บท 13
สิ่งซึ่งชีวิตนิรันดรบนแผ่นดินโลกนี้เสนอให้เรา
ชีวิตพร้อมด้วยสุขภาพอย่างดีและภายใต้สภาพต่าง ๆ ที่ให้ความพอใจเป็นเวลามากกว่าเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีนั้นย่อมเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาอย่างแน่นอน. อันที่จริง พวกนักวิทยาศาสตร์ได้อุทิศเวลาตั้งหลาย ๆ สิบปี เพื่อค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับวิธีที่จะต่อสู้กับความแก่ชราและโรคภัย. พวกเขามักแสดงความเห็นว่าเป้าหมายที่จะต้องเพ่งเล็งเอานั้นก็คือช่วงชีวิตซึ่งเมื่อคิดเฉลี่ยแล้วเป็นเวลาร้อยปี.
อย่างไรก็ดี ความคิดในเรื่องช่วงชีวิตอันไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่ปรารถนาเช่นเดียวกัน. หลายคนชอบโต้แย้งดังนี้: ‘หากไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ความตายและความยุ่งยากลำบากบางอย่างเช่นนั้น ก็คงจะทำให้เราหมดความหยั่งรู้สำนึกถึงคุณค่าของสิ่งดีมีประโยชน์ต่าง ๆ ไปเสียทีเดียว. ชีวิตนิรันดรบนแผ่นดินโลกนี้คงจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ. เราก็คงจะไม่มีอะไรอีกที่จะทำ.’ บางทีท่านคงเคยได้ยินประชาชนแสดงความคิดนึกเช่นนั้นออกมา แต่ก็นั่นเป็นวิธีที่ท่านเองมองดูชีวิตกระนั้นหรือ? การชักเหตุผลอย่างนั้นถูกต้องจริง ๆ ไหม?
ยกตัวอย่างเช่น เราจำเป็นต้องมีโรคภัยไข้เจ็บเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเบื่อเกี่ยวกับสุขภาพที่ดีกระนั้นหรือ? คนเราย่อมจะไม่สูญเสียไปซึ่งความชื่นชมยินดีในการมีชีวิตอยู่เพราะเหตุที่ตนรู้สึกว่าอยู่เป็นสุขสบายดี. ความปลอดภัย สภาพแวดล้อมที่น่าพอใจเพลิดเพลิน การงานอันน่าสนใจและอันก่อให้เกิดประโยชน์ และอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพอนามัยเหล่านี้ไม่เป็นเหตุให้คนเราเบื่อหน่ายต่อชีวิตเสียเลย. ถ้าจะพูดให้ถูกแล้ว การขาดแคลนอาหาร สภาพแวดล้อมอันไม่เป็นที่น่าพอใจ ความยุ่งยากลำบาก และความแตกร้าวกันเหล่านี้แหละที่ทำให้ชีวิตไม่เป็นที่น่าเบิกบานสำราญใจ มิใช่หรอกหรือ? คนเราไม่จำเป็นจะต้องตัดมือข้างหนึ่งออกเสียเพื่อที่จะได้หยั่งรู้สำนึกถึงคุณค่าของมืออีกข้างหนึ่งใช่ไหม? เราสามารถได้รับความพอใจเพลิดเพลินและหยั่งรู้คุณค่าถึงสิ่งดีต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องประสบกับสิ่งไม่ดีนั้นหรอก.
ชีวิตในสภาพที่สมบูรณ์ของมนุษย์นั้น มิได้หมายความว่าทุกคนจะกระทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดีเท่าเทียมกัน และกระทำด้วยความเอาใจใส่อย่างแรงกล้าเช่นเดียวกัน. สิ่งที่พระคัมภีร์หยิบยกขึ้นมานั้นคือ คำทรงสัญญาในเรื่องชีวิตอันปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและความตาย. (วิวรณ์ 21:3, 4) คนที่มีสุขภาพดีทุกวันนี้มิใช่ว่าจะเป็นไปอย่างเดียวกันทั้งหมด ดังนั้นเหตุไฉนเล่าใคร ๆ จึงจะควรลงความเห็นเสียว่าความสมบูรณ์ของร่างกายและความคิดจิตใจคงจะทำให้คนเราเป็นเช่นแบบจำลองจากแม่พิมพ์เดียวกัน? คนเราก็จะยังแตกต่างกันอยู่ในเรื่องบุคลิกลักษณะ. เขาจะมีความสมัครใจพอที่จะผิดแผกกันในเรื่องการงาน การก่อสร้าง การตกแต่งบ้านช่อง ภาพภูมิประเทศ อาหารและเครื่องดื่ม การพักผ่อนหย่อนใจ วิจิตรศิลปกรรม และอื่น ๆ อีกในทำนองนั้น. ความถูกใจพอใจและความสมัครใจเฉพาะตัวของเขาจะมีอิทธิพลอย่างแรงกล้าในเรื่องขอบเขตแห่งการงาน ซึ่งพวกเขาจะเผยให้เห็นความสมัครใจพอใจ.
แต่ว่ามีการงานพอเพียงจริง ๆ หรือบนแผ่นดินโลกนี้ที่จะให้มนุษย์กระทำเพื่อที่จะดูแลให้เขามีอะไร ๆ ทำอยู่ตลอดไป? การเพิ่มพูนความรู้นั้นในที่สุดจะไม่ยุติลงหรอกหรือเพราะเหตุที่เราได้กระทำทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้ว?
มีอีกมากที่ยังจะทำได้อยู่
จงไตร่ตรองดูชีวิตของท่านเวลานี้ดูก็แล้วกัน. ท่านรู้สึกไหมว่าท่านได้ใช้ความสามารถต่าง ๆ ของท่านอย่างเต็มขนาดหรือไม่ก็ยังจะใช้อยู่อย่างเต็มขนาด? มีอะไรต่ออะไรสักกี่อย่างที่ท่านรู้สึกว่ายังสามารถจะกระทำได้อยู่และยังต้องการจะทำให้สำเร็จอยู่ หากท่านมีเวลาและทรัพย์สินที่จำเป็นเท่านั้น.
บางทีท่านคงต้องการจะพัฒนาความสามารถพิเศษบางอย่างในเรื่องดนตรี การเขียนภาพสี การทำรูปหรือลวดลายด้วยการแกะสลัก ปั้น หล่อ หรือมิฉะนั้นก็หัดเรียนบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการทำเครื่องไม้ การทำเครื่องจักรเครื่องกลไก การออกแบบหรือสถาปัตยกรรม หรือการศึกษาประวัติศาสตร์ ชีววิทยา ดาราศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ หรือเข้ารับทำการเพาะปลูกพันธุ์ไม้บางอย่างหรือทำการผสมพันธุ์สัตว์ นกหรือปลา. อาจเป็นไปได้ว่าท่านคงอยากจะเดินทางไปดูดินแดนใหม่ ๆ. หลายคนอยากจะกระทำไม่เพียงแต่อย่างเดียวเท่านั้น แต่อยากจะทำหลายสิ่งหลายอย่างในบรรดาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้. ถึงแม้ท่านจะมีทรัพย์สินที่จำเป็นก็ดี เว้นแต่ว่าเวลาเท่านั้นแหละจะไม่อำนวยให้ท่านกระทำอะไรต่ออะไรทุกอย่างที่ท่านต้องการจะกระทำ.
นอกจากนั้น เวลาที่มีจำกัดนั้นก็ยังทำให้ท่านอยู่ภายใต้ความกดดันเพื่อที่จะให้สิ่งต่าง ๆ สำเร็จลงมิใช่หรือ? จะไม่เป็นที่น่าชื่นชมยินดีหรอกหรือที่จะกระทำอะไรต่ออะไรได้โดยไม่ต้องรู้สึกมีการรีบเร่ง.
ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลว่าจะไม่มีอะไรทำ. แผ่นดินโลกอันเป็นบ้านของเรานี้ถูกบรรจุเต็มไปด้วยพฤกษชาตินานาชนิด และสรรพสัตว์ที่มีชีวิตหลายหลากซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่จะเรียนรู้ถึงสิ่งใหม่ ๆ ได้ แล้วนำเอาความรู้ที่ได้เรียนมานั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างมากมาย. สิ่งลึกลับมีอยู่อีกมากที่ยังจะต้องได้ค้นพบ. โปรดนึกดูซิว่า: มีปลาอยู่ตั้ง 30,000 กว่าประเภทต่าง ๆ กัน สัตว์ที่อยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบกมีอยู่ราว ๆ 3,000 ประเภท สัตว์ซึ่งเป็นสัตว์เลือดอุ่นและเลี้ยงลูกด้วยนมก็มีอยู่ราว ๆ 5,000 จำพวกและนกมีอยู่มากว่า 9,000 ประเภท. สัตว์ที่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งมีจำนวนมากมายที่สุดคือจำพวกแมลงทั้งหลายนั้นมีอยู่ราว ๆ 800,000 ประเภทต่าง ๆ กัน. บรรดานักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีอยู่ระหว่างหนึ่งกับสิบล้านประเภทต่าง ๆ กันในบรรดาสัตว์ที่อาจจะยังคงได้ค้นพบกันอยู่. นอกจากนี้แล้วก็ยังมีพฤกษชาติอยู่ตั้งหลายแสนประเภทต่าง ๆ กัน.
พวกเรามีอยู่สักกี่คนที่รู้จักชื่ออะไรต่ออะไรต่าง ๆ ซึ่งมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกนี้แม้แต่เป็นเศษส่วนเล็กน้อยที่สุดนั้น? ความรู้ของเรายังคงถูกจำกัดอยู่มากเกี่ยวกับสันดานหรือนิสัยประจำตัวอันน่าสนใจของสัตว์เหล่านั้นและการแสดงบทบาทสำคัญของแต่ละอย่าง ๆ เพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปบนแผ่นดินโลก. โอกาสที่จะได้ความรู้เพิ่มพูนขึ้นนั้นมีมากทีเดียว.
ท่านอาจจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับปลาน้ำจืดแห่งประเทศที่อยู่ในเขตร้อนซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าคิคลิด. กระนั้นก็ดีนักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งกล่าวถึงเรื่องการศึกษาของเขาเกี่ยวกับปลาจำพวกนี้ว่า “สำหรับข้าพเจ้าแล้วการศึกษาอย่างใฝ่ใจในเรื่องปลาจำพวกคิคลิดนั้นปรากฏว่ากินเวลาถึง 14 ปี.” ขอให้นึกดูทีว่าการที่จะศึกษาเรื่องสรรพสัตว์หลายพันประเภทที่มีชีวิตอยู่และพฤกษชาติต่าง ๆ ด้วย—และพร้อมทั้งได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงแล้วคงจะต้องใช้เวลานานสักกี่ปี?
ขอยกเอาสัตว์ที่ต่ำต้อยจำพวกเพรียงขึ้นมาเป็นตัวอย่าง. สัตว์จำพวกนี้ก่อให้เกิดความลำบากแก่คนเรามิใช่น้อยเมื่อมันมาจับติดอยู่กับเรือกำปั่น ทำให้จำต้องขูดเอาสัตว์จำพวกเพรียงเหล่านี้ออกจากใต้ท้องเรือ เพราะหากมีเป็นจำนวนมากก็มักจะถ่วงทำให้เรือแล่นไปได้อย่างเฉื่อยช้าและอาจทำให้ต้องสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ก็ได้. คนเรามักจะคิดเสียว่าถึงจะเรียนรู้ได้ก็ไม่มากเท่าไรนักจากสัตว์ซึ่งดูเรากับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกรำคาญเช่นนั้นเท่านั้นเอง. แต่ว่าหาเป็นเช่นนั้นไม่.
สัตว์จำพวกเพรียงมาเกาะอยู่ใต้ท้องเรือโดยยางที่ออกมาจากตัวของมันเสมือนหนึ่งกาวซึ่งหนาประมาณ 0.00076 มิลลิเมตร. กระนั้น ความต้านทานของมันต่อการถูกขูดออกจากใต้ท้องเรือมากกว่า 492 กิโลกรัมต่อหนึ่งตารางเซนติเมตร. นี่หมายถึงความแข็งแรงสองเท่าแห่งความแข็งแรงของกาวเอพ็อคซี่ที่เขาใช้สำหรับยานอวกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้. เมื่อพวกนักค้นคว้านำกาวนี้ไปไว้ในที่ซึ่งมีอุณหภูมิ 350 องศาเซลเซียส กาวนี้ก็จะไม่ละลายและต้านทานอุณหภูมิ 230 องศาเซลเซียสใต้จุดน้ำแข็งได้ โดยไม่มีรอยร้าวหรือรอยกะเทาะ. กาวจากสัตว์จำพวกเพรียงยังสามารถต้านทานน้ำยาส่วนมากซึ่งเป็นเครื่องทำให้ละลายนั้นได้ด้วย. คุณสมบัติอันดีเด่นของกาวนี้กระตุ้นพวกนักค้นคว้าในการพยายามทำกาวเทียม แบบที่มาจากสัตว์จำพวกเพรียงคือ “กาววิเศษ.”
ด้วยเหตุนี้ ความรู้ซึ่งได้รับโดยการค้นคว้าจึงสามารถนำมาซึ่งผลดีแก่มนุษย์ได้. ทุกวันนี้ไม่มีหนทางที่จะทราบได้ว่าสิ่งซึ่งมีชีวิตอยู่บนพื้นโลกนี้ที่ได้ดำเนินมานั้นมีสักกี่อย่างที่มนุษย์สามารถเอามาใช้ และถ่ายแบบเอาเพื่อประโยชน์ของตนได้. สิ่งที่ได้มีการเรียนรู้มานั้นนับว่าพอเพียงในการเผยให้เห็นว่า มนุษย์เพียงแต่เริ่มต้นได้รับความรู้ความชำนาญจากคลังแห่งความรู้เท่านั้นเอง.
แม้แต่ในขอบเขตซึ่งมนุษย์ได้กระทำค้นคว้ามาแล้วอย่างมากมายนั้นก็ยังคงมีเหลืออยู่อีกมิใช่น้อยที่ยังจะค้นพบได้อยู่. อาทิเช่น สิ่งน่าพิศวงอย่างหนึ่งซึ่งพฤกษชาติสีเขียวทำนั้น คือการเปลี่ยนน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นน้ำตาล. กรรมวิธีซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าการสังเคราะห์แสงนี้ก็ยังคงทำให้มนุษย์งงงันอยู่ทั้ง ๆ ที่มีการวิจัยกันราว ๆ สองร้อยปีมาแล้วทีเดียว. ลอเรนซ์ ซี. วอลเคอร์ผู้ชำนาญในวิชาสรีรศาสตร์ทางพฤกษชาติผู้หนึ่งให้ข้อคิดว่า “ถ้าหากความเร้นลับนั้นถูกคลี่คลายออกแล้ว โอกาสที่จะป้อนอาหารแก่โลกก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ โดยการใช้แรงงานซึ่งมีขนาดเท่า ๆ ตัวอาคารโรงเรียนขนาดธรรมดา.
มวลมนุษยชาติสามารถได้รับประโยชน์อย่างมากมายด้วยการหาความรู้มากขึ้นอีกเกี่ยวด้วยพฤกษชาติและชีวิตสรรพสัตว์. โดยการเข้าใจถึงการพึ่งพาอาศัยกันในบรรดาสิ่งต่าง ๆ ที่มีชีวิตอยู่และความต้องการของสิ่งเหล่านั้น คนเราก็สามารถหลีกเลี่ยงการทำให้ดุลยภาพแห่งชีวิตเสียไปโดยไม่รู้ตัว. ความรู้ที่ถูกต้องย่อมจะช่วยเขาให้หลีกเว้นเสียจากการทำความเสียหายให้แก่ตนเองและสิ่งอื่น ๆ ที่มีชีวิตอยู่.
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผลเสียหายในเรื่องดีดีทีเป็นที่เข้าใจกันอย่างเต็มที่ และมนุษย์ลงมือปฏิบัติอย่างที่ลงรอยกันกับความรู้ของตน ก็น่าจะได้มีการหลบหลีกสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษอันมีอยู่อย่างแพร่หลาย. แต่ก็น่าเศร้าใจในการที่มนุษย์ใช้ดีดีทีอย่างที่ขาดความพินิจพิเคราะห์. ผลเป็นประการใด? ดร. ลอเรนโซ ทอมาทิส แห่งองค์การระหว่างชาติเพื่อการวิจัยในเรื่องโรคมะเร็งในฝรั่งเศสแถลงดังนี้: “ไม่มีสัตว์ ไม่มีน้ำ ไม่มีพื้นดินบนแผ่นดินโลกซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ที่ไม่ถูกทำให้เปื้อนเปรอะเป็นพิษด้วยดีดีที ในบางกรณีสภาพความเน่าเหม็นเป็นพิษเนื่องจากดีดีที ได้ก่อผลขึ้นในบรรดาสัตว์และนกทั้งปวงถึงขีดที่ทำลายชีวิตสัตว์เหล่านั้นเสียทีเดียว. เป็นความจริงความรู้ที่ถูกต้องน่าจะป้องกันสภาพความเน่าเหม็นเป็นพิษอันทำให้เป็นที่น่าเศร้าใจเช่นนี้ได้.
มนุษย์สามารถหาความรู้ได้ต่อ ๆ ไปอีกเช่นกันเกี่ยวด้วยเสียง แสง ปฏิกิริยาต่าง ๆ ทางเคมี วิชาว่าด้วยอิเล็กตรอน แร่ต่าง ๆ และสิ่งที่ไม่มีชีวิตอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากมาย. และนั่นก็ยังคงเหลืออวกาศชั้นนอก อันมีขอบเขตกว้างใหญ่ไพศาลอยู่อีกซึ่งส่วนใหญ่ยังมิได้รับการสำรวจ. ช่างเป็นขอบเขตสำหรับการตรวจสอบค้นคว้าหาความรู้อะไรเช่นนี้! จักรวาลบรรจุไปด้วยกลุ่มดวงดาวหลายพันล้านกลุ่มหรือกระบวนดวงดาว และกลุ่มดวงดาวเหล่านี้อาจจะประกอบไปด้วยดวงดาวหลายพันล้านดวงก็ได้.—บทเพลงสรรเสริญ 8:3, 4.
อย่าได้มองข้ามความจริงที่ว่าถึงแม้จะไม่มีเวลานานในการศึกษาก็ตาม บรรดาสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งปวงก็สามารถก่อให้มนุษย์เกิดความคิดในการประดิษฐ์สร้างและการใช้มโนภาพได้. สีสันและลวดลายต่าง ๆ ที่เห็นมีในจำพวกพฤกษชาติต่าง ๆ ในจำพวกสัตว์และสรรพสิ่งที่มีชีวิตนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ได้รับความพอใจยินดีเมื่อแลเห็นเท่านั้น แต่ยังเปิดช่องให้กับบ่อเกิดอันไม่มีขอบเขตจำกัดเกี่ยวด้วยความคิดเห็นในเรื่องศิลปะแห่งการตกแต่งอีกด้วย. ไม่มีเหตุผลเสียเลยที่จะต้องหวั่นกลัวว่าในที่สุดการกระตุ้นมนุษย์ให้ดำเนินการประดิษฐ์สร้างสิ่งต่าง ๆ นั้นจะเป็นอันยุติลง และชีวิตจะเลยกลายเป็นสิ่งที่ไม่สดใสและไม่น่าทึ่งไปเสียทีเดียว.
แต่ถึงแม้หากมีทางเป็นไปได้ในอันที่จะบรรลุขีดแห่งการได้มาซึ่งความรู้อย่างเต็มที่ในเรื่องแผ่นดินโลกและชีวิตทั้งมวลก็ดี นั่นก็จะถึงกับทำให้ชีวิตเป็นสิ่งน่าเบื่อกระนั้นไหม? โปรดคำนึงดูว่า: ในปีหนึ่งคนหนึ่ง ๆ อาจรับประทานอาหารมากกว่าพันมื้อ. พอถึงอายุสี่สิบปี คนเราก็อาจได้รับประทานกว่าสีหมื่นมื้อทีเดียว. แต่ก็การรับประทานอาหารจะยิ่งเป็นสิ่งที่น่าเบื่อยิ่งขึ้นพร้อมด้วยปีหนึ่ง ๆ ผ่านไปกระนั้นไหม? คนที่ได้รับประทานอาหารสี่หมื่นมื้อจะรู้สึกเบื่อยิ่งกว่าคนที่รับประทานอาหารประมาณครึ่งของจำนวนนั้นกระนั้นไหม?
ความพอใจเพลิดเพลินที่แท้จริงจะมีขึ้นได้แม้แต่ในสิ่งที่ต้องได้กระทำซ้ำ ๆ กัน. ใครบ้างในพวกเราจะรู้สึกเบื่อต่อการที่ได้รับลมอ่อน ๆ ต่อการสัมผัสจากคนเหล่านั้นผู้ซึ่งเรารัก ต่อเสียงน้ำไหลในลำธาร ต่อเสียงคลื่นที่ซัดมากระทบฝั่ง เสียงร้องเจี๊ยก ๆ หรือการส่งเสียงร้องของนก ต่อการแลเห็นความงดงามเวลาดวงอาทิตย์ตก ต่อการแลเห็นแม่น้ำซึ่งไหลคดเคี้ยวไปมา และน้ำในทะเลสาบที่ใสสะอาด น้ำตกที่ไหลลงมาเป็นหลั่น ๆ ทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม ยอดภูเขาอันสูงตระหง่าน หรือหาดทรายซึ่งรายเรียงไปด้วยต้นปาล์ม และต่อการที่ได้สูดกลิ่นหอมชื่นใจของสรรพดอกไม้? —เทียบดูเพลงไพเราะของกษัตริย์ซะโลโม 2:11-13.
โอกาสที่จะแสดงออกซึ่งความรัก
แน่ทีเดียว เพียงแต่การหาความรู้และการนำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มานั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นยังไม่พอเพียงที่จะทำให้ชีวิตนิรันดรมีค่า และเต็มไปด้วยความหมาย. มนุษย์เราย่อมมีความต้องการติดตัวมาแต่กำเนิดในอันที่จะรักและที่จะได้รับความรัก. เมื่อเรารู้สึกว่าคนอื่นต้องการเรา หยั่งรู้พอใจและรักเรา เราก็ย่อมปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ๆ ไป. การที่ทราบว่าคนอื่น ๆ รู้สึกคิดถึงเราเมื่อเราจากไปและปรารถนาจะได้เห็นเราอีกนั้น ย่อมทำให้หัวใจของเราได้รับความอบอุ่น. การมีความสัมพันธ์กับบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงที่รักย่อมเป็นการเสริมสร้างขึ้นและหนุนกำลังใจ. เรารู้สึกมีความสุขในการที่สามารถกระทำอะไรต่ออะไรได้เพื่อคนเหล่านั้นผู้ที่เรารัก ในการคอยเฝ้าระวังเพื่อสวัสดิภาพของเขา.
ชีวิตนิรันดรย่อมจะจัดโอกาสอันไม่มีที่สิ้นสุดขึ้นไว้เฉพาะหน้าเรา เพื่อที่จะแสดงออกซึ่งความรักและจะได้รับผลดีจากความรักของคนอื่น ๆ. ชีวิตนิรันดรจะจัดให้เรามีเวลาที่จำเป็นในการที่จะได้รู้จักกับเพื่อน ๆ มนุษย์ด้วยกัน เพื่อที่จะได้มาหยั่งรู้สำนึกถึงคุณค่าแห่งลักษณะอันดีงามของเขา และจะได้ปลูกฝังความรักอันแรงกล้าเพื่อเขา. ประชากรของแผ่นดินโลกย่อมแตกต่างกันจริง ๆ ทีเดียว—แตกต่างกันในบุคลิกลักษณะ แบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความพอใจเลือกเอาในเรื่องอาหารการกิน ในเรื่องสถาปัตยกรรม ในเรื่องดนตรีและศิลปะอื่น ๆ. เวลาที่ต้องใช้ไปในการที่จะให้ได้รู้จักและหยั่งรู้พอใจในคุณค่าแห่งมวลมนุษย์หลายพันล้านคน และที่จะหาความรู้จากประสบการณ์และความสามารถพิเศษต่าง ๆ ของเขาเช่นนั้นย่อมเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ แต่ว่าจะไม่เป็นความสนุกเพลิดเพลินหรอกหรือที่จะได้มารู้จักกับครอบครัวมนุษย์ทั้งสิ้น และที่จะสามารถรับรองเอาสมาชิกแต่ละคนของครอบครัวไว้เป็นเพื่อนที่รักจริง ๆ?
สิ่งที่ชีวิตนิรันดรบนแผ่นดินโลกนี้สามารถเสนอให้เราได้นั้น เป็นสิ่งมีค่าและมีบำเหน็จจริง ๆ. จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่เราจะรู้สึกเบื่อในเมื่อมีอยู่มากมายหลายอย่างที่เราจะสามารถหาความรู้ และเอาไปใช้อย่างที่เป็นประโยชน์ได้. มีทางเป็นไปได้อย่างไรที่ราจะพึงเบื่อหน่ายในการแสดงความรักต่อคนอื่น ๆ อย่างเต็มที่? ดอกเตอร์ อิกเนซ เล็พพ์ ออกความเห็นไว้ในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า เดธ แอนด์ อิทส์ มิซเตอรี่ส์ (ความตายและความลึกลับของมัน) ดังต่อไปนี้:
“คนเหล่านั้นผู้ซึ่งผ่านความรักที่แท้จริงและได้ประสบความสำเร็จผลในทางสติปัญญามาแล้วย่อมทราบได้ดีว่า ตนไม่เคยได้บรรลุขีดที่ไม่สามารถจะรับได้อีกต่อไป. นักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งอุทิศเวลาและกำลังทั้งสิ้นของตนในการค้นคว้าหาความรู้ เขาทราบว่ายิ่งเรียนมากก็ยิ่งมีอีกมากที่จะต้องเรียน และความกระหายในเรื่องความรู้ก็ยิ่งทวีขึ้น. เช่นเดียวกัน ชนเหล่านั้นผู้ซึ่งรักจริง ๆ ย่อมทราบว่าความเจริญงอกงามแห่งความรักของตนนั้นไม่มีขอบเขตจำกัด.”
แต่ก็เมื่อไรโอกาสต่าง ๆ เหล่านั้นที่ชีวิตนิรันดรเสนอไว้นั้นจึงจะเป็นของเรา? เมื่อไรราชอาณาจักรของพระเจ้าโดยพระคริสต์จึงจะทำให้มีทางเป็นไปได้? และหากเราตายไปก่อนที่เวลานั้นมาถึง จะมีทางพอเป็นไปได้ไหมในการที่เราจะได้ชีวิตกลับคืนดังเดิม?