กุมภาพันธ์
วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์
ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง—ฟป. 2:3
เราจะพยายามรู้จักพี่น้องให้ดีขึ้นโดยคุยกับเขาก่อนและหลังการประชุม ไปประกาศด้วยกัน และถ้าเป็นไปได้ก็ชวนไปกินข้าวด้วยกัน ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณอาจเห็นว่าพี่น้องหญิงที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเลย จริง ๆ แล้วแค่เป็นคนขี้อาย และพี่น้องชายที่เป็นคนรวย จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นคนนิยมวัตถุแต่มีน้ำใจ หรือครอบครัวที่มาประชุมสายบ่อย ๆ จริง ๆ แล้วกำลังอดทนกับการต่อต้านบางอย่าง (โยบ 6:29) แน่นอนว่าเราไม่ควรกลายเป็นคนที่ชอบ “เข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน” (1 ทธ. 5:13) แต่คงจะดีถ้าเราพยายามรู้จักชีวิตของพี่น้องและรู้เรื่องของพวกเขาบ้างเพื่อจะเข้าใจพวกเขาได้ดีขึ้น พอคุณได้มารู้ภูมิหลังของพี่น้องที่คุณไม่ชอบ คุณอาจรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขามากขึ้น ถึงคุณอาจต้องใช้ความพยายามมากเพื่อจะรู้จักพี่น้องมากขึ้น แต่ถ้าคุณทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลที่ให้เปิดใจ คุณก็กำลังเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่รัก “คนทุกชนิด”—1 ทธ. 2:3, 4; 2 คร. 6:11-13 ห20.04 น. 16-17 ว. 10-12
วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์
ไม่มีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือที่คนหนึ่งยอมสละชีวิตเพื่อเพื่อนของเขา—ยน. 15:13
ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านบอกพวกสาวกว่าให้พวกเขารักกัน ท่านรู้ว่าความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวแบบนี้จะช่วยให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันและอดทนกับความเกลียดชังได้ ให้เรามาดูตัวอย่างของประชาคมในเมืองเธสะโลนิกา พี่น้องที่นั่นถูกข่มเหงตั้งแต่เริ่มมีการตั้งประชาคม แต่พวกเขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องการแสดงความรักและการรักษาความซื่อสัตย์ (1 ธส. 1:3, 6, 7) แต่เปาโลก็ยังบอกพวกเขาให้แสดงความรัก “มากขึ้นเรื่อย ๆ” (1 ธส. 4:9, 10) ความรักจะช่วยให้พวกเขาพูดปลอบใจคนที่ท้อใจและช่วยเหลือคนอ่อนแอ (1 ธส. 5:14) เราเห็นว่าพวกเขาทำตามคำแนะนำของเปาโลจริง ๆ เพราะในจดหมายฉบับที่สองที่เปาโลเขียนถึงพวกเขาในปีต่อมา เปาโลชมพวกเขาว่า “พวกคุณทุกคนรักกันมากขึ้น” (2 ธส. 1:3-5) ความรักช่วยพวกเขาให้อดทนกับความลำบากและการกดขี่ข่มเหงได้ ห21.03 น. 22 ว. 11
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์
ให้เราวิ่งแข่งด้วยความมานะอดทนบนทางที่อยู่ตรงหน้าเรา—ฮบ. 12:1
ถ้าเราอยากได้รางวัลชีวิตตลอดไป เราต้องอยู่ในเส้นทางของคริสเตียนซึ่งก็คือต้องใช้ชีวิตแบบคริสเตียน (กจ. 20:24; 1 ปต. 2:21) แต่ซาตานและคนที่ติดตามมันไม่อยากให้เราวิ่งในเส้นทางนั้น พวกเขาอยากให้เราใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ เหมือนพวกเขา (1 ปต. 4:4) นอกจากนั้น พวกเขายังเยาะเย้ยทางคริสเตียนของเราและบอกว่าทางของพวกเขาดีกว่าเพราะว่าทำให้มีอิสระ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดไม่จริง (2 ปต. 2:19) เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะตัดสินใจวิ่งในเส้นทางที่ถูกต้อง ซาตานอยากให้เราทุกคนเลิกวิ่งในทางแคบที่ “นำไปถึงชีวิต” มันอยากให้เราเปลี่ยนไปวิ่งในทางกว้างซึ่งวิ่งได้ง่ายและใคร ๆ ก็วิ่งกัน แต่ทางนั้น “นำไปถึงความพินาศ” (มธ. 7:13, 14) เพื่อเราจะวิ่งในเส้นทางที่ถูกต้องต่อ ๆ ไปและไม่ไขว้เขวหรือถูกหลอกให้ไปวิ่งในทางอื่น เราต้องไว้ใจพระยะโฮวาและฟังพระองค์ ห20.04 น. 26 ว. 1; น. 27 ว. 5
วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์
เรื่องแรกที่ผมขอให้ทำคือ ให้อธิษฐาน อ้อนวอน ขอเพื่อคนอื่น . . . เพื่อเราจะอยู่อย่างสงบ และทำทุกสิ่งด้วยความเลื่อมใสพระเจ้า—1 ทธ. 2:1, 2
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้รัสเซียกับชาติพันธมิตรได้เข้าไปใน “เมืองที่งดงาม” (ดนล. 11:41) ในปี 2017 กษัตริย์ทิศเหนือได้สั่งห้ามงานของคนของพระเจ้า จับพี่น้องหลายคนเข้าคุก และสั่งห้ามหนังสือหลายเล่มของเรารวมถึงคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ นอกจากนั้นกษัตริย์ทิศเหนือยังยึดสำนักงานสาขา หอประชุมและหอประชุมใหญ่ในรัสเซียด้วย นี่เลยทำให้คณะกรรมการปกครองบอกในปี 2018 ว่ารัสเซียกับชาติพันธมิตรคือกษัตริย์ทิศเหนือ แต่ถึงคนของพระเจ้าจะถูกข่มเหงอย่างหนัก พวกเขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อต้านหรือล้มล้างรัฐบาล แต่พวกเขาทำตามคำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลคืออธิษฐานเพื่อ “คนที่อยู่ในตำแหน่งสูง” โดยเฉพาะในตอนที่คนเหล่านี้จะตัดสินในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิสระในการนมัสการพระเจ้า ห20.05 น. 14 ว. 9
วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์
เอาใจใส่ตัวคุณและการสอนของคุณให้ดี—1 ทธ. 4:16
คนที่เป็นพ่อแม่ เพื่อลูกของคุณจะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเชื่อเป็นความจริง เขาต้องสนิทกับพระเจ้าและมั่นใจความจริงที่คัมภีร์ไบเบิลสอน คุณต้องสอนความจริงเรื่องพระเจ้าให้กับลูก เพื่อจะทำแบบนั้น คุณต้องทำให้ลูกเห็นว่าคุณเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ดี และต้องคิดใคร่ครวญสิ่งที่คุณได้เรียน เมื่อคุณทำแบบนั้นคุณก็จะสอนลูกให้ทำแบบเดียวกันได้ เหมือนกับที่คุณสอนนักศึกษาให้รู้จักวิธีค้นคว้า คุณก็ต้องสอนลูกให้รู้จักวิธีใช้หนังสือ วีดีโอ และเครื่องมือต่าง ๆ เช่น ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์ พอทำอย่างนี้คุณก็จะช่วยลูกให้รักพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์ใช้ “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” เพื่อช่วยเราให้เข้าใจคัมภีร์ไบเบิล (มธ. 24:45-47) แค่คุณสอนคำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิลให้ลูกยังไม่พอ คุณต้องช่วยเขาให้มีความเชื่อที่เข้มแข็งโดยสอนเขาให้เข้าใจ “สิ่งลึกซึ้งของพระเจ้า” ตามความสามารถและอายุของลูกแต่ละคน—1 คร. 2:10 ห20.07 น. 11 ว. 10, 12-13
วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์
เพราะพระยะโฮวาเกลียดคนเจ้าเล่ห์ แต่พระองค์เป็นเพื่อนสนิทกับคนซื่อตรง—สภษ. 3:32
ตอนนี้มีมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบกี่คนที่เป็นเพื่อนสนิทกับพระยะโฮวา? มีหลายล้านคน พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพระองค์ได้เพราะพวกเขามีความเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซู และเพราะค่าไถ่นี้แหละเราเลยเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา อุทิศตัว และรับบัพติศมาได้ เมื่อทำขั้นตอนที่สำคัญนี้แล้ว เราก็ได้มาอยู่ร่วมกันกับคริสเตียนนับล้าน ๆ คนที่อุทิศตัวและรับบัพติศมาซึ่งเป็น “เพื่อนสนิท” กับผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอกภพ เราจะแสดงอย่างไรว่าเห็นค่าการเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา? เหมือนกันกับอับราฮัมและโยบที่ซื่อสัตย์มากกว่าร้อยปี เราต้องซื่อสัตย์ต่อไปไม่ว่าจะรับใช้พระยะโฮวามานานแค่ไหนแล้วก็ตาม นอกจากนั้น เหมือนกันกับดาเนียล เราต้องคิดว่าการเป็นเพื่อนกับพระเจ้ามีค่ามากกว่าชีวิตของเราเอง (ดนล. 6:7, 10, 16, 22) โดยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา เราจะอดทนกับการทดสอบและปัญหาได้ ซึ่งนั่นจะทำให้เราเป็นเพื่อนกับพระองค์ได้ตลอดไป—ฟป. 4:13 ห20.05 น. 27 ว. 5-6
วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์
ขอช่วยผมให้เกรงกลัวชื่อของพระองค์หมดหัวใจ—สด. 86:11
กษัตริย์ดาวิดมองลงมาจากดาดฟ้าเห็นภรรยาของคนอื่นกำลังอาบน้ำอยู่ เขารู้จักมาตรฐานของพระยะโฮวาที่บอกว่า “อย่าโลภอยากได้ . . . ภรรยาของคนอื่น” (อพย. 20:17) แต่เขาก็ยังไม่เลิกมอง ใจหนึ่งดาวิดก็อยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ ส่วนอีกใจหนึ่งเขาก็อยากจะได้ผู้หญิงคนนั้นมา ถึงดาวิดจะรักและเกรงกลัวพระยะโฮวามานานแล้ว แต่ในตอนนั้นเขายอมทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการมากกว่า เขาเลยลงมือทำสิ่งที่เลวร้ายมาก เขาทำให้พระยะโฮวาเสียชื่อเสียงและทำให้ครอบครัวของตัวเองและคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องเดือดร้อน (2 ซม. 11:1-5, 14-17; 12:7-12) พระยะโฮวาช่วยให้ดาวิดรู้ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นความผิดร้ายแรง และเขากลับมาสนิทกับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง (2 ซม. 12:13; สด. 51:2-4, 17) หลังจากนั้นดาวิดไม่เคยลืมว่าเมื่อเขาไม่ได้รักสิ่งที่ถูกต้องหมดหัวใจ มันทำให้เจ็บปวดและเกิดปัญหามากแค่ไหน แล้วพระยะโฮวาช่วยให้ดาวิดกลับมารักสิ่งที่ถูกต้องหมดหัวใจอีกครั้งไหม? ใช่ คัมภีร์ไบเบิลเรียกดาวิดว่าเป็นคนที่ “รับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าของเขาสุดหัวใจ”—1 พก. 11:4; 15:3 ห20.06 น. 11 ว. 12-13
วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์
เราดึงเขามาหาเราโดยใช้ความกรุณากับความรัก—ฮชย. 11:4
คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงความรักที่พระยะโฮวามีต่อคนของพระองค์ว่าเป็นเหมือนเชือกหรือสายจูง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ขอให้เราคิดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบนี้ ลองนึกภาพว่าคุณกำลังลอยคออยู่กลางทะเล แล้วก็มีคนหนึ่งโยนเสื้อชูชีพให้กับคุณ คุณคงดีใจมาก เพราะมันทำให้คุณไม่จม แต่นั่นคงไม่ทำให้คุณรอด เพราะว่าน้ำนั้นมันหนาวมาก ถ้าคุณอยู่ในน้ำต่อไป คุณคงตายแน่ ๆ คุณต้องการใครสักคนโยนเชือกให้คุณ แล้วก็ดึงคุณขึ้นไปบนเรือ คุณจึงจะรอดชีวิตจริง ๆ เหมือนกับข้อคัมภีร์วันนี้พระยะโฮวาบอกว่าพระองค์รักและ “ดึง” ชาวอิสราเอลที่ทิ้งพระองค์ไปให้กลับมาหาพระองค์ ทุกวันนี้พระยะโฮวาก็รู้สึกแบบนั้นกับคนที่เลิกรับใช้พระองค์ซึ่งจมกับปัญหาและความกังวล พระองค์อยากให้พวกเขารู้ว่าพระองค์รักพวกเขามาก และอยากจะดึงพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ และพระยะโฮวาสามารถใช้คุณเพื่อช่วยให้พวกเขารู้ว่าพระองค์ยังรักพวกเขาอยู่ เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะพูดและทำให้คนที่เลิกประชุมเลิกประกาศรู้ว่า พระยะโฮวายังรักพวกเขาและเราก็รักพวกเขามาก ห20.06 น. 27 ว. 12-13
วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์
คนที่อดทนกับความลำบากเรื่อยไปก็มีความสุข—ยก. 1:12
หลังจากสเทเฟนถูกฆ่า คริสเตียนหลายคนหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็มและ “กระจัดกระจายไปทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย” บางคนไปไกลถึงเกาะไซปรัสและเมืองอันทิโอก (กจ. 7:58-8:1; 11:19) คริสเตียนในตอนนั้นคงจะลำบากมากแน่ ๆ แต่พวกเขาก็ยังประกาศในทุกที่ที่พวกเขาไป และเกิดผลดีมากถึงขนาดที่ต้องมีการตั้งประชาคมทั่วจักรวรรดิโรมันเลยทีเดียว (1 ปต. 1:1) แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ยังต้องเจอปัญหาอื่นอีกหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ประมาณปี ค.ศ. 50 จักรพรรดิโรมันที่ชื่อคลาวดิอัสสั่งให้ชาวยิวทุกคนออกไปจากกรุงโรม นี่ทำให้คริสเตียนชาวยิวต้องทิ้งบ้านของตัวเองและย้ายไปอยู่ที่อื่น (กจ. 18:1-3) และประมาณปี ค.ศ. 61 เปาโลเขียนว่าเพื่อนคริสเตียนของเขาต้องถูกประจานให้ขายหน้า ถูกจับขังคุก และถูกปล้น (ฮบ. 10:32-34) และเหมือนกับคนอื่น ๆ คริสเตียนยังต้องทนกับความยากจนและความเจ็บป่วยด้วย—รม. 15:26; ฟป. 2:25-27 ห21.02 น. 26-27 ว. 2-4
วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์
มารลงมาด้วยความโกรธจัด และมันรู้ว่าเวลาของมันเหลือน้อยเต็มที—วว. 12:12
ถ้าเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะมีความเชื่อมากขึ้น ซาตานและคนที่อยู่ฝ่ายมันก็จะไม่มีวันทำให้เราเลิกใช้ชีวิตตามความจริงได้ (2 ยน. 8, 9) เราต้องคาดหมายว่าโลกจะเกลียดเรา (1 ยน. 3:13) ยอห์นบอกว่า “โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจซาตานตัวชั่วร้าย” (1 ยน. 5:19) ยิ่งโลกนี้ใกล้จะถึงจุดจบมากเท่าไร ซาตานก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ซาตานโจมตีเราทางอ้อมโดยใช้หลายวิธี เช่น การล่อใจให้ทำผิดศีลธรรมและคำโกหกของพวกที่ทรยศพระเจ้า ไม่ใช่แค่นั้น มันยังโจมตีคนของพระเจ้าซึ่ง ๆ หน้าโดยใช้การข่มเหงด้วย มันรู้ว่าเวลาของมันเหลือน้อยเต็มที มันก็เลยทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดงานประกาศหรือทำให้เราทิ้งความเชื่อ เราก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมในบางประเทศจึงมีการสั่งห้ามและไม่มีอิสระเต็มที่ในการประกาศ ถึงจะเป็นอย่างนั้นพี่น้องของเราก็ยังอดทนและซื่อสัตย์ต่อไปได้ พวกเขาพิสูจน์ว่าไม่ว่าซาตานจะโจมตีเราอย่างไร เราก็จะเอาชนะมันได้แน่นอน! ห20.07 น. 24 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์
ของขวัญที่พระเจ้าให้คือชีวิตตลอดไปผ่านทางพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเรา—รม. 6:23
พระยะโฮวาอยากให้มนุษย์มีชีวิตตลอดไปบนโลกที่สวยงามที่พระองค์สร้างขึ้น แต่อาดัมกับเอวากบฏต่อพระองค์ บาปและความตายจึงเข้ามาในโลก (รม. 5:12) นี่เลยทำให้ลูกหลานของอาดัมทุกคนต้องตาย (ปฐก. 3:15) พระยะโฮวาทำอย่างไร? พระองค์เตรียมวิธีที่มนุษย์ทุกคนจะได้รับการช่วยให้รอดทันที พระองค์จัดให้มีค่าไถ่เพื่อมนุษย์จะรอดจากบาปและความตาย มนุษย์ทุกคนจึงมีโอกาสเลือกที่จะรับใช้พระองค์และได้รับชีวิตตลอดไป (ยน. 3:16; 1 คร. 15:21, 22) ตอนที่พระยะโฮวาใช้พระเยซูให้ปลุกคนหลายล้านคนให้ฟื้นขึ้นจากตาย เราคาดหมายว่าพระเยซูจะไม่ปลุกทุกคนขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เพราะอะไร? เพราะถ้าคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาพร้อม ๆ กันก็คงจะวุ่นวายน่าดู พระยะโฮวาไม่เคยทำอะไรที่ไม่เป็นระเบียบ และพระองค์รู้ว่าเพื่อมนุษย์จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขก็ต้องมีการจัดระเบียบอย่างดี—1 คร. 14:33 ห20.08 น. 14 ว. 3; น. 15 ว. 5
วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์
เอาใจใส่ตัวคุณและการสอนของคุณให้ดี—1 ทธ. 4:16
นักศึกษาต้องเข้าใจว่าเป้าหมายในการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลก็คือเพื่อเป็นพยานพระยะโฮวา นักศึกษาที่มีหัวใจที่ดีจะก้าวหน้าเป็นขั้น ๆ จนรับบัพติศมาได้ อย่างแรกเขาต้องรู้จักพระยะโฮวา แล้วก็รักและมีความเชื่อในพระองค์ (ยน. 3:16; 17:3) หลังจากนั้นเขาก็จะเริ่มมีความสัมพันธ์กับพระยะโฮวาและสนิทกับพี่น้องในประชาคม (ฮบ. 10:24, 25; ยก. 4:8) จากนั้นเขาจะกลับใจและเลิกทำสิ่งที่ไม่ดี (กจ. 3:19) เขาจะประกาศให้คนอื่นฟังเกี่ยวกับความเชื่อของเขา (2 คร. 4:13) และในที่สุดเขาก็จะอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาและรับบัพติศมา (1 ปต. 3:21; 4:2) วันที่นักศึกษารับบัพติศมาเป็นวันที่เราทุกคนมีความสุขมาก เมื่อเราเห็นนักศึกษากำลังทำแต่ละขั้นตอน ขอให้เราชมเชยและให้กำลังใจเขาเพื่อเขาจะก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นรับบัพติศมา ห20.10 น. 17-18 ว. 12-13
วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์
ถึงเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่มือ ฉันเลยไม่ใช่ส่วนของร่างกายนี้” เท้าก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอยู่ดี—1 คร. 12:15
ถ้าคุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในประชาคม คุณอาจจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า พี่น้องบางคนมีพรสวรรค์ในการสอน เป็นคนบริหารเก่ง หรือพูดให้กำลังใจได้ดี และคุณเองอาจรู้สึกว่าคุณเก่งไม่เท่าเขา จริง ๆ แล้วถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นก็แสดงว่าคุณเจียมตัวและเป็นคนถ่อม (ฟป. 2:3) แต่ต้องระวัง ถ้าคุณชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่เก่ง คุณอาจท้อใจและผิดหวังกับตัวเองได้ เหมือนในตัวอย่างที่เปาโลใช้ คุณอาจถึงกับรู้สึกว่าคุณไม่สำคัญกับประชาคมเลย พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับคริสเตียนในยุคแรกเพื่อพวกเขาจะมีความสามารถพิเศษและทำการอัศจรรย์ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสามารถพิเศษแบบเดียวกัน ถึงอย่างนั้น พวกเขาทุกคนมีค่ามากสำหรับพระองค์ (1 คร. 12:4-11) ในทุกวันนี้พระยะโฮวาไม่ได้ให้พลังบริสุทธิ์เพื่อเราแต่ละคนจะมีความสามารถพิเศษหรือทำการอัศจรรย์ได้เหมือนกับคริสเตียนในยุคแรก แต่หลักการก็ยังเหมือนเดิมคือ ถึงเราจะไม่ได้มีความสามารถหรือพรสวรรค์เหมือนกัน แต่เราทุกคนมีค่ามากสำหรับพระยะโฮวา ห20.08 น. 23 ว. 13-15
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์
พระยะโฮวาอยู่ฝ่ายผม ผมจะไม่กลัวอะไร—สด. 118:6
เมื่อคุณอธิษฐานขอความกล้าจากพระยะโฮวา พระองค์จะตอบคำอธิษฐานและไม่ทิ้งคุณแน่นอน (กจ. 4:29, 31) พระองค์จะอยู่เคียงข้างคุณและคอยช่วยเหลือคุณเสมอ ลองคิดด้วยว่าจนถึงตอนนี้พระยะโฮวาช่วยคุณมาแล้วอย่างไรบ้าง ตอนที่คุณเจอปัญหา พระองค์เคยช่วยคุณให้เอาชนะปัญหาเหล่านั้นและยังให้กำลังกับคุณเพื่อเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต คุณแน่ใจได้ว่าพระเจ้าที่เคยช่วยคนของพระองค์ให้ผ่านทะเลแดงจะช่วยคุณให้เป็นสาวกของพระคริสต์ได้แน่นอน (อพย. 14:13) คุณจะมั่นใจได้เหมือนกับผู้เขียนเพลงสดุดีที่พูดข้อคัมภีร์วันนี้ พระยะโฮวายังช่วยผู้ประกาศใหม่ให้กล้าหาญด้วย ลองดูประสบการณ์ของพี่น้องที่ชื่อโทโมโย ตอนที่เธอไปประกาศตามบ้านครั้งแรก เธอเจอผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนใส่ว่า “ฉันไม่อยากยุ่งกับพวกพยานพระยะโฮวา!” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ปิดประตูใส่หน้าเธอ บ้านนั้นเป็นบ้านแรกที่เธอประกาศแต่เธอก็ไม่รู้สึกกลัวแถมยังพูดกับพี่น้องที่ไปด้วยว่า “เธอได้ยินไหม? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย ผู้หญิงคนนั้นก็รู้แล้วว่าฉันเป็นพยานพระยะโฮวา ฉันดีใจจังเลย” ตอนนี้โทโมโยรับใช้เป็นไพโอเนียร์ประจำ ห20.09 น. 6 ว. 13-14
วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์
อาสาทำสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าของเขาเห็นว่าดีและถูกต้อง—2 พศ. 14:2
กษัตริย์อาสาบอกกับประชาชนว่าพระยะโฮวา “ช่วยให้ [พวกเขา] มีความสงบสุขรอบด้าน” (2 พศ. 14:6, 7) อาสาไม่ได้คิดว่าช่วงเวลาที่สงบสุขเป็นเวลาที่จะพักผ่อน แต่เขาใช้ช่วงเวลานี้เพื่อสร้างเมือง กำแพง หอคอย และประตูเมือง เขาบอกประชาชนว่า “แผ่นดินยังเป็นของพวกเราอยู่” อาสาหมายความว่าอย่างไร? เขาหมายความว่าประชาชนยังสามารถไปไหนมาไหนได้ในแผ่นดินที่พระเจ้าให้พวกเขา และพวกเขาก็ยังสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องมีศัตรูมาขัดขวาง เขาสนับสนุนให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่สงบสุขนี้ อาสาใช้ช่วงเวลาที่สงบสุขเพื่อเสริมกองทัพของเขาให้แข็งแกร่งด้วย (2 พศ. 14:8) นี่หมายความว่าเขาไม่ไว้ใจพระยะโฮวาไหม? ไม่ใช่อย่างนั้น อาสารู้ว่านี่เป็นหน้าที่ของกษัตริย์ที่จะเตรียมประชาชนให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า เขารู้ว่าอาณาจักรยูดาห์จะไม่ได้สงบสุขอย่างนี้ไปตลอด และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ห20.09 น. 15 ว. 4-5
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์
อย่าเลยขอบเขตที่เขียนบอกไว้—1 คร. 4:6
ผู้ดูแลอาจจะหาเหตุผลว่าเขามีสิทธิ์ที่จะตั้งกฎเพื่อปกป้องพี่น้องในประชาคม แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่างกันมากระหว่างอำนาจของผู้ดูแลกับหัวหน้าครอบครัว ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาให้ผู้ดูแลมีหน้าที่ที่จะตัดสินพี่น้องในประชาคม ถ้าพี่น้องคนไหนทำบาปแล้วไม่กลับใจ ผู้ดูแลต้องให้เขาออกจากประชาคม (1 คร. 5:11-13) มีอำนาจบางอย่างที่พระยะโฮวาให้กับหัวหน้าครอบครัวแต่ไม่ได้ให้กับผู้ดูแล ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาให้หัวหน้าครอบครัวมีสิทธิ์ที่จะตั้งกฎและเรียกร้องให้คนในครอบครัวทำตาม (รม. 7:2) เพื่อเป็นตัวอย่าง หัวหน้าครอบครัวมีสิทธิ์ที่จะกำหนดว่าลูกของเขาจะต้องกลับบ้านกี่โมง และถ้าลูกของเขาไม่เชื่อฟัง หัวหน้าครอบครัวก็มีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนลูกของเขา (อฟ. 6:1) และก่อนที่จะตั้งกฎในบ้าน หัวหน้าครอบครัวที่ดีจะปรึกษาภรรยาของตัวเองก่อน เพราะว่าเขาทั้งคู่เป็น “คนคนเดียวกัน”—มธ. 19:6 ห21.02 น. 16-18 ว. 10-13
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์
สติปัญญามีค่ายิ่งกว่าปะการัง ทุกสิ่งที่ลูกอยากได้ยังเทียบกับสติปัญญาไม่ได้เลย—สภษ. 3:15
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีค่ามากก็คือ พระยะโฮวาเปิดเผยความจริงเหล่านี้ให้กับคนถ่อมที่ “เต็มใจตอบรับความจริง” เท่านั้น (กจ. 13:48) คนเหล่านี้ยอมรับว่าทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุมเป็นกลุ่มคนที่พระยะโฮวาใช้ให้สอนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลกับพวกเราในทุกวันนี้ (มธ. 11:25; 24:45) เราไม่มีทางที่จะเข้าใจความจริงเหล่านี้ได้ด้วยความสามารถของเราเอง ไม่มีอะไรมีค่ามากกว่าการที่เราได้เข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิลอีกแล้ว (สภษ. 3:13) พระยะโฮวาให้สิทธิพิเศษกับเราในการสอนความจริงเกี่ยวกับพระองค์และความประสงค์ของพระองค์ (มธ. 24:14) สิ่งที่เราสอนมีค่ามาก เพราะมันช่วยให้ผู้คนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระยะโฮวา และทำให้พวกเขามีโอกาสได้รับชีวิตตลอดไป (1 ทธ. 4:16) ไม่ว่าเราทำได้มากหรือทำได้น้อย เราก็กำลังมีส่วนในการทำงานสำคัญที่สุดที่ทำกันในตอนนี้ (1 ทธ. 2:3, 4) เป็นเกียรติจริง ๆ ที่เราได้เป็นเพื่อนร่วมงานของพระเจ้า—1 คร. 3:9 ห20.09 น. 26-27 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์
พวกเราพบพี่น้องที่นั่น พวกเขาอ้อนวอนเราให้พักอยู่ด้วย—กจ. 28:14
ในช่วงที่เดินทางไปกรุงโรม พระยะโฮวาใช้พี่น้องเพื่อช่วยเปาโลหลายต่อหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น อาริสทาร์คัสกับลูกาเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของเปาโล ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะไปกรุงโรมกับเปาโล ถึงพระเยซูจะไม่ได้รับรองกับพวกเขาเป็นส่วนตัวว่าจะไปถึงกรุงโรมอย่างปลอดภัยและพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง แต่ทั้งสองคนก็ยังยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะไปกับเปาโลอยู่ดี กว่าจะรู้ว่าพวกเขาจะไปถึงโรมอย่างปลอดภัยแน่ ๆ ก็ตอนที่พวกเขาอยู่บนเรือและกำลังเจออันตรายอยู่ ตอนที่ขึ้นฝั่งที่เมืองไซดอน ยูเลียส “อนุญาตให้เปาโลไปหาเพื่อน ๆ เพื่อจะได้รับการดูแลจากพวกเขา” (กจ. 27:1-3) หลังจากนั้นที่เมืองโปทิโอลีเปาโลพูดถึงตัวเขากับเพื่อนสองคนว่า “พวกเราพบพี่น้องที่นั่น พวกเขาอ้อนวอนเราให้พักอยู่ด้วย 7 วัน” เปาโลคงต้องเล่าประสบการณ์ที่ให้กำลังใจให้พี่น้องที่ช่วยดูแลพวกเขาฟัง และนั่นคงต้องทำให้พี่น้องเหล่านั้นมีความสุขมาก ๆ—เทียบกับกิจการ 15:2, 3 ห20.11 น. 15-16 ว. 15-17
วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์
ความเลื่อมใสพระเจ้า . . . จะทำให้เราได้รับพรในชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต—1 ทธ. 4:8
คนที่เป็นพ่อแม่ คุณต้องทำให้ลูกเห็นทั้งจากคำพูดและการกระทำของคุณว่าคุณรักพระยะโฮวามาก ขอให้คุณจำไว้ว่าของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณจะให้ลูกได้ก็คือช่วยเขาให้รักพระยะโฮวา และสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะสอนเขาได้ก็คือช่วยให้เขารู้ว่าเขาจะอ่านคัมภีร์ไบเบิล อธิษฐาน ไปประชุม และไปประกาศเป็นประจำได้อย่างไร (1 ทธ. 6:6) แน่นอนว่าคุณต้องหาสิ่งจำเป็นให้เขา (1 ทธ. 5:8) แต่ขอจำไว้ว่า สิ่งที่จะช่วยเขารอดชีวิตตอนที่โลกของซาตานถึงจุดจบแล้วพาเขาเข้าสู่โลกใหม่ของพระเจ้าก็คือ ความสัมพันธ์ที่เขามีกับพระยะโฮวาไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง (อสค. 7:19) น่าดีใจที่เราได้เห็นพ่อแม่หลายคนเลือกทำสิ่งที่ช่วยให้ลูกของเขาสนิทกับพระยะโฮวา และลูก ๆ ที่โตมาในครอบครัวแบบนี้มักจะได้นิสัยที่ดีติดตัวไปจนโต และพวกเขาไม่เสียใจเลยที่พ่อแม่เลี้ยงพวกเขามาอย่างนี้—สภษ. 10:22 ห20.10 น. 28-29 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์
ท่านจะไม่เจอเรื่องร้าย ๆ อย่างนั้นหรอก—มธ. 16:22
บางครั้งเปโตรก็พูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องมาเสียใจทีหลัง เช่น ตอนที่พระเยซูบอกอัครสาวกว่าท่านจะต้องเจอกับความลำบากหลายอย่างและจะต้องตาย เปโตรก็ทักท้วงท่านเหมือนกับที่ข้อคัมภีร์วันนี้บอก (มธ. 16:21-23) จากนั้นพระเยซูก็บอกเขาว่าเขาคิดแบบนี้ไม่ถูก ต่อมาตอนที่มีกลุ่มคนมาจับพระเยซู เปโตรก็ใจร้อนและชักดาบขึ้นมาตัดหูทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิต (ยน. 18:10, 11) คราวนี้พระเยซูก็ต้องบอกเปโตรอีกครั้งว่าเขาคิดไม่ถูก มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เปโตรอวดว่า ถึงอัครสาวกคนอื่นจะทิ้งพระเยซูไป แต่เขาไม่มีทางจะทำอย่างนั้นเลย (มธ. 26:33) แต่ความมั่นใจของเขาทำให้เขาไม่เห็นจุดอ่อนของตัวเอง เขากลัวหน้าคนและปฏิเสธนายของเขาถึง 3 ครั้ง หลังจากนั้น เปโตรท้อใจมากและ “ออกไปร้องไห้เสียใจอย่างหนัก” (มธ. 26:69-75) เปโตรคงสงสัยว่าพระเยซูจะให้อภัยเขาไหม แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองท้อใจจนเลิกรับใช้พระยะโฮวา หลังจากที่เขาทำผิดพลาดครั้งนั้น เขาก็ยังรับใช้พระยะโฮวาต่อไปและอยู่กับอัครสาวกคนอื่น ๆ—ยน. 21:1-3; กจ. 1:15, 16 ห20.12 น. 20 ว. 17
วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์
ให้พวกคุณที่เป็นสามีอยู่กินกับภรรยาต่อไปด้วยความเข้าใจ ให้เกียรติเธอเหมือนที่คุณทะนุถนอมภาชนะที่บอบบางกว่า—1 ปต. 3:7
หัวหน้าครอบครัวสามารถแสดงความถ่อมได้ในหลาย ๆ วิธี ตัวอย่างเช่น เขาจะไม่คาดหมายจากภรรยากับลูก ๆ มากกว่าที่พวกเขาทำได้และไม่คาดหมายว่าพวกเขาจะไม่ทำผิดพลาดเลย เขาจะฟังและคิดถึงความคิดเห็นของคนในครอบครัวถึงแม้ว่าภรรยากับลูก ๆ จะคิดไม่เหมือนกับเขาก็ตาม นอกจากนั้น สามีที่ถ่อมจะเต็มใจทำงานบ้านถึงแม้ว่าคนแถวบ้านจะมองว่างานพวกนี้เป็นงานของผู้หญิง แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ทำไม? พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อเรเชลบอกว่า “ที่บ้านเกิดของฉัน ถ้าสามีช่วยภรรยาล้างจานหรือถูบ้าน ญาติ ๆ กับคนแถวนั้นก็จะสงสัยว่าเขาเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า พวกเขาจะคิดว่าผู้ชายคนนี้กลัวเมีย” ถ้าคนแถวบ้านคุณก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ให้จำไว้ว่าขนาดพระเยซูก็ยังล้างเท้าให้พวกสาวกของท่านทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่มองว่างานแบบนี้เป็นงานของทาส หัวหน้าครอบครัวที่ดีไม่ได้เป็นห่วงว่าเขาจะดูดีไหม แต่เขาจะห่วงว่าภรรยากับลูกรู้สึกดีและมีความสุขไหม ห21.02 น. 2 ว. 3; น. 4 ว. 11
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์
ที่แน่ ๆ ก็คือ ผมกำลังลืมสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหลังและโน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ผมกำลังมุ่งไปสู่เส้นชัยเพื่อจะได้รางวัล—ฟป. 3:13, 14
ความทรงจำดี ๆ เป็นของขวัญจากพระยะโฮวา แต่ไม่ว่าเมื่อก่อนจะดีแค่ไหน ชีวิตของเราในโลกใหม่จะดีกว่าแน่นอน คนอื่นอาจทำให้เราเจ็บ แต่ถ้าเราเลือกที่จะให้อภัย เราก็จะสนใจที่งานรับใช้พระยะโฮวาได้อย่างเต็มที่ ความรู้สึกผิดมากเกินไปอาจทำให้เรารับใช้พระยะโฮวาอย่างไม่มีความสุข แต่เหมือนกับเปาโล เราต้องเชื่อว่าพระยะโฮวาให้อภัยเราแล้วจริง ๆ (1 ทธ. 1:12-15) เรามีโอกาสที่จะได้อยู่ในโลกใหม่และมีชีวิตตลอดไป และตอนนั้นเราจะไม่นึกถึงสิ่งที่เคยทำให้เราเสียใจ คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงตอนนั้นว่า “จะไม่มีใครจดจำ . . . สิ่งที่ผ่านมาอีกเลย” (อสย. 65:17) ลองคิดดูสิ ตอนนี้ที่เรากำลังรับใช้พระยะโฮวาอยู่ เราก็แก่ลงเรื่อย ๆ แต่ในโลกใหม่เราจะเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง (โยบ 33:25) ดังนั้นให้เราตั้งใจที่จะไม่จมอยู่กับอดีต แต่ให้เรามองไปที่อนาคต และทำทุกอย่างที่เราทำได้ในตอนนี้เพื่อชีวิตในวันข้างหน้า ห20.11 น. 24 ว. 4; น. 29 ว. 18-19
วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์
ผมก็เห็น . . . ชนฝูงใหญ่ . . . พวกเขาตะโกนไม่หยุดว่า “ความรอดมาจากพระเจ้าของเรา . . . และมาจากลูกแกะของพระองค์”—วว. 7:9, 10
จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต? ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ พระยะโฮวาจะปกป้องผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ตอนที่พระองค์ทำให้กษัตริย์ทั่วโลกทำลายบาบิโลนใหญ่ ซึ่งก็คือกลุ่มศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก (วว. 17:16-18; 18:2, 4) หลังจากนั้น พระองค์จะปกป้องคนของพระองค์ตอนที่พระองค์ทำลายส่วนที่เหลือของโลกซาตานในอาร์มาเกดโดน (วว. 16:14, 16) ถ้าเราสนิทกับพระยะโฮวาอยู่เสมอ ซาตานก็ไม่สามารถทำอะไรที่ทำให้เราได้รับผลเสียหายไปตลอด ตัวมันเองนั่นแหละที่จะถูกทำลายตลอดไป (รม. 16:20) ดังนั้นให้คุณใส่เครื่องอาวุธครบชุดจากพระเจ้าและอย่าถอด อย่าพยายามสู้ตัวคนเดียว ให้ช่วยพี่น้องของคุณด้วย และให้ทำตามการชี้นำของพระยะโฮวา ถ้าคุณทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คุณก็มั่นใจได้ว่าพ่อในสวรรค์ที่รักคุณจะให้กำลังคุณและปกป้องคุณ—อสย. 41:10 ห21.03 น. 30 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์
ถ้าพวกเจ้ามีใจที่สงบและวางใจเรา พวกเจ้าก็จะมีความเข้มแข็ง—อสย. 30:15
เราจะแสดงให้เห็นยังไงว่าวางใจพระยะโฮวา? เราทำอย่างนั้นได้โดยทำตามคำแนะนำของพระองค์ มีหลายเรื่องในคัมภีร์ไบเบิลที่ทำให้เห็นว่าความสงบใจและการวางใจพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญมาก ตอนที่คุณศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ให้สังเกตว่าอะไรที่ช่วยผู้รับใช้ของพระเจ้าให้สงบใจได้ตอนที่พวกเขาเจอการต่อต้านอย่างหนัก ตัวอย่างเช่น ตอนที่ศาลสูงสุดของชาวยิวสั่งให้พวกอัครสาวกเลิกประกาศ พวกเขาก็ไม่ได้กลัว แทนที่จะเป็นอย่างนั้นพวกเขาพูดด้วยความกล้าหาญว่า “พวกเราต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์” (กจ. 5:29) และถึงจะถูกเฆี่ยนแต่พวกเขาก็ยังไม่กลัว เพราะอะไร? เพราะพวกเขารู้ว่าพระยะโฮวาอยู่ฝ่ายพวกเขาและพอใจพวกเขา พวกเขาก็เลยประกาศข่าวดีต่อไป (กจ. 5:40-42) สเทเฟนก็เหมือนกัน ถึงเขากำลังจะถูกฆ่าแต่เขาก็ยังสงบนิ่งจนคนอื่นเห็นว่า “หน้าของเขาเหมือนหน้าทูตสวรรค์” (กจ. 6:12-15) แต่ทำไมเขาถึงสงบใจได้ขนาดนั้น? เพราะเขามั่นใจว่าพระยะโฮวาพอใจในตัวเขา ห21.01 น. 4 ว. 10-11
วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์
พวกเขา . . . ได้ซักเสื้อคลุมของตัวเองและทำให้ขาวด้วยเลือดของลูกแกะของพระเจ้า—วว. 7:14
นี่หมายความว่าพวกเขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สะอาด และพระเจ้าพอใจในตัวพวกเขา (อสย. 1:18) พวกเขาเป็นคริสเตียนที่อุทิศตัวและรับบัพติศมาแล้วซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาและแสดงให้เห็นชัดว่ามีความเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซู (ยน. 3:36; 1 ปต. 3:21) พวกเขาเลยยืนอยู่หน้าบัลลังก์ของพระยะโฮวาและ “ทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้พระองค์ทั้งวันทั้งคืน” บนโลกได้ (วว. 7:15) ตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วคนที่ประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าและสอนคนให้เป็นสาวกก็คือชนฝูงใหญ่ พวกเขาทำงานนี้อย่างกระตือรือร้นและให้รัฐบาลของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต (มธ. 6:33; 24:14; 28:19, 20) ชนฝูงใหญ่ที่รอดผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลพวกเขาต่อ ๆ ไปเพราะ “พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์นั้นจะกางเต็นท์ของพระองค์ปกป้องพวกเขา” แกะอื่นรอคอยเวลาที่จะได้เห็นคำสัญญาของพระเจ้าเกิดขึ้นจริงที่บอกว่า “พระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา”—วว. 21:3, 4 ห21.01 น. 16 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์
เราจะให้พลังของเรากับคนทุกประเภท พวกลูกชายลูกสาวของเจ้าจะพยากรณ์—กจ. 2:17
เรามีความสุขมากที่ได้อยู่ในครอบครัวของพระยะโฮวา และเราพยายามนับถือคนที่พระยะโฮวาให้อำนาจเป็นผู้นำ คัมภีร์ไบเบิลทำให้เห็นว่าพระยะโฮวามองว่าผู้หญิงมีค่าเท่ากันกับผู้ชาย ตัวอย่างเช่น ในศตวรรษแรกพระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพื่อให้พวกเขาทำการอัศจรรย์ เช่น พูดภาษาต่าง ๆ ได้ (กจ. 2:1-4, 15-18) และพระองค์ก็เจิมทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ร่วมปกครองกับพระเยซูบนสวรรค์ด้วย (กท. 3:26-29) นอกจากนั้นคนที่มีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลกก็มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง (วว. 7:9, 10, 13-15) และไม่ใช่แค่นั้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถูกมอบหมายให้ประกาศและสอนข่าวดีด้วย (มธ. 28:19, 20) ตัวอย่างเช่น ในหนังสือกิจการพูดถึงพี่น้องหญิงที่ชื่อปริสสิลลาและอะควิลลาสามีของเธอ พวกเขาช่วยอปอลโลผู้ชายที่มีการศึกษาสูงให้เข้าใจพระคัมภีร์ดีขึ้น—กจ. 18:24-26 ห21.02 น. 14 ว. 1; น. 15 ว. 4
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์
ให้พวกคุณเอาใจใส่ตัวเองและฝูงแกะ . . . และให้คอยดูแลประชาคมของพระเจ้า—กจ. 20:28
ผู้ดูแล คุณมีหน้าที่สำคัญที่จะช่วยพี่น้องให้ทำงานรับใช้ได้ดีขึ้น ซึ่งนี่รวมถึงการนำการศึกษาด้วย ถ้ามีพี่น้องชวนคุณไปศึกษาด้วยกัน แต่เขาอายที่จะนำการศึกษา คุณอาจจะช่วยนำแทนเขาก็ได้ นอกจากนั้น ผู้ดูแลยังทำอะไรได้หลายอย่างเพื่อให้กำลังใจผู้นำการศึกษาด้วย (1 ธส. 5:11) ถึงตอนนี้เราจะไม่มีนักศึกษา แต่เราก็ช่วยนักศึกษาของพี่น้องให้ก้าวหน้าจนถึงขั้นรับบัพติศมาได้ ให้เราเตรียมตัวอย่างดีก่อนจะไปศึกษาด้วยกันกับพี่น้อง และในช่วงศึกษา เราก็ช่วยพี่น้องได้แต่ไม่ต้องพูดเยอะเกินไป และตอนที่นักศึกษามาหอประชุม เราก็พยายามไปคุยกับเขา เป็นเพื่อนเขา และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาด้วย ส่วนผู้ดูแลก็สามารถให้กำลังใจนักศึกษาโดยให้เวลากับเขา และผู้ดูแลยังให้กำลังใจผู้นำการศึกษาได้ด้วยโดยฝึกและชมพวกเขา คงมีไม่กี่อย่างที่จะทำให้เรามีความสุขมากไปกว่าการที่เราได้ช่วยคนหนึ่งให้มารักและรับใช้พระยะโฮวา ถึงแม้สิ่งที่เราทำจะเป็นส่วนเล็กน้อยก็ตาม ห21.03 น. 13 ว. 18-19
วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์
คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาจะได้เป็นเพื่อนสนิทของพระองค์—สด. 25:14
ทุก ๆ วันดาวิดทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและไว้ใจได้ เขาตั้งใจดูแลฝูงแกะของพ่ออย่างดี เขาทำอย่างนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่อันตราย ต่อมาเขาเล่าให้ซาอูลฟังว่า “นายท่าน ผมเป็นคนดูแลฝูงแกะให้พ่อ และเมื่อมีสิงโตหรือหมีมาคาบแกะในฝูงไป ผมก็ตามไปจัดการและช่วยแกะไว้ได้ก่อนจะถูกกิน” (1 ซม. 17:34, 35) ดาวิดรู้ว่านี่เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องดูแลฝูงแกะของพ่อ พี่น้องชายวัยรุ่นก็เลียนแบบตัวอย่างของดาวิดได้โดยขยันทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ตอนที่ดาวิดอายุยังน้อย เขาพยายามสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงดาวิดจะเป็นคนกล้าหาญและเล่นดนตรีเก่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการที่เขาเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา พระยะโฮวาไม่ได้เป็นแค่พระเจ้าของดาวิดเท่านั้น แต่พระองค์เป็นเพื่อนสนิทของเขาด้วย พี่น้องชายวัยรุ่น สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณทำได้ก็คือพยายามสนิทกับพระยะโฮวา ห21.03 น. 3 ว. 4-5