การเพ่งดูโลก
◼ ในปี 2007 ชาวจีนประมาณ 47 ล้านคนต้องประสบกับการขาดแคลนน้ำดื่มอันเป็นผลมาจากความแห้งแล้งครั้งที่เลวร้ายที่สุดในช่วงเวลาสิบปี. ในขณะเดียวกัน มี 42 ล้านคนได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น และ 180 ล้านคนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย.—สำนักข่าวซินหัว, จีน.
◼ “ในปี 2003 ประมาณหนึ่งในห้าของการตั้งครรภ์ที่มีอยู่ทั่วโลกลงเอยด้วยการทำแท้ง. ในยุโรป อัตราส่วนนี้เกือบจะถึงหนึ่งในสาม . . . [ใน] ประเทศต่าง ๆ ที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต . . . ประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ของการตั้งครรภ์ในปี 2003 มีการทำแท้ง.”—วารสารทางการแพทย์แห่งบริเตน, บริเตน.
วิดีโอเกมที่รุนแรงในโบสถ์
หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า “นักเทศน์นับร้อย ๆ คนที่พยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อชวนคนหนุ่มสาวให้เข้าโบสถ์ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องที่พวกเขาใช้เครื่องชักจูงที่ไม่ธรรมดา” ซึ่งก็คือ ‘วิดีโอเกมที่นิยมกันอย่างมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความรุนแรง.’ เกมที่กำลังพูดถึงนี้เป็นเกมสำหรับผู้เล่นที่เป็นผู้ใหญ่. ในเกมนี้ ผู้ที่เล่นเป็นทหารจะต้องสังหารผู้อื่นด้วยวิธีการต่าง ๆ. หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นกล่าวว่า ทั้ง ๆ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ คณะผู้จัดตั้งกลุ่มหนุ่มสาวของโปรเตสแตนต์และอิแวนเจลิคัลหลายกลุ่มก็ยัง “หาเครื่องเล่นเกมมาไว้ที่ศูนย์ของพวกเขาเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เด็กวัยรุ่นหลาย ๆ คนมานั่งเล่นเกมด้วยกันรอบโทรทัศน์จอใหญ่ และเล่นยิงต่อสู้กันได้.”
ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก ๆ ถูกขโมย
หนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล กล่าวว่า เด็กจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจก่อผลเสียหายต่อเครดิตและความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของเขาในอนาคตด้วย. โดยปกติแล้วสมาชิกในครอบครัวมักจะเป็นผู้ก่ออาชญากรรมดังกล่าว แล้วก็ไม่มีใครจับได้เป็นเวลาสิบ ๆ ปี. หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นอธิบายว่า “ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีคนเอาข้อมูลส่วนตัวของเขาไปใช้แบบที่ผิดกฎหมาย . . . จนกระทั่งพวกเขาไปสมัครงานครั้งแรก, ทำใบขับขี่รถยนต์, กู้เงินเพื่อการศึกษาหรือจำนองทรัพย์สิน.” บางคนอาจจะรู้เร็วกว่านั้น หากศูนย์ข้อมูลเครดิตพยายามทวงหนี้ที่พอกพูนขึ้นในนามของผู้ที่ถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวไปใช้.
หัวรบนิวเคลียร์ “หาย”
หนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า ในวันที่ 30 สิงหาคม 2007 เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบบี-52 ของกองทัพอากาศสหรัฐลำหนึ่งบินเหนือน่านฟ้าสหรัฐเป็นเวลาสามชั่วโมงครึ่ง โดยได้บรรทุกขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์หกลูกไปด้วย ซึ่งหัวรบดังกล่าว “ถูกนำไปติดไว้ที่ปีกของเครื่องบินลำนั้นเพราะความผิดพลาด.” หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นกล่าวว่า ทั้งนักบินที่ขับเครื่องบินและทีมลูกเรือบนภาคพื้นดินที่ติดตั้งขีปนาวุธเหล่านั้น ต่างก็ไม่มีใครรู้เรื่องข้อผิดพลาดซึ่ง “เล็ดลอดสายตาไปได้อย่างน่าตกใจถึง 36 ชั่วโมง.” ตามรายงานนั้น “เจ้าหน้าที่ในกองทัพอากาศกล่าวว่า หัวรบนิวเคลียร์เหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะระเบิด และตลอดช่วงเวลานั้นมันก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามประชาชนแต่ประการใด.” ถึงจะอย่างนั้น นักวิจารณ์คนหนึ่งถามว่า “เราก็ควรจะเป็นห่วงมิใช่หรือ?”
ใช้นกพิราบวัดภาวะมลพิษ
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยราชสถานที่อยู่ทางเหนือของอินเดียกล่าวว่า การศึกษาวิจัยเรื่องนกพิราบในเมืองชัยปุระแสดงให้เห็นว่า นกเหล่านี้สามารถใช้วัดภาวะมลพิษในเมืองได้. วารสารโกบาร์ ไทมส์ แห่งนิวเดลี ซึ่งเป็นฉบับเสริมของวารสารดาวน์ ทู เอิร์ท อธิบายว่า “โลหะหนักที่มีอยู่ในถิ่นอาศัยของนกพิราบจะแทรกซึมเข้าไปในขนของมัน และจะตกค้างอยู่ใน [ขน] กระทั่งหลังจากที่ขนถูกผลัดทิ้งไปแล้ว.” เนื่องจากนกพิราบมักชอบอยู่ในพื้นที่เดิม ระดับของแคดเมียม, โครเมียม, ทองแดง, และตะกั่วที่ตรวจพบในขนของมันจึงอาจเป็นเครื่องวัดภาวะมลพิษในท้องถิ่นได้อย่างแม่นยำ.