มกราคม
วันเสาร์ที่ 1 มกราคม
คุณรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเป็นทารก ซึ่งให้สติปัญญาที่จะทำให้คุณรอดได้โดยความเชื่อในพระคริสต์เยซู—2 ทธ. 3:15
ความเชื่อของทิโมธีมาจากคำสอนในพระคัมภีร์ที่เขามั่นใจว่าเป็นความจริง และนี่ทำให้เขาอยากสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น คุณก็เหมือนกัน คุณต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจนมั่นใจว่าคำสอนที่คุณเรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาเป็นความจริง เพื่อจะมั่นใจว่าสิ่งที่คุณเชื่อเป็นความจริง คุณต้องศึกษาค้นคว้าคำสอนพื้นฐาน 3 เรื่องต่อไปนี้ (1) คุณต้องมั่นใจว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่ง (อพย. 3:14, 15; ฮบ. 3:4; วว. 4:11) (2) คุณต้องมั่นใจว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่พระเจ้าดลใจให้เขียนขึ้นมาเพื่อมนุษย์ทุกคน (2 ทธ. 3:16, 17) (3) คุณต้องมั่นใจว่าพยานพระยะโฮวาเป็นกลุ่มคนของพระยะโฮวาที่กำลังนมัสการพระองค์โดยได้รับการชี้นำจากพระเยซู (อสย. 43:10-12; ยน. 14:6; กจ. 15:14) คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องคัมภีร์ไบเบิลทุกอย่างจนเป็นเหมือนห้องสมุดเดินได้ เป้าหมายในการศึกษาค้นคว้าของคุณน่าจะเป็นการใช้ “ความสามารถในการคิดหาเหตุผล” เพื่อจะมั่นใจว่าสิ่งที่คุณเชื่อเป็นความจริง—รม. 12:1 ห20.07 น. 10 ว. 8-9
วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม
ฝูงตั๊กแตนนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าคนพวกนั้น แต่ให้ทรมานพวกเขา 5 เดือน—วว. 9:5
คำพยากรณ์นี้พูดถึงฝูงตั๊กแตนที่มีหน้าเหมือนมนุษย์และ “บนหัวพวกมันมีสิ่งที่ดูเหมือนมงกุฎทองคำ” (วว. 9:7) พวกมันทรมาน “คน [ศัตรูของพระเจ้า] ที่ไม่มีดวงตราของพระเจ้าบนหน้าผาก” เป็นเวลา 5 เดือนซึ่งพอ ๆ กับอายุของตั๊กแตน (วว. 9:4) คำพยากรณ์นี้หมายถึงผู้ถูกเจิมของพระยะโฮวา พวกเขาประกาศคำพิพากษาของพระเจ้าต่อโลกชั่วนี้อย่างกล้าหาญซึ่งทำให้ศัตรูของพระเจ้ารู้สึกทุกข์ทรมาน ฝูงตั๊กแตนในโยเอล 2:7-9 ไม่เหมือนฝูงตั๊กแตนในวิวรณ์ใช่ไหม? ใช่ ทั้งสองเป็นคนละเรื่องกัน มีหลายครั้งที่คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงสิ่งเดียวกันแต่มีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น ในวิวรณ์ 5:5 เรียกพระเยซูว่า “สิงโตจากตระกูลยูดาห์” แต่ใน 1 เปโตร 5:8 เรียกซาตานว่า “สิงโตคำราม” ห20.04 น. 3 ว. 8; น. 5 ว. 10
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม
พระยะโฮวามองไปทั่วทุกแห่ง เฝ้าดูทั้งคนชั่วและคนดี—สภษ. 15:3
ฮาการ์สาวใช้ของซารายทำตัวไม่ดีหลังจากที่เธอมาเป็นภรรยาของอับราม พอฮาการ์ตั้งท้อง เธอก็ดูถูกซารายที่ไม่มีลูก สถานการณ์แย่ลงมากถึงขนาดที่ฮาการ์ต้องหนีไปจากซาราย (ปฐก. 16:4-6) จากมุมมองของมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ เราอาจมองฮาการ์ว่าเป็นผู้หญิงร้ายและสมควรแล้วที่จะโดนลงโทษ แต่พระยะโฮวาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น พระองค์ส่งทูตสวรรค์ให้มาหาเธอ ช่วยปรับความคิดเธอและอวยพรเธอ ฮาการ์รู้สึกได้ว่าพระยะโฮวามองเธออยู่และเข้าใจดีว่าเธอต้องเจออะไรบ้าง เธอรู้สึกประทับใจมากจนพูดออกมาว่า “พระองค์เป็นพระเจ้าผู้เห็นทุกสิ่ง . . . พระองค์ผู้มองเห็นฉัน” (ปฐก. 16:7-13) พระยะโฮวาสังเกตอะไรในตัวฮาการ์? พระองค์รู้ว่าเธอต้องเจอและต้องทนกับอะไรบ้าง ถึงพระยะโฮวารู้ว่าฮาการ์ทำผิดที่ไม่นับถือซาราย แต่เรามั่นใจได้ว่าพระองค์คิดถึงภูมิหลังของฮาการ์และสภาพการณ์ของเธอ ห20.04 น. 16 ว. 8-9
วันอังคารที่ 4 มกราคม
ผมวิ่งแข่งจนถึงเส้นชัยแล้ว—2 ทธ. 4:7
เปาโลบอกว่าคริสเตียนทุกคนกำลังวิ่งแข่งอยู่ (ฮบ. 12:1) เราทุกคนทั้งคนที่อายุมากและคนที่อายุน้อย คนที่มีแรงและคนที่หมดแรง ถ้าเราอยากได้รางวัลที่พระยะโฮวาให้ เราต้องอดทนวิ่งจนถึงที่สุด (มธ. 24:13) เปาโลแนะนำเราเรื่องนี้ได้เพราะเขา “วิ่งแข่งจนถึงเส้นชัยแล้ว” (2 ทธ. 4:7, 8) แต่เปาโลกำลังพูดถึงการวิ่งแข่งแบบไหน? หลายครั้งเปาโลสอนบทเรียนสำคัญโดยใช้ตัวอย่างของการแข่งขันในสมัยกรีกโบราณ (1 คร. 9:25-27; 2 ทธ. 2:5) และก็มีหลายครั้งที่เขาเทียบชีวิตของคริสเตียนกับการวิ่งแข่ง (1 คร. 9:24; ฟป. 2:16; 2 ทธ. 4:7) คนเราเริ่ม “วิ่ง” ในการแข่งนี้เมื่อเขาอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาและรับบัพติศมา (1 ปต. 3:21) และเขาจะเข้าเส้นชัยเมื่อพระยะโฮวาให้รางวัลเป็นชีวิตตลอดไปกับเขา—มธ. 25:31-34, 46; 2 ทธ. 4:8 ห20.04 น. 26 ว. 1-3
วันพุธที่ 5 มกราคม
พวกคุณต้องสวมเครื่องอาวุธครบชุดจากพระเจ้า—อฟ. 6:13
พระยะโฮวาใช้พระเยซู “ให้กำลังพวกคุณและปกป้องพวกคุณไว้จากตัวชั่วร้ายเพราะท่านซื่อสัตย์” (2 ธส. 3:3) พระยะโฮวาปกป้องเรายังไง? พระยะโฮวาให้เครื่องอาวุธครบชุดกับเราเพื่อปกป้องเราจากการโจมตีของซาตาน (อฟ. 6:13-17) เครื่องอาวุธจากพระเจ้าแข็งแรงและดีมาก แต่มันจะปกป้องเราก็ต่อเมื่อเราใส่มันครบทุกชิ้นและไม่ถอดมันออก ตัวอย่างเช่น เข็มขัดหมายถึงความจริงที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล ทำไมเราต้องใส่เข็มขัดนี้ด้วย? เพราะความจริงในคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยเราไม่ให้ถูกซาตานหลอก มันเป็น “พ่อของการโกหก” (ยน. 8:44) มันโกหกมาหลายพันปีจนเก่งมาก และ “หลอกลวงทั้งโลกให้หลงผิด” ไปแล้ว (วว. 12:9) เราจะใส่เข็มขัดนี้ได้ยังไง? เราทำได้โดยเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับพระยะโฮวา นมัสการพระองค์ “โดยให้พลังของพระเจ้าชี้นำและนมัสการอย่างที่สอดคล้องกับความจริง” และโดยซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง—ยน. 4:24; อฟ. 4:25; ฮบ. 13:18 ห21.03 น. 26-27 ว. 3-5
วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม
เขาจะเข้าไปในเมืองที่งดงามด้วย—ดนล. 11:41
สิ่งที่ทำให้เมืองนี้พิเศษมากคือเมืองนี้เป็นสถานที่ที่มีการนมัสการแท้ นับตั้งแต่วันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 “เมือง” ที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่ที่มีอยู่จริงเพราะคนของพระยะโฮวาอาศัยอยู่ทั่วโลก ดังนั้น “เมืองที่งดงาม” ในทุกวันนี้จึงหมายถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่คนของพระยะโฮวาทำซึ่งรวมถึงการนมัสการพระองค์โดยการไปประชุมและประกาศ ในช่วงสมัยสุดท้ายกษัตริย์ทิศเหนือเข้าไปใน “เมืองที่งดงาม” หลายต่อหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น พรรคนาซีของเยอรมันที่เป็นกษัตริย์ทิศเหนือได้เข้าไปใน “เมืองที่งดงาม” โดยข่มเหงและฆ่าคนของพระเจ้าโดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ทิศเหนือและเข้าไปใน “เมืองที่งดงาม” โดยข่มเหงและสั่งเนรเทศคนของพระเจ้า ห20.05 น. 13 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 7 มกราคม
คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาจะได้เป็นเพื่อนสนิทของพระองค์ และพระองค์จะให้พวกเขารู้จักสัญญาของพระองค์—สด. 25:14
ขอเราดูตัวอย่างของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ก่อนสมัยพระเยซูที่เป็นเพื่อนกับพระเจ้า อับราฮัมเป็นคนที่มีความเชื่อเข้มแข็งมาก พันกว่าปีหลังจากอับราฮัมตาย พระยะโฮวาเรียกเขาว่าเป็น “เพื่อนของเรา” (อสย. 41:8) ถ้าใครได้เป็นเพื่อนกับพระยะโฮวาแล้ว ถึงเขาจะตายพระองค์ก็ยังมองเขาว่าเป็นเพื่อนสนิทของพระองค์ อับราฮัมยังคงมีชีวิตอยู่ในความคิดของพระยะโฮวา (ลก. 20:37, 38) อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือโยบ ตอนที่ทูตสวรรค์ทั้งหมดประชุมกันบนสวรรค์ พระยะโฮวาพูดถึงโยบด้วยความมั่นใจ พระองค์บอกว่าเขา “ทั้งดีทั้งซื่อสัตย์ เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว” (โยบ 1:6-8) แล้วพระยะโฮวารู้สึกอย่างไรกับดาเนียลซึ่งรับใช้เป็นเวลา 80 ปีในแผ่นดินที่ผู้คนไม่นมัสการพระเจ้า? ทูตสวรรค์รับรองกับเขาว่าเขา “เป็นคนที่พระเจ้าถือว่ามีค่ามาก” (ดนล. 9:23; 10:11, 19) เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาอยากจะปลุกคนที่พระองค์รักที่ตายไปจริง ๆ—โยบ 14:15 ห20.05 น. 26-27 ว. 3-4
วันเสาร์ที่ 8 มกราคม
ขอสอนผมให้รู้ข้อกำหนดของพระองค์—สด. 119:68
เราอาจจะมีนักศึกษาดี ๆ ที่ได้เรียนกฎหมายของพระยะโฮวาแล้วก็รู้สึกชอบ แต่เขาจะเชื่อฟังพระยะโฮวาเพราะรักพระองค์จริง ๆ ไหม? ลองคิดถึงเอวาดูสิ เธอรู้จักกฎหมายของพระเจ้า แต่เธอไม่ได้รักพระเจ้าผู้ที่ให้กฎหมายนี้กับเธอ อาดัมก็เหมือนกัน (ปฐก. 3:1-6) ดังนั้นการสอนมาตรฐานที่ถูกต้องของพระเจ้าและสอนว่าพระเจ้าอยากให้เราทำอะไรยังไม่พอ มาตรฐานของพระยะโฮวาดีกับเราเสมอ (สด. 119:97, 111, 112) แต่นักศึกษาอาจไม่รู้สึกอย่างนั้นถ้าเขาไม่เข้าใจว่าพระยะโฮวาให้กฎหมายเหล่านี้เพราะรักเรา ดังนั้นให้ถามนักศึกษาว่า “คุณคิดว่าทำไมพระยะโฮวาถึงบอกให้เราทำแบบนี้และบอกไม่ให้เราทำแบบนั้น? และเรื่องนี้ทำให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?” ถ้าเราช่วยนักศึกษาให้คิดเกี่ยวกับพระยะโฮวาและรักชื่อที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์จริง ๆ เราก็จะสอนแบบที่เข้าถึงหัวใจนักศึกษาได้ เขาจะไม่ได้แค่รักกฎหมายเท่านั้นแต่จะรักพระเจ้าผู้ที่ให้กฎหมายนี้ด้วย เขาจะมีความเชื่อที่เข้มแข็งมากขึ้น และสามารถอดทนปัญหาและการทดสอบที่เป็นเหมือนไฟได้—1 คร. 3:12-15 ห20.06 น. 10 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม
ไวในการฟัง ช้าในการพูด—ยก. 1:19
เราต้องอดทนเพราะกว่าที่คนหนึ่งจะกลับมาหาพระยะโฮวาได้ต้องใช้เวลา หลายคนที่เคยเลิกรับใช้พระยะโฮวาบอกว่า ผู้ดูแลในประชาคมและพี่น้องต้องมาเยี่ยมพวกเขาหลายครั้งกว่าพวกเขาจะกลับมาหาพระยะโฮวาได้ แนนซีพี่น้องจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บอกว่า “เพื่อนสนิทคนหนึ่งในประชาคมของฉันช่วยฉันได้เยอะมาก เธอรักฉันเหมือนฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเธอ เธอช่วยฉันให้คิดถึงความทรงจำดี ๆ ที่เราเคยมีด้วยกันเมื่อก่อน เธออดทนฟังฉันระบายความรู้สึกและกล้าให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับฉัน เธอเป็นเพื่อนแท้ของฉันจริง ๆ เธอคอยช่วยฉันเสมอทุกครั้งที่ฉันต้องการ” ความรู้สึกเจ็บใจเมื่อมีบางคนทำไม่ดีกับเราก็เป็นเหมือนอาการปวดบวมที่เกิดจากแมลงกัดต่อย ความเห็นอกเห็นใจก็เหมือนกับยาหม่องที่บรรเทาอาการเจ็บปวดและช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ พี่น้องที่เลิกประชุมเลิกประกาศบางคนยังรู้สึกเสียใจและเจ็บกับสิ่งที่คนอื่นทำกับเขาเมื่อหลายปีก่อน นี่เลยทำให้เขาไม่อยากกลับมาหาพระยะโฮวา ส่วนบางคนก็คิดว่าตัวเองถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม พวกเขาเลยต้องการคนที่พร้อมจะฟังและเข้าใจความรู้สึก ห20.06 น. 26 ว. 10-11
วันจันทร์ที่ 10 มกราคม
พวกคุณชนะซาตานตัวชั่วร้ายแล้ว—1 ยน. 2:14
ทุกครั้งที่คุณไม่ยอมแพ้ให้กับความกดดัน มันก็จะง่ายขึ้นที่คุณจะทำสิ่งที่ถูกต้องในครั้งต่อไป จำไว้ว่าความคิดผิด ๆ ในเรื่องเพศมาจากซาตาน ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ความกดดันในเรื่องนี้ คุณก็ “ชนะซาตานตัวชั่วร้าย” เรารู้ว่าพระยะโฮวามีสิทธิ์กำหนดว่าอะไรเป็นบาป และเราก็พยายามสุดความสามารถที่จะไม่ทำบาป แต่ถ้าเราทำบาป เราอธิษฐานสารภาพกับพระยะโฮวาได้ (1 ยน. 1:9) และถ้าเราทำบาปร้ายแรง เราก็ขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลได้ พวกเขาเป็นคนที่พระยะโฮวาแต่งตั้งเพื่อช่วยพวกเรา (ยก. 5:14-16) แต่เราไม่ควรจมอยู่กับความรู้สึกผิดกับสิ่งที่เราเคยทำ ทำไม? เพราะพระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักเรา พระองค์ให้ลูกของพระองค์เป็นค่าไถ่เพื่อเราจะได้รับการอภัยบาป ดังนั้นตอนที่พระยะโฮวาบอกว่าจะให้อภัยคนบาปที่กลับใจ พระองค์ก็หมายความอย่างนั้นจริง ๆ เราเลยไม่ต้องรู้สึกผิดต่อไปตอนที่รับใช้พระยะโฮวา—1 ยน. 2:1, 2, 12; 3:19, 20 ห20.07 น. 22-23 ว. 9-10
วันอังคารที่ 11 มกราคม
พระองค์เป็นบ่อเกิดของชีวิต—สด. 36:9
ถึงในตอนแรกมีพระยะโฮวาเพียงผู้เดียว แต่พระองค์ไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว พระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องมีใครเพื่อจะทำให้พระองค์มีความสุข แต่พระยะโฮวาอยากเห็นคนอื่นมีชีวิตที่มีความสุข ด้วยความรักพระองค์จึงเริ่มสร้างสิ่งต่าง ๆ (1 ยน. 4:19) ทีแรก พระยะโฮวาสร้างพระเยซูลูกของพระองค์ให้มาร่วมงานกับพระองค์ และใช้ท่าน “สร้างสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด” ซึ่งรวมถึงทูตสวรรค์หลายล้านองค์ด้วย (คส. 1:16) พระเยซูมีความสุขที่ได้ทำงานกับพ่อของท่าน (สภษ. 8:30) นอกจากนั้น พวกทูตสวรรค์ก็มีความสุขด้วย เพราะอะไร? เพราะพวกเขาได้เห็นตอนที่พระยะโฮวาและพระเยซูนายช่างของพระองค์สร้างฟ้าและโลก เมื่อได้เห็นแบบนั้นพวกทูตสวรรค์ทำอะไร? พวกเขา “โห่ร้องดีใจ” ตอนที่เห็นพระยะโฮวาสร้างโลก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาก็คงรู้สึกแบบเดียวกันเมื่อเห็นพระยะโฮวาสร้างสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งผลงานชิ้นเอกของพระองค์ก็คือมนุษย์ (โยบ 38:7; สภษ. 8:31) สิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาสร้างทำให้เราเห็นความรักและสติปัญญาของพระองค์—สด. 104:24; รม. 1:20 ห20.08 น. 14 ว. 1-2
วันพุธที่ 12 มกราคม
ทุกประเทศจะเกลียดชังคุณเพราะคุณเป็นสาวกของผม—มธ. 24:9
พระยะโฮวาสร้างเราให้รักคนอื่นและสร้างเราให้อยากได้ความรักจากคนอื่นด้วย พอเราโดนเกลียดก็เลยเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรู้สึกเจ็บและอาจถึงขั้นรู้สึกกลัวด้วยซ้ำ พี่น้องชายคนหนึ่งบอกว่า “ตอนที่พวกทหารขู่ผม ต่อย แล้วก็ด่าที่ผมเป็นพยานฯ ผมรู้สึกกลัว รู้สึกโดนดูถูก และอายมาก” พอมีคนเกลียดเรา เราก็รู้สึกเจ็บ แต่เราไม่แปลกใจ เพราะพระเยซูบอกไว้แล้วว่าเราจะโดนเกลียด คนในโลกนี้เกลียดสาวกของพระเยซู ทำไม? เพราะเราทำเหมือนกับพระเยซู เรา “ไม่ได้เป็นคนของโลกนี้” (ยน. 15:17-19) ถึงแม้ว่าเรานับถือเจ้าหน้าที่รัฐบาล แต่เราจะไม่ยุ่งกับการเมืองและไม่เข้าข้างฝ่ายไหนเลย ไม่เคารพธงชาติ และไม่ร้องเพลงชาติ เรานมัสการพระยะโฮวาเพียงผู้เดียวเท่านั้น เราสนับสนุนว่าพระองค์มีสิทธิ์ที่จะปกครองมนุษย์ แต่ซาตานกับ “ลูกหลาน” ของมันบอกว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น (ปฐก. 3:1-5, 15) เราประกาศว่ารัฐบาลของพระเจ้าเป็นความหวังเดียวของมนุษย์ และรัฐบาลนี้จะทำลายทุกคนที่ต่อต้าน (ดนล. 2:44; วว. 19:19-21) เรื่องนี้เป็นข่าวดีสำหรับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับคนชั่ว ห21.03 น. 20 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม
เรารู้ว่าเราเป็นคนของพระเจ้า—1 ยน. 5:19
พระยะโฮวาให้เกียรติพี่น้องหญิงโดยให้งานที่สำคัญในประชาคมกับพวกเธอ พวกเธอเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องความเชื่อ สติปัญญา ความกระตือรือร้น ความกล้าหาญ ความมีน้ำใจ และการทำสิ่งที่ดีต่าง ๆ (ลก. 8:2, 3; กจ. 16:14, 15; รม. 16:3, 6; ฟป. 4:3; ฮบ. 11:11, 31, 35) เราดีใจที่มีผู้สูงอายุหลายคนในประชาคม พวกเขาบางคนอาจต้องต่อสู้กับปัญหาสุขภาพหลายอย่างเพราะอายุที่มากขึ้น แต่พวกเขาก็พยายามรับใช้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ และใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่พวกเขามีเพื่อให้กำลังใจและฝึกคนอื่น พวกเราได้ประโยชน์หลายอย่างจากประสบการณ์ของพวกเขา พวกเขามีค่าสำหรับพระยะโฮวาและสำหรับเราจริง ๆ (สภษ. 16:31) ขอให้คิดถึงเด็กและวัยรุ่นด้วย พวกเขาเติบโตในโลกของซาตานที่ได้รับอิทธิพลจากความคิดที่ไม่ดีของมัน นี่ทำให้พวกเขาต้องสู้กับปัญหาหลายอย่าง แต่พวกเราทุกคนได้รับกำลังใจเมื่อเด็กและวัยรุ่นออกความคิดเห็นในการประชุม ไปประกาศ และพูดปกป้องความเชื่อของพวกเขาอย่างกล้าหาญ พวกคุณที่เป็นเด็กและวัยรุ่น พวกคุณคือส่วนสำคัญของประชาคมของพระยะโฮวา—สด. 8:2 ห20.08 น. 21-22 ว. 9-11
วันศุกร์ที่ 14 มกราคม
เมื่อผมใช้พวกคุณไป คุณจะเป็นเหมือนแกะในฝูงหมาป่า—มธ. 10:16
ตอนที่เราไปประกาศและบอกว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวา เราก็อาจจะเจอ “พายุ” หลายอย่าง เช่นคนอาจจะไม่ฟังเรา คนในครอบครัวอาจจะต่อต้านเรา และเพื่อน ๆ อาจจะเยาะเย้ยเราด้วยซ้ำ คุณจะมีความกล้ามากขึ้นได้อย่างไร? อย่างแรก คุณต้องมั่นใจว่าพระเยซูกำลังชี้นำงานประกาศในทุกวันนี้จากสวรรค์ (ยน. 16:33; วว. 14:14-16) และอย่างที่ 2 คุณต้องพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อจะมีความเชื่อมากขึ้นว่าพระยะโฮวาจะดูแลคุณตามที่พระองค์สัญญาไว้ (มธ. 6:32-34) ยิ่งคุณมีความเชื่อมากขึ้น คุณก็จะมีความกล้าหาญมากขึ้นด้วย ที่จริง คุณก็มีความเชื่อมากแล้วตอนที่คุณบอกกับเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวว่าคุณเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและไปประชุมกับพยานพระยะโฮวา และคุณคงต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิตมาแล้วแน่ ๆ เพื่อจะทำตามมาตรฐานที่ถูกต้องของพระยะโฮวา นี่แสดงว่าคุณมีความเชื่อและความกล้าหาญมากจริง ๆ ตอนที่คุณพยายามต่อ ๆ ไปเพื่อกล้ามากขึ้น คุณมั่นใจได้เลยว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าอยู่ด้วยไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน’—ยชว. 1:7-9 ห20.09 น. 5 ว. 11-12
วันเสาร์ที่ 15 มกราคม
พระยะโฮวาช่วยให้เขามีความสงบสุข—2 พศ. 14:6
กษัตริย์อาสาเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องการทำสิ่งที่ฉลาดโดยพึ่งพระยะโฮวาอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาแค่ตอนที่ลำบากเท่านั้นแต่ในช่วงเวลาที่มีความสงบสุขด้วย อาสา “รับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจ” ตั้งแต่ตอนที่เขายังอายุไม่มาก (1 พก. 15:14) วิธีหนึ่งที่อาสาแสดงให้เห็นว่าเขารับใช้พระยะโฮวาสุดหัวใจคือ เขากำจัดการนมัสการเท็จให้หมดไปจากยูดาห์ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เขากำจัดแท่นบูชาของพระต่างชาติและสถานบูชาบนที่สูง ทุบทำลายแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ และโค่นเสาศักดิ์สิทธิ์” (2 พศ. 14:3, 5) อาสาถึงกับถอดมาอาคาห์ที่เป็นย่าของเขาออกจากตำแหน่งที่สูงมากของอาณาจักรยูดาห์ ทำไม? เพราะเธอพยายามสนับสนุนให้ผู้คนนมัสการรูปเคารพ (1 พก. 15:11-13) กษัตริย์อาสาไม่ได้แค่กำจัดการนมัสการเท็จเท่านั้น เขายังช่วยประชาชนในยูดาห์ให้กลับมานมัสการพระยะโฮวาอีกครั้ง พระองค์เลยอวยพรเขาและช่วยชาวอิสราเอลให้มีช่วงที่สงบสุข ในช่วงที่อาสาปกครอง “แผ่นดินสงบเงียบ” เป็นเวลา 10 ปี—2 พศ. 14:1, 4, 6 ห20.09 น. 14 ว. 2-3
วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม
ทิโมธีลูกรัก ขอให้รักษาสิ่งที่ฝากไว้กับคุณให้ดี—1 ทธ. 6:20
เรามักจะฝากของมีค่าไว้กับคนอื่น เช่น เราฝากเงินของเราไว้ที่ธนาคาร และเราก็หวังว่าเงินของเราจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่หายหรือไม่ถูกใครขโมยไป เปาโลย้ำกับทิโมธีว่าทิโมธีได้รับสิ่งที่มีค่าซึ่งนั่นก็คือความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ และเขายังได้รับสิทธิพิเศษให้ “ประกาศถ้อยคำของพระเจ้า” และ “ทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวดี” (2 ทธ. 4:2, 5) เปาโลบอกให้ทิโมธีรักษาสิ่งที่ฝากไว้กับเขาให้ดี พวกเราในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน พระยะโฮวาฝากหรือให้สิ่งที่มีค่ากับเรา พระยะโฮวารักเรามาก พระองค์เลยให้ความรู้ที่ถูกต้องซึ่งอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลกับเรา ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีค่ามาก เพราะความจริงเหล่านี้ช่วยให้รู้ว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อจะสนิทกับพระยะโฮวา และยังช่วยให้รู้ว่าอะไรทำให้ชีวิตเรามีความสุขจริง ๆ เมื่อเราเชื่อและทำตามความจริงที่ได้เรียน เราก็ไม่เป็นทาสคำสอนผิด ๆ และไม่ใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรมอีกต่อไป—1 คร. 6:9-11 ห20.09 น. 26 ว. 1-3
วันจันทร์ที่ 17 มกราคม
พวกคุณเองก็รู้ว่าเราเป็นคนอย่างไรตอนที่ทำงานเพื่อพวกคุณ—1 ธส. 1:5
นักศึกษาต้องเห็นความรัก ความกระตือรือร้น และเห็นว่าคุณมั่นใจในความจริงที่คัมภีร์ไบเบิลสอน พอเขาเห็นอย่างนั้น เขาก็จะรู้สึกรักและตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาเรียน คุณอาจจะลองเล่าให้เขาฟังว่าสิ่งที่ได้เรียนจากคัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์กับคุณอย่างไรบ้าง แล้วเขาจะได้เห็นว่าสิ่งที่เขาเรียนในคัมภีร์ไบเบิลก็จะเป็นประโยชน์กับเขาได้ด้วยเหมือนกัน ตอนที่ศึกษาด้วยกันลองเล่าประสบการณ์ของพี่น้องบางคนที่มีปัญหาคล้าย ๆ กันกับนักศึกษา และเล่าให้เขาฟังว่าพี่น้องเราเอาชนะปัญหานั้นได้อย่างไร หรือคุณอาจจะพาพี่น้องบางคนในประชาคมไปศึกษาด้วยกันเพื่อที่นักศึกษาจะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของพวกเขา ให้พยายามช่วยนักศึกษาให้เห็นว่าคัมภีร์ไบเบิลสามารถช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ถ้านักศึกษามีแฟนหรือแต่งงานแล้ว แฟนหรือคู่ของเขาศึกษาด้วยไหม? ถ้ายัง คุณอาจจะลองชวนมานั่งศึกษาด้วยกันก็ได้ ลองสนับสนุนนักศึกษาของคุณให้เล่าสิ่งที่เขาได้เรียนให้ญาติ ๆ คนในครอบครัว หรือเพื่อนของเขาฟังดูสิ—ยน. 1:40-45 ห20.10 น. 16 ว. 7-9
วันอังคารที่ 18 มกราคม
ให้พร่ำสอนลูก ๆ ด้วยคำสอนนี้—ฉธบ. 6:7
โยเซฟกับมารีย์ช่วยพระเยซูให้โตมาเป็นคนที่พระยะโฮวาพอใจ เพราะพวกเขาทำตามคำแนะนำของพระองค์ที่ให้กับคนที่เป็นพ่อแม่ (ฉธบ. 6:6, 7) โยเซฟกับมารีย์รักพระยะโฮวามาก และเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของพวกเขาก็คือ ช่วยลูก ๆ ให้รักพระองค์ด้วยเหมือนกัน โยเซฟกับมารีย์ไปนมัสการพระยะโฮวาเป็นประจำกับลูก ๆ พวกเขาไปที่ประชุมของชาวยิวที่เมืองนาซาเร็ธทุกสัปดาห์ และไปฉลองปัสกาที่กรุงเยรูซาเล็มทุกปี (ลก. 2:41; 4:16) ช่วงเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาคงสอนพระเยซูและน้อง ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของประชาชนของพระเจ้า และระหว่างทางทั้งครอบครัวอาจจะได้แวะบางที่ที่พระคัมภีร์พูดถึงด้วย แต่พอโยเซฟกับมารีย์มีลูกเยอะขึ้นก็อาจยากมากขึ้นสำหรับพวกเขาที่จะช่วยทั้งครอบครัวให้นมัสการพระยะโฮวาเป็นประจำ แต่คุณเห็นผลดีที่เกิดขึ้นไหม? เพราะพวกเขาให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ทั้งครอบครัวก็เลยสนิทกับพระองค์ ห20.10 น. 28 ว. 8-9
วันพุธที่ 19 มกราคม
เอสราได้เตรียมหัวใจไว้แล้วว่าจะศึกษากฎหมายของพระยะโฮวา . . . และสอนชาวอิสราเอลให้รู้จักข้อกำหนด—อสร. 7:10
ถ้าพี่น้องชวนคุณให้ไปศึกษาด้วยกัน คุณก็น่าจะเตรียมตัวก่อนที่จะไปศึกษากับเขา โดรินที่เป็นไพโอเนียร์พิเศษบอกว่า “ผมรู้สึกขอบคุณมากถ้าคนที่ไปศึกษากับผมเตรียมตัวมาก่อน เพราะสิ่งที่เขาพูดมันจะเป็นประโยชน์จริง ๆ” นอกจากนั้น นักศึกษาคงจะสังเกตว่าคุณสองคนเตรียมตัวมาดี และนี่จะทำให้เขาอยากเลียนแบบคุณ ถึงคุณจะไม่ค่อยมีเวลาเตรียมตัวอย่างละเอียด แต่อย่างน้อยให้คุณดูคร่าว ๆ ว่าอะไรเป็นจุดสำคัญก็ยังดี การอธิษฐานเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล คุณควรคิดไว้ก่อนว่าจะพูดอะไรถ้าผู้นำการศึกษาขอให้คุณนำอธิษฐาน ถ้าคุณทำแบบนั้นคำอธิษฐานของคุณก็จะเข้าถึงหัวใจและมีผลกับนักศึกษามากกว่า (สด. 141:2) พี่น้องญี่ปุ่นที่ชื่อฮานาเอะยังจำคำอธิษฐานของพี่น้องที่มากับผู้นำการศึกษาของเธอได้ ฮานาเอะบอกว่า “พอฉันได้ฟังคำอธิษฐานของเธอ ฉันรู้เลยว่าเธอสนิทกับพระยะโฮวามาก และฉันก็อยากจะเป็นเหมือนเธอ เธอพูดชื่อของฉันในคำอธิษฐานด้วย มันทำให้ฉันรู้ว่าเธอรักฉันมากเลยค่ะ” ห21.03 น. 9-10 ว. 7-8
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม
กล้าหาญไว้ . . . คุณจะต้องประกาศอย่างนั้นในกรุงโรมด้วย—กจ. 23:11
พระเยซูรับรองกับเปาโลว่าเขาจะถึงกรุงโรมแน่นอน แต่ตอนนี้มีชาวยิวหลายคนในกรุงเยรูซาเล็มที่วางแผนอยากจะทำร้ายและฆ่าเปาโล พอผู้บังคับกองพันของโรมที่ชื่อคลาวดิอัสลีเซียสรู้แผนการของพวกเขา ก็สั่งทหารกองใหญ่ให้คุ้มกันเปาโลจากกรุงเยรูซาเล็มไปที่เมืองซีซารียา พอไปถึงที่นั่นผู้ว่าราชการเฟลิกส์ก็ “สั่งให้คุมตัวเปาโลเอาไว้ที่วังของเฮโรด” และนั่นทำให้พวกยิวที่อยากจะฆ่าเขาทำอะไรเขาไม่ได้ (กจ. 23:12-35) พอเฟสทัสมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการต่อจากเฟลิกส์ “เฟสทัสอยากเอาใจชาวยิว” เขาเลยถามเปาโลว่า “คุณอยากไปที่กรุงเยรูซาเล็มและให้ผมตัดสินเรื่องนี้ที่นั่นไหม?” เปาโลรู้ว่าถ้าเขาไปที่กรุงเยรูซาเล็มเขาคงถูกฆ่าแน่ ๆ เขาก็เลยบอกว่า “ผมขอร้องเรียนต่อซีซาร์” เฟสทัสบอกเปาโลว่า “ในเมื่อคุณร้องเรียนต่อซีซาร์ คุณก็ต้องไปหาซีซาร์” พอเปาโลไปถึงโรม เขาก็อยู่ไกลเกินกว่าที่พวกศัตรูจะทำอะไรเขาได้—กจ. 25:6-12 ห20.11 น. 13 ว. 4; น. 14 ว. 8-10
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม
ไม่ว่าใจเราจะตำหนิตัวเองขนาดไหน—1 ยน. 3:20
ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกผิด ตัวอย่างเช่น บางคนรู้สึกผิดเพราะสิ่งที่เขาเคยทำก่อนที่จะมาเรียนความจริง ส่วนบางคนก็รู้สึกผิดเพราะเขาทำผิดพลาดหลังจากรับบัพติศมาแล้ว (รม. 3:23) เราคงอยากทำดีอยู่แล้ว แต่ “เราทุกคนผิดพลาดกันอยู่บ่อย ๆ” (ยก. 3:2; รม. 7:21-23) เราอาจจะไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วการรู้สึกผิดก็มีประโยชน์กับเราด้วย เพราะมันจะช่วยให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นและพยายามไม่ทำผิดซ้ำอีก (ฮบ. 12:12, 13) แต่ก็เป็นไปได้ที่เราจะรู้สึกผิดมากเกินไป เราอาจจะยังรู้สึกผิดอยู่ทั้ง ๆ ที่เรากลับใจแล้วและพระยะโฮวาก็ทำให้เห็นแล้วว่าพระองค์ให้อภัยเราแล้ว (สด. 31:10; 38:3, 4) ความรู้สึกแบบนี้อันตรายมาก เราต้องระวังที่จะไม่รู้สึกผิดมากเกินไป ลองคิดดูสิว่าซาตานจะมีความสุขมากแค่ไหนถ้าเห็นเราหมดหวังในตัวเอง ทั้ง ๆ ที่พระยะโฮวายังไม่หมดหวังในตัวเรา—เทียบกับ 2 โครินธ์ 2:5-7, 11 ห20.11 น. 27 ว. 12-13
วันเสาร์ที่ 22 มกราคม
ถึงผมจะรักษาใจให้บริสุทธิ์ และล้างมือเพื่อแสดงว่าไม่มีความผิด ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย—สด. 73:13
ผู้เขียนสดุดีบท 73 เป็นคนเลวี เขาอิจฉาคนชั่วและคนหยิ่ง จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้อยากทำชั่วเหมือนกับคนพวกนั้น แต่เขาอิจฉาเพราะเห็นคนพวกนั้นได้ดิบได้ดีในชีวิต (สด. 73:2-9, 11-14) ดูเหมือนว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในชีวิต พวกเขามีทุกอย่างทั้งความร่ำรวย ความสะดวกสบาย แต่คนเลวีคนนี้ต้องมองสิ่งต่าง ๆ เหมือนที่พระยะโฮวามอง เมื่อเขาทำอย่างนั้นเขาก็กลับมาสงบใจและมีความสุขได้อีกครั้งหนึ่ง เขาบอกว่า “ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในโลกนี้นอกจาก [พระยะโฮวา]” (สด. 73:25) เหมือนกันเราต้องไม่อิจฉาคนชั่วที่ได้ดิบได้ดีและดูมีความสุขในชีวิต ความสุขของพวกเขาอยู่แค่ชั่วคราว (ปญจ. 8:12, 13) ถ้าเราอิจฉาพวกเขา เราก็มีแต่จะทำให้ตัวเองท้อใจ และเราอาจจะถึงกับทิ้งพระยะโฮวาไปเลยด้วยซ้ำ ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอิจฉาคนชั่วที่ได้ดิบได้ดีในชีวิตก็ให้ทำเหมือนกับที่คนเลวีคนนี้ทำ ให้คุณเชื่อฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาที่ให้กับคุณด้วยความรัก และใช้เวลากับคนที่ทำตามความต้องการของพระองค์ ถ้าคุณรักพระองค์มากกว่าอะไรทั้งหมดในชีวิต คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง และคุณก็จะอยู่บนทางที่นำไปถึง “ชีวิตแท้”—1 ทธ. 6:19 ห20.12 น. 19 ว. 14-16
วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม
เมื่ออธิษฐาน บางครั้งเราไม่รู้ว่าควรขออะไรดี แต่พลังของพระเจ้าจะขอแทนเราตอนที่เราคร่ำครวญไม่เป็นคำพูด—รม. 8:26
ตอนที่คุณระบายความกังวลกับพระยะโฮวา ขอให้พูดขอบคุณพระองค์ด้วย ถึงตอนนี้คุณกำลังเจอปัญหาอยู่แต่คงจะดีถ้าคุณพยายามคิดถึงสิ่งดี ๆ ในชีวิตของคุณด้วย แต่ถ้าคุณบอกพระยะโฮวาไม่ถูกว่าคุณรู้สึกอย่างไร ถึงคุณจะพูดได้แค่ ‘พระยะโฮวาช่วยฉันด้วย!’ คุณก็มั่นใจได้ว่าพระองค์ก็จะตอบคำอธิษฐานนั้น (2 พศ. 18:31) พึ่งสติปัญญาของพระยะโฮวา ไม่ใช่สติปัญญาของคุณเอง ในศตวรรษที่ 8 ก่อน ค.ศ. ชาวยูดาห์กลัวว่าชาวอัสซีเรียจะมาโจมตีแล้วจะต้องตกเป็นเชลย พวกเขาก็เลยขออียิปต์ให้มาช่วย (อสย. 30:1, 2) แต่พระยะโฮวาเตือนว่าถ้าพวกเขาทำอย่างนั้น พวกเขาจะต้องเจอสิ่งเลวร้ายแน่ ๆ (อสย. 30:7, 12, 13) พระยะโฮวาใช้อิสยาห์ให้ไปบอกพวกเขาว่าพวกเขาควรทำอะไรตอนที่รู้สึกกลัว พระยะโฮวาบอกว่า “ถ้าพวกเจ้ามีใจที่สงบและวางใจเรา พวกเจ้าก็จะมีความเข้มแข็ง”—อสย. 30:15ข ห21.01 น. 3-4 ว. 8-9
วันจันทร์ที่ 24 มกราคม
ผมได้ยินว่าคนที่ถูกประทับตรามีจำนวน 144,000 คน—วว. 7:4
เพราะพวกผู้ถูกเจิมซื่อสัตย์ พวกเขาจะได้รางวัลที่จะเป็นกษัตริย์และปุโรหิตในสวรรค์ (วว. 20:6) พระยะโฮวาและครอบครัวของพระองค์ส่วนที่อยู่บนสวรรค์ตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นผู้ถูกเจิม 144,000 คนได้รับรางวัลของพวกเขา หลังจากยอห์นพูดถึงกษัตริย์และปุโรหิต 144,000 คน เขาเห็น “ชนฝูงใหญ่” ที่รอดผ่านอาร์มาเกดโดน คนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกับคนกลุ่มแรก เพราะคนกลุ่มนี้ใหญ่กว่าคนกลุ่มแรกมาก และเราก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีจำนวนเท่าไหร่ (วว. 7:9, 10) พวกเขา “สวมเสื้อคลุมยาวสีขาว” ซึ่งแสดงว่าพวกเขาภักดีต่อพระเจ้าและพระคริสต์ และ “รักษาตัวไม่ให้มีด่างพร้อย” จากโลกของซาตาน (ยก. 1:27) ชนฝูงใหญ่ตะโกนว่าความรอดที่พวกเขาได้รับมาจากสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูลูกแกะของพระองค์ทำ ตอนนั้นพวกเขายัง “ถือใบปาล์ม” ด้วยซึ่งแสดงว่าพวกเขาดีใจและยอมรับว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์ที่พระยะโฮวาแต่งตั้ง—เทียบกับยอห์น 12:12, 13 ห21.01 น. 15-16 ว. 6-7
วันอังคารที่ 25 มกราคม
เพราะพระองค์ถ่อมตัวลง ผมจึงยิ่งใหญ่ขึ้น—2 ซม. 22:36
ผู้ชายจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้โดยเลียนแบบวิธีที่พระยะโฮวาและพระเยซูใช้อำนาจ ให้เรามาดูคุณลักษณะอย่างหนึ่งคือความถ่อม ถึงจะไม่มีใครฉลาดมากกว่าพระยะโฮวาแต่พระองค์ก็ฟังผู้รับใช้ของพระองค์ (ปฐก. 18:23, 24, 32) และถึงพระยะโฮวาจะสมบูรณ์แบบ แต่พระองค์ก็ไม่คาดหมายความสมบูรณ์แบบจากเรา พระองค์ยังช่วยคนไม่สมบูรณ์แบบให้รับใช้และทำงานมอบหมายได้อย่างสำเร็จด้วย (สด. 113:6, 7) คัมภีร์ไบเบิลถึงขนาดเรียกพระยะโฮวาว่า “ผู้ช่วย” (สด. 27:9; ฮบ. 13:6) กษัตริย์ดาวิดรู้ดีว่าเขาจะทำงานที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จไม่ได้เลยถ้าพระยะโฮวาไม่ถ่อมและไม่ช่วยเหลือเขา ให้มาดูตัวอย่างของพระเยซู ถึงพระเยซูจะเป็นนายและอาจารย์ของพวกสาวก แต่ท่านก็ล้างเท้าให้พวกเขา พระเยซูเองบอกว่า “ผมทำเป็นตัวอย่างให้ดูแล้ว พวกคุณก็ควรทำตาม” (ยน. 13:12-17) ถึงพระเยซูจะมีอำนาจมาก แต่ท่านก็ไม่เคยคาดหมายให้ใครมารับใช้ท่าน แต่กลับเป็นท่านเองต่างหากที่รับใช้คนอื่น—มธ. 20:28 ห21.02 น. 3-4 ว. 8-10
วันพุธที่ 26 มกราคม
ความงามของคนหนุ่มคือกำลังของเขา—สภษ. 20:29
พี่น้องชายที่เป็นวัยรุ่น คุณเป็นคนที่มีค่ามากในประชาคม คุณมีแรงและมีกำลังเยอะ คุณช่วยพี่น้องหลายคนในประชาคมได้ คุณคงอยากจะเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ แต่คุณอาจจะคิดว่าคนอื่นคงมองว่าคุณยังเด็ก ไม่มีประสบการณ์ที่จะทำงานสำคัญได้ แต่ถึงคุณจะอายุน้อย ก็ยังมีหลายอย่างที่คุณทำได้เพื่อจะทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณเป็นคนที่น่านับถือและไว้ใจได้ คุณมีความสามารถที่จะช่วยพี่น้องในประชาคมไหม? เรามั่นใจว่าคุณมีแน่ ๆ ตัวอย่างเช่น คุณอาจสังเกตว่ามีพี่น้องสูงอายุบางคนที่อยากจะใช้แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้เก่งขึ้น และเขาก็ดีใจมากเวลามีคนมาสอน คุณมีความรู้เรื่องพวกนี้ไหม? ถ้าคุณมี คุณอาจจะช่วยพี่น้องได้เพื่อพวกเขาจะศึกษาส่วนตัวหรือติดตามการประชุมได้ง่ายขึ้น ให้คุณทำทุกอย่างแบบที่พ่อในสวรรค์ของคุณจะภูมิใจในตัวคุณ ห21.03 น. 2 ว. 1, 3; น. 7 ว. 18
วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม
แต่ละคนจะต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเอง—กท. 6:5
ถึงภรรยาจะเรียนสูงกว่า แต่คนที่นำหน้าในการนมัสการครอบครัวและกิจกรรมคริสเตียนต้องเป็นสามี (อฟ. 6:4) และถึงสามีจะเป็นคนนำหน้าในการทำกิจกรรมคริสเตียน แต่ภรรยาต้องจำไว้ว่าเธอต้องดูแลความเชื่อของตัวเองด้วย เพื่อจะทำอย่างนั้นเธอต้องจัดเวลาในการศึกษาส่วนตัวและคิดใคร่ครวญ นี่จะทำให้เธอรักและนับถือพระยะโฮวามากขึ้นและมีความสุขในการอยู่ใต้อำนาจสามี ภรรยาที่ยอมอยู่ใต้อำนาจสามีเพราะรักพระยะโฮวาจะมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่ทำอย่างนั้น เธอเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับวัยรุ่นทั้งผู้ชายและผู้หญิง และทำให้ทั้งครอบครัวและประชาคมมีบรรยากาศที่ดีและอบอุ่น (ทต. 2:3-5) ทุกวันนี้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง—สด. 68:11 ห21.02 น. 13 ว. 21-23
วันศุกร์ที่ 28 มกราคม
เข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาใกล้ชิดกับคุณ—ยก. 4:8
อัครสาวกเปาโลเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องความกล้าหาญและความอดทน ถึงบางครั้งเขาจะรู้สึกอ่อนแอ แต่เขาอดทนได้เพราะเขาพึ่งกำลังที่มาจากพระยะโฮวา (2 คร. 12:8-10; ฟป. 4:13) เราจะมีกำลังและความกล้าแบบนั้นได้เหมือนกัน ถ้าเราถ่อมตัวและยอมรับว่าเราต้องให้พระยะโฮวาช่วย (ยก. 4:10) เรามั่นใจได้ว่าปัญหาที่เราเจอไม่ใช่การลงโทษจากพระยะโฮวา ยากอบรับรองกับเราว่า “เมื่อเจอความลำบากอย่าพูดว่า ‘พระเจ้าลองใจฉัน’ เพราะพระองค์ไม่เคยลองใจใครด้วยความชั่วและไม่มีใครลองใจพระเจ้าให้ทำชั่วได้” (ยก. 1:13) พอเรามั่นใจในเรื่องนี้ เราก็จะรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้นกับพ่อในสวรรค์ที่รักเรา พระยะโฮวา “ไม่เคยเปลี่ยน” (ยก. 1:17) เหมือนกับที่พระองค์ช่วยคริสเตียนในสมัยศตวรรษแรกให้ผ่านปัญหาไปได้ พระองค์ก็จะช่วยพวกเราในทุกวันนี้ให้ผ่านปัญหาไปได้เหมือนกัน ให้คุณตั้งใจอธิษฐานขอสติปัญญา ความเชื่อ และความกล้าหาญจากพระองค์ต่อ ๆ ไป พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของคุณ ห21.02 น. 31 ว. 19-21
วันเสาร์ที่ 29 มกราคม
เหล็กยังลับเหล็กให้คมได้ คนเราก็ช่วยเพื่อนให้เก่งขึ้นได้เหมือนกัน—สภษ. 27:17
คุณน่าจะให้กำลังใจนักศึกษาของพี่น้องตอนที่เขามาประชุมโดยทำให้เขาเห็นว่าคุณสนใจเขา (ฟป. 2:4) คุณอาจจะชมเขาที่เขาก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงตัวเองบางอย่าง อาจจะถามเขาว่าเรียนคัมภีร์ไบเบิลเป็นยังไงบ้าง ถามเกี่ยวกับครอบครัวของเขาและเกี่ยวกับงานที่เขาทำ แต่คุณก็ต้องระวังที่จะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินไป การคุยกับเขาแบบนี้จะช่วยให้คุณสนิทกับเขามากขึ้น ถ้าคุณเป็นเพื่อนกับเขา คุณก็จะช่วยให้เขาก้าวหน้าจนรับบัพติศมาได้ ตอนที่นักศึกษาก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณน่าจะพยายามช่วยนักศึกษาให้รู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของประชาคม วิธีหนึ่งก็คือ “แสดงน้ำใจต้อนรับแขก” (ฮบ. 13:2) พอนักศึกษาเป็นผู้ประกาศ คุณก็ชวนเขาให้ไปรับใช้ด้วยกันกับคุณได้ จีเอโก้พี่น้องจากบราซิลพูดถึงตอนที่เขาเป็นนักศึกษาว่า “พี่น้องหลายคนชอบชวนผมไปประกาศด้วยกัน สำหรับผมแล้ว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเลยครับที่ผมจะรู้จักพวกเขา ผมได้เรียนจากพวกเขาหลายอย่าง และนี่ก็ทำให้ผมสนิทกับพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้นด้วย” ห21.03 น. 12 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม
อย่าทำชั่วตอบแทนความชั่วต่อใครเลย—รม. 12:17
พระเยซูบอกสาวกให้รักศัตรู (มธ. 5:44, 45) การทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่พลังบริสุทธิ์จะช่วยให้เราทำได้ ผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้าช่วยให้เรามีคุณลักษณะที่ดีหลายอย่าง เช่น ความรัก ความอดทนอดกลั้น ความกรุณา ความอ่อนโยน และการควบคุมตัวเอง (กท. 5:22, 23) คุณลักษณะเหล่านี้ช่วยเราให้อดทนกับความเกลียดชังได้ หลายคนเลิกต่อต้านเพราะพวกเขาได้เห็นคนใกล้ตัว เช่น สามี ภรรยา ลูก หรือเพื่อนบ้านแสดงคุณลักษณะเหล่านี้ หลายคนที่เคยต่อต้านถึงขนาดเข้ามาเป็นพี่น้องของเราด้วยซ้ำ ถ้ามีคนเกลียดคุณเพราะคุณรับใช้พระยะโฮวา และคุณรู้สึกว่ายากที่จะรักเขาก็ให้อธิษฐานขอพลังบริสุทธิ์ช่วยคุณ (ลก. 11:13) และให้คุณมั่นใจว่าการเชื่อฟังพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ (สภษ. 3:5-7) ถึงความเกลียดชังจะมีพลังและทำให้เจ็บปวดมาก แต่ความรักมีพลังมากกว่านั้น ความรักเปลี่ยนหัวใจคนได้ และถ้าเราแสดงความรักต่อ ๆ ไป เราก็ทำให้พระยะโฮวามีความสุข และถึงคนที่ต่อต้านเราจะยังเกลียดเราอยู่ เราก็มีความสุขได้ ห21.03 น. 23 ว. 13; น. 24 ว. 15, 17
วันจันทร์ที่ 31 มกราคม
มีกองทัพตั๊กแตนบุกเข้ามาในแผ่นดินของผม พวกมันแข็งแกร่งและมีจำนวนมหาศาล—ยอล. 1:6
ผู้พยากรณ์โยเอลกำลังบอกล่วงหน้าถึงการโจมตีทางทหาร (ยอล. 2:1, 8, 11) พระยะโฮวาบอกว่า พระองค์จะใช้กองทัพ “ฝูงใหญ่” ของพระองค์ (ทหารบาบิโลน) ไปลงโทษชาวอิสราเอลที่ไม่เชื่อฟัง (ยอล. 2:25) กองทัพที่บุกเข้ามานั้นถูกเรียกว่า “คนที่มาจากทางเหนือ” การเรียกแบบนั้นเหมาะจริง ๆ เพราะบาบิโลนบุกโจมตีอิสราเอลจากทางเหนือ (ยอล. 2:20) กองทัพนั้นเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตนที่เป็นระเบียบ โยเอลบอกว่าพวกทหาร “ต่างคนต่างเดินหน้าไปเรื่อย ๆ. . . พวกเขาวิ่งเข้าไปในเมือง . . . ปีนเข้าบ้านทางหน้าต่างเหมือนขโมย” (ยอล. 2:8, 9) คุณพอจะคิดภาพออกไหม? มีทหารอยู่ทุกที่เต็มไปหมด ไม่มีแม้แต่ที่จะซ่อน ไม่มีใครหนีกองทัพบาบิโลนได้เลย ชาวบาบิโลน (หรือชาวเคลเดีย) ได้บุกโจมตีกรุงเยรูซาเล็มในปี 607 ก่อน ค.ศ. การโจมตีของพวกเขาเหมือนกับฝูงตั๊กแตน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “กษัตริย์ของชาวเคลเดีย. . . ไม่สงสารคนหนุ่มหรือหญิงสาว คนแก่หรือคนอ่อนแอ”—2 พศ. 36:17 ห20.04 น. 5 ว. 11-12