พฤศจิกายน
วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน
พวกเขาทุกคนจะได้รับการสอนจากพระยะโฮวา—ยน. 6:45
พระยะโฮวาช่วยคุณหลายอย่างจริง ๆ เช่น พระองค์ช่วยให้คุณใจเย็นตอนที่มีคนพูดไม่ดีใส่คุณ พระองค์ช่วยคุณให้นึกข้อคัมภีร์ออกซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงกับที่เจ้าของบ้านสนใจพอดี และพระองค์ยังให้กำลังกับคุณเพื่อคุณจะประกาศต่อไปแม้ว่าคนในเขตจะไม่สนใจ (ยรม. 20:7-9) อีกวิธีที่พระยะโฮวาทำดีกับเราก็คือพระองค์ฝึกเราให้ทำงานรับใช้เก่งขึ้น ในการประชุมกลางสัปดาห์เราได้เห็นตัวอย่างวิธีการพูดคุยที่จะช่วยให้เรารู้ว่าเราจะประกาศยังไง ตอนแรกเราอาจจะกลัวและไม่ค่อยมั่นใจว่าจะใช้วิธีใหม่ดีไหม แต่พอเราทำตาม เราก็เห็นว่าวิธีนั้นใช้ได้ดีกับเขตของเรา นอกจากนั้นในการประชุมประชาคมและการประชุมใหญ่เราได้รับคำแนะนำให้ลองวิธีรับใช้แบบอื่น ๆ ด้วย เราอาจจะกลัวเหมือนกันที่ต้องทำอย่างนั้น แต่พอเราทำตาม เราก็เห็นว่าพระยะโฮวาอวยพรเราจริง ๆ ห21.08 น. 27 ว. 5-6
วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน
ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะสมัยนี้ชั่วช้า—อฟ. 5:16
ตอนที่เปาโลเขียนจดหมายถึงคริสเตียนในเมืองโครินธ์ เขาให้คำแนะนำตรง ๆ กับพี่น้องที่นั่น ต่อมาเขาก็ส่งทิตัสไป แล้วเปาโลก็ดีใจที่รู้ว่าพี่น้องเหล่านั้นเอาคำแนะนำของเขาไปใช้จริง ๆ (2 คร. 7:6, 7) ผู้ดูแลควรเลียนแบบเปาโลโดยใช้เวลากับพี่น้อง เขาจะทำแบบนั้นได้โดยมาประชุมเร็ว ๆ จะได้มีโอกาสคุยกับพี่น้องมากขึ้น ผู้ดูแลต้องไม่คิดว่าการพูดให้กำลังใจต้องใช้เวลานาน หลายครั้งแค่คุยกับพี่น้องสั้น ๆ พี่น้องก็ได้กำลังใจแล้ว (รม. 1:12) ผู้ดูแลที่เลียนแบบเปาโลจะให้กำลังใจพี่น้องโดยพูดถึงข้อคัมภีร์ดี ๆ และทำให้พี่น้องมั่นใจว่าพระยะโฮวารักพวกเขาจริง ๆ ผู้ดูแลต้องหาเวลาพูดคุยกับพี่น้องเสมอและหาโอกาสชมเชยพวกเขา และถ้าต้องให้คำแนะนำ ผู้ดูแลก็ต้องให้คำแนะนำจากพระคัมภีร์ เขาจะพูดตรงจุดแต่ก็ต้องอ่อนโยนเพราะอยากให้พี่น้องทำตาม—กท. 6:1 ห22.03 น. 28-29 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน
เมื่อเราได้รับงานพิเศษนี้ เราก็เป็นเหมือนภาชนะดินที่ใส่ของมีค่าไว้ เพื่อให้เห็นว่ากำลังที่มากกว่าปกตินั้นมาจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากตัวเราเอง—2 คร. 4:7
ทุกวันนี้พระยะโฮวาให้ “กำลังที่มากกว่าปกติ” กับผู้รับใช้ของพระองค์เพื่อพวกเขาจะรักษาความซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปได้ วิธีหนึ่งที่เราจะได้กำลังก็คือการอธิษฐาน ที่เอเฟซัส 6:18 เปาโลบอกให้เราอธิษฐาน “ในทุกโอกาส” ถ้าเราทำอย่างนั้น พระเจ้าจะให้พลังกับเรา บางครั้งเราอาจจะเครียดมากและรู้สึกว่าทนกับปัญหาไม่ไหวแล้ว หรือไม่รู้ว่าจะพูดกับพระยะโฮวายังไงดี แต่พระยะโฮวาอยากให้เราอธิษฐานถึงพระองค์ ถึงแม้ว่าเราจะพูดไม่ค่อยถูกว่าเรารู้สึกยังไง (รม. 8:26, 27) นอกจากนั้น พระองค์ยังให้พลังเราจากคัมภีร์ไบเบิล เปาโลได้รับพลังและกำลังใจจากการอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราก็ต้องทำเหมือนกัน (รม. 15:4) ตอนที่เราอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญสิ่งที่อ่าน พระยะโฮวาจะใช้พลังบริสุทธิ์ช่วยให้เราเข้าใจว่าจะเอาคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลมาใช้กับปัญหาที่เรากำลังเจออยู่ได้ยังไง—ฮบ. 4:12 ห21.05 น. 22 ว. 8-10
วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน
พระเจ้า . . . กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ—ฟป. 2:13
เรารู้ว่าการสอนเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่อาจจะมีอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้เราทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ เรารู้สึกว่าสภาพการณ์ของเราทำให้เราทำไม่ได้อย่างที่อยากทำ ตัวอย่างเช่น เราอาจสุขภาพไม่ค่อยดีหรืออายุมากแล้วไหม? ถ้าใช่ เราสามารถศึกษาทางโทรศัพท์หรือทางออนไลน์จากที่บ้านได้ ซึ่งนี่ทำให้เราสะดวกมากกว่า และยังมีข้อดีอีกอย่างด้วย บางคนอยากศึกษาคัมภีร์ไบเบิลมาก แต่สะดวกเฉพาะช่วงเช้า ๆ หรือไม่ก็ช่วงดึก ๆ ซึ่งปกติไม่ใช่เวลาที่เราออกไปรับใช้ ตอนนี้คุณศึกษาจากที่บ้านได้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงปรับเวลาตามที่เขาต้องการได้ พระเยซูสอนนิโคเดมัสตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการ—ยน. 3:1, 2 ห21.07 น. 5 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน
ชนชาตินี้ดีแต่พูดว่าจะมาหาเรา พวกเขานับถือเราแต่ปาก แต่ในใจของเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย—อสย. 29:13
พวกสาวกของยอห์นผู้ให้บัพติศมาไม่เข้าใจว่าทำไมสาวกของพระเยซูถึงไม่ยอมถือศีลอดอาหาร แต่พระเยซูบอกว่าตอนที่ท่านยังอยู่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น (มธ. 9:14-17) นอกจากนั้น พวกฟาริสีกับพวกคนที่ต่อต้านพระเยซูก็ต่อว่าท่านที่ท่านไม่ยอมทำตามธรรมเนียมของพวกเขา พวกเขาโกรธมากตอนที่ท่านรักษาคนในวันสะบาโต (มก. 3:1-6; ยน. 9:16) พวกเขาทำเป็นพูดว่าเคร่งครัดเรื่องกฎวันสะบาโต แต่กลับปล่อยให้คนมาค้าขายในวิหาร แถมยังโมโหตอนที่พระเยซูมาว่าพวกเขา (มธ. 21:12, 13, 15) นอกจากนั้น ยังมีคนที่อยู่ในที่ประชุมของชาวยิวในเมืองนาซาเร็ธที่ไม่ยอมรับท่านด้วย พระเยซูไม่ได้ทำอย่างที่พวกเขาหวังไว้ แต่กลับใช้ตัวอย่างในประวัติศาสตร์ของชาติอิสราเอลเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวและขาดความเชื่อ พวกเขาก็เลยโกรธมาก (ลก. 4:16, 25-30) พระเยซูไม่ได้ทำอย่างที่หลายคนคาดหมาย พวกเขาเลยไม่ยอมรับท่าน—มธ. 11:16-19 ห21.05 น. 5-6 ว. 13-14
วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน
เรารู้อุบายของมัน—2 คร. 2:11
พระยะโฮวาช่วยให้เราเห็นอันตรายของความหยิ่งและความโลภโดยให้เราเรียนจากชีวิตของคนอื่น เมื่อเราคิดถึงความโลภเราอาจจะคิดถึงซาตานทันที ซาตานเป็นทูตสวรรค์ของพระยะโฮวา มันต้องมีสิทธิพิเศษหลายอย่างมากแน่ ๆ แต่มันก็ยังไม่พอใจ มันอยากได้การนมัสการที่เป็นของพระยะโฮวาเท่านั้น ซาตานอยากให้เราเป็นเหมือนมัน มันเลยพยายามทำให้เราไม่พอใจกับสิ่งที่เรามี ครั้งแรกที่มันทำอย่างนั้นคือตอนที่มันพูดกับเอวา จริง ๆ แล้วพระยะโฮวารักเอวาและสามีของเธอมาก พระองค์ให้พวกเขามีอาหารหลายอย่างที่ดีและน่ากินรวมทั้งผลไม้ “จากต้นไม้ทุกต้นในสวน” ยกเว้นต้นเดียว (ปฐก. 2:16) แต่ซาตานบอกให้เอวาคิดว่าเธอต้องกินผลไม้จากต้นที่ถูกห้ามนั้นให้ได้ เอวาไม่พอใจในสิ่งที่เธอมี เธออยากได้มากขึ้นอีก เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เอวาทำบาปและในที่สุดก็ต้องตาย—ปฐก. 3:6, 19 ห21.06 น. 14 ว. 2-3; น. 17 ว. 9
วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน
ให้เกิดลูกหลานมากมายและเพิ่มจำนวนให้เต็มโลก ให้มีอำนาจเหนือแผ่นดิน—ปฐก. 1:28
พระยะโฮวาอยากให้อาดัมกับเอวามีลูกหลานและดูแลโลกที่เป็นบ้านของพวกเขา ถ้าอาดัมกับเอวาเชื่อฟังและทำตามที่พระองค์บอก เขาทั้งสองคนและลูกหลานของพวกเขาก็จะได้เป็นครอบครัวของพระองค์ตลอดไป อาดัมกับเอวาได้อยู่ในครอบครัวของพระยะโฮวาอย่างมีเกียรติ เราเห็นเรื่องนี้ได้จากคำพูดของดาวิดในสดุดี 8:5 เขาพูดถึงมนุษย์ที่พระยะโฮวาสร้างว่า “พระองค์สร้างเขาให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์หน่อยหนึ่ง พระองค์ให้เขามีเกียรติยศและความสง่างาม” ถึงมนุษย์จะไม่ได้มีพลัง มีสติปัญญา หรือมีความสามารถเหมือนกับทูตสวรรค์ แต่มนุษย์ก็ต่ำกว่าทูตสวรรค์แค่ “หน่อยหนึ่ง” (สด. 103:20) น่าเศร้าที่อาดัมกับเอวาไม่ได้เป็นครอบครัวของพระยะโฮวาอีกต่อไป นี่เลยส่งผลให้ลูกหลานของพวกเขาต้องได้รับผลที่เลวร้ายจากการไม่เชื่อฟังของพวกเขาด้วย แต่ความตั้งใจของพระยะโฮวายังไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์ยังอยากให้มนุษย์ที่เชื่อฟังเป็นลูกของพระองค์ตลอดไป ห21.08 น. 2-3 ว. 2-4
วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน
เรายะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า “เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะกำลังทหารหรือกำลังอย่างอื่น แต่เพราะพลังของเรา”—ศคย. 4:6
ทุกวันนี้พยานฯหลายคนเจอการต่อต้าน เช่น ในบางประเทศที่งานของเราไม่มีอิสระเต็มที่ พี่น้องอาจถูกจับและ “ถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้าผู้ว่าราชการและกษัตริย์” แต่นี่ก็ทำให้พวกเขาได้ประกาศกับคนเหล่านั้น (มธ. 10:17, 18) พยานฯยังอาจเจอการต่อต้านในรูปแบบอื่นด้วย เช่น หลายคนอาจอยู่ในประเทศที่งานของเรามีอิสระ แต่กลับเจอการต่อต้านจากครอบครัวให้เลิกรับใช้พระยะโฮวา (มธ. 10:32-36) แต่หลายครั้งญาติของพี่น้องเหล่านี้ก็รู้สึกว่าที่พวกเขาบอกให้พี่น้องของเราเลิกรับใช้พระเจ้า มันไม่ได้ผลก็เลยไม่ห้ามพี่น้องของเราอีก และบางครั้งคนที่เคยต่อต้านอย่างหนักก็ถึงกับเข้ามาเป็นพยานฯที่กระตือรือร้นด้วย ดังนั้น ถ้าคุณเจอการต่อต้านก็อย่าเพิ่งท้อ ให้กล้าหาญเข้าไว้ คุณมีพระยะโฮวาและพลังบริสุทธิ์ของพระองค์อยู่กับคุณ คุณไม่มีอะไรต้องกลัว ห22.03 น. 16 ว. 8
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน
พวกคุณที่รักพระยะโฮวา ขอให้เกลียดสิ่งชั่ว—สด. 97:10
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาเกลียด “ตาที่เย่อหยิ่ง ลิ้นที่โกหก มือที่ฆ่าคนไม่มีความผิด” (สภษ. 6:16, 17) และพระองค์ “เกลียดคนที่ชอบความรุนแรงและคนหลอกลวง” (สด. 5:6) พระยะโฮวาเกลียดสิ่งเหล่านี้มากจนถึงกับทำลายคนชั่วทุกคนในสมัยโนอาห์ เพราะพวกเขาทำให้โลกมีแต่ความรุนแรง (ปฐก. 6:13) นอกจากนั้น พระองค์ยังบอกผ่านผู้พยากรณ์มาลาคีว่าพระองค์เกลียดคนที่วางแผนหย่าภรรยาทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้มีความผิดอะไร พระยะโฮวาไม่ยอมรับการนมัสการของคนที่ทำแบบนั้นและจะลงโทษพวกเขา (มลค. 2:13-16; ฮบ. 13:4) พระยะโฮวาอยากให้เรา “เกลียดสิ่งที่ชั่ว” (รม. 12:9) คำว่า “เกลียด” ในข้อนี้สื่อถึงความรู้สึกที่รุนแรง หมายถึงการเกลียดอะไรบางอย่างมาก ๆ ถึงขั้นขยะแขยงและสะอิดสะเอียน คล้ายกัน แค่คิดว่าจะทำสิ่งที่พระยะโฮวาเกลียด มันก็น่าจะทำให้เรารู้สึกสะอิดสะเอียน ห22.03 น. 4-5 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน
คนที่ตั้งตาคอยพระองค์ก็มีความสุข—อสย. 30:18
พระยะโฮวาอวยพรเราโดยทางรัฐบาลของพระองค์ คนที่ตั้งตาคอยพระยะโฮวาจะได้รับพรมากมายทั้งในตอนนี้และในอนาคต ในโลกใหม่เราจะไม่ต้องทนกับความกังวลหรือปัญหาอย่างที่เราต้องเจอในโลกทุกวันนี้อีกต่อไป ความไม่ยุติธรรมจะหมดไปและความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย (วว. 21:4) เราจะไม่ต้องกังวลอะไรอีก เราจะมีสิ่งจำเป็นทุกอย่างไม่ขาดอะไรเลย (สด. 72:16; อสย. 54:13) มันยอดเยี่ยมจริง ๆ ใช่ไหม! ตอนนี้พระยะโฮวากำลังเตรียมเราให้พร้อมที่จะอยู่ใต้การปกครองของพระองค์โดยช่วยเราให้เอาชนะนิสัยที่ไม่ดี และปรับปรุงตัวเองให้มีนิสัยที่ดีเหมือนพระองค์มากขึ้น อย่ายอมแพ้และอย่าเลิกรับใช้พระยะโฮวา เรากำลังจะได้ชีวิตที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ขณะที่เรากำลังรออนาคตที่สดใสอยู่ ขอเราตั้งใจอดทนรอพระยะโฮวาให้พระองค์ทำตามสิ่งต่าง ๆ ที่สัญญาไว้ ห21.08 น. 13 ว. 17-19
วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน
อย่าลืมทำความดีและแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่น เพราะพระเจ้าพอใจเครื่องบูชาแบบนั้น—ฮบ. 13:16
หลังจากที่พี่น้องในยูเดียได้จดหมายจากเปาโลไม่นาน พวกเขาก็ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งธุรกิจ และญาติพี่น้องที่ไม่ใช่คริสเตียนเพื่อ “หนีไปที่ภูเขา” (มธ. 24:16) พอไปถึงที่นั่นพวกเขาต้องช่วยเหลือกันและกัน ถ้าก่อนหน้านี้พี่น้องในยูเดียไม่ได้เอาคำแนะนำของเปาโลมาใช้ที่ให้แบ่งปันสิ่งที่ตัวเองมีกับคนอื่น พอถึงเวลาที่พวกเขาต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ลำบากกว่าเดิมก็อาจไม่ใช่เรื่องง่าย ในทุกวันนี้ พี่น้องอาจไม่ได้บอกเราทุกครั้งว่าเขาอยากจะให้เราช่วยอะไร ดังนั้น ให้พยายามเป็นคนที่ใคร ๆ อยากเข้ามาขอความช่วยเหลือ เราคงรู้จักพี่น้องบางคนในประชาคมของเราที่พร้อมช่วยคนอื่นเสมอ เขาไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังรบกวนเขา และพอเรามีปัญหาเราก็พึ่งเขาได้ตลอด เราก็อยากเป็นเหมือนเขาด้วย ห22.02 น. 23-24 ว. 13-15
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยพลังของพระเจ้า และมีสันติสุขที่ผูกพันคนเราให้เป็นหนึ่งเดียว—อฟ. 4:3
เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีการจัดระเบียบหมวดและประชาคมใหม่ ถ้าผู้ดูแลมาขอให้เราย้าย เราอาจไม่อยากแยกจากเพื่อน ๆ หรือครอบครัวของเราไป ที่จริง พระเจ้าได้มาบอกผู้ดูแลไหมว่าจะให้พี่น้องคนนี้ย้ายไปอยู่ที่ประชาคมไหน? ไม่ใช่ นี่เลยอาจทำให้เราไม่ค่อยอยากทำตามที่ผู้ดูแลบอก แต่ถ้าพระยะโฮวาไว้ใจผู้ดูแล เราก็ควรไว้ใจพวกเขาด้วย นอกจากนั้น ทำไมเราต้องให้ความร่วมมือกับผู้ดูแลและสนับสนุนการตัดสินใจของพวกเขาแม้ว่าเราจะไม่ค่อยเห็นด้วย? เพราะการทำแบบนี้ทำให้คนของพระยะโฮวาเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าพี่น้องทุกคนในประชาคมยอมรับการตัดสินใจของคณะผู้ดูแลด้วยความถ่อม ประชาคมก็จะก้าวหน้า (ฮบ. 13:17) และที่สำคัญ ถ้าเราให้ความร่วมมือกับคนที่พระยะโฮวาไว้ใจให้ดูแลเรา ก็แสดงว่าเราไว้ใจพระองค์—กจ. 20:28 ห22.02 น. 4-5 ว. 9-10
วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน
ให้คุณใส่ใจกับการอ่านให้คนอื่นฟัง การให้คำแนะนำ และการสอน—1 ทธ. 4:13
ถ้าคุณเป็นพี่น้องชายที่รับบัพติศมาแล้ว คุณอาจจะพยายามฝึกที่จะพูด สอน และบรรยายให้ดีขึ้น ทำไม? เพราะถ้าคุณ “ทุ่มเท” ในการอ่าน พูด และสอน คุณก็จะช่วยคนที่ฟังคุณได้มากขึ้น (1 ทธ. 4:15) ลองตั้งเป้าที่จะศึกษาหนังสือใส่ใจการอ่านและการสอนของคุณ ทีละบท ตั้งใจฝึกที่บ้าน แล้วตอนที่ได้รับส่วนมอบหมายก็ลองทำตามที่คุณฝึกไว้ นอกจากนั้น ให้คุณขอคำแนะนำจากผู้ช่วยให้คำแนะนำหรือผู้ดูแลคนอื่น ๆ “ที่ทำงานหนักในการพูดและการสอน” (1 ทธ. 5:17) อย่าสนใจแต่จะทำตามวิธีการพูดในหนังสือเท่านั้น แต่ให้พยายามช่วยผู้ฟังให้มีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นหรือกระตุ้นพวกเขาให้ลงมือทำอะไรบางอย่าง ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็จะทำให้ตัวคุณเองและคนที่ฟังคุณมีความสุขมากขึ้น ห21.08 น. 24 ว. 17
วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน
ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง—ฟป. 2:3
ถ้าเรายอมรับว่าคนอื่นดีกว่าเรา เราจะไม่พยายามไปแข่งกับพี่น้องที่อาจจะมีความสามารถหรือพรสวรรค์อะไรบางอย่างมากกว่าเรา แต่เราจะมีความสุขที่เห็นว่าเขาใช้ความสามารถที่มีเพื่อรับใช้พระยะโฮวา ถ้าเราทุกคนทำแบบนี้ เราก็จะช่วยให้ประชาคมมีสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน เราต้องเป็นคนเจียมตัวเพื่อจะไม่อิจฉาคนอื่น เราต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง ถ้าเราเจียมตัวเราจะไม่พยายามทำให้คนอื่นเห็นว่าเราดีกว่าหรือมีความสามารถมากกว่าคนอื่น แต่เราจะพยายามเรียนจากคนที่เก่งกว่าเรา ตัวอย่างเช่น ถ้ามีพี่น้องคนหนึ่งที่บรรยายเก่งมาก เราอาจจะถามเขาว่าเขาเตรียมคำบรรยายยังไง และถ้ามีพี่น้องหญิงที่ทำกับข้าวเก่ง เราอาจจะถามว่าเขามีเคล็ดลับอะไร ห21.07 น. 16 ว. 8-9
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน
[พระยะโฮวา] ยุติธรรมเสมอ—ฉธบ. 32:4
ตอนที่เราอ่านหนังสือกันดารวิถี เราเห็นว่าพระยะโฮวาลงโทษผู้ชายคนหนึ่งที่เก็บฟืนในวันสะบาโต แต่พออ่าน 2 ซามูเอล เราเห็นว่าพระองค์ยกโทษกษัตริย์ดาวิดที่ทำผิดศีลธรรมและฆ่าคน (กดว. 15:32, 35; 2 ซม. 12:9, 13) เราอาจสงสัยว่า ‘ทำไมพระยะโฮวาถึงให้อภัยดาวิดทั้ง ๆ ที่เขาฆ่าคนและทำผิดศีลธรรม แต่กลับให้ประหารชีวิตผู้ชายคนนั้นที่ดูเหมือนทำผิดน้อยกว่าดาวิดมาก?’ คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกรายละเอียดทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น เรารู้ว่ากษัตริย์ดาวิดกลับใจจริง ๆ (สด. 51:2-4) แต่สำหรับผู้ชายคนนั้นที่ฝ่าฝืนกฎเรื่องวันสะบาโต เขาเป็นคนแบบไหน? เขาเสียใจจริง ๆ ไหม? เขาเคยไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้ามาก่อนไหม? ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกเตือนแต่เขาไม่สนใจคำเตือนนั้นไหม? คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เราก็มั่นใจได้ว่า “พระยะโฮวาทำทุกสิ่งอย่างถูกต้อง” เสมอ—สด. 145:17 ห22.02 น. 2-3 ว. 3-4
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน
คนเจียมตัวจะมีสติปัญญา—สภษ. 11:2
คนเจียมตัวจะไม่คาดหมายมากกว่าที่ตัวเองทำได้ และนั่นจะทำให้เขามีความสุขและยังทำงานมอบหมายได้อย่างเต็มที่ เราอาจจะเปรียบคนเจียมตัวเหมือนกับคนที่กำลังขับรถขึ้นเขา เขาต้องเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ถึงเขาจะไปช้ากว่าเดิม แต่เขาก็ยังไปข้างหน้าได้ คนเจียมตัวก็เหมือนกัน เขารู้ว่าเมื่อไหร่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้อง “เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ” เพื่อเขาจะยังรับใช้พระยะโฮวาและช่วยคนอื่นได้ (ฟป. 4:5) ให้เรามาดูตัวอย่างของบาร์ซิลลัย กษัตริย์ดาวิดชวนเขามาอยู่และทำงานในวังตอนที่เขาอายุ 80 แต่บาร์ซิลลัยปฏิเสธ บาร์ซิลลัยเสนอให้คิมฮามซึ่งเป็นคนที่อายุน้อยกว่าเขาไปแทน (2 ซม. 19:35-37) พี่น้องสูงอายุในทุกวันนี้ก็เหมือนกับบาร์ซิลลัย พวกเขามีความสุขที่ได้ให้โอกาสพี่น้องชายที่อายุน้อยกว่าทำงานรับใช้ที่เขาเคยทำ ห21.09 น. 10 ว. 6-7
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน
ไม่มีใครรู้จักลูกของพระเจ้านอกจากพระเจ้าผู้เป็นพ่อ และไม่มีใครรู้จักพระเจ้าผู้เป็นพ่อนอกจากลูกของพระองค์และคนที่ท่านอยากบอกให้รู้—ลก. 10:22
คุณรู้สึกว่ายากไหมที่จะมองว่าพระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักคุณ? บางคนรู้สึกแบบนั้นเพราะเขาโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่รัก แต่ขอให้คุณมั่นใจว่าพระยะโฮวาเข้าใจความรู้สึกของคุณและอยากให้คุณสนิทกับพระองค์ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาใกล้ชิดกับคุณ” (ยก. 4:8) พระยะโฮวารักคุณและพระองค์อยากเป็นพ่อที่ดีที่สุดที่คุณจะมีได้ พระเยซูช่วยให้เราสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นได้ เพราะท่านสนิทกับพระยะโฮวามากและท่านเลียนแบบพระองค์ได้ดีที่สุด ท่านเองบอกว่า “คนที่ได้เห็นผมก็ได้เห็นพระเจ้าผู้เป็นพ่อด้วย” (ยน. 14:9) พระเยซูเป็นเหมือนพี่ชายของเราที่สอนเราได้ว่าเราจะเชื่อฟังและนับถือพ่อยังไง เราต้องทำยังไงเพื่อจะทำให้พ่อภูมิใจและไม่ทำให้พ่อเสียใจ สิ่งที่พระยะโฮวาทำกับพระเยซูตอนที่ท่านอยู่บนโลกทำให้เห็นว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่รักและห่วงใยเรามาก ห21.09 น. 21 ว. 4-5
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน
ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของพวกคุณ—1 ปต. 5:2
คนของพระยะโฮวานมัสการพระองค์อย่างเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก พระองค์ให้หน้าที่สำคัญกับผู้ดูแลคือให้รักษาประชาคมให้สะอาดทางด้านศีลธรรม ถ้ามีพี่น้องคนหนึ่งทำผิดร้ายแรง ผู้ดูแลมีหน้าที่ดูว่าคนนั้นยังสามารถอยู่ในประชาคมต่อได้หรือเปล่าโดยดูว่า เขาเสียใจที่ทำผิดจริง ๆ ไหม? คนนั้นบอกว่ากลับใจแล้วแต่เขาเกลียดสิ่งที่เขาทำจริง ๆ หรือเปล่า? เขาตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดอีกไหม? และถ้าเขาคบเพื่อนไม่ดีที่ชวนให้ทำผิด เขาจะเลิกคบกับเพื่อนพวกนั้นไหม? ผู้ดูแลต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ต้องคิดถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ คิดถึงหลักการในคัมภีร์ไบเบิล และดูว่าคนที่ทำผิดคิดยังไงกับสิ่งที่เขาทำ แล้วผู้ดูแลถึงจะตัดสินได้ว่าคนนั้นควรอยู่ในประชาคมต่อหรือต้องถูกตัดสัมพันธ์ออกจากประชาคม—1 คร. 5:11-13 ห22.02 น. 5 ว. 11-12
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน
ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—คส. 3:10
ไม่ว่าเราจะรับบัพติศมาแค่ไม่กี่วันหรือรับบัพติศมามาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว เราทุกคนอยากมีนิสัยที่ทำให้พระยะโฮวารัก เพื่อจะเป็นแบบนั้นได้เราต้องควบคุมความคิดของเรา เพราะอะไร? เพราะเราจะเป็นคนแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าความคิดของเราเป็นยังไง ถ้าเราเอาแต่คิดทำตามใจตัวเอง เราก็จะพูดและทำสิ่งที่ไม่ดี (อฟ. 4:17-19) แต่ถ้าเราพยายามคิดถึงสิ่งที่ดี ๆ เสมอ สิ่งที่เราพูดและทำก็จะทำให้พระยะโฮวาพอใจ (กท. 5:16) เป็นไปไม่ได้ที่เราจะกันความคิดที่ไม่ดีทุกอย่างไม่ให้เข้ามาในหัวเรา แต่เราเลือกได้ว่าจะไม่ทำตามความคิดเหล่านั้น ก่อนจะรับบัพติศมาเราได้เลิกพูดและเลิกทำสิ่งที่พระยะโฮวาเกลียดไปแล้ว ซึ่งนั่นเป็นขั้นตอนแรกและขั้นตอนสำคัญที่สุดเพื่อจะทิ้งลักษณะนิสัยเก่า แต่เพื่อจะทำให้พระยะโฮวาพอใจจริง ๆ เราต้องปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่ด้วย ห22.03 น. 8 ว. 1-2
วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน
พวกคุณพิสูจน์ตัวในทุกด้านแล้วว่าตัวเองบริสุทธิ์ในเรื่องนี้—2 คร. 7:11
เป็นเรื่องยากที่ผู้ดูแลจะตัดสินว่าคนที่ทำบาปร้ายแรงกลับใจจริงหรือเปล่า ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าผู้ดูแลอ่านหัวใจคนอื่นไม่ได้ พวกเขาทำได้แค่สังเกตว่าคนนั้นเปลี่ยนความคิดและเกลียดความผิดที่เคยทำจริง ๆ ไหม ฉะนั้น ผู้ดูแลต้องเห็นหลักฐานว่าเขาเปลี่ยนทั้งความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเขาแล้วจริง ๆ เพื่อคนที่ทำผิดจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องใช้เวลา คนที่ถูกตัดสัมพันธ์จะแสดงว่าเขากลับใจจริง ๆ ได้โดยไปประชุมเป็นประจำ และทำตามคำแนะนำของผู้ดูแลที่ให้อธิษฐานและศึกษาส่วนตัวเป็นประจำ นอกจากนั้น เขาต้องระวังอะไรก็ตามที่จะทำให้เขาถูกล่อใจให้กลับไปทำผิดซ้ำอีก ถ้าเขาพยายามจริง ๆ ที่จะทำให้สายสัมพันธ์ของเขากับพระยะโฮวากลับมาดีเหมือนเดิม เขาก็มั่นใจได้เลยว่าพระองค์จะให้อภัยเขาแน่นอน และผู้ดูแลจะช่วยให้เขากลับมาในประชาคมได้อีก ห21.10 น. 6 ว. 16-18
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน
อย่าทำรูปเคารพ ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ตามที่เหมือนกับสิ่งที่อยู่ในท้องฟ้า สิ่งที่อยู่บนแผ่นดิน . . . อย่ากราบไหว้หรือหลงไปนมัสการรูปเคารพพวกนั้น—อพย. 20:4, 5
พระเยซูรักพระยะโฮวามาก ท่านเลยนมัสการพระยะโฮวาเพียงผู้เดียวทั้งตอนที่อยู่บนสวรรค์และบนโลก และท่านก็สอนให้พวกสาวกทำแบบเดียวกัน (ลก. 4:8) ทั้งพระเยซูเองและพวกสาวกไม่เคยใช้รูปเคารพในการนมัสการ เพราะไม่มีใครเคยเห็นพระยะโฮวา เลยไม่มีทางที่ใครจะทำรูปอะไรให้เหมือนพระองค์ได้ (อสย. 46:5) แล้วถ้าเป็นรูปปั้นของนักบุญหรือคนที่ใคร ๆ คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ล่ะจะได้ไหม? คนที่อยากทำให้พระยะโฮวาพอใจก็เห็นคำตอบชัดเจนจากข้อคัมภีร์ประจำวันนี้แล้วซึ่งเป็นข้อที่ 2 ในบัญญัติ 10 ประการ นักประวัติศาสตร์หลายคนบอกว่าคริสเตียนรุ่นแรกนมัสการพระเจ้าองค์เดียว พยานพระยะโฮวาในทุกวันนี้ก็ทำตามคริสเตียนรุ่นแรก ห21.10 น. 19-20 ว. 5-6
วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน
คนที่อยู่บนดาดฟ้าอย่ากลับเข้าไปเก็บข้าวของในบ้าน—มธ. 24:17
พระเยซูเตือนคริสเตียนรุ่นแรกว่าวันหนึ่งพวกเขาจะเห็น “กองทัพมาตั้งค่ายล้อมกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก. 21:20-24) ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ พวกเขาต้องรีบ “หนีไปที่ภูเขา” ถ้าพวกเขาหนี พวกเขาก็จะรอดแต่ก็ต้องทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ข้างหลัง หอสังเกตการณ์ หลายปีที่แล้วบอกว่า “พวกเขาทิ้งไร่นาบ้านช่อง ไม่รวบรวมทรัพย์สินจากบ้านของเขาเสียด้วยซ้ำ ด้วยความเชื่อมั่นในการคุ้มครองและการเกื้อหนุนจากพระยะโฮวา พวกเขาจัดให้การนมัสการพระองค์มาก่อนสิ่งอื่นใดที่อาจดูเหมือนสำคัญ” หอสังเกตการณ์ เล่มนั้นยังบอกอีกว่า “อาจมีการทดสอบในวันข้างหน้าว่าทัศนะของเราในเรื่องวัตถุเป็นอย่างไร วัตถุเป็นสิ่งสำคัญที่สุดหรือความรอดที่จะมีแก่ทุกคนที่อยู่ฝ่ายพระเจ้าสำคัญกว่า? ถูกแล้ว การหนีของเราอาจเกี่ยวข้องกับความลำบากและการขาดแคลนบ้าง เราต้องพร้อมจะทำสิ่งใดก็ตามที่จำเป็น” ห22.01 น. 4 ว. 7-8
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน
พระเจ้าของผม ความรักที่มั่นคงของพระองค์มีค่ามาก—สด. 36:7
หลังจากที่ชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ได้ไม่นาน พระยะโฮวาบอกโมเสสเกี่ยวกับชื่อของพระองค์และคุณลักษณะของพระองค์ว่า “พระยะโฮวา พระยะโฮวา พระเจ้าที่เมตตา สงสาร ไม่โกรธง่าย รักใครก็รักมั่นคง และรักษาคำพูดเสมอ พระองค์มีความรักที่มั่นคงไม่ว่าจะผ่านไปกี่พันชั่วอายุคน พระองค์ให้อภัยความผิดและบาป” (อพย. 34:6, 7) ให้เรามาดูว่าความรักที่มั่นคงของพระยะโฮวาเป็นคุณลักษณะที่พิเศษยังไง สังเกตว่าพระยะโฮวาพูดถึงพระองค์เองว่า “รักใครก็รักมั่นคง” คำนี้ยังมีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลอีก 7 ข้อด้วย (กดว. 14:18; นหม. 9:17; สด. 86:15; 103:8; 145:8; ยอล. 2:13; ยนา. 4:2) น่าสนใจว่าไม่มีข้อไหนที่ใช้คำนี้กับมนุษย์เลยมีแต่ใช้กับพระยะโฮวาเท่านั้น เราเห็นว่าพระยะโฮวาต้องการเน้นว่าพระองค์มีความรักที่มั่นคง และคุณลักษณะนี้สำคัญจริง ๆ สำหรับพระองค์ ห21.11 น. 2-3 ว. 3-4
วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน
เลิกกังวลได้แล้วกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่—มธ. 6:25
สามีกับภรรยาเรียนได้จากตัวอย่างของเปโตรกับภรรยา ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีหลังจากที่เปโตรเจอพระเยซูเป็นครั้งแรก เขาต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ตอนนั้นเปโตรเป็นชาวประมง พอพระเยซูชวนเขาให้ไปรับใช้ด้วยกัน เขาก็คงต้องคิดถึงภรรยาของเขาแน่ ๆ (ลก. 5:1-11) ในที่สุดเปโตรรับใช้กับพระเยซูแล้วก็ทำงานประกาศด้วยกันกับท่าน เราเห็นว่าภรรยาของเขาคงเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้แน่ ๆ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าหลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ตอนที่เปโตรเดินทางไปทำงานมอบหมาย เธอก็ไปด้วยอย่างน้อยช่วงหนึ่ง (1 คร. 9:5) ภรรยาของเปโตรคงต้องเป็นตัวอย่างที่ดีมาก เพราะนี่ทำให้เขาพูดได้เต็มปากตอนที่เขาต้องเขียนคำแนะนำให้กับสามีภรรยาคริสเตียน (1 ปต. 3:1-7) ทั้งสองคนมั่นใจในคำสัญญาของพระยะโฮวาว่าพระองค์จะดูแลพวกเขาถ้าพวกเขาให้รัฐบาลของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—มธ. 6:31-34 ห21.11 น. 18 ว. 14
วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน
ขอให้เลียนแบบผม—1 คร. 11:1
อัครสาวกเปาโลรักพี่น้องมาก เขาทำงานหนักเพื่อจะดูแลพี่น้อง (กจ. 20:31) และพวกพี่น้องก็รักเปาโลมากเหมือนกัน มีครั้งหนึ่งที่พวกผู้ดูแลจากเมืองเอเฟซัสรู้ว่าเปาโลจะต้องไปและพวกเขาจะไม่เจอเปาโลอีก “ทุกคนร้องไห้กันใหญ่” (กจ. 20:37) เหมือนกันในทุกวันนี้ พวกผู้ดูแลก็รักพี่น้องมากและพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยพี่น้อง (ฟป. 2:16, 17) แต่หลายครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำอย่างนั้น อะไรจะช่วยพวกผู้ดูแลได้? ตัวอย่างของเปาโลจะช่วยพวกผู้ดูแลได้ เปาโลไม่ใช่ยอดมนุษย์ เขาต้องสู้กับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองเพื่อจะทำสิ่งที่ถูกต้อง (รม. 7:18-20) และเขาก็ต้องรับมือกับปัญหาหลายอย่าง แต่เปาโลไม่ยอมแพ้ เขายังรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขต่อ ๆ ไปได้ เหมือนกันถึงผู้ดูแลจะมีหลายอย่างที่รู้สึกว่ายาก แต่ถ้าเขาเลียนแบบตัวอย่างของเปาโล เขาก็จะรับมือกับเรื่องเหล่านั้นได้ และยังรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุขต่อ ๆ ไป ห22.03 น. 26 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน
พวกเจ้าต้อง . . . ทำตามคำสั่งเรื่องสะบาโตของเรา เราคือยะโฮวาพระเจ้าของพวกเจ้า—ลนต. 19:3
เลวีนิติ 19:3 พูดถึงการทำตามคำสั่งเรื่องสะบาโต ถึงแม้คริสเตียนจะไม่ได้อยู่ใต้กฎหมายของโมเสสและไม่ต้องทำตามกฎในเรื่องวันสะบาโต แต่เราก็เรียนอะไรได้หลายอย่างจากการที่ชาวอิสราเอลทำตามกฎวันสะบาโตและประโยชน์ที่พวกเขาได้รับ ในวันสะบาโตชาวอิสราเอลต้องหยุดทำงานและให้ความสำคัญกับการนมัสการพระยะโฮวา ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกท่านก็ทำอย่างนั้นในวันสะบาโต ท่านเข้าไปในที่ประชุมของชาวยิวและอ่านพระคัมภีร์ (อพย. 31:12-15; ลก. 4:16-18) ดังนั้น เพื่อเราจะทำตามที่พระยะโฮวาบอกในเลวีนิติ 19:3 ที่ให้ “ทำตามคำสั่งเรื่องสะบาโตของ [พระองค์]” เราต้องกันเวลาแต่ละวันเพื่อจะนมัสการพระยะโฮวามากขึ้น คุณรู้สึกว่าต้องปรับปรุงในเรื่องนี้ไหม? ถ้าคุณจัดเวลานมัสการพระยะโฮวาเป็นประจำ คุณก็จะสนิทกับพระยะโฮวา และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อจะเป็นคนที่บริสุทธิ์ ห21.12 น. 5 ว. 13
วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน
ที่ผมมา ไม่ได้มาเพื่อช่วยคนดี แต่มาช่วยคนบาปให้กลับใจ—ลก. 5:32
ตอนที่พระเยซูมีชีวิตอยู่บนโลก ท่านใช้เวลากับทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งหรือฐานะยังไง เช่น ท่านกินข้าวกับคนรวยและคนที่มีอำนาจ แต่ท่านก็ใช้เวลาเยอะกับคนจนและคนที่ถูกกดขี่ นอกจากนั้น ท่านเห็นอกเห็นใจคนที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็น “คนบาป” คนหยิ่งหลายคนเลยไม่ยอมรับพระเยซูเพราะท่านทำแบบนี้ พวกเขาถามสาวกของท่านว่า “ทำไมพวกคุณถึงกินดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาปล่ะ?” พอพระเยซูได้ยินอย่างนั้นท่านก็บอกพวกเขาเหมือนกับในข้อคัมภีร์วันนี้ (ลก. 5:29-31) ก่อนที่เมสสิยาห์จะมาบนโลก อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้นานมาแล้วว่าหลายคนจะไม่ยอมรับท่าน อิสยาห์บอกว่า “ผู้คนดูหมิ่นและหลีกหนีเขา . . . และเป็นเหมือนคนที่เราไม่อยากมองหน้า ถูกดูหมิ่น และไม่มีค่าสำหรับเรา” (อสย. 53:3) จากคำพยากรณ์นี้ ชาวยิวในสมัยของพระเยซูน่าจะรู้อยู่แล้วว่าหลายคนจะไม่ยอมรับพระเยซู ห21.05 น. 8-9 ว. 3-4
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน
พระยะโฮวาจะทำให้เขาฟื้นตัว—ยก. 5:15
คริสเตียนบางคนพอได้คำแนะนำมาก็ไม่ได้รีบทำตามทันที (ยก. 1:22) ส่วนบางคนก็ลำเอียงเข้าข้างคนรวย (ยก. 2:1-3) บางคนก็พูดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดี (ยก. 3:8-10) แต่ยากอบก็ไม่ได้หมดหวังในตัวพี่น้องเหล่านี้ เขาให้คำแนะนำที่อ่อนโยนแต่ตรงไปตรงมา และยังแนะนำให้พวกเขาไปขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลด้วย (ยก. 5:13-14) บทเรียนคือ เราต้องมองตามความเป็นจริงและมองคนอื่นในแง่บวกเสมอ นักศึกษาของเราอาจทำตามคำแนะนำได้ยาก เขาอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเลิกนิสัยเก่า ๆ ที่ไม่ดีและมีนิสัยที่ดีแบบคริสเตียน (ยก. 4:1-4) เราต้องกล้าบอกนักศึกษาว่ามีอะไรที่เขาต้องเปลี่ยนบ้างและต้องมองนักศึกษาในแง่บวกเสมอ เราต้องเชื่อมั่นว่าพระยะโฮวาชักนำคนถ่อมมาหาพระองค์ และพระองค์จะช่วยพวกเขาเปลี่ยนตัวเองได้—ยก. 4:10 ห22.01 น. 11 ว. 11-12
วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน
คนที่ไม่ฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนต่ำต้อย เมื่อเขาเองร้องขอจะไม่มีใครช่วย—สภษ. 21:13
เราทุกคนอยากจะแสดงความเมตตาเหมือนกับพระยะโฮวา เพราะอะไร? เพราะพระยะโฮวาบอกว่าพระองค์จะไม่ฟังคนที่ไม่เมตตาคนอื่น เราไม่อยากให้พระองค์ทำแบบนั้นกับเรา เราเลยพยายามมากที่จะไม่เป็นคนใจร้ายใจดำ วิธีหนึ่งที่เราจะทำแบบนั้นได้ก็คือเราจะไม่ทำเป็นหูทวนลมตอนที่พี่น้องมาเล่าความทุกข์ให้ฟัง แต่เราจะ “ฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนต่ำต้อย” เราจะจำไว้ว่า “คนที่ไม่เมตตาจะถูกตัดสินอย่างไร้ความเมตตา” (ยก. 2:13) ถ้าเราถ่อมและคิดเสมอว่าตัวเราเองจำเป็นต้องได้รับความเมตตา เราก็จะอยากแสดงความเมตตากับคนอื่นมากขึ้น เมื่อมีคนบาปที่กลับใจกลับเข้ามาในประชาคมเรายิ่งต้องแสดงความเมตตา ตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราเป็นคนเมตตาและไม่ใจดำหรือโหดร้าย ห21.10 น. 12 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน
นั่งรอตรงนี้กันก่อนนะ ผมจะไปอธิษฐานที่โน่น—มธ. 26:36
ในคืนสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตอยู่บนโลก ท่านหาที่เงียบ ๆ เพื่อจะอธิษฐานและคิดใคร่ครวญ ท่านเลยไปที่สวนเกทเสมนี และในตอนนั้นท่านยังให้คำแนะนำที่สำคัญมากกับพวกสาวกเกี่ยวกับเรื่องการอธิษฐานด้วย ตอนที่พระเยซูกับพวกสาวกไปถึงที่สวนเกทเสมนี ตอนนั้นดึกมากแล้วและอาจจะเลยเที่ยงคืนด้วยซ้ำ พระเยซูบอกให้พวกเขา “เฝ้าระวัง” หลังจากนั้นท่านก็ไปอธิษฐาน (มธ. 26:37-39) ตอนที่พระเยซูอธิษฐานอยู่ พวกสาวกผล็อยหลับไป พอท่านกลับมาและเห็นพวกสาวกกำลังหลับอยู่ ท่านก็เข้าใจว่าพวกเขาทั้งเครียดและเหนื่อยมาก ท่านเห็นใจและรู้ว่าพวกเขา “ใจสู้ก็จริง แต่ร่างกายยังอ่อนแอ” ท่านเลยบอกพวกเขาอีกว่าให้ “เฝ้าระวังอยู่เสมอและอธิษฐานอยู่เรื่อย ๆ” (มธ. 26:40, 41) หลังจากนั้นพระเยซูก็ไปอธิษฐานอีกสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งพอท่านกลับมา พวกสาวกกำลังหลับอยู่และไม่ได้อธิษฐานเลย—มธ. 26:42-45 ห22.01 น. 28 ว. 10-11