บทความศึกษา 12
เพลง 119 เราต้องมีความเชื่อ
ใช้ชีวิตตามความเชื่อต่อ ๆ ไป
“เราจึงใช้ชีวิตตามความเชื่อ ไม่ใช่ตามสิ่งที่เห็น”—2 คร. 5:7
จุดสำคัญ
เราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อต่อ ๆ ไปได้ยังไงเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ
1. เมื่ออัครสาวกเปาโลมองย้อนกลับไป ทำไมเขาถึงมีความสุข?
อัครสาวกเปาโลรู้ว่าอีกไม่นานเขาจะต้องตาย แต่พอมองย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตยังไง เขาก็ได้เห็นเลยว่าเขาได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าแล้ว และนี่ทำให้เขามีความสุข เขาบอกว่า “ผมวิ่งแข่งจนถึงเส้นชัยแล้ว และผมก็ยังคงรักษาความเชื่อไว้ได้” (2 ทธ. 4:6-8) เปาโลได้ตัดสินใจอย่างฉลาดโดยเลือกที่จะรับใช้พระยะโฮวาตลอดชีวิต และเขามั่นใจว่าพระยะโฮวาพอใจในตัวเขา เราก็อยากเป็นเหมือนกับเปาโล เราอยากตัดสินใจอย่างฉลาดและทำให้พระยะโฮวาพอใจ เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง?
2. การใช้ชีวิตตามความเชื่อหมายถึงอะไร?
2 เปาโลพูดถึงตัวเขาและคริสเตียนที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ ว่า “เราจึงใช้ชีวิตตามความเชื่อ ไม่ใช่ตามสิ่งที่เห็น” (2 คร. 5:7) เปาโลหมายความว่าอะไร? คนที่ใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็นจะตัดสินใจโดยอาศัยแค่สิ่งที่เห็น ได้ยิน และรู้สึก แต่ในทางกลับกัน คนที่ใช้ชีวิตตามความเชื่อจะตัดสินใจโดยพึ่งพระยะโฮวา สิ่งที่เขาทำแสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจว่าจะได้ประโยชน์จากคำแนะนำของพระยะโฮวาที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล และมั่นใจว่าในอนาคตพระองค์จะให้รางวัลกับเขาแน่นอน—สด. 119:66; ฮบ. 11:6
3. การใช้ชีวิตตามความเชื่อทำให้ได้ประโยชน์อะไรบ้าง? (2 โครินธ์ 4:18)
3 ก็จริงที่บางครั้งเราสามารถตัดสินใจโดยอาศัยแค่สิ่งที่เราเห็นภายนอกได้ แต่ถ้าเราตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ โดยอาศัยแค่สิ่งที่เรามองเห็นหรือได้ยินเท่านั้น เราอาจจะเจอปัญหามากกว่า เพราะอะไร? เพราะบางครั้งเราไม่สามารถไว้ใจสิ่งที่เรามองเห็นหรือได้ยิน ถ้าเราใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็น มันก็อาจทำให้เราไม่สนใจสิ่งที่พระยะโฮวาต้องการและอาจไม่สนใจทำตามคำแนะนำของพระองค์ด้วย (ปญจ. 11:9; มธ. 24:37-39) แต่เมื่อเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะตัดสินใจในแบบที่ทำให้ “ผู้เป็นนายพอใจ” (อฟ. 5:10) การทำตามคำแนะนำของพระเจ้าจะทำให้เรามีความสงบใจและมีความสุขแท้ (สด. 16:8, 9; อสย. 48:17, 18) และถ้าเราใช้ชีวิตตามความเชื่อต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุดเราก็จะได้ชีวิตตลอดไป—อ่าน 2 โครินธ์ 4:18
4. เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังใช้ชีวิตตามความเชื่อหรือตามสิ่งที่เห็น?
4 เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังใช้ชีวิตตามความเชื่อหรือตามสิ่งที่เห็น? เราต้องถามตัวเองว่า ฉันใช้อะไรในการตัดสินใจ? ฉันตัดสินใจโดยพึ่งแค่สิ่งที่เห็นและได้ยินหรือพึ่งพระยะโฮวากับคำแนะนำของพระองค์? ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อต่อ ๆ ไปใน 3 ขอบเขตนี้ได้ยังไง นั่นคือ (1) ตอนเลือกงานอาชีพ (2) ตอนเลือกคนที่จะแต่งงานด้วย และ (3) ตอนที่ได้รับคำแนะนำจากองค์การ เมื่อเราดูแต่ละอย่าง เราจะคุยกันว่ามีอะไรบ้างที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างฉลาด
ตอนเลือกงานอาชีพ
5. ปกติแล้วเวลาเราเลือกงานอาชีพ เราควรคิดถึงอะไร?
5 เราทุกคนอยากมีรายได้เพื่อจะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไม่ให้ลำบาก (ปญจ. 7:12; 1 ทธ. 5:8) งานบางอย่างก็มีรายได้ดีพอที่จะเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ แถมยังมีเงินเหลือเก็บด้วย แต่งานบางอย่างก็มีรายได้แค่พอซื้อสิ่งจำเป็นในครอบครัวเท่านั้น เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องงานอาชีพ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะดูว่างานนั้นจะทำให้เรามีรายได้เท่าไหร่ แต่ถ้านี่เป็นเพียงอย่างเดียวที่เราคิดถึง เราก็อาจกำลังใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็น ไม่ได้ใช้ชีวิตตามความเชื่อ
6. เราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อได้ยังไงตอนเลือกงานอาชีพ? (ฮีบรู 13:5)
6 ถ้าเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะคิดด้วยว่างานนั้นจะส่งผลต่อสายสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวายังไง เราอาจถามตัวเองว่า ‘งานนี้อาจทำให้ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบไหม?’ (สภษ. 6:16-19) ‘งานนี้จะขัดขวางการนมัสการพระเจ้าและอาจทำให้ฉันต้องอยู่ห่างจากครอบครัวนาน ๆ ไหม?’ (ฟป. 1:10) ถ้าคำตอบคือใช่ ดีกว่าที่จะไม่เลือกงานนั้นแม้ช่วงนั้นคุณอาจหางานทำได้ยาก ถ้าเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะตัดสินใจในแบบที่แสดงให้เห็นว่าเรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลความจำเป็นของเราแน่นอน—มธ. 6:33; อ่านฮีบรู 13:5
7-8. พี่น้องชายคนหนึ่งในอเมริกาใต้ใช้ชีวิตตามความเชื่อยังไง? (ดูภาพด้วย)
7 ให้เรามาดูประสบการณ์ของพี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อฮาเวียร์aซึ่งอยู่ในอเมริกาใต้ เขาเห็นเลยว่าเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหนที่ต้องใช้ชีวิตตามความเชื่อ เขาเล่าว่า “ผมส่งใบสมัครไปที่บริษัทหนึ่งซึ่งเป็นงานที่ดีมาก งานนี้ให้เงินเดือนมากกว่างานเดิมถึง 2 เท่า แถมยังเป็นงานที่ผมชอบมากด้วย” แต่ฮาเวียร์ก็อยากเป็นไพโอเนียร์มากด้วยเหมือนกัน เขาเล่าต่อไปว่า “ผมได้นัดสัมภาษณ์งานนั้น แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ผมอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วย และผมมั่นใจว่าพระยะโฮวารู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับผม ถึงผมจะอยากได้งานที่มีตำแหน่งสูงขึ้นและได้เงินเดือนเยอะขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากได้งานที่ขัดขวางเป้าหมายงานรับใช้ของผม”
8 ฮาเวียร์เล่าว่า “ช่วงที่สัมภาษณ์ ผู้จัดการบอกว่าผมต้องทำโอทีเป็นประจำ ผมก็เลยอธิบายกับเขาอย่างสุภาพว่าผมทำไม่ได้เพราะผมต้องจัดเวลาไว้สำหรับการนมัสการและรับใช้พระเจ้า” ฮาเวียร์ปฏิเสธงานนั้นไป และ 2 อาทิตย์ต่อมาเขาเริ่มเป็นไพโอเนียร์ และหลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็ได้งานพาร์ทไทม์ เขาบอกว่า “พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของผม พระองค์ให้ผมได้งานที่ทำให้ผมสามารถเป็นไพโอเนียร์ได้ ผมมีความสุขจริง ๆ เลยครับที่มีงานที่สามารถทำให้ผมใช้เวลามากขึ้นเพื่อรับใช้พระยะโฮวาและพี่น้อง”
ถ้าคุณได้รับข้อเสนอให้เลื่อนตำแหน่ง การตัดสินใจของคุณแสดงให้เห็นไหมว่าคุณมั่นใจว่าพระยะโฮวารู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ? (ดูข้อ 7-8)
9. คุณได้เรียนอะไรจากประสบการณ์ของเทรซอร์?
9 แล้วถ้าเราเริ่มเห็นว่างานที่เรากำลังทำอยู่ทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตตามความเชื่อได้ล่ะ เราจะทำยังไง? ให้เรามาดูประสบการณ์ของพี่น้องชายคนหนึ่งที่ชื่อเทรซอร์จากประเทศคองโก เขาเล่าว่า “งานใหม่ของผมเรียกได้ว่าเป็นโอกาสทองครั้งเดียวในชีวิต เพราะผมได้เงินเดือนมากกว่าที่เดิม 3 เท่า และได้ตำแหน่งที่คนให้ความนับถือมาก” แต่งานนี้ทำให้เทรซอร์ขาดประชุมเป็นประจำเพราะเขาต้องทำโอที แถมเขายังถูกกดดันให้ปกปิดการทุจริตที่เกิดขึ้นในบริษัทด้วย เทรซอร์อยากจะลาออกจากงาน แต่เขาก็กังวลว่าจะต้องตกงาน แล้วอะไรช่วยเขา? เขาเล่าว่า “ฮาบากุก 3:17-19 ช่วยให้ผมเข้าใจว่าแม้ผมจะขาดรายได้ แต่พระยะโฮวาจะคอยดูแลผมแน่นอน ผมก็เลยตัดสินใจลาออก” เขาบอกว่า “พวกนายจ้างคิดว่าถ้าให้เงินเดือนดี ๆ ทุกคนจะยอมสละทุกอย่างและถึงกับยอมสละเวลาที่ให้กับครอบครัวและการนมัสการด้วย ผมดีใจจริง ๆ ที่สามารถปกป้องสายสัมพันธ์ที่มีกับพระยะโฮวาและกับครอบครัว หลังจากนั้น 1 ปีพระยะโฮวาก็ช่วยให้ผมได้งานที่มั่นคงและสามารถใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แถมยังมีเวลามากพอที่จะทำงานรับใช้ด้วย ถ้าเราให้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต ถึงแม้บางครั้งเราอาจต้องลำบากเรื่องเงิน แต่พระยะโฮวาจะดูแลเราแน่นอน” ใช่แล้ว ถ้าเราพึ่งคำแนะนำของพระยะโฮวาและมั่นใจในคำสัญญาของพระองค์ เราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อได้ต่อ ๆ ไปและพระยะโฮวาจะอวยพรเรา
ตอนเลือกคนที่จะแต่งงานด้วย
10. ตอนเลือกคนที่จะแต่งงานด้วย เราอาจใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็นยังไง?
10 การแต่งงานเป็นของขวัญที่มาจากพระยะโฮวา และเป็นเรื่องปกติที่เราจะอยากแต่งงาน เมื่อพี่น้องหญิงมองหาพี่น้องชายที่เธออยากแต่งงานด้วย เธออาจดูที่นิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตา ชื่อเสียง ฐานะทางการเงิน ภาระหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัว และดูว่าเขาสามารถดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของเธอได้ไหมb ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ถ้าเธอคิดถึงแค่ปัจจัยเหล่านี้เท่านั้น เธอก็อาจกำลังใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็น
11. เราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อได้ยังไงตอนเลือกคนที่จะแต่งงานด้วย? (1 โครินธ์ 7:39)
11 พระยะโฮวาคงต้องภูมิใจในตัวพี่น้องชายหญิงของเรามากแน่ ๆ ที่ทำตามคำแนะนำของพระองค์ตอนเลือกคนที่จะแต่งงานด้วย ตัวอย่างเช่น พวกเขาทำตามคำแนะนำที่ให้รอจนเลย “ช่วงหนุ่มสาว” ไปก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงาน (1 คร. 7:36) และเมื่อพวกเขาเลือกคนที่จะแต่งงานด้วย พวกเขาจะคิดว่าคนนั้นมีคุณลักษณะดี ๆ ที่พระยะโฮวาบอกว่าสามีหรือภรรยาที่ดีควรจะมีหรือเปล่า (สภษ. 31:10-13, 26-28; อฟ. 5:33; 1 ทธ. 5:8) และถ้ามีคนที่ไม่ได้เป็นพยานฯ มาสนใจพวกเขา พวกเขาก็จะทำตามคำแนะนำที่บอกไว้ใน 1 โครินธ์ 7:39 (อ่าน) ที่บอกให้แต่งงานกับ “คนที่เชื่อถือผู้เป็นนาย” เท่านั้น พวกเขาใช้ชีวิตตามความเชื่อต่อ ๆ ไปโดยมั่นใจว่าพระยะโฮวาเป็นผู้เดียวที่สามารถดูแลเอาใจใส่อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาได้ดีที่สุด—สด. 55:22
12. เราได้เรียนอะไรจากตัวอย่างของโรซ่า?
12 ให้เรามาดูประสบการณ์ของโรซ่าพี่น้องหญิงที่เป็นไพโอเนียร์จากโคลอมเบีย งานของเธอทำให้เธอต้องติดต่อเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนหนึ่งบ่อย ๆ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พยานฯ เขาเริ่มจีบเธอ แล้วโรซ่าก็ชอบเขาด้วย เธอเล่าว่า “เขาดูเป็นคนที่ดีมาก ชอบช่วยเหลือคนในชุมชน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ คอยดูแลเทคแคร์ฉันอย่างดี จะว่าไปเขาก็เป็นผู้ชายที่ตรงสเปคฉันเลยค่ะ ติดแค่อย่างเดียวว่าเขาไม่ใช่พยานฯ” เธอเล่าต่อว่า “มันยากมากที่จะปฏิเสธเขาเพราะใจฉันก็อยากมีใครสักคนเหมือนกัน ตอนนั้นฉันรู้สึกเหงามากแล้วก็อยากแต่งงาน แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่ในองค์การเลย” ถึงอย่างนั้น โรซ่าไม่ได้แค่ใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็น เธอคิดว่าถ้าเธอตัดสินใจคบกับเขา มันจะมีผลยังไงกับความสัมพันธ์ที่เธอมีกับพระยะโฮวา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็เลยตัดสินใจว่าจะหยุดการติดต่อทุกอย่างกับผู้ชายคนนี้และยุ่งอยู่กับการทำงานรับใช้ ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ถูกเชิญให้เข้าโรงเรียนผู้ประกาศราชอาณาจักร (SKE) และตอนนี้เธอรับใช้เป็นไพโอเนียร์พิเศษ โรซ่าบอกว่า “พระยะโฮวาทำให้ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ” ถึงจะไม่ง่ายที่จะใช้ชีวิตตามความเชื่อโดยเฉพาะในเรื่องของหัวใจ แต่มันก็คุ้มค่าแน่นอน
ตอนได้รับคำแนะนำจากองค์การ
13. ตอนได้รับคำแนะนำจากองค์การ เราอาจใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็นยังไง?
13 เรามักได้คำแนะนำเกี่ยวกับการนมัสการผ่านทางองค์การบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากผู้ดูแลในประชาคม ผู้ดูแลหมวด สำนักงานสาขา หรือคณะกรรมการปกครอง แต่บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงมีคำแนะนำแบบนั้น เราอาจเอาแต่คิดว่าถ้าทำตามคำแนะนำนั้นมันจะออกมาดีได้ยังไง และอาจเริ่มมองแต่ความไม่สมบูรณ์แบบของพี่น้องที่ให้คำแนะนำนั้น
14. เราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อได้ยังไงตอนได้รับคำแนะนำจากองค์การ? (ฮีบรู 13:17)
14 เมื่อเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะวางใจว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพระยะโฮวาและพระองค์รู้ดีว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เมื่อเป็นอย่างนั้นเราก็พร้อมจะเชื่อฟังและคิดในแง่บวกเสมอ (อ่านฮีบรู 13:17) เรารู้ว่าการที่เราเชื่อฟังจะช่วยให้ประชาคมเป็นหนึ่งเดียวกัน (อฟ. 4:2, 3) ถึงแม้พี่น้องที่นำหน้าจะเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราก็มั่นใจว่าถ้าเราเชื่อฟัง พระยะโฮวาจะอวยพรเรา (1 ซม. 15:22) และถ้าต้องมีการปรับเปลี่ยนคำแนะนำอะไรบางอย่างในองค์การ เราก็จะวางใจว่าพระยะโฮวาจะจัดการกับเรื่องนั้นแน่นอนเมื่อถึงเวลา—มคา. 7:7
15-16. อะไรช่วยให้พี่น้องชายคนหนึ่งใช้ชีวิตตามความเชื่อ ถึงแม้ว่าตอนแรกเขาจะสงสัยในคำแนะนำขององค์การ? (ดูภาพด้วย)
15 ให้เรามาดูประสบการณ์ที่เน้นถึงประโยชน์ของการใช้ชีวิตตามความเชื่อ ในเปรูผู้คนใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลักแต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาท้องถิ่นด้วยซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือภาษาเกชัว เป็นเวลาหลายปีที่พี่น้องของเราพยายามตามหาคนที่พูดภาษาเกชัวในเขตประกาศของพวกเขา แต่เพื่อจะทำตามกฎหมายของประเทศนั้น องค์การเลยต้องปรับเปลี่ยนวิธีทำงานประกาศกับคนที่พูดภาษานี้ (รม. 13:1) พี่น้องบางคนเลยสงสัยว่าวิธีใหม่จะได้ผลจริงหรือเปล่า แต่พอพวกเขาทำตามการปรับเปลี่ยน พระยะโฮวาก็อวยพรพวกเขาให้ได้เจอกับหลายคนที่พูดภาษาเกชัว
16 เควิน ผู้ดูแลจากประชาคมภาษาเกชัวก็เป็นคนหนึ่งที่สงสัยว่าการปรับเปลี่ยนจะเกิดผลดีไหม เขาเล่าว่า “ตอนแรกผมคิดว่า ‘แล้วเราจะเจอคนที่พูดภาษาเกชัวได้ยังไงล่ะ?’” แต่เควินปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองยังไง? เขาเล่าว่า “ผมคิดถึงสุภาษิต 3:5 แล้วก็คิดถึงตัวอย่างของโมเสส ตอนนั้นโมเสสต้องนำชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ ดูเหมือนว่าตอนแรกเขาจะนำชาติอิสราเอลไปถึงทางตันและทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าของการโจมตีจากชาวอียิปต์ แต่ถึงอย่างนั้นโมเสสก็ยังเชื่อฟัง และพระยะโฮวาก็อวยพรเขาในแบบที่น่าประทับใจมาก” (อพย. 14:1, 2, 9-11, 21, 22) เควินพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวิธีประกาศ แล้วผลเป็นยังไง? เขาบอกว่า “ผมรู้สึกประทับใจมากในวิธีที่พระยะโฮวาอวยพรเรา ก่อนหน้านี้เราต้องเดินในเขตประกาศเยอะมาก แล้วก็อาจจะได้เจอคนที่พูดภาษาเกชัวแค่คนสองคนเท่านั้น แต่ตอนนี้เราเน้นประกาศในเขตที่เราจะได้เจอคนที่พูดภาษาเกชัวเยอะกว่า ผลก็คือเราเลยได้มีโอกาสคุยกับผู้คนมากขึ้น มีรายเยี่ยมและนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น จำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมของเราก็เพิ่มมากขึ้นด้วย” ดังนั้น เราเห็นได้ชัดว่าเมื่อเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะได้รับรางวัลจากพระยะโฮวาแน่นอน
พี่น้องเจอหลายคนที่สามารถบอกได้ว่าในละแวกที่พวกเขาอยู่จะเจอคนที่พูดภาษาเกชัวได้ที่ไหน (ดูข้อ 15-16)
17. คุณได้เรียนอะไรจากบทความนี้?
17 ในบทความนี้เราได้คุยกันไปแล้วว่าเราจะใช้ชีวิตตามความเชื่อได้ยังไงใน 3 ขอบเขตที่สำคัญ ถึงอย่างนั้นเราต้องใช้ชีวิตตามความเชื่อต่อ ๆ ไปในทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราเลือกความบันเทิง ตอนที่เราตัดสินใจว่าจะเรียนสูงขนาดไหนหรือจะเลี้ยงลูกยังไง ไม่ว่าเราจะต้องตัดสินใจเรื่องอะไร เราไม่ควรตัดสินใจโดยอาศัยสิ่งที่เห็นเท่านั้น แต่เราต้องคิดถึงความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวา คำแนะนำของพระองค์ และคำสัญญาของพระองค์ที่บอกว่าพระองค์จะดูแลเราเสมอ ถ้าเราทำอย่างนั้นเราก็จะสามารถ “เชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าของเราตลอดไป”—มคา. 4:5
เพลง 156 ด้วยความเชื่อแท้
a บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
b ข้อนี้พูดถึงพี่น้องหญิงที่มองหาพี่น้องชายที่จะแต่งงานด้วย แต่หลักการเดียวกันนี้ก็ใช้ได้ในกรณีที่พี่น้องชายมองหาพี่น้องหญิงที่จะแต่งงานด้วย