วัตถุบินลึกลับคืออะไรกัน?
เบ็ทตี แคช และ วิคกี แลนดรัม พร้อมด้วย คอลบี บุตรชาย อ้างว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1980 พวกเขาถูกความร้อน ควัน และเปลวไฟจากยูเอฟโอ (unidentified flying object, วัตถุบินลึกลับ). รายงานแจ้งว่าพวกเขาพรรณนารูปร่างของมันคล้ายกับ ‘วัตถุขนาดใหญ่รูปเพชร ลอยในท้องฟ้าเบื้องหน้ารถยนต์ของเขาบนถนนไปฟาร์มสายเปลี่ยวใกล้ฮัฟแมน ทางตะวันออกเฉียงเหนือจากฮิวสตัน เท็กซัส.’ เนื่องจากการประจันหน้ากันคราวนั้น เขาอ้างว่า เกิดปัญหาต่าง ๆ นานาทางสุขภาพ.—ไมอามี เฮรัลด์, 4 กันยายน 1985.
พวกผู้หญิงคิดว่ารัฐบาลสหรัฐพัวพันด้วย เพราะ “ไม่นานสิ่งนั้นบินไปทางเหนือ มีเฮลิค็อปเตอร์แบบทหาร 23 ลำบินติดตามไปด้วย.” ในรายงานนี้ วิคกี แลนดรัม หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้น บอกว่า “ทั้งสามคนเกิดแผลพุพอง ผมร่วง วิงเวียน และปวดศีรษะ. แลนดรัมเชื่อว่า สิ่งนั้นฉายรังสีชนิดหนึ่งลงมาซึ่งทำให้เขาทั้งสามคนไวต่อแสงแดด.” พวกเขาฟ้องรัฐบาลในการประมาทเลินเล่อ.
ด้วยเรื่องราวข้างต้นและเรื่องที่เป็นข่าวอื่น ๆ ยูเอฟโอได้เป็นที่สนใจของสาธารณชนครั้งแล้วครั้งเล่า. ดังที่ฟิลิป เจ. คลาสส์ เขียนลงในหนังสือยูเอฟโอส์—เดอะ พับลิค ดีซีฟด์ ว่า “โอกาสที่จะพบชีวิตต่างดาวซึ่งมีเชาวน์ปัญญานั้น เป็นเรื่องโน้มน้าวจิตใจคนทั่วโลก และการค้นหาได้ดึงดูดความสนใจ และความเพียรพยายาม ของบรรดานักวิทยาศาสตร์ผู้มีสมรรถนะ.” ‘แต่ทำไมจึงเป็นขณะนี้?’ คำถามจาก เอ็ดเวิร์ด ดอลนิคในหนังสือ เดอะ นิว รีพับลิค ประจำเดือนสิงหาคม 1987 ภายใต้หัวข้อ “การประจันซึ่ง ๆ หน้า.” เขาให้คำตอบว่า “คำอธิบายหลักในปัจจุบันนี้เกี่ยวโยงถึงความกลัวภัยพิบัติอย่างฝังใจซึ่งพัวพันกับยุคพันปีข้างหน้าที่ใกล้เข้ามา” กล่าวคือ เรากำลังเข้าไปใกล้ปี 2000.
ผู้คนเชื่อเรื่องยูเอฟโอไหม?
คุณเชื่อเรื่องยูเอฟโอไหม? คุณเคยเห็นอะไรในท้องฟ้ายามค่ำคืนซึ่งน่าฉงนไหม? ไม่ว่าถูกกระตุ้นจากความกลัวภัยที่มีบอกไว้ล่วงหน้า หรือถูกชักนำจากประสบการณ์อื่น ๆ หลายคนในปัจจุบันเชื่อเรื่องยูเอฟโอ. ดอลนิคกล่าวไว้ในข้อเขียนของเขาว่าการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนระบุว่า “ชาวอเมริกันร้อยละ 57 ที่สำเร็จการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัย เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว.” เขาเสริมว่า “ส่วนชาวอเมริกันที่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย ตัวเลขลดลงเหลือร้อยละ 46.”
สมัยก่อน รายงานเรื่องยูเอฟโอมักพรรณนาว่าเป็นสิ่งประหลาดในท้องฟ้าหรือบางครั้งเห็นในระยะใกล้. อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนรายงานเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับการติดต่อมนุษย์โดยตรง. บางครั้งว่ากันว่านี้เป็นการเผชิญกับ “มนุษย์ต่างดาว” ซึ่งมาลักพาตัวมนุษย์ไปตามที่อ้างกัน. รายงานข่าวบ่งบอกว่าความมุ่งหมายของ “มนุษย์ต่างดาว” บางครั้งเกี่ยวพันกับการใช้มนุษย์ทดลองทางชีวะหรือกระทั่งทางพันธุกรรม. ข้อยืนยันเหล่านี้ได้หันความสนใจของผู้คนไปสู่เรื่องยูเอฟโออีก.
การอ้างว่าได้เห็นและติดต่อกับพวกนั้นมีขอบข่ายระดับนานาชาติ. ตัวอย่างเช่น เรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับชายสวิสคนหนึ่ง. อ้างกันว่าในระหว่างห้าปีกว่า เขา “ถ่ายภาพที่แสดงรายละเอียดอย่างแจ่มชัดออกมาหลายร้อยภาพ. นอกจากนั้น เขาบันทึกเสียงของ ‘ยานมีลำแสง’ เก็บตัวอย่างโลหะหลายชิ้น และถ่ายภาพยนตร์ยานขณะบินอยู่.” เรื่องมีต่อไปว่า “พยานหลายสิบคนได้เห็นยานมีลำแสงและยืนยันเรื่องราวเหลือเชื่อ [ของชายผู้นี้]. หลักฐานของเขาได้รับการตรวจสอบโดยคณะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายรักษาความมั่นคงโดยมีทหารอากาศสหรัฐยศพันเอกที่ปลดเกษียณแล้วเป็นหัวหน้า ได้รับการตรวจสอบจากนักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็ม ห้องปฏิบัติการเครื่องยนต์ไอพ่นขององค์การนาซา มหาวิทยาลัยรัฐอริโซนา และบริษัททางการบินแม็คดอนเนลล์ ดักลาส.”
เรื่องราวแบบนี้ก็ยังมีเล่ากันอยู่. เรื่องที่นับว่าน่าสนใจที่สุดปรากฏในหนังสือ เดอะ แทมปา ทริบูน ฉบับ 30 มกราคม 1989. ลงภาพสี “ยานอวกาศ” ซึ่งถ่ายในบริเวณกัลฟ์บรีซ รัฐฟลอริดา. เรื่องราวเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของชายผู้หนึ่งชื่อเอ็ด. การบรรยายความถึงการพบครั้งแรกของเขามีดังนี้ “เอ็ดบอกว่าเมื่อเขามองผ่านประตูกระจกออกไปจากห้องนอนของเขา ก็เผชิญกับสิ่งมีชีวิตคล้ายเด็กอยู่ในชุดสีเทา.” การเผชิญหน้าอย่างชัดแจ้งนี้ดำเนินไปชั่วพักหนึ่ง ขณะที่เอ็ดถ่ายภาพไว้หลายภาพ. อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ไม่ได้ลงภาพเหล่านั้นเลย.
เมื่อมีรายงานอันน่าตื่นเต้นของการประสบพบเห็นตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์, วารสารรายคาบ และหนังสืออื่น ๆ ที่ติดอันดับขายดี ผู้คนก็ถามกันว่า เรื่องเป็นอย่างไรกัน? ยูเอฟโอมีจริงไหม? หรือเป็นแต่เพียงจินตนาการ? มีบันทึกใด ๆ ไหมในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องเช่นนั้น? เป็นไปได้ไหมที่อาจจะมีคำอธิบายซึ่งล้ำหน้ากว่าวิทยาศาสตร์ในสมัยปัจจุบัน? เรื่องเหล่านี้และคำถามอื่น ๆ จะพิจารณาในบทความถัดไป.