จากผู้อ่านของเรา
การควบคุมโรคกลัว ขณะที่อ่านบทความต่าง ๆ เรื่องโรคกลัว (8 สิงหาคม 1998) ผมรู้สึกเหมือนมีแขนแห่งการปลอบโยนโอบตัวผมไว้. ในที่สุดก็มีคนที่เข้าใจฝันร้ายที่กลายเป็นจริงซึ่งภรรยาของผมต้องทนมาตลอดชีวิตของเธอ. โรคกลัวสังคมทำให้เธอเป็นทุกข์เหลือที่จะพรรณนาได้. ผมไม่เคยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเธอกำลังประสบความลำบากขนาดไหน. ความกลัวสุดขีดในการพูดต่อหน้าสาธารณชน, การใช้โทรศัพท์, การติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ, รวมทั้งอาการหน้ามืดและอาการแพนิก อาการทั้งหมดนี้มีอธิบายไว้ในบทความของคุณ. เหมือนกับว่าภาพต่อจิกซอว์ทุกชิ้นเข้าที่ของมันอย่างฉับพลัน. หลายคนได้เข้าใจผิดอย่างมากในเรื่องอาการแพนิกและความหวาดกลัวที่ภรรยาผมประสบ และมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาทหรือชอบต่อต้านสังคม. ผมหวังว่าคนเช่นนั้นจะอ่านบทความที่ดียิ่งนี้.
เอ็ม. ซี., สกอตแลนด์
ลูกชายของดิฉันซึ่งอายุแค่สิบปีได้รับการวินิจฉัยเมื่อต้นปีนี้ว่าเป็นโรคกลัวที่โล่งแจ้ง. มันเป็นการต่อสู้ที่ยากมาก. มีอยู่สองอย่างที่ดิฉันชอบจริง ๆ เกี่ยวกับบทความนี้. อย่างแรกคือเรื่อง “มนุษย์ ‘ที่มีความรู้สึกเช่นเราทั้งหลาย.’” เรื่องนั้นช่วยลูกชายดิฉันให้เข้าใจจริง ๆ ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง. อย่างที่สองคือ วิธีที่บทความนี้ถูกเขียนขึ้นในแบบที่แสดงความเข้าใจ. ไม่มีการติเตียนหรือดูถูก แต่เขียนขึ้นด้วยความรัก, ความกรุณา, สติปัญญา, แล้วก็เพิ่มความรักเข้าไปอีก.
เค. เจ., ออสเตรเลีย
ดิฉันคิดว่าบทความเหล่านี้ดีเพราะเพ่งเล็งถึงสิ่งที่คนเราทำได้. คุณอธิบายขั้นตอนพื้นฐานที่ทำให้การควบคุมโรคกลัวเป็นไปได้. สิ่งนี้ช่วยให้รู้สึกว่าดิฉันสามารถได้รับความช่วยเหลือที่จำเป็นและทำความก้าวหน้า.
เจ. ไอ., ญี่ปุ่น
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกจริง ๆ ว่ามีคนเข้าใจผม. ผมไม่อาจอธิบายได้ว่า เป็นการดีสักเพียงไรที่ได้รู้ว่าพระยะโฮวาทรงเข้าใจความทุกข์ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคกลัวสังคม. บทความนี้ยังช่วยเพื่อน ๆ ของผมให้เข้าใจมากขึ้นว่าผมต้องทนกับอะไรบ้าง.
จี. โอ., เยอรมนี
ผมทึ่งในความเห็นอกเห็นใจที่คุณแสดงต่อคนที่ทนทุกข์จากโรคกลัวสังคมเหมือนกับตัวผม. บทความเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมต้องการพอดี. ผมได้รับกำลังใจมากเพียงไรที่ได้รู้ว่าคนอื่นก็มีปัญหาอย่างเดียวกันด้วย! ผมพร้อมแล้วที่จะถลกแขนเสื้อขึ้นและจัดการกับโรคกลัวนี้.
เอส. ดี., อิตาลี
ทำไมฉันไม่มีสมาธิ? ดิฉันร้องไห้ด้วยความยินดีเมื่อได้อ่านบทความ “หนุ่มสาวถามว่า . . . ทำไมฉันไม่มีสมาธิ?” (8 สิงหาคม 1998) ดิฉันอายุ 18 ปีและอยู่ในงานรับใช้เต็มเวลา. ดิฉันกังวลเนื่องจากดิฉันไม่มีสมาธิ และนี่เป็นเรื่องสำคัญเพื่อจะสามารถช่วยผู้คนในเขตงานได้. ดิฉันมาถึงจุดที่รู้สึกซึมเศร้าเพราะดิฉันไม่สามารถจดจำและวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ได้. จริงอย่างที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ที่ว่า พระยะโฮวาทรงประทานอาหารตามเวลาที่เหมาะสม.
เอ. อาร์. ซี. อาร์., สหรัฐ
ข้อแนะสำหรับผู้เดินทาง ข้อแนะหนึ่งที่ขาดไปจาก “ข้อแนะสำหรับผู้เดินทาง” ในบทความ “เด็งกี—ไข้จากการถูกยุงกัด” (8 สิงหาคม 1998) คือให้กางมุ้งนอนในตอนกลางคืน จะดีถ้าเป็นมุ้งที่ใส่ยาฆ่าแมลง.
ไอ. เอช., อังกฤษ
เราหยั่งรู้ค่าความเห็นของผู้อ่าน. ข้อแนะนี้มีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับการป้องกันโรคมาลาเรีย. (ดู “ตื่นเถิด!” [ภาษาอังกฤษ] 22 กรกฎาคม 1997 หน้า 31.) อย่างไรก็ดี ตามที่ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐ กล่าวไว้ ยุงที่เป็นพาหะของไข้เด็งกี “ชอบกัดคนตอนกลางวัน.” ส่วนมากมันมักจะกัด “ในตอนเช้าไม่กี่ชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ขึ้นและในตอนบ่ายแก่ ๆ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนค่ำ.” ดังนั้น การใช้มุ้งในตอนกลางคืนอาจไม่เกิดผลเท่าไรในการป้องกันโรคชนิดนี้.—บ.ก.