การศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมด้วยภูมิหลัง
บทเรียนที่ 8—ข้อดีกว่าของ “ฉบับแปลโลกใหม่”
พิจารณาเกี่ยวกับภาษาทันสมัยใหม่, ความเสมอต้นเสมอปลาย, การแปลคำกริยาอย่างระมัดระวังของฉบับแปลนี้, และการที่ฉบับแปลนี้แสดงพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าอย่างมีพลัง.
1. (ก) ฉบับแปลโลกใหม่ แก้ไขแนวโน้มอะไร และอย่างไร? (ข) ในภาษาอังกฤษ ทำไมจึงมีการใช้พระนามยะโฮวา แทนยาห์เวห์ หรือรูปแบบอื่นของพระนามนี้?
เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีการจัดพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลสมัยใหม่ออกมาหลายฉบับซึ่งใช้ได้ดีมากในการช่วยผู้ที่รักพระคำของพระเจ้าให้เข้าใจความหมายของข้อความดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว. แต่ฉบับแปลหลายฉบับลบพระนามของพระเจ้าออกจากบันทึกศักดิ์สิทธิ์. ในทางตรงกันข้าม ฉบับแปลโลกใหม่ ยกย่องและถวายเกียรติแด่พระนามอันสูงส่งของพระเจ้าองค์สูงสุดโดยการนำพระนามนั้นใส่ไว้ในที่เดิมอันถูกต้องในข้อความของคัมภีร์ไบเบิล. บัดนี้ พระนามนั้นปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู 6,973 แห่ง และในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก 237 แห่ง รวมทั้งหมดเป็น 7,210 แห่ง. พวกผู้คงแก่เรียนด้านภาษาฮีบรูโดยทั่วไปชอบใช้พระนามนั้นในรูปของยาห์เวห์ มากกว่า แต่ปัจจุบันยังไม่ทราบการออกเสียงที่แน่ชัดของคำนี้. ฉะนั้น พระนามยะโฮวา แบบภาษาลาตินจึงยังใช้กันต่อไปเพราะเคยใช้กันมาหลายศตวรรษแล้วและเป็นคำแปลภาษาอังกฤษซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดของเททรากรัมมาทอน หรือพระนามในอักขระฮีบรูสี่ตัว יהוה. ผู้คงแก่เรียนด้านภาษาฮีบรู อาร์. เอช. พไฟฟ์เฟอร์ ให้ข้อสังเกตว่า “ไม่ว่าจะกล่าวกันอย่างไรเกี่ยวกับที่มาที่ไม่แน่นอนของพระนามนี้ คำ ‘ยะโฮวา’ เป็นการถ่ายทอดคำยาห์เวห์ อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษและยังควรเป็นเช่นนั้น.”a
2. (ก) ก่อนหน้านี้มีตัวอย่างการนำพระนามของพระเจ้ามาใส่ไว้ที่เดิมอีกในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกไหม? (ข) ด้วยเหตุนั้นจึงขจัดข้อสงสัยในเรื่องอะไร?
2 ฉบับแปลโลกใหม่ ไม่ใช่ฉบับแรกที่ใส่พระนามของพระเจ้าไว้ที่เดิมในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก. อย่างน้อยตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา ผู้แปลหลายคนรู้สึกถูกกระตุ้นให้ต้องใส่พระนามพระเจ้าไว้ที่เดิมในข้อความ โดยเฉพาะในที่ซึ่งผู้เขียนพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกยกข้อความจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งมีพระนามของพระเจ้ามากล่าว. ฉบับแปลของมิชชันนารีในภาษาสมัยใหม่หลายฉบับ รวมทั้งฉบับแปลพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกในภาษาของชาวแอฟริกา, ชาวเอเชีย, ชาวอเมริกัน, และชาวเกาะแปซิฟิก ต่างก็ใช้พระนามยะโฮวาอย่างเสรี เช่นเดียวกับฉบับแปลบางฉบับในภาษาของชาวยุโรป. ที่ใดก็ตามที่มีการถ่ายทอดพระนามนี้ ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ อีกว่าชี้ถึง “พระผู้เป็นเจ้า” องค์ไหน. นั่นคือพระยะโฮวา พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ซึ่งพระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์โดยการทำให้โดดเด่นโดยเฉพาะอยู่เสมอในพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่.b
3. โดยวิธีใดที่ฉบับแปลโลกใหม่ ช่วยในการถ่ายทอดพลัง, ความสละสลวย, และความหมายของข้อความดั้งเดิม?
3 ฉบับแปลโลกใหม่ ทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นอีกโดยการเสนอพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระองค์ในภาษาที่ชัดเจนเข้าใจได้ซึ่งสื่อความหมายตามเจตนารมณ์ของผู้เขียนสู่จิตใจผู้อ่านอย่างชัดแจ้ง. ฉบับแปลนี้ใช้ภาษาทันสมัย เรียบง่าย, มีการแปลอย่างเสมอต้นเสมอปลายเท่าที่เป็นไปได้, ถ่ายทอดอย่างถูกต้องในเรื่องการกระทำหรือสภาพที่บอกไว้ด้วยคำกริยาในภาษาฮีบรูและภาษากรีก, และแยกแยะระหว่างพหูพจน์กับเอกพจน์ในการใช้คำสรรพนาม “ท่าน” หรือ “เจ้า” และเมื่อมีการใช้คำกริยาในรูปคำสั่งซึ่งบริบทไม่ได้แสดงให้เห็น. ด้วยวิธีเหล่านี้และวิธีอื่น ๆ ฉบับแปลโลกใหม่ ให้ความกระจ่างด้วยภาษาสมัยใหม่ให้มากเท่าที่เป็นไปได้ในเรื่องพลัง, ความสละสลวย, และความหมายของข้อความดั้งเดิม.
แปลในภาษาสมัยใหม่
4. (ก) ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลในยุคต้น ๆ แสดงออกซึ่งจุดมุ่งหมายอันสูงส่งอะไร? (ข) อะไรได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อเวลาผ่านไป?
4 คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลเก่า ๆ มีคำเก่าแก่ที่เลิกใช้แล้วอยู่หลายคำซึ่งเป็นของสมัยศตวรรษที่ 16 และ 17. ถึงแม้ไม่เป็นที่เข้าใจกันในสมัยนี้ แต่คำเหล่านั้นก็เข้าใจง่ายในสมัยโน้น. ตัวอย่างเช่น คนหนึ่งที่มีบทบาทมากกับการใส่คำเหล่านั้นในคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษคือวิลเลียม ทินเดล ซึ่งมีรายงานว่าเขาพูดกับผู้ต่อต้านทางศาสนาของเขาคนหนึ่งดังนี้: ‘หากพระเจ้าทรงไว้ชีวิตข้าพเจ้า ก่อนที่หลายปีจะผ่านไป ข้าพเจ้าจะทำให้แม้แต่เด็กที่ถือคันไถได้รู้จักพระคัมภีร์มากกว่าท่านเสียอีก.’ พระคัมภีร์ภาคภาษากรีกฉบับแปลของทินเดลง่ายพอสำหรับเด็กไถนาจะเข้าใจได้ในสมัยของเขา. แต่เดี๋ยวนี้คำที่เขาใช้หลายคำกลายเป็นภาษาเก่าแก่ที่เลิกใช้แล้ว ดังนั้น ‘เด็กที่ถือคันไถ’ จึงไม่อาจเข้าใจชัดเจนถึงความหมายของคำหลายคำในฉบับแปลคิงเจมส์และฉบับแปลอื่น ๆ ที่เก่ากว่านั้นของคัมภีร์ไบเบิล. ดังนั้น จึงจำเป็นต้องขจัดความเคลือบคลุมของภาษาเก่าแก่ที่เลิกใช้แล้วและต้องทำให้คัมภีร์ไบเบิลกลับเป็นภาษาธรรมดาของสามัญชนอีก.
5. คัมภีร์ไบเบิลควรปรากฏในภาษาแบบใด และเพราะเหตุใด?
5 ภาษาของสามัญชนนั่นแหละที่ใช้กันในการเขียนพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ. เหล่าอัครสาวกกับคริสเตียนสมัยแรกคนอื่น ๆ ไม่ได้ใช้ภาษากรีกคลาสสิกของพวกนักปรัชญา เช่น เพลโต. พวกเขาใช้ภาษากรีกที่ใช้ประจำวัน นั่นคือคีนิ หรือภาษากรีกสามัญ. ดังนั้น พระคัมภีร์ภาคภาษากรีกจึงเขียนด้วยภาษาที่ผู้คนใช้กัน เช่นเดียวกับพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูซึ่งมีอยู่ก่อน. ฉะนั้น จึงสำคัญยิ่งที่ฉบับแปลต่าง ๆ ของพระคัมภีร์ฉบับดั้งเดิมควรเป็นภาษาที่ผู้คนทั่วไปใช้เช่นเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจง่าย. ด้วยเหตุนี้เองที่ฉบับแปลโลกใหม่ ไม่ใช้ภาษาเก่าแก่ที่เลิกใช้แล้วของเมื่อสามสี่ร้อยปีก่อน แต่ใช้ภาษาสมัยใหม่ที่ชัดเจนและมีความหมายเพื่อผู้อ่านจะรู้ได้จริง ๆ ว่าพระคัมภีร์กล่าวถึงอะไร.
6. จงแสดงให้เห็นประโยชน์ของการใช้ถ้อยคำแบบสมัยปัจจุบันแทนคำเก่าแก่ที่เลิกใช้แล้ว.
6 เพื่อให้แนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงในภาษาอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึงศตวรรษที่ 20 ขอให้สังเกตการเปรียบเทียบต่อไปนี้จากฉบับแปลคิงเจมส์ กับฉบับแปลโลกใหม่. คำ “Suffered” ในฉบับคิงเจมส์ กลายเป็นคำ “allowed [อนุญาต]” ในฉบับแปลโลกใหม่ (เย. 31:7), “was bolled” กลายเป็น “had flower buds [ออกดอกตูมแล้ว]” (เอ็ก. 9:31), “spoilers” กลายเป็น “pillagers [พวกปล้น]” (วินิจ. 2:14), “ear his ground” กลายเป็น “do his plowing [ไถนา]” (1 ซามู. 8:12), “when thou prayest [รูปคำแบบโบราณ]” กลายเป็น “when you pray [เมื่อท่านอธิษฐาน]” (มัด. 6:6), “sick of the palsy” กลายเป็น “paralytic [อัมพาต]” (มโก. 2:3), “quickeneth” กลายเป็น “makes . . . alive [ทำให้มีชีวิต]” (โรม 4:17), “shambles” กลายเป็น “meat market [ตลาดเนื้อ]” (1 โก. 10:25), “letteth” กลายเป็น “acting as a restraint [เป็นเครื่องหน่วงเหนี่ยว]” (2 เธ. 2:7) และอื่น ๆ อีก. เนื่องจากเหตุนี้ คุณค่าของฉบับแปลโลกใหม่ ในการใช้คำปัจจุบันแทนคำที่เลิกใช้แล้วจึงเป็นที่หยั่งรู้ค่ามากทีเดียว.
ความเสมอต้นเสมอปลายในการแปลความหมาย
7. ฉบับแปลโลกใหม่ เสมอต้นเสมอปลายในการแปลอย่างไร?
7 ฉบับแปลโลกใหม่ พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้มีความเสมอต้นเสมอปลายในการแปล. มีการกำหนดคำภาษาอังกฤษคำหนึ่งสำหรับคำภาษาฮีบรูหรือคำภาษากรีกคำหนึ่ง และคำนั้นถูกใช้อย่างเสมอต้นเสมอปลายเท่าที่สำนวนหรือบริบทจะอำนวยเพื่อให้เข้าใจคำภาษาอังกฤษนั้นอย่างถูกต้อง. ตัวอย่างเช่น คำภาษาฮีบรู เนʹเฟช ถูกแปลว่า “soul [จิตวิญญาณ]” โดยตลอด. คำกรีกที่ตรงกันคือ พซีคิʹ ก็ถูกแปลว่า “soul [จิตวิญญาณ]” ในทุกแห่งที่ปรากฏ.
8. (ก) จงยกตัวอย่างคำพ้องรูป. (ข) มีการจัดการกับคำเหล่านี้อย่างไรในการแปล?
8 ในบางแห่งเกิดปัญหาเกี่ยวกับการแปลคำพ้องรูป. คำเหล่านี้เป็นคำที่อยู่ในภาษาดั้งเดิมซึ่งสะกดเหมือนกันแต่มีความหมายพื้นฐานต่างกัน. ดังนั้น ข้อท้าทายคือการใช้คำที่มีความหมายถูกต้องเมื่อแปลคำนั้น. ในภาษาไทยมีคำพ้องรูปเช่น “ฝน (ตก)” กับ “ฝน (มีด)” และ “ยาม (ชื่อส่วนแห่งวัน)” กับ “ยาม (คนเฝ้าสถานที่)” ซึ่งสะกดเหมือนกันแต่เป็นคำที่ความหมายต่างกันอย่างชัดแจ้ง. ตัวอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลได้แก่คำฮีบรู รัฟ ซึ่งเป็นรากศัพท์ของคำต่าง ๆ ที่มีความหมายแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และดังนั้นรากศัพท์เหล่านี้จึงถูกแปลต่างกันไปในฉบับแปลโลกใหม่. ส่วนใหญ่แล้วคำรัฟ มีความหมายว่า “มาก” ดังที่เอ็กโซโด 5:5. แต่คำรัฟ ซึ่งใช้ในเรื่องของตำแหน่ง เช่น “รับซาเค” (ฮีบรู, รัฟซาเคʹ) ที่ 2 กษัต. 18:17 หมายความว่า “หัวหน้า” ดังที่แปลว่า “หัวหน้า ข้าราชสำนัก” ที่ดานิเอล 1:3 (ล.ม.). (ดูยิระมะยา 39:3 ที่เชิงอรรถด้วย.) คำรัฟ ในรูปเดียวกัน หมายความว่า “มือธนู” ซึ่งเป็นเหตุผลของการแปลที่ยิระมะยา 50:29. ผู้เชี่ยวชาญด้านคำศัพท์ เช่น แอล. เคอเลอร์และ ดับเบิลยู. เบาม์การ์ทเนอร์ เคยเป็นที่ยอมรับโดยพวกผู้แปลว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแยกแยะคำที่สะกดเหมือนกันเหล่านี้.
9. ผู้ให้อรรถาธิบายภาษาฮีบรูและภาษากรีกคนหนึ่งประเมินค่าฉบับแปลโลกใหม่ อย่างไร?
9 เกี่ยวกับลักษณะความเสมอต้นเสมอปลายนี้ ขอสังเกตสิ่งที่อะเล็กซานเดอร์ ทอมสัน ผู้ให้อรรถาธิบายภาษาฮีบรูและภาษากรีกกล่าวไว้เมื่อเขาวิจารณ์พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ ดังนี้: “เห็นได้ชัดว่าฉบับแปลนี้เป็นผลงานของผู้คงแก่เรียนที่เชี่ยวชาญและฉลาดซึ่งพยายามจะเผยให้เห็นความหมายที่แท้จริงของข้อความภาษากรีกให้มากเท่าที่ภาษาอังกฤษสามารถแสดงออกมาได้. ฉบับแปลนี้มุ่งหมายจะคงความหมายในภาษาอังกฤษอย่างหนึ่งไว้สำหรับคำหลักในภาษากรีกหนึ่งคำ และให้เป็นไปตามตัวอักษรเท่าที่จะเป็นไปได้. . . . คำที่โดยทั่วไปแล้วมีการแปลว่า ‘พิสูจน์ว่าถูกต้อง’ ได้รับการแปลอย่างถูกต้องว่า ‘ประกาศว่าชอบธรรม.’ . . . คำที่เคยได้รับการแปลว่ากางเขนถูกแปลว่า ‘เสาทรมาน’ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไขอีกประการหนึ่ง. . . . ลูกา 23:43 ได้รับการแปลอย่างดีว่า ‘แท้จริง เราบอกเจ้าวันนี้ เจ้าจะอยู่กับเราในอุทยาน.’ นี่เป็นการปรับปรุงที่ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับข้อความของฉบับแปลส่วนใหญ่.” เกี่ยวกับการแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ผู้วิจารณ์คนเดียวกันให้ความคิดเห็นดังนี้: “ฉบับแปลโลกใหม่เป็นฉบับที่ควรค่าแก่การได้มา. เป็นฉบับแปลที่มีพลังกระตุ้นและเหมือนมีชีวิต และทำให้ผู้อ่านคิดและศึกษาค้นคว้า. ฉบับแปลนี้ไม่ใช่ผลงานของนักวิจารณ์ชั้นสูง แต่เป็นของผู้คงแก่เรียนซึ่งถวายเกียรติแด่พระเจ้าและพระคำของพระองค์.”—เดอะ ดิฟเฟอเรนชิเอเตอร์ (ภาษาอังกฤษ) เมษายน 1952 หน้า 52-57 และมิถุนายน 1954 หน้า 136.
10. จงแสดงให้เห็นว่าความเสมอต้นเสมอปลายของฉบับแปลโลกใหม่ สนับสนุนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลอย่างไร.
10 ความเสมอต้นเสมอปลายของฉบับแปลโลกใหม่ มีชัยหลายครั้งในการอภิปรายทางวิชาการเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล. ตัวอย่างเช่น เมื่อหลายปีมาแล้ว สมาคมนักคิดเสรีแห่งหนึ่งในนิวยอร์กขอให้สมาคมว็อชเทาเวอร์ส่งผู้บรรยายสองคนไปบรรยายเรื่องเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลให้กลุ่มของเขาฟัง คำขอนั้นได้รับอนุมัติ. ผู้มีความรู้เหล่านั้นยึดตามคติบทลาตินที่ว่า ฟอลซุม อิน อูโน ฟอลซุม อิน โทโท ซึ่งหมายความว่า ข้อโต้แย้งที่ถูกพิสูจน์ว่าผิดในจุดเดียวก็ผิดทั้งหมด. ระหว่างการอภิปราย ชายคนหนึ่งค้านพยานพระยะโฮวาในเรื่องความไว้ใจได้ของคัมภีร์ไบเบิล. เขาขอให้อ่านเยเนซิศ 1:3 แก่ผู้ฟัง และมีการอ่านข้อนี้จากฉบับแปลโลกใหม่ ว่า “และพระเจ้าตั้งต้นตรัสว่า ‘ให้ความสว่างเกิดขึ้น.’ แล้วความสว่างก็เกิดขึ้น.” ด้วยความมั่นใจ เขาขอให้อ่านต่อไปในเยเนซิศ 1:14 และก็มีการอ่านจากฉบับแปลโลกใหม่ เช่นกันดังนี้: “และพระเจ้าตรัสต่อไปว่า ‘ให้เกิดมีดวงสว่างบนท้องฟ้า.’ ” “หยุดก่อน” เขาบอก “คุณกำลังอ่านอะไร? คัมภีร์ไบเบิลของผมบอกว่าพระเจ้าได้สร้างความสว่างในวันแรก และอีกครั้งในวันที่สี่ และนั่นขัดแย้งกัน.” แม้เขาอ้างว่ารู้จักภาษาฮีบรู แต่ก็ต้องชี้ให้เขาเห็นว่าคำภาษาฮีบรูที่ได้รับการแปลว่า “ความสว่าง” ในข้อ 3 คือคำว่าออร์ ขณะที่คำภาษาฮีบรูในข้อ 14 เป็นอีกคำหนึ่ง คือคำ มาออร์ʹ ซึ่งหมายถึงดวงสว่าง หรือแหล่งแห่งความสว่าง. ชายผู้มีความรู้คนนั้นนั่งลงยอมแพ้.”c ความเสมอต้นเสมอปลายอย่างซื่อสัตย์ของฉบับแปลโลกใหม่ มีชัย ซึ่งสนับสนุนว่าคัมภีร์ไบเบิลไว้วางใจได้และเป็นประโยชน์.
การแปลคำกริยาอย่างระมัดระวัง
11. ลักษณะอันทรงพลังอะไรของพระคัมภีร์ดั้งเดิมที่ได้รับการคงไว้ในฉบับแปลโลกใหม่? โดยวิธีใด?
11 ฉบับแปลโลกใหม่ ให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษในการถ่ายทอดความหมายของการกระทำของคำกริยาภาษากรีกและภาษาฮีบรู. เมื่อทำเช่นนั้น ฉบับแปลโลกใหม่ พยายามคงไว้ซึ่งความน่าดึงดูดใจ, ความเรียบง่าย, พลัง และลักษณะการใช้ถ้อยคำของข้อความในภาษาดั้งเดิม. ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้กริยานุเคราะห์ในภาษาอังกฤษเพื่อถ่ายทอดสถานะที่แท้จริงของการกระทำต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง. เนื่องจากพลังของคำกริยาเหล่านั้น พระคัมภีร์ฉบับดั้งเดิมจึงมีพลังมากและเต็มไปด้วยการแสดงออกซึ่งการกระทำ.
12. (ก) ด้านหนึ่งที่ภาษาฮีบรูแตกต่างจากภาษาของทางตะวันตกคืออะไร? (ข) จงอธิบายเกี่ยวกับคำกริยาภาษาฮีบรูในสองรูป.
12 คำกริยาในภาษาฮีบรูไม่มี “กาล” ในแบบที่มีการใช้ “กาล” ในภาษาส่วนใหญ่ของทางตะวันตก. ในภาษาอังกฤษ คำกริยาต่าง ๆ ถูกมองโดยเฉพาะจากแง่ของกาล หรือเวลา คืออดีต, ปัจจุบัน, และอนาคต. อีกด้านหนึ่ง คำกริยาภาษาฮีบรูนั้นโดยพื้นฐานแล้วแสดงถึงสภาพการณ์ของการกระทำ คือมองดูการกระทำนั้นว่าสำเร็จ (รูปสมบูรณ์) หรือไม่สำเร็จ (รูปไม่สมบูรณ์). รูปกริยาภาษาฮีบรูเหล่านั้นอาจถูกใช้เพื่อระบุการกระทำในอดีตหรือไม่ก็ในอนาคต บริบทจะกำหนดเวลา. ยกตัวอย่าง รูปสมบูรณ์หรือสำเร็จครบถ้วนของคำกริยานั้นโดยปกติแล้วหมายถึงการกระทำในอดีต แต่ก็มีการใช้เช่นกันเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตราวกับว่าเกิดขึ้นแล้วและเป็นอดีตไปแล้ว ซึ่งแสดงถึงความแน่นอนของเหตุการณ์นั้นในอนาคตหรือพันธะที่เหตุการณ์นั้นจะต้องเกิดขึ้น.
13. ทำไมการพิจารณาให้ถูกต้องในเรื่องรูปคำกริยาภาษาฮีบรูจึงสำคัญในการบรรลุความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเยเนซิศ 2:2, 3?
13 การถ่ายทอดรูปคำกริยาภาษาฮีบรูเป็นอีกภาษาหนึ่งอย่างถูกต้องแม่นยำเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง; มิฉะนั้น ความหมายอาจถูกบิดเบือนและแสดงแนวคิดที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง. เพื่อเป็นตัวอย่างหนึ่งในเรื่องนี้ ขอให้พิจารณาคำกริยาในเยเนซิศ 2:2, 3. ในหลายฉบับแปลที่กล่าวถึงการหยุดพักของพระเจ้าในวันที่เจ็ดมีการใช้ถ้อยคำเช่น “พระองค์ทรงพัก,” “ทรงงดการ,” “ทรงพักการงาน,” “แล้วพระองค์ทรงหยุดพัก,” “พระเจ้าทรงหยุดพัก” และ “พระองค์ได้ทรงหยุดพัก.” จากข้อความเหล่านี้คนเราอาจลงความเห็นว่าการหยุดพักของพระเจ้าในวันที่เจ็ดนั้นเสร็จสิ้นไปแล้วในอดีต. แต่ขอสังเกตวิธีที่ฉบับแปลโลกใหม่ เผยให้เห็นความหมายของคำกริยาที่ใช้ในข้อความที่เยเนซิศ 2:2, 3 (ล.ม.) ที่ว่า “และพอถึงวันที่เจ็ดงานที่พระองค์ได้ทำได้เสร็จสิ้น และในวันที่เจ็ดพระองค์ได้เริ่มหยุดพัก จากการงานทั้งปวงที่พระองค์ได้ทำ. และพระเจ้าทรงตั้งต้นอวยพรแก่วันที่เจ็ดและทรงทำให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เพราะในวันนั้น พระองค์ได้ทรงหยุดพักเรื่อยมา จากการงานทั้งปวงซึ่งพระเจ้าได้ทรงสร้างเนื่องด้วยพระประสงค์ของการทำ.” ถ้อยคำในข้อ 2 ที่ว่า “พระองค์ได้เริ่มหยุดพัก” เป็นคำกริยารูปไม่สมบูรณ์ในภาษาฮีบรู และดังนั้น จึงแสดงถึงแนวความคิดของการกระทำที่ยังไม่แล้วเสร็จหรือการกระทำที่ต่อเนื่อง. การแปลว่า “พระองค์ได้เริ่มหยุดพัก” สอดคล้องกับสิ่งที่มีกล่าวไว้ในเฮ็บราย 4:4-7. อีกด้านหนึ่ง คำกริยาในเยเนซิศ 2:3 เป็นในรูปสมบูรณ์ แต่เพื่อจะให้สอดคล้องกับข้อ 2 และเฮ็บราย 4:4-7 ข้อนี้จึงถูกแปลว่า “พระองค์ได้ทรงหยุดพักเรื่อยมา.”
14. ในการหลีกเลี่ยงความคิดเห็นที่ผิดเกี่ยวกับการเชื่อมโยงด้วยวาว ฉบับแปลโลกใหม่ พยายามทำอะไรเกี่ยวกับคำกริยาภาษาฮีบรู?
14 สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีความไม่ถูกต้องในการแปลรูปคำภาษาฮีบรูคือทฤษฎีไวยากรณ์ที่เรียกกันในสมัยนี้ว่า การเชื่อมโยงด้วยวาว. วาว (ו) คือสันธานในภาษาฮีบรูซึ่งโดยพื้นฐานแล้วหมายความว่า “และ.” คำนี้ไม่เคยอยู่โดด ๆ แต่อยู่กับคำอื่นเสมอ โดยที่มักอยู่กับคำกริยาฮีบรูเพื่อประกอบเป็นคำหนึ่ง. เคยมีและยังคงมีบางคนอ้างว่าความเกี่ยวพันกันนี้มีพลังที่จะเปลี่ยนกริยาจากรูปหนึ่งเป็นอีกรูปหนึ่ง คือจากรูปไม่สมบูรณ์เป็นรูปสมบูรณ์ (ดังที่เคยทำกันในฉบับแปลหลายฉบับ รวมทั้งฉบับแปลสมัยใหม่ด้วย ที่เยเนซิศ 2:2, 3) หรือจากรูปสมบูรณ์เป็นรูปไม่สมบูรณ์. ผลกระทบนี้ยังมีการพรรณนาไว้ด้วยโดยคำว่า “การพลิกผันด้วยวาว.” การใช้รูปคำกริยาที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้ทำให้เกิดความสับสนและการแปลข้อความภาษาฮีบรูอย่างผิด ๆ. ฉบับแปลโลกใหม่ ไม่ยอมรับว่าอักษรวาว มีพลังใด ๆ ที่จะเปลี่ยนสถานะของกริยา. ตรงกันข้าม ได้มีการพยายามที่จะเผยให้เห็นพลังที่ถูกต้องและเฉพาะตัวของคำกริยาฮีบรู ด้วยเหตุนั้น จึงเป็นการคงไว้ซึ่งความหมายของคำเดิมอย่างถูกต้องแม่นยำ.d
15. (ก) คำกริยาภาษากรีกได้รับการแปลด้วยความระมัดระวังเช่นไร? (ข) จงแสดงถึงประโยชน์ของการเสนอแนวความคิดที่ต่อเนื่องอย่างถูกต้อง.
15 มีการใช้ความระมัดระวังทำนองเดียวกันในการแปลคำกริยาภาษากรีก. กาลต่าง ๆ ในคำกริยาภาษากรีกไม่เพียงแสดง เวลา ของการกระทำหรือสถานะ แต่ยังแสดง ชนิด ของการกระทำด้วย ไม่ว่าชั่วครู่, เริ่มต้น, ต่อเนื่อง, ซ้ำ หรือเสร็จสมบูรณ์. การเอาใจใส่เรื่องความหมายเหล่านั้นในรูปคำกริยาภาษากรีกทำให้มีการแปลที่ถูกต้องแม่นยำพร้อมด้วยพลังครบถ้วนแห่งการกระทำซึ่งพรรณนาไว้. ตัวอย่างเช่น การให้ความหมายของแนวความคิดที่ต่อเนื่องซึ่งมีอยู่ในคำกริยาภาษากรีกไม่เพียงนำสีสันแท้จริงของสภาพการณ์ออกมาเท่านั้น แต่ยังทำให้คำตักเตือนและคำแนะนำมีพลังมากขึ้นอีกด้วย. ตัวอย่างเช่น การไม่เชื่ออย่างต่อเนื่อง ของพวกฟาริซายและพวกซาดูกายมีการทำให้เข้าใจโดยคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “คนในชั่วอายุที่ชั่วช้าและชอบเล่นชู้แสวงหา หมายสำคัญอยู่เสมอ.” และความจำเป็นต้องมีการกระทำที่ต่อเนื่องในสิ่งที่ถูกต้องก็มีการแสดงไว้โดยคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “จงรัก ศัตรูของท่านทั้งหลายต่อ ๆ ไป.” “ดังนั้น จงแสวงหาราชอาณาจักร . . . ก่อนเสมอไป.” “จงขอต่อ ๆ ไป แล้วท่านทั้งหลายจะได้รับ; จงหาต่อ ๆ ไป แล้วท่านจะพบ; จงเคาะต่อ ๆ ไป แล้วจะเปิดให้แก่ท่าน.”—มัด. 16:4; 5:44; 6:33; 7:7, ล.ม.
16. โดยคำนึงถึงเรื่องกาลอาโอริสต์ของภาษากรีก คำอธิบายของโยฮันเกี่ยวกับ “บาป” ที่ 1 โยฮัน 2:1 จึงมีการแสดงอย่างถูกต้องอย่างไร?
16 ภาษากรีกมีกาลพิเศษที่เรียกว่า อาโอริสต์ ซึ่งพาดพิงถึงการกระทำที่เป็นแบบชั่วระยะหนึ่ง หรือชั่วครู่. คำกริยาในกาลอาโอริสต์อาจแปลในหลายวิธี แล้วแต่บริบท. วิธีหนึ่งซึ่งมีการใช้กาลแบบนี้ก็เพื่อชี้ถึงการกระทำ อย่างหนึ่งครั้งเดียว แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับเวลาใดโดยเฉพาะ. ตัวอย่างการกระทำเช่นนั้นพบใน 1 โยฮัน 2:1 ซึ่งฉบับแปลหลายฉบับใช้คำกริยาสำหรับ “บาป” เพื่อเปิดช่องให้หมายถึงการทำบาปอย่างต่อเนื่อง แต่ฉบับแปลโลกใหม่ อ่านว่า “ทำบาป” คือการทำบาปครั้งเดียว. การแปลเช่นนี้ถ่ายทอดความหมายที่ถูกต้องที่ว่า หากคริสเตียนทำบาป เขาก็มีพระเยซูคริสต์ผู้ทรงทำการในฐานะผู้แก้ต่างหรือผู้ช่วยอยู่กับพระบิดาฝ่ายสวรรค์. ดังนั้น 1 โยฮัน 2:1 ไม่ขัดแย้ง แต่แค่เทียบให้เห็นความแตกต่างกับการตำหนิ ‘การทำบาปเป็นอาจิณ’ ซึ่งมีอยู่ใน 1 โยฮัน 3:6-8 และ 5:18, ล.ม.e
17. นอกจากแสดงการกระทำที่ต่อเนื่องแล้ว กาลที่ไม่สมบูรณ์ในภาษากรีกยังอาจแสดงถึงอะไรอีก? จงอธิบาย.
17 กาลที่ไม่สมบูรณ์ในภาษากรีกอาจแสดงไม่เพียงการกระทำที่ต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังแสดงการกระทำที่มีการพยายามทำแต่ไม่สำเร็จด้วย. ขอให้สังเกตวิธีที่เฮ็บราย 11:17 กล่าวในฉบับแปล 85 ซึ่งอ่านว่า “โดยความเชื่อเมื่ออับราฮามถูกลองใจก็ได้ถวาย ยิศฮาคเป็นเครื่องบูชา นี่แหละท่านผู้ได้รับคำสัญญานั้นไว้ด้วยความยินดีก็ได้ถวาย บุตรคนเดียวของตน.” คำกริยา “ได้ถวาย” ในภาษากรีกที่ปรากฏสองแห่งนี้มีรูปต่างกัน. คำแรกเป็นรูปกาลสมบูรณ์ (สำเร็จ) ส่วนแห่งที่สองเป็นรูปไม่สมบูรณ์ (อดีตที่ต่อเนื่อง). ฉบับแปลโลกใหม่ ซึ่งเอาใจใส่เรื่องกาลที่ต่างกันจึงแปลข้อนี้ว่า “เมื่ออับราฮามถูกลองใจ จึงเหมือนกับว่าได้ถวาย ยิศฮาคเป็นเครื่องบูชา และผู้นั้น . . . ก็ได้พร้อมที่จะถวาย บุตรผู้ได้รับกำเนิดคนเดียวของตน.” ดังนั้น กาลที่สมบูรณ์ในคำกริยาคำแรกจึงถูกคงไว้ ขณะที่กาลไม่สมบูรณ์ของคำกริยาคำที่สองบ่งว่า มีการตั้งใจหรือพยายามจะทำการแต่ไม่ได้ปฏิบัติจนสำเร็จ.—เย. 22:9-14, ล.ม.
18. อะไรคือผลจากการเอาใจใส่อย่างระมัดระวังต่อบทบาทของวจีวิภาคอื่น ๆ? จงยกตัวอย่าง.
18 การเอาใจใส่อย่างระมัดระวังต่อบทบาทของวจีวิภาค (การจำแนกชนิดถ้อยคำ) อื่น ๆ เช่นในกรณีของคำนาม ได้ทำให้สิ่งที่ดูเหมือนขัดแย้งนั้นกระจ่างขึ้น. ยกตัวอย่าง ที่กิจการ 9:7 ในการเล่าประสบการณ์อันน่าทึ่งของเซาโลบนเส้นทางสู่ดามัสกัส (ดาเมเซ็ก) นั้น ฉบับแปลจำนวนหนึ่งบอกว่าเพื่อนร่วมเดินทางของท่าน ‘ได้ยินพระสุรเสียงนั้น’ แต่ไม่เห็นผู้ใดเลย. ครั้นแล้ว ที่กิจการ 22:9 ที่เปาโลเล่าถึงเหตุการณ์นี้ ฉบับแปลเดียวกันบอกว่า แม้พวกเขาเห็นแสงสว่าง แต่ ‘เขาก็ไม่ได้ยินพระสุรเสียงนั้น.’ อย่างไรก็ตาม ในการกล่าวถึงครั้งแรก คำว่า “พระสุรเสียง” เป็นในกรณีสัมพันธการก (แสดงความเกี่ยวพันกับเจ้าของหรือแหล่งที่มา) แต่ในกรณีที่สอง เป็นในกรณีของกรรมการก (ผู้ถูกกระทำ) ดังในกิจการ 9:4. ทำไมจึงแตกต่าง? ไม่มีการถ่ายทอดความแตกต่างใด ๆ ในฉบับแปลดังกล่าวนี้ แต่โดยการเปลี่ยนแปลงของการก ภาษากรีกบ่งถึงบางสิ่งที่แตกต่าง. คนเหล่านั้นได้ยิน “เสียงพูด” จริง ๆ แต่ไม่ได้ยินอย่างที่เปาโลได้ยิน นั่นคือได้ยินและเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้น. ฉะนั้น ฉบับแปลโลกใหม่ ซึ่งสังเกตการใช้สัมพันธการกที่กิจการ 9:7 (ล.ม.) จึงบอกว่าคนเหล่านั้นซึ่งอยู่กับเปาโล “ได้ยินเสียง พูดจริง ๆ แต่ไม่เห็นผู้ใดเลย.”
คำพหูพจน์ “YOU [ท่านทั้งหลาย]” ได้รับการระบุ
19, 20. (ก) ฉบับแปลโลกใหม่ ได้ทำอะไรเกี่ยวกับรูปแบบการใช้คำพูดแบบเสแสร้ง และทำไม? (ข) จงแสดงให้เห็นว่าจะแยกคำ “you” ที่เป็นคำเอกพจน์จากที่เป็นคำพหูพจน์อย่างไร.
19 รูปคำภาษาอังกฤษแบบเก่าแก่ของสรรพนามบุรุษที่สองที่เป็นคำเอกพจน์มีการคงไว้ในฉบับแปลสมัยใหม่บางฉบับในกรณีที่กล่าวถึงพระเจ้า (thee, thou, thy). อย่างไรก็ตาม ในภาษาที่เขียนคัมภีร์ไบเบิลนั้น ไม่มีการใช้สรรพนามสำหรับบุคคลในรูปพิเศษใด ๆ ในการพูดกับพระเจ้า แต่ใช้แบบเดียวกับที่ใช้เมื่อพูดกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน. ดังนั้น ฉบับแปลโลกใหม่ ในภาษาอังกฤษจึงเลิกใช้คำเหล่านี้ซึ่งปัจจุบันฟังดูเสแสร้งและใช้คำพูดธรรมดา ๆ ว่า “you” (“ท่าน”) ในทุกกรณี. อย่างไรก็ตาม ในภาษาอังกฤษ สรรพนามบุรุษที่สองคือ “you” เหมือนกันทั้งในรูปเอกพจน์และพหูพจน์ และในบางกรณี คำกริยาก็ไม่ปรากฏชัดว่าเป็นพหูพจน์. ในกรณีนี้ เพื่อระบุว่าเป็นคำพหูพจน์ คำ (สรรพนามหรือกริยา) ทั้งหมดในฉบับภาษาอังกฤษจึงพิมพ์ด้วยอักษรใหญ่ขนาดเล็ก. บ่อยครั้งการทำเช่นนี้ช่วยผู้อ่านให้ทราบว่าข้อพระคัมภีร์นั้นกล่าวถึง “you” ในฐานะเป็นรายบุคคล หรือว่า “YOU” ในฐานะเป็นกลุ่มคน เป็นประชาคม.
20 ตัวอย่างเช่น ที่โรม 11:13 (ล.ม.) เปาโลกำลังพูดกับหลายคนว่า “ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านทั้งหลาย (YOU) ที่เป็นผู้คนจากชาติต่าง ๆ.” แต่ที่ข้อ 17 ภาษากรีกเปลี่ยนเป็นคำเอกพจน์ “you” และการใช้ก็ลดลงเป็นใช้กับคนใดคนหนึ่งโดยเจาะจง ที่ว่า “อย่างไรก็ตาม ถ้าบางกิ่งถูกหักออก แต่ท่าน (you) . . . ถูกนำมาต่อไว้ . . . ”
ฉบับแปลโลกใหม่ ในภาษาอื่น ๆ
21. (ก) เป็นไปได้อย่างไรที่ประชากรแห่งแผ่นดินโลกมากขึ้นทุกทีได้รับประโยชน์จากฉบับแปลโลกใหม่? (ข) ฉบับแปลโลกใหม่ ที่สมาคมว็อชเทาเวอร์ได้พิมพ์ออกจนกระทั่งปี 1999 มีจำนวนรวมทั้งหมดเท่าไร?
21 ในปี 1961 มีคำประกาศว่าสมาคมว็อชเทาเวอร์กำลังดำเนินงานเพื่อจะแปลฉบับแปลโลกใหม่ เป็นอีกหกภาษาที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง คือ ภาษาดัตช์, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โปรตุเกส และสเปน. งานแปลนี้ถูกมอบหมายแก่ผู้แปลที่เชี่ยวชาญและอุทิศตน ทุกคนทำงานร่วมกันที่สำนักงานกลางของสมาคมว็อชเทาเวอร์ที่บรุกลิน นิวยอร์ก. พวกเขารับใช้ในฐานะคณะกรรมการนานาชาติขนาดใหญ่ซึ่งทำงานภายใต้การชี้นำอันทรงสมรรถภาพ. ในเดือนกรกฎาคม 1963 ณ การประชุมใหญ่ “ข่าวดีนิรันดร” ของพยานพระยะโฮวาที่มิลวอกี มลรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ผลแรกแห่งงานแปลนี้มีให้หาอ่านได้เมื่อพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกฉบับแปลโลกใหม่ ออกพร้อมกันในหกภาษาดังกล่าว. ถึงตอนนั้น ผู้คนที่อาศัยบนแผ่นดินโลกซึ่งพูดภาษาอื่น ๆ นอกจากภาษาอังกฤษจึงเริ่มรับประโยชน์ได้จากฉบับแปลสมัยใหม่นี้. ตั้งแต่นั้น งานแปลจึงดำเนินต่อมา เพราะเหตุนั้น เมื่อมาถึงปี 1999 พระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ จึงปรากฏออกมาใน 34 ภาษา มีการพิมพ์มากกว่า 101,100,000 เล่ม.f
ขอบพระคุณสำหรับเครื่องมืออันทรงพลัง
22, 23. ฉบับแปลนี้ของพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจเป็นประโยชน์แก่คริสเตียนในแนวทางที่โดดเด่นอะไรบ้าง?
22 ฉบับแปลโลกใหม่ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังจริง ๆ สำหรับการแสดงให้เห็นว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์.” จากจุดต่าง ๆ ที่พิจารณาในบทเรียนนี้ เราสามารถเข้าใจว่าพระคัมภีร์ถูกต้องแม่นยำและไว้ใจได้ และพระคัมภีร์สามารถให้ความยินดีแท้แก่ผู้ที่ปรารถนาจะได้ยินพระเจ้าตรัสแก่มนุษย์อย่างน่าเร้าใจในภาษาสมัยใหม่ที่มีชีวิตชีวา. ภาษาของพระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ เป็นสิ่งที่ปลุกเร้าฝ่ายวิญญาณ และทำให้ผู้อ่านเข้าถึงถ้อยคำอันทรงพลังแห่งพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจแต่ดั้งเดิมได้อย่างรวดเร็ว. เราไม่จำเป็นต้องอ่านข้อต่าง ๆ ซ้ำหลายครั้งอีกต่อไปเพื่อจะเข้าใจวลีที่คลุมเครือ. พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ กล่าวออกมาอย่างมีพลังและความชัดเจนตั้งแต่เริ่มอ่านเลยทีเดียว.
23 พระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ เป็นการแปลพระคำของพระเจ้า “พระแสงของพระวิญญาณ” ด้วยความซื่อสัตย์. ฉะนั้น พระคัมภีร์ฉบับนี้จึงเป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพจริง ๆ ในสงครามฝ่ายวิญญาณของคริสเตียน เป็นเครื่องช่วยในการ ‘คว่ำคำสอนเท็จที่ฝังรากลึกและการหาเหตุผลที่ยกขึ้นต่อสู้ความรู้ของพระเจ้า.’ พระคัมภีร์ฉบับนี้ทำให้เราสามารถประกาศด้วยความเข้าใจดีขึ้นถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์และเสริมสร้าง สิ่งต่าง ๆ อันรุ่งโรจน์ซึ่งเกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรอันชอบธรรมของพระเจ้า—ถูกแล้ว “การอิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า”!—เอเฟ. 6:17; 2 โก. 10:4, 5, ล.ม.; กิจ. 2:11.
[เชิงอรรถ]
a การแนะนำพันธสัญญาเดิม (ภาษาอังกฤษ) โรเบิร์ต เอช. พไฟฟ์เฟอร์ 1952 หน้า 94.
b ฉบับแปลคิงดอม อินเตอร์ลิเนีย ฉบับพิมพ์ปี 1985 หน้า 1133-1138.
c การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 528.
d คัมภีร์ไบเบิลฉบับที่มีข้ออ้างอิง ภาคผนวก 3C “คำกริยาฮีบรูซึ่งแสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องหรือกำลังดำเนินอยู่.”
e การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 1008.
f มีการพิมพ์ฉบับครบชุดในภาษาเดนมาร์ก, ดัตช์, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, โปรตุเกส และสเปน (รวมทั้งบางส่วนในภาษาฟินแลนด์และสวีเดน).