ธันวาคม
วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม
มีอะไรไหมที่ทำให้ผมยังรับบัพติศมาไม่ได้?—กจ. 8:36
ข้าราชการชาวเอธิโอเปียพร้อมจริง ๆ ไหมที่จะรับบัพติศมา? ผู้ชายชาวเอธิโอเปียคนนี้เดินทาง “ไปนมัสการพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม” (กจ. 8:27) เขาเลยต้องเป็นชาวต่างชาติที่เปลี่ยนมานับถือศาสนายิว เขาคงมีโอกาสรู้จักพระยะโฮวาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้มากขึ้น ที่จริง ตอนที่ฟีลิปเจอผู้ชายคนนี้บนถนน เขากำลังตั้งใจอ่านม้วนหนังสือของผู้พยากรณ์อิสยาห์ (กจ. 8:28) เขาอยากรู้เรื่องที่ลึกซึ้งขึ้น เขาเลยเดินทางไกลจากเอธิโอเปียเพื่อจะไปนมัสการพระยะโฮวาที่วิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ชาวเอธิโอเปียคนนี้ได้เรียนความจริงสำคัญหลายอย่างจากฟีลิป รวมถึงหลักฐานที่ทำให้รู้ว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ (กจ. 8:34, 35) เขารักพระยะโฮวากับพระเยซูมากขึ้นจนทำให้เขาตัดสินใจรับบัพติศมาเพื่อจะเป็นสาวกของพระเยซู และฟีลิปเองก็เห็นว่าผู้ชายคนนี้พร้อมแล้ว เขาก็เลยให้ชาวเอธิโอเปียคนนี้รับบัพติศมา ห23.03 น. 8-9 ว. 3-6
วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม
ให้คำพูดของพวกคุณเป็นคำพูดที่กรุณาเสมอ—คส. 4:6
ถ้าเราไม่พูดความจริง พระยะโฮวาจะไม่พอใจเรา (สภษ. 6:16, 17) แม้คนทุกวันนี้จะโกหกจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่ชอบ และเราต้องคิดแบบพระองค์ (สด. 15:1, 2) เราต้องไม่พูดโกหก แต่ไม่ใช่แค่นั้น เราต้องไม่พูดในแบบที่ตั้งใจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วย นอกจากนั้น เราจะไม่พูดซุบซิบนินทา (สภษ. 25:23; 2 ธส. 3:11) ถ้าคุณกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ แล้วรู้สึกว่าเรื่องที่คุยกันกำลังจะเป็นการนินทา ให้พยายามเปลี่ยนไปพูดในแง่บวกแทน เราอยู่ในโลกที่มีแต่คนพูดไม่ดี เราเลยต้องพยายามเต็มที่ที่จะพูดในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจ พระยะโฮวาจะอวยพรถ้าเราพยายามพูดในแบบที่พระองค์พอใจตอนที่เรารับใช้ ในการประชุม และตอนที่เราพูดคุยกับคนอื่น เมื่อพระยะโฮวาทำลายโลกชั่วไปแล้ว มันก็จะง่ายมากขึ้นที่เราจะพูดในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาได้รับการยกย่องสรรเสริญ—ยด. 15 ห22.04 น. 9 ว. 18-20
วันอังคารที่ 3 ธันวาคม
เราแสดงความรักก็เพราะพระองค์รักเราก่อน—1 ยน. 4:19
เมื่อเราคิดว่าพระยะโฮวากับพระเยซูรักเราขนาดไหน มันก็ทำให้เราอยากรักพระองค์ทั้งสองมาก ๆ (1 ยน. 4:10) ยิ่งเราได้รู้ว่าพระเยซูตายเพื่อเราแต่ละคน เราก็ยิ่งรักพระยะโฮวากับพระเยซูมากขึ้น เปาโลเองก็รู้เรื่องนี้และเขาก็เห็นค่ามาก เขาเขียนจดหมายถึงพี่น้องในเมืองกาลาเทียว่า “ท่านซึ่งเป็นลูกของพระเจ้ารักผมและสละชีวิตเพื่อผม” (กท. 2:20) เพราะพระเยซูตายเป็นค่าไถ่ พระยะโฮวาเลยชักนำคุณให้มาหาพระองค์เพื่อที่คุณจะได้มาเป็นเพื่อนกับพระองค์ (ยน. 6:44) คุณรู้สึกอบอุ่นและประทับใจมากใช่ไหมที่รู้ว่าพระยะโฮวาเห็นสิ่งดีในตัวคุณและพระองค์ยอมจ่ายในราคาที่แพงมากเพื่อที่คุณจะได้มาเป็นเพื่อนกับพระองค์? การคิดถึงเรื่องนี้ทำให้คุณรักพระยะโฮวากับพระเยซูมากขึ้นไหม? ลองถามตัวเองว่า ‘ความรักของพระองค์ทั้งสองกระตุ้นฉันให้ทำอะไร?’ ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาและพระเยซูน่าจะกระตุ้นเราให้แสดงความรักต่อคนอื่น—2 คร. 5:14, 15; 6:1, 2 ห23.01 น. 28 ว. 6-7
วันพุธที่ 4 ธันวาคม
เราจะให้มนุษย์เปลี่ยนไปพูดภาษาบริสุทธิ์—ศฟย. 3:9
คัมภีร์ไบเบิลเป็นเครื่องมือสำคัญมากที่พระยะโฮวาใช้เพื่อช่วยให้คนของพระองค์ “รับใช้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน” พระยะโฮวาให้หลายส่วนในคัมภีร์ไบเบิลถูกเขียนในแบบที่คนถ่อมเท่านั้นจะเข้าใจได้ (ลก. 10:21) ถึงใคร ๆ ก็หาคัมภีร์ไบเบิลอ่านได้ แต่เฉพาะคนถ่อมเท่านั้นจะเข้าใจจริง ๆ และเอาไปใช้ในชีวิต (2 คร. 3:15, 16) คัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราได้เห็นสติปัญญาของพระยะโฮวา พระองค์ใช้คัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่แค่เพื่อสอนคนของพระองค์ทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังสอนและให้กำลังใจเราเป็นส่วนตัวด้วย เมื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิลเรารู้เลยว่าพระองค์สนใจเราแต่ละคน (อสย. 30:21) คุณรู้สึกไหมว่ามีหลายครั้งที่ข้อคัมภีร์ที่คุณอ่านมันตรงกับคุณจริง ๆ? แม้พระเจ้าให้เขียนคัมภีร์ไบเบิลเพื่อมนุษย์หลายล้านคน แต่คำแนะนำในนั้นมันตรงกับที่คุณต้องการพอดีได้ยังไง? มันเป็นไปได้ก็เพราะผู้แต่งคัมภีร์ไบเบิลคือพระเจ้าที่ฉลาดที่สุดในเอกภพ—2 ทธ. 3:16, 17 ห23.02 น. 4-5 ว. 8-10
วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม
ให้คุณคิดใคร่ครวญและทุ่มเทกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อคนอื่นจะเห็น ความก้าวหน้าของคุณได้ชัดเจน—1 ทธ. 4:15
เรารักพระยะโฮวามากและอยากทำให้พระองค์มีความสุข เราเลยอยากจะรับใช้พระองค์สุดความสามารถ และเพื่อจะทำอย่างนั้น เราต้องตั้งเป้าหมาย เช่น พยายามมีคุณลักษณะแบบคริสเตียนเพิ่มขึ้น เรียนรู้ทักษะที่เป็นประโยชน์ และมองหาวิธีที่จะช่วยพี่น้องคนอื่น ทำไมเราควรอยากก้าวหน้าและเป็นคริสเตียนที่ดีขึ้น? อย่างแรกก็คือเพราะเราอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ พระองค์จะมีความสุขมากที่เห็นเราใช้พรสวรรค์และความสามารถเพื่อรับใช้พระองค์อย่างเต็มที่ และนอกจากนั้น ที่เราอยากก้าวหน้าก็เพราะเราอยากช่วยพี่น้องมากขึ้น (1 ธส. 4:9, 10) แม้ว่าเราจะอยู่ในความจริงมานานแค่ไหนแล้ว เราทุกคนก็ยังก้าวหน้าได้ ห22.04 น. 22 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม
เขา 10 เขากับสัตว์ร้าย . . . กัดกินเนื้อเธอ และเอาไฟเผาจนไม่เหลือซาก—วว. 17:16
อีกไม่นานรัฐบาลต่าง ๆ ในโลกจะใช้องค์การสหประชาชาติโจมตีบาบิโลนใหญ่ซึ่งหมายถึงศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ พอเจอเหตุการณ์แบบนั้น ผู้คนมากมายจะเปลี่ยนใจมาเลือกรับใช้พระยะโฮวาไหม? ไม่ วิวรณ์บท 6 บอกว่าคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวาจะหาความช่วยเหลือจากองค์การทางการเมืองและองค์การทางการค้าให้ปกป้องคุ้มครองพวกเขาเหมือนกับภูเขา และเพราะพวกเขาไม่สนับสนุนรัฐบาลของพระยะโฮวา พระองค์จะมองว่าพวกเขาเป็นศัตรู (ลก. 11:23; วว. 6:15-17) ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ คนของพระยะโฮวาจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในโลก พวกเขาจะเป็นคนกลุ่มเดียวที่ไม่สนับสนุน “สัตว์ร้าย” และยังรับใช้พระยะโฮวาอยู่—วว. 13:14-17 ห22.05 น. 16 ว. 8-9
วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม
เขามีข่าวดีที่จะคงอยู่ตลอดไปมาประกาศกับทุกคนบนโลก กับทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกชนชาติ—วว. 14:6
คนของพระเจ้าไม่ได้แค่ “ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า” เท่านั้น (มธ. 24:14) พวกเขาต้องสนับสนุนงานของทูตสวรรค์ที่พูดถึงในวิวรณ์บท 8 ถึง 10 ด้วย พวกทูตสวรรค์ประกาศคำพิพากษากับคนที่ไม่ยอมรับรัฐบาลของพระเจ้า พยานพระยะโฮวาก็กำลังประกาศข่าวสารที่เป็นเหมือนกับ “ลูกเห็บกับไฟ” ซึ่งแสดงว่าพระเจ้าจะพิพากษาลงโทษส่วนต่าง ๆ ของโลกชั่วของซาตาน (วว. 8:7, 13) ผู้คนต้องรู้เรื่องนี้ว่าจุดจบใกล้เข้ามาแล้วเพื่อพวกเขาจะรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองและรอดจากวันที่พระยะโฮวาจะมาลงโทษ (ศฟย. 2:2, 3) ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบข่าวสารนี้ เราเลยต้องกล้าที่จะประกาศ และในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะมีการประกาศข่าวสารครั้งสุดท้ายเรื่องการพิพากษาซึ่งจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากขึ้นไปอีก—วว. 16:21 ห22.05 น. 6-7 ว. 18-19
วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม
ให้รักพระยะโฮวาพระเจ้าของคุณสุดหัวใจ สุดชีวิต และสุดความคิด—มธ. 22:37
สำหรับคริสเตียนที่กำลังจะเป็นพ่อแม่ ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาอาจจะเคยฟังคำบรรยายเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกมานับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้หลักการเหล่านี้ต้องมีความหมายมากขึ้นสำหรับพวกเขาแน่ ๆ เราเห็นว่าเมื่ออะไร ๆ ในชีวิตคนเราเปลี่ยนไป คำแนะนำและหลักการในคัมภีร์ไบเบิลบางเรื่องก็จะมีความหมายมากขึ้น นี่เป็นเหตุผลที่พระยะโฮวาบอกผู้นมัสการของพระองค์ให้อ่านคัมภีร์ไบเบิลแล้วคิดใคร่ครวญ เหมือนกับที่พระองค์บอกกษัตริย์อิสราเอลให้ “อ่านม้วนหนังสือนั้นตลอดชีวิตของเขา” (ฉธบ. 17:19) พ่อแม่ คุณมีสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าคนหนึ่งจะมีได้คือสอนลูกเรื่องพระยะโฮวา แต่คุณคงไม่อยากแค่สอนลูกให้รู้จักพระยะโฮวาเท่านั้น คุณอยากจะช่วยลูกให้รักพระองค์ด้วย ห22.05 น. 26 ว. 2-3
วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม
ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—คส. 3:10
เราต้องไม่ใช่แค่รู้สึกเสียใจที่ทำผิด แต่ต้องแสดงออกด้วยการกระทำ เมื่อพระยะโฮวาตัดสินใจว่าจะให้อภัยไหม พระองค์จะดูว่าคนนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่หรือเปล่า ซึ่งหมายถึงเขาต้องเลิกทำผิดและต้องเปลี่ยนมาใช้ชีวิตอย่างที่พระยะโฮวาบอก (อสย. 55:7) นอกจากนั้น เขาต้องเปลี่ยนความคิดของเขาใหม่และคิดแบบที่พระยะโฮวาคิด (รม. 12:2; อฟ. 4:23) เขาต้องตั้งใจที่จะไม่กลับไปคิดหรือทำในสิ่งที่ไม่ดีอีก (คส. 3:7-9) เพื่อพระยะโฮวาจะให้อภัยและลบล้างบาปของเรา เราต้องเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซูและทำให้พระยะโฮวาเห็นว่าเราพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจริง ๆ—1 ยน. 1:7 ห22.06 น. 6 ว. 16-17
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม
อย่ากลัวความทุกข์ที่คุณกำลังจะเจอ—วว. 2:10
ตั้งแต่อาดัมกับเอวากบฏ มนุษย์ก็ทำร้ายกันเรื่อยมา (ปญจ. 8:9) ตัวอย่างเช่น ผู้คนใช้อำนาจกดขี่คนอื่นและก่ออาชญากรรม ที่โรงเรียนเด็กและวัยรุ่นก็กลั่นแกล้งกัน บางครั้งก็ถึงกับข่มขู่ทำร้ายร่างกาย แม้แต่ในครอบครัวก็มีความรุนแรงด้วย เลยไม่แปลกที่เราจะกลัวคน แล้วซาตานมันใช้การกลัวคนเล่นงานเรายังไง? ซาตานใช้การกลัวคนเพื่อทำให้เราทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบและทำให้เราเลิกประกาศ และมันก็ใช้รัฐบาลของมนุษย์สั่งห้ามงานของเราและข่มเหงเราในหลายประเทศด้วย (ลก. 21:12) หลายคนแพร่ข่าวปลอมและใส่ร้ายพยานพระยะโฮวา คนที่เชื่อข่าวนี้ก็เลยเยาะเย้ยเราและถึงกับทำร้ายเราด้วย (มธ. 10:36) เราแปลกใจไหมที่เจอแบบนี้? ไม่เลย เพราะซาตานก็ทำแบบเดียวกันกับคริสเตียนรุ่นแรก—กจ. 5:27, 28, 40 ห22.06 น. 16 ว. 10-11
วันพุธที่ 11 ธันวาคม
คนที่ช่วยหลายคนให้ทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนดวงดาวตลอดไป—ดนล. 12:3
แล้ว “หลายคน” ที่ผู้ถูกเจิมจะช่วยให้ทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมคือใคร? พวกเขาคือคนที่ถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย คนที่รอดผ่านอาร์มาเกดโดน และอาจรวมถึงเด็ก ๆ ที่เกิดในโลกใหม่ ตอนสิ้นสุดสมัย 1,000 ปีทุกคนบนโลกจะกลายเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ เราต้องจำไว้ว่าคนที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบไม่ใช่ว่าจะมีชีวิตตลอดไปโดยอัตโนมัติ ลองคิดถึงอาดัมกับเอวา พวกเขาเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบแต่พวกเขาก็ต้องเชื่อฟังพระยะโฮวาก่อนถึงจะได้ชีวิตตลอดไป น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย (รม. 5:12) หลังจากสิ้นสุดสมัย 1,000 ปี ทุกคนจะเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ แต่ทุกคนจะสนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวาตลอดไปไหม? หรือบางคนจะเป็นเหมือนอาดัมกับเอวาที่เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบแต่กลับไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์? ทั้งหมดนี้ต้องมีคำตอบ ห22.09 น. 22-23 ว. 12-14
วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม
รัฐบาลของผู้เป็นนายของเราและของพระคริสต์ของพระองค์ปกครองมนุษย์แล้ว—วว. 11:15
เมื่อคุณเห็นเรื่องเลวร้ายมากมายเกิดขึ้นในโลก คุณรู้สึกว่ายากใช่ไหมที่จะเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น? ทุกวันนี้หลายครอบครัวแตกแยกกัน ผู้คนชอบใช้ความรุนแรง เห็นแก่ตัว และก็โหดเหี้ยมมากขึ้นทุกวัน หลายคนไม่ไว้ใจคนที่มีอำนาจในบ้านเมือง แต่สภาพการณ์แบบนี้แหละที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าอีกไม่นานโลกนี้จะดีขึ้นแน่นอน เพราะอะไร? เพราะผู้คนในทุกวันนี้เป็นเหมือนกับคำพยากรณ์ที่บอกไว้เกี่ยวกับ “สมัยสุดท้าย” (2 ทธ. 3:1-5) คนที่มีหัวใจดีไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคำพยากรณ์นี้กำลังเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน และคำพยากรณ์นี้ทำให้เราแน่ใจว่าพระเยซูเริ่มปกครองเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระเจ้าแล้ว แต่นี่ไม่ใช่คำพยากรณ์ข้อเดียวที่พูดถึงรัฐบาลของพระเจ้า ยังมีคำพยากรณ์อีกหลายข้อที่พูดถึงเรื่องนี้ คำพยากรณ์เหล่านี้ทั้งหมดสอดคล้องกันอย่างลงตัวเหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกันเป็นรูปภาพ ซึ่งช่วยให้เรารู้ชัดเจนว่าเราอยู่ในช่วงไหนของเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้ ห22.07 น. 2 ว. 1-2
วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม
สติปัญญาที่แท้จริงก็เห็นได้จากผลที่ปรากฏออกมา—มธ. 11:19
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เราได้รับคำแนะนำที่ชัดเจนเรื่องการประชุมและการประกาศ เช่น องค์การของเราได้มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับการประชุมประชาคม การประชุมหมวด และการประชุมภูมิภาคโดยให้มีการประชุมทั้งหมดนี้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และเรายังเปลี่ยนไปประกาศทางโทรศัพท์และทางจดหมายด้วย พระยะโฮวาอวยพรองค์การเราจริง ๆ หลายสาขาแจ้งว่าจำนวนผู้ประกาศเพิ่มขึ้นอย่างมาก และพี่น้องหลายคนได้ประสบการณ์ดี ๆ ตอนนั้นบางคนรู้สึกว่าองค์การเรากังวลมากเกินไปเรื่องโควิด-19 แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา เราเห็นเลยว่าคำแนะนำที่องค์การให้กับเราเป็นคำแนะนำที่ฉลาดจริง ๆ เมื่อเราคิดถึงวิธีที่พระยะโฮวาชี้นำเราด้วยความรัก เราก็มั่นใจว่าไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง พระยะโฮวากับพระเยซูจะอยู่กับเราแน่นอน—ฮบ 13:5, 6 ห22.07 น. 13 ว. 15-16
วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม
อธิษฐานเป็นประจำ และขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าอยากให้พวกคุณทำอย่างนี้เพราะพวกคุณเป็นสาวกของพระคริสต์เยซู—1 ธส. 5:17, 18
นอกจากที่เราควรจะสรรเสริญพระยะโฮวาเมื่อเราอธิษฐานแล้ว เราควรขอบคุณพระองค์ด้วย ตัวอย่างเช่น เราอธิษฐานขอบคุณพระยะโฮวาได้ที่พระองค์ให้มีสีสันสวยงามในดอกไม้ เราขอบคุณพระองค์ที่ให้มีอาหารอร่อยมากมายหลากหลาย และเราก็ขอบคุณพระองค์ได้ด้วยที่เราได้อยู่กับเพื่อนที่เรารัก พระยะโฮวาให้สิ่งเหล่านี้กับเราและอะไร ๆ อีกหลายอย่างเพราะพระองค์อยากให้เรามีความสุข (สด. 104:12-15, 24) ที่สำคัญกว่านั้น เราขอบคุณที่พระยะโฮวาให้ความรู้และคำแนะนำมากมายที่ช่วยให้เรามีความเชื่อเข้มแข็ง และพระองค์ยังให้ความหวังที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอนาคตกับเราด้วย เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะลืมขอบคุณพระยะโฮวาสำหรับสิ่งดี ๆ ที่พระองค์ทำให้เรา อะไรจะช่วยให้เราไม่เป็นแบบนั้น? ลองเขียนออกมาว่าเราได้อธิษฐานขอพระยะโฮวาเรื่องอะไรบ้าง และลองเอาออกมาดูเป็นช่วง ๆ ว่าพระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของเรายังไง แล้วหลังจากนั้นก็ให้อธิษฐานขอบคุณพระองค์—คส. 3:15 ห22.07 น. 22 ว. 8-9
วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม
เขาชื่นชอบกฎหมายของพระยะโฮวา เขาอ่านกฎหมายของพระองค์ด้วยเสียงเบา ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน—สด. 1:2
เรารู้ว่าแค่ศึกษาเรียนรู้ความจริงยังไม่พอ ถ้าเราอยากมีความสุขแท้ เราต้องใช้ชีวิตตามความจริงด้วยซึ่งก็คือเราต้องทำตามสิ่งที่เราเรียนรู้ (ยก. 1:25) แต่เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเรากำลังใช้ชีวิตตามความจริง? พี่น้องชายคนหนึ่งแนะนำว่า เราน่าจะลองสังเกตดูตัวเองว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เราได้ทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้แล้ว และมีเรื่องไหนบ้างที่เรายังปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้อีก เปาโลบอกว่า “ไม่ว่าเราก้าวหน้าถึงขั้นไหนแล้ว ก็ให้เราก้าวหน้าแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนที่เคยทำมา” (ฟป. 3:16) ลองคิดดูว่ามีผลดีอะไรบ้างถ้าเราพยายาม “ใช้ชีวิตตามความจริง” ต่อ ๆ ไป ชีวิตเราจะดีขึ้นมากแน่ ๆ แต่ไม่ใช่แค่นั้น เรายังทำให้ทั้งพระยะโฮวาและพี่น้องมีความสุขมาก (สภษ. 27:11; 3 ยน. 4) นี่แหละเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่เรารักความจริงและใช้ชีวิตตามความจริง ห22.08 น. 19 ว. 16-18
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม
ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้า—1 ปต. 5:2
ผู้ดูแลจะแสดงยังไงว่าเขารักพระยะโฮวากับพระเยซู? วิธีสำคัญวิธีหนึ่งก็คือการดูแลฝูงแกะของพระเยซู (1 ปต. 5:1, 2) พระเยซูพูดเรื่องนี้ชัดเจนตอนที่ท่านพูดกับอัครสาวกเปโตร หลังจากที่เปโตรปฏิเสธพระเยซูไปแล้วถึง 3 ครั้ง เขาคงอยากจะพิสูจน์ให้พระเยซูเห็นว่าเขารักท่านมากขนาดไหน พอพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านก็ถามเปโตรว่า “ซีโมนลูกยอห์น คุณรักผมไหม?” เรามั่นใจว่าเปโตรคงจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าเขารักนายของเขา แล้วพระเยซูก็บอกเปโตรว่า “ให้คุณดูแลแกะตัวเล็ก ๆ ของผม” (ยน. 21:15-17) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเปโตรใช้ชีวิตที่เหลือของเขาเพื่อดูแลฝูงแกะของพระเยซูเพื่อพิสูจน์ว่าเขารักท่าน พวกคุณที่เป็นผู้ดูแล คุณจะแสดงยังไงว่าคำพูดของพระเยซูที่พูดกับเปโตรเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคุณ? คุณจะแสดงว่ารักพระยะโฮวากับพระเยซูได้โดยบำรุงเลี้ยงพี่น้องเป็นประจำ และพยายามเป็นพิเศษที่จะช่วยคนที่เลิกการประกาศให้กลับมาหาพระยะโฮวา—อสค. 34:11, 12 ห23.01 น. 29 ว. 10-11
วันอังคารที่ 17 ธันวาคม
พระเจ้าซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คุณถูกล่อใจจนทนไม่ไหว—1 คร. 10:13
เป็นเรื่องอันตรายที่จะคิดว่าไม่มีใครเข้าใจปัญหาที่คุณเจอ การคิดแบบนี้มีแต่จะทำให้คุณท้อใจและหมดหวัง แล้วก็คิดว่าคุณไม่มีกำลังพอที่จะเลิกอยากทำสิ่งที่ไม่ดีได้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เมื่อคุณถูกล่อใจ พระองค์จะมีทางออกให้ด้วยเพื่อคุณจะทนได้” ดังนั้น แม้ความรู้สึกอยากทำสิ่งที่ไม่ดีอาจจะรุนแรงมาก แต่คุณสู้กับความรู้สึกนั้นได้ และถ้าคุณให้พระยะโฮวาช่วย คุณจะไม่ลงมือทำสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน จำไว้เสมอว่าเราทุกคนเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เลยไม่มีทางที่คุณจะไม่มีความรู้สึกอยากทำสิ่งที่ไม่ดี แต่เมื่อคุณมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้คุณลบความคิดนั้นออกไปทันทีแบบที่โยเซฟรีบหนีจากภรรยาของโปทิฟาร์ (ปฐก. 39:12) คุณไม่จำเป็นต้องลงมือทำสิ่งที่ไม่ดีอย่างที่คุณนึกอยากทำ ห23.01 น. 12-13 ว. 16-17
วันพุธที่ 18 ธันวาคม
พระเจ้าไม่เลือกปฏิบัติ—รม. 2:11
ความยุติธรรมเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งของพระยะโฮวา (ฉธบ. 32:4) ปกติแล้วคนที่ยุติธรรมจะไม่ลำเอียงด้วย และพระยะโฮวาก็เป็นแบบนั้น (กจ. 10:34, 35) เราเห็นได้จากภาษาที่พระองค์ใช้ให้เขียนคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาสัญญาว่าในสมัยสุดท้าย “ความรู้แท้” ในคัมภีร์ไบเบิล “จะมีอย่างมากมาย” ซึ่งหมายถึงหลายคนจะได้เข้าใจความรู้นี้ (ดนล. 12:4) วิธีหนึ่งที่ทำให้เป็นอย่างนั้นได้คือการแปล การพิมพ์ และการแจกจ่ายคัมภีร์ไบเบิลรวมถึงหนังสือที่อธิบายคัมภีร์ไบเบิล ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาแปลคัมภีร์ไบเบิลทั้งครบชุดและบางส่วนมากกว่า 240 ภาษาแล้วและถ้าใครอยากได้ก็รับได้ฟรี นี่เลยทำให้คนจากทุกชาติได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “ข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า” ก่อนที่จุดจบจะมาถึง (มธ. 24:14) พระเจ้าที่ยุติธรรมของเราอยากให้ผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มีโอกาสรู้จักพระองค์โดยการอ่านคัมภีร์ไบเบิล ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพระองค์รักเราทุกคนมาก ห23.02 น. 5 ว. 11-12
วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม
เลิกเลียนแบบคนในโลกนี้ แต่ให้เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยเปลี่ยนความคิดของคุณใหม่—รม. 12:2
คุณรักมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาไหม? แน่นอน แต่เราทุกคนไม่สมบูรณ์แบบ และถ้าเราไม่ระวัง มาตรฐานของโลกก็จะส่งผลต่อความคิดของเราได้ (อสย. 5:20) ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก พวกผู้นำศาสนาชอบตั้งมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาและคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น พระเยซูไม่ชอบและว่าพวกเขาแรงมาก (ปญจ. 7:16; ลก. 16:15) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน บางคนชอบเอาตัวเองเป็นมาตรฐานและคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น พระยะโฮวาไม่ชอบเลย คนที่ทำสิ่งที่พระองค์เห็นว่าถูกต้องจะไม่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ความถูกต้องชอบธรรมเป็นคุณลักษณะที่ดีมาก มันคือการทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าถูกต้อง ในคัมภีร์ไบเบิลคำว่า “ถูกต้องชอบธรรม” เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตตามมาตรฐานสูงของพระยะโฮวา ห22.08 น. 27 ว. 3-5
วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม
ผมเรียกพวกคุณว่าเพื่อน—ยน. 15:15
พระเยซูไว้ใจสาวกของท่านแม้พวกเขาจะทำผิดพลาดหลายครั้ง (ยน. 15:16) ตอนที่ยากอบกับยอห์น ขอตำแหน่งพิเศษจากท่าน ท่านก็ไม่ได้สงสัยว่าพวกเขารับใช้พระเจ้าด้วยเจตนาอะไร และไม่ได้ไล่พวกเขาออกจากกลุ่มอัครสาวก (มก. 10:35-40) ต่อมา พวกสาวกทุกคนของพระเยซูทิ้งพระเยซูไปในคืนที่ท่านถูกจับ (มธ. 26:56) แต่ท่านก็ไม่เคยหมดหวังในตัวพวกเขา ท่านรู้ดีว่าพวกเขาไม่สมบูรณ์แบบ และ “ท่านรักพวกเขาต่อไปจนถึงที่สุด” (ยน. 13:1) หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย ท่านถึงกับให้หน้าที่มอบหมายสำคัญกับพวกอัครสาวกที่ซื่อสัตย์ 11 คนในการนำหน้างานสอนคนให้เป็นสาวก และดูแลฝูงแกะที่มีค่าของท่าน (มธ. 28:19, 20; ยน. 21:15-17) และพระเยซูก็ไว้ใจไม่ผิดคนจริง ๆ สาวกทุกคนรับใช้อย่างซื่อสัตย์จนจบชีวิตบนโลก จากที่เราได้เรียนมาทั้งหมดนี้เราเห็นเลยว่าพระเยซูเป็นตัวอย่างที่ดีมากของคนที่ไว้ใจคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ ห22.09 น. 6 ว. 12
วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม
พระยะโฮวาอยู่ฝ่ายผม ผมจะไม่กลัวอะไร—สด. 118:6
ถ้าเรามั่นใจว่าพระยะโฮวารักเราและอยู่กับเรา เราก็จะเอาชนะความพยายามของซาตานที่จะทำให้เรากลัวได้ ขอให้นึกถึงตัวอย่างของผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 118 เขาเจอหลายเรื่องที่อาจทำให้กลัว เช่น เขามีศัตรูมากมาย และศัตรูบางคนก็เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงด้วย (ข้อ 9, 10) บางครั้งเขาเจอความกดดันหลายอย่าง (ข้อ 13) และเขาถูกพระยะโฮวาสั่งสอนด้วย (ข้อ 18) แต่ผู้เขียนหนังสือสดุดีคนนี้ก็พูดได้ว่า “ผมจะไม่กลัวอะไร” เขารู้ว่าแม้เขาจะถูกพระยะโฮวาสั่งสอน แต่พระองค์ก็เป็นพ่อที่รักเขา เขามั่นใจว่าไม่ว่าเขาเจออะไร พระยะโฮวาพร้อมจะช่วยเขาแน่นอน (สด. 118:29) คุณต้องมั่นใจว่าพระยะโฮวารักคุณจริง ๆ การมั่นใจแบบนั้นจะช่วยให้เอาชนะความกลัว 3 อย่างได้คือ (1) กลัวว่าจะหาเลี้ยงครอบครัวได้ไม่พอ (2) กลัวคน และ (3) กลัวตาย ห22.06 น. 15 ว. 3-4
วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม
คนที่อดทนกับความลำบากเรื่อยไปก็มีความสุข เพราะเมื่อพระยะโฮวายอมรับเขาแล้ว พระองค์จะให้ชีวิตกับเขาเป็นรางวัล—ยก. 1:12
เราต้องให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต พระยะโฮวาเป็นผู้สร้างเรา เราจึงควรนมัสการพระองค์ผู้เดียว (วว. 4:11; 14:6, 7) ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราต้องเป็นการนมัสการแบบที่พระองค์ยอมรับ ซึ่งหมายถึงการ “นมัสการโดยให้พลังของพระเจ้าชี้นำและนมัสการอย่างที่สอดคล้องกับความจริง” (ยน. 4:23, 24) ถ้าเรานมัสการโดยให้พลังบริสุทธิ์ชี้นำ เราก็จะนมัสการพระองค์อย่างที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล เราต้องให้การนมัสการพระยะโฮวาสำคัญที่สุดแม้ว่าเราจะอยู่ในประเทศที่งานของเราถูกสั่งห้ามหรือไม่มีอิสระเต็มที่ ตอนนี้มีพี่น้องของเรามากกว่า 100 คนที่ติดคุกเพราะแค่เป็นพยานพระยะโฮวา ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังมีความสุขที่ได้อธิษฐาน ศึกษาส่วนตัว และบอกคนอื่นเรื่องพระยะโฮวาและรัฐบาลของพระองค์เท่าที่จะทำได้ ตอนที่เราถูกด่าว่าหรือถูกข่มเหง เราก็มีความสุขเพราะรู้ว่าพระยะโฮวาอยู่กับเรา และพระองค์จะอวยพรและให้รางวัลเราแน่นอน—1 ปต. 4:14 ห22.10 น. 9 ว. 13
วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม
สติปัญญาเป็นเครื่องป้องกัน—ปญจ. 7:12
หนังสือสุภาษิตทั้งเล่มมีคำแนะนำมากมาย และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คำแนะนำเหล่านั้นก็มีประโยชน์และช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นเสมอ ตอนนี้ให้เรามาดูคำแนะนำ 2 อย่างจากหนังสือสุภาษิตด้วยกัน อย่างแรก พอใจกับสิ่งที่คุณมี สุภาษิต 23:4, 5 แนะนำว่า “อย่าหักโหมทำงานจนเหนื่อยล้าเพื่อจะมีทรัพย์สมบัติ . . . เพราะมันจะมีปีกงอกออกมาเหมือนนกอินทรีแล้วบินหายไปบนฟ้า” ที่จริง ทั้งคนรวยและคนจนหลายคนในทุกวันนี้ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินจนยอมทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง เสียเพื่อน เสียครอบครัว และเสียสุขภาพ (สภษ. 28:20; 1 ทธ. 6:9, 10) อย่างที่ 2 คิดก่อนที่คุณจะพูด ถ้าเราไม่ระวังคำพูด เราอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ สุภาษิต 12:18 บอกว่า “คำพูดที่ไม่คิดเป็นเหมือนดาบที่ทิ่มแทง แต่คำพูดของคนฉลาดจะช่วยเยียวยารักษา” ถ้าเราไม่ซุบซิบนินทาคนอื่น เราก็จะไม่มีเรื่องกับใคร—สภษ. 20:19 ห22.10 น. 21 ว. 14; น. 22 ว. 16-17
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม
กินม้วนหนังสือนี้แล้วไปพูดกับชาวอิสราเอล—อสค. 3:1
เอเสเคียลต้องเข้าใจเรื่องที่เขาจะประกาศและต้องเชื่อมั่นในข่าวสารเหล่านั้นจนถูกกระตุ้นให้พูดออกมา แต่พอเอเสเคียลกินม้วนหนังสือลงไปเขาก็แปลกใจมากเพราะมัน “หวานเหมือนน้ำผึ้ง” อยู่ในปากของเขา (อสค. 3:3) ทำไมเอเสเคียลถึงรู้สึกหวาน? ก็เพราะเขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของพระยะโฮวา และเขาก็มีความสุขมากจริง ๆ ที่พระองค์เลือกเขาให้เป็นผู้พยากรณ์ของพระองค์ (สด. 19:8-11) จากนั้น พระยะโฮวาบอกเอเสเคียลว่า “ฟังและจดจำทุกคำที่เราจะพูดกับเจ้าไว้ให้ดี” (อสค. 3:10) พระยะโฮวาบอกให้เขาจำข้อความในม้วนหนังสือและคิดใคร่ครวญ พอเขาทำตาม เขาก็มีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น เขาต้องเอาข่าวสารที่มีพลังนี้ไปประกาศกับผู้คน (อสค. 3:11) การที่เอเสเคียลเข้าใจสิ่งที่อยู่ในม้วนหนังสือและมั่นใจในข่าวสารที่จะประกาศทำให้เขาพร้อมที่จะประกาศคำพิพากษาและทำงานมอบหมายนั้นจนสำเร็จ ห22.11 น. 6 ว. 12-14
วันพุธที่ 25 ธันวาคม
การเชื่อฟังดีกว่าเครื่องบูชา—1 ซม. 15:22
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในองค์การเกิดขึ้นซึ่งมีผลต่อคุณโดยตรง คุณจะทำยังไง? ให้ความร่วมมือกับการเปลี่ยนแปลงในองค์การ ในช่วงที่ชาวอิสราเอลเดินทางในที่กันดาร ตระกูลโคฮาทได้ทำงานมอบหมายหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นคือ ทุกครั้งที่ชาวอิสราเอลต้องย้ายค่ายพัก คนในตระกูลโคฮาทบางคนจะได้หามหีบสัญญาของพระยะโฮวาต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งชาติ เป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ! (กดว. 3:29, 31; 10:33; ยชว. 3:2-4) แต่พอชาวอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายหีบนั้นบ่อย ๆ ดังนั้น คนในตระกูลโคฮาทเลยได้รับมอบหมายให้ทำงานอย่างอื่น (1 พศ. 6:31-33; 26:1, 24) แต่ไม่มีที่ไหนในคัมภีร์ไบเบิลที่บอกว่าพวกเขาบ่นหรือเรียกร้องที่จะทำงานที่มีหน้ามีตากว่านี้เพราะพวกเขาเป็นตระกูลที่เคยทำหน้าที่สำคัญมาก่อน บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ไม่ว่าองค์การจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ขอให้คุณให้ความร่วมมือและเต็มใจสนับสนุนไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะส่งผลต่อคุณโดยตรงหรือเปล่า ให้มีความสุขกับงานมอบหมายที่คุณได้รับไม่ว่าจะเป็นงานอะไร จำไว้ว่างานมอบหมายที่คุณได้รับไม่ใช่ตัวกำหนดคุณค่าของคุณ พระยะโฮวามองว่าการเชื่อฟังของคุณมีค่ามากกว่างานมอบหมาย ห22.11 น. 23 ว. 10-11
วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม
เขา . . . ไม่อายที่ผมถูกล่ามโซ่อยู่—2 ทธ. 1:16
โอเนสิโฟรัสตามหาเปาโลจนเจอ แล้วก็พยายามช่วยให้เปาโลได้สิ่งที่ต้องการถึงแม้มันทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? อย่ากลัวคนแล้วไม่ยอมช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังถูกข่มเหง แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ให้เราปกป้องพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขาให้เต็มที่ (สภษ. 17:17) พวกเขาต้องการความรักและความช่วยเหลือจากเรา พี่น้องในรัสเซียเป็นตัวอย่างที่ดีมาก พวกเขาพยายามช่วยพี่น้องที่อยู่ในคุกหลายอย่าง ตอนที่พี่น้องของเราต้องขึ้นศาล พวกเขาก็พากันไปให้กำลังใจ บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ถ้าพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การถูกใส่ร้าย ถูกข่มเหง และถูกจับ เราไม่ต้องกลัว ให้เราอธิษฐานเพื่อเขาและหาวิธีที่เราจะช่วยได้ นอกจากนั้น ขอให้เราดูแลครอบครัวของเขาด้วย—กจ. 12:5; 2 คร. 1:10, 11 ห22.11 น. 17 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม
พวกเขานี่แหละที่ให้กำลังใจผมอย่างมาก—คส. 4:11
ผู้ดูแลต้องบำรุงเลี้ยงพี่น้อง พวกเขาให้กำลังใจพี่น้องโดยใช้คัมภีร์ไบเบิลและช่วยพี่น้องให้รับมือกับความกังวล (1 ปต. 5:2) เมื่อเกิดภัยพิบัติ ก่อนอื่นผู้ดูแลต้องทำให้แน่ใจว่าพี่น้องทุกคนปลอดภัย มีอาหาร เสื้อผ้า และที่พัก แต่พอเวลาผ่านไปนานหลายเดือน พี่น้องก็ยังต้องการกำลังใจดี ๆ จากคัมภีร์ไบเบิลและสิ่งที่ช่วยให้พวกเขารับมือกับความกังวลได้ (ยน. 21:15) แฮโรลด์ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการสาขาและได้เดินทางไปให้กำลังใจพี่น้องหลายคนที่เจอภัยพิบัติเล่าว่า “เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ถึงชีวิตของพวกเขาอาจค่อย ๆ เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่พวกเขาก็อาจยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอ และพวกเขาอาจยังนึกถึงคนที่พวกเขารักที่ต้องตายจากไป หรือนึกถึงสิ่งของบางอย่างที่สำคัญมากสำหรับพวกเขา ความเศร้าเสียใจอาจหวนกลับมาเป็นระยะ ๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาขาดความเชื่อ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นแบบนี้” ผู้ดูแลควรเอาคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ที่ว่า “ร้องไห้กับคนที่ร้องไห้”—รม. 12:15 ห22.12 น. 22 ว. 1; น. 24-25 ว. 10-11
วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม
ให้พวกคุณใช้ชีวิตตามการชี้นำจากพลังของพระเจ้า แล้วพวกคุณจะไม่ทำตามความต้องการของร่างกายที่มีบาป—กท. 5:16
พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์กับเราเพื่อช่วยให้เราทำสิ่งที่ถูกต้องได้สำเร็จ เราได้พลังบริสุทธิ์จากพระองค์ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิล และเมื่อไปประชุมเราก็ได้พลังบริสุทธิ์ด้วย เราได้อยู่กับพี่น้องที่พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกันกับเราซึ่งทำให้ได้กำลังใจ (ฮบ. 10:24, 25; 13:7) นอกจากนั้น เมื่อเราอธิษฐานถึงพระยะโฮวาอย่างจริงจังขอพระองค์ช่วยเราเอาชนะจุดอ่อนที่ไม่ดีบางอย่าง พระองค์ก็จะให้พลังบริสุทธิ์เพื่อเราจะเข้มแข็งและสู้กับมันได้ต่อ ๆ ไป แม้บางครั้งความรู้สึกอยากทำสิ่งไม่ดีอาจผุดขึ้นมาแต่การทำกิจกรรมของคริสเตียนเหล่านี้จะช่วยให้เราไม่ลงมือทำสิ่งที่ไม่ดีอย่างที่เรานึกอยากทำ การทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำและการพยายามอยู่เรื่อย ๆ ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก ห23.01 น. 11 ว. 13-14
วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม
ผมจะไม่ยอมให้อะไรมาควบคุมผม—1 คร. 6:12
แม้คัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่หนังสือแนะนำการดูแลสุขภาพหรือการกินอาหาร แต่ก็ทำให้รู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงในเรื่องนี้ เช่น พระองค์บอกว่า “เอาสิ่งที่เป็นอันตรายออกไปให้ห่างจากตัวคุณ” (ปญจ. 11:10) นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลยังบอกว่าเราต้องไม่กินมากเกินไปหรือดื่มเหล้ามากเกินไปซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและถึงกับทำให้ตายได้ (สภษ. 23:20) พระยะโฮวาอยากให้เราควบคุมตัวเองว่าจะกินและดื่มอะไรและมากน้อยแค่ไหน (1 คร. 9:25) เราตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของเราในแบบที่แสดงว่าเห็นค่าชีวิตได้โดยการเป็นคนรู้จักคิดอย่างรอบคอบ (สด. 119:99, 100; สภษ. 2:11) เช่น เราต้องคิดให้ดีว่าจะกินอะไร ถ้าเราชอบกินอาหารบางอย่างแต่รู้ว่าอาหารนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ เราก็จะไม่กิน นอกจากนั้น เรายังแสดงว่าเราเป็นคนรู้จักคิดโดยนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ และดูแลบ้านให้สะอาด ห23.02 น. 21 ว. 6-7
วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม
คุณอ่านแล้วเข้าใจยังไง?—ลก. 10:26
ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณจะหาจุดที่คุณได้ประโยชน์ได้ยังไง? ขอดูที่ 2 ทิโมธี 3:16, 17 ข้อนั้นบอกว่า “พระคัมภีร์ทุกตอน . . . มีประโยชน์” สำหรับ (1) สอน (2) ว่ากล่าวตักเตือน (3) แก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย และ (4) สั่งสอน คุณจะได้ประโยชน์ 4 อย่างนี้จากคัมภีร์ไบเบิลแน่ ๆ แม้แต่ในหนังสือบางเล่มของคัมภีร์ไบเบิลที่คุณไม่ค่อยได้อ่าน ให้สังเกตดูว่าเรื่องที่อ่านสอนอะไรคุณเกี่ยวกับพระยะโฮวา ความประสงค์ หรือหลักการของพระองค์ แล้วให้ดูว่าข้อนั้นหรือเรื่องนั้นมีประโยชน์สำหรับว่ากล่าวตักเตือนยังไง คุณทำแบบนั้นได้โดยดูว่าข้อคัมภีร์นั้นช่วยให้เห็นว่าคุณมีนิสัยหรือความคิดไม่ดีอะไรบ้าง และจะช่วยให้คุณซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาเสมอได้ยังไง นอกจากนั้น ให้ดูว่าเรื่องที่อ่านจะช่วยคุณแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบร้อยยังไง เช่น ช่วยให้ตอบข้อโต้แย้งหรือคำสอนผิด ๆ ที่เจอในเขตประกาศ จากนั้นให้ดูว่าข้อนั้นมีคำสั่งสอนอะไรที่ช่วยฝึกคุณให้มีความคิดแบบพระยะโฮวา เมื่อคุณจำ 4 อย่างนี้ไว้เสมอตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น ห23.02 น. 11 ว. 11
วันอังคารที่ 31 ธันวาคม
อาณาจักรของท่านจะไม่มีวันถูกทำลาย—ดนล. 7:14
คำพยากรณ์ข้อหนึ่งในหนังสือดาเนียลทำให้เห็นว่าพระเยซูจะเป็นกษัตริย์ในตอนจบของช่วงเวลาที่เรียกว่า “7 ปี” แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? (ดนล. 4:10-17) ช่วงเวลา “7 ปี” หมายถึง 2,520 ปี ช่วงเวลานี้เริ่มต้นในปี 607 ก่อนคริสต์ศักราชเมื่อกษัตริย์อิสราเอลองค์สุดท้ายถูกบาบิโลนโค่นลงจากบัลลังก์ของพระยะโฮวาที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และช่วงเวลานี้สิ้นสุดลงในปี 1914 เมื่อพระยะโฮวาให้พระเยซูซึ่งเป็น “คนที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย” ขึ้นเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระองค์ (อสค. 21:25-27) คำพยากรณ์นี้เป็นประโยชน์กับเรายังไง? การเข้าใจเกี่ยวกับคำพยากรณ์เรื่อง “7 ปี” ทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำให้คำสัญญาของพระองค์เกิดขึ้นจริงตามเวลาที่พระองค์กำหนดไว้แน่นอน เหมือนกับที่พระยะโฮวาได้กำหนดไว้ว่าจะให้รัฐบาลของพระองค์ตั้งขึ้นเมื่อไหร่แล้วมันก็เกิดขึ้นตามนั้นจริง ๆ พระองค์ก็จะทำให้คำพยากรณ์อื่น ๆ เกิดขึ้นจริงตามที่พระองค์กำหนดไว้เหมือนกัน วันของพระยะโฮวาจะมาแน่ ๆ และ “จะไม่ช้าเกินไป”—ฮบก. 2:3 ห22.07 น. 3 ว. 3-5