ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต90 8/11 น. 4-7
  • ยูเอฟโอ—อดีตและปัจจุบัน

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ยูเอฟโอ—อดีตและปัจจุบัน
  • ตื่นเถิด! 1990
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • ยูเอฟโอ​ใน​สมัย​ปัจจุบัน
  • รัฐบาล​สหรัฐ​ตรวจ​สอบ
  • 1952—ปี​ของ​ยูเอฟโอ
  • ยูเอฟโอ—สามารถระบุได้ไหม?
    ตื่นเถิด! 1990
  • วัตถุบินลึกลับคืออะไรกัน?
    ตื่นเถิด! 1990
  • มนุษย์ต่างดาว—เขาอยู่ที่ไหน?
    ตื่นเถิด! 1990
  • การควบคุมการจราจรทางอากาศ—ช่วยคุณให้ปลอดภัยได้อย่างไร?
    ตื่นเถิด! 2008
ดูเพิ่มเติม
ตื่นเถิด! 1990
ต90 8/11 น. 4-7

ยูเอฟโอ—อดีต​และ​ปัจจุบัน

ตั้ง​แต่​ยุค​โบราณ ผู้​คน​ได้​รายงาน​ว่า​เห็น​วัตถุ​ประหลาด​ใน​ท้องฟ้า. กล่าว​กัน​ว่า​ฟาโรห์​ผู้​หนึ่ง​ได้​เห็น​วง​กลม​เปลว​ไฟ​ใน​ท้องฟ้า และ​ชาว​อเมริกัน​อินเดียน​มี​ตำนาน​เรื่อง​เรือ​แคน​นู​บิน​ได้. ชาว​โรมัน​ยุค​ต้น ๆ รายงาน​ว่า​เคย​เห็น​โล่​บิน​ได้. ตาม​การ​ตี​ความ​หมาย​ลาย​แกะ​สลัก​ของ​แอซเท็ค เข้าใจ​กัน​ว่า​พระ​เคว็ทซาลโคทล์​มา​เยือน​โลก​โดย​สวม​หมวก​อวกาศ​ที่​มี​จะงอย​โดย​รอบ​และ​โดยสาร​มา​ใน​ยาน​อวกาศ​รูป​งู.

ตาม​เรื่อง​เล่า​แต่​โบราณ​กาล ใน​ปี 1561 และ​ปี 1566 ผู้​อาศัย​ใน​บาเซล สวิตเซอร์แลนด์ และ​นูเร็มเบอร์ก เยอรมนี “จำนวน​มาก​มาย” เล่า​ว่า​เห็น​สิ่ง​ประหลาด​ใน​ท้องฟ้า. อย่าง​ไร​ก็​ดี ระหว่าง​ปี 1896 และ 1897 สิ่ง​ที่​แปลก​ประหลาด​ที่​สุด​เกิด​ขึ้น​ใน​สหรัฐ. ผู้​คน​ทั่ว​ประเทศ​รายงาน​ว่า​เห็น​อากาศยาน​บิน​อยู่​เหนือ​ศีรษะ. กล่าว​กัน​ว่า “อเมริกา​ไม่​เคย​ประสบ​อะไร​ที่​น่า​ตื่นเต้น​ดัง​ที่​เกิด​จาก​อากาศยาน​ลึกลับ​นั้น.” การ​พบ​เห็น​เหล่า​นี้ เกิด​ขึ้น​ตาม​เมือง​ใหญ่ ๆ และ​หมู่​บ้าน​ต่าง ๆ ทั่ว​สหรัฐ เริ่ม​จาก​แคลิฟอร์เนีย. หนังสือ เดอะ เกรท แอร์ชิพ มิสเทอรี บอก​ว่า​ประเด็น​ที่​น่า​สนใจ​คือ “ประวัติศาสตร์​การ​บิน​เท่า​ที่​รู้​จัก​กัน ไม่​มี​กล่าว​ถึง​เลย​เกี่ยว​กับ​โพยม​ยาน​ที่​มี​อยู่​ทั่ว​ไป​ใน​สหรัฐ​อเมริกา ช่วง​ปลาย​ของ​ทศวรรษ​ปี 1890.”

หนึ่ง​ใน​เรื่อง​ที่​ตี​พิมพ์​แพร่​หลาย​อย่าง​กว้างขวาง​ที่​สุด​มา​จาก​เมือง​เล็ก ๆ ใน​แคนซัส สหรัฐ เมื่อ​ปี 1897. เรื่อง​ราว​บอก​ถึง อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน ผู้​ซึ่ง​อยู่​ใน​ละแวก​นั้น​เล่า​ว่า อากาศยาน​ลง​มา​ที่​คอก​วัว​ของ​เขา. ใน​ที่​สุด​เมื่อ​ยาน​ลำ​นั้น​บิน​ขึ้น ลูกเรือ​ของ​ยาน​ก็​จับ​เอา​แม่​วัว​รุ่น ๆ ตัว​หนึ่ง​ไป. ภาย​หลัง ประมาณ 5 หรือ 6 กิโลเมตร​ลงไป​ตาม​ทาง เพื่อน​บ้าน​พบ “หนัง​สัตว์ ขา​และ​หัว​ใน​ที่​นา​ของ​เขา.” อย่าง​ไร​ก็​ดี หลาย​ปี​ต่อ​มา เรื่อง​นี้​ได้​ตี​พิมพ์​อีก และ​ถูก​เปิดโปง​ว่า​เป็น​เรื่อง​หลอก​ลวง.

เรื่อง​ราว​ทำนอง​นี้ ไม่​ว่า​แต่ง​ขึ้น​หรือ​อ้าง​ว่า​เป็น​จริง ได้​นำ​มา​ตี​พิมพ์​อีก​ใน​หนังสือ​ที่​พูด​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นั้น​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้​เอง. หลาย​เรื่อง​จาก​สมัย​ก่อน​ศตวรรษ​ที่ 20 คง​ถูก​ลืม​อยู่​ใน​แฟ้ม​หนังสือ​พิมพ์​เก่า ๆ ที่​คราบ​ฝุ่น​จับ เว้น​แต่​เรื่อง​ที่​มี​เหตุ​การณ์​คล้ายคลึง​กัน​อย่าง​น่า​ทึ่ง​ซึ่ง​เริ่ม​เกิด​ขึ้น​ใน​ช่วง 40 ปี​ต่อ​มา. แล้ว​ผู้​คน​ก็​เริ่ม​นึก​ขึ้น​ได้​และ​ลง​มือ​ค้นคว้า​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ใน​สมัย​ก่อน​และ​เริ่ม​สังเกต​ความ​คล้ายคลึง​กัน​เหล่า​นั้น.

ยูเอฟโอ​ใน​สมัย​ปัจจุบัน

เรื่อง​นี้​ถูก​รื้อ​ฟื้น​ขึ้น​ใน​สมัย​ปัจจุบัน​ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง เมื่อ​นัก​บิน​ประจำ​เครื่องบิน​ทิ้ง​ระเบิด​ของ​พันธมิตร​รายงาน​ว่า​พวก​เขา​เห็น “ลูก​ไฟ​ประหลาด​และ​วัตถุ​รูป​ร่าง​คล้าย​จาน​ติด​ตาม​พวก​เขา​ขณะ​บิน​เหนือ​ประเทศ​เยอรมนี​และ​ญี่ปุ่น.” นัก​บิน​อเมริกัน​เรียก​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ว่า ฟู-ไฟท์เตอร์ คำ​นี้​ได้​มา​จาก​ภาษา​ฝรั่งเศส ฟู แปล​ว่า “ไฟ.” แม้​ว่า​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง (1939-45) สงบ​ลง​แล้ว​พร้อม​กับ​เรื่อง​ฟูไฟท์เตอร์ แต่​เรื่อง​ราว​ของ​วัตถุ​บิน​แปลก​ประหลาด​ก็​ยัง​เอ่ย​ขาน​กัน​อยู่.

ใน​ยุโรป​ตะวัน​ตก​ประเทศ​แถบ​สแกนดิเนเวีย ยาน​ไร้​ปีก ที่​เรียก​ว่า​จรวด​ปีศาจ​ก็​มี​รายงาน​ว่า​พบ​เห็น​กัน. มัก​จะ​พรรณนา​กัน​ว่า​มี​ลักษณะ​คล้าย​เปลว​เพลิง​เป็น​ทาง​พาด​ข้าม​ท้องฟ้า. เพื่อ​เป็น​การ​สนอง​ตอบ แม้​กระทั่ง​สหรัฐ​ก็ “รู้สึก​จำเป็น​ต้อง​ส่ง​ผู้​เชี่ยวชาญ​หน่วย​สืบ​ราชการ​ลับ​สอง​นาย​ไป​ยัง​สวีเดน.” เรื่อง​ราว​ดัง​กล่าว​เป็น​เพียง​การ​เริ่ม​ต้น​เท่า​นั้น. เรื่อง​ราว​ที่​ดู​เหมือน​ทำ​ให้​โลก​ตื่น​ตะลึง และ​เป็น​การ​เริ่ม​ยุค​ของ​จาน​บิน​นั้น​เล่า​โดย เคนเน็ท อาร์โนลด์ นัก​บิน​เอกชน​และ​นัก​ธุรกิจ. เมื่อ​วัน​ที่ 24 มิถุนายน 1947 มี​รายงาน​ว่า เขา​เห็น “อากาศยาน​รูป​ร่าง​แปลก ๆ เก้า​ลำ​บิน​ตาม​กัน​มา​ใกล้​ภูเขา​เรเนียร์ [รัฐ​วอชิงตัน สหรัฐ].” ปรากฏ​ลักษณะ​เป็น “วัตถุ​คล้าย​จาน” และ “แบน​เหมือน​ถาด มัน​วับ​จน​สะท้อน​แสง​อาทิตย์​ดั่ง​กระจกเงา.” รายงาน​กัน​ว่า​เขา​จับ​ความ​เร็ว “ประมาณ 1,900 ก.ม. ต่อ​ชั่วโมง.” ทั้ง​นี้​เร็ว​กว่า​เครื่องบิน​ไอพ่น​ใน​สมัย​นั้น​มาก.

การ​ใช้​คำ​ว่า “จาน” ก่อ​จินตนาการ​ให้​กับ​นัก​หนังสือ​พิมพ์ และ​ทำ​ให้​เกิด​คำ​ศัพท์​ซึ่ง​รู้​จัก​กัน​ทั่ว​ไป​ว่า “จาน​ผี.” หลัง​จาก​เรื่อง​นี้​ตี​พิมพ์​ทั่ว​โลก หลาย​คน​ซึ่ง​เคย​เห็น​วัตถุ​ประหลาด​ใน​ท้องฟ้า​ก็​เริ่ม​เล่า​เรื่อง​ต่าง ๆ กัน. เรื่อง​นี้ พร้อม​กับ​การ​พบ​เห็น​อื่น ๆ ได้​กลาย​เป็น​ที่​สนใจ​ของ​เจ้าหน้าที่​ทาง​ทหาร​หลาย​นาย.

รัฐบาล​สหรัฐ​ตรวจ​สอบ

ดู​เหมือน​ด้วย​คำ​แนะ​นำ​จาก​นาย​ทหาร​ระดับ​สูง ใน​ที่​สุด​รัฐบาล​สหรัฐ​ได้​ให้​ความ​สนใจ​ต่อ​ยูเอฟโอ. จึง​จัด​ตั้ง​โครงการ​ไซน์ ซึ่ง​เริ่ม​งาน​เมื่อ​วัน​ที่ 22 มกราคม 1948. คณะ​ตรวจ​สอบ​นี้​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ดำเนิน​งาน​ภาย​ใต้​การ​ชี้​นำ​ของ​หน่วย​สืบ​ราชการ​ลับ​ทาง​อากาศ ตั้ง​อยู่​ใกล้​เดย์​ตัน รัฐ​โอไฮโอ สหรัฐ. พอ​โครงการ​เริ่ม ก็​เกิด​โศกนาฏกรรม. กัปตัน​โธมัส แมนเทลล์ นัก​บิน​ฝ่าย​ทหาร เสีย​ชีวิต​เนื่อง​จาก​เครื่องบิน​ตก​ขณะ​ไล่​ติด​ตาม​วัตถุ​ที่​ไม่​รู้​จัก​ใน​ตอน​นั้น. เขา​อาจ​จะ​สิ้น​สติ​ขณะ​บิน​สู่​ระดับ​สูง​เกิน​ขีด​โดย​ไม่​มี​อ็อกซิเจน​เสริม. ต่อ​มา​ก็​ได้​รู้​ว่า​เขา​อาจ​จะ​ติด​ตาม​บอลลูน​วิจัย​สกายฮุค.

อย่าง​ไร​ก็​ดี สิ่ง​ที่​นัก​บิน​อิสเทอร์น แอร์ไลน์​พบ​เห็น ประกอบ​กับ​ความ​ตาย​ของ​นัก​บิน​กองทัพ​อากาศ​คน​นั้น ยิ่ง​สุม​ความ​สนใจ​ใน​เรื่อง​ยูเอฟโอ​มาก​ขึ้น​อีก. ตาม​รายงาน​นั้น เครื่องบิน​อิสเทอร์น แอร์ไลน์​บิน​จาก​ฮิวสตัน เท็กซัส และ​มุ่ง​ไป​ยัง​แอตแลนตา จอร์เจีย ทันใด​นั้น นัก​บิน​ต้อง​รีบ​บิน​หลบ “ยาน​ขนาด บี-29 ไม่​มี​ปีก” ซึ่ง​ผ่าน​เขา​ไป​ทาง​ขวา​มือ. ผู้​โดยสาร​คน​หนึ่ง​และ​ผู้​สังเกตการณ์​ภาคพื้น​ดิน​อีก​หลาย​คน​ดู​เหมือน​ทำ​ให้​เรื่อง​นั้น​ยิ่ง​น่า​เชื่อถือ​มาก​ขึ้น.

ใน​ที่​สุด เจ้าหน้าที่​โครงการ​ไซน์​ได้​ออก​รายงาน​ที่​ทำ​ให้​บาง​คน​ผิด​หวัง. ต่อ​มา สมาชิก​บาง​คน​ซึ่ง​สนับสนุน​ทัศนะ​ที่​ว่า​ยูเอฟโอ​มี​จริง​ถูก​ย้าย​ออก และ​โครงการ​นี้​ได้​ชื่อ​ใหม่​ว่า “โครงการ​กรัดจ์.” อย่าง​ไร​ก็​ดี ระหว่าง​ช่วง​นี้ ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​ยูเอฟโอ​เป็น​เรื่อง​จริง ได้​ปะทุ​ขึ้น​มา​อีก เมื่อ​โดแนลด์ อี. คีย์โฮ นาย​พล​ทหาร​นอก​ราชการ เขียน​บทความ​เรื่อง “จาน​บิน​มี​จริง.” เรื่อง​ราว​ตี​พิมพ์​ใน​วาร​สารทรู ฉบับ​เดือน​มกราคม 1950 และ​ฉบับ​นั้น​จำหน่าย​ไป​อย่าง​กว้างขวาง. จาก​นั้น เพื่อ​เสริม​เข้า​กับ​ความ​สนใจ​ที่​มี​ใน​วง​กว้าง​อยู่​แล้ว วารสาร​ทรู ก็​ได้​ตี​พิมพ์​บทความ​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​โดย อาร์. บี. แม็คลาฟลิน ผู้​บัญชา​การ​กองทัพ​เรือ. บทความ​นี้​มี​ชื่อ​ว่า “วิธี​ที่​นัก​วิทยาศาสตร์​ค้น​หา​จาน​บิน.” ความ​กระตือรือร้น​เกิด​ได้​ไม่​นาน—วารสาร คอสโมโพลิตัน และ​ไทม์ ก็​ตี​พิมพ์​บทความ​เปิดโปง​เรื่อง​ยูเอฟโอ. เนื่อง​ด้วย​บทความ​เหล่า​นี้​อีก​ทั้ง​สิ่ง​ที่​พบ​เห็น​กัน​ได้​ทิ้ง​ช่วง​ไป ความ​สนใจ​ก็​เหือด​หาย​ไป. แล้ว​ก็​มา​ถึง​ปี 1952 ปี​ที่​โดด​เด่น​ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​ยูเอฟโอ.

1952—ปี​ของ​ยูเอฟโอ

จำนวน​ครั้ง​ของ​การ​พบ​เห็น​ยูเอฟโอ​สูง​ที่​สุด​เท่า​ที่​ได้​รับ​โดย​หน่วย​สืบ​ราชการ​ลับ​ทาง​อากาศ​แห่ง​สหรัฐ​ซึ่ง​บันทึก​ไว้​ใน​ปี 1952 คือ: 1,501 ราย. ต้น​เดือน​มีนาคม 1952 ขณะ​ที่​การ​พบ​เห็น​มี​มาก​ขึ้น กองทัพ​อากาศ​สหรัฐ​ได้​ตัดสิน​ใจ​ตั้ง​หน่วย​เฉพาะ​กิจ​ขึ้น​มา​เรียก​ว่า​โครงการ​บลูบุ๊ค. ระหว่าง​ปี​ที่​กิจกรรม​ยูเอฟโอ​เป็น​ไป​อย่าง​เข้มข้น การ​พบ​เห็น​ก็​แตกต่าง​กัน​ไป​และ​มาก​ราย.

หนึ่ง​ใน​การ​พบ​เห็น​ที่​น่า​สังเกต​เป็น​พิเศษ เริ่ม​ขึ้น​เหนือ​น่าน​ฟ้า​กรุง​วอชิงตัน ดี. ซี. ใน​ช่วง​เวลา​กลางคืน​ของ​วัน​ที่ 19 และ 20 กรกฎาคม. มี​รายงาน​ว่า “กลุ่ม​ของ​วัตถุ​บิน​ลึกลับ ได้​ปรากฏ​บน​จอ​เรดาร์​สอง​จอ ณ ศูนย์​ควบคุม​การ​จราจร​ทาง​อากาศ​ที่​สนามบิน​แห่ง​ชาติ​กรุง​วอชิงตัน. ตอน​แรก​วัตถุ​นั้น​เคลื่อน​ช้า ๆ. . . แล้ว​บิน​ออก​ไป​ด้วย ‘ความ​เร็ว​สูง​มาก.’” การ​เห็น​กับ​ตา​สอดคล้อง​กับ​ภาพ​ที่​ได้​จาก​เรดาร์. มี​รายงาน​เพิ่ม​เติม​ว่า ได้​พยายาม​บิน​เข้า​สกัด แต่ “วัตถุ​เหล่า​นั้น​ก็​หาย​วับ​ไป​เมื่อ​เครื่องบิน​ไอพ่น​ใกล้​จะ​ถึง.”

ใน​ปี 1966 เจรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ตอน​นั้น​เป็น​สมาชิก​สภา​จาก​มิชิแกน เป็น​ผู้​เรียก​ร้อง​ให้​มี​การ​ตรวจ​สอบ​โดย​รัฐบาล​กลาง​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​เรื่อง​ยูเอฟโอ. ทั้ง​นี้​เนื่อง​จาก​มี​การ​พบ​เห็น​ยูเอฟโอ​หลาย​ครั้ง​ใน​รัฐ​ของ​เขา. ผล​คือ​การ​จัด​ตั้ง​อีก​คณะ​หนึ่ง​ขึ้น​มา​ศึกษา​เรื่อง​นี้​ที่​มหาวิทยาลัย​โคโลราโด. ดร. เอ็ดเวิร์ด ยู. คอนดอน นัก​ฟิสิกส์​ผู้​มี​ชื่อ​เด่น รับ​หน้า​ที่​ดู​แล​งาน​นี้. ใน​ตอน​สรุป​ผล​ของการ​ศึกษา​นี้​เมื่อ​ปี 1969 ได้​จัด​พิมพ์​รายงาน​คอน​ดอน​ออก​มา. ตอน​หนึ่ง​ใน​รายงาน​นั้น​กล่าว​ว่า “การ​ศึกษา​ยูเอฟโอ​เป็น​เวลา 21 ปี ไม่​ได้​อะไร​ออก​มา​ที่​เอื้อ​ประโยชน์​ต่อ​ความ​รู้​ทาง​วิทยาศาสตร์ . . . การ​ศึกษา​เรื่อง​ยูเอฟโอ​ให้​กว้างขวาง​ออก​ไป​ไม่​อาจ​เป็น​ข้อ​อ้าง​ได้​ใน​การ​คาด​หมาย​ให้​วิทยาศาสตร์​ก้าว​หน้า​โดย​วิธี​นั้น.”

นี่​เป็น​จุด​จบ​ของ​การ​เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ของ​รัฐบาล​สหรัฐ​ใน​การ​ศึกษา​เรื่อง​ยูเอฟโอ และ​ยัง​ทำ​ให้​ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​ของ​ผู้​คน​มอด​ลง​อีก​ด้วย. อย่าง​ไร​ก็​ดี ประเด็น​ขัด​แย้ง​เรื่อง​ยูเอฟโอ​ยัง​ไม่​จบ ทั้ง​การ​พบ​เห็น​ยูเอฟโอ​ก็​ยัง​ไม่​ยุติ​ด้วย. ตาม​รายงาน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “ร้อย​ละ 20 ของ​เก้า​สิบ​ห้า​ราย​ที่​นำ​มา​พิจารณา​ใน​รายงาน​นั้น​ยัง ‘อธิบาย​ไม่​ได้.’”

ความ​สนใจ​ใน​ยูเอฟโอ​ดู​เหมือน​จะ​ขึ้น ๆ ลง ๆ ตาม​การ​พบ​เห็น. ปี​ที่​เด่น ๆ ก็​คือ 1973 และ 1974 เมื่อ​มี​การ​พบ​เห็น​ยูเอฟโอ. พอ​ถึง​ทศวรรษ​ปี 1980 มี​รายงาน​ปรากฏ​ใน​ข่าว​อีก. แต่​นัก​วิทยาศาสตร์​และ​ผู้​เชี่ยวชาญ​คน​อื่น ๆ ลง​ความ​เห็น​อย่าง​ไร ใน​ช่วง​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้?

[รูป​ภาพ​หน้า 5]

บาง​คน​คิด​ว่า​พระ​แอซเท็ค เคว็ทซาลโคทล์​โดยสาร​มา​ใน​ยาน​อวกาศ​รูป​งู.

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์