธอประกาศกับคนในเขตที่เธออยู่และจัดการประชุมเองที่บ้าน ตอนแรกบริจิตรู้สึกว่าทำไม่ไหว แต่เธอก็ทำตามคำแนะนำของผู้ดูแลหมวด เธอประกาศข่าวดีกับคนในเขตที่เธออยู่ จัดการประชุมที่บ้าน และจัดเวลานำการนมัสการประจำครอบครัวกับลูก ๆ ผลเป็นยังไง? เธอสามารถเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้หลายราย แถมนักศึกษาของเธอหลายคนก็รับบัพติศมาด้วย ในปี 2005 บริจิตถึงกับเริ่มเป็นไพโอเนียร์ประจำได้ การที่เธอไว้วางใจพระยะโฮวาและภักดีต่อองค์การของพระองค์ทำให้เธอได้พรที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ตอนนี้ลูกทุกคนของบริจิตรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ และทุกวันนี้ในเขตที่เธออยู่ก็มีถึง 2 ประชาคม เธอมั่นใจว่าพระยะโฮวาให้กำลังกับเธอรับมือกับความยากลำบากและสามารถอดทนการเยาะเย้ยจากญาติได้
ภักดีต่อพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์เสมอ
17. เราควรตั้งใจทำอะไร?
17 ซาตานอยากให้เราเชื่อว่าพระยะโฮวาทิ้งเราตอนที่เรากำลังลำบาก และมันอยากให้เราเชื่อว่าการทำตามสิ่งที่องค์การของพระองค์บอกมีแต่จะทำให้ชีวิตของเรายุ่งยากขึ้น ซาตานทำให้พี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การถูกใส่ร้าย ถูกข่มเหง และต้องติดคุกเพราะมันอยากทำให้เรากลัว และมันยังใช้การเยาะเย้ยเพื่อทำให้เราไม่อยากทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาและไม่ไว้วางใจองค์การของพระองค์ แต่เรารู้อุบายที่ชั่วร้ายของมันดี และเราจะไม่ยอมถูกมันหลอก (2 คร. 2:11) ให้คุณตั้งใจที่จะไม่สนใจคำโกหกของซาตาน และยังคงภักดีต่อพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์เสมอ (สด. 28:7) จำไว้ว่าพระยะโฮวาจะไม่มีวันทิ้งคุณ ดังนั้น อย่าให้อะไรมาทำให้คุณห่างจากพระองค์—รม. 8:35-39
18. เราจะคุยเรื่องอะไรบ้างในบทความหน้า?
18 เราได้คุยกันมาแล้วว่าซาตานใช้วิธีอะไรบ้างที่มาจากนอกประชาคมที่ทำให้เราไม่ไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ บทความหน้าเราจะมาดูกันว่าซาตานใช้อะไรบ้างจากในประชาคม และเราจะดูด้วยกันว่าเราจะรับมือได้ยังไง
เพลง 118 “ขอช่วยให้พวกเรามีความเชื่อมากขึ้น”
a เพื่อเราจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ในสมัยสุดท้ายและอดทนต่อ ๆ ไปได้ เราต้องไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ แต่ซาตานไม่อยากให้เราทำแบบนั้น ในบทความนี้เราจะมาดู 3 วิธีที่ซาตานใช้เพื่อทำลายความไว้วางใจที่เรามีต่อพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ แล้วเราจะดูด้วยว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะรับใช้อย่างซื่อสัตย์ต่อไป
b บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ