มาระโก
ข้อมูลสำหรับศึกษา บท 5
ชาวเกราซา: มีการใช้ชื่อสถานที่นี้แตกต่างกันในบันทึกเหตุการณ์เดียวกัน (มธ 8:28-34; มก 5:1-20; ลก 8:26-39) และสำเนาโบราณของหนังสือข่าวดีแต่ละเล่มก็มีข้อความไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ในสำเนาพระคัมภีร์ที่น่าเชื่อถือที่สุดมัทธิวใช้คำว่า “เขตแดนของชาวกาดารา” ส่วนมาระโกและลูกาใช้คำว่า “เขตแดนของชาวเกราซา” แต่โดยทั่วไปทั้งสองคำหมายถึงเขตแดนเดียวกันตามที่อธิบายในข้อมูลสำหรับศึกษาคำว่าเขตแดนของชาวเกราซาในข้อนี้
เขตแดนของชาวเกราซา: เขตแดนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง (ฝั่งตะวันออก) ของทะเลสาบกาลิลี ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขตแดนนี้อยู่ที่ไหนในปัจจุบันและมีขอบเขตกว้างขวางแค่ไหน บางคนบอกว่า “เขตแดนของชาวเกราซา” คือบริเวณรอบ ๆ เคอร์ซีใกล้กับไหล่เขาที่สูงชันทางฝั่งตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี แต่บางคนบอกว่าเขตแดนนี้คือพื้นที่กว้างใหญ่รอบ ๆ เมืองเกราซา (เจราช) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบกาลิลี 55 กม. มธ 8:28 เรียกบริเวณนี้ว่า “เขตแดนของชาวกาดารา” (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาคำว่าชาวเกราซาในข้อนี้ และข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:28) แม้จะมีการใช้ชื่อต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วทั้ง 2 คำนี้หมายถึงเขตแดนเดียวกันที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี และสองเขตแดนนี้อาจมีบางส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่ ดังนั้น บันทึกในส่วนนี้จึงไม่ขัดแย้งกัน—ดูภาคผนวก ก7, แผนที่ 3ข, “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณทะเลสาบกาลิลี” และภาคผนวก ข10 ด้วย
ผู้ชายคนหนึ่ง: ผู้เขียนหนังสือข่าวดีมัทธิว (8:28) พูดถึงผู้ชาย 2 คน แต่มาระโกกับลูกา (8:27) พูดถึงผู้ชายที่ถูกปีศาจสิงแค่คนเดียว ที่เป็นแบบนั้นอาจเป็นเพราะพระเยซูพูดกับผู้ชายคนนี้และเรื่องราวของเขาเด่นกว่า หรืออาจเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ก้าวร้าวกว่าหรือต้องทนทุกข์เพราะถูกปีศาจสิงมานานกว่า นอกจากนั้น อาจเป็นไปได้ว่าแม้มีผู้ชาย 2 คนได้รับการรักษาให้หาย แต่มีแค่คนเดียวอยากติดตามพระเยซู—มก 5:18-20
สุสาน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 8:28
มายุ่งกับผมทำไม?: คำถามนี้แปลตรงตัวว่า “เกี่ยวอะไรกับผมและคุณ?” เป็นสำนวนภาษาเซมิติกที่ใช้หลายครั้งในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู (วนฉ 11:12; ยชว 22:24; 2ซม 16:10; 19:22; 1พก 17:18; 2พก 3:13; 2พศ 35:21; ฮชย 14:8) และในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกก็ใช้สำนวนนี้ด้วย (มธ 8:29; มก 1:24; 5:7; ลก 4:34; 8:28; ยน 2:4) สำนวนนี้อาจมีหลายความหมายขึ้นอยู่กับท้องเรื่อง ในข้อนี้ (มก 5:7) สำนวนนี้ถ่ายทอดความรู้สึกเกลียดชังและขับไล่ไสส่ง ซึ่งผู้แปลบางคนคิดว่าน่าจะแปลว่า “อย่ามายุ่งกับผม!” หรือ “ไปไกล ๆ เลย!” ในท้องเรื่องอื่น ๆ มีการใช้สำนวนนี้เพื่อแสดงว่าไม่เห็นด้วยหรือไม่อยากทำตามที่แนะนำ โดยไม่ได้มีความรู้สึกดูถูก ถือตัว หรือเกลียดชัง—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ยน 2:4
ทรมานผม: คำว่า “ผู้คุม” ใน มธ 18:34 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษา) มาจากคำกรีกที่เกี่ยวข้องกับคำนี้ ดังนั้น ในท้องเรื่องนี้คำว่า “ทรมาน” จึงน่าจะหมายถึงการคุมขังหรือกักขังไว้ใน “ขุมลึก” ที่พูดถึงใน ลก 8:31 ซึ่งเป็นบันทึกเหตุการณ์เดียวกัน
กองพัน: ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ชื่อจริงของผู้ชายที่ถูกปีศาจสิง แต่ชื่อนี้ทำให้รู้ว่ามีปีศาจหลายตนสิงอยู่ในผู้ชายคนนี้ เป็นไปได้ว่าหัวหน้าของปีศาจเหล่านี้ทำให้เขาพูดว่าชื่อกองพัน ในศตวรรษแรกปกติแล้วทหารโรมันหนึ่งกองมีทหารประมาณ 6,000 นาย ชื่อนี้จึงทำให้รู้ว่าน่าจะมีปีศาจจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 26:53
หมู: หมูเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาดตามกฎหมายของโมเสส (ลนต 11:7) แต่มีตลาดขายหมูอยู่ในชุมชนของคนต่างชาติในเขตเดคาโปลิสเพราะทั้งชาวกรีกและชาวโรมันถือว่าหมูเป็นอาหารชั้นเลิศ พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าคนเลี้ยงหมูเป็นคนยิวที่ทำผิดกฎหมายหรือเป็นคนต่างชาติ—มก 5:14
เล่าให้พวกเขาฟัง: ปกติแล้วพระเยซูจะห้ามไม่ให้ป่าวประกาศเรื่องการอัศจรรย์ที่ท่านทำ (มก 1:44; 3:12; 7:36) แต่คราวนี้พระเยซูสั่งให้ผู้ชายคนนี้ไปเล่าให้ญาติ ๆ ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น นี่อาจเป็นเพราะท่านถูกขอให้ออกไปจากเขตนั้นจึงไม่มีโอกาสที่จะประกาศกับคนที่นั่นด้วยตัวเอง และเรื่องที่ผู้ชายคนนี้เล่าคงช่วยแก้ข่าวลือในแง่ลบที่ว่าพระเยซูทำให้หมูตายทั้งฝูง
พระยะโฮวาทำอะไรเพื่อคุณบ้าง: การที่พระเยซูพูดแบบนี้ ท่านกำลังบอกว่าการอัศจรรย์นี้มาจากพ่อของท่านในสวรรค์ ไม่ได้มาจากตัวท่านเอง ที่สรุปแบบนี้ได้เพราะในบันทึกเหตุการณ์เดียวกันที่หนังสือลูกา (ลก 8:39) มีการใช้คำกรีก เธะออส (พระเจ้า) ถึงแม้ใน มก 5:19 สำเนาภาษากรีกส่วนใหญ่จะใช้คำว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” (ฮอ คูริออส) แต่ก็มีเหตุผลที่ดีหลายอย่างที่จะเชื่อว่าในต้นฉบับเคยมีชื่อของพระเจ้าอยู่ในข้อนี้ และต่อมาถูกแทนที่ด้วยตำแหน่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น พระคัมภีร์ฉบับนี้จึงใช้ชื่อพระยะโฮวาในข้อนี้
เดคาโปลิส: หรือ “เขตที่มี 10 เมือง”—ดูส่วนอธิบายศัพท์ และภาคผนวก ข10
หัวหน้าที่ประชุมของชาวยิว: คำกรีก อาร์ฆิสูนาโกกอส มีความหมายตรงตัวว่า “ผู้ปกครองที่ประชุมของชาวยิว”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 9:18
ป่วยหนักมาก: หรือ “ใกล้จะถึงจุดจบของเธอ” ซึ่งก็คือใกล้ตาย
ตกเลือด: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 9:20
โรคที่ทำให้เป็นทุกข์: แปลตรงตัวว่า “การเฆี่ยน”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 5:34
ลูก: แปลตรงตัวว่า “ลูกสาว” นี่เป็นเหตุการณ์เดียวในคัมภีร์ไบเบิลที่พระเยซูเรียกผู้หญิงว่า “ลูก” อาจเป็นเพราะท่านเห็นว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่น่าสงสารและกำลัง “กลัวจนตัวสั่น” (มก 5:33; ลก 8:47) การใช้คำที่แสดงความรักนี้แสดงว่าพระเยซูเป็นห่วงเธอมาก ไม่ได้บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนั้นอายุเท่าไร
ขอให้สบายใจเถอะ: มีการใช้สำนวนนี้บ่อย ๆ ทั้งในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกและภาษาฮีบรูซึ่งมีความหมายว่า “ขอให้อยู่ดีมีสุข” (ลก 7:50; 8:48; ยก 2:16; เทียบกับ 1ซม 1:17; 20:42; 25:35; 29:7; 2ซม 15:9; 2พก 5:19) คำฮีบรูที่มักแปลว่า “สันติสุข” (ชาโลม) มีความหมายกว้าง อาจหมายถึงสภาพการณ์ที่ไม่มีสงครามหรือความวุ่นวาย (วนฉ 4:17; 1ซม 7:14; ปญจ 3:8) และยังหมายถึงการมีสุขภาพดี ปลอดภัย อยู่ดีมีสุข (1ซม 25:6, เชิงอรรถ; 2พศ 15:5; โยบ 5:24, เชิงอรรถ) มีความเป็นอยู่ที่ดี (อสธ 10:3) และมีมิตรภาพที่ดี (สด 41:9) ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก คำกรีกที่แปลว่า “สันติสุข” หรือ “สงบสุข” (เอ่เรเน ) มักถูกใช้ในความหมายกว้าง ๆ เหมือนกับภาษาฮีบรู คือ หมายถึงสภาพการณ์ที่ไม่มีความขัดแย้ง และยังหมายถึงความเป็นอยู่ที่ดี ความรอด และการไม่แตกแยกกัน
โรคที่ทำให้เป็นทุกข์: แปลตรงตัวว่า “การเฆี่ยน” ความหมายตรงตัวของคำนี้หมายถึงการเฆี่ยนแบบหนึ่งที่มักใช้เพื่อทรมาน (กจ 22:24; ฮบ 11:36) แต่ข้อนี้ใช้คำนี้ในความหมายเป็นนัยเพื่อบอกให้รู้ว่าโรคที่ผู้หญิงคนนี้เป็นอยู่ทำให้เธอทุกข์ทรมานมาก
ขอให้เชื่อเถอะ: หรือ “แสดงความเชื่อต่อ ๆ ไปเถอะ” คำกริยากรีกในประโยคนี้อยู่ในรูปการกระทำที่ต่อเนื่อง ตอนที่ไยรอสมาหาพระเยซู เขาแสดงความเชื่อในระดับหนึ่งอยู่แล้ว (มก 5:22-24) และตอนนี้พระเยซูบอกให้เขารักษาความเชื่อต่อ ๆ ไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายของลูกสาว
ไม่ได้ตาย แต่นอนหลับอยู่: คัมภีร์ไบเบิลมักพูดถึงความตายว่าเป็นเหมือนการนอนหลับ (สด 13:3; ยน 11:11-14; กจ 7:60; 1คร 7:39; 15:51; 1ธส 4:13) พระเยซูกำลังจะปลุกเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ฟื้นขึ้นตาย ดังนั้น ท่านอาจพูดแบบนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนตายแล้วจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาได้เหมือนการปลุกคนที่นอนหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา พระเยซูสามารถปลุกเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ฟื้นจากตายเพราะท่านได้รับอำนาจจากพ่อของท่านซึ่งเป็นพระเจ้าที่ ‘ทำให้คนตายมีชีวิตอีกได้ และพูดถึงสิ่งที่ยังไม่มีเหมือนกับว่ามีอยู่แล้ว’—รม 4:17
ทาลิธา คูม: มัทธิวกับลูกาก็บันทึกเรื่องการปลุกลูกสาวไยรอสให้ฟื้นขึ้นจากตาย (มธ 9:23-26; ลก 8:49-56) แต่มาระโกเป็นคนเดียวที่บันทึกคำพูดนี้ของพระเยซูพร้อมกับแปลความหมายด้วย คำนี้เป็นคำในตระกูลภาษาเซมิติก ซึ่งในสำเนาพระคัมภีร์ภาษากรีกบางฉบับใช้คำว่า ทาลิธา คูม และบางฉบับใช้ ทาลิธา คูมิ ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าข้อความนี้เป็นภาษาอาราเมอิก แต่บางคนบอกว่าอาจเป็นได้ทั้งภาษาฮีบรูหรืออาราเมอิก—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 7:34
ตื่นเต้นดีใจกันใหญ่: หรือ “รู้สึกทึ่งมาก” คำกรีก เอ็คสะทาซิส (มาจาก เอ็ค หมายถึง “ออกจาก” และ สะทาซิส หมายถึง “การยืนอยู่”) หมายถึงการหลุดออกจากสภาพปกติของความคิดจิตใจเพราะรู้สึกทึ่ง ประหลาดใจ หรือได้รับนิมิตจากพระเจ้า คำกรีกเดียวกันนี้ใน มก 16:8 แปลว่า “ทั้งกลัวทั้งสับสน” และใน ลก 5:26 แปลว่า “ประหลาดใจมาก” ในหนังสือกิจการ คำกรีกนี้เกี่ยวข้องกับการกระทำของพระเจ้า ซึ่งใน กจ 10:10; 11:5; 22:17 มีการแปลว่า “เคลิ้มไป”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 10:10