มกราคม
วันพุธที่ 1 มกราคม
โมเสสเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในโลก—กดว. 12:3
ตอนที่โมเสสยังเป็นสมาชิกของราชวงศ์อียิปต์ เขาไม่ใช่คนอ่อนน้อมถ่อมตน ที่จริง เขาโมโหง่ายเกินไปจนฆ่าผู้ชายคนหนึ่งเพราะคิดว่าคนนั้นทำสิ่งที่ไม่ดี โมเสสคิดเอาเองว่าพระยะโฮวาเห็นด้วยกับการกระทำของเขา พระยะโฮวาใช้เวลา 40 ปีช่วยโมเสสให้เข้าใจว่าพระองค์ไม่ใช่ต้องการแค่คนที่มีความกล้าเพื่อจะนำหน้าชาวอิสราเอล แต่พระองค์ต้องการคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนด้วย และเพื่อจะเป็นแบบนั้นได้ โมเสสต้องถ่อม เชื่อฟัง และอ่อนโยน ในที่สุดเขาก็ได้เรียนรู้และกลายเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม (อพย. 2:11, 12; กจ. 7:21-30, 36) ทุกวันนี้ หัวหน้าครอบครัวและผู้ดูแลต้องเลียนแบบโมเสส เมื่อมีบางคนทำอะไรบางอย่างที่แสดงว่าไม่นับถือคุณ ก็อย่าเพิ่งรีบโกรธ คุณต้องถ่อมตัวยอมรับว่าคุณทำผิดพลาดได้ (ปญจ. 7:9, 20) ให้เชื่อฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาเมื่อจัดการกับปัญหา และพูดอย่างอ่อนโยน (สภษ. 15:1) หัวหน้าครอบครัวและผู้ดูแลที่ทำแบบนั้นจะทำให้พระยะโฮวาพอใจ เขาจะทำให้เกิดสันติสุขและเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นเห็นว่าคนอ่อนน้อมถ่อมตนควรเป็นแบบไหน ห19.02 น. 8 ว. 1; น. 10 ว. 9-10
วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม
ท่าน . . . รู้สึกสงสาร—มก. 6:34
ขอให้สังเกตว่าทำไมพระเยซูถึงรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจคนเหล่านั้น ท่านเห็นว่าพวกเขา “เป็นเหมือนแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง” บางทีพระเยซูอาจเห็นบางคนในกลุ่มนั้นยากจนและต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำเพื่อจะหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนบางคนก็กำลังเสียใจเพราะคนที่รักตายจากไป พระเยซูเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา พระเยซูอาจเคยเจอปัญหาเหล่านี้มาแล้วด้วย ท่านเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นและอยากพูดเรื่องที่ทำให้พวกเขาได้กำลังใจ (อสย. 61:1, 2) เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพระเยซู? ทุกวันนี้เราก็เหมือนพระเยซู รอบตัวเรามีแต่คนที่ “เป็นเหมือนแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง” พวกเขาเจอปัญหาหลายอย่างในชีวิตและเรามีสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องได้ยิน คือข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า (วว. 14:6) ดังนั้น ให้เราเลียนแบบพระเยซูนายของเราโดยประกาศข่าวดีเพราะ “สงสารคนต่ำต้อยและคนจน” (สด. 72:13) เรารู้สึกสงสารพวกเขาและอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยพวกเขา ห19.03 น. 21-22 ว. 6-7
วันศุกร์ที่ 3 มกราคม
ขอพระยะโฮวาได้รับการสรรเสริญ พระองค์แบกภาระให้พวกเราทุกวัน—สด. 68:19
มีเหตุผลหลายอย่างที่เรารักพระยะโฮวา เรารักพระองค์ไม่ใช่แค่เพราะพระองค์ให้สิ่งดี ๆ ที่ทำให้เรามีความสุขในแต่ละวัน แต่พระองค์ยังสอนความจริงเรื่องพระองค์และความประสงค์ของพระองค์ด้วย (ยน. 8:31, 32) พระยะโฮวาให้เรามีประชาคมคริสเตียนเพื่อชี้นำและช่วยเหลือเรา พระองค์ช่วยให้เรารับมือและอดทนกับปัญหาในตอนนี้ และให้ความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปในสภาพที่สมบูรณ์แบบในอนาคต (วว. 21:3, 4) เมื่อเราคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวารักเราและทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเราไปแล้วมากขนาดไหน มันก็ยิ่งทำให้เรารักพระองค์ และเมื่อเรารักพระองค์ เราจะมีความกลัวในแบบที่ถูกต้อง เรากลัวว่าจะทำให้พระเจ้าที่เรารักมากเสียใจ เมื่อคุณจำไว้เสมอว่าได้ประโยชน์ขนาดไหนจากการชี้นำของพระยะโฮวา คุณจะรักพระองค์และรักมาตรฐานของพระองค์มากขึ้น เมื่อเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าซาตานจะเสนออะไรให้คุณ คุณจะไม่มีทางเลิกรับใช้พระองค์เพื่อแลกกับสิ่งนั้น ขอให้นึกภาพหลายพันปีข้างหน้าตอนที่คุณมองย้อนกลับมาและคิดถึงตอนที่คุณตัดสินใจรับบัพติศมา คุณจะรู้สึกว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต! ห19.03 น. 6 ว. 14; น. 7 ว. 19
วันเสาร์ที่ 4 มกราคม
ใครจะพบภรรยาที่มีความสามารถ? เธอมีค่ามากกว่าปะการัง—สภษ. 31:10
ทุกคนในครอบครัวจะได้ประโยชน์ถ้าแต่ละคนเห็นค่าและแสดงความขอบคุณ ยิ่งถ้าสามีภรรยาเห็นค่าและขอบคุณกันและกัน พวกเขาก็จะใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนั้น พวกเขาจะให้อภัยกันได้ง่ายขึ้นถ้ามีใครทำผิดพลาด สามีที่เห็นค่าภรรยาจะไม่ใช่แค่สังเกตสิ่งดี ๆ ที่เธอพูดและทำ แต่เขาจะ “ลุกขึ้นและชมเชยเธอ” (สภษ. 31:28) และภรรยาที่ฉลาดจะทำให้สามีรู้ว่าเธอเห็นค่าและขอบคุณที่เขาทำสิ่งต่าง ๆ ให้ คุณที่เป็นพ่อแม่ คุณสอนลูกให้เห็นค่าและแสดงความขอบคุณไหม? จำไว้ว่าลูกจะเลียนแบบสิ่งที่คุณพูดและทำ ดังนั้น คุณต้องเป็นตัวอย่างที่ดีโดยพูดขอบคุณเมื่อลูกทำสิ่งต่าง ๆ ให้ นอกจากนั้น ให้สอนลูกพูดขอบคุณเมื่อมีคนทำอะไรบางอย่างให้เขา คุณต้องช่วยลูกให้เข้าใจว่าการเห็นค่าและแสดงความขอบคุณต้องมาจากหัวใจ และการพูดขอบคุณทำให้เกิดผลที่ดีมากมาย ห19.02 น. 17-18 ว. 14-15
วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม
ผมจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจนวันตาย!—โยบ 27:5
คำพูดนี้สำคัญมาก โยบไม่ยอมแพ้ เราก็ต้องไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เรื่องที่ซาตานกล่าวหาโยบเกี่ยวข้องกับคุณอย่างไร? ที่จริง มันก็กล่าวหาคุณด้วยว่าคุณไม่ได้รักพระยะโฮวา มันบอกกลาย ๆ ว่า ถ้าคุณเดือดร้อน คุณจะเลิกรับใช้พระองค์และจะไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ (โยบ 2:4, 5; วว. 12:10) ข้อกล่าวหานี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร? ฟังแล้วเจ็บปวดใช่ไหม? แต่ลองคิดแบบนี้ พระยะโฮวาไว้ใจคุณมากพอที่จะให้โอกาสอย่างหนึ่งกับคุณ พระองค์ยอมให้ซาตานทดสอบความซื่อสัตย์ของคุณ พระองค์มั่นใจว่าคุณจะรักษาความซื่อสัตย์ได้และพิสูจน์ว่าซาตานโกหก พระองค์สัญญาว่าจะช่วยคุณให้ทำสำเร็จ (ฮบ. 13:6) นี่เป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่พระเจ้าผู้ปกครององค์สูงสุดในเอกภพไว้ใจคุณ! คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าความซื่อสัตย์สำคัญมากจริง ๆ มันทำให้เราสามารถพิสูจน์ได้ว่าซาตานโกหก และเป็นการยกย่องชื่อเสียงของพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นพ่อของเรา รวมทั้งสนับสนุนการปกครองของพระองค์ ห19.02 น. 5 ว. 9-10
วันจันทร์ที่ 6 มกราคม
อีกไม่นานทุกคนที่ฆ่าพวกคุณจะคิดว่านั่นเป็นการรับใช้พระเจ้า—ยน. 16:2
พระเยซูบอกสาวกว่ามีความยากลำบากอะไรบ้างที่รออยู่ข้างหน้า จากนั้น ท่านก็พูดถึงตัวอย่างของตัวท่านเองและกระตุ้นพวกเขาว่า “ขอให้กล้าหาญไว้” (ยน. 16:1-4ก, 33) ตลอดหลายปีต่อมา พวกสาวกยังคงเลียนแบบตัวอย่างของพระเยซูในเรื่องความเสียสละและความกล้าหาญ พวกเขาช่วยกันและกันรับมือกับปัญหาต่าง ๆ แม้ตัวเองจะต้องเจอความยากลำบาก (ฮบ. 10:33, 34) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราเลียนแบบพระเยซูโดยแสดงความกล้าหาญ เช่น เราต้องมีความกล้าเพื่อช่วยพี่น้องที่ถูกข่มเหงเพราะความเชื่อ บางครั้งพี่น้องของเราอาจติดคุกอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเราต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยพวกเขา เช่น พูดปกป้องพวกเขา (ฟป. 1:14; ฮบ. 13:19) อีกวิธีหนึ่งที่เราจะแสดงความกล้าก็คือการประกาศต่อไป “อย่างกล้าหาญ” (กจ. 14:3) เราทำเหมือนพระเยซูคือไม่หยุดประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าแม้ผู้คนจะข่มเหงและต่อต้านเรา ห19.01 น. 22-23 ว. 8-9
วันอังคารที่ 7 มกราคม
ให้เราสนใจกัน เราจะได้กระตุ้นกันให้มีความรักและทำความดี อย่าขาดการประชุมเหมือนที่บางคนทำเป็นนิสัย แต่ให้กำลังใจกัน—ฮบ. 10:24, 25
มีเคล็ดลับอะไรบ้างที่ช่วยคุณให้ออกความเห็นที่ให้กำลังใจในการประชุม? การเตรียมการประชุมทุกครั้งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อคุณวางแผนล่วงหน้าและเตรียมตัวอย่างดี คุณจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะตอบ (สภษ. 21:5) ถ้าคุณอยากเตรียมการประชุมอย่างดี คุณต้องทำอะไรบ้าง? คุณควรเริ่มต้นโดยการอธิษฐานขอพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาทุกครั้ง (ลก. 11:13; 1 ยน. 5:14) จากนั้นใช้เวลา 2-3 นาทีดูทั้งบทความแบบคร่าว ๆ เช่น ดูชื่อเรื่อง หัวข้อย่อย ภาพประกอบ และกรอบต่าง ๆ เมื่อเตรียมแต่ละวรรคให้อ่านข้อคัมภีร์ที่อ้างถึงทุกข้อเท่าที่เป็นไปได้ คิดใคร่ครวญวรรคนั้น และตรงไหนที่คุณอยากตอบให้ดูตรงนั้นเป็นพิเศษ ยิ่งเตรียมดี คุณก็ยิ่งได้ประโยชน์และออกความเห็นได้ง่ายขึ้น—2 คร. 9:6 ห19.01 น. 9 ว. 6; น. 11-12 ว. 13-15
วันพุธที่ 8 มกราคม
เจ้าเห็นอะไรในนิมิตนี้ก็ให้เขียนไว้—ฮบก. 2:2
การที่พระยะโฮวาดลใจให้ฮาบากุกเขียนเรื่องที่เขากังวลสอนบทเรียนสำคัญกับเรา เราไม่ต้องกลัวที่จะเล่าให้พระองค์ฟังว่าเรากังวลหรือสงสัยอะไร พระองค์เชิญเราให้อธิษฐานระบายความรู้สึกกับพระองค์ (สดุดี 50:15; 62:8) ฮาบากุกวางใจพระยะโฮวา สำหรับเขาแล้วพระองค์เป็นเหมือนเพื่อนและพ่อของเขา เขาเป็นฝ่ายเข้าไปหาพระองค์ เขาไม่ได้แค่กังวลกับปัญหาแล้วพยายามแก้ไขเอง แต่เขาอธิษฐานบอกพระองค์ว่าเขารู้สึกอย่างไรและกังวลเรื่องอะไร นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับเรา พระยะโฮวาซึ่งเป็น “ผู้ฟังคำอธิษฐาน” เชิญเราให้แสดงว่าวางใจพระองค์โดยการอธิษฐานและบอกเรื่องที่เรากังวล (สดุดี 65:2) เมื่อทำแบบนี้เราจะเห็นว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานเราอย่างไร เราจะได้รับการชี้นำและกำลังใจจากพระองค์ซึ่งทำให้เรารู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์ (สดุดี 73:23, 24) ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม พระองค์จะช่วยให้เราเข้าใจความคิดของพระองค์และช่วยให้เรามองสิ่งที่เราเจอเหมือนกับที่พระองค์มอง การอธิษฐานเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่แสดงว่าเราวางใจพระองค์ ห18.11 น. 13 ว. 2; น. 14 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม
พวกผู้บริสุทธิ์ในโลกกับคนที่มีเกียรติทำให้ผมมีความสุขมาก—สด. 16:3
ดาวิดไม่ได้เลือกเฉพาะคนที่อายุพอ ๆ กันกับเขามาเป็นเพื่อน คุณนึกออกไหมว่าใครเป็นเพื่อนสนิทของดาวิด? คุณอาจนึกถึงโยนาธาน ความสนิทสนมระหว่างดาวิดกับโยนาธานเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของความเป็นเพื่อนที่เราอ่านได้ในคัมภีร์ไบเบิล แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าโยนาธานแก่กว่าดาวิดประมาณ 30 ปี? แล้วทำไมเขาสองคนถึงสนิทกันได้ล่ะ? นั่นเป็นเพราะความเป็นเพื่อนของพวกเขาเกิดจากความเชื่อในพระเจ้า พวกเขาให้เกียรติกัน ชอบนิสัยและบุคลิกที่ดีของกันและกัน เช่น ความกล้าหาญตอนที่ต่อสู้กับศัตรูของพระเจ้า (1 ซามูเอล 13:3; 14:13; 17:48-50; 18:1) เราเองก็เป็นเหมือนดาวิดกับโยนาธานได้ ถ้าเรามีเพื่อนที่รักพระยะโฮวาและเชื่อในพระองค์เราจะมี “ความสุขมาก” เคียร่าซึ่งรับใช้พระยะโฮวามาหลายปีบอกว่า “ฉันมีเพื่อนที่มีภูมิหลังและวัฒนธรรมหลากหลายอยู่ทั่วโลก” ถ้าคุณทำแบบเคียร่า คุณจะเจอด้วยตัวเองว่าคัมภีร์ไบเบิลกับพลังบริสุทธิ์ช่วยพวกเราทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกันจริง ๆ ห18.12 น. 26 ว. 11-13
วันศุกร์ที่ 10 มกราคม
คนที่หย่ากับภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่ก็ถือว่าเขามีชู้ นอกจากเขาหย่าเพราะภรรยาทำผิดศีลธรรมทางเพศ—มธ. 19:9
การผิดศีลธรรมทางเพศอาจหมายถึงบาปต่าง ๆ เช่น การเล่นชู้ การซื้อขายบริการทางเพศ ความสัมพันธ์ทางเพศของคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน การรักร่วมเพศ รวมทั้งการร่วมเพศกับสัตว์ และถ้าผู้ชายที่แต่งงานแล้วทำผิดศีลธรรมทางเพศ ภรรยาของเขาอาจตัดสินใจจะหย่าหรือไม่หย่าก็ได้ ขอสังเกตว่าพระเยซูไม่ได้บอกว่า ถ้ามีฝ่ายหนึ่งทำผิดศีลธรรมทางเพศ [พอร์เนีย] อีกฝ่ายที่ไม่ได้ทำผิดต้องหย่า ตัวอย่างเช่น ภรรยาอาจเลือกที่จะอยู่กับสามีต่อไปแม้เขาทำผิดศีลธรรมทางเพศ ทำไมเธอตัดสินใจอย่างนั้น? เธออาจรักเขาอยู่และเต็มใจให้อภัยเขา และอยากช่วยกันทำให้ชีวิตคู่ดีขึ้น แต่ถ้าเธอตัดสินใจหย่าและไม่แต่งงานใหม่ เธออาจเจอปัญหาบางอย่างก็ได้ เช่น เธอจะมีปัญหาเรื่องเงินหรือความต้องการทางเพศไหม? เธอจะเหงาไหม? ถ้าเธอหย่า ลูกจะได้รับผลกระทบอย่างไร? (1 โครินธ์ 7:14) เห็นได้ชัดว่าถ้าฝ่ายที่ไม่ได้ทำผิดเลือกที่จะหย่าก็จะต้องเจอปัญหาหลายอย่าง ห18.12 น. 12 ว. 10-11
วันเสาร์ที่ 11 มกราคม
พวกคุณที่รักพระยะโฮวา ขอให้เกลียดสิ่งชั่ว—สด. 97:10
พระยะโฮวาเกลียดความชั่ว (อิสยาห์ 61:8) ที่จริง พระองค์รู้ว่าบางครั้งเราทำสิ่งที่ดีได้ยากเพราะเราไม่สมบูรณ์แบบ แต่พระองค์ก็อยากให้เราคิดเหมือนพระองค์และเกลียดสิ่งที่พระองค์เกลียด ถ้าเราคิดใคร่ครวญว่าทำไมพระยะโฮวาเกลียดสิ่งชั่ว มันจะช่วยให้เราคิดเหมือนพระองค์ และช่วยให้เราเข้มแข็งเพื่อจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี นอกจากนั้น การฝึกที่จะเกลียดสิ่งชั่ว ยังช่วยให้เราดูออกว่าอะไรผิดแม้คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกตรง ๆ เช่น มีการผิดศีลธรรมแบบหนึ่งที่เรียกว่าการเต้นบนตักซึ่งกำลังมีมากขึ้นในทุกวันนี้ บางคนรู้สึกว่ามันไม่ใช่การมีเพศสัมพันธ์ก็เลยคิดว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ผิดอะไร แต่จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาคิดอย่างไรในเรื่องนี้? จำไว้ว่าพระองค์เกลียดความชั่วทุกอย่าง ดังนั้น เราต้องไม่ยุ่งกับอะไรก็ตามที่ชั่วโดยรู้จักควบคุมตัวเองมากขึ้นและเกลียดสิ่งที่พระองค์เกลียด—โรม 12:9 ห18.11 น. 25 ว. 11-12
วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม
คนดีจะมีชีวิตอยู่เพราะเขาซื่อสัตย์—ฮบก. 2:4
ฮาบากุก 2:4 เป็นคำสัญญาที่สำคัญมากจนเปาโลยกข้อความในนั้นมาอ้างถึง 3 ครั้งในจดหมายของเขา (โรม 1:17; กาลาเทีย 3:11; ฮีบรู 10:38) นี่ทำให้เรามั่นใจว่าไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ถ้าเราวางใจในพระยะโฮวา เราจะได้เห็นคำสัญญาของพระองค์เป็นจริงแน่นอน พระองค์อยากให้เราสนใจที่ความหวังในอนาคตเสมอ หนังสือฮาบากุกมีบทเรียนสำคัญสำหรับเราทุกคนที่อยู่ในสมัยสุดท้าย พระยะโฮวาสัญญาว่าจะให้ชีวิตตลอดไปกับคนดีที่วางใจพระองค์ ดังนั้น ให้เราพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อจะวางใจพระองค์มากขึ้นไม่ว่าเราจะเจอปัญหาหรือมีความกังวลอะไร เรื่องที่พระยะโฮวาบอกกับฮาบากุกทำให้เรามั่นใจว่าพระองค์จะช่วยเหลือเราและช่วยเราให้รอด พระองค์ขอให้เราวางใจพระองค์และอดทนรอเวลาที่รัฐบาลของพระองค์มาปกครองโลก เมื่อถึงตอนนั้น โลกจะมีแต่ผู้นมัสการพระองค์ที่จิตใจอ่อนโยนและมีความสุข—มัทธิว 5:5; ฮีบรู 10:36-39 ห18.11 น. 16 ว. 15-17
วันจันทร์ที่ 13 มกราคม
ใช้ชีวิตตามความจริง—3 ยน. 4
ในสมัยพระเยซู ตอนแรกบางคนชอบคำสอนของท่าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตตามความจริงต่อ ๆ ไป เช่น หลังจากที่พระเยซูทำการอัศจรรย์และเลี้ยงอาหารผู้คนจำนวนมาก พวกเขาก็ตามท่านไปอีกฟากหนึ่งของทะเลกาลิลี แต่แล้วพระเยซูพูดบางอย่างที่ทำให้พวกเขาตกใจ ท่านบอกว่า “ถ้าคุณไม่กินเนื้อและดื่มเลือดของ ‘ลูกมนุษย์’ คุณจะไม่ได้ชีวิต” แทนที่พวกเขาจะขอให้พระเยซูอธิบายว่ามันหมายถึงอะไร พวกเขากลับพูดว่า “พูดแบบนี้ได้ยังไง? รับไม่ได้” ผลก็คือ “สาวกหลายคนเลิกติดตามท่านแล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม” (ยอห์น 6:53-66) น่าเสียดายที่บางคนในทุกวันนี้ออกจากความจริงไป บางคนรู้สึกไม่ดีกับคำพูดและการกระทำของพี่น้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญหรือพี่น้องที่ใคร ๆ ก็รู้จัก บางคนอาจไม่ชอบที่มีคนมาแนะนำแม้จะใช้คัมภีร์ไบเบิล ส่วนบางคนก็ทะเลาะกับพี่น้อง ห18.11 น. 9 ว. 3-5
วันอังคารที่ 14 มกราคม
คุณมีผู้นำเพียงผู้เดียวนั่นคือพระคริสต์—มธ. 23:10
ทุกวันนี้พระเยซูยังคงนำประชาคมคริสเตียนอยู่ ถ้าองค์การของพระยะโฮวาได้ปรับเปลี่ยนบางอย่างและคุณยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ให้คิดถึงตอนที่พระเยซูนำประชาชนในอดีต เช่น ในสมัยของโยชูวาหรือสมัยของพวกอัครสาวก พระเยซูชี้นำและให้คำแนะนำที่ฉลาดเสมอกับคนของพระเจ้า ท่านทำแบบนั้นเพื่อปกป้องพวกเขา ช่วยให้ความเชื่อของพวกเขาเข้มแข็งขึ้น และทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน (ฮีบรู 13:8) ทุกวันนี้ “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” ให้การชี้นำที่จำเป็นกับเราในเวลาที่เราต้องการพอดี (มัทธิว 24:45) เมื่อเราเห็นว่าพระเยซูกำลังนำเราอย่างไร เราก็จะเข้าใจว่าท่านอยากช่วยให้เรามีความเชื่อเข้มแข็ง นอกจากนั้น พระเยซูยังช่วยให้เราขยันทุ่มเททำงานประกาศซึ่งเป็นงานสำคัญที่สุดบนโลกตอนนี้—มาระโก 13:10 ห18.10 น. 25 ว. 13-16
วันพุธที่ 15 มกราคม
ให้ใช้ชีวิตให้สมกับการเป็นคนที่พระเจ้าเรียก เป็นคนถ่อมตัว—อฟ. 4:1, 2
เราเห็นตัวอย่างที่ดีมากเรื่องการควบคุมตัวเองตอนที่คนอื่นทำไม่ดีกับเราที่ 2 ซามูเอล 16:5-13 ชิเมอีซึ่งเป็นญาติกษัตริย์ซาอูลด่าและทำไม่ดีมาก ๆ กับกษัตริย์ดาวิดและคนของเขา ที่จริงดาวิดจะจัดการชิเมอีก็ได้ แต่เขาอดทน เขาควบคุมตัวเองแบบนั้นได้อย่างไร? ดาวิดแต่งสดุดีบท 3 ตอนที่อับซาโลมลูกชายของเขาพยายามฆ่าเขา ในช่วงเดียวกันนี้ ชิเมอีก็ยังทำไม่ดีกับเขาอีก แต่เขายังใจเย็นและสงบใจได้อย่างไร? ที่สดุดี 3:4 ดาวิดบอกว่า “ผมจะร้องเรียกพระยะโฮวา และพระองค์จะตอบผม” ตอนที่มีคนทำไม่ดีกับเรา เราก็ต้องอธิษฐานเหมือนดาวิด แล้วพระยะโฮวาจะให้พลังบริสุทธิ์กับเราเพื่อช่วยเราให้อดทนได้ คุณจะควบคุมตัวเองมากขึ้นหรือให้อภัยคนอื่นมากขึ้นได้ไหมตอนที่มีคนทำไม่ดีกับคุณ? คุณมั่นใจไหมว่าพระยะโฮวาเห็นความทุกข์ของคุณ และจะช่วยเหลือกับอวยพรคุณแน่นอน? ห18.09 น. 6 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม
เราเป็นเพื่อนร่วมงานของพระเจ้า—1 คร. 3:9
ตอนไปประกาศตามบ้าน เราควรให้เกียรติและนับถือคนอื่น รวมทั้งคิดถึงความรู้สึกผู้คนเสมอ เพื่อเราจะทำแบบนั้นได้ เราต้องรู้จักพวกเขาอย่างดี จำไว้ว่าเจ้าของบ้านไม่คิดว่าเราจะมาหาเพราะเขาไม่ได้เชิญเรา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องไปหาเขาตอนที่เขาอาจพร้อมจะคุยมากกว่า (มัทธิว 7:12) เช่น คนในเขตของคุณชอบนอนตื่นสายในวันเสาร์หรืออาทิตย์ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ช่วงเสาร์อาทิตย์คุณอาจต้องเริ่มงานรับใช้โดยใช้วิธีอื่นแทน เช่น ประกาศตามถนน ประกาศในที่สาธารณะ และกลับเยี่ยมคนที่สะดวกจะคุย ผู้คนในทุกวันนี้ยุ่งมาก ดังนั้น คุณอาจคุยสั้น ๆ กับพวกเขาโดยเฉพาะครั้งแรก (1 โครินธ์ 9:20-23) เมื่อเจ้าของบ้านกำลังยุ่งและเราก็แสดงให้เขาเห็นว่าเราเข้าใจ คราวหน้าเขาอาจพร้อมจะคุยกับเราก็ได้ ถ้าเราแสดงผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า เราก็เป็น “เพื่อนร่วมงานของพระเจ้า” และพระองค์อาจใช้เราช่วยบางคนให้เรียนคัมภีร์ไบเบิลก็ได้—1 โครินธ์ 3:6, 7 ห18.09 น. 32 ว. 15-17
วันศุกร์ที่ 17 มกราคม
คนที่จิตใจอ่อนโยนก็มีความสุข เพราะเขาจะได้รับโลกเป็นรางวัล—มธ. 5:5
การเป็นคนจิตใจอ่อนโยนจะทำให้คุณมีความสุขได้อย่างไร? หลายคนมีนิสัยหยาบคายและก้าวร้าวซึ่งทำให้เกิดปัญหามากมาย แต่พอเรียนคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงและ “ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่” และแสดง “ความเห็นอกเห็นใจ ความกรุณา ความถ่อมตัว ความอ่อนโยน และความอดทนอดกลั้น” (โคโลสี 3:9-12) ผลคือพวกเขามีสันติสุข มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น และมีความสุข นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังสัญญาว่าพวกเขาจะ “ได้รับโลกเป็นรางวัล” (สดุดี 37:8-10, 29) พระเยซูหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าคนที่มีจิตใจอ่อนโยนจะ “ได้รับโลกเป็นรางวัล”? ผู้ถูกเจิมได้รับโลกเป็นรางวัลในแง่ที่ว่าพวกเขาจะได้เป็นปุโรหิตและเป็นกษัตริย์ปกครองโลก (วิวรณ์ 20:6) ส่วนคนที่ไม่ใช่ผู้ถูกเจิมจะได้รับโลกเป็นรางวัลในแง่ที่ว่าพวกเขาจะได้อยู่บนโลกตลอดไป พวกเขาจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ จะมีสันติสุขและมีความสุข ห18.09 น. 19 ว. 8-9
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม
ทุกคนต้องไวในการฟัง—ยก. 1:19
พระยะโฮวาเป็นผู้ฟังที่ดีที่สุด (ปฐมกาล 18:32; โยชูวา 10:14) ตัวอย่างเช่น ลองอ่านดูที่อพยพ 32:11-14 ถึงพระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากโมเสส แต่พระองค์ก็ปล่อยให้โมเสสระบายความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเป็นคุณล่ะ คุณจะอดทนฟังคนที่เคยทำผิดมาก่อนและยังทำตามคำแนะนำของเขาไหม? พระยะโฮวาทำแบบนั้น พระองค์อดทนฟังทุกคนที่อธิษฐานด้วยความเชื่อ ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ถ้าพระยะโฮวาถ่อมถึงขนาดฟังมนุษย์อย่างที่พระองค์ฟังอับราฮัม ราเชล โมเสส โยชูวา มาโนอาห์ เอลียาห์ และเฮเซคียาห์ ฉันก็น่าจะทำแบบเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ฉันจะให้เกียรติพี่น้องทุกคนมากขึ้นได้ไหมโดยฟังข้อเสนอแนะของพวกเขาและทำตามถ้าเป็นไปได้? มีใครในประชาคมหรือในครอบครัวที่ฉันจะสนใจและตั้งใจฟังเขามากขึ้นได้ไหม? และฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง?’—ปฐมกาล 30:6; ผู้วินิจฉัย 13:9; 1 พงศ์กษัตริย์ 17:22; 2 พงศาวดาร 30:20 ห18.09 น. 6 ว. 14-15
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม
คนที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อจะเจริญ และคนที่ทำให้คนอื่นสดชื่น ตัวเขาเองจะสดชื่นด้วย—สภษ. 11:25
เมื่อผู้คนรอบตัวเราสนใจแต่ตัวเอง มันอาจเป็นเรื่องยากที่เราจะยังเป็นคนใจกว้างต่อ ๆ ไป แต่พระเยซูเตือนเราว่าคำสั่ง 2 ข้อนี้สำคัญที่สุด คือให้รักพระยะโฮวาสุดหัวใจ สุดชีวิต สุดความคิด และสุดกำลัง รวมทั้งรักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง (มาระโก 12:28-31) คนที่รักพระยะโฮวาจะเลียนแบบพระองค์ พระยะโฮวากับพระเยซูใจกว้าง พระองค์ทั้งสองอยากให้เราเลียนแบบในเรื่องนี้เพราะรู้ว่ามันจะทำให้เรามีความสุขจริง ๆ ถ้าเราพยายามเป็นคนใจกว้างโดยทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อพระยะโฮวาและเพื่อคนอื่น เราก็จะยกย่องสรรเสริญพระองค์ และเราจะทำให้ตัวเองรวมทั้งคนอื่นได้ประโยชน์ด้วย มั่นใจได้เลยว่าตอนนี้คุณเองก็กำลังพยายามเป็นคนใจกว้างและช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้วโดยเฉพาะพี่น้องของคุณ (กาลาเทีย 6:10) และถ้าคุณทำแบบนี้ต่อ ๆ ไป คนอื่นจะเห็นค่าและรักคุณ แล้วคุณก็จะมีความสุข ห18.08 น. 22 ว. 19-20
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม
เลิกตัดสินตามที่เห็นภายนอกเถอะ—ยน. 7:24
พระยะโฮวาไม่ได้สนใจว่าเราเป็นคนประเทศไหน เชื้อชาติอะไร เผ่าอะไร หรือพูดภาษาไหน และถ้าเราเกรงกลัวพระองค์และทำสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์ก็จะยอมรับเรา (กาลาเทีย 3:26-28; วิวรณ์ 7:9, 10) คุณคงต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแน่ ๆ แต่ถ้าคุณโตมาในครอบครัวหรือในประเทศที่ผู้คนชอบมีอคติล่ะ? คุณอาจคิดว่าคุณไม่ใช่คนลำเอียง แต่จริง ๆ แล้วคุณมีอคติหน่อย ๆ ไหม? เปโตรเองหลังจากช่วยคนอื่นให้เห็นว่าพระเจ้าไม่ลำเอียง ตัวเขาเองก็ยังคงมีอคติอยู่ (กาลาเทีย 2:11-14) ดังนั้น เราจะเลิกตัดสินตามที่เห็นได้อย่างไร? เพื่อจะดูว่าเรายังคงมีอคติอยู่ไหม เราต้องตรวจสอบตัวเอง โดยเปรียบเทียบความคิดของเรากับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน (สดุดี 119:105) นอกจากนั้น เราอาจถามเพื่อนว่าเราเป็นคนมีอคติไหม เพราะเราอาจไม่รู้ตัวก็ได้ (กาลาเทีย 2:11, 14) เราอาจเป็นอย่างนี้จนชินและไม่คิดว่าตัวเราเองมีอคติ ห18.08 น. 9 ว. 5-6
วันอังคารที่ 21 มกราคม
ให้คุณส่องแสงสว่างให้คนอื่นเห็นด้วยการทำดี—มธ. 5:16
ลองถามตัวเองว่า ‘คนอื่นเห็นไหมว่าฉันซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาสุดหัวใจ? ฉันภูมิใจที่จะบอกคนอื่นไหมว่าเป็นพยานพระยะโฮวา?’ คิดดูสิว่าพระยะโฮวาจะเสียใจขนาดไหนที่เราไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเราเป็นคนของพระองค์ (สดุดี 119:46; มาระโก 8:38) น่าเสียดายที่พยานฯ บางคนถึงกับเลียนแบบ “น้ำใจของโลก” พวกเขาเลยแทบไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่นับถือพระยะโฮวา (1 โครินธ์ 2:12) “น้ำใจของโลก” ทำให้ผู้คนสนใจแต่สนองความต้องการของตัวเอง (เอเฟซัส 2:3) เช่น แม้มีการให้คำแนะนำหลายครั้งเรื่องการแต่งตัว แต่พี่น้องบางคนก็แต่งตัวไม่เรียบร้อย เช่น แต่งตัวฟิต รัด โป๊ แถมยังแต่งตัวแบบนั้นมาประชุมด้วยซ้ำ บางคนก็ทำทรงผมแปลก ๆ (1 ทิโมธี 2:9, 10) ทั้งหมดนี้ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นพยานฯ จริงหรือเปล่า—ยากอบ 4:4 ห18.07 น. 24-25 ว. 11-12
วันพุธที่ 22 มกราคม
พวกคุณทุกคนเป็นพี่น้องกัน—มธ. 23:8
ในแง่หนึ่ง เราทุกคนเป็นพี่น้องกันเพราะเราทุกคนเป็นลูกหลานของอาดัม (กิจการ 17:26) นอกจากนั้น พระเยซูยังอธิบายกับพวกสาวกว่าพวกเขามีพ่อบนสวรรค์องค์เดียวกันคือพระยะโฮวา (มัทธิว 12:50) และพวกเขาทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระเจ้าซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะความรักและความเชื่อ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกอัครสาวกเรียกคริสเตียนคนอื่น ๆ ว่าพี่น้องในจดหมายที่เขียนถึงประชาคมต่าง ๆ (โรม 1:13; 1 เปโตร 2:17; 1 ยอห์น 3:13) หลังจากที่พระเยซูบอกสาวกว่าให้มองกันและกันเป็นเหมือนพี่น้อง ท่านก็เน้นกับพวกเขาว่าต้องเป็นคนถ่อม (มัทธิว 23:11, 12) บางครั้งความหยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อัครสาวกแตกแยกกัน คนในสมัยของพระเยซูภูมิใจในเชื้อชาติของตัวเองมาก ชาวยิวหลายคนเชื่อว่าพวกเขาดีกว่าคนอื่นเพราะพวกเขาเป็นลูกหลานของอับราฮัม แต่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าจะให้อับราฮัมมีลูกหลานจากก้อนหินพวกนี้ก็ยังได้”—ลูกา 3:8 ห18.06 น. 10 ว. 8-9
วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม
คนที่มีความรู้จะไม่พูดมาก—สภษ. 17:27
ถ้ามีบางอย่างหรือบางคนทำให้เราโมโหหลายครั้ง เราคิดก่อนพูดไหม? เราควบคุมอารมณ์ได้ไหม? (สุภาษิต 10:19; มัทธิว 5:22) ตอนที่มีคนมายั่วโมโห เราต้องฝึกที่จะ “ปล่อยให้พระเจ้าแสดงความโกรธกับเขาดีกว่า” (โรม 12:17-21) นี่หมายถึงอะไร? แทนที่เราจะเป็นฝ่ายโมโหซะเอง เราจะอดทนรอให้พระยะโฮวาจัดการกับปัญหานั้นถ้าพระองค์เห็นว่าจำเป็น แต่ถ้าเราแก้แค้นเองก็หมายความว่าเราไม่พึ่งพระยะโฮวาและเราก็ไม่ได้ให้เกียรติพระองค์ เมื่อพระยะโฮวาให้คำแนะนำล่าสุด เราทำตามอย่างซื่อสัตย์ไหม? ถ้าพระยะโฮวาให้คำแนะนำใหม่ ๆ กับเราผ่านทางองค์การของพระองค์ เราควรรีบทำตามคำแนะนำนั้น เราไม่ควรทำตามหรือยึดติดกับวิธีเดิม ๆ ที่เคยทำเพราะเราชินกับวิธีนั้น (ฮีบรู 13:17) นอกจากนั้น เราต้องระวังที่จะไม่ทำ “เลยขอบเขตที่เขียนบอกไว้” (1 โครินธ์ 4:6) เมื่อเราทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวาอย่างเคร่งครัด มันก็เหมือนกับว่าเรากำลังมองพระองค์ ห18.07 น. 15 ว. 17-18
วันศุกร์ที่ 24 มกราคม
ให้เราพยายามก้าวหน้าไปเพื่อจะได้เป็นผู้ใหญ่—ฮบ. 6:1
ยิ่งเราเป็นคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ เราจะยิ่งเห็นค่าหลักการของพระเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ กฎหมายใช้ได้กับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง แต่หลักการใช้ได้กับหลายสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น เด็กไม่เข้าใจว่าการเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ดีมันเป็นเรื่องอันตราย พ่อแม่เลยต้องตั้งกฎเพื่อปกป้องลูก (1 โครินธ์ 15:33) แต่ถ้าเด็กโตขึ้นและรู้จักหาเหตุผลจากหลักการในคัมภีร์ไบเบิล หลักการเหล่านั้นก็จะช่วยเขาให้เลือกเพื่อนที่ดีได้ (1 โครินธ์ 13:11; 14:20) ยิ่งเราหาเหตุผลจากหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้น เราก็จะยิ่งไว้ใจความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองได้ เพราะเราจะเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่าพระยะโฮวาอยากให้เราทำอะไรจริง ๆ ในสถานการณ์ต่าง ๆ เรามีทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อจะช่วยเราให้ตัดสินใจในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ ในคัมภีร์ไบเบิลมีกฎหมายและหลักการต่าง ๆ ที่ช่วยเราให้ “มีความสามารถเพียงพอ และมีความพร้อมสำหรับงานที่ดีทุกอย่าง”—2 ทิโมธี 3:16, 17 ห18.06 น. 19 ว. 14, 16; น. 20 ว. 17
วันเสาร์ที่ 25 มกราคม
แล้วใครคือคนที่ผมจะต้องรัก?—ลก. 10:29
พระเยซูใช้ตัวอย่างของชาวสะมาเรียเพื่อสอนชาวยิวว่าการรักคนอื่นหมายถึงอะไร (ลูกา 10:25-37) ก่อนที่พระเยซูจะไปสวรรค์ ท่านบอกให้สาวกประกาศ “ทั่วแคว้นยูเดียกับแคว้นสะมาเรีย และจนถึงสุดขอบโลก” (กิจการ 1:8) เพื่อสาวกจะประกาศกับทุกคนได้จริง ๆ พวกเขาต้องเลิกหยิ่งและเลิกมีอคติ พระเยซูเตรียมสาวกให้พร้อมที่จะประกาศกับคนทุกชาติโดยการพูดถึงเรื่องดี ๆ ของคนต่างชาติหลายครั้ง เช่น ท่านชมนายร้อยคนหนึ่งที่มีความเชื่อมาก (มัทธิว 8:5-10) ในนาซาเร็ธบ้านเกิดของพระเยซู ท่านพูดถึงพระยะโฮวาว่าเคยช่วยคนต่างชาติมาแล้ว เช่น แม่ม่ายชาวฟีนิเซียในเมืองศาเรฟัท และนาอามานชาวซีเรียที่เป็นโรคเรื้อน (ลูกา 4:25-27) พระเยซูยังประกาศกับผู้หญิงชาวสะมาเรียด้วย และอยู่ที่สะมาเรียถึง 2 วันเพราะคนที่นั่นสนใจฟังสิ่งที่ท่านประกาศ—ยอห์น 4:21-24, 40 ห18.06 น. 10 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม
พวกคุณต้องสวมเครื่องอาวุธครบชุดจากพระเจ้าเพื่อจะยืนหยัดต่อสู้กับกลอุบายของมารได้—อฟ. 6:11
เปาโลเปรียบเทียบคริสเตียนเหมือนกับทหาร เราอยู่ในสงครามและศัตรูของเราก็มีตัวตนจริง ๆ พวกมันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นซาตานกับพวกปีศาจ พวกมันเป็นนักรบที่เก่งมากและรบมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะชนะมันโดยเฉพาะถ้ายังอายุน้อย แล้วเด็กวัยรุ่นจะชนะมันได้ไหม? ได้สิ และพวกเขาหลายคนก็กำลังชนะอยู่นี่แหละ มันเป็นไปได้อย่างไร? ก็เพราะว่าพวกเขาได้รับพลังจากพระยะโฮวา และพวกเขายัง “สวมเครื่องอาวุธครบชุดจากพระเจ้า” เหมือนทหารที่ถูกฝึกอย่างดีและพร้อมที่จะทำสงคราม (เอเฟซัส 6:10-12) เมื่อเปาโลเปรียบเทียบเรื่องนี้ เขาคงกำลังคิดถึงชุดเกราะที่ทหารโรมันใส่—กิจการ 28:16 ห18.05 น. 27 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 27 มกราคม
พระเจ้า พ่อของพวกเราในสวรรค์ ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ—มธ. 6:9
เหตุผลสำคัญที่สุดที่เราไปประกาศก็คือเราอยากยกย่องพระยะโฮวาและทำให้ชื่อของพระองค์บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ (ยอห์น 15:1, 8) ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว เราไม่มีทางที่จะทำให้ชื่อนี้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก แล้วตอนที่เราไปประกาศ เราทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อย่างไร? อิสยาห์บอกว่า “ขอให้จำไว้ว่า เฉพาะพระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพเท่านั้นที่เป็นองค์บริสุทธิ์” (อิสยาห์ 8:13) เราทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราจำไว้เสมอว่าชื่อของพระยะโฮวายิ่งใหญ่กว่าทุกชื่อในเอกภพ และเมื่อเราช่วยคนอื่นให้เข้าใจว่าชื่อนี้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ อย่างเช่น ตอนที่เราสอนผู้คนเกี่ยวกับความจริงเรื่องพระยะโฮวา ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของพระองค์หรือความต้องการของพระองค์ที่อยากให้มนุษย์อยู่บนโลกที่เป็นสวนอุทยานตลอดไป เราก็กำลังทำให้คนอื่นเห็นว่าสิ่งที่ซาตานพูดเกี่ยวกับพระเจ้านั้นไม่เป็นความจริง (ปฐมกาล 3:1-5) นอกจากนั้น เราทำให้ชื่อของพระเจ้าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ด้วยเมื่อเราช่วยคนอื่นให้รู้ว่าพระยะโฮวาสมควร “จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ความนับถือ และฤทธิ์อำนาจ”—วิวรณ์ 4:11 ห18.05 น. 18 ว. 3-4
วันอังคารที่ 28 มกราคม
เป็นเรื่องดีที่จะขอบคุณพระองค์ . . . พระยะโฮวา พระองค์ทำให้ผมยินดีเพราะสิ่งที่พระองค์ทำ ผมโห่ร้องดีใจเพราะการงานของพระองค์—สด. 92:1, 4
เหตุผลสำคัญที่สุดที่ควรตั้งเป้าหมายของคริสเตียนก็คือ เพื่อขอบคุณที่พระยะโฮวารักและทำสิ่งต่าง ๆ มากมายหลายอย่างเพื่อเรา คุณที่เป็นวัยรุ่น ลองนึกดูว่าคุณเป็นหนี้พระยะโฮวาขนาดไหน พระองค์ให้ชีวิตคุณ ให้คุณได้รู้จักพระองค์และเจอความจริง ให้คัมภีร์ไบเบิลกับคุณ ให้พี่น้องในประชาคม แถมยังให้ความหวังที่ยอดเยี่ยมเรื่องการมีชีวิตตลอดไปในโลกที่เป็นสวนอุทยาน ถ้าคุณตั้งเป้าหมายของคริสเตียน คุณก็ทำให้พระยะโฮวาเห็นว่าคุณเห็นค่าสิ่งต่าง ๆ นี้ซึ่งจะทำให้คุณสนิทกับพระองค์มากขึ้น เมื่อคุณพยายามทำตามเป้าหมาย คุณก็กำลังทำดีเพื่อพระยะโฮวาซึ่งจะทำให้คุณสนิทกับพระองค์มากขึ้น อัครสาวกเปาโลสัญญาว่า “พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำและความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์” (ฮีบรู 6:10) ที่จริง คุณไม่เด็กเกินไปหรอกที่จะตั้งเป้าหมาย คุณคิดถึงเป้าหมายอะไรบ้าง? ลองพยายามไปให้ถึงเป้าหมายนั้นดูสิ—ฟีลิปปี 1:10, 11 ห18.04 น. 26 ว. 5-6
วันพุธที่ 29 มกราคม
คนที่ได้รับพลังของพระยะโฮวาก็มีอิสระ—2 คร. 3:17
คริสเตียนในยุคแรกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน ผู้คนในจักรวรรดินั้นภูมิใจในกฎหมาย ระบบยุติธรรม และอิสระที่พวกเขามี แต่จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่นี้ต้องพึ่งแรงงานทาสให้ทำงานหนักเป็นส่วนใหญ่ มีช่วงหนึ่งประชากรประมาณ 1 ใน 3 ของจักรวรรดิโรมันคือพวกทาส เรื่องทาสและการเป็นอิสระจึงเป็นเรื่องที่คนทั่วไปรวมทั้งคริสเตียนที่นั่นสนใจเป็นพิเศษ ในจดหมายของอัครสาวกเปาโลมีหลายข้อที่พูดถึงเรื่องอิสระ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามแก้ปัญหาของโลกนี้เองซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนในตอนนั้นอยากทำ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เปาโลและเพื่อนคริสเตียนพยายามอย่างมากที่จะสอนข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า และช่วยผู้คนให้เข้าใจว่าค่าไถ่ของพระคริสต์เยซูมีค่ามากขนาดไหน เปาโลบอกเพื่อนคริสเตียนถึงแหล่งของอิสรภาพแท้ ห18.04 น. 8 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม
ซีโมน ซีโมน ฟังนะ ซาตานอยากได้พวกคุณทั้งหมด และจะร่อนพวกคุณเหมือนร่อนข้าวสาลี แต่ผมอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อความเชื่อของคุณจะไม่หมดไป และเมื่อคุณกลับมาแล้ว ก็ให้ช่วยพี่น้องของคุณให้มีความเชื่อเข้มแข็ง—ลก. 22:31, 32
ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านบอกอัครสาวกเปโตรตามในข้อคัมภีร์วันนี้ เปโตรเป็นหนึ่งในคนที่นำหน้าประชาคมคริสเตียนในยุคแรก (กาลาเทีย 2:9) เปโตรทำหลายอย่างที่ให้กำลังใจพี่น้องไม่ว่าจะเป็นในวันเพ็นเทคอสต์หรือหลังจากนั้น และหลังจากที่รับใช้มานานเขาเขียนจดหมายถึงพี่น้องว่า “ผมเขียนจดหมายสั้น ๆ ฉบับนี้ถึงพวกคุณ เพื่อให้กำลังใจและเพื่อทำให้พวกคุณมั่นใจว่าพระเจ้าได้แสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ขอให้ยึดมั่นกับความกรุณานี้” (1 เปโตร 5:12) จดหมายที่เขาเขียนให้กำลังใจพี่น้องคริสเตียนในสมัยของเขา และยังให้กำลังใจเราในทุกวันนี้ด้วยเหมือนกัน ตอนที่เรารอให้คำสัญญาของพระยะโฮวาเกิดขึ้นจริง—2 เปโตร 3:13 ห18.04 น. 17 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 31 มกราคม
คนที่ดูลึกเข้าไปในกฎหมายที่สมบูรณ์แบบซึ่งให้เสรีภาพและยึดมั่นกับกฎหมายนั้น . . . จะมีความสุขที่ทำอย่างนั้น—ยก. 1:25
ใคร ๆ ก็อยากมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เพื่อจะมีอิสระ ผู้คนรวมตัวกันประท้วงหรือถึงกับทำการปฏิวัติด้วยซ้ำ แต่มันทำให้พวกเขามีอิสระจริง ๆ ไหม? ไม่ มันกลับทำให้เกิดความทุกข์มากมายและถึงกับทำให้หลายคนต้องตายด้วยซ้ำ คำพูดของกษัตริย์โซโลมอนเป็นเรื่องจริงที่ว่า “การที่มนุษย์ปกครองมนุษย์มีแต่สร้างความเสียหายให้พวกเขา” (ปัญญาจารย์ 8:9) ในข้อคัมภีร์วันนี้ ยากอบบอกว่าเราต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะมีความสุขและพอใจกับชีวิตจริง ๆ กฎหมายที่สมบูรณ์แบบมาจากพระยะโฮวา และพระองค์รู้ดีที่สุดว่าอะไรจะทำให้เรามีความสุขและพอใจกับชีวิต พระยะโฮวาให้อาดัมกับเอวามีทุกอย่างที่ทำให้พวกเขามีความสุข และหนึ่งในนั้นก็คือให้พวกเขามีอิสระจริง ๆ ห18.04 น. 3 ว. 1-3