อะไรอยู่เบื้องหลังความลึกลับของชีวิต?
โมเลกุลดีเอ็นเอทำสิ่งที่น่าทึ่ง. ดีเอ็นเอปฏิบัติหน้าที่สองประการเกี่ยวข้องกับข้อมูลทางพันธุกรรมที่จำเป็นต่อเซลล์ของคุณ. ประการแรก ดีเอ็นเอจำลองแบบตัวเองอย่างถูกต้องแม่นยำเพื่อข้อมูลจะถูกถ่ายทอดจากเซลล์หนึ่งสู่อีกเซลล์หนึ่งได้. ประการที่สอง ลำดับดีเอ็นเอทำให้เซลล์รู้ว่าจะต้องสร้างโปรตีนชนิดใด โดยวิธีนี้จึงเป็นการกำหนดว่าเซลล์นั้นจะกลายเป็นเซลล์อะไร และจะทำหน้าที่ใด. แต่ดีเอ็นเอไม่ได้ดำเนินการโดยลำพัง. โปรตีนพิเศษหลายชนิดมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย.
ลำพังดีเอ็นเออย่างเดียวไม่สามารถก่อชีวิตได้. ดีเอ็นเอบรรจุคำสั่งทั้งหมดที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีนทุกชนิดที่เซลล์ชีวิตต้องการ ซึ่งนับรวมคำสั่งสำคัญที่ให้ก๊อบปี้ดีเอ็นเอเพื่อเซลล์รุ่นถัดไป และคำสั่งที่ช่วยให้ดีเอ็นเอสร้างโปรตีนตัวใหม่. กระนั้น จำนวนข้อมูลที่นับไม่ถ้วนในยีนดีเอ็นเอจะไร้ประโยชน์หากไม่มีอาร์เอ็นเอและโปรตีนพิเศษรวมทั้งไรโบโซม ซึ่งจำเป็นต่อการ “อ่าน” และใช้ข้อมูลดังกล่าว.
โปรตีนเองก็ไม่สามารถก่อชีวิตได้โดยลำพังเช่นกัน. โปรตีนตัวเดียวโดด ๆ ไม่สามารถก่อให้เกิดยีนที่มีรหัสสำหรับการสร้างเพิ่มโปรตีนชนิดเดียวกันได้.
ดังนั้น การไขความลึกลับของชีวิตแสดงให้เห็นอะไร? พันธุศาสตร์และชีววิทยาโมเลกุลสมัยใหม่ให้หลักฐานมากพอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและต้องพึ่งพาอาศัยกันระหว่างดีเอ็นเอ, อาร์เอ็นเอ, และโปรตีน. การค้นพบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าชีวิตต้องอาศัยปัจจัยสำคัญเหล่านี้ทั้งหมดพร้อม ๆ กัน. ฉะนั้น ไม่มีทางที่ชีวิตจะเกิดได้เองโดยบังเอิญ.
มีคำอธิบายที่มีเหตุผลอย่างเดียวเท่านั้นคือ พระผู้สร้างผู้ทรงเชาวน์ปัญญาสูงสุดใส่รหัสคำสั่งไว้ในดีเอ็นเอ และสร้างโปรตีนต่าง ๆ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นพร้อม ๆ กัน. อันตรกิริยาระหว่างโปรตีนดังกล่าวได้รับการออกแบบอย่างดีเยี่ยมถึงขั้นที่ว่า พอกระบวนการนี้เริ่มต้นก็มั่นใจได้ว่าโปรตีนต่าง ๆ จะก๊อบปี้ดีเอ็นเอต่อไปอย่างไม่ผิดพลาดเพื่อสร้างยีนเพิ่มขึ้น ขณะที่โปรตีนอื่น ๆ จะถอดรหัสคำสั่งในยีนเพื่อสร้างโปรตีนเพิ่มขึ้น.
ประจักษ์ชัดว่า วงจรมหัศจรรย์แห่งชีวิตถูกสร้างขึ้นโดยพระยะโฮวาพระเจ้า ผู้ออกแบบองค์ยิ่งใหญ่.
ถูกสร้างอย่างน่าอัศจรรย์
แม้คัมภีร์ไบเบิลจะไม่ใช่หนังสือทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็เผยให้เห็นอะไรบางอย่างเกี่ยวด้วยบทบาทของพระผู้สร้าง ผู้ทรงออกแบบรหัสของชีวิต. ราว ๆ สามพันปีมาแล้ว กษัตริย์ดาวิดแห่งชาติยิศราเอล ซึ่งไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการวิจัยค้นคว้าเรื่องพันธุกรรมของคนในสมัยปัจจุบัน ได้กล่าวถึงพระผู้สร้างของท่านในเชิงกวีดังนี้: “พระองค์นั่นเองที่ทรงสร้างส่วนในสุดของข้าพเจ้า, และใส่ข้าพเจ้าไว้ในครรภ์มารดา; เนื่องด้วยบรรดาความลึกลับเหล่านี้ ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์: สำหรับความน่าพิศวงของตัวข้าพเจ้าเอง, สำหรับความน่าพิศวงแห่งราชกิจของพระองค์. พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าโดยละเอียดถี่ถ้วน, ทรงเฝ้าดูตั้งแต่กระดูกของข้าพเจ้าเป็นรูปเป็นร่างเมื่อข้าพเจ้าถูกสร้างในที่ลับลี้, ถูกถักทอเข้าด้วยกันในที่ลึกสุดแห่งครรภ์นั้น.”—บทเพลงสรรเสริญ 139:13-15, ฉบับเจรูซาเลม ไบเบิล.
ดังนั้น ลองพินิจพิเคราะห์ดูตัวคุณเองในกระจกนาน ๆ อีกครั้ง. สังเกตสีดวงตา, ลักษณะเส้นผม, สีผิว, และรูปร่างโดยรวมของคุณ. ลองคิดดูว่าลักษณะเฉพาะเหล่านี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษอย่างไร และมีการถ่ายทอดไปยังลูกหลานของคุณอย่างไร. แล้วลองใคร่ครวญถึงพระองค์ผู้ทรงจัดระบบกลไกอันมหัศจรรย์นี้. คุณอาจเกิดแรงกระตุ้นให้กล่าวซ้ำถ้อยคำที่อัครสาวกโยฮันเขียนไว้ที่ว่า “พระยะโฮวาเจ้าข้า พระเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระองค์คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.”—วิวรณ์ 4:11, ล.ม.
[กรอบ/ภาพหน้า 10]
ความบังเอิญที่ปราศจากการชี้นำหรือ?
การค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ของนักวิทยาศาสตร์ชาวบริเตนสองคนยืนยันว่า รหัสพันธุกรรมไม่ได้เกิดจากความบังเอิญแบบสุ่ม. วารสารนิว ไซเยนติสต์ ให้ข้อสังเกตว่า “การวิเคราะห์ของเขาแสดงให้เห็นว่า [รหัสพันธุกรรม] จัดอยู่ในรหัสที่ยอดเยี่ยมที่สุดท่ามกลางรหัสที่เป็นไปได้มากกว่าหนึ่งล้านล้านล้านรหัส.” จากรหัสพันธุกรรมที่มีโอกาสเป็นไปได้ จำนวนราว ๆ 1020 รหัส (เลข 1 ที่ตามด้วยศูนย์ 20 ตัว) ถูกเลือกมาเพียงรหัสเดียวในตอนต้น ๆ แห่งประวัติศาสตร์สิ่งมีชีวิต. ทำไมต้องเป็นรหัสนั้น? เนื่องจากมันช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการสร้างโปรตีน หรือความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการผ่าเหล่าทางพันธุกรรม. พูดอีกแง่หนึ่ง รหัสพิเศษเฉพาะนั้นคอยดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎพันธุกรรมอย่างเคร่งครัด. แม้บางคนจะทึกทักเอาว่า การเลือกรหัสพันธุกรรมนี้เกิดจาก “สถานการณ์บังคับให้เลือก” แต่นักวิจัยสองคนนั้นลงความเห็นว่า “เป็นไปไม่ได้เลยที่รหัสอันมีประสิทธิภาพเช่นนี้จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ.”