มีนาคม
วันอังคารที่ 1 มีนาคม
เมื่อมีคนเกลียดคุณ . . . คุณก็มีความสุข—ลก. 6:22
จริง ๆ แล้วเราไม่ได้อยากให้ใครมาเกลียดเรา และเราก็ไม่ได้ชอบที่ถูกข่มเหงเพราะความเชื่อ ถ้าอย่างนั้นทำไมเรามีความสุขทั้ง ๆ ที่ถูกเกลียด? มี 3 เหตุผล หนึ่ง ถ้าเราอดทน เราจะทำให้พระยะโฮวาพอใจ (1 ปต. 4:13, 14) สอง เราจะมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น (1 ปต. 1:7) และสาม เราจะได้รางวัลคือชีวิตตลอดไป (รม. 2:6, 7) หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายได้ไม่นาน พวกสาวกก็เข้าใจว่าความสุขที่พระเยซูพูดหมายถึงอะไรจริง ๆ พวกเขาถูกเฆี่ยนและถูกสั่งให้เลิกประกาศ แต่พวกเขาก็ยังมีความสุข เป็นไปได้ยังไง? เพราะพวกเขา “ถือว่าที่พวกเขาโดนดูถูกเหยียดหยามเพราะชื่อของพระเยซูนั้นเป็นเกียรติอย่างสูง” (กจ. 5:40-42) พวกเขารักพระเยซูมากกว่ากลัวศัตรูเกลียด และพวกเขาทำให้เห็นอย่างนั้นโดยประกาศข่าวดีทุก ๆ วันไม่หยุด พี่น้องของเราหลายคนในทุกวันนี้ก็รับใช้อย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปถึงแม้ว่าเจอความยากลำบาก พวกเขารู้ว่าพระยะโฮวาจะไม่มีวันลืมงานที่พวกเขาทำและความรักที่พวกเขามีต่อชื่อของพระองค์ ห21.03 น. 25 ว. 18-19
วันพุธที่ 2 มีนาคม
พระองค์ใส่ความคิดเรื่องการมีชีวิตตลอดไปไว้ในใจมนุษย์—ปญจ. 3:11
คริสเตียนผู้ถูกเจิมไม่ได้มีความหวังที่จะไปสวรรค์ตั้งแต่เกิด พระยะโฮวาเป็นผู้ที่ใส่ความหวังนี้ไว้ในหัวใจของพวกเขาทีหลัง พวกเขาคิดถึงความหวังของพวกเขา อธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตั้งตาคอยที่จะได้รับรางวัลในสวรรค์ ถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่าร่างกายในสวรรค์ของพวกเขาจะเป็นแบบไหน แต่พวกเขารอคอยที่จะปกครองในรัฐบาลของพระเจ้าในสวรรค์ (ฟป. 3:20, 21; 1 ยน. 3:2) แกะอื่นรอคอยที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลก ซึ่งปกติมนุษย์ก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว พวกเขารอคอยตอนที่จะได้ช่วยกันเปลี่ยนทั้งโลกให้เป็นสวนอุทยานที่สวยงาม พวกเขาจะได้สร้างบ้านของตัวเอง จะทำสวนสวย ๆ จะได้เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน แล้วตอนนั้นทุกคนจะมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง (อสย. 65:21-23) พวกเขาคิดถึงเวลาที่จะได้สำรวจโลกและได้ไปเที่ยวหลาย ๆ ที่ ได้เข้าป่า ขึ้นภูเขา ลงทะเล และได้ศึกษาสิ่งที่พระเจ้าสร้างซึ่งมีมากมายมหาศาล และสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขที่สุดก็คือ พวกเขาจะได้ใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ห21.01 น. 18-19 ว. 17-18
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม
กษัตริย์ของชาวเคลเดียเผาวิหารของพระเจ้าเที่ยงแท้ . . . และทำลายทุกสิ่งที่มีค่า—2 พศ. 36:19
เมื่อบาบิโลนได้ทำลายแผ่นดินแล้ว ผู้คนก็พูดว่า “มันเป็นที่ที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีคนและสัตว์อยู่เลย และเคยเป็นของชาวเคลเดียมาแล้ว” (ยรม. 32:43) ประมาณ 200 ปีหลังจากที่โยเอลพยากรณ์ พระยะโฮวาให้เยเรมีย์บอกล่วงหน้าเกี่ยวกับรายละเอียดอย่างอื่นของการโจมตีนั้น พระองค์บอกว่าผู้ที่มาโจมตีจะค้นหาชาวอิสราเอลที่ทำสิ่งชั่วและจับพวกเขาทุกคน “พระยะโฮวาบอกว่า ‘เราจะใช้คนไปเรียกชาวประมงมาหลายคน ชาวประมงเหล่านั้นจะหาพวกเขาเหมือนหาปลา แล้วเราจะใช้คนไปเรียกนายพรานมาหลายคน นายพรานเหล่านั้นจะหาพวกเขาตามภูเขาและเนินเขาทุกลูก และตามซอกหินด้วย . . . เราจะตอบแทนความผิดและบาปของพวกเขาให้สาสม’” ไม่ว่าชาวอิสราเอลที่ไม่กลับใจจะหนีไปอยู่ในมหาสมุทรหรือในป่า พวกเขาก็ไม่มีทางหนีพ้นจากกองทัพบาบิโลนได้—ยรม. 16:16, 18 ห20.04 น. 5 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม
โลทยังชักช้าอยู่—ปฐก. 19:16
โลทชักช้าที่จะเชื่อฟังคำสั่งของพระยะโฮวาทั้ง ๆ ที่อยู่ในช่วงคอขาดบาดตาย เราอาจคิดว่าโลทเป็นคนที่ไม่สนใจและไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระยะโฮวา แต่พระองค์ไม่ได้หมดหวังในตัวเขา “พระยะโฮวา . . . รู้สึกสงสารเขา” พระองค์เลยให้ทูตสวรรค์สององค์นั้นคว้ามือโลทกับครอบครัวและพาออกมาจากเมือง (ปฐก. 19:15, 16) คงมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้พระยะโฮวาสงสารโลท เขาอาจลังเลที่จะออกจากบ้านเพราะกลัวคนที่อยู่นอกเมือง อาจมีอันตรายอื่น ๆ อีก เช่น มีบ่อยางมะตอยหลายบ่อในหุบเขาใกล้ ๆ โสโดม และโลทคงรู้เรื่องกษัตริย์สององค์ที่ตกลงไปในนั้น (ปฐก. 14:8-12) โลทเป็นสามีและเป็นพ่อ เขาคงเป็นห่วงครอบครัวมาก นอกจากนั้น โลทเป็นคนร่ำรวย เขาอาจมีบ้านหรูในเมืองโสโดมและเขาคงเสียดายบ้านนั้น (ปฐก. 13:5, 6) ก็จริงที่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ทำตามคำสั่งของพระยะโฮวาทันที แต่พระองค์มองข้ามความผิดพลาดของโลทและมองว่าเขาเป็น “ผู้ซื่อสัตย์”—2 ปต. 2:7, 8 ห20.04 น. 18 ว. 13-14
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม
ท่านมีกองทัพคนหนุ่มเหมือนน้ำค้างยามเช้า—สด. 110:3
พี่น้องชายที่เป็นวัยรุ่น อาจจะมีบางคนที่เห็นคุณมาตั้งแต่เด็ก และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ยังมองว่าคุณยังเด็กอยู่ บางทีอาจต้องใช้เวลาหน่อยกว่าพวกเขาจะมองว่าคุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่คุณมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้มองคุณที่ภายนอก พระองค์รู้ว่าคุณเป็นคนยังไงจริง ๆ และมีความสามารถอะไรบ้าง (1 ซม. 16:7) บทเรียนอีกอย่างก็คือ คุณต้องสนิทกับพระยะโฮวาให้มากขึ้น ดาวิดทำอย่างนั้นโดยสังเกตสิ่งที่พระเจ้าสร้างและคิดว่าสิ่งเหล่านั้นสอนอะไรเกี่ยวกับพระองค์ (สด. 8:3, 4; 139:14; รม. 1:20) นอกจากนั้น ให้คุณขอกำลังจากพระยะโฮวา ตัวอย่างเช่น คุณโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเพราะเป็นพยานฯ ไหม? ถ้าคุณเจออย่างนั้น ให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ขอพระองค์ช่วยคุณให้อดทนได้ และให้คุณทำตามคำแนะนำที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล หนังสือ และวีดีโอต่าง ๆ ขององค์การ ทุกครั้งที่คุณเห็นพระยะโฮวาช่วยคุณ คุณก็จะมั่นใจมากขึ้นว่าพระองค์จะคอยช่วยคุณตลอดไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม และพอคนอื่นเห็นว่าคุณไว้ใจพระยะโฮวา พวกเขาก็จะไว้ใจคุณมากขึ้น ห21.03 น. 4 ว. 7
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม
พระยะโฮวา . . . ชอบคำอธิษฐานของคนซื่อตรง—สภษ. 15:8
เราชอบเล่าความรู้สึกและความคิดให้เพื่อนสนิทฟัง การเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวาเป็นแบบนั้นด้วยไหม? ใช่! พระยะโฮวาพูดกับเราและบอกความคิดความรู้สึกของพระองค์ให้เรารู้ผ่านทางคัมภีร์ไบเบิล เราพูดกับพระยะโฮวาโดยอธิษฐานและบอกความคิดความรู้สึกลึก ๆ ในใจของเรากับพระองค์ได้ พระยะโฮวาเป็นเพื่อนที่รักเรา พระองค์ไม่ใช่แค่ฟังคำอธิษฐานเท่านั้นแต่พระองค์จะตอบเราด้วย บางครั้งคำตอบอาจจะมาอย่างรวดเร็ว บางครั้งเราอาจจะต้องอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้นต่อ ๆ ไป แต่เราก็มั่นใจว่าคำตอบจะมาในเวลาที่เหมาะสมและในวิธีที่ดีที่สุด คำตอบจากพระยะโฮวาอาจจะไม่ตรงกับที่เราคิด เช่น แทนที่พระองค์จะทำให้ปัญหาของเราหมดไป พระองค์อาจให้สติปัญญาและกำลัง ‘เพื่อเราจะทนได้’ (1 คร. 10:13) เราจะแสดงอย่างไรว่าเห็นค่าสิทธิพิเศษในการอธิษฐาน? วิธีหนึ่งก็คือการเชื่อฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาที่ให้ “อธิษฐานเป็นประจำ”—1 ธส. 5:17 ห20.05 น. 27-28 ว. 7-8
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม
คนที่อดทนจนถึงที่สุดจะได้รับการช่วยให้รอด—มธ. 24:13
ในการวิ่งแข่งระยะไกล นักวิ่งต้องมองทางข้างหน้าตลอดเพื่อเขาจะไม่สะดุด ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่นักวิ่งอาจจะเกี่ยวขากันโดยไม่ตั้งใจหรือวิ่งสะดุดพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แต่ถ้าเขาล้ม เขาจะลุกแล้วรีบวิ่งต่อ เขาไม่สนใจว่าอะไรทำให้เขาสะดุดแต่สนใจที่เส้นชัยและรางวัล ในการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต เราอาจสะดุดล้มเองหลายครั้ง เราอาจทำผิดทั้งโดยคำพูดและการกระทำของเรา นอกจากนั้น พี่น้องที่วิ่งด้วยกันกับเราก็อาจทำให้เราสะดุดล้มด้วยโดยทำผิดกับเราและทำให้เราเจ็บ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เราทุกคนเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบและเรากำลังวิ่งในทางแคบที่นำไปถึงชีวิตด้วยกัน ตอนวิ่งเราอาจชนกันโดยไม่ตั้งใจ พี่น้องอาจทำให้เราโกรธหรือเราอาจทำให้เขารู้สึกไม่ดีก็ได้ (คส. 3:13) แทนที่จะสนใจว่าอะไรทำให้เราสะดุด ให้เราสนใจรางวัลข้างหน้า ลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไป เพราะถ้าเราไม่ทำแบบนั้น ถ้าเราโกรธไม่หายและไม่ยอมลุกขึ้น เราก็จะไม่ถึงเส้นชัยและไม่ได้รางวัล ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าเรายังล้มอยู่ตรงนั้น เราก็จะขวางคนอื่นที่กำลังพยายามวิ่งในทางแคบที่นำไปถึงชีวิต ห20.04 น. 26 ว. 1; น. 28 ว. 8-9
วันอังคารที่ 8 มีนาคม
รัฐบาลนี้จะทำลายอาณาจักรทั้งหมดนั้นให้สูญสิ้นไป—ดนล. 2:44
คำพยากรณ์ในดาเนียลพูดถึงรูปปั้นมหึมาที่ทำมาจากโลหะชนิดต่าง ๆ แต่ละส่วนของรูปปั้นนี้หมายถึงรัฐบาลต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลกับคนของพระเจ้า รัฐบาลเหล่านี้ปกครองในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ส่วนเท้าซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของรูปปั้นนี้ทำมาจากเหล็กและดินเหนียวหมายถึงมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกา คำพยากรณ์นี้แสดงว่ามหาอำนาจนี้จะยังปกครองอยู่ตอนที่รัฐบาลของพระเจ้ามาทำลายรัฐบาลทั้งหมดของมนุษย์ อัครสาวกยอห์นพูดถึงมหาอำนาจโลกต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลกับคนของพระเจ้าด้วย เขาเปรียบเทียบรัฐบาลเหล่านั้นกับสัตว์ร้ายที่มีเจ็ดหัว หัวที่เจ็ดของสัตว์ร้ายหมายถึงมหาอำนาจอังกฤษ-อเมริกา เรื่องนี้สำคัญอย่างไร? เพราะสัตว์ร้ายตัวนี้มีแค่เจ็ดหัวเท่านั้น ไม่มีหัวที่แปดงอกขึ้นมา หัวที่เจ็ดของสัตว์ร้ายยังมีอำนาจอยู่ตอนที่พระคริสต์และกองทัพสวรรค์ของท่านมาทำลายหัวนั้นพร้อมกับส่วนที่เหลือของสัตว์ร้ายตัวนี้—วว. 13:1, 2; 17:13, 14 ห20.05 น. 14 ว. 11-12
วันพุธที่ 9 มีนาคม
พระเจ้าเป็นความรัก—1 ยน. 4:8
ประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ นี้ทำให้เรานึกถึงความจริงสำคัญที่ว่า ชีวิตมาจากพระเจ้าและความรักก็เช่นกัน พระยะโฮวารักเรามาก ความรักของพระองค์ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย มีความสุข และทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย สำหรับคริสเตียนการแสดงความรักเป็นกฎหมาย ไม่ใช่สิ่งที่จะมาเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ (มธ. 22:37-40) เมื่อเรารู้จักพระยะโฮวาอย่างดีก็อาจง่ายที่เราจะเชื่อฟังกฎหมายข้อแรก เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์แบบ พระองค์อ่อนโยนและคิดถึงความรู้สึกของเรา แต่เราอาจจะรู้สึกว่าการเชื่อฟังกฎหมายข้อที่สองเป็นเรื่องยากเพราะพี่น้องของเราไม่สมบูรณ์แบบ และบางครั้งพวกเขาก็พูดหรือทำอะไรที่ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกของเราเท่าไหร่ พระยะโฮวารู้ว่าเราอาจจะเจอปัญหาแบบนี้ พระองค์ก็เลยให้บางคนเขียนคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลว่าทำไมถึงสำคัญที่เราจะแสดงความรักและเราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร คนหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือยอห์น—1 ยน. 3:11, 12 ห21.01 น. 8 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อซาตานจะไม่ชนะเรา—2 คร. 2:11
ไม่ว่าเราจะเพิ่งรับใช้พระยะโฮวาหรือรับใช้พระองค์มานานแค่ไหนแล้วก็ตาม ให้เราถามตัวเองว่า ‘ฉันกำลังพยายามต่อสู้กับซาตานเพื่อจะรักสิ่งที่ถูกต้องหมดหัวใจไหม?’ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณดูทีวีหรือเล่นอินเทอร์เน็ตและเห็นภาพที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ คุณจะทำอย่างไร? คุณอาจจะเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่คุณเห็นไม่ใช่ภาพโป๊หรือหนังโป๊สักหน่อย แต่มันจะเป็นไปได้ไหมที่นั่นอาจจะเป็นเครื่องมือที่ซาตานใช้เพื่อทำให้คุณไม่รักสิ่งที่ถูกต้องหมดหัวใจแต่แบ่งไปให้อย่างอื่น? ภาพเหล่านั้นเปรียบเหมือนขวานที่ผู้ชายคนหนึ่งใช้ผ่าฟืน ครั้งแรกที่เขาจามขวานลงไปที่ฟืนมันอาจยังไม่ลึกเท่าไร แล้วเขาก็จามขวานลงไปอีกหลายครั้ง จนฟืนขาดเป็นสองท่อน คุณคิดว่ามันเหมือนกับภาพที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศไหม? ตอนแรกการมองภาพเหล่านั้นอาจดูไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร แต่ทีหลังมันอาจทำให้เราไม่ได้รักสิ่งที่ถูกต้องหมดหัวใจแต่แบ่งไปให้อย่างอื่นเหมือนกับฟืนที่ถูกผ่าออกเป็นสองท่อน และในที่สุดมันอาจทำให้เราทำผิดต่อพระยะโฮวา ดังนั้นอย่าปล่อยให้อะไรก็ตามที่ไม่ดีเข้ามาในหัวใจของคุณ ขอให้คุณพยายามต่อ ๆ ไปที่จะเกรงกลัวชื่อของพระยะโฮวาหมดหัวใจ ห20.06 น. 11-12 ว. 14-15
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม
อดทนกับความอ่อนแอของคนที่ยังไม่เข้มแข็ง—รม. 15:1
เราต้องช่วยคนที่เลิกประชุมเลิกประกาศแล้วต่อ ๆ ไป เหมือนกับตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องลูกที่หลงหาย พวกเขาอาจจะยังมีบาดแผลในใจที่ต้องใช้เวลารักษาให้หาย (ลก. 15:17-24) นอกจากนั้นสิ่งที่เจอในโลกของซาตานก็ทำให้เขาอ่อนแอและไม่สนิทกับพระยะโฮวาเหมือนเมื่อก่อน เราต้องช่วยพวกเขาให้มีความเชื่อในพระยะโฮวามากขึ้น ในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องแกะที่หลงหาย คนเลี้ยงแกะจะใช้เวลาและความพยายามมากในการตามหามัน แต่พอเขาเจอแกะแล้ว เขารู้ว่าแกะไม่มีแรงพอที่จะกลับมาที่ฝูงด้วยตัวมันเองแน่ ๆ เขาเลยเอามันแบกใส่บ่ากลับมา (ลก. 15:4, 5) เหมือนกัน เราอาจต้องใช้เวลาและความพยายามมากเพื่อจะช่วยคนที่เลิกประชุมเลิกประกาศให้เอาชนะปัญหาที่รู้สึกว่ายากที่จะกลับมารับใช้พระยะโฮวา และเรายังมีพลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิล หนังสือต่าง ๆ ขององค์การที่ช่วยเราให้ช่วยเขาให้กลับมารับใช้พระยะโฮวาได้อีกครั้ง ถ้าผู้ดูแลมาขอคุณให้ศึกษากับคนที่เลิกประชุมเลิกประกาศ ขอให้มองว่านี่เป็นสิทธิพิเศษ ห20.06 น. 28 ว. 14-15
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม
ทุกคนจะรู้ว่าพวกคุณเป็นสาวกของผม เมื่อพวกคุณรักกัน—ยน. 13:35
ถ้าเราอยากพิสูจน์ว่าเราเป็นคริสเตียนแท้ เราต้องแสดงความรัก แต่เราก็ต้องมี “ความรู้ที่ถูกต้องและความเข้าใจลึกซึ้ง” ด้วย (ฟป. 1:9) ไม่อย่างนั้นเราอาจจะ “คล้อยตามคำสอนผิด ๆ และอุบายล่อลวงของมนุษย์” ซึ่งอาจจะมาจากคนที่ทรยศพระเจ้าด้วย (อฟ. 4:14) ถึงจะมีสาวกหลายคนที่เลิกติดตามพระเยซู แต่อัครสาวกเปโตรก็ยังพูดด้วยความมั่นใจว่าพระเยซูมี “คำสอนที่ให้ชีวิตตลอดไป” (ยอห์น 6:67, 68) ถึงตอนนั้นเปโตรไม่ได้เข้าใจคำสอนของพระเยซูทุกอย่าง แต่เขาก็ยังภักดีและไม่ทิ้งท่านเพราะเขามั่นใจว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ คุณก็เหมือนกัน คุณก็สามารถทำบางอย่างเพื่อจะมั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนเป็นความจริง ถ้าคุณทำอย่างนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็จะมีความเชื่อที่เข้มแข็งและคุณจะช่วยคนอื่นให้มีความเชื่อที่เข้มแข็งได้เหมือนกัน—2 ยน. 1, 2 ห20.07 น. 8 ว. 2; น. 13 ว. 18
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม
ลูก ๆ ที่รัก อย่าให้เรารักด้วยลมปากเท่านั้น แต่ให้รักด้วยการกระทำและด้วยความจริงใจ—1 ยน. 3:18
เพื่อเราจะช่วยพี่น้องให้ใช้ชีวิตตามความจริงต่อ ๆ ไป เราต้องเห็นอกเห็นใจพวกเขา (1 ยน. 3:10, 11, 16, 17) เราต้องรักกันไม่ใช่แค่ตอนที่ทุกอย่างไปได้สวยเท่านั้นแต่ตอนที่มีปัญหาด้วย ตัวอย่างเช่น คุณรู้จักใครไหมที่คนที่เขารักตายจากไปและต้องการกำลังใจกับความช่วยเหลือที่จำเป็น? หรือคุณรู้จักพี่น้องที่ไหนไหมที่ต้องการความช่วยเหลือเพราะเจอภัยธรรมชาติและต้องสูญเสียหลายอย่าง เช่น พวกเขาอาจต้องการความช่วยเหลือในการสร้างหอประชุมใหม่หรือสร้างบ้านของพวกเขา? เราจะแสดงให้เห็นว่าเรารักและเห็นอกเห็นใจพี่น้องของเรามากขนาดไหน ไม่ใช่แค่จากสิ่งที่เราพูดเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือจากสิ่งที่เราทำด้วย ถ้าเรารักกัน เราก็กำลังเลียนแบบพระยะโฮวาพ่อบนสวรรค์ที่รักเรา (1 ยน. 4:7, 8) วิธีสำคัญอย่างหนึ่งที่เราจะแสดงว่ารักกันก็คือให้อภัยกันและกัน ตัวอย่างเช่น ถ้ามีพี่น้องมาทำให้เราเสียใจ แล้วทีหลังก็มาขอโทษ เราจะแสดงความรักกับเขาโดยยกโทษให้เขาและลืมสิ่งที่เขาทำ—คส. 3:13 ห20.07 น. 24 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม
ทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย—กจ. 24:15
เราจะต้องนำการศึกษาคนที่ฟื้นขึ้นจากตายทีละคนเหมือนกับที่เราทำกันในตอนนี้ไหม? แล้วคนใหม่ ๆ เหล่านี้จะถูกมอบหมายให้อยู่ตามประชาคมและจะต้องถูกฝึกเพื่อพวกเขาจะไปสอนคนอื่นที่ฟื้นขึ้นจากตายหลังพวกเขาด้วยไหม? เราต้องรอดูกันต่อไป แต่ที่เรารู้ก็คือหลังจากสมัยพันปี “ความรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาจะมีเต็มโลก” แสดงว่าในสมัยพันปีเราต้องมีงานมากมายที่ทำให้เรามีความสุขจริง ๆ (อสย. 11:9) ในสมัยพันปี คนของพระยะโฮวายังต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองต่อไปเพื่อทำให้พระองค์พอใจ ดังนั้น ตอนที่คนของพระยะโฮวาพยายามช่วยคนที่ฟื้นขึ้นจากตาย พวกเขาก็จะเห็นอกเห็นใจคนที่กำลังต่อสู้กับความคิดและความต้องการผิด ๆ เพื่อจะทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา (1 ปต. 3:8) คนที่ฟื้นขึ้นจากตายจะเห็นว่าคนของพระยะโฮวาเป็นคนถ่อมและยังพยายาม “ทำทุกอย่าง . . . เพื่อจะได้รับความรอด” นี่ทำให้พวกเขาอยากมานมัสการพระยะโฮวาด้วยกันกับคนของพระองค์—ฟป. 2:12 ห20.08 น. 16 ว. 6-7
วันอังคารที่ 15 มีนาคม
ให้แต่ละคนตรวจสอบดูสิ่งที่ตัวเองทำ . . . และอย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น—กท. 6:4
ถ้าเราทำตามคำแนะนำของเปาโลและหันกลับมามองตัวเอง เราอาจจะเห็นว่าเราก็มีพรสวรรค์และความสามารถอยู่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ดูแลคนหนึ่งอาจจะไม่ได้สอนบนเวทีเก่ง แต่ก็อาจจะสอนนักศึกษาเก่งและช่วยหลายคนให้เข้ามาเป็นสาวก หรือเขาอาจจะไม่ได้บริหารเรื่องต่าง ๆ ในประชาคมได้ดีเหมือนผู้ดูแลคนอื่น แต่เขาก็เป็นคนอ่อนโยน เวลาพี่น้องมีปัญหาก็ชอบไปปรึกษาเขาเพราะเขาเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย หรือเขาอาจจะเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้ดูแลที่มีน้ำใจ (ฮบ. 13:2, 16) พอเราเห็นว่าตัวเองก็มีจุดเด่นและมีความสามารถด้วย เราน่าจะรู้สึกดีกับตัวเองที่ได้รู้ว่าเราก็สามารถช่วยประชาคมได้ด้วยเหมือนกัน และเราจะไม่อิจฉาพี่น้องที่มีความสามารถอย่างอื่นที่เราไม่มี ไม่ว่าเราจะมีบทบาทอะไรในประชาคม เราทุกคนก็ต้องพัฒนาความสามารถในการรับใช้ของตัวเอง ห20.08 น. 24 ว. 16-18
วันพุธที่ 16 มีนาคม
ผมก็เห็น . . . ชนฝูงใหญ่ที่ไม่มีใครนับจำนวนได้—วว. 7:9
ในปี 1935 พี่น้องโจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ดได้บรรยายเรื่อง “มหาชนหมู่ใหญ่” ที่การประชุมใหญ่ในวอชิงตัน ดี. ซี. สหรัฐอเมริกา ในคำบรรยายนั้นพี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดอธิบายว่า “มหาชนหมู่ใหญ่” หรือ “ชนฝูงใหญ่” ที่พูดถึงในวิวรณ์ 7:9 เป็นใคร นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเคยเข้าใจว่าชนฝูงใหญ่เป็นชนฝ่ายสวรรค์อันดับรอง พวกเขาจะได้ขึ้นสวรรค์แต่จะไม่ได้ปกครองกับพระเยซูเพราะพวกเขาซื่อสัตย์น้อยกว่า แต่พี่น้องรัทเทอร์ฟอร์ดได้ใช้ข้อคัมภีร์หลายข้อเพื่ออธิบายว่าจริง ๆ แล้วชนฝูงใหญ่ไม่ได้ถูกเลือกให้ไปสวรรค์ แต่พวกเขาเป็นแกะอื่นของพระคริสต์ที่จะผ่าน “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” และมีชีวิตตลอดไปบนโลก (วว. 7:14) พระเยซูเคยบอกว่า “ผมยังมีแกะอื่นที่ไม่ได้อยู่ในคอกนี้ ผมต้องพาแกะพวกนั้นเข้ามาด้วย แกะพวกนั้นจะฟังเสียงของผม ทั้งหมดจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีคนเลี้ยงคนเดียว” (ยน. 10:16) คนที่เป็นเหมือนแกะเหล่านี้คือพยานที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาที่มีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปในสวนอุทยานบนโลก—มธ. 25:31-33, 46 ห21.01 น. 14 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม
ทุกคนจะเกลียดชังคุณเพราะคุณเป็นสาวกของผม แต่คนที่อดทนจนถึงที่สุดจะได้รับการช่วยให้รอด—มธ. 10:22
ถ้าเราอยากจะอดทนจนถึงที่สุดและทำงานประกาศของเราให้สำเร็จ เราก็ต้องเป็นคนมีวินัยกับตัวเอง (มธ. 28:19, 20) เราไม่ได้เป็นคนมีวินัยตั้งแต่เกิด และปกติแล้วเรามักจะชอบทำอะไรที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่หลายครั้งเรื่องที่สำคัญในชีวิตก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ฉะนั้นเราต้องมีการควบคุมตัวเองเพื่อจะเป็นคนมีวินัย และเพื่อเราจะทำสิ่งที่รู้สึกว่าทำได้ยาก เราต้องให้พระยะโฮวาช่วย พระองค์จะช่วยโดยให้พลังบริสุทธิ์กับเรา (กท. 5:22, 23) อัครสาวกเปาโลเป็นคนมีวินัย แต่เขาก็ยอมรับว่า เพื่อจะทำสิ่งที่ถูกต้อง เขาต้อง “ฝึกฝนร่างกายอย่างหนักจนควบคุมได้” (1 คร. 9:25-27) เปาโลกระตุ้นคนอื่นให้เป็นคนมีวินัยและ “ให้ทำทุกสิ่งอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบเรียบร้อย” (1 คร. 14:40) เพื่อเราจะนมัสการพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป เราก็ต้องมีวินัยกับตัวเอง เช่น เราต้องไปประกาศเป็นประจำ—กจ. 2:46 ห20.09 น. 6-7 ว. 15-17
วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม
จะต้องมีการประกาศข่าวดีกับคนทุกชาติ—มก. 13:10
ในทุกวันนี้พยานพระยะโฮวาในหลายประเทศสามารถประกาศและนมัสการพระยะโฮวาอย่างอิสระ คุณอยู่ในประเทศที่เป็นแบบนั้นไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้นให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันใช้อิสระนี้ยังไง?’ สมัยสุดท้ายเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับคนของพระยะโฮวา เพราะเรากำลังยุ่งอยู่กับงานประกาศและงานสอนทั่วโลกที่มีให้ทำเยอะมากกว่าสมัยไหน ๆ ที่ผ่านมา มีงานมากมายให้เราทำจริง ๆ คุณจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่สงบสุขได้อย่างไรบ้าง? (2 ทธ. 4:2) ขอลองคิดดูว่าเป็นไปได้ไหมที่ตัวคุณเองอาจจะปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อคุณหรือคนในครอบครัวสักคนจะสามารถรับใช้ได้มากขึ้น บางทีอาจจะถึงกับเป็นไพโอเนียร์ด้วยซ้ำ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เพราะในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ เงินทองหรือสิ่งของที่เราหามาก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย (สภษ. 11:4; มธ. 6:31-33; 1 ยน. 2:15-17) พี่น้องหลายคนเรียนภาษาใหม่เพื่อช่วยคนอื่นให้รู้จักพระยะโฮวา องค์การก็สนับสนุนเรื่องนี้โดยให้มีการผลิตหนังสือและสื่อต่าง ๆ ในมากกว่า 1,000 ภาษา! ห20.09 น. 16 ว. 9-11
วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม
ให้คุณสู้ต่อไปในสงครามเพื่อความถูกต้อง—1 ทธ. 1:18
ทหารที่ดีจะเป็นคนภักดี เขาจะต่อสู้เพื่อปกป้องคนที่เขารักและสิ่งที่เขามองว่ามีค่า เปาโลบอกให้ทิโมธีพยายามมีความเลื่อมใสพระเจ้ามากขึ้น ความเลื่อมใสพระเจ้าคือการแสดงความนับถือและภักดีต่อพระเจ้า (1 ทธ. 4:7) ยิ่งเรารักและเลื่อมใสพระเจ้ามากขึ้น เราก็จะยิ่งอยากยึดมั่นกับความจริงมากขึ้น (1 ทธ. 4:8-10; 6:6) ทหารที่ดีต้องมีวินัยกับตัวเองด้วยถ้าเขาอยากจะพร้อมรบ ทิโมธีก็พร้อมที่จะสู้กับอิทธิพลที่ไม่ดีของซาตานเพราะเขาทำตามคำแนะนำที่เปาโลบอกให้สู้กับความต้องการผิด ๆ ปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีต่าง ๆ และใช้เวลากับพี่น้อง เพื่อจะทำอย่างนั้นได้เขาต้องมีวินัยและควบคุมตัวเอง (2 ทธ. 2:22) ตอนนี้เราก็กำลังทำสงครามเหมือนกัน เรากำลังต่อสู้กับความต้องการผิด ๆ ถ้าเราอยากจะเอาชนะมันได้ เราต้องมีวินัยและควบคุมตัวเอง (รม. 7:21-25) นอกจากนั้น ตอนที่เราพยายามทิ้งลักษณะนิสัยเก่าและปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่ เราก็ต้องมีวินัยและควบคุมตัวเอง (อฟ. 4:22, 24) และตอนที่เรารู้สึกเหนื่อยมาทั้งวัน เราก็อาจจะต้องเข็นตัวเองให้ไปประชุม—ฮบ. 10:24, 25 ห20.09 น. 28 ว. 9-11
วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม
ผมตั้งใจจะทำตามข้อกำหนดของพระองค์ ตลอดชีวิตจนกว่าผมจะตาย—สด. 119:112
เราต้องอดทนตอนที่ช่วยนักศึกษาให้ก้าวหน้าจนอุทิศตัวและรับบัพติศมา เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งเราต้องรู้ด้วยว่านักศึกษาอยากจะรับใช้พระยะโฮวาหรือเปล่า มีอะไรบ้างไหมที่ทำให้คุณเห็นว่านักศึกษาพยายามเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซู? หรือเขาศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเพียงแค่เพราะเขาชอบความรู้ในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น? ขอให้คุณเช็กความก้าวหน้าของนักศึกษาเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น เขาพูดบ้างไหมว่าเขารู้สึกอย่างไรกับพระยะโฮวา? เขาอธิษฐานถึงพระยะโฮวาบ้างไหม? (สด. 116:1, 2) เขาชอบอ่านคัมภีร์ไบเบิลไหม? (สด. 119:97) เขาไปประชุมเป็นประจำไหม? (สด. 22:22) เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองตามสิ่งที่เขาได้เรียนบ้างไหม? เขาเคยเล่าสิ่งที่เขาได้เรียนให้คนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ฟังไหม? (สด. 9:1) และที่สำคัญที่สุดเขาอยากเป็นพยานพระยะโฮวาไหม? (สด. 40:8) ถ้านักศึกษาไม่ได้ทำสิ่งที่ว่ามานี้ ให้ลองดูว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ทำและค่อย ๆ คุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา ห20.10 น. 18 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม
พระองค์ที่ใช้ผมมานั้นอยู่กับผม พระองค์ไม่ทิ้งผมไว้ให้อยู่คนเดียว เพราะผมทำสิ่งที่พระองค์ชอบเสมอ—ยน. 8:29
พ่อบนสวรรค์ของพระเยซูตัดสินใจถูกต้องเสมอและพ่อแม่ของท่านก็ตัดสินใจอย่างฉลาดด้วย แต่พอพระเยซูโตขึ้นท่านก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เหมือนกับเราพระเยซูก็มีอิสระในการเลือก (กท. 6:5) ท่านอาจจะเลือกทำตามใจตัวเองก็ได้แต่ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น ท่านเลือกที่จะทำตามความต้องการของพระเจ้าและรักษาความสัมพันธ์กับพระองค์ให้ดีเสมอ พอพระเยซูรู้ว่าพระยะโฮวาอยากให้ท่านทำอะไร ท่านก็เชื่อฟังพระองค์ (ยน. 6:38) ท่านรู้ว่าจะมีหลายคนเกลียดท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ได้อยากจะเจออะไรแบบนี้แต่ท่านก็เลือกที่จะเชื่อฟังพระยะโฮวา และตอนที่ท่านรับบัพติศมาปี ค.ศ. 29 สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับท่านก็คือการทำตามความต้องการของพระยะโฮวา (ฮบ. 10:5-7) แม้แต่ตอนที่ท่านอยู่บนเสาทรมานกำลังจะตายแล้ว ท่านก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะทำตามความประสงค์ของพ่อของท่าน—ยน. 19:30 ห20.10 น. 29 ว. 12; น. 30 ว. 15
วันอังคารที่ 22 มีนาคม
เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย—ฮบ. 13:5
มีใครในประชาคมของคุณไหมที่กำลังรู้สึกทุกข์หรือท้อใจเพราะความเจ็บป่วยหรือปัญหาอื่น ๆ? หรือมีใครไหมที่เพิ่งเสียคนที่รักไป? ถ้าเรารู้ว่ามีใครที่ต้องการความช่วยเหลือ เราสามารถขอพระยะโฮวาให้ช่วยเราพูดหรือทำอะไรดี ๆ บางอย่างเพื่อให้กำลังใจคนนั้นได้ บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่พี่น้องของเราต้องการอยู่พอดี (1 ปต. 4:10) เรารู้ว่าเรายังมีกำลังใจได้เพราะพระยะโฮวาอยู่กับเรา พระองค์ใช้พระเยซูและพวกทูตสวรรค์ให้ช่วยเรา นอกจากนั้น พระยะโฮวายังสามารถใช้คนที่มีอำนาจให้ทำตามที่พระองค์ต้องการเพื่อช่วยเราได้ และอย่างที่พวกเราหลายคนเคยเจอกับตัวเอง พระยะโฮวาใช้พลังบริสุทธิ์กระตุ้นให้พี่น้องช่วยเรา ดังนั้น เหมือนกับเปาโล เราพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือผม ผมจะไม่กลัวอะไร มนุษย์จะทำอะไรผมได้?”—ฮบ. 13:6 ห20.11 น. 17 ว. 19-20
วันพุธที่ 23 มีนาคม
ถ้าพวกเจ้ามีใจที่สงบและวางใจเรา พวกเจ้าก็จะมีความเข้มแข็ง—อสย. 30:15
พวกอัครสาวกมั่นใจว่าพระยะโฮวาอยู่กับพวกเขา เพราะพวกเขาได้พลังจากพระองค์และทำการอัศจรรย์ได้ (กจ. 5:12-16; 6:8) ถึงพระยะโฮวาไม่ได้ทำอย่างนั้นกับเราในตอนนี้ แต่พระองค์ก็รับรองกับเราในคัมภีร์ไบเบิลว่าเมื่อเราทนทุกข์เพราะทำสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์ก็พอใจในตัวเราและจะให้พลังของพระองค์กับเรา (1 ปต. 3:14; 4:14) แทนที่จะมัวแต่กังวลว่าจะทำอย่างไรถ้าเจอการข่มเหงหนักในอนาคต เราน่าจะพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้ตอนนี้เพื่อจะมั่นใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาสามารถช่วยเราและคุ้มครองเราได้จริง ๆ เราต้องวางใจในคำสัญญาของพระเยซู ท่านสัญญาว่า “ผมจะให้คุณมีสติปัญญาและรู้ว่าจะพูดอะไรจนพวกที่รวมหัวกันต่อต้านคุณจะคัดค้านหรือโต้แย้งไม่ได้” และพระเยซูรับรองกับเราด้วยว่า “ให้อดทนจนถึงที่สุด แล้วคุณจะได้ชีวิต” (ลก. 21:12-19) และขออย่าลืมว่าพระยะโฮวาจำรายละเอียดทั้งหมดของผู้รับใช้ที่ตายอย่างซื่อสัตย์แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยที่สุดของพวกเขา ฉะนั้น พระองค์จะปลุกพวกเขาแน่ ๆ ห21.01 น. 4 ว. 12
วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม
ผมมีความหวังในพระเจ้า . . . คือทั้งคนดีและคนชั่วจะฟื้นขึ้นจากตาย—กจ. 24:15
เปาโลไม่ใช่คนแรกที่พูดถึงความหวังเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย โยบก็เคยพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน เขามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะคิดถึงเขาและปลุกเขาให้มีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง (โยบ 14:7-10, 12-15) “การฟื้นขึ้นจากตาย” เป็นส่วนของ “หลักคำสอนเบื้องต้น” หรือ “รากฐาน” ของคำสอนทั้งหมดของคริสเตียน (ฮบ. 6:1, 2) เปาโลพูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายใน 1 โครินธ์บท 15 สิ่งที่เขาเขียนต้องให้กำลังใจพี่น้องคริสเตียนในสมัยนั้นแน่ ๆ และจะให้กำลังใจเราทุกคนด้วย นอกจากนั้นมันจะช่วยให้เรามั่นใจว่าความหวังที่พวกเรารอคอยมานานจะเกิดขึ้นจริงแน่นอน การฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซูทำให้เรามั่นใจว่าคนที่เรารักจะฟื้นขึ้นจากตาย นี่เป็น “ข่าวดี” เรื่องหนึ่งที่เปาโลประกาศให้คนในโครินธ์ฟัง (1 คร. 15:1, 2) ถ้าคริสเตียนคนไหนไม่เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายของพระเยซู ความเชื่อของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย—1 คร. 15:17 ห20.12 น. 2 ว. 2-4
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม
แล้วเปโตรก็นึกถึงคำพูดของพระเยซูที่ว่า “ก่อนไก่ขัน คุณจะปฏิเสธผมถึง 3 ครั้ง” เขาจึงออกไปร้องไห้เสียใจอย่างหนัก—มธ. 26:75
อะไรช่วยเปโตรให้ดีขึ้น? เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้พระเยซูอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยให้ความเชื่อของเขาไม่หมดไป พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานนั้น หลังจากนั้นพระเยซูไปหาเปโตรเป็นส่วนตัว ท่านคงทำอย่างนี้เพื่อให้กำลังใจเขา (ลก. 22:32; 24:33, 34; 1 คร. 15:5) ต่อมาตอนที่พวกอัครสาวกพยายามจับปลาทั้งคืนแต่ก็ได้อะไรเลย พระเยซูก็มาปรากฏตัวกับพวกเขา และท่านให้โอกาสเปโตรบอกว่าเขารักท่านมากแค่ ไหน พระเยซูให้อภัยเพื่อนรักของท่านและให้งานกับเขามากขึ้นอีก (ยน. 21:15-17) วิธีที่พระเยซูปฏิบัติกับเปโตรแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าท่านเมตตาเขามากและท่านเลียนแบบพ่อของท่านได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นตอนที่เราทำผิดพลาด เราไม่ควรคิดว่าพระยะโฮวาไม่มีทางให้อภัยเราแน่ ๆ อย่าลืมว่าซาตานอยากให้เรารู้สึกแบบนั้น แต่ขอให้เรามองตัวเองกับคนที่ทำผิดต่อเราเหมือนที่พระยะโฮวามอง พระองค์รักเรา เข้าใจขีดจำกัดของเรา และอยากให้อภัยเรา เราก็ควรทำแบบนั้นเหมือนกันตอนที่มีคนมาทำให้เราเสียใจ—สด. 103:13, 14 ห20.12 น. 20-21 ว. 17-19
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม
ผมก็ยังมั่นใจในพระองค์—สด. 27:3
เราสามารถเรียนจากตัวอย่างของคนที่ไม่สงบใจและไม่วางใจพระยะโฮวาได้ด้วย ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้เราไม่ทำผิดพลาดเหมือนกับพวกเขา เช่น ในช่วงต้นที่กษัตริย์อาสาเริ่มปกครอง เขาพึ่งพระยะโฮวา แต่พอเวลาผ่านไป ตอนที่เขาเจอปัญหาอีก เขากลับพยายามแก้ไขปัญหานั้นด้วยตัวเองและไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา (2 พศ. 16:1-3, 12) ถ้าดูเผิน ๆ แผนการของอาสาที่ไปขอความช่วยเหลือจากกองทัพซีเรียดูเหมือนว่าได้ผลดี แต่ก็แค่ชั่วคราว พระยะโฮวาบอกผู้พยากรณ์ให้ไปบอกอาสาว่า “เพราะท่านไปพึ่งกษัตริย์ซีเรีย ไม่ได้พึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของท่าน ท่านจะเอาชนะกองทัพกษัตริย์ซีเรียไม่ได้” (2 พศ. 16:7) เราต้องระวังที่จะไม่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปจนคิดว่าเราจัดการปัญหาทุกอย่างเองได้โดยไม่ต้องพึ่งคำแนะนำของพระยะโฮวาที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนั้น แม้แต่ตอนที่เราเจออะไรบางอย่างที่ต้องตัดสินใจทันที เราก็ควรสงบใจและพึ่งพระยะโฮวา แล้วพระองค์ก็จะช่วยเราให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแน่นอน ห21.01 น. 6 ว. 13-15
วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม
พวกเขาจะไม่หิวและกระหายอีกเลย—วว. 7:16
ตอนนี้คนของพระยะโฮวาหลายคนต้องหิวโหยและไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารเพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจหรือสงคราม ส่วนอีกหลายคนก็ต้องติดคุกเพราะความเชื่อ แต่พวกเขาที่เป็นชนฝูงใหญ่รู้สึกตื่นเต้นเพราะรู้ว่าหลังจากที่พวกเขารอดผ่านการทำลายโลกชั่วนี้ไปแล้ว พวกเขาจะมีอาหารมากมายรวมทั้งความรู้จากพระยะโฮวาด้วย ตอนที่พระยะโฮวาทำลายโลกชั่วของซาตาน พระองค์จะแสดงความโกรธที่เป็นเหมือน “ความร้อน” กับชาติต่าง ๆ แต่พระองค์จะไม่ทำแบบนั้นกับชนฝูงใหญ่ หลังจากความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จบลง พระเยซูจะพาคนที่รอดไปที่ “น้ำที่ให้ชีวิต [ตลอดไป]” (วว. 7:17) ลองคิดดูสิว่าชนฝูงใหญ่มีความหวังที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน ในจำนวนผู้คนเป็นพัน ๆ ล้านคนที่เคยมีชีวิตอยู่ มีเฉพาะชนฝูงใหญ่เท่านั้นที่มีโอกาสที่จะไม่ต้องตายเลย (ยน. 11:26) แกะอื่นรู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาและพระเยซูมากสำหรับความหวังที่ยอดเยี่ยม ห21.01 น. 16-17 ว. 11-12
วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม
ผู้เป็นนายจะให้กำลังพวกคุณและปกป้องพวกคุณ . . . เพราะท่านซื่อสัตย์—2 ธส. 3:3
ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่บนโลก ท่านคิดว่าสาวกของท่านจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ท่านรักสาวกของท่านมาก ท่านเลยขอพระยะโฮวาพ่อของท่านให้ “ปกป้องพวกเขาจากตัวชั่วร้าย” (ยน. 17:14, 15) พระเยซูรู้ว่าหลังจากที่ท่านกลับขึ้นไปบนสวรรค์แล้ว ซาตานก็จะยังทำสงครามกับทุกคนที่อยากรับใช้พระยะโฮวา นี่แสดงว่าคนของพระยะโฮวาต้องได้รับการปกป้อง ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องการให้พระยะโฮวาปกป้องเราจริง ๆ เพราะซาตานถูกเหวี่ยงลงมาจากสวรรค์และมัน “โกรธจัด” (วว. 12:12) ซาตานทำให้คนที่ข่มเหงเราบางคนคิดว่าที่เขาทำอย่างนั้น “เป็นการรับใช้พระเจ้า” (ยน. 16:2) ส่วนคนอื่นที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ข่มเหงเราเพราะเราไม่เหมือนกับคนในโลกนี้ แต่ไม่ว่าใครจะข่มเหงเราเพราะอะไร เราก็ไม่กลัว ทำไมล่ะ? คำตอบอยู่ในข้อคัมภีร์วันนี้ ห21.03 น. 26 ว. 1, 3
วันอังคารที่ 29 มีนาคม
[ไม่มีอะไร] ขัดขวางความรักที่พระเจ้าแสดงต่อเราผ่านทางพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเราได้—รม. 8:38, 39
พระยะโฮวาทำทุกอย่างด้วยความรัก พระยะโฮวารักเรามากถึงขนาดที่ให้พระเยซูมาเป็นค่าไถ่เพื่อเรา และพระเยซูก็รักเรามากด้วยเพราะท่านยอมสละชีวิตของท่านเพื่อเรา (ยน. 3:16; 15:13) ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางความรักที่พระยะโฮวาและพระเยซูมีให้กับคนที่ภักดี (ยน. 13:1; รม. 8:35) หัวหน้าครอบครัวควรทำทุกอย่างด้วยความรักเหมือนกัน ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? อัครสาวกยอห์นบอกว่า “คนที่ไม่รักพี่น้อง [หรือครอบครัว] ที่เขามองเห็นจะรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็นได้อย่างไร?” (1 ยน. 4:11, 20) ผู้ชายที่รักครอบครัวและอยากจะเลียนแบบพระยะโฮวากับพระเยซูจะดูแลครอบครัวของเขาด้านความเชื่อ ด้านความรู้สึก และด้านร่างกาย (1 ทธ. 5:8) นอกจากนั้น เขาจะแนะนำและอบรมสั่งสอนลูก ๆ และเขาจะพยายามตัดสินใจในแบบที่ให้เกียรติพระยะโฮวาและเป็นประโยชน์กับครอบครัวของเขา ห21.02 น. 5 ว. 12-13
วันพุธที่ 30 มีนาคม
มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวาเถอะ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ—สด. 55:22
พระยะโฮวาพ่อที่อยู่บนสวรรค์ที่รักพวกเรารู้ดีว่าเราต้องผ่านอะไรมาบ้างและเรื่องนั้นมีผลอย่างไรกับความคิดของเรา แต่ไม่ใช่แค่นั้น พระองค์ยังเห็นสิ่งดี ๆ ในหัวใจของเราด้วย ที่แม้แต่ตัวเราเองอาจจะไม่คิดว่าตัวเรามีด้วยซ้ำ (1 ยน. 3:19, 20) บางคนพยายามมากที่จะเลิกนิสัยที่ไม่ดีแต่ก็กลับไปทำผิดซ้ำอีก นี่ทำให้เขาผิดหวังกับตัวเองและรู้สึกท้อใจ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรู้สึกผิดตอนที่เราทำบาป (2 คร. 7:10) แต่เราไม่ควรโทษตัวเองมากเกินไปและคิดว่า ‘ฉันไม่มีอะไรดีเลย พระยะโฮวาไม่มีวันให้อภัยฉันหรอก’ ความคิดแบบนี้ไม่จริง! มันอาจทำให้เราเลิกรับใช้พระยะโฮวาไปเลยก็ได้ ให้คุณ “กลับมาคืนดี” กับพระยะโฮวาโดยการอธิษฐานขอให้พระองค์ให้อภัยคุณ (อสย. 1:18) เมื่อพระยะโฮวาเห็นว่าคุณเสียใจจริง ๆ และพยายามไม่ทำผิดซ้ำอีก พระองค์ก็จะให้อภัยคุณ นอกจากนั้น ให้คุณขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล แล้วพวกเขาจะค่อย ๆ ช่วยคุณให้กลับมาเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง—ยก. 5:14, 15 ห20.12 น. 22 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม
พูดกับผู้หญิงสูงอายุเหมือนพูดกับแม่ และพูดกับผู้หญิงสาว ๆ เหมือนพูดกับพี่สาวน้องสาว—1 ทธ. 5:2
พระเยซูให้เกียรติผู้หญิง ในสมัยพระเยซู พวกฟาริสีชอบดูถูกผู้หญิงและไม่ยอมคุยกับพวกเธอในที่สาธารณะหรือคุยเรื่องพระคัมภีร์กับพวกเธอเลย แต่พระเยซูไม่ได้ทำอย่างนั้น ตอนที่ท่านสอนเรื่องลึกซึ้งในพระคัมภีร์ให้กับสาวก ท่านสอนพวกผู้หญิงด้วย (ลก. 10:38, 39, 42) และตอนที่ท่านเดินทางไปประกาศตามเมืองต่าง ๆ ท่านก็ให้พวกผู้หญิงบางคนเดินทางไปด้วย (ลก. 8:1-3) นอกจากนั้น ท่านยังให้สิทธิพิเศษกับพวกผู้หญิงที่จะเป็นคนไปบอกกับอัครสาวกว่าท่านฟื้นขึ้นจากตายแล้ว (ยน. 20:16-18) เปาโลบอกทิโมธีตรง ๆ ว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง เขารู้ว่าคนแรกที่ช่วยทิโมธีให้รู้จัก “พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” ก็คือแม่และยายของทิโมธี (2 ทธ. 1:5; 3:14, 15) นอกจากนั้น ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงพี่น้องในกรุงโรม เขายังพูดถึงชื่อของพี่น้องหญิงบางคนด้วย เขาไม่ได้แค่สังเกตว่าพี่น้องหญิงเหล่านี้ทำอะไร แต่เขายังบอกด้วยว่าเขาเห็นค่าสิ่งที่พี่น้องหญิงเหล่านี้ทำ—รม. 16:1-4, 6, 12; ฟป. 4:3 ห21.02 น. 15 ว. 5-6