มกราคม
วันจันทร์ที่ 1 มกราคม
ผมส่งทิโมธีไปหาพวกคุณ เขาเป็นเหมือนลูกรักของผมและซื่อสัตย์ในการรับใช้ผู้เป็นนาย—1 คร. 4:17
อะไรทำให้ทิโมธีเป็นผู้รับใช้ที่ดีมากของพระเจ้า? ก็เพราะเขามีคุณลักษณะหลายอย่างที่ดีมาก (ฟป. 2:19-22) จากคำพูดของเปาโลทำให้เรารู้ว่าทิโมธีเป็นคนถ่อม ภักดี ขยัน และไว้ใจได้ และเขาก็เป็นห่วงพี่น้องคนอื่น ๆ ด้วย นี่ทำให้เปาโลรักทิโมธีมากและมอบหมายงานยาก ๆ ให้เขาทำ เหมือนกันถ้าเราพยายามมีคุณลักษณะแบบคริสเตียนเพิ่มขึ้น พระยะโฮวาก็จะรักเรา และเราก็จะช่วยประชาคมได้มากขึ้น (สด. 25:9; 138:6) ให้อธิษฐานและคิดอย่างจริงจังว่ามีตรงไหนที่คุณจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ แล้วเลือกคุณลักษณะมาสักอย่างหนึ่งที่คุณอยากจะมีเพิ่มขึ้น คุณจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้นได้ไหม? คุณจะให้อภัยพี่น้องคนอื่นมากขึ้นหรือยอมคนอื่นมากขึ้นได้ไหม? ลองถามเพื่อนที่ไว้ใจได้ว่าคุณมีตรงไหนบ้างที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้—สภษ. 27:6 ห22.04 น. 23 ว. 4-5
วันอังคารที่ 2 มกราคม
ให้แต่ละคนตรวจสอบดูสิ่งที่ตัวเองทำ—กท. 6:4
พระยะโฮวาอยากให้เรามีความสุข ที่เรารู้ก็เพราะความยินดีเป็นส่วนหนึ่งของผลที่เกิดจากพลังของพระเจ้า (กท. 5:22) เนื่องจากการให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ เราเลยมีความสุขมากตอนที่ทำงานรับใช้และช่วยพี่น้องของเราอย่างสุดกำลัง (กจ. 20:35) อย่างที่บอกในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ อัครสาวกเปาโลพูดถึงเหตุผล 2 อย่างที่ทำให้เรามีความสุข อย่างแรก เราต้องให้สิ่งดีที่สุดที่เรามีกับพระยะโฮวา ถ้าเรารับใช้พระองค์เต็มที่สุดความสามารถของเรา เราก็ควรจะมีความสุข (มธ. 22:36-38) อย่างที่สอง เราไม่ควรเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น ถ้าเราทำงานรับใช้สำเร็จเพราะมีสุขภาพดี ได้รับการฝึกอบรม หรือมีความสามารถพิเศษ เราก็ควรขอบคุณพระยะโฮวา และถ้าคนอื่นทำงานรับใช้บางอย่างเก่งกว่าเรา เราควรดีใจกับเขาเพราะเขาได้ใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อทำให้พระยะโฮวาได้รับการยกย่องสรรเสริญ ห22.04 น. 10 ว. 1-2
วันพุธที่ 3 มกราคม
พระเจ้าจะมาช่วยพวกคุณให้รอดแล้ว—ลก. 21:28
จุดจบของศาสนาเท็จจะมาอย่างกะทันหันจนทำให้คนบนโลกแปลกใจ (วว. 18:8-10) การล่มจมของบาบิโลนใหญ่จะส่งผลต่อคนทั่วทั้งโลกและทำให้เกิดความยากลำบาก แต่คนของพระยะโฮวาจะดีใจ มีอย่างน้อย 2 เหตุผลที่ทำให้พวกเขาดีใจ (1) ศาสนาเท็จที่เป็นศัตรูของพระเจ้ามายาวนานจะถูกทำลายตลอดไป และ (2) ความรอดของเราใกล้จะถึงแล้ว ดาเนียลบอกล่วงหน้าว่า “ความรู้แท้จะมีอย่างมากมาย” และตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เราได้เข้าใจคำพยากรณ์หลายเรื่องเกี่ยวกับสมัยของเรา (ดนล. 12:4, 9, 10) และการที่คำพยากรณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงทุกรายละเอียดทำให้เรายิ่งเกรงกลัวพระยะโฮวาและนับถือคัมภีร์ไบเบิล (อสย. 46:10; 55:11) ขอให้คุณเสริมความเชื่อตัวเองให้เข้มแข็งต่อ ๆ ไป โดยขยันอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรวมทั้งช่วยคนอื่นให้สนิทกับพระยะโฮวา พระองค์จะปกป้องทุกคนที่เชื่อในพระองค์จริง ๆ และให้พวกเขามี “สันติสุขเรื่อยไป”—อสย. 26:3 ห22.07 น. 6-7 ว. 16-17
วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม
ถ้อยคำพวกนั้นก็ทำให้กษัตริย์ทั่วโลกมารวมตัวกันในที่ที่มีชื่อภาษาฮีบรูว่า อาร์มาเกดโดน—วว. 16:16
หนังสือวิวรณ์ทำให้เรารู้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าถูกตั้งแล้วในสวรรค์และซาตานถูกเหวี่ยงลงมาบนโลก (วว. 12:1-9) นั่นทำให้สวรรค์สงบสุขแต่ทำให้พวกเราเดือดร้อน เพราะอะไร? เพราะซาตานโกรธมาก มันเลยโจมตีทุกคนที่รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์บนโลก (วว. 12:12, 15, 17) เราจะซื่อสัตย์กับพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ถูกซาตานโจมตี? (วว. 13:10) อย่างหนึ่งที่จะช่วยเราได้ก็คือการรู้ว่าอนาคตเป็นยังไง หนังสือวิวรณ์บอกให้เรารู้ว่าจะมีสิ่งดี ๆ อะไรบ้างเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอย่างหนึ่งก็คือศัตรูของพระเจ้าจะถูกทำลาย ข้อแรกของหนังสือวิวรณ์ทำให้เรารู้ว่าหนังสือนี้มี “สัญลักษณ์” ที่ไม่ได้มีความหมายตามตัวอักษรแต่ใช้แทนอะไรบางอย่าง—วว. 1:1 ห22.05 น. 8 ว. 1-3
วันศุกร์ที่ 5 มกราคม
โกก . . . ในสมัยสุดท้าย เราจะพาเจ้ามาโจมตีแผ่นดินของเรา เพื่อชาติต่าง ๆ จะรู้จักเรา เมื่อเราทำให้พวกเขาเห็นว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์โดยสิ่งที่เราทำกับเจ้า—อสค. 38:16
การที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวายังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจะทำให้คนที่ต่อต้านพระยะโฮวาโกรธมาก ผลก็คือกลุ่มชาติต่าง ๆ จะร่วมมือกันโจมตีคนของพระยะโฮวาที่อยู่ทั่วโลก คัมภีร์ไบเบิลเรียกการโจมตีนี้ว่าการโจมตีของโกกแห่งมาโกก (อสค. 38:14-15) แล้วพระยะโฮวาจะทำยังไง? พระองค์บอกว่า “เราจะโกรธมาก” (อสค. 38:18, 21-23) วิวรณ์บท 19 บอกให้เรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป พระยะโฮวาจะส่งลูกชายของพระองค์เพื่อมาปกป้องคุ้มครองคนของพระองค์และต่อสู้กับศัตรู ทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์กับ 144,000 คนซึ่งก็คือ “กองทัพในสวรรค์” จะร่วมกับพระเยซูต่อสู้กับโกกแห่งมาโกก (วว. 17:14; 19:11-15) แล้วผลจะเป็นยังไง? มนุษย์ทุกคนและทุกองค์การที่ต่อต้านพระยะโฮวาจะถูกทำลายตลอดไป—วว. 19:19-21 ห22.05 น. 16-17 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 6 มกราคม
เราจะให้เจ้ากับผู้หญิงเป็นศัตรูกัน—ปฐก. 3:15
ทันทีหลังจากที่อาดัมกับเอวาทำบาป พระยะโฮวาให้ความหวังกับลูกหลานของพวกเขาโดยพยากรณ์ไว้ที่ปฐมกาล 3:15 ซึ่งบอกว่า “เราจะให้เจ้ากับผู้หญิงเป็นศัตรูกัน และให้ลูกหลานของเจ้ากับลูกหลานของเธอเป็นศัตรูกัน เขาจะบดขยี้หัวเจ้าและเจ้าจะทำให้ส้นเท้าเขาฟกช้ำ” ถึงคำพยากรณ์นี้จะอยู่ในหนังสือเล่มแรก แต่หนังสือเล่มอื่น ๆ ทุกเล่มในคัมภีร์ไบเบิลก็เกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์ข้อนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนกับสันหนังสือที่เป็นแกนกลางและยึดทุกหน้าของหนังสือไว้ให้เป็นเล่มเดียวกัน ปฐมกาล 3:15 ก็เป็นแก่นของคัมภีร์ไบเบิลและเชื่อมเนื้อหาของหนังสือทุกเล่มในคัมภีร์ไบเบิลไว้ด้วยกัน ซึ่งเรื่องที่เป็นแก่นของคัมภีร์ไบเบิลก็คือพระเจ้าจะส่งผู้ช่วยให้รอดมาทำลายมารซาตานและพรรคพวกของมัน เรื่องนี้ทำให้คนที่รักพระยะโฮวามีความสุขแน่ ๆ การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยให้เรารู้ว่าคำพยากรณ์เกิดขึ้นจริงยังไงและเราจะได้รับประโยชน์ยังไง ห22.07 น. 14 ว. 1-3
วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ให้สติปัญญา—สภษ. 2:6
ให้คุณขอสติปัญญาจากพระยะโฮวาเพื่อจะสอนลูกให้รักพระองค์ (ยก. 1:5) พระยะโฮวาสามารถให้คำแนะนำกับเราได้ดีที่สุด มีเหตุผลหลายอย่างที่เป็นอย่างนั้น เช่น อย่างแรก พระยะโฮวาเป็นพ่อที่มีประสบการณ์มากที่สุด (สด. 36:9) และอย่างที่สอง คำแนะนำของพระองค์เป็นประโยชน์กับเราเสมอ (อสย. 48:17) พระยะโฮวาให้คำแนะนำมากมายจากคัมภีร์ไบเบิลกับคนที่เป็นพ่อแม่เพื่อพวกเขาจะสอนลูกให้รักพระองค์ (มธ. 24:45) อย่างเช่น หลายปีมาแล้วในวารสารตื่นเถิด มีบทความชุดที่ชื่อว่า “คำแนะนำสำหรับครอบครัว” ซึ่งตอนนี้มีอยู่ในเว็บไซต์ jw.org ด้วย นอกจากนั้น ในเว็บไซต์ของเรามีวีดีโออีกหลายเรื่องที่ช่วยพ่อแม่ให้ทำตามคำแนะนำของพระยะโฮวาได้เมื่อพวกเขาเลี้ยงลูก—สภษ. 2:4, 5 ห22.05 น. 27 ว. 4-5
วันจันทร์ที่ 8 มกราคม
โอ้ยาห์ . . . ถ้าพระองค์คอยจับผิดใครจะทนได้?—สด. 130:3
เราเห็นว่าพระยะโฮวาเป็นที่สุดของการให้อภัยจริง ๆ ไม่มีใครในเอกภพจะเป็นเหมือนพระองค์ได้ อย่างแรก พระยะโฮวาพร้อมจะให้อภัยเสมอ อย่างที่ 2 พระยะโฮวารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา พระองค์เลยรู้ดีที่สุดว่าเรากลับใจจริง ๆ หรือเปล่า อย่างที่ 3 เมื่อพระยะโฮวาให้อภัย พระองค์ก็ยกโทษให้เราได้หมดจริง ๆ เหมือนกับว่าเราไม่เคยทำผิดมาก่อนเลย นี่ทำให้เรารู้สึกสงบใจและไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจอีกเพราะเรารู้ว่าพระยะโฮวาพอใจเราแล้ว เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยทำบาปและทำผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ แต่เราก็ได้กำลังใจจากหนังสือการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 771 ที่บอกว่า “เนื่องจากพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เมตตา และพระองค์รู้ว่าผู้รับใช้ของพระองค์มีจุดอ่อนหลายอย่าง พวกเขาเลยไม่ต้องจมอยู่กับความเสียใจอยู่ตลอดจากการทำผิดพลาดเพราะไม่สมบูรณ์แบบ (สด. 103:8-14; 130:3) ถ้าพวกเขาพยายามสุดความสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าบอก พวกเขาก็มีความสุขได้ (ฟป. 4:4-6; 1 ยน. 3:19-22)” ห22.06 น. 7 ว. 18-19
วันอังคารที่ 9 มกราคม
คุณจะถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะคุณเป็นสาวกของผม—ลก. 21:12
นอกจากซาตานจะใช้การกลัวการต่อต้านจากรัฐบาลแล้ว มันยังใช้การกลัวการต่อต้านจากครอบครัวด้วย บางคนกลัวว่าครอบครัวจะคิดยังไงที่มาเป็นพยานฯบางคนกลัวแบบนี้มากกว่ากลัวการถูกข่มเหงด้วยซ้ำ พวกเขารักครอบครัวกับญาติพี่น้องมากและอยากให้มารู้จักแล้วรักพระยะโฮวา พอได้ยินญาติพี่น้องพูดไม่ดีเกี่ยวกับพระเจ้าและพยานฯ พวกเขาก็เลยรู้สึกเสียใจมาก แต่บางครั้งญาติที่ตอนแรกไม่ชอบและต่อต้านตอนหลังก็มาเป็นพยานฯได้ แล้วถ้าสมมุติว่าคุณถูกครอบครัวตัดขาดเพราะมาเป็นพยานฯ ล่ะ คุณจะทำยังไง? เราได้กำลังใจถ้าได้อ่านสดุดี 27:10 ถ้าเราจำไว้ว่าพระยะโฮวารักเรามากขนาดไหน เราก็จะสงบใจและไม่กลัวแม้จะเจอการต่อต้าน เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะตอบแทนที่เราอดทน พระองค์จะดูแลเราทั้งทางร่างกาย จิตใจ และด้านความเชื่อของเรา ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าพระยะโฮวาอีกแล้ว ห22.06 น. 16-17 ว. 11-13
วันพุธที่ 10 มกราคม
แม้แต่พระคริสต์เองก็ยังทนทุกข์เพื่อพวกคุณ ท่านเป็นตัวอย่างเพื่อให้พวกคุณเดินตามรอยเท้าของท่านอย่างใกล้ชิด—1 ปต. 2:21
ช่วงที่พระเยซูรับใช้บนโลก ท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นขี้เมา ตะกละ ได้อำนาจจากซาตาน และไม่ทำตามกฎวันสะบาโต บางคนถึงกับบอกว่าท่านหมิ่นประมาทพระเจ้าด้วยซ้ำ (มธ. 11:19; 26:65; ลก. 11:15; ยน. 9:16) แต่พระเยซูไม่ได้โต้กลับด้วยคำพูดรุนแรง เราควรเลียนแบบพระเยซู ถ้ามีใครพูดไม่ดีกับเรา เราไม่ควรพูดแรง ๆ กับเขา (1 ปต. 2:22, 23) แต่การทำแบบนั้นก็ไม่ง่าย (ยก. 3:2) แล้วอะไรจะช่วยเราได้? ถ้าคุณไปประกาศแล้วเจอเจ้าของบ้านพูดไม่ดีใส่ ก็อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย พี่น้องแซมบอกว่า “ผมพยายามคิดว่าเจ้าของบ้านจำเป็นต้องได้ฟังความจริงในคัมภีร์ไบเบิล และเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้” บางครั้งที่เจ้าของบ้านอารมณ์เสียใส่เราก็เพราะเราเข้าไปคุยในเวลาที่ไม่เหมาะสำหรับเขา ถ้าเราเจอคนพูดไม่ดีกับเรา เราสามารถอธิษฐานสั้น ๆ ขอพระยะโฮวาช่วยให้ใจเย็น ๆ ไม่พูดแรง หรือพูดแบบไม่ให้เกียรติเขา ห22.04 น. 6 ว. 8-9
วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม
เข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้า—ยก. 4:8
วิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่จะสอนลูกเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระยะโฮวาและช่วยเขาให้สนิทกับพระองค์ก็คือ โดยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับลูก (2 ทธ. 3:14-17) นอกจากนั้น ยังมีอีกวิธีหนึ่งด้วยที่ช่วยให้ลูกรู้จักพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลบอกเรื่องนี้ไว้ในหนังสือสุภาษิต ที่นั่นพูดถึงพ่อคนหนึ่งได้บอกกับลูกชายให้คิดถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวาเสมอ ซึ่งเห็นได้จากสิ่งที่พระองค์สร้าง (สภษ. 3:19-21) พวกคุณที่เป็นพ่อแม่ คุณคงชอบไปเที่ยวกับลูกใช่ไหม? ให้ใช้เวลานั้นช่วยลูกให้เห็นว่า “สิ่งที่พระองค์สร้าง” ทำให้เห็นคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมอะไรบ้างของพระยะโฮวา (รม. 1:20) ให้เรามาดูกันว่าพระเยซูใช้สิ่งที่พระยะโฮวาสร้างในการสอนยังไง ครั้งหนึ่งท่านบอกสาวกให้สังเกตอีกากับดอกไม้ในทุ่ง (ลก. 12:24, 27-30) ท่านสอนสาวกว่าพระยะโฮวาพ่อของท่านใจกว้างและใจดีมาก ถ้าพระยะโฮวาดูแลอีกากับดอกไม้ในทุ่ง พระองค์ก็ต้องดูแลผู้รับใช้ของพระองค์ให้มีอาหารและเสื้อผ้าเสมอ ห23.03 น. 20-21 ว. 1-4
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม
ไม่ว่าพวกคุณจะขออะไรในนามของผม ผมก็จะทำสิ่งนั้นให้ เพื่อพระเจ้าผู้เป็นพ่อจะได้รับการยกย่องเพราะลูกของพระองค์—ยน. 14:13
เราขอบคุณพระยะโฮวาสำหรับพระเยซูเพราะพระเยซูทำให้เราอธิษฐานถึงพระองค์ได้ ถ้าเราอธิษฐานในนามของท่าน พระยะโฮวาก็จะฟังและตอบคำอธิษฐานของเรา พระองค์จะใช้พระเยซูให้ทำตามสิ่งที่เราขอ และให้อภัยบาปเราเพราะค่าไถ่ของพระเยซู (รม. 5:1) คัมภีร์ไบเบิลเรียกพระเยซูว่าเป็น “มหาปุโรหิตของเรา [ที่] นั่งข้างขวาบัลลังก์ของพระเจ้าองค์ยิ่งใหญ่ในสวรรค์” (ฮบ. 8:1) แล้วยังบอกอีกว่าพระเยซูเป็น “ผู้ช่วยที่อยู่กับพระเจ้าผู้เป็นพ่อ” (1 ยน. 2:1) เราขอบคุณพระยะโฮวามากจริง ๆ ที่พระองค์ให้เรามีมหาปุโรหิตที่เห็นอกเห็นใจในความอ่อนแอของเรา และท่าน “ช่วยพูดแทนพวกเรา” (รม. 8:34; ฮบ. 4:15) ถ้าเราไม่มีค่าไถ่ของพระเยซูก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะอธิษฐานถึงพระยะโฮวา คุณคงเห็นด้วยว่าไม่มีทางที่เราจะสรรหาคำพูดอะไรมาขอบคุณพระยะโฮวาสำหรับของขวัญที่มีค่าที่สุดที่พระองค์ให้กับเราได้ นั่นก็คือลูกที่รักองค์เดียวของพระองค์ ห22.07 น. 23 ว. 10-12
วันเสาร์ที่ 13 มกราคม
คนที่ไว้ใจได้จะเก็บความลับไว้—สภษ. 11:13
คนที่ไว้ใจได้จะรักษาสัญญาและพูดความจริง (สด. 15:4) ใคร ๆ ก็รู้ว่าพึ่งเขาได้ เราอยากให้พี่น้องรู้สึกแบบนี้กับเรา เราไม่สามารถบังคับให้คนอื่นไว้ใจเรา เราต้องทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนไว้ใจได้จริง ๆ ความไว้ใจก็เหมือนเงิน หามายากแต่เสียไปง่าย แต่เราไว้ใจพระยะโฮวาได้เสมอ เพราะ “ทุกสิ่งที่พระองค์ทำก็ไว้ใจได้” (สด. 33:4) เพื่อที่เราจะเป็นคนไว้ใจได้ เราเลยต้องเลียนแบบพระองค์ (อฟ. 5:1) เราดีใจที่พระยะโฮวาพาให้เรามาเจอพี่น้องพยานฯที่รักกันและไว้ใจได้ เราทุกคนต้องพยายามทำให้พี่น้องอยากไว้ใจเรา และถ้าเราพยายามแสดงความรักและความถ่อม เป็นคนมีความเข้าใจ เป็นคนซื่อสัตย์และควบคุมตัวเอง เราก็ช่วยให้พี่น้องในประชาคมไว้ใจกันมากขึ้น ขอให้เราเลียนแบบพระยะโฮวาและทำให้เห็นว่าเราเป็นคนไว้ใจได้ ห22.09 น. 8 ว. 1-2; น. 13 ว. 17
วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม
พระยะโฮวาคอยเฝ้าดู—สด. 33:18
แม้จะมีพี่น้องมากมายในประชาคมแต่บางครั้งเราก็อาจรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวได้ พวกเราบางคนอาจท้อแท้หรือซึมเศร้าและคิดว่าต้องสู้กับความรู้สึกนี้เพียงลำพัง พระยะโฮวาไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น ให้เรามาดูกันว่าพระยะโฮวาช่วยเอลียาห์ยังไง พระองค์อยากให้เอลียาห์พูดระบายออกมา พระองค์เลยบอกเขาถึง 2 ครั้งว่า “เอลียาห์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” (1 พก. 19:9, 13) และพอเอลียาห์ระบายออกมา พระองค์ก็ตั้งใจฟังเขา พระยะโฮวาตอบเอลียาห์โดยทำให้เขาเห็นว่าพระองค์อยู่กับเขา และทำให้เขารู้ว่าพระองค์มีพลังขนาดไหน นอกจากนั้น พระยะโฮวายังบอกเอลียาห์ว่ายังมีผู้นมัสการพระองค์อีกหลายคน (1 พก. 19:11, 12, 18) เรามั่นใจว่าพอเอลียาห์ได้ระบายความรู้สึกและได้ยินพระยะโฮวาพูดให้กำลังใจ เขาต้องรู้สึกดีขึ้นแน่ ๆ ไม่เพียงเท่านั้น พระยะโฮวายังมอบหมายงานสำคัญอีกหลายอย่างให้เอลียาห์ด้วย พระองค์บอกให้เขาเจิมฮาซาเอลเป็นกษัตริย์ซีเรีย เจิมเยฮูเป็นกษัตริย์อิสราเอล และเจิมเอลีชาเป็นผู้พยากรณ์ (1 พก. 19:15, 16) พระยะโฮวามอบหมายงานหลายอย่างให้เอลียาห์ทำเพราะพระองค์อยากช่วยให้เขาไม่หมกมุ่นกับเรื่องแย่ ๆ แต่ให้คิดถึงแต่เรื่องดี ๆ พระองค์ยังให้เอลียาห์มีเพื่อนสนิทคือเอลีชาด้วย ห22.08 น. 8 ว. 3; น. 9 ว. 5
วันจันทร์ที่ 15 มกราคม
ขอให้พวกคุณคอยให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง—1 ธส. 5:11
ประชาคมของคุณใช้หอประชุมที่สร้างใหม่หรือปรับปรุงใหม่ไหม? ถ้าใช่ คุณคงจำได้ว่าคุณตื่นเต้นขนาดไหนที่ได้ก้าวเข้าไปในหอประชุมใหม่ คุณต้องรู้สึกขอบคุณพระยะโฮวามากแน่ ๆ และตอนที่ร้องเพลงเปิดการประชุมครั้งแรก คุณคงตื้นตันจนแทบจะร้องเพลงไม่ได้ หอประชุมที่สร้างอย่างสวยงามทำให้พระยะโฮวาได้รับการยกย่องสรรเสริญ แต่การสร้างอีกอย่างหนึ่งยิ่งทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญมากกว่านั้นอีก มันเป็นการสร้างสิ่งที่มีค่ามากกว่าตึก นั่นก็คือการเสริมสร้างพี่น้องซึ่งเปาโลได้นึกถึงเรื่องนี้ตอนที่เขาเขียนข้อความซึ่งเป็นข้อคัมภีร์ประจำวันที่เราอ่านนี้ อัครสาวกเปาโลเป็นตัวอย่างที่ดีมากของคนที่รู้ว่าจะเสริมสร้างเพื่อนร่วมความเชื่อยังไง เปาโลเห็นอกเห็นใจพี่น้องของเขา เราสามารถเลียนแบบเปาโลและเสริมสร้างพี่น้องในทุกวันนี้ได้—1 คร. 11:1 ห22.08 น. 20 ว. 1-2
วันอังคารที่ 16 มกราคม
ใช้ชีวิตให้สมกับการเป็นผู้รับใช้พระยะโฮวา—คส. 1:10
คริสเตียนที่อยากทำสิ่งที่พระยะโฮวาบอกว่าถูกต้องจะต้องทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และเที่ยงตรง นอกจากนั้น คนที่ทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาจะรักความยุติธรรมด้วย เขาไม่ชอบเลยที่เห็นใครไม่ได้รับความเป็นธรรม และ “เพื่อจะทำให้ [พระยะโฮวา] พอใจเสมอ” คนที่ทำตามมาตรฐานของพระเจ้าจะดูว่าพระองค์คิดยังไงกับสิ่งที่เขาเลือก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าความถูกต้องชอบธรรมมาจากพระยะโฮวา และ “ความถูกต้องชอบธรรม . . . เป็นฐานรากแห่งบัลลังก์ของพระองค์” (สด. 89:14) เพราะพระยะโฮวาเป็นผู้สร้างเลยมีแต่พระองค์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ตั้งมาตรฐานว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่เราเป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยไม่สามารถรู้ได้จริง ๆ ว่าอะไรถูกอะไรผิด (สภษ. 14:12; อสย. 55:8, 9) ถึงอย่างนั้นเราถูกสร้างตามแบบพระเจ้า เราเลยใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ได้ และเราก็อยากทำด้วย (ปฐก. 1:27) เรารักพระยะโฮวามาก เราเลยอยากเลียนแบบพระองค์สุดความสามารถโดยใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์—อฟ. 5:1 ห22.08 น. 27 ว. 5-6
วันพุธที่ 17 มกราคม
ให้พยายามเข้าใจว่าพระยะโฮวาต้องการอะไร—อฟ. 5:17
ตอนที่เรารู้สึกแย่หรือท้อ เราอาจอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อลืมความทุกข์ นี่เป็นเรื่องปกติ แต่เราก็ต้องระวังที่จะไม่ทำสิ่งที่พระยะโฮวาเกลียด (อฟ. 5:10-12, 15-16) ในจดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนในเมืองฟีลิปปี เขากระตุ้นพี่น้องที่นั่นให้คิดถึง “อะไรที่ถูกต้อง อะไรที่บริสุทธิ์ อะไรที่น่ารัก [และ] อะไรที่ดี” (ฟป. 4:8) ถึงสิ่งที่เปาโลเขียนจะไม่ได้เจาะจงเรื่องความบันเทิงหรือการพักผ่อนหย่อนใจ แต่คำพูดของเขาก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เมื่อคุณอ่านคำพูดของเปาโลในข้อคัมภีร์นี้ ลองใส่คำว่า “เพลง” “หนัง” “หนังสือ” หรือ “วีดีโอเกม” แทนคำว่า “อะไร” การทำแบบนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าอะไรที่พระยะโฮวายอมรับหรือไม่ยอมรับ แล้วเราจะได้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระยะโฮวาและไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจ—สด. 119:1-3 ห22.10 น. 9 ว. 11-12
วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม
ท่านรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ—ยน. 2:25
ตอนที่ “คนชั่ว” บางคนมีชีวิตอยู่พวกเขาอาจทำชั่วมาก พวกเขาเลยต้องได้รับการสอนให้ใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระยะโฮวา ดังนั้น ในโลกใหม่ รัฐบาลของพระเจ้าเลยต้องชี้นำและดูแลโครงการสอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อจะช่วยคนเหล่านี้ แล้วใครจะสอนคนชั่ว? ชนฝูงใหญ่กับ “คนดี” ที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายจะสอนพวกเขา แต่เพื่อที่พวกเขาจะมีชื่ออยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่ได้ชีวิต พวกเขาก็ต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาและอุทิศตัวให้กับพระองค์ ในช่วงที่พวกเขาพยายามเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ พระเยซูกับพวกผู้ถูกเจิมจะคอยสังเกตพวกเขา (วว. 20:4) ถ้ามีใครไม่ทำตามสิ่งที่เขาเรียนรู้ เขาก็จะถูกทำลายถึงบางคนอาจมีอายุเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม (อสย. 65:20) พระยะโฮวากับพระเยซูอ่านหัวใจทุกคนได้และจะไม่ยอมให้ใครสร้างความเสียหายในโลกใหม่แน่นอน—อสย. 11:9; 60:18; 65:25 ห22.09 น. 17 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม
ให้ทุกคนยอมเชื่อฟังคนที่มีอำนาจปกครอง—รม. 13:1
อย่างที่บอกในข้อคัมภีร์นี้ คริสเตียนต้องเชื่อฟัง “คนที่มีอำนาจปกครอง” ซึ่งก็คือพวกผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่รัฐบาล คนเหล่านี้คอยควบคุมบังคับใช้กฎหมาย ทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และบางครั้งถึงกับช่วยปกป้องคนของพระเจ้า (วว. 12:16) คัมภีร์ไบเบิลเลยสั่งให้เราให้ความร่วมมือกับรัฐบาลโดยเสียภาษีอากร รวมถึงเกรงกลัวและให้เกียรติพวกเขา (รม. 13:7) แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลมีอำนาจได้ก็เพราะพระยะโฮวายอมให้มีอำนาจ พระเยซูทำให้เห็นเรื่องนี้ตอนที่ท่านถูกปอนทิอัสปีลาตผู้ปกครองแคว้นโรมันสอบสวน ตอนที่ปีลาตบอกว่าเขามีอำนาจจะไว้ชีวิตหรือจะให้พระเยซูตายก็ได้ ท่านพูดว่า “คุณจะมีอำนาจเหนือผมไม่ได้หรอกถ้าไม่ได้รับอำนาจจากพระเจ้า” (ยน. 19:11) จากเรื่องนี้เราเห็นว่าพวกผู้นำประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐบาล และนักการเมืองในทุกวันนี้มีอำนาจจำกัด ห22.10 น. 13-14 ว. 6
วันเสาร์ที่ 20 มกราคม
จะไม่มีคนชั่วเลย—สด. 37:10
กษัตริย์ดาวิดได้รับการดลใจให้เขียนว่าชีวิตจะเป็นยังไงเมื่อกษัตริย์ที่ฉลาดและซื่อสัตย์ปกครอง (สด. 37:10, 11, 29) ปกติแล้วเรามักจะอ่านสดุดี 37:11 ให้เจ้าของบ้านฟังตอนที่เราคุยเรื่องโลกใหม่ที่เป็นอุทยาน นั่นก็ถูกแล้วเพราะพระเยซูเองก็ยกข้อนี้มาพูดตอนที่ท่านบรรยายบนภูเขา และแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต (มธ. 5:5) แต่คำพูดนี้ของดาวิดก็ทำให้เห็นว่าสมัยที่โซโลมอนปกครองจะเป็นยังไงด้วย ตอนที่โซโลมอนเป็นกษัตริย์ ชาวอิสราเอลมีสันติสุขและมีแต่สิ่งดี ๆ พวกเขาได้อยู่ในแผ่นดิน “ที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งมากมาย” นอกจากนั้น พระยะโฮวายังบอกด้วยว่า “ถ้าพวกเจ้าทำตามข้อกำหนดของเรา . . . เราจะให้แผ่นดินของเจ้ามีความสงบสุข ตอนที่เจ้านอนจะไม่มีใครมาทำให้กลัว” (ลนต. 20:24; 26:3, 6) คำสัญญาเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงในสมัยของโซโลมอนแล้ว (1 พศ. 22:9; 29:26-28) เราเห็นว่าสดุดี 37:10, 11, 29 เกิดขึ้นจริงไปแล้ว และมันก็จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตด้วย ห22.12 น. 10 ว. 8
วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม
คนที่ยึดมั่นในสติปัญญาจะมีชีวิตและมีความสุข—สภษ. 3:18
พวกเราที่เป็นคริสเตียนแท้ต้องทำตามคำแนะนำ คัมภีร์ไบเบิลให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ว่า “การทำสงครามต้องพึ่งคำแนะนำที่ฉลาด และการมีที่ปรึกษาหลายคนทำให้ได้ความสำเร็จ” (สภษ. 24:6, เชิงอรรถ) ลองคิดดูว่าถ้าเราเอาคำแนะนำนี้มาใช้ในงานประกาศและงานสอน เราจะทำงานรับใช้ได้ดีขนาดไหน? เราจะไม่ทำงานรับใช้ตามวิธีของเราเอง แต่จะทำตามคำแนะนำขององค์การ ที่การประชุมเรามี “ที่ปรึกษา” หลายคน เราได้คำแนะนำดี ๆ จากพี่น้องที่มีประสบการณ์ที่บรรยายและทำส่วนสาธิตในการประชุม นอกจากนั้น องค์การของพระเจ้ายังเตรียมเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ให้กับเราด้วย เช่น หนังสือและสื่อต่าง ๆ รวมถึงวีดีโอที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจคัมภีร์ไบเบิล เราขอบคุณจริง ๆ ที่มีคำแนะนำดี ๆ จากคัมภีร์ไบเบิล ถ้าไม่มีคำแนะนำดี ๆ เหล่านี้ เราไม่รู้จริง ๆ ว่าชีวิตเราจะเป็นยังไง ให้เราตั้งใจที่จะเอาคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตเสมอ—สภษ. 3:13-17 ห22.10 น. 23 ว. 18-19
วันจันทร์ที่ 22 มกราคม
สำหรับผม คำสอนของพระองค์หวานชื่นใจ หวานกว่าน้ำผึ้งด้วยซ้ำ—สด. 119:103
เพื่อที่ร่างกายของเราจะแข็งแรง การกินอาหารที่มีประโยชน์และการย่อยอาหารสำคัญมาก เหมือนกันเราต้องดูแลความเชื่อของเราให้เข้มแข็งด้วยการอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ พระยะโฮวาอยากให้เข้าใจคำสอนของพระองค์อย่างดีโดยการอธิษฐาน อ่านคัมภีร์ไบเบิล และคิดใคร่ครวญ เราต้องอธิษฐานเพื่อเตรียมหัวใจรับคำสอนของพระเจ้า จากนั้นเราก็อ่านคัมภีร์ไบเบิล แล้วก็หยุดเพื่อจะใช้เวลาคิดใคร่ครวญสิ่งที่เราได้อ่านไป ถ้าเราทำแบบนี้ ผลจะเป็นยังไง? ยิ่งเราคิดใคร่ครวญ เราก็จะยิ่งเข้าใจคำสอนของพระเจ้า และความเชื่อของเราก็จะยิ่งเข้มแข็งขึ้น ทำไมเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ? การทำแบบนี้จะทำให้เรามีกำลังที่จะประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าในตอนนี้ และอีกไม่นานเราอาจต้องประกาศข่าวการพิพากษาที่รุนแรงด้วย นอกจากนั้น เมื่อเราคิดใคร่ครวญคุณลักษณะดี ๆ ของพระยะโฮวา เราก็จะยิ่งสนิทกับพระองค์มากขึ้น ห22.11 น. 7 ว. 16-17
วันอังคารที่ 23 มกราคม
ทุกคนจะรู้ว่าพวกคุณเป็นสาวกของผม เมื่อพวกคุณรักกัน—ยน. 13:35
พระเยซูกำลังบอกว่าไม่ใช่แค่สาวกของท่านเท่านั้นที่เห็นว่าความรักคือสิ่งที่ทำให้รู้ว่าใครเป็นคริสเตียนแท้ แต่คนทั่วไปก็จะเห็นว่าสาวกของพระเยซูมีความรักแท้ต่อกันด้วย ซึ่งทำให้รู้ว่าพวกเขาคือคริสเตียนแท้ ที่จริง ใคร ๆ ก็ประทับใจความรักที่พยานพระยะโฮวามีต่อกัน แต่แน่นอนว่าพวกเราไม่สมบูรณ์แบบ (1 ยน. 1:8) ยิ่งเรารู้จักกันมากขึ้น เราก็ยิ่งเห็นข้อผิดพลาดหรือข้อเสียของกันและกัน (รม. 3:23) และน่าเศร้าที่บางคนปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้พวกเขาเลิกรับใช้พระยะโฮวา พระเยซูแสดงความรักต่อพวกอัครสาวกยังไง? และทุกวันนี้เราจะเลียนแบบท่านได้ยังไง? พวกเราที่เป็นพยานฯน่าจะคิดใคร่ครวญคำตอบของคำถามเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะนั่นจะช่วยให้เราแสดงความรักมากขึ้นโดยเฉพาะตอนที่เราเห็นข้อผิดพลาดหรือข้อเสียของพี่น้อง—อฟ. 5:2 ห23.03 น. 26-27 ว. 2-4
วันพุธที่ 24 มกราคม
พระองค์ภักดีต่อคนที่ภักดี—สด. 18:25
ยิ่งใกล้ถึงจุดจบของโลกชั่ว เราก็ยิ่งคาดหมายได้เลยว่าเราจะเจอเรื่องที่รับมือได้ยากในประชาคม และมันก็อาจทดสอบความภักดีของเราต่อพระยะโฮวา ดังนั้น ขอให้เรามีสติในทุกสถานการณ์ ถ้าคุณรู้สึกว่ามีพี่น้องพูดหรือทำไม่ดีกับคุณ อย่าเก็บความโกรธหรือรู้สึกเจ็บใจไม่หาย และถ้าคุณกำลังได้รับการสั่งสอน อย่าสนใจแค่ว่าคุณอายขนาดไหน ให้ยอมรับคำแนะนำแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเมื่อองค์การของพระยะโฮวามีการเปลี่ยนแปลงซึ่งส่งผลต่อคุณโดยตรง ขอให้เต็มใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นและเชื่อฟังการชี้นำ เมื่อความภักดีของคุณถูกทดสอบ ขอให้คุณไว้วางใจพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ ให้มีใจสงบ พยายามคิดอย่างมีเหตุผล และมองเรื่องต่าง ๆ อย่างที่พระยะโฮวามอง ให้อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา และอย่าแยกตัวจากพี่น้องในประชาคม ถ้าคุณทำแบบนี้ ไม่ว่าคุณจะเจอสถานการณ์อะไรในชีวิต ซาตานจะไม่สามารถทำให้คุณห่างจากพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ได้เลย—ยก. 4:7 ห22.11 น. 24-25 ว. 14-16
วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม
ให้รักพี่น้องคริสเตียนทุกคน—1 ปต. 2:17
ผู้ดูแลช่วยพี่น้องเตรียมพร้อมก่อนจะเกิดภัยพิบัติ ทำให้แน่ใจว่าทุกคนในประชาคมรู้ว่าควรทำยังไงเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยและจะติดต่อผู้ดูแลได้ยังไง แล้วตัวคุณจะทำอะไรได้บ้าง? ถ้าเกิดภัยพิบัติไม่ไกลจากที่ที่คุณอยู่ ให้ถามผู้ดูแลว่าคุณจะช่วยอะไรได้บ้าง คุณอาจเสนอจะให้ที่พักชั่วคราวกับพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ หรือพี่น้องที่มาช่วยบรรเทาทุกข์ และคุณอาจส่งอาหารหรือสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ได้ด้วย แต่ถ้ามีภัยพิบัติเกิดขึ้นในที่ที่ไกลเกินกว่าที่คุณจะไปช่วยได้ คุณก็สามารถอธิษฐานเผื่อพี่น้องและบริจาคเงินเพื่องานทั่วโลก (2 คร. 1:8-11; 8:2-5) หรือถ้าคุณสามารถเดินทางไปยังเขตที่เกิดภัยพิบัติ ให้ถามผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และถ้ามีการอนุมัติให้คุณไปก็จะมีการฝึกอบรมคุณเพื่อที่คุณจะช่วยได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ห22.12 น. 24 ว. 8; น. 25 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 26 มกราคม
การล่อใจอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับคุณก็เคยเกิดขึ้นกับคนอื่นมาแล้วทั้งนั้น—1 คร. 10:13
เปาโลพูดประโยคที่เป็นข้อคัมภีร์ประจำวันนี้กับคริสเตียนในเมืองโครินธ์ทั้งผู้ชายกับผู้หญิง บางคนเคยเล่นชู้ รักร่วมเพศ หรือขี้เมา (1 คร. 6:9-11) คุณคิดว่าหลังจากที่พวกเขารับบัพติศมาแล้ว พวกเขาไม่เคยนึกอยากทำอะไรที่ไม่ดีเลยไหม? ไม่ใช่ พวกเขาทุกคนเป็นผู้ถูกเจิมก็จริง แต่ก็ยังเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ บางครั้งพวกเขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่อยากจะทำสิ่งที่ไม่ดี การรู้เรื่องนี้ให้กำลังใจเรา เพราะอะไร? นี่แสดงว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกแบบนั้น คนอื่นก็เคยสู้เหมือนกันและเอาชนะมาแล้ว ที่จริงคุณสามารถ “มีความเชื่อที่มั่นคง เพราะรู้อยู่ว่าทุกคนในสังคมพี่น้องคริสเตียนทั่วโลกก็เจอความทุกข์แบบเดียวกัน”—1 ปต. 5:9 ห23.01 น. 12 ว. 15
วันเสาร์ที่ 27 มกราคม
ในโลกนี้พวกคุณจะมีความยากลำบาก แต่ขอให้กล้าหาญไว้ ผมชนะโลกแล้ว—ยน. 16:32, 33
พระเยซูอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ดูแลสาวกของท่าน (ยน. 17:11) ทำไมการรู้เรื่องนี้ทำให้เรามีความกล้า? เพราะเรารู้ว่าพระยะโฮวาแข็งแกร่งกว่าศัตรูของเราทั้งหมด และไม่มีอะไรหลุดรอดสายตาของพระองค์ไปได้ (1 ยน. 4:4) เรามั่นใจว่าถ้าเราพึ่งพระยะโฮวา เราจะเอาชนะความกลัวและมีความกล้าหาญได้แน่นอน บางครั้งตอนอยู่ที่โรงเรียนหรืออยู่ที่ทำงาน คุณรู้สึกอายที่จะบอกว่าคุณเป็นพยานพระยะโฮวาไหม? คุณไม่ยอมเป็นผู้ประกาศหรือไม่ยอมรับบัพติศมาสักทีเพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบไหม? อย่ายอมให้ความกลัวแบบนี้มาทำให้คุณไม่ได้ทำสิ่งที่คุณรู้ว่าถูกต้อง ให้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาอย่างจริงจัง ขอพระองค์ช่วยคุณให้มีความกล้าที่จะทำตามความต้องการของพระองค์ และเมื่อคุณเห็นว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของคุณ คุณก็จะเข้มแข็งขึ้นและกล้าหาญมากขึ้น—อสย. 41:10, 13 ห23.01 น. 29 ว. 12; น. 30 ว. 14
วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม
พวกคุณไม่ได้อ่านหรือว่า—มธ. 12:3
คำถามที่พระเยซูถามว่า “พวกคุณไม่ได้อ่านหรือว่า” ยังช่วยให้เห็นว่าพวกฟาริสีมีความคิดผิด ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาอ่านในพระคัมภีร์ด้วย (มธ. 12:1-7) ตอนนั้นพวกฟาริสีอ้างว่าพวกสาวกทำผิดกฎวันสะบาโต พระเยซูตอบพวกเขาโดยยกตัวอย่างในพระคัมภีร์ 2 เรื่อง และยกข้อความจากหนังสือโฮเชยาเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกฟาริสีไม่ได้เข้าใจจุดประสงค์ของวันสะบาโตและไม่ได้แสดงความเมตตา ทำไมพวกเขาถึงอ่านพระคัมภีร์แล้วไม่ได้เอามาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง? ก็เพราะพวกเขาหยิ่งและคิดแต่ว่าคำแนะนำนั้นมีไว้สำหรับคนอื่น ไม่ใช่สำหรับตัวเขา นี่เลยทำให้พวกเขาไม่เข้าใจคัมภีร์ไบเบิลจริง ๆ (มธ. 23:23; ยน. 5:39, 40) ขอสังเกตดูที่มัทธิว 19:4-6 ด้วย แม้พวกฟาริสีได้อ่านเรื่องการสร้างของพระเจ้า แต่ที่พระเยซูถามพวกเขาแบบเดียวกันว่า “พวกคุณไม่ได้อ่านหรือว่า” แสดงให้เห็นว่าพวกเขามองข้ามสิ่งที่พระเจ้าสอนเกี่ยวกับการแต่งงาน เราได้เรียนจากคำพูดของพระเยซูว่าเราต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลโดยมีความคิดที่ถูกต้อง เราไม่ควรเป็นเหมือนพวกฟาริสี เราต้องถ่อมและเต็มใจเรียนรู้ ห23.02 น. 11-12 ว. 12-13
วันจันทร์ที่ 29 มกราคม
การรู้จักคิดอย่างรอบคอบจะปกป้องลูก—สภษ. 2:11
พระยะโฮวาให้กฎหมายกับชาวอิสราเอลเพื่อช่วยให้พวกเขารู้ว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ยังไงทั้งที่บ้านและตอนที่พวกเขาทำงาน (อพย. 21:28, 29; ฉธบ. 22:8) นอกจากนั้น กฎหมายของพระยะโฮวายังบอกว่าใครที่ทำให้คนอื่นตายโดยไม่เจตนาจะต้องได้รับผลร้ายแรงจากสิ่งที่เขาทำ (ฉธบ. 19:4, 5) แม้แต่คนที่ทำให้เด็กที่ยังอยู่ในท้องเป็นอันตรายจะต้องถูกลงโทษถึงแม้เขาจะไม่ตั้งใจก็ตาม (อพย. 21:22, 23) คัมภีร์ไบเบิลทำให้เราเห็นชัดเลยว่าพระยะโฮวาอยากให้เราพยายามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เรายังแสดงว่าเห็นค่าชีวิตที่เป็นของขวัญจากพระเจ้าโดยพยายามทำให้บ้านและที่ทำงานของเราเป็นที่ที่ปลอดภัย เราจะเก็บวัตถุคม ๆ สารเคมีที่เป็นอันตราย หรือแม้แต่ยาไว้ในที่ที่ปลอดภัยไม่ให้เด็กหยิบได้ง่าย และเมื่อทิ้งสิ่งเหล่านี้เราก็ต้องระมัดระวังด้วย เรายังต้องระวังตอนที่จุดไฟ ต้มน้ำ หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่าง และตอนที่เราทำสิ่งเหล่านี้อยู่ เราจะไม่เดินไปที่อื่น นอกจากนั้น เราจะไม่ขับรถหลังจากกินยาที่ทำให้ง่วง หรือดื่มเหล้า หรืออดนอน หรือตอนที่เราขับรถ เราจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือโดยถือไว้ในมือเพราะมันจะทำให้เสียสมาธิมาก ห23.02 น. 21-22 ว. 7-9
วันอังคารที่ 30 มกราคม
คุณจะเห็นครูองค์นี้—อสย. 30:20
พระยะโฮวาเป็นครูที่อดทน ใจดี และเข้าใจเรา พระองค์มองหาส่วนดีในคนที่พระองค์สอนและไม่เคยคาดหมายให้เราทำมากกว่าที่เราจะทำได้ (สด. 130:3) ให้คุณจำไว้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ออกแบบสมองของคุณซึ่งเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมมาก (สด. 139:14) พระเจ้าผู้สร้างตัวเราอยากให้เราเรียนรู้ตลอดไปไม่สิ้นสุดและมีความสุขกับการเรียนรู้ด้วย ดังนั้น จึงน่าจะดีที่เราจะ “เพาะความรู้สึกอยาก” เรียนรู้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่ตอนนี้ (1 ปต. 2:2) ให้ตั้งเป้าหมายที่คุณทำได้จริง รวมทั้งอ่านและศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ (ยชว. 1:8) พระยะโฮวาจะอวยพรให้คุณมีความสุขกับการอ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมันช่วยให้คุณรู้จักพระยะโฮวามากขึ้นและทำให้มีคุณลักษณะที่ดีเพิ่มขึ้น เช่น รักพระองค์และมีความเชื่อในพระองค์เพิ่มขึ้น (1 คร. 8:1-3) ตอนที่คุณศึกษาค้นคว้า ให้คุณขอพระยะโฮวาช่วยคุณให้มีความเชื่อมากขึ้น (ลก. 17:5) พระองค์เต็มใจตอบคำอธิษฐานแบบนั้นแน่นอน ห23.03 น. 10 ว. 11, 13
วันพุธที่ 31 มกราคม
ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด—คส. 4:5
ตอนที่พวกสาวกกำลังรอว่าจุดจบจะมาถึงเมื่อไหร่ พวกเขาไม่ได้อยู่เฉย ๆ พระเยซูสั่งให้พวกเขาไปประกาศ “ในกรุงเยรูซาเล็ม และทั่วแคว้นยูเดียกับแคว้นสะมาเรีย และจนถึงสุดขอบโลก” (กจ. 1:6-8) พวกสาวกมีงานเยอะมากจริง ๆ และถ้าพวกเขาพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายนี้อย่างเต็มที่ พวกเขาก็กำลังใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เพื่อที่เราจะระวังตัวเราให้ดี เราต้องคิดว่าเราใช้เวลาของเรายังไงจริง ๆ เพราะ “เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด” เกิดขึ้นได้กับทุกคน และจู่ ๆ เราอาจตายเมื่อไหร่ก็ได้ (ปญจ. 9:11) เราจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุดได้โดยทำสิ่งที่พระยะโฮวาต้องการ และพยายามสนิทกับพระองค์มากขึ้น (ยน. 14:21) นอกจากนั้น เราควรทำอย่างที่คัมภีร์ไบเบิลบอกคือ “ให้มั่นคงไว้ อย่าหวั่นไหว ให้ทุ่มเทกับงานของผู้เป็นนายที่มีให้ทำมากมาย” (1 คร. 15:58) ถ้าเราทำแบบนั้น พอจุดจบมาถึง ไม่ว่าจะเป็นจุดจบของชีวิตเราเองหรือจุดจบของโลกชั่ว เราก็จะไม่เสียใจและมาคิดว่าน่าจะรับใช้พระยะโฮวาให้มากกว่านี้—มธ. 24:13; รม. 14:8 ห23.02 น. 18 ว. 12-14