ธันวาคม
วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม
พวกคุณต้องต่อสู้กับมันและมีความเชื่อที่มั่นคง เพราะรู้อยู่ว่าทุกคนในสังคมพี่น้องคริสเตียนทั่วโลกก็เจอความทุกข์แบบเดียวกัน—1 ปต. 5:9
อัครสาวกเปโตรเขียนสิ่งที่ให้กำลังใจคริสเตียนที่ต้องอดทนกับปัญหาหลายอย่างจากซาตาน ประสบการณ์ของ “คนที่อดทน” สอนเราให้รู้วิธีรักษาความซื่อสัตย์ ช่วยให้เรามั่นใจว่าเราก็ทำได้ และยังช่วยให้เรารู้ว่าเราจะได้รับรางวัลเพราะความซื่อสัตย์ของเรา (ยก. 5:11) หากคุณกำลังทนทุกข์เนื่องจากการต่อต้านและการข่มเหง หรือคุณเป็นผู้ดูแลในประชาคม หรือเป็นผู้ดูแลหมวดที่รู้สึกว่ามีงานรับผิดชอบมากเกินไป ตัวอย่างของเปาโลช่วยคุณได้ เปาโลต้องทนกับการต่อต้านที่โหดร้าย และเขาก็มักจะแบกความกังวลเรื่องพี่น้องในประชาคมต่าง ๆ (2 คร. 11:23-29) แต่เปาโลไม่เคยยอมแพ้ และตัวอย่างของเขาก็ให้กำลังใจเรา (2 คร. 1:6) ความอดทนของเราก็สามารถกระตุ้นคนอื่นให้อดทนได้เหมือนกัน ห16.04 2:11, 14
วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม
ให้ไปสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก . . . และสอนพวกเขาให้ทำตาม—มธ. 28:19, 20
พระเยซูบอกล่วงหน้าว่าในสมัยสุดท้ายจะมีการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่ว พวกเราที่เป็นพยานพระยะโฮวาเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องงานประกาศที่ทำกันทั่วโลก บางคนชอบข่าวสารที่เราประกาศ แต่ก็มีคนที่ไม่ชอบด้วย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังยอมรับนับถืองานที่เราทำ พวกเรามักบอกคนอื่นเสมอว่าเรากำลังทำงานที่พระเยซูบอกไว้ล่วงหน้า (มธ. 24:14) ผู้คนจากหลายกลุ่มศาสนาอ้างว่าพวกเขาประกาศข่าวสารของพระเยซู แต่งานประกาศของพวกเขาทำกันแค่ในรายการโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต เทศน์ในโบสถ์ หรือไม่ก็แค่เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่าได้มาเรียนเกี่ยวกับพระเยซูได้อย่างไร ส่วนคนอื่น ๆ ก็คิดว่าการได้ช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือทำงานจิตอาสา เช่น เป็นหมอ พยาบาล หรือครูก็เป็นวิธีหนึ่งที่พวกเขาประกาศ แต่งานเหล่านี้เป็นงานประกาศที่พระเยซูกำลังพูดถึงไหม? ห16.05 2:1, 2
วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม
ผมขอร้องเรียนต่อซีซาร์—กจ. 25:11
รัฐบาลของมนุษย์เป็นศัตรูกับรัฐบาลของพระเจ้าที่เริ่มปกครองตั้งแต่ปี 1914 อีกไม่นานรัฐบาลของพระเจ้าจะจัดการรัฐบาลอื่น ๆ ให้หมดไป (สด. 2:2, 7-9) พระเจ้ายอมให้มีรัฐบาลของมนุษย์เพราะพวกเขาช่วยรักษาความสงบและจัดระเบียบต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าง่ายขึ้น (รม. 13:3, 4) พระเจ้าถึงกับบอกให้เราอธิษฐานเผื่อคนที่มีอำนาจ เพื่อเราจะนมัสการพระองค์ได้อย่างสงบและปลอดภัย (1 ทธ. 2:1, 2) ถ้าเราถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม เราสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลได้ เปาโลก็ทำแบบนั้น ถึงแม้คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าซาตานควบคุมรัฐบาลของมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าซาตานควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลแต่ละคน (ลก. 4:5, 6) ดังนั้น เราไม่ควรบอกคนอื่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนนั้นคนนี้ถูกซาตานควบคุมอยู่ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราไม่ควรพูดให้ร้ายคนอื่น—ทต. 3:1, 2 ห16.04 4:5, 6
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม
ให้พยายามเข้าใจว่าพระยะโฮวาต้องการอะไร—อฟ. 5:17
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรทำให้พระยะโฮวาพอใจ? เมื่อไม่มีกฎหมายที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องที่เราต้องตัดสินใจ เราต้องพยายามเข้าใจว่าพระยะโฮวาอยากให้เราทำอะไรในสถานการณ์นั้น ๆ แต่เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? เราต้องอธิษฐานถึงพระเจ้าและยอมให้พลังบริสุทธิ์ชี้นำการตัดสินใจของเรา พระเยซูเข้าใจเสมอว่าพระยะโฮวาอยากให้ท่านทำอะไร ตัวอย่างเช่น มีสองครั้งที่ผู้คนหิว พระเยซูก็อธิษฐานและเลี้ยงอาหารพวกเขาโดยการอัศจรรย์ (มธ. 14:17-20; 15:34-37) แต่ตอนที่พระเยซูหิวในที่กันดาร และมารอยากให้ท่านเปลี่ยนก้อนหินเป็นขนมปัง พระเยซูไม่ยอมทำ (มธ. 4:2-4) พระเยซูรู้จักพ่อของท่านดี ท่านรู้ว่าพระยะโฮวาไม่อยากให้ท่านใช้พลังบริสุทธิ์เพื่อตัวเอง ท่านมั่นใจว่าพระเจ้าผู้เป็นพ่อของท่านจะชี้นำและเลี้ยงดูท่าน ห16.05 3:7, 8
วันพุธที่ 5 ธันวาคม
พระคัมภีร์ทุกตอนพระเจ้าดลใจให้เขียนขึ้นมา มีประโยชน์—2 ทธ. 3:16
เป็นเรื่องจริงที่ว่าบางส่วนของคัมภีร์ไบเบิลถูกเขียนขึ้นเพื่อใครคนหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ ดังนั้น ก่อนที่เราจะอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราควรขอให้พระยะโฮวาช่วยเราให้เปิดใจและให้มีสติปัญญาเพื่อจะเข้าใจบทเรียนต่าง ๆ ที่พระองค์อยากให้เราได้เรียน (อสร. 7:10; ยก. 1:5) ตอนที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิล ขอให้หยุดและถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ ‘เรื่องนี้สอนอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา? ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปใช้ในชีวิตได้อย่างไร? ฉันจะใช้เรื่องนี้เพื่อช่วยคนอื่นได้อย่างไร?’ เมื่อคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ เราจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการอ่านคัมภีร์ไบเบิล ขอเราดูกันสักตัวอย่างหนึ่ง คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงคุณสมบัติของคริสเตียนที่เป็นผู้ดูแล (1 ทธ. 3:2-7) แต่พวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ดูแล เราเลยอาจคิดว่าเรื่องนี้ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด ถึงอย่างนั้น การรู้คุณสมบัติของผู้ดูแลมีประโยชน์กับพวกเราทุกคน ห16.05 5:7, 8
วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม
พวกเจ้าอยู่ในมือเราเหมือนดินเหนียวที่อยู่ในมือช่างปั้นหม้อ—ยรม. 18:6
ตอนที่ชาวยิวถูกพาตัวไปบาบิโลน พวกเขาเข้าไปในเมืองที่มีรูปเคารพเต็มไปหมด และผู้คนที่นั่นก็กราบไหว้ปีศาจที่ชั่วร้าย แต่ชาวยิวที่ซื่อสัตย์อย่างดาเนียลกับเพื่อนอีก 3 คนไม่ยอมให้ผู้คนในบาบิโลนมีอิทธิพลต่อพวกเขา (ดนล. 1:6, 8, 12; 3:16-18) ดาเนียลกับเพื่อน ๆ ยอมให้พระยะโฮวานวดปั้นพวกเขา และนมัสการพระองค์ผู้เดียว แม้ดาเนียลอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเกือบตลอดชีวิต แต่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าบอกว่า เขาเป็น “คนที่พระเจ้าถือว่ามีค่ามาก” (ดนล. 10:11, 19) ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล ช่างปั้นอาจกดดินเหนียวลงในพิมพ์เพื่อขึ้นรูปตามที่ต้องการ ทุกวันนี้ ผู้นมัสการแท้รู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองเอกภพ พระองค์จึงมีสิทธิ์ที่จะให้ชาติต่าง ๆ เป็นอะไรก็ได้ตามที่พระองค์ต้องการ (ยรม. 18:6) พระองค์ยังมีสิทธิ์ที่จะนวดปั้นเราแต่ละคนให้เป็นอะไรก็ได้ แต่พระยะโฮวาไม่ได้บังคับใคร พระองค์อยากให้เราเต็มใจให้พระองค์นวดปั้น ห16.06 2:1, 2
วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม
อย่าใช้ชีวิตแบบคนรักเงิน—ฮบ. 13:5
ซาตานอยากให้เราเชื่อว่า เราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเรามีสิ่งของมากมาย มันจึงใช้โลกและ “ความต้องการที่เกิดจากตา” เพื่อทำให้เราอยากได้อยากมีอยู่เรื่อย ๆ (1 ยน. 2:15-17; ปฐก. 3:6; สภษ. 27:20) เรามักเห็นและได้ยินโฆษณาที่ชักชวนเราให้ซื้อของรุ่นใหม่ ๆ คุณเคยซื้ออะไรบางอย่างแค่เพราะเห็นโฆษณาหรือเห็นมันตั้งโชว์อยู่ในร้านไหม? และพอซื้อมาแล้ว คุณอาจรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อเลย ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็นอยู่เรื่อย ๆ เราก็จะทำให้ชีวิตวุ่นวายไปเปล่า ๆ สิ่งของเหล่านั้นอาจทำให้เราไม่จดจ่อกับการรับใช้พระยะโฮวา เช่น เราอาจไม่มีเวลามากพอที่จะศึกษาส่วนตัว เตรียมตัวสำหรับการประชุม ไปประชุมและไปประกาศเป็นประจำ ขอจำคำเตือนของอัครสาวกยอห์นที่บอกว่า “โลกนี้กำลังจะผ่านพ้นไปพร้อม ๆ กับความต้องการของโลก” ห16.07 1:3, 4
วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม
มี “พระ” มาก . . . แต่สำหรับเราแล้ว มีพระเจ้าเพียงองค์เดียว—1 คร. 8:5, 6
ประชาคมคริสเตียนในศตวรรษแรกมีทั้งชาวยิว ชาวกรีก ชาวโรมัน และคนชาติอื่น ๆ พวกเขามีภูมิหลังต่างกัน วัฒนธรรมและความชอบก็ไม่เหมือนกัน จึงยากสำหรับบางคนที่จะยอมรับการนมัสการแบบใหม่ หรือเลิกทำสิ่งที่เคยทำ เปาโลจึงต้องเตือนใจพวกเขาว่า คริสเตียนมีพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น ประชาคมคริสเตียนในทุกวันนี้ล่ะเป็นอย่างไร? ผู้พยากรณ์อิสยาห์บอกว่า “ในสมัยสุดท้าย” ผู้คนจากทุกชาติจะพากันมานมัสการพระยะโฮวา พวกเขาจะพูดว่า “พระองค์จะสอนเราให้รู้แนวทางของพระองค์ เราจะได้ใช้ชีวิตตามแนวทางนั้น” (อสย. 2:2, 3) เรามีความสุขที่เห็นคำพยากรณ์นี้เกิดขึ้นจริงในทุกวันนี้ พี่น้องชายหญิงของเรามาจากหลายที่ พูดภาษาไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมก็แตกต่างกัน แต่เราก็เป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการพระยะโฮวา ห16.06 3:15, 16
วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม
พระองค์ทำให้เรามีชีวิตและให้เรานั่งร่วมกับพระคริสต์เยซูในสวรรค์ในฐานะสาวกของท่าน—อฟ. 2:6
อาจเป็นเรื่องยากที่จะคิดถึงสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้กับคริสเตียนผู้ถูกเจิมตอนที่พวกเขาร่วมปกครองกับพระเยซูบนสวรรค์ (ลก. 22:28-30; ฟป. 3:20, 21; 1 ยน. 3:2) พวกเขาจะเป็น “เยรูซาเล็มใหม่” เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ (วว. 3:12; 17:14; 21:2, 9, 10) พวกเขาจะทำงานร่วมกับพระเยซูในการ “เยียวยารักษาผู้คนจากชาติต่าง ๆ” ผู้ถูกเจิมจะช่วยมนุษย์ให้เป็นอิสระจากบาปและความตาย และจะช่วยพวกเขาให้เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ (วว. 22:1, 2, 17) วิธีที่ยอดเยี่ยมวิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาจะแสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ก็คือ การปลุกคนที่อยู่ใน “หลุมศพ” ให้ฟื้น (โยบ 14:13-15; ยน. 5:28, 29) แต่ใครบ้างที่จะถูกปลุก? คนที่จะถูกปลุกก็คือคนที่ซื่อสัตย์ที่ตายไปก่อนที่พระเยซูจะตาย และคนที่เป็น “แกะอื่น” ที่ตายอย่างซื่อสัตย์ในสมัยสุดท้าย คนเหล่านี้จะถูกปลุกให้กลับมามีชีวิตอีกเพื่อรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไป—ยน. 10:16 ห16.07 4:13-15
วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม
ในเวลาอย่างนี้พวกคุณยังหลับพักผ่อนกันอยู่อีกหรือ—มก. 14:41
อะไรจะช่วยเราให้ “ตื่นตัวเสมอ” และเตรียมพร้อมสำหรับวันของพระยะโฮวา? เราต้องอยากเอาชนะความอ่อนแอและทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ แต่แค่นี้ไม่พอ ก่อนที่พระเยซูจะเสียชีวิตไม่กี่วัน ท่านบอกสาวกว่าพวกเขาต้องคอยอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วย (ลก. 21:36) และเพื่อจะตื่นตัวอยู่เสมอในช่วงสมัยสุดท้ายนี้ เราก็ต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาอยู่เรื่อย ๆ (1 ปต. 4:7) พระเยซูบอกว่า อวสานจะมา “ในเวลาที่คุณคาดไม่ถึง” (มธ. 24:44) ดังนั้น เราต้องพร้อมตลอดเวลา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีชีวิตอย่างที่โลกของซาตานเสนอให้ แม้มันบอกว่าจะทำให้เรามีความสุข นั่นเป็นแค่ความเพ้อฝัน แต่พระยะโฮวาและพระเยซูบอกโดยทางคัมภีร์ไบเบิลว่าเราจะเฝ้าระวังอยู่เสมอได้อย่างไร ดังนั้น ให้เราเอาใจใส่คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลและดูว่าคำพยากรณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงอย่างไร และขอให้เราใกล้ชิดกับพระยะโฮวาเสมอและให้การปกครองของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเรา ถ้าเราทำอย่างนี้ เราก็จะพร้อมเมื่ออวสานมาถึง (วว. 22:20) เราจะรอดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมแค่ไหน ห16.07 2:15-17
วันอังคารที่ 11 ธันวาคม
ขอให้ทนกันและกัน และให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป—คส. 3:13
ชีวิตคู่จะมั่นคงถ้าทั้งสามีและภรรยา “ทนกันและกัน และให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป” เนื่องจากไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทั้งสามีและภรรยาอาจทำผิดพลาด เมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นพวกเขาจะได้เรียนจากข้อผิดพลาดของตัวเอง เรียนรู้ที่จะให้อภัย และมีโอกาสที่จะแสดงความรักแบบที่ใช้หลักการของคัมภีร์ไบเบิล ความรักแบบนี้แหละที่ “ผูกพันผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง” (คส. 3:14) คู่สมรสสามารถแสดงความรักแบบนี้โดยการอดทน แสดงความเมตตาต่อกัน และ “ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ” (1 คร. 13:4, 5) เมื่อมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน พวกเขาต้องพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดภายในวันนั้น (อฟ. 4:26, 27) การเป็นคนถ่อมตัวและกล้าที่จะพูดว่า “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ” จะช่วยแก้ปัญหาและช่วยให้คู่สมรสใกล้ชิดกันมากขึ้น ห16.08 2:6
วันพุธที่ 12 ธันวาคม
พ่อมีคำแนะนำดี ๆ จะให้—สภษ. 4:2
พระเยซูทำงานประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าอย่างขยันขันแข็ง แต่ท่านก็ใช้เวลามากในการฝึกสาวกของท่านด้วย พระเยซูช่วยพวกเขาให้รู้ว่าจะสอนอย่างไร และจะเป็นผู้บำรุงเลี้ยงที่ดูแลประชาชนของพระเจ้าได้อย่างไร (มธ. 10:5-7) ฟีลิปยุ่งมากกับการประกาศแต่เขาก็ฝึกลูกสาวให้ทำงานนี้ (กจ. 21:8, 9) ในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราจำเป็นต้องฝึกคนอื่นด้วย เพราะอะไร? ในประชาคมต่าง ๆ ทั่วโลกมีคนใหม่จำนวนมากที่ยังไม่ได้รับบัพติศมา คนเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการฝึก เราต้องช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าทำไมเป็นเรื่องสำคัญที่จะอ่านคัมภีร์ไบเบิลและศึกษาส่วนตัว นอกจากนั้น เราต้องฝึกพวกเขาให้รู้วิธีประกาศและสอนความจริง เรายังมีพี่น้องชายหลายคนที่เพิ่งรับบัพติศมา พวกเขาก็ต้องได้รับการฝึกด้วย เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะเป็นผู้ช่วยงานรับใช้และผู้ดูแล เราเห็นได้ว่าทุกคนในประชาคมสามารถทำได้หลายอย่างเพื่อช่วยคนใหม่ ๆ ห16.08 4:1, 2
วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม
ช่วยมือที่อ่อนล้าให้มีแรง และช่วยเข่าที่อ่อนแรงให้มีกำลัง—อสย. 35:3
การรับใช้ด้วยกันกับพี่น้องช่วยเราให้สามัคคีกัน เราจะสนิทกับพวกเขามากขึ้นและเป็นเพื่อนกันตลอดไป นอกจากนั้น นี่ยังช่วยทั้งเราและเขาให้มั่นใจมากขึ้นในความหวังเกี่ยวกับอนาคตที่รัฐบาลของพระเจ้าสัญญาไว้ เมื่อเราช่วยให้มือของคนอื่นมีกำลังขึ้น เราก็ช่วยพวกเขาให้มีกำลังใจ สามารถอดทนกับสภาพการณ์ที่ยากลำบากต่าง ๆ ช่วยพวกเขาให้รักษาความคิดในแง่บวกเกี่ยวกับความหวังในอนาคต (อสย. 35:4) และตอนที่เราช่วยคนอื่น ตัวเราเองก็ได้รับกำลังใจและช่วยเราให้มองไปที่อนาคตที่พระเจ้าสัญญา เมื่อเราคิดเกี่ยวกับวิธีที่พระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์และคุ้มครองพวกเขาในอดีต ความเชื่อและความไว้วางใจของเราก็เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เมื่อคุณมีปัญหาและมีเรื่องกังวลก็ ‘อย่าให้มือของคุณอ่อนไป’ (ศฟย. 3:16) อย่าท้อใจ คุณมั่นใจได้ว่าถ้าคุณอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วย พระองค์จะให้กำลังกับคุณและจะใช้มือของพระองค์พาคุณไปรับสิ่งดีต่าง ๆ ที่มาจากรัฐบาลของพระองค์ในอนาคต—สด. 73:23, 24 ห16.09 1:16-18
วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม
มีเวลาสำหรับการทำทุกสิ่งทุกอย่าง—ปญจ. 3:17
เมื่อผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องเลือกว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน พวกเขาทำตามข้อคัมภีร์ข้างต้น การแต่งตัวของเราอาจขึ้นอยู่กับอากาศ ฤดู สภาพความเป็นอยู่ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ แต่มาตรฐานของพระยะโฮวาไม่เคยเปลี่ยนแปลง (มลค. 3:6) ตอนที่อากาศร้อน อาจเป็นเรื่องยากกว่าที่จะเลือกว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบไหนที่สุภาพเรียบร้อยและเป็นการให้เกียรติคนอื่น แต่พี่น้องของเราจะรู้สึกขอบคุณที่เราพยายามไม่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น บางเกินไป หรือรัดเกินไปจนเห็นสัดส่วน (โยบ 31:1) ตอนที่เราไปเที่ยวทะเลหรือไปว่ายน้ำก็เหมือนกัน ชุดว่ายน้ำของเราก็ควรสุภาพเรียบร้อย (สภษ. 11:2, 20) แม้ว่าคนทั่วไปจะใส่ชุดว่ายน้ำที่ดูโป๊ แต่เราควรเลือกใส่แบบที่ทำให้พระยะโฮวาพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ของเราได้รับการยกย่องสรรเสริญ ห16.09 3:11, 12
วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม
พวกคุณล่ะ คิดว่าผมเป็นใคร?—มธ. 16:15
พระเยซูชอบถามสาวกเกี่ยวกับสิ่งที่เขาคิดและเชื่อ คุณก็เลียนแบบตัวอย่างของพระเยซูได้ ตอนที่คุณคุยกับลูกหรือทำบางอย่างด้วยกัน ลองถามลูกเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเชื่อ ถามเขาดูสิว่าคิดอย่างไร ถ้าลูกของคุณไม่ได้เชื่อสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกในทันที คุณต้องอดทน คุณต้องพยายามช่วยเขาให้ได้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนั้น คุณน่าจะดีใจที่ลูก ๆ ถามคำถามเพราะนี่หมายความว่าพวกเขาอยากเข้าใจมากขึ้น ตอนที่พระเยซูเป็นเด็ก ท่านก็เป็นเด็กที่ช่างถาม (ลก. 2:46) พยายามรู้จักลูกของคุณให้ดี อย่าคิดว่าพวกเขาน่าจะมีความเชื่อในพระยะโฮวาแค่เพราะคุณเห็นพวกเขาออกไปประกาศหรือไปประชุม คุณต้องรู้ว่าลูก ๆ คิดและรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา พวกเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล พยายามดูให้ออกว่าอะไรที่ยากสำหรับพวกเขาที่จะรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา พยายามพูดเกี่ยวกับพระยะโฮวาทุกวันตอนที่คุณทำอะไรบางอย่างด้วยกัน คุณต้องอธิษฐานเพื่อลูกของคุณทั้งตอนที่คุณอธิษฐานด้วยกันกับเขาและตอนที่คุณอธิษฐานคนเดียว ห16.09 5:3-5
วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม
คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข—มธ. 5:3
ในทุกวันนี้ พยานพระยะโฮวาจำนวนมากกำลังทำให้คำพยากรณ์ข้อหนึ่งเกิดขึ้นจริง คำพยากรณ์นั้นพูดถึงการประกาศ “กับทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกชนชาติ” (วว. 14:6) คุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเรียนภาษาอื่นอยู่ไหม? หลายคนทั่วโลกกำลังทำแบบนั้น บางคนรับใช้เป็นมิชชันนารี และบางคนก็ย้ายไปประกาศในประเทศที่มีความต้องการมากกว่า ส่วนคนอื่น ๆ ก็ร่วมประชุมกับประชาคมภาษาต่างประเทศซึ่งอยู่ในประเทศบ้านเกิดของเขา ผู้รับใช้ของพระเจ้าทุกคนต้องให้ความสัมพันธ์ที่พวกเขาและครอบครัวของพวกเขามีต่อพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่บางครั้งพวกเราก็อาจยุ่งมากจนไม่มีเวลาศึกษาส่วนตัวอย่างดี และคนที่รับใช้ในเขตภาษาต่างประเทศก็มีข้อท้าทายมากกว่านั้นอีก คนที่รับใช้ในเขตภาษาต่างประเทศต้องเรียนภาษาใหม่ และยังต้องแน่ใจด้วยว่าตัวเขาได้รับความรู้ที่ลึกซึ้งของพระเจ้าเป็นประจำ—1 คร. 2:10 ห16.10 2:1-3
วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม
ทุกคนที่ใช้ดาบจะตายด้วยดาบ—มธ. 26:52
ในทุกวันนี้ พี่น้องชายหญิงของเราหลายคนรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขถึงแม้พวกเขาต้องเจอกับการทดสอบที่รุนแรง พวกเขาหลายร้อยคนที่เอริเทรีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ต้องติดคุกเนื่องจากพวกเขาไม่ยอม “ใช้ดาบ” พยานพระยะโฮวาส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกจับเข้าคุกหรือถูกกระทำอย่างโหดร้ายเหมือนกับพี่น้องที่เราเพิ่งพูดถึง แต่พวกเราหลายคนต้องทนกับความยากจน ภัยธรรมชาติ หรือสงครามกลางเมือง ส่วนคนอื่น ๆ ก็กำลังเลียนแบบตัวอย่างของอับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และโมเสส พวกเขาทิ้งโอกาสที่จะมีชื่อเสียงและความร่ำรวยเพื่อทุ่มเทกับการรับใช้พระยะโฮวา อะไรช่วยให้พี่น้องเหล่านี้ยังมีความสุขในการรับใช้พระยะโฮวา? พวกเขารักพระองค์และมีความเชื่อที่เข้มแข็งในคำสัญญาของพระองค์ พวกเขารู้ว่าพระเจ้าจะให้รางวัลกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์โดยให้พวกเขามีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ซึ่งเป็นที่ที่จะมีแต่ความยุติธรรม—สด. 37:5, 7, 9, 29 ห16.10 3:15, 16
วันอังคารที่ 18 ธันวาคม
พระยะโฮวาอยู่ใกล้คนที่หัวใจแตกสลาย พระองค์คอยช่วยคนที่ท้อใจ—สด. 34:18, เชิงอรรถ
ตอนที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์กลัวและท้อแท้ พระยะโฮวาช่วยให้เขามั่นใจมากขึ้นโดยสัญญาว่าจะช่วยเขา (ยรม. 1:6-10) ตอนที่ดาเนียลอายุมาก พระยะโฮวาก็ส่งทูตสวรรค์ไปให้กำลังใจและบอกว่าเขา “มีค่ามาก” (ดนล. 10:8, 11, 18, 19) คุณจะให้กำลังใจพี่น้องแบบเดียวกันนี้ได้ไหม รวมทั้งพี่น้องไพโอเนียร์และพี่น้องที่อายุมากซึ่งไม่สามารถรับใช้พระเจ้าได้เหมือนก่อน? ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาและพระเยซูอยู่ด้วยกันมานานมาก แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้คิดว่าไม่จำเป็นต้องชมหรือให้กำลังใจพระเยซูตอนที่อยู่บนโลก เช่น ตอนที่พระเยซูเริ่มงานประกาศและในปีสุดท้ายที่ท่านอยู่บนโลก พระยะโฮวาพูดลงมาจากสวรรค์ให้พระเยซูได้ยิน ทั้งสองครั้งพระยะโฮวาบอกว่า “นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก” (มธ. 3:17; 17:5) พระเจ้าบอกว่ารักและภูมิใจในตัวท่าน นอกจากนั้น ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านเครียดมาก พระยะโฮวาก็ให้กำลังใจท่านโดยส่งทูตสวรรค์มาให้กำลังใจและช่วยให้ท่านรู้สึกดีขึ้น—ลก. 22:43 ห16.11 1:7, 8
วันพุธที่ 19 ธันวาคม
อย่าโกรธง่าย—ปญจ. 7:9
การควบคุมอารมณ์ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ถ้ามีคนพูดดูถูกเยาะเย้ยเราซึ่งอาจจะเป็นเพราะวัฒนธรรม สีผิว หรือรูปร่างหน้าตาของเรา เราก็อาจรู้สึกเสียใจและโกรธมาก และยิ่งถ้าเขาเป็นพี่น้อง เราก็อาจจะยิ่งเจ็บเข้าไปอีก ลองคิดดูว่าเราจะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ได้มากขนาดไหนถ้าเราเชื่อฟังคำแนะนำนี้ (สภษ. 16:32) คัมภีร์ไบเบิลยังบอกให้เราให้อภัยคนอื่น ที่จริง พระเยซูบอกว่าถ้าเราไม่ให้อภัยคนอื่น พระยะโฮวาก็จะไม่ให้อภัยเรา (มธ. 6:14, 15) คุณจำเป็นต้องอดทนมากกว่านี้และพร้อมจะให้อภัยคนอื่นมากกว่านี้ไหม? ถ้าเราไม่ควบคุมอารมณ์ เราอาจเก็บความรู้สึกโกรธ และยิ่งไปกว่านั้นเราอาจเริ่มเกลียดบางคน หรือเราอาจพูดหรือทำบางอย่างที่ทำให้คนอื่นในประชาคมรู้สึกแบบเดียวกันกับเรา—ลนต. 19:17, 18 ห16.11 3:4-6
วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม
ความดีจะมีส่วนร่วมกับความชั่วได้อย่างไร? ความสว่างจะเข้ากับความมืดได้หรือ?—2 คร. 6:14
ประมาณปี 1870 ชาลส์ เทซ รัสเซลล์และเพื่อน ๆ ของเขาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างลึกซึ้ง ตอนแรกพี่น้องรัสเซลล์พยายามหาศาสนาที่สอนความจริง เขาเปรียบเทียบคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลกับคำสอนของศาสนาต่าง ๆ ทั้งศาสนาที่เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียนและศาสนาอื่น ๆ ด้วย แล้วเขาก็รู้ว่าไม่มีสักศาสนาที่ทำตามสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกทั้งหมด ครั้งหนึ่ง เขาพบกับพวกผู้นำของโบสถ์ต่าง ๆ โดยหวังว่าพวกเขาจะเห็นด้วยกับความจริงที่ตัวเขาและเพื่อน ๆ ได้เจอในคัมภีร์ไบเบิล และหวังว่าพวกผู้นำจะสอนความจริงเหล่านี้ในโบสถ์ แต่ไม่มีสักคนสนใจ แล้วนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกลุ่มนี้ก็เริ่มรู้ว่า พวกเขาจะนมัสการพระเจ้าร่วมกับคนที่ยังอยู่ในศาสนาเท็จไม่ได้ ห16.11 4:14
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม
มอบร่างกายของคุณเป็นทาสที่เชื่อฟังพระเจ้าเพื่อจะเป็นคนบริสุทธิ์—รม. 6:19
เราไม่ทำผิดศีลธรรมทางเพศ ไม่เมาเหล้า และไม่ทำบาปร้ายแรงอย่างอื่นแน่ ๆ แต่เราอยากทำให้ดีมากกว่านั้นอีก เราจะไม่ทำอะไรที่อาจทำให้พระยะโฮวาไม่พอใจ (1 คร. 6:9-11) เช่น ไม่ใช่แค่ไม่ทำผิดศีลธรรมทางเพศ แต่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดศีลธรรม หรือไม่ใช่แค่ไม่เมาเหล้า แต่เราจะไม่ดื่มจนเกือบเมา เราอาจต้องต่อสู้เพื่อจะต้านทานการล่อใจต่าง ๆ เหล่านี้ ถึงมันไม่ง่าย แต่เราทำได้ขอเราพยายามทำเหมือนกับที่เปาโลบอกไว้ว่า “อย่าให้บาปมีอำนาจเหมือนกษัตริย์เหนือร่างกายที่ตายได้ของคุณ เพื่อคุณจะได้ไม่ทำตามความต้องการของมัน”—รม. 6:12; 7:18-20 ห16.12 1:16, 19-21
วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม
ผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า คือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทนอดกลั้น ความกรุณา ความดี ความเชื่อ ความอ่อนโยน และการควบคุมตัวเอง—กท. 5:22, 23
พระเยซูสัญญาว่าพระเจ้าผู้เป็นพ่อจะให้พลังบริสุทธิ์เมื่อเราขอ (ลก. 11:10-13) พลังบริสุทธิ์เป็นพลังของพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด พลังนี้ช่วยเราให้พัฒนาคุณลักษณะที่ดีแบบพระเจ้า (คส. 3:10) คัมภีร์ไบเบิลเรียกคุณลักษณะเหล่านี้ว่า “ผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า” เมื่อเราพัฒนาคุณลักษณะที่ดีเหล่านี้ เราก็จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นมากขึ้น และนี่ช่วยเราหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่อาจทำให้เรารู้สึกกังวล คุณต้องมีความถ่อมตัวเพื่อจะวางใจใน “พระเจ้าที่มีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่” และ “ฝากความกังวลทั้งหมดไว้กับพระองค์” (1 ปต. 5:6, 7) ถ้าคุณถ่อมตัว พระยะโฮวาจะช่วยและดูแลคุณ เมื่อคุณยอมรับขีดจำกัดของตัวเองว่าอะไรที่คุณทำได้และอะไรที่คุณทำไม่ได้ คุณก็จะพึ่งพระยะโฮวาแทนที่จะพึ่งตัวเอง ซึ่งนี่แหละจะช่วยลดความกังวลลงได้—มคา. 6:8 ห16.12 3:7, 12
วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม
โนอาห์ [เป็น] ผู้ประกาศแนวทางที่ถูกต้อง—2 ปต. 2:5
โนอาห์ประกาศคำเตือนจากพระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ งานนี้ช่วยให้ความเชื่อของเขาเข้มแข็ง นอกจากโนอาห์จะประกาศแล้ว เขายังสร้างเรือตามที่พระยะโฮวาบอกด้วย (ฮบ. 11:7) เราสามารถ “ทุ่มเทกับงานของผู้เป็นนาย” เหมือนที่โนอาห์ทำ (1 คร. 15:58) ตัวอย่างเช่น เราอาจช่วยงานก่อสร้างและปรับปรุงหอประชุมประชาคมและหอประชุมใหญ่ หรืออาจอาสาสมัครทำงานในการประชุมหมวดและการประชุมภูมิภาค หรือเราอาจทำงานในสำนักงานสาขาหรือสำนักงานแปลท้องถิ่น และที่สำคัญที่สุดเราต้องทุ่มเทให้กับงานประกาศ งานนี้ช่วยให้ความหวังในอนาคตของเราชัดเจนขึ้น การประกาศข่าวดีกับคนอื่น ๆ ทำให้เราไม่เลิกวิ่งเพื่อจะได้ชีวิต—1 คร. 9:24 ห17.01 1:8, 9
วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม
แต่ละคนจะต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเอง—กท. 6:5
เวลาที่คนอื่นตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เราต้องนับถืออิสระในการตัดสินใจของพวกเขาด้วย เพราะอะไร? เพราะพระเจ้าให้เราทุกคนมีอิสระในการเลือก ไม่มีใครตัดสินใจเหมือนกันในทุก ๆ เรื่อง นี่รวมถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เราทำและการนมัสการของเรา ถ้าเราจำไว้เสมอว่าคริสเตียนแต่ละคนต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เราก็จะนับถือการตัดสินใจของพวกเขา (1 คร. 10:32, 33) พระยะโฮวาให้อิสระในการเลือกกับพวกเราทุกคน นี่ทำให้เรามีอิสระที่แท้จริง (2 คร. 3:17) เราเห็นค่าอิสระที่ได้รับจากพระยะโฮวาเพราะมันเปิดโอกาสให้เราตัดสินใจในแบบที่แสดงว่าเรารักพระองค์มากแค่ไหน ดังนั้น ขอเรานับถือการตัดสินใจของคนอื่น และตัดสินใจเลือกในแบบที่จะเป็นการสรรเสริญพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป ห17.01 2:15, 17, 18
วันอังคารที่ 25 ธันวาคม
ผมไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ผมพูดตามที่พ่อสอนผมมา—ยน. 8:28
การที่เราโอ้อวดและทำตัวเป็นจุดสนใจไม่ได้เป็นสิ่งที่จะชนะใจคนอื่นได้ แต่การเป็นคน “สงบและอ่อนโยน” ต่างหากที่เป็นคุณลักษณะที่สำคัญ (1 เป. 3:3, 4; ยรม. 9:23, 24) คำพูดและการกระทำของเราจะแสดงให้เห็นว่าเรามองตัวเองอย่างไร ตัวอย่างเช่น เราอาจพยายามทำให้คนอื่นคิดว่าเราสำคัญเพราะงานที่เราทำ เพราะเรารู้อะไรบางอย่าง หรือเพราะเรารู้จักใครบางคน หรือเราอาจพยายามทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเราทำบางสิ่งที่สำคัญด้วยตัวเองทั้งที่จริง ๆ แล้วมีคนอื่นช่วยเรา แต่ลองคิดถึงพระเยซูดูสิ พระเยซูอาจแสดงว่าท่านเป็นคนฉลาดและทำให้คนอื่นชื่นชอบก็ได้ แต่ท่านไม่ทำอย่างนั้น พระเยซูมักจะอ้างถึงคำพูดของพระเจ้า ท่านไม่อยากให้คนอื่นมายกย่องท่าน ท่านอยากให้คนอื่นยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาเสมอ—ห17.01 4:12
วันพุธที่ 26 ธันวาคม
ห้ามกินผลจากต้นไม้ที่ให้รู้ดีรู้ชั่ว—ปฐก. 2:17
กฎนั้นไม่ยากเกินกว่าที่อาดัมและเอวาจะเข้าใจและทำตาม เพราะพวกเขามีอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมายให้กินในสวนนั้น มารซาตานใช้งูหลอกเอวาให้ไม่เชื่อฟังพระยะโฮวาพ่อของเธอ (ปฐก. 3:1-5; วว. 12:9) ซาตานทำให้เกิดประเด็นขึ้น มันตั้งข้อสงสัยว่าพระเจ้าไม่ให้มนุษย์ที่เป็นลูกของพระองค์ “กินผลไม้ทุกต้นในสวนนี้” การพูดแบบนี้เหมือนกับว่าซาตานบอกว่า ‘พวกคุณทำอะไรที่อยากทำไม่ได้เลยเหรอ?’ จากนั้น ซาตานก็บอกเอวาว่า “พวกคุณจะไม่ตายหรอก” ซาตานโกหก หลังจากนั้นมันก็พยายามโน้มน้าวเอวาว่าเธอไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังพระเจ้า มันบอกว่า “พระเจ้าก็รู้ว่า ในวันที่พวกคุณกินผลของต้นนั้น พวกคุณจะตาสว่าง” ซาตานกำลังบอกเอวาว่าพระยะโฮวาไม่อยากให้พวกเขากินผลไม้นั้นเพราะมันจะทำให้พวกเขามีความรู้พิเศษ สุดท้าย ซาตานก็ให้คำสัญญาที่หลอกลวงว่า “พวกคุณ . . . จะเป็นเหมือนพระเจ้า รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว” ห17.02 1:8, 9
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม
พระยะโฮวาพระเจ้าจะแต่งตั้งคนหนึ่งเพื่อพวกคุณจากพี่น้องของพวกคุณเอง ให้เป็นผู้พยากรณ์เหมือนผม พวกคุณต้องเชื่อฟังทุกสิ่งที่เขาบอก—ฉธบ. 18:15
อิสยาห์บอกว่าคนนั้นจะ “เป็นผู้นำและเป็นผู้บัญชาการ” (อสย. 55:4) และดาเนียลก็เขียนเกี่ยวกับ “เมสสิยาห์ผู้นำ” (ดนล. 9:25) ในที่สุด พระเยซูบอกว่าท่านเองเป็น “ผู้นำ” ประชาชนของพระเจ้า (มธ. 23:10) สาวกของพระเยซูเต็มใจติดตามท่าน พวกเขาเชื่อว่าท่านคือคนที่พระยะโฮวาเลือก (ยน. 6:68, 69) อะไรทำให้พวกเขาเชื่อ ตอนที่พระเยซูรับบัพติศมา ยอห์นเห็น “ท้องฟ้าแยกออก และเห็นพลังของพระเจ้ารูปร่างเหมือนนกเขาลงมาบนท่าน” (มก. 1:10-12) ตอนที่พระเยซูทำงานรับใช้บนโลก พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าช่วยท่านให้สอนและทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ (กจ. 10:38) นอกจากนั้น พลังบริสุทธิ์ช่วยพระเยซูให้แสดงคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น ความรัก ความยินดี และความเชื่อที่เข้มแข็ง (ยน. 15:9; ฮบ. 12:2) ไม่มีผู้นำคนไหนอีกแล้วที่มีหลักฐานมากมายว่ามีพลังของพระเจ้าเหมือนกับพระเยซู เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาเลือกพระเยซูเป็นผู้นำจริง ๆ ห17.02 3:15, 16
วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม
ให้คิดถึงคนที่นำหน้าในหมู่พวกคุณ—ฮบ. 13:7
พวกอัครสาวกเริ่มนำหน้าประชาคมคริสเตียนในวันเพ็นเทคอสต์ปี 33 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เปโตรก็ยืนขึ้นพร้อมกับอัครสาวก 11 คน” และสอนความจริงที่ช่วยชีวิตให้กับคนกลุ่มใหญ่ (กจ. 2:14, 15) มีคนมากมายในกลุ่มนั้นได้เข้ามาเป็นคริสเตียน หลังจากนั้น พี่น้องคริสเตียนใหม่เหล่านี้ “ตั้งใจเรียนสิ่งที่พวกอัครสาวกสอน” (กจ. 2:42) พวกอัครสาวกรับผิดชอบในการจัดการกับเงินในประชาคมคริสเตียน (กจ. 4:34, 35) พวกอัครสาวกสอนและอธิษฐานให้ประชาชนของพระเจ้า พวกเขาบอกว่า ‘พวกเราได้ทุ่มเทตัวในการอธิษฐานและสอนคำสอนของพระเจ้า’ (กจ. 6:4) พวกอัครสาวกยังส่งคริสเตียนที่มีประสบการณ์ให้ไปประกาศในเขตใหม่ ๆ ด้วย (กจ. 8:14, 15) ในเวลาต่อมา นอกจากพวกอัครสาวกแล้ว ก็มีผู้ถูกเจิมที่เป็นผู้ดูแลบางคนเข้ามาร่วมในการนำหน้าประชาคมด้วย พวกเขาทั้งหมดเป็นคณะกรรมการปกครองที่นำหน้าประชาคมคริสเตียน—กจ. 15:2 ห17.02 4:4
วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม
คุณต้องให้ทุกคนตามที่เขาควรได้รับ . . . ให้เกียรติคนที่เรียกร้องเกียรติ—รม. 13:7
ผู้คนจำนวนมากยกย่องบูชาคนอื่น และแทนที่พวกเขาจะให้เกียรติและนับถือคนอื่นในแบบที่พระยะโฮวาต้องการ พวกเขากลับให้เกียรติมนุษย์บางคนมากเกินไป มองคนเหล่านั้นเป็นพระเจ้าและติดตามอย่างกับเป็นสาวก พวกเขาเลียนแบบการแต่งตัว ท่าทาง หรือบุคลิกของพวกนักการเมือง ผู้นำศาสนา นักกีฬา ดารานักร้อง และคนที่มีชื่อเสียง คริสเตียนแท้รู้ว่าเป็นเรื่องผิดที่จะให้เกียรติมนุษย์ถึงขนาดนั้น พระเยซูเป็นมนุษย์คนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดที่เราควรจะเลียนแบบ (1 ปต. 2:21) เราต้องจำไว้ว่า “ทุกคนทำบาปและไม่ได้แสดงคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้าอย่างที่ควรจะแสดง” (รม. 3:23) ไม่มีมนุษย์คนไหนสมควรได้รับการยกย่องบูชา ดังนั้น ถ้าเราให้เกียรติหรือยกย่องมนุษย์มากเกินไป เราก็จะทำให้พระยะโฮวาไม่พอใจ ห17.03 1:6-8
วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม
อาสาก็รับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจตลอดชีวิต—1 พก. 15:14
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราให้พระยะโฮวาทั้งหัวใจจริง ๆ หรือเปล่า? เราน่าจะถามตัวเองว่า ‘ฉันเชื่อฟังพระยะโฮวาทั้งตอนที่ไม่ง่ายที่จะทำอย่างนั้นไหม? ฉันตั้งใจจริง ๆ ที่จะรักษาประชาคมของพระองค์ให้สะอาดและบริสุทธิ์ไหม?’ ตัวอย่างเช่น คุณจะทำอย่างไรถ้าคนที่คุณสนิทถูกตัดสัมพันธ์? คุณจะตั้งใจไม่คบและไม่คุยกับเขาไหม? หัวใจของคุณบอกให้คุณทำอะไร? เหมือนกับอาสา บางครั้งเราอาจรู้สึกว่ามีแต่คนไม่ชอบเรา เพื่อนที่โรงเรียนหรือครูอาจทำเหมือนคุณเป็นตัวตลก หรือคุณอาจรู้สึกเป็นตัวประหลาดเพราะคุณเป็นพยานพระยะโฮวา หรือเพื่อนที่ทำงานอาจบอกว่าคุณโง่ที่ใช้วันลาหยุดไปประชุมใหญ่ หรือบอกว่าคุณไม่ฉลาดที่ไม่ค่อยทำโอทีเพื่อจะได้เงินมากขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้คุณต้องพึ่งพระเจ้าเหมือนกับอาสา คุณต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวา (2 พศ. 14:11) คุณต้องกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง จำไว้ว่าพระเจ้าช่วยอาสาและให้กำลังกับเขา และพระองค์ก็จะทำอย่างนั้นกับคุณด้วย ห17.03 3:6-8
วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม
ทุกคนที่รีบร้อนจะยากจน—สภษ. 21:5
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราไม่ควรรีบร้อนตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ เราควรใช้เวลาคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับข้อเท็จจริงทุกอย่างเพื่อจะตัดสินใจอย่างฉลาด (1 ธส. 5:21) ก่อนตัดสินใจจะทำอะไร คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวควรค้นคว้าข้อคัมภีร์และหนังสือต่าง ๆ ขององค์การ และควรฟังความคิดเห็นของคนอื่น ๆ ในครอบครัวด้วย แม้แต่พระยะโฮวาก็ยังสนับสนุนอับราฮัมให้ฟังภรรยา (ปฐก. 21:9-12) ผู้ดูแลก็เหมือนกัน เขาควรใช้เวลาศึกษาค้นคว้า และถ้ามีข้อมูลใหม่ ๆ ที่แสดงว่าเขาต้องเปลี่ยนการตัดสินใจ ผู้ดูแลไม่ควรกลัวว่าจะเสียหน้าหรือกลัวว่าคนอื่นจะไม่นับถือ ผู้ดูแลที่มีเหตุผลและเจียมตัวควรพร้อมที่จะเปลี่ยนความคิดและการตัดสินใจทุกครั้งที่จำเป็น และเราทุกคนก็น่าจะเลียนแบบพวกเขา การทำอย่างนี้จะช่วยให้ประชาคมสงบสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน—กจ. 6:1-4 ห17.03 2:16