ธันวาคม
วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม
แกะพวกนั้นจะฟังเสียงของผม—ยน. 10:16
พระเยซูเปรียบตัวท่านกับสาวกเป็นเหมือนกับคนเลี้ยงแกะกับแกะ (ยน. 10:14) มันเป็นการเปรียบเทียบที่เหมาะจริง ๆ เพราะแกะจะรู้จักคนที่เลี้ยงมันและฟังเสียงเขา นักท่องเที่ยวคนหนึ่งเล่าว่า “มีครั้งหนึ่งเราอยากจะถ่ายรูปแกะ เราพยายามเรียกพวกมันให้มาใกล้ ๆ แต่แกะพวกนั้นไม่ยอมเข้ามาหาเราเลยเพราะมันไม่รู้จักเสียงพวกเรา แต่พอเด็กคนหนึ่งที่เป็นคนเลี้ยงแกะมา แล้วก็ตะโกนเรียกแกะ แกะพวกนี้ก็ไปหาเขาทันที” สิ่งที่นักท่องเที่ยวคนนั้นเจอทำให้เราคิดถึงคำพูดของพระเยซูตอนที่ท่านพูดถึงพวกสาวกซึ่งเป็นเหมือนแกะของท่านว่า “แกะพวกนั้นจะฟังเสียงของผม” แต่ตอนนี้พระเยซูอยู่ในสวรรค์ พวกเราจะฟังเสียงของท่านได้ยังไง? พวกเราฟังเสียงของท่านได้โดยทำตามสิ่งที่ท่านสอน—มธ. 7:24, 25 ห21.12 น. 16 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม
ทุกคนทำบาปและไม่ได้แสดงคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้าอย่างที่ควรจะแสดง—รม. 3:23
เปาโลเคยเป็นคนหัวดื้อและชอบข่มเหงคริสเตียน แต่ต่อมาพอเขารู้ว่าสิ่งที่ทำไปเป็นเรื่องที่ผิด เขาก็เต็มใจเปลี่ยนความคิดและนิสัยของตัวเอง (1 ทธ. 1:12-16) เปาโลพึ่งพระยะโฮวา เขาเลยกลายเป็นผู้ดูแลที่รักพี่น้อง เห็นอกเห็นใจ และถ่อมตัว เขาไม่ได้จมอยู่กับความผิดพลาดของตัวเอง เขาเชื่อว่าพระยะโฮวาให้อภัยเขา (รม. 7:21-25) ถึงเปาโลไม่ได้คาดหมายว่าตัวเขาเองต้องสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็พยายามเต็มที่ที่จะพัฒนานิสัยที่ดีแบบคริสเตียนและถ่อมตัวพึ่งพระยะโฮวาเพื่อจะทำงานมอบหมายให้สำเร็จ (1 คร. 9:27; ฟป. 4:13) ผู้ดูแลไม่ได้ถูกแต่งตั้งเพราะเขาสมบูรณ์แบบ พระยะโฮวารู้ว่าเขามีจุดอ่อน พระองค์อยากให้เขายอมรับข้อผิดพลาดและพยายามมีนิสัยที่ดีแบบคริสเตียนมากขึ้น (อฟ. 4:23, 24) ผู้ดูแลควรจะศึกษาส่วนตัวเพื่อจะรู้ว่าตัวเองต้องปรับปรุงอะไรบ้างและพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ ถ้าเขาทำแบบนั้น พระยะโฮวาก็จะช่วยให้เขามีความสุขและเป็นผู้ดูแลที่ดี—ยก. 1:25 ห22.03 น. 29-30 ว. 13-15
วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม
คุณต้องเลิกตัดสินคนอื่น—มธ. 7:1
ถ้าเราเคยตัดสินพี่น้องบางคนและพูดถึงเขาในแง่ที่ไม่ดี เราควรจะทำยังไง? เราต้องจำไว้ว่าเราต้องรักพี่น้อง (ยก. 2:8) เราควรจะอธิษฐานถึงพระยะโฮวาบอกพระองค์ให้ช่วยเราเลิกตัดสินคนอื่น แล้วเราก็ควรทำตามที่อธิษฐานโดยเข้าไปคุยกับพี่น้องคนนั้นที่เราเคยพูดถึงเขาในแง่ที่ไม่ดี นอกจากนั้น เราอาจจะชวนเขาไปประกาศหรือชวนไปกินข้าวด้วยกันก็ได้ ถ้าเรารู้จักเขาดีขึ้น เราก็จะเลียนแบบพระยะโฮวาและพระเยซูได้โดยมองที่ส่วนดีของเขาง่ายขึ้น เมื่อทำแบบนี้ เราก็กำลังฟังคนเลี้ยงแกะที่ดีที่ท่านบอกให้เลิกตัดสินคนอื่น เหมือนกับที่แกะฟังเสียงของคนเลี้ยงแกะ สาวกของพระเยซูก็ฟังเสียงของท่าน และไม่ว่าเราจะเป็น “แกะฝูงเล็ก” หรือ “แกะอื่น” ขอให้เราพยายามฟังเสียงของคนเลี้ยงแกะที่ดีต่อ ๆ ไปและทำตามสิ่งที่ท่านบอก—ลก. 12:32; ยน. 10:11, 14, 16 ห21.12 น. 19 ว. 11; น. 21 ว. 17-18
วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม
กษัตริย์ไม่ยอมฟังพวกผู้ใหญ่—1 พก. 12:8
ตอนที่เรโหโบอัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ประชาชนมาหาเขาแล้วบอกว่าโซโลมอนพ่อของเขาให้ประชาชนแบกภาระหนัก ขอเขาทำให้เบาลงได้ไหม เรโหโบอัมไปปรึกษาผู้ใหญ่ว่าควรทำยังไง การทำแบบนี้ดีมาก พวกผู้ใหญ่ก็แนะนำให้เขาฟังประชาชนเพื่อที่ประชาชนจะได้รับใช้เขาตลอดไป (1 พก. 12:3-7) แต่เรโหโบอัมไม่ชอบคำแนะนำของผู้ใหญ่ เขาเลยไปปรึกษาคนหนุ่ม ๆ ที่โตมาด้วยกัน พวกเขาบอกเรโหโบอัมว่าควรให้ประชาชนทำงานหนักขึ้นอีก (1 พก. 12:9-11) ที่จริง เขาควรถามพระยะโฮวาว่าควรจะตอบประชาชนยังไงแต่เขากลับเชื่อเพื่อนของเขา นี่เลยทำให้ตัวเขาเดือดร้อนและทำให้อิสราเอลทั้งชาติเดือดร้อนตามไปด้วย จากเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าไม่ใช่คำแนะนำทุกอย่างจะถูกใจเรา แต่ถ้าคำแนะนำนั้นมาจากคัมภีร์ไบเบิล เราก็ควรยอมรับ ห22.02 น. 9 ว. 6
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม
ความงามของคนหนุ่มคือกำลังของเขา—สภษ. 20:29
คนที่ถ่อมและเจียมตัวจะไม่คิดแต่ว่าคนที่อายุน้อยไม่มีประสบการณ์ แต่จะคิดว่าคนอายุน้อยมีข้อดีอะไรบ้าง พวกเขาจะไม่มองพี่น้องที่อายุน้อยกว่าว่าเป็นคู่แข่งแต่จะมองว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน พี่น้องสูงอายุมองพี่น้องที่อายุน้อยกว่าว่าเป็นเหมือนของขวัญที่มาจากพระยะโฮวาและรู้สึกขอบคุณสิ่งที่พี่น้องเหล่านี้ทำด้วย พี่น้องสูงอายุไม่มีแรงเหมือนเมื่อก่อน พวกเขาเลยรู้สึกขอบคุณที่มีพี่น้องที่อายุน้อยกว่าที่มีแรงและเต็มใจจะทำงานในประชาคม นาโอมีเป็นตัวอย่างที่ดีมากของคนสูงอายุที่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่อายุน้อยกว่า หลังจากที่ลูกชายของนาโอมีตาย เธอบอกให้รูธลูกสะใภ้กลับไปอยู่กับครอบครัว แต่รูธไม่ยอม รูธบอกว่าจะไปเบธเลเฮมด้วยกันกับนาโอมี ในที่สุดนาโอมีก็ยอมให้รูธไปด้วยและยอมให้รูธช่วยหลายอย่าง (นรธ. 1:7, 8, 18) และเราก็เห็นว่านี่เป็นผลดีกับทั้งสองคนจริง ๆ (นรธ. 4:13-16) ถ้าพี่น้องสูงอายุเป็นคนถ่อม พวกเขาจะเลียนแบบตัวอย่างของนาโอมี ห21.09 น. 10-11 ว. 9-11
วันพุธที่ 6 ธันวาคม
พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำและความรักที่พวกคุณมี—ฮบ. 6:10
พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเรารู้ว่าเราแต่ละคนทำได้ไม่เท่ากัน คุณอาจทำได้มากกว่าหลายคนที่คุณรักและรู้จัก หรือคุณอาจทำได้น้อยกว่าคนอื่นเพราะอายุมาก สุขภาพไม่ดี หรือมีภาระหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งท้อ (กท. 6:4) ไม่ว่าคุณจะทำได้มากแค่ไหน พระยะโฮวาไม่ลืมสิ่งที่คุณทำแน่นอนถ้าคุณให้พระองค์สุดความสามารถและทำด้วยเจตนาที่ถูกต้อง พระองค์ก็จะพอใจ พระยะโฮวารู้หัวใจคุณและรู้ว่าคุณอยากทำเพื่อพระองค์มากจริง ๆ แต่พระองค์ก็อยากให้คุณมีความสุขกับสิ่งที่คุณทำได้เพื่อนมัสการพระองค์ด้วย นอกจากนั้น ตอนนี้เรารู้สึกสงบใจเพราะรู้ว่าพระยะโฮวากำลังช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ที่เจอปัญหา (อสย. 41:9, 10) เรามีเหตุผลที่ดีหลายอย่างจริง ๆ ที่จะมีความสุขเพราะเรานมัสการพระยะโฮวาพ่อที่รักเรา พระองค์ “สมควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ความนับถือ” จากทุกสิ่งที่พระองค์สร้างจริง ๆ—วว. 4:11 ห22.03 น. 24 ว. 16; น. 25 ว. 18
วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม
ผมเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ ผมทำตามโดยไม่ชักช้า—สด. 119:60
เราอยากเลียนแบบพระเยซู แต่อย่าเพิ่งท้อถ้าเราทำไม่ได้เหมือนท่าน (ยก. 3:2) ให้คิดถึงนักเรียนที่กำลังเรียนวาดรูป เขายังสู้ครูที่เป็นมืออาชีพไม่ได้แน่ ๆ แต่ถ้าเขาพยายามเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และพยายามเลียนแบบเทคนิคของครูให้มากที่สุด เขาก็จะเก่งขึ้น เหมือนกันกับเราถ้าเราพยายามศึกษาส่วนตัวและเอาไปใช้ และดูว่าเราจะปรับปรุงตัวเองได้ตรงไหนบ้าง เราก็จะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น (สด. 119:59) เราอยู่ในโลกที่มีแต่คนเห็นแก่ตัว แต่คนของพระยะโฮวาไม่เป็นแบบนั้น พระเยซูคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอและเราตั้งใจจะเลียนแบบท่าน (1 ปต. 2:21) ถ้าเราพยายามเสียสละเพื่อคนอื่นและคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเหมือนกับพระเยซู เราก็จะมีความสุขเพราะเราทำให้พระยะโฮวาพอใจ ห22.02 น. 24 ว. 16; น. 25 ว.18
วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม
มีบางเรื่องในจดหมายเหล่านั้นที่เข้าใจยาก—2 ปต. 3:16
วิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาชี้นำคนของพระองค์ในทุกวันนี้ก็คือทางคัมภีร์ไบเบิล ถ้าเราใช้เวลาคิดใคร่ครวญว่าพระยะโฮวากำลังสอนอะไรเรา เราก็จะทำตามการชี้นำของพระองค์และรับใช้อย่างประสบความสำเร็จได้ (1 ทธ. 4:15, 16) อีกวิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาชี้นำเราก็คือโดยทาง “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” (มธ. 24:45) บางครั้งทาสที่ซื่อสัตย์อาจจะแนะนำให้เราทำบางอย่างแบบที่เราไม่เข้าใจเหตุผล ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจแนะนำวิธีที่เราจะรอดชีวิตผ่านภัยพิบัติซึ่งเราอาจจะรู้สึกว่าไม่มีทางเกิดแถวบ้านเราแน่ ๆ ถ้าอย่างนั้นเราควรทำยังไงถ้ารู้สึกว่าคำแนะนำของพวกเขาไม่มีเหตุผลหรือคิดว่าเอามาใช้จริงไม่ได้? ให้เราคิดถึงเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล เราเห็นว่าหลายครั้งคนของพระยะโฮวาได้รับคำแนะนำบางอย่างที่สำหรับมนุษย์แล้วอาจจะดูไม่มีเหตุผล แต่เมื่อพวกเขาทำตาม พวกเขาก็รอดชีวิต—วนฉ. 7:7; 8:10 ห22.03 น. 18-19 ว. 15-16
วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม
พ่อครับ ผมขอฝากชีวิตไว้ในมือพ่อ—ลก. 23:46
ที่พระเยซูพูดด้วยความมั่นใจเหมือนในข้อคัมภีร์วันนี้ เพราะท่านรู้ว่าอนาคตของท่านขึ้นอยู่กับพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพ่อจะไม่ลืมท่าน เราเรียนอะไรได้จากคำพูดของพระเยซู? ให้คุณฝากชีวิตไว้กับพระยะโฮวาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพื่อจะทำอย่างนั้นได้คุณต้อง “วางใจพระยะโฮวาสุดหัวใจ” (สภษ. 3:5) ให้มาดูประสบการณ์ของพี่น้องอายุ 15 ที่ชื่อโจชัว ถึงเขาจะป่วยหนักแต่เขาก็ไม่ยอมรับการรักษาที่ขัดกับกฎหมายของพระเจ้า ไม่นานก่อนเขาจะตายเขาบอกกับแม่ว่า “แม่ครับ ผมอยู่ในพระหัตถ์ของพระยะโฮวา . . . ผมสามารถบอกสิ่งต่อไปนี้กับแม่ด้วยความมั่นใจ ผมรู้ว่าพระยะโฮวาจะทรงนำผมกลับมาอย่างแน่นอนโดยการกลับเป็นขึ้นจากตาย พระองค์ทรงอ่านหัวใจของผมออก และผมรักพระองค์จริง ๆ ครับ” เราทุกคนควรถามตัวเองว่า ‘ถ้าฉันเจอการทดสอบที่ทำให้ฉันอาจจะต้องตาย ฉันจะยังซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา ฝากชีวิตไว้กับพระองค์ และไว้ใจว่าพระองค์จะไม่ลืมฉันไหม?’ ห21.04 น. 12-13 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม
คนที่ทำให้คนอื่นสดชื่น ตัวเขาเองจะสดชื่นด้วย—สภษ. 11:25
คนของพระยะโฮวาได้พลังจากงานรับใช้ ตอนที่เราบอกความจริงในคัมภีร์ไบเบิลกับคนอื่น เรารู้สึกดีและสดชื่นถึงแม้ว่าคนที่เราคุยด้วยจะฟังเราหรือไม่ก็ตาม บางคนรู้สึกว่าเขารับใช้ไม่ได้เต็มที่อย่างที่เขาอยากทำ ถ้าคุณรู้สึกอย่างนั้น ขอให้จำไว้ว่าถ้าคุณพยายามสุดความสามารถแล้ว คุณก็ทำให้พระยะโฮวาพอใจ ถึงพวกเราบางคนจะออกจากบ้านไปไหนไม่ได้แต่พระยะโฮวารู้และเห็นค่าความพยายามของเราที่จะประกาศ พระองค์สามารถช่วยเราให้มีโอกาสประกาศกับหมอ พยาบาล หรือคนที่มาดูแลเราได้ แต่ถ้าเราเอาแต่เปรียบเทียบและคิดว่าเราเคยทำได้มากแค่ไหนในอดีต เราก็คงรู้สึกท้อใจ แต่ถ้าเราสังเกตว่าพระยะโฮวาช่วยเรายังไงในตอนนี้ เราก็จะมีพลังอดทนกับปัญหาอะไรก็ตามที่เราเจอและยังมีความสุขได้ ตอนที่เราหว่านเมล็ดพืช เราไม่รู้ว่าเมล็ดไหนจะออกรากและเติบโต เหมือนกันกับตอนที่เราไปประกาศ เราไม่รู้ว่าในที่สุดคนไหนจะตอบรับความจริง—ปญจ. 11:6 ห21.05 น. 24-25 ว. 14-17
วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม
ทำไมเจ้าถึงดูถูกคำสั่งของเรายะโฮวาและทำเรื่องที่ชั่วช้าในสายตาเรา?—2 ซม. 12:9
ความโลภทำให้ดาวิดลืมว่าพระยะโฮวาให้อะไรกับเขาบ้าง พระยะโฮวาให้หลายอย่างกับเขาทั้งความร่ำรวย ชื่อเสียง และช่วยให้เขาชนะศัตรูหลายครั้ง ดาวิดเห็นค่าสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาให้กับเขาจนถึงกับบอกว่า “ถ้าผมจะพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ก็คงพูดได้ไม่หมด” (สด. 40:5) แต่พอเวลาผ่านไปดาวิดกลับลืมว่าพระยะโฮวาให้อะไรกับเขาบ้าง ถึงดาวิดจะมีภรรยาหลายคนแล้วเขาก็ยังอยากได้ภรรยาของคนอื่นอีกทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด ผู้หญิงคนนั้นคือบัทเชบาและสามีของเธอก็คืออุรีอาห์ชาวฮิตไทต์ ดาวิดเห็นแก่ตัวมาก เขามีเพศสัมพันธ์กับบัทเชบา แล้วเธอก็ท้อง แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขายังวางแผนให้อุรีอาห์ถูกฆ่าอีก (2 ซม. 11:2-15) ดาวิดทำอย่างนั้นลงไปได้ยังไง? ในหัวเขาคิดอะไรอยู่? เขาคิดว่าพระยะโฮวามองไม่เห็นสิ่งที่เขาทำเหรอ? ถึงดาวิดจะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์มานานหลายปี เขาก็กลายเป็นคนโลภและต้องรับผลจากสิ่งที่เขาทำ น่าดีใจที่ดาวิดยอมรับผิดและกลับใจ เขาคงมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นที่รักของพระยะโฮวาอีกครั้ง—2 ซม. 12:7-13 ห21.06 น. 17 ว. 10
วันอังคารที่ 12 ธันวาคม
เราไม่ถือว่าที่เรามีคุณสมบัติเหมาะกับงานนี้เป็นเพราะตัวเราเอง แต่คุณสมบัติที่เหมาะของเรานั้นมาจากพระเจ้า—2 คร. 3:5
เราคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะนำการศึกษา บางทีเราอาจคิดว่าเราต้องรู้มากกว่านี้เก่งกว่านี้เพื่อจะนำการศึกษาได้ ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ มี 3 อย่างที่จะช่วยคุณมั่นใจมากขึ้นได้ อย่างแรก พระยะโฮวามองว่าคุณสามารถสอนคนอื่นได้ อย่างที่ 2 คนที่สั่งคุณไปทำงานสอนก็คือพระเยซูที่มี ‘อำนาจปกครองทุกสิ่งในสวรรค์และบนโลก’ ท่านต้องมั่นใจในตัวคุณมากแน่ ๆ ท่านถึงให้คุณทำงานนี้ (มธ. 28:18) และอย่างที่ 3 คุณขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาและพี่น้องได้ พระยะโฮวาช่วยพระเยซูให้รู้ว่าจะพูดยังไง พระองค์ก็จะช่วยคุณด้วยเหมือนกัน (ยน. 8:28; 12:49) นอกจากนั้น คุณอาจขอผู้ดูแลกลุ่มการประกาศ ไพโอเนียร์ หรือพี่น้องที่มีประสบการณ์ให้ช่วยคุณเริ่มและนำการศึกษาได้ คุณอาจขอไปศึกษากับเขาด้วยก็ได้ ห21.07 น. 5 ว. 12
วันพุธที่ 13 ธันวาคม
คนที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กก็ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย และคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กก็ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย—ลก. 16:10
ยิ่งจุดจบของโลกชั่วใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งต้องไว้ใจพระยะโฮวามากขึ้น เพราะอะไร? เพราะในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ เราอาจได้รับคำแนะนำที่ดูแปลก ๆ ทำตามได้ยาก หรือดูไม่ค่อยมีเหตุผล แน่นอนว่าพระยะโฮวาจะไม่พูดกับเราโดยตรง แต่พระองค์จะให้คำแนะนำผ่านทางคนที่เป็นตัวแทนของพระองค์ ตอนนั้นไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเลว่าจะทำตามดีหรือเปล่า หรือสงสัยว่า ‘พระยะโฮวาแนะนำแบบนี้จริงเหรอ หรือว่าผู้ดูแลคิดขึ้นมาเอง?’ ในช่วงเวลานั้นคุณจะไว้ใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณคิดยังไงกับคำแนะนำของตัวแทนของพระองค์ตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าคุณไว้ใจและพร้อมจะเชื่อฟังคำแนะนำตั้งแต่วันนี้ คุณคงจะทำแบบเดียวกันในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ ห22.02 น. 6 ว. 15
วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม
สิ่งที่ผมทำจะเทียบกับที่พวกคุณทำได้หรือ?—วนฉ. 8:2
พระยะโฮวาเพิ่งช่วยกิเดโอนกับคนของเขาอีก 300 คนให้ชนะสงคราม ซึ่งพวกเขาอาจจะอวดคนอื่นก็ได้ หลังจากนั้นมีคนจากตระกูลเอฟราอิมมาหากิเดโอน พวกเขาไม่ได้มาชมแต่มาต่อว่ากิเดโอนที่ไม่ยอมชวนพวกเขาไปสู้รบในสงครามด้วย (วนฉ. 8:1) กิเดโอนพูดถึงตอนที่พระยะโฮวาเคยอวยพรคนในตระกูลเอฟราอิมให้ทำงานใหญ่ได้สำเร็จ “พอกิเดโอนพูดแบบนี้ พวกเขาก็อารมณ์เย็นลง” (วนฉ. 8:3) กิเดโอนถ่อมและไม่ห่วงศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่มองว่าสันติสุขเป็นเรื่องสำคัญกว่า เราควรให้ความสำคัญกับการยกย่องพระยะโฮวาไม่ใช่ให้คนอื่นมายกย่องเรา หัวหน้าครอบครัวและผู้ดูแลก็เรียนได้จากตัวอย่างของกิเดโอนด้วย ถ้ามีใครรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เราทำ ถึงเรารู้ว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ถูกต้อง เราน่าจะพยายามเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนั้นและก็หาจุดดีในตัวเขาเพื่อจะชมเขา การทำอย่างนี้ไม่ง่ายเพราะต้องถ่อมมาก ๆ แต่ถึงยังไงสันติสุขก็สำคัญกว่าศักดิ์ศรีของเรา ห21.07 น. 16-17 ว. 10-12
วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม
ให้เราสร้างมนุษย์ตามแบบเรา—ปฐก. 1:26
พระยะโฮวาให้เกียรติเราโดยสร้างเราตามแบบพระองค์ เพราะเราถูกสร้างตามแบบพระเจ้า เราเลยแสดงคุณลักษณะเหมือนกับพระองค์ได้ เช่น ความรัก ความสงสาร ความภักดี และความถูกต้อง (สด. 86:15; 145:17) เมื่อเราแสดงคุณลักษณะเหล่านี้ เราก็ให้เกียรติพระยะโฮวาและพิสูจน์ว่าเราเห็นค่าสิ่งที่พระองค์ให้กับเรา (1 ปต. 1:14-16) เราจะทำให้พระยะโฮวาพ่อของเรามีความสุขและตัวเราเองก็จะมีความสุขด้วย และเพราะเรามีคุณลักษณะเหมือนพระยะโฮวา พระองค์ก็จะให้เราเป็นครอบครัวของพระองค์พระยะโฮวาเตรียมบ้านที่พิเศษมากให้กับเรา พระยะโฮวาเตรียมโลกไว้นานมาแล้วก่อนที่พระองค์จะสร้างมนุษย์ (โยบ 38:4-6; ยรม. 10:12) และเพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่ใจกว้างและคิดถึงคนอื่น พระองค์เลยสร้างสิ่งดี ๆ หลายอย่างเพื่อให้เรามีความสุข (สด. 104:14, 15, 24) หลายครั้งที่พระองค์คิดและมองดูทุกสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น พระองค์ “เห็นว่าดี”—ปฐก. 1:10, 12, 31 ห21.08 น. 3 ว. 5-6
วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม
ผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า คือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทนอดกลั้น ความกรุณา ความดี ความเชื่อ ความอ่อนโยน และการควบคุมตัวเอง—กท. 5:22, 23
เราทุกคนได้รับมอบหมายให้ไปประกาศและสอนคนให้เป็นสาวก (มธ. 28:19, 20; รม. 10:14) คุณอยากจะทำงานที่สำคัญนี้ให้เก่งขึ้นไหม? ลองตั้งเป้าที่จะอ่านและทำตามคำแนะนำที่อยู่ในหนังสือใส่ใจการอ่านและการสอนของคุณ อย่าลืมว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณควรทำก็คือพัฒนาคุณลักษณะที่ทำให้พระเจ้าพอใจ (คส. 3:12; 2 ปต. 1:5-8) เราทุกคนคงอยากจะทำเพื่อพระยะโฮวาให้มากกว่าที่ทำได้ในตอนนี้ ในโลกใหม่เราจะสามารถรับใช้พระองค์ได้เต็มที่มากกว่านี้ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นถ้าเราพยายามทำอย่างสุดความสามารถในสิ่งที่เราทำได้ เราก็จะมีความสุขมากขึ้นและผิดหวังน้อยลง ที่สำคัญกว่านั้นเราจะทำให้พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้มีความสุข” ของเราได้รับการยกย่องสรรเสริญ (1 ทธ. 1:11) ดังนั้น ให้เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำได้เพื่อพระองค์ ห21.08 น. 24-25 ว. 18-20
วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม
คนที่เข้ามาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์มีอยู่จริง—ฮบ. 11:6
ถ้าคุณโตมาในครอบครัวพยานฯ คุณคงได้เรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวามาตั้งแต่เด็ก คุณคงถูกสอนมาว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่สร้างทุกสิ่ง พระองค์มีคุณลักษณะที่ดีหลายอย่าง และพระองค์อยากให้โลกเป็นสวนอุทยาน (ปฐก. 1:1; กจ. 17:24-27) หลายคนไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าและไม่เชื่อว่ามีผู้สร้าง พวกเขาเชื่อว่าชีวิตเกิดขึ้นเองโดยบังเอิญจากสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายแล้วค่อย ๆ วิวัฒนาการไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนมากขึ้น คนที่มีการศึกษาหลายคนเชื่อเรื่องนี้และบอกว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดไม่จริง มีแต่คนที่ไม่มีการศึกษา ไม่ฉลาด และหลอกง่ายเท่านั้นที่เชื่อว่ามีผู้สร้าง ไม่ว่าเราจะเป็นพยานฯมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม เราทุกคนต้องพยายามทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะไม่หลงไปตาม “ปรัชญาและคำหลอกลวงเหลวไหล” ของคนที่บอกว่าคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลเป็นเรื่องโกหก—คส. 2:8 ห21.08 น. 14 ว. 1-3
วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม
พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา พระองค์สมควรจะได้รับการยกย่อง สรรเสริญ ความนับถือ และฤทธิ์อำนาจ—วว. 4:11
อาเบล โนอาห์ อับราฮัม และโยบแสดงยังไงว่ารักและนับถือพระยะโฮวา? พวกเขาเชื่อฟัง แสดงความเชื่อ และถวายเครื่องบูชาให้พระองค์ พวกเขาต้องนมัสการพระองค์อย่างดีที่สุดแน่นอนและพระยะโฮวาก็ยอมรับการนมัสการของพวกเขา ในสมัยต่อมาพระยะโฮวาให้กฎหมายของโมเสสกับชาวอิสราเอลที่เป็นลูกหลานของอับราฮัม กฎหมายนั้นมีคำแนะนำว่าจะนมัสการพระยะโฮวายังไงในแบบที่พระองค์ยอมรับ หลังจากพระเยซูตายและฟื้นขึ้นจากตายแล้ว พระยะโฮวาไม่ได้ให้คริสเตียนทำตามกฎหมายของโมเสสอีกต่อไป (รม. 10:4) แต่พวกเขาต้องทำตามกฎหมายใหม่ซึ่งก็คือ “กฎหมายของพระคริสต์” (กท. 6:2) การเชื่อฟัง “กฎหมาย” นี้ไม่ใช่การทำตามรายการยาวเหยียดว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ แต่เป็นการเลียนแบบพระเยซูและทำตามคำสอนของท่าน คริสเตียนในทุกวันนี้ก็ต้องทำแบบเดียวกันกับคริสเตียนในยุคแรก พวกเขาต้องเลียนแบบพระเยซูให้ได้มากที่สุดเพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจและได้ความ “สดชื่น”—มธ. 11:29 ห22.03 น. 20-21 ว. 4-5
วันอังคารที่ 19 ธันวาคม
ท่านมักจะหาเวลาปลีกตัวไปในที่ห่างไกลผู้คนเพื่ออธิษฐาน—ลก. 5:16
พระยะโฮวาฟังลูก ๆ ของพระองค์ ตอนอยู่บนโลกพระเยซูคงต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาหลายครั้งแน่ ๆ ตอนที่พระเยซูต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ พระยะโฮวาก็ฟังคำอธิษฐานของท่าน เช่น เมื่อท่านต้องเลือกอัครสาวก 12 คน (ลก. 6:12, 13) นอกจากนั้น พระยะโฮวาฟังคำอธิษฐานของพระเยซูตอนที่ท่านรู้สึกเครียดมากด้วย อย่างเช่น ตอนที่พระเยซูกำลังจะถูกทรยศ ท่านอธิษฐานถึงพระยะโฮวาอย่างหนัก เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้แค่ฟังคำอธิษฐานของพระเยซูเท่านั้น แต่พระองค์ยังส่งทูตสวรรค์ไปให้กำลังใจท่านด้วย (ลก. 22:41-44) พระยะโฮวาฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ในทุกวันนี้ด้วย และพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของพวกเขาในเวลาที่เหมาะสมและในวิธีที่ดีที่สุด (สด. 116:1, 2) มีพี่น้องหญิงคนหนึ่งจากอินเดียที่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นจริงสำหรับเธอ เธอเป็นคนเครียดง่ายและชอบกังวลกับหลาย ๆ เรื่อง เธอเลยอธิษฐานถึงพระยะโฮวาหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกว่า “พอฉันได้ดูรายการโทรทัศน์ JW เดือนพฤษภาคมปี 2019 ที่พูดถึงวิธีรับมือกับความเครียดและความกังวล ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ตรงกับฉันพอดีเลย พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของฉันจริง ๆ ค่ะ” ห21.09 น. 21-22 ว. 6-7
วันพุธที่ 20 ธันวาคม
ให้คนที่อยู่ในแคว้นยูเดียเริ่มหนีไปที่ภูเขา—ลก. 21:21
คุณนึกออกไหมว่าเป็นเรื่องยากขนาดไหนที่คริสเตียนรุ่นแรกต้องทิ้งเกือบทุกอย่าง แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่? พวกเขาต้องมีความเชื่อว่าพระยะโฮวาจะดูแลสิ่งจำเป็นให้กับพวกเขา ห้าปีก่อนที่พวกโรมันจะมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม เปาโลได้เตือนคริสเตียนชาวยิวว่า “อย่าใช้ชีวิตแบบคนรักเงิน แต่ให้พอใจในสิ่งที่มีอยู่ เพราะพระเจ้าบอกไว้ว่า ‘เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย’ เราจึงมีความกล้าและพูดได้ว่า ‘พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือผม ผมจะไม่กลัวอะไร มนุษย์จะทำอะไรผมได้?’” (ฮบ. 13:5, 6) คนที่ทำตามคำแนะนำของเปาโลตั้งแต่ก่อนที่พวกโรมันจะมาบุก ก็คงรู้สึกว่าไม่ยากที่จะใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายในที่ที่พวกเขาต้องย้ายไปอยู่ พวกเขามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลให้พวกเขามีสิ่งจำเป็น ห22.01 น. 4 ว. 7, 9
วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม
ความเมตตาของ [พระยะโฮวา] เห็นได้จากทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง—สด. 145:9
ถ้าเราพูดถึงคนเมตตา เราจะนึกถึงคนแบบไหน? เราอาจจะนึกถึงคนที่อ่อนโยน อบอุ่น เห็นอกเห็นใจ และใจกว้าง เราอาจจะคิดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูด้วยเรื่องคนสะมาเรียที่เมตตาคนยิว พอเขาเห็นคนยิวที่ถูกโจรปล้นและถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก เขาก็ “รู้สึกสงสาร” และเข้าไปช่วยเหลือคนยิวคนนั้นด้วยความรัก (ลก. 10:29-37) ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้ทำให้เราเห็นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตา พระองค์เมตตาเราเพราะพระองค์รักเรามาก และพระองค์ทำอย่างนี้กับเราทุกวัน ถ้าเราพูดถึงความเมตตา เรายังคิดถึงอีกอย่างหนึ่งด้วยซึ่งก็คือการไม่ลงโทษคนที่ทำผิด พระยะโฮวาเมตตากับเราแบบนั้น เหมือนกับที่ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกว่า “พระองค์ไม่ลงโทษพวกเราให้สมกับบาปของพวกเรา” (สด. 103:10) แต่บางครั้งพระยะโฮวาก็ต้องสั่งสอนแรง ๆ กับคนที่ทำผิดด้วย ห21.10 น. 8 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม
ความรักที่เรามีต่อเจ้าจะมั่นคงเสมอ—อสย. 54:10
พระยะโฮวาแสดงความรักที่มั่นคงเฉพาะกับคนที่พระองค์สนิทด้วยเท่านั้นซึ่งก็คือผู้รับใช้ของพระองค์ เราเห็นเรื่องนี้ได้จากคำพูดของกษัตริย์ดาวิดและผู้พยากรณ์ดาเนียล อย่างเช่น ดาวิดบอกว่า “โปรดแสดงความรักที่มั่นคงต่อคนที่รู้จักพระองค์ต่อ ๆ ไป” “พระยะโฮวามีความรักที่มั่นคงตลอดไป สำหรับคนที่เกรงกลัวพระองค์” และดาเนียลก็บอกว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้ . . . ใครที่รักพระองค์และทำตามคำสั่งของพระองค์ พระองค์ก็รักเขาไม่เปลี่ยนแปลง” (สด. 36:10; ชิงอรรถ; 103:17; ดนล. 9:4) จากข้อคัมภีร์เหล่านี้เราเห็นว่าพระยะโฮวาแสดงความรักที่มั่นคงกับผู้รับใช้ของพระองค์เพราะพวกเขารู้จักพระองค์ เกรงกลัวพระองค์ รักและทำตามคำสั่งของพระองค์ พระยะโฮวาจะแสดงความรักที่มั่นคงกับคนที่นมัสการพระองค์อย่างถูกต้องเท่านั้น พระยะโฮวารักเราก่อนที่เราจะรับใช้พระองค์อย่างที่พระองค์รักมนุษย์ทุกคน (สด. 104:14) แต่พอเรามารับใช้พระยะโฮวา พระองค์ก็แสดงความรักที่มั่นคงกับเราด้วย ห21.11 น. 4 ว. 8-9
วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม
คุณต้องนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณ—มธ. 4:10
คนในทุกวันนี้ชอบนักเทศน์ที่พูดเก่ง ๆ หลายคนยกย่องบูชาพวกเขาจนเหมือนนมัสการพวกเขา ถ้ามีนักเทศน์ที่พูดเก่ง ๆ ที่ไหนผู้คนก็จะพากันไปโบสถ์ของเขา ซื้อหนังสือ แล้วก็บริจาคเงินเยอะ ๆ ให้เขาหรือองค์กรที่เขาสนับสนุน และไม่ว่าเขาจะพูดอะไรผู้คนก็เชื่อไปหมด ถ้าพระเยซูลงมาบนโลกแล้วไปเจอพวกเขา ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตื่นเต้นดีใจเหมือนกับที่ได้เจอนักเทศน์พวกนี้ไหม แต่คริสเตียนแท้ไม่ได้เป็นแบบนี้ เราไม่มีนักเทศน์นักบวช ถึงเราจะให้เกียรติและนับถือคนที่นำหน้าในองค์การ แต่เราก็ไม่มีการแบ่งชนชั้น เพราะเราเชื่อฟังคำสอนของพระเยซูที่บอกว่า “พวกคุณทุกคนเป็นพี่น้องกัน” (มธ. 23:8-10) คริสเตียนแท้ไม่ยกย่องบูชาผู้นำทางศาสนาหรือผู้นำทางการเมืองและไม่สนับสนุนสิ่งที่เขาทำ พวกเราเป็นกลางและไม่เป็นส่วนหนึ่งของโลก การที่พยานพระยะโฮวาทำแบบนี้ทำให้เราไม่เหมือนกับศาสนาอื่นที่อ้างตัวว่าเป็นคริสเตียน—ยน. 18:36 ห21.10 น. 20 ว. 6-7
วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม
เราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า . . . อย่ามีพระเจ้าอื่นนอกจากเรา—อพย. 20:2, 3
คริสเตียนทุกคนที่อยากเป็นคนบริสุทธิ์ต้องพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้ใครหรืออะไรสำคัญกว่าสายสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวา และเพราะเราใช้ชื่อว่าพยานพระยะโฮวา เราเลยตั้งใจที่จะไม่ทำอะไรที่เป็นการดูหมิ่นหรือทำให้ชื่อที่บริสุทธิ์ของพระองค์เสื่อมเสีย (ลนต. 19:12; อสย. 57:15) ชาวอิสราเอลต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของพวกเขาโดยการเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ ที่เลวีนิติ 18:4 บอกว่า “พวกเจ้าต้องทำตามกฎหมายและข้อกำหนดของเรา เราคือยะโฮวา พระเจ้าของพวกเจ้า” ในเลวีนิติบท 19 มี “ข้อกำหนด” บางอย่างสำหรับชาวอิสราเอลด้วย เช่น ในข้อ 5-8, 21, 22 พูดถึงการถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชา ที่นั่นบอกว่าเมื่อชาวอิสราเอลถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชา พวกเขาต้องไม่ “ดูหมิ่นสิ่งบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา” สำหรับพวกเราแล้ว การอ่านข้อเหล่านี้ควรกระตุ้นให้เราอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจและทำให้เราอยากถวายเครื่องบูชาที่เป็นคำสรรเสริญแก่พระองค์อย่างที่พระองค์ยอมรับเหมือนที่บอกไว้ในฮีบรู 13:15 ห21.12 น. 5-6 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม
ขอให้ลูกมีความสุขกับภรรยาที่อยู่กันมาตั้งแต่หนุ่มสาว—สภษ. 5:18
คู่สมรสที่อายุยังไม่มาก คุณจะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของคนที่พึ่งพระยะโฮวา เช่น คู่ที่รับใช้เต็มเวลามาเป็นเวลานานหลายสิบปี ลองขอคำแนะนำจากพวกเขาดูตอนที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องเป้าหมายในงานรับใช้ ถ้าคุณทำอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณวางใจพระยะโฮวา (สภษ. 22:17, 19) จำไว้ว่าชีวิตคู่เป็นของขวัญจากพระยะโฮวา (มธ. 19:5, 6) พระองค์อยากให้สามีภรรยามีความสุขกับของขวัญนี้ ถ้าคุณเป็นคู่สมรสที่อายุยังไม่มาก ลองคิดดูว่าคุณกำลังใช้ชีวิตยังไงในตอนนี้ คุณเห็นค่าของขวัญที่พระยะโฮวาให้กับคุณโดยรับใช้พระองค์เต็มที่แล้วไหม? คุยกับพระยะโฮวาในคำอธิษฐาน ลองหาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่ตรงกับสภาพการณ์ของคุณและทำตามที่พระยะโฮวาบอก คุณมั่นใจได้เลยว่าคุณจะมีชีวิตที่มีความสุขและได้รับพรมากมายถ้าให้งานรับใช้พระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของคุณ ห21.11 น. 19 ว. 16, 18
วันอังคารที่ 26 ธันวาคม
เราทุกคนผิดพลาดกันอยู่บ่อย ๆ—ยก. 3:2
ยากอบมองตัวเองอย่างถูกต้อง ยากอบไม่ได้คิดว่าการเป็นน้องชายของพระเยซูหรือการได้รับงานมอบหมายพิเศษทำให้เขาเป็นคนสำคัญหรืออยู่เหนือพี่น้องคนอื่น ๆ เขาเรียกเพื่อนร่วมความเชื่อว่า “พี่น้องที่รัก” (ยก. 1:16, 19; 2:5) ยากอบไม่พยายามทำให้พี่น้องคนอื่นรู้สึกว่าเขาสมบูรณ์แบบ บทเรียนคือ เราต้องจำไว้ว่าเราทุกคนเป็นคนบาป อย่าคิดว่าเราดีกว่านักศึกษาของเรา เพราะถ้าเราทำให้นักศึกษาคิดว่าเราไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย เขาก็จะคิดว่าคงไม่มีทางทำตามที่พระเจ้าบอกได้ แต่ถ้าเรายอมรับว่าบางครั้งเราก็รู้สึกไม่ง่ายที่จะทำตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลและบอกนักศึกษาด้วยว่าพระยะโฮวาช่วยเรายังไงให้ทำได้ เราก็จะช่วยให้นักศึกษาเห็นว่าเขาก็สามารถรับใช้พระองค์ได้เหมือนกัน ห22.01 น. 11-12 ว. 13-14
วันพุธที่ 27 ธันวาคม
ให้พวกคุณคิดแบบเดียวกับพระคริสต์เยซู—ฟป. 2:5
ยิ่งเราคิดแบบพระเยซู เราก็ยิ่งทำเหมือนที่ท่านทำ และแสดงคุณลักษณะแบบเดียวกับท่านได้มากขึ้น (ฮบ. 1:3) เราอาจคิดว่า ‘พระเยซูเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ จะให้ฉันเป็นเหมือนท่านเป๊ะ ๆ ไม่ได้หรอก’ ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นให้จำ 3 อย่างนี้ไว้ อย่างแรก คุณถูกสร้างตามแบบพระยะโฮวาและพระเยซู คุณเลยสามารถเป็นแบบพระองค์ได้แน่ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง (ปฐก. 1:26) อย่างที่ 2 พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอกภพ ถ้าคุณขอพลังบริสุทธิ์จากพระเจ้า คุณจะสามารถทำสิ่งที่คุณไม่มีทางทำด้วยตัวเองได้ อย่างที่ 3 พระยะโฮวาไม่ได้คาดหมายให้คุณแสดงผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบในตอนนี้ พระองค์ให้คนที่มีความหวังบนโลกมีเวลาถึง 1,000 ปีเพื่อจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ (วว. 20:1-3) สิ่งที่พระยะโฮวาอยากให้เราทำตอนนี้ก็คือพระองค์อยากให้เราพยายามเต็มที่ และพึ่งพระองค์เสมอ ห22.03 น. 9 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม
พระยะโฮวา ผมยังไม่ทันพูดอะไร พระองค์ก็รู้หมดแล้ว—สด. 139:4
การอธิษฐานไม่ใช่แค่อย่างเดียวที่ทำให้เราสนิทกับพระยะโฮวา การศึกษาและการประชุมก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เราสนิทกับพระยะโฮวาได้ แต่เราจะทำอะไรได้เพื่อจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด? ให้ลองถามตัวเองว่า ‘ตอนที่ศึกษาส่วนตัวและไปประชุม มีอะไรบ้างที่อาจทำให้ฉันเสียสมาธิ เช่น มีคนโทรมาหา มีอีเมลเข้ามา หรือมีคนส่งข้อความมาหาฉันไหม?’ เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มใจลอยตอนที่ศึกษาส่วนตัวหรือตอนที่ประชุมอยู่ ให้คุณอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาช่วยคุณ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเลิกรู้สึกแบบนั้นและจดจ่ออยู่กับการศึกษาส่วนตัวและการประชุม แต่เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องทำอย่างนั้นให้ได้ ให้คุณอธิษฐานขอสันติสุขของพระเจ้าที่จะไม่ใช่แค่ปกป้องหัวใจของคุณเท่านั้น แต่ปกป้อง “ความคิด” ของคุณด้วย—ฟป. 4:6, 7 ห22.01 น. 29 ว. 12-14
วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม
ให้เงี่ยหูฟังคำของคนฉลาด—สภษ. 22:17
กษัตริย์อุสซียาห์ไม่ยอมรับคำแนะนำ เขาเข้าไปในวิหารส่วนที่เฉพาะปุโรหิตเท่านั้นเข้าได้และพยายามถวายเครื่องหอม พวกปุโรหิตของพระยะโฮวาบอกกับอุสซียาห์ว่า “ท่านอุสซียาห์ ท่านไม่ควรเผาเครื่องหอมถวายพระยะโฮวา ปุโรหิตเท่านั้นที่จะเผาเครื่องหอมได้” อุสซียาห์ทำยังไง? ถ้าเขายอมรับคำแนะนำและรีบออกไปทันที พระยะโฮวาก็อาจจะยกโทษให้เขา แต่ปรากฏว่าเขา “โกรธมาก” ทำไมอุสซียาห์ถึงไม่ฟังคำแนะนำ? เขาอาจคิดว่าเขาเป็นกษัตริย์ เขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ แต่พระยะโฮวาไม่ได้คิดอย่างนั้น อุสซียาห์ทำเกินสิทธิ์เลยทำให้เขา “เป็นโรคเรื้อนจนถึงวันที่เขาตาย” (2 พศ. 26:16-21) บทเรียนสำหรับเราก็คือ ไม่ว่าเราจะเป็นใครหรือมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร ถ้าเราไม่ฟังคำแนะนำที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาจะไม่พอใจเราอีกต่อไป ห22.02 น. 9 ว. 7
วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม
ดังนั้น ให้กลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ เพื่อบาปของพวกคุณจะถูกลบล้าง แล้วจากนี้ไปพวกคุณจะได้รับความสดชื่นจากพระยะโฮวา—กจ. 3:19
คนที่ยังไม่ “ทิ้งลักษณะนิสัยเก่า” จะปล่อยให้ความคิดและนิสัยที่ไม่ดีควบคุมชีวิตเขา (คส. 3:9) เขาอาจเป็นคนเห็นแก่ตัว ขี้โมโห ไม่รู้จักขอบคุณ หยิ่ง ชอบดูสื่อลามก ชอบดูหนังรุนแรงและผิดศีลธรรม เขาอาจมีนิสัยดี ๆ อยู่บ้างและอาจรู้สึกผิดเวลาทำอะไรที่ไม่ดี แต่เขาไม่มีแรงกระตุ้นพอที่จะเปลี่ยนความคิดและการกระทำแบบนั้น (กท. 5:19-21; 2 ทธ. 3:2-5) เราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยไม่สามารถเลิกคิดหรือเลิกอยากทำสิ่งที่ไม่ดีได้อย่างเด็ดขาด บางครั้งเราอาจพูดหรือทำอะไรที่ต้องมาเสียใจทีหลัง (ยรม. 17:9; ยก. 3:2) แต่ถ้าเรา “ทิ้งลักษณะนิสัยเก่า” ได้ ถึงเราจะมีนิสัยหรือความคิดที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่มันจะไม่ควบคุมชีวิตเราอีกต่อไป และคนอื่นจะเห็นว่าเราไม่ใช่คนเดิม—อสย. 55:7 ห22.03 น. 3 ว. 4-5
วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม
ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง—ฟป. 2:3
ผู้ดูแลควรมองที่ข้อดีของพี่น้อง ถึงพี่น้องจะเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ แต่พี่น้องทุกคนก็มีข้อดีที่เราจะชมเชยได้ ก็จริงที่บางครั้งผู้ดูแลต้องให้คำแนะนำพี่น้อง แต่เขาควรเลียนแบบเปาโลโดยมองข้ามข้อบกพร่องของพี่น้องที่อาจพูดหรือทำบางอย่างที่เขาเองรู้สึกไม่ชอบ ผู้ดูแลควรสนใจว่าพี่น้องรักพระยะโฮวามากขนาดไหน พี่น้องต้องอดทนแค่ไหน และพวกเขาก็อยากทำสิ่งที่ดีจริง ๆ แล้วถ้าผู้ดูแลมองข้อดีของพี่น้อง ทั้งประชาคมก็จะอบอุ่นและรักกันมาก คุณต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้คาดหมายความสมบูรณ์แบบจากคุณ แต่พระองค์อยากให้คุณซื่อสัตย์ในหน้าที่ (1 คร. 4:2) คุณก็มั่นใจได้เหมือนกันว่าพระองค์จะเห็นค่างานหนักที่คุณทำ พระยะโฮวาจะ “ไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำและความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์ คือที่พวกคุณรับใช้พวกผู้บริสุทธิ์และยังคงรับใช้อยู่”—ฮบ. 6:10 ห22.03 น. 31 ว. 19, 21