การเพ่งดูโลก
วิวัฒนาการถูกสอบสวน
ฟิลิป จอห์นสัน ศาสตราจารย์ทางกฎหมายอาญาประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เบิคลี ในสหรัฐ มีความสนใจเป็นเวลานานแล้วเกี่ยวกับแนวทางที่นักชีววิทยาป้องกันทฤษฎีวิวัฒนาการ. พวกเขาดูเหมือนจะต่อสู้ปกป้องและดื้อรั้นในความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นถึงกับจอห์นสันเริ่มค้นคว้าว่า “จุดอ่อนคืออะไรซึ่งพวกเขาพยายามจะปกป้อง.” ผลการค้นคว้าของเขาออกมาเป็นหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ ดาร์วินถูกสอบสวน ซึ่ง เดอะ แซคราเมนโต บี อธิบายว่า “เป็นการตรวจสอบโดยทนายความทีละจุด ๆ เกี่ยวกับเหตุผลและหลักฐานเบื้องหลังทฤษฎีวิวัฒนาการ.” หนังสือพิมพ์นั้นสรุปว่า “ดาร์วินล้มเหลว.” จอห์นสันอ้างว่าตนได้พบผู้เชี่ยวชาญหลายคน ซึ่งมีนักชีววิทยารวมอยู่ด้วย ซึ่งไม่กล้าออกปากต่อต้านวิวัฒนาการ. เขาบอกกับ ซานฟรานซิสโก โครนิกเกิล ว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนจากประสบการณ์นี้คือเพื่อจะให้ผู้คนนิยมชมชอบความคิดใด ๆ และคงไว้ให้พ้นการวิจารณ์ ไม่จำเป็นต้องมีค่ายกักกันและตำรวจลับ. เพียงแค่บอกว่า คนอื่น ๆ จะหัวเราะเยาะคุณ และคุณจะสูญเสียเกียรติภูมิ ถ้าไม่ยอมรับแนวความคิดนั้น. สิ่งนี้มีผลกระทบอย่างมหันต์ต่อชีวิตการศึกษาเล่าเรียน.”
ค่านิยมแบบยุโรป
หนังสือรายสัปดาห์แห่งลอนดอน เดอะ ยูโรเปียน ได้ทำการศึกษาค้นคว้าในหกประเทศแถบยุโรปเพื่อจะทราบว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้คน. “สองแนวความคิด คือครอบครัวและสิทธิมนุษยชน อยู่ในช่วงสามอันดับแรกของทั้งหกประเทศ” หนังสือพิมพ์นั้นรายงาน. “เสรีภาพและความเท่าเทียมกันก็ได้คะแนนสูงเช่นเดียวกันแทบทุกแห่ง.” ถึงแม้ว่าชาวยุโรปรักครอบครัวของตน พวกเขา “ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องการสมรส” และ “ยิ่งอายุน้อยเท่าไรก็ยิ่งผูกพันกับเรื่องสมรสน้อยเท่านั้น.” คนเหล่านั้นที่สำรวจมา สนใจเรื่องการงาน กลัวที่จะว่างงาน แต่เวลาเดียวกันจัดเงินอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของลำดับสิ่งสำคัญในชีวิต. หนังสือพิมพ์นั้นให้ข้อสังเกตดังนี้ “ลักษณะเด่นที่น่าสนใจ” คือว่าในจำพวก “ค่านิยมที่ชาวยุโรปถือว่ามีค่าที่สุด” นั้น ศาสนาอยู่ในอันดับสุดท้าย.
การปลุกเร้าเพื่อเลิกสูบบุหรี่
“โรคมะเร็งปอด หัวใจวาย เส้นโลหิตในสมองแตก. ผลของการวิจัยแสดงว่า สำหรับบางคนผู้ซึ่งเสาะหากิจกรรมที่เสี่ยงภัย อันตรายร้ายแรงของการสูบบุหรี่นี้มีแต่จะเพิ่มเสน่ห์ให้กับบุหรี่” รายงานจาก ไซเยนส์ นิวส์. “แต่รายงานใหม่สองเรื่องเพ่งเล็งถึงผลพวงบางอย่างจากการสูบบุหรี่ ซึ่งไม่ถึงแก่ชีวิต อาจเป็นการกระตุ้นอย่างแรงต่อพวกท้าความตายเหล่านี้ที่จะเลิกนิสัยติดนิโคติน.” รายงานแรกชี้แจงว่าหนึ่งในสามของผู้หญิงทั้งหมดซึ่งประสบปัญหาที่น่าหนักใจเรื่องกลั้นปัสสาวะไม่อยู่สามารถสืบสาวต้นตอของปัญหาไปถึงนิสัยสูบบุหรี่ในปัจจุบันหรืออดีต. การศึกษารายที่สองพบว่าผู้สูบบุหรี่ทั้งชายและหญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยย่นบนใบหน้าและการมีรอยย่นก่อนวัยนี้จะเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลาของการติดนิสัยนั้นและจำนวนบุหรี่ที่สูบ. ผู้สูบบุหรี่จัด มีทางเป็นไปได้ที่จะมีรอยย่นมากเกินควรถึงห้าเท่าเมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกันที่ไม่สูบบุหรี่. “สำหรับผู้สูบบุหรี่หลายคน โดยเฉพาะหนุ่มสาว หลักฐานที่ว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดสภาพเช่นรอยย่น, กลิ่นปากเหม็นหรือฟันเหลือง มีแรงกระตุ้นให้เลิกมากกว่าเมื่อเทียบกับหลักฐานที่ว่าการสูบบุหรี่ทำให้เสียชีวิต” เป็นคำกล่าวของโธมัส อี. คอตเก แห่ง เมโย คลินิค ในโรเชสเตอร์ รัฐมินนิโซตา สหรัฐ.
จะฆ่าหรือไม่ฆ่า
‘คริสเตียนอาจทำการฆ่าได้’ เป็นคำอ้างของ เกียโกโม บิฟฟี พระราชาคณะโรมัน คาทอลิก. ในการแสดงความเห็นเร็ว ๆ นี้ต่อชาวอิตาลีที่ไม่ยอมรับราชการทหารเนื่องด้วยสติรู้สึกผิดชอบ เขากล่าวว่า “คุณเป็นคริสเตียนได้ ฆ่าได้ [และ] ทำสงครามได้ถ้าการกระทำเช่นนั้นจะช่วยชีวิตของคนอื่น ๆ” ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ เอล ปายส์ แห่ง มาดริด. ขณะที่เขาเป็นผู้ต่อต้านการทำแท้งอย่างแข็งขัน เขาแถลงว่า “สันติภาพและการไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่ค่านิยมที่ตายตัวเสมอไป” หรือกระทั่ง “ค่านิยมของคริสเตียน.” บาทหลวงบอกกับผู้ฟังที่ตกตะลึงว่าการไม่ยอมรับราชการทหารเนื่องด้วยสติรู้สึกผิดชอบ ที่จริง “ไม่มีความหมาย” เพราะสันติภาพ “เป็นความคาดหวังในทางธรรม เป็นความเพ้อฝันที่จะคาดหวังบนแผ่นดินโลก.”
ปัญหาเรื่องการดื่มในฟินแลนด์
ประเทศฟินแลนด์มีอัตราบริโภคเหล้าดีกรีสูงมากที่สุดของโลกโดยเปรียบเทียบต่อพลเมืองหนึ่งคน. ตามหนังสือพิมพ์ เดอะ ยูโรเปียน ในฟินแลนด์ “อุบัติเหตุจราจรที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์กำลังเพิ่มขึ้นและตัวเลขของตำรวจแสดงว่าการเมาเหล้าเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดสำหรับพฤติกรรมรุนแรงซึ่งมีตั้งแต่การทุบตีภรรยาจนถึงการตีรันฟันแทงกันตามถนน.” ด้วยจำนวนประชากรประมาณห้าล้านคน ฟินแลนด์บริโภคแอลกอฮอล์ 264 ล้านลิตรระหว่างปี 1990. นี้ยังไม่รวมแอลกอฮอล์ 52 ล้านลิตรซึ่งไม่เสียภาษีที่มีการซื้อหรือบริโภคระหว่างท่องเที่ยวโดยเรือในทะเลบอลติก. เดอะ ยูโรเปียน กล่าวว่า “การดื่มจัด ชาวฟินแลนด์หลายคนมองว่าเป็นวิธีอยู่รอดในประเทศซึ่งหนาวและมืดเกือบครึ่งปี.”