พฤศจิกายน
วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน
อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากพวกคุณ ให้พูดแต่สิ่งดี ๆ ซึ่งให้กำลังใจ—อฟ. 4:29
คริสเตียนต้องไม่พูดหยาบคายอยู่แล้ว แต่เราก็ยังต้องระวังคำพูดที่ไม่ดีอย่างอื่นด้วยถึงแม้เราอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เราต้องระวังที่จะไม่พูดเปรียบเทียบในเชิงดูถูกคนที่มาจากภาคอื่น วัฒนธรรมอื่น หรือชาติอื่นที่ต่างจากเรา และเราต้องไม่พูดอะไรที่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่ต้องพูดในแบบที่ให้กำลังใจ และให้เราขยันชมคนอื่น อย่าเอาแต่บ่นหรือว่าเขา ชาวอิสราเอลได้สิ่งดี ๆ จากพระยะโฮวาหลายอย่างแต่พวกเขาก็ยังชอบบ่น นิสัยชอบบ่นติดต่อกันได้ ถ้าเราชอบบ่น คนอื่นก็จะบ่นตามไปด้วย คุณคงจำเรื่องของคนสอดแนมสิบคนได้ ชาวอิสราเอลได้ยินข่าวไม่ดีจากพวกเขาก็เลย “บ่นต่อว่าโมเสส” (กดว. 13:31–14:4) ในทางตรงกันข้าม คำชมเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นทำดี ดังนั้น ให้เราหาโอกาสชมคนอื่นจากใจจริง ห22.04 น. 8 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน
ผมถูกยกให้พระองค์ดูแลมาตั้งแต่เกิด พระองค์เป็นพระเจ้าของผมตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้องแม่—สด. 22:10
พระยะโฮวาเคยช่วยวัยรุ่นหลายคนมาแล้วให้มาเป็นเพื่อนกับพระองค์ตั้งแต่ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล และพระองค์ก็จะช่วยลูกของคุณให้เป็นเพื่อนกับพระองค์ด้วยเหมือนกันถ้าพวกเขาต้องการ (1 คร. 3:6, 7) ถึงลูกของคุณดูเหมือนเริ่มไม่เอาความจริง แต่พระยะโฮวาก็ยังรักและจะเฝ้าดูเขาต่อไป (สด. 11:4) และพอเขาแสดงให้เห็นแค่นิดหน่อยว่า “เต็มใจตอบรับความจริง” พระองค์ก็พร้อมจะช่วยเขาให้เป็นเพื่อนกับพระองค์ (กจ. 13:48; 2 พศ. 16:9) พระองค์อาจจะช่วยให้คุณรู้ว่าจะพูดอะไรกับลูกและจะพูดกับเขาเมื่อไหร่ ซึ่งนั่นเป็นตอนที่ลูกจำเป็นต้องได้ยินมากที่สุด (สภษ. 15:23) หรือพระยะโฮวาอาจจะกระตุ้นให้พี่น้องในประชาคมแสดงความสนใจตัวเขาเป็นพิเศษ แม้ว่าลูกของคุณจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วพระยะโฮวาก็อาจจะช่วยเขาให้นึกถึงบางเรื่องที่คุณสอนเขาตั้งแต่เด็ก ๆ ได้ (ยน. 14:26) ถ้าคุณสอนลูกโดยทางคำพูดและตัวอย่างของคุณต่อ ๆ ไป พระยะโฮวาจะอวยพรคุณแน่นอน ห22.04 น. 21 ว. 18
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน
พญานาคก็โกรธแค้น—วว. 12:17
ซาตานอยู่บนสวรรค์ไม่ได้ มันเลยหันมาโจมตีผู้ถูกเจิมที่ยังเหลืออยู่บนโลกซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลพระเจ้าและ “ทำงานประกาศเรื่องพระเยซู” (2 คร. 5:20; อฟ. 6:19, 20) ในปี 1918 พี่น้องชาย 8 คนที่นำหน้าองค์การในตอนนั้นถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ และถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมให้จำคุกนานหลายปี ดูเหมือนงานของพวกเขาต้องหยุดลงแน่ ๆ (วว. 11:3, 7-11) แต่ในเดือนมีนาคมปี 1919 พี่น้องชาย 8 คนนั้นถูกปล่อยและศาลได้ยกฟ้องข้อกล่าวหาต่าง ๆ ทั้งหมด พวกเขากลับไปนำหน้าในงานของรัฐบาลพระเจ้าทันที แต่ซาตานก็ไม่ยอมแพ้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันพ่นน้ำออกจากปากเหมือน “แม่น้ำ” ทำให้คนของพระยะโฮวาถูกข่มเหงอย่างหนัก (วว. 12:15) เราทุกคน “ต้องมีความอดทนและความเชื่อ” จริง ๆ—วว. 13:10 ห22.05 น. 5-6 ว. 14-16
วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน
ผมได้ยินว่าคนที่ถูกประทับตรามีจำนวน 144,000 คน—วว. 7:4
ยอห์นเห็นนิมิตว่าคนที่สนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวาและได้ชีวิตตลอดไปมี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีจำนวน 144,000 คน พวกเขาเป็นมนุษย์ที่ถูกเลือกให้ปกครองกับพระเยซูในสวรรค์และอยู่ในรัฐบาลของพระเจ้าซึ่งจะปกครองโลก (วว. 5:9, 10; 14:3, 4) ยอห์นเห็นพวกเขายืนอยู่กับพระเยซูบนภูเขาศิโยน (วว. 14:1) ตั้งแต่สมัยของพวกอัครสาวก มีคนมากมายถูกเลือกให้อยู่ในกลุ่ม 144,000 คน (ลก. 12:32; รม. 8:17) แต่ในนิมิต ยอห์นได้ยินว่าในสมัยสุดท้ายคนกลุ่มนี้จะเหลืออยู่ไม่มากบนโลก (วว. 12:17) และพอถึงในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ พวกเขาจะถูกรับให้ไปสวรรค์จนครบ 144,000 คน พวกเขาทั้งหมดจะปกครองร่วมกับพระเยซูในรัฐบาลของพระเจ้า—มธ. 24:31; วว. 5:9, 10 ห22.05 น. 16 ว. 4-5
วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน
ขอให้เชื่อฟังกฎหมายของเราเถอะ—อสย. 48:18
พระเยซูสอนให้สาวกมองตัวเองอย่างถูกต้อง ท่านบอกว่า “ผมบนหัวของคุณ พระองค์ก็นับไว้แล้วทุกเส้น” (มธ. 10:30) เรื่องนี้ทำให้เรามีกำลังใจมากโดยเฉพาะถ้าเราเป็นคนที่ชอบคิดลบกับตัวเอง ข้อนี้ทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวารักและสนใจเรา และพระองค์มองว่าเรามีค่ามาก ถ้าพระยะโฮวายอมให้เรานมัสการพระองค์ เราก็ไม่ควรคิดว่าเราไม่มีค่า และไม่ควรสงสัยว่าเราสมควรที่จะได้เข้าโลกใหม่ที่พระยะโฮวาสัญญาไว้หรือเปล่า หลายปีก่อน หอสังเกตการณ์ เคยแนะนำให้เรามองตัวเองอย่างถูกต้องว่า “แน่นอน เราไม่ควรจะคิดว่าตัวเองสูงส่งจนถึงขั้นหลงตัวเอง หรือคิดว่าเราเองต่ำต้อยจนรู้สึกว่าไร้ค่า แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราควรมีเป้าหมายที่จะปลูกฝังการมีทัศนะที่ถูกต้องต่อตัวเอง ซึ่งหมายถึงการรู้ทั้งส่วนดีและขีดจำกัดของเรา” ห22.05 น. 24-25 ว. 14-16
วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน
ผม . . . ขอเพื่อ . . . พวกเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน—ยน. 17:20, 21
แล้วเราแต่ละคนต้องทำยังไงเพื่อจะให้ประชาคมเป็นหนึ่งเดียวกัน? เราต้องเป็นคนสร้างสันติ (มธ. 5:9; รม. 12:18) ทุกครั้งที่เราเป็นฝ่ายเริ่มสร้างสันติสุขกับพี่น้องในประชาคม เรายิ่งทำให้อุทยานโดยนัยนี้สวยงามมากขึ้น เราต้องจำไว้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ที่พาเราแต่ละคนเข้ามาในอุทยานโดยนัยเพื่อจะมานมัสการแท้ (ยน. 6:44) ลองนึกดูว่าพระยะโฮวาจะมีความสุขขนาดไหนที่เห็นเราพยายามเต็มที่ที่จะสร้างสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องที่พระองค์มองว่ามีค่า (อสย. 26:3; ฮกก. 2:7) พระยะโฮวาให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้สิ่งดี ๆ มากมาย แล้วเราต้องทำยังไงถึงจะได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น? เราต้องอ่านและคิดใคร่ครวญคัมภีร์ไบเบิล การทำแบบนี้จะช่วยให้เรามีคุณลักษณะแบบคริสเตียนที่จะทำให้เรา “รักกันแบบพี่น้อง”—รม. 12:10 ห22.11 น. 12-13 ว. 16-18
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน
เราจะยกโทษให้พวกเขาและจะไม่จดจำความผิดของพวกเขาอีกเลย—ยรม. 31:34
ถ้าเรายอมรับว่าพระยะโฮวาให้อภัยเราแล้ว เราจะ “ได้รับความสดชื่น” ซึ่งหมายความว่าเราจะรู้สึกสงบใจ ไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจ การให้อภัยจากพระยะโฮวาเท่านั้นถึงจะทำให้เรารู้สึกแบบนี้ได้ (กจ. 3:19) เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยเรา พระองค์จะกลับมาสนิทกับเราเหมือนเดิมเหมือนกับว่าเราไม่เคยทำผิดเลย พอพระยะโฮวาให้อภัยเราแล้ว พระองค์จะไม่รื้อฟื้นเอาเรื่องที่เราทำผิดมาว่าเราหรือลงโทษเราอีก (อสย. 43:25) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ทิศตะวันออกไกลจากทิศตะวันตกมากเท่าไร พระองค์ก็ทิ้งความผิดของพวกเราไปไกลมากเท่านั้น” (สด. 103:12) ยิ่งเราคิดว่าพระยะโฮวาให้อภัยเรามากขนาดไหน เราก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณและยำเกรงพระองค์ (สด. 130:4) การที่พระยะโฮวาจะให้อภัยใครไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำผิดร้ายแรงแค่ไหน นอกจากนั้น พระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง ผู้ให้กฎหมาย และผู้พิพากษา พระองค์เลยมีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และพระองค์ก็ใช้ความรู้นี้ในการตัดสินใจว่าจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัย ห22.06 น. 5 ว. 12-14
วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน
คนที่เข้ามาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์มีอยู่จริง และต้องเชื่อว่าพระองค์ให้รางวัลกับคนที่เสาะหาพระองค์อย่างจริงจัง—ฮบ. 11:6
พระยะโฮวาให้ความหวังที่ยอดเยี่ยมกับทุกคนที่รักพระองค์ อีกไม่นานพระองค์จะทำให้ความโศกเศร้า ความเจ็บป่วย และความตายหมดไป (วว. 21:3, 4) และพระองค์จะช่วย “คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน” ซึ่งเป็นคนที่รอคอยพระยะโฮวาให้เปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นอุทยานที่สวยงาม (สด. 37:9-11) ตอนนั้นเราทุกคนจะสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นความหวังที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่อะไรทำให้เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่สัญญาทั้งหมดให้เกิดขึ้นจริง? พระองค์ไม่เคยผิดสัญญา เราเลยมีเหตุผลที่จะ “รอคอยพระยะโฮวา” (สด. 27:14) เราทำอย่างนั้นได้โดยอดทนรออย่างมีความสุขจนกว่าพระองค์จะทำให้ความประสงค์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริง (อสย. 55:10, 11) ให้เราซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอ และมั่นใจว่าพระองค์จะ “ให้รางวัลกับคนที่เสาะหาพระองค์อย่างจริงจัง” ห22.06 น. 20 ว. 1; น. 25 ว. 18
วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน
พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไรก่อนที่คุณจะขอด้วยซ้ำ—มธ. 6:8
พระยะโฮวาเป็นหัวหน้าครอบครัวของเรา เราเลยมั่นใจได้ว่าพระองค์เองจะทำตาม 1 ทิโมธี 5:8 ซึ่งพระองค์สั่งให้หัวหน้าครอบครัวทุกคนทำแน่นอน ถ้าเรามั่นใจว่าพระยะโฮวารักเราและรักครอบครัวของเรา เราก็แน่ใจได้ว่าเราจะมีทุกอย่างที่จำเป็นต้องมี (มธ. 6:31-33) พระยะโฮวาอยากดูแลเราและให้เรามีสิ่งต่าง ๆ พระองค์เป็นพระเจ้าที่ใจกว้างและรักเรามาก ตอนที่พระองค์สร้างโลก พระองค์ไม่ได้แค่ให้เรามีสิ่งจำเป็นเพื่อจะมีชีวิตอยู่ แต่พระองค์สร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อทำให้เรามีชีวิตที่มีความสุขด้วย (ปฐก. 2:9) แม้แต่ตอนที่เรามีแค่สิ่งจำเป็นเท่านั้น เราก็ต้องคิดว่าที่เรามีอยู่นั้นก็เพราะพระยะโฮวาดูแลเรา (มธ. 6:11) เราต้องจำไว้เสมอว่าทุกอย่างที่เราเสียสละเพื่อพระองค์เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งดีมากมายต่าง ๆ ที่พระองค์จะให้เราทั้งตอนนี้และอนาคต—อสย. 65:21, 22 ห22.06 น. 15 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน
อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่—ฮบ. 5:14
ไม่ใช่แค่คนสนใจใหม่เท่านั้นที่ต้องได้รับความรู้ที่ลึกซึ้งหรืออาหารแข็งที่เสริมความเชื่อ เราทุกคนก็จำเป็นด้วย เปาโลบอกว่าการได้รับอาหารแข็งหรือความรู้ที่ลึกซึ้งนี้จะช่วยเรา “แยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด” ในสมัยสุดท้ายนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวาเพราะคนทุกวันนี้มีศีลธรรมที่เสื่อมมาก พระเยซูเลยเห็นว่าเราต้องได้รับความรู้ที่เสริมความเชื่อ และแหล่งของความรู้นี้ก็ต้องมาจากคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนั้น เรายกย่องชื่อของพระยะโฮวาเหมือนที่พระเยซูทำ (ยน. 17:6, 26) เช่น ในปี 1931 เราใช้ชื่อพยานพระยะโฮวาซึ่งเป็นชื่อที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล การใช้ชื่อนี้ทำให้คนอื่นเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับชื่อของพระยะโฮวาขนาดไหนและเราอยากถูกเรียกตามชื่อของพระองค์ (อสย. 43:10-12) ไม่ใช่แค่นั้น เราได้ใส่ชื่อพระยะโฮวาในคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลโลกใหม่ ในที่ที่ควรจะอยู่ด้วย ห22.07 น. 11 ว. 11-12
วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน
คำของพระองค์เป็นตะเกียงส่องทางให้ผมก้าวเดินไป และเป็นแสงสว่างตามทางของผม—สด. 119:105
ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลยังมีข่าวดีเรื่องรัฐบาลพระเจ้าด้วย พระเยซูเปรียบความจริงเรื่องนี้เหมือนกับสมบัติที่ซ่อนอยู่ ที่มัทธิว 13:44 พระเยซูบอกว่า “รัฐบาลสวรรค์เปรียบเหมือนสมบัติที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา เมื่อผู้ชายคนหนึ่งมาพบเข้า เขาก็ซ่อนไว้เหมือนเดิม และไปขายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี แล้วไปซื้อที่นานั้น เพราะเขาดีใจมากที่ได้พบสมบัติ” คุณสังเกตไหม ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามหาสมบัติ แต่พอเขาเจอ เขาก็ไปขายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีแล้วไปซื้อที่นานั้นซึ่งเป็นที่ซ่อนสมบัติ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น? เพราะเขารู้ว่าสมบัติที่เขาเจอมีค่าขนาดไหน เรารู้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้จะทำให้เรามีความสุขมากไปกว่าการได้รับใช้พระยะโฮวาตอนนี้ และได้มีโอกาสมีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลพระเจ้า การสนิทกับพระยะโฮวามีค่ามากกว่าทุกอย่างที่เราต้องเสียสละ และสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขมากที่สุดก็คือการ “ทำให้พระองค์พอใจเสมอ”—คส. 1:10 ห22.08 น. 15 ว. 8-9; น. 17 ว. 12
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน
จะให้ผมทำเรื่องชั่ว ๆ อย่างนี้ได้ยังไง? มันเป็นการทำบาปต่อพระเจ้า—ปฐก. 39:9
โยเซฟรู้ได้ยังไงว่าพระยะโฮวาถือว่าการเล่นชู้เป็น “เรื่องชั่ว ๆ”? แม้กฎหมายของโมเสสที่บอกชัดว่า “อย่าเล่นชู้” จะเขียนหลังจากสมัยของเขาถึง 200 ปี แต่เขาก็รู้จักพระยะโฮวาดี (อพย. 20:14) เขารู้ว่าพระองค์คิดยังไงกับการผิดศีลธรรม เช่น โยเซฟรู้ดีว่าพระยะโฮวาต้องการให้ผู้ชายมีภรรยาคนเดียวและผู้หญิงก็ต้องมีสามีคนเดียว และเขาคงเคยได้ยิน 2 เหตุการณ์ที่พระองค์เข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องซาราห์ย่าทวดของเขา ทำให้ซาราห์ยังคงซื่อสัตย์ต่ออับราฮัมได้ (ปฐก. 2:24; 12:14-20; 20:2-7) พอเขาคิดใคร่ครวญเรื่องเหล่านี้ เขาก็รู้ว่าพระยะโฮวาคิดยังไง นอกจากนั้น โยเซฟรักพระเจ้ามาก เขารักมาตรฐานของพระองค์ในเรื่องความถูกต้องและอยากทำตามมาตรฐานนี้ ห22.08 น. 26 ว. 1-2
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน
หลายคนที่ตายไปแล้วจะฟื้นขึ้นมา บางคนจะฟื้นขึ้นมามีชีวิตตลอดไป—ดนล. 12:2
เราเคยเข้าใจว่าคำพยากรณ์นี้หมายถึงการฟื้นฟูทางด้านความเชื่อซึ่งเป็นการกลับมาทำกิจกรรมการประกาศได้อีกครั้งหลังจากที่งานของเราเกือบหยุดชะงักในปี 1918 แต่ตอนนี้มีความเข้าใจใหม่ว่าคำพยากรณ์นี้หมายถึงการฟื้นขึ้นจากตายที่จะเกิดขึ้นในโลกใหม่ ทำไมเราถึงบอกอย่างนั้น? ประโยคที่บอกว่า “คนที่ตายไปแล้ว” ในดาเนียล 12:2 ในภาษาเดิมบอกว่า “คนที่หลับในดินไปแล้ว” คำว่า “ดิน” ในข้อนี้เป็นคำเดียวกันกับที่ใช้ในโยบ 17:16 ซึ่งพูดถึงการตายจริง ๆ เราเลยสรุปได้ว่าดาเนียล 12:2 ต้องหมายถึงการฟื้นขึ้นจากตายจริง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังสมัยสุดท้ายจบลงและหลังสงครามอาร์มาเกดโดน แล้วดาเนียล 12:2 หมายความว่ายังไงตรงที่บอกว่าบางคนจะฟื้นขึ้นมา “มีชีวิตตลอดไป”? นี่หมายความว่า คนที่ฟื้นขึ้นจากตายและได้มารู้จักพระยะโฮวากับพระเยซูซึ่งก็คือรู้จักและเชื่อฟังพระองค์ทั้งสองต่อ ๆ ไปในช่วง 1,000 ปีจะมีชีวิตตลอดไปในที่สุด—ยน. 17:3 ห22.09 น. 21 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน
[ความรัก] เชื่ออยู่เสมอ—1 คร. 13:7
ข้อคัมภีร์นี้ไม่ได้หมายความว่าพระยะโฮวาอยากให้เราหลับหูหลับตาไว้ใจคนอื่น แต่พระองค์อยากให้เราไว้ใจพี่น้องเพราะพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเราไว้ใจพวกเขาได้ การไว้ใจใครสักคนต้องใช้เวลา แล้วคุณจะไว้ใจพี่น้องได้ยังไง? คุณต้องพยายามรู้จักพวกเขาให้ดีขึ้น คุยกับพวกเขาที่การประชุมหรือทำงานรับใช้ด้วยกันก็ได้ ให้คุณอดทนกับพวกเขาและให้โอกาสพวกเขาแสดงให้เห็นว่าคุณไว้ใจพวกเขาได้ ถ้าคุณเพิ่งรู้จักพี่น้องบางคน คุณอาจไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาฟังว่าคุณคิดยังไงหรือรู้สึกยังไง แต่พอสนิทกันมากขึ้นคุณอาจสบายใจที่จะเล่าให้เขาฟังมากขึ้น (ลก. 16:10) แล้วถ้าพี่น้องคนหนึ่งทำลายความไว้ใจของคุณล่ะ? อย่าเพิ่งเลิกคบกับเขาทันที ให้ปล่อยเวลาผ่านไปก่อน ถ้าบางคนทำให้คุณผิดหวัง อย่าเลิกไว้ใจพี่น้องไปซะทุกคน ห22.09 น. 4 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน
พระยะโฮวามองดูทั่วทั้งโลก—2 พศ. 16:9
พี่น้องมิคิวแอสที่เป็นผู้ดูแลรู้สึกว่าเพื่อนผู้ดูแลบางคนทำบางอย่างที่แย่มาก ๆ กับเขา แต่เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ เขาสงบใจและมีสติ เขาอธิษฐานถึงพระยะโฮวาบ่อยมาก ขอพระองค์ให้พลังบริสุทธิ์และกำลังกับเขาเพื่อจะอดทนได้ และเขายังหาข้อมูลจากหนังสือขององค์การด้วยว่ามีอะไรที่จะช่วยเขาได้ บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ถ้าคุณรู้สึกว่าพี่น้องพูดหรือทำบางอย่างไม่ดีกับคุณ ให้พยายามใจเย็น ๆ พยายามควบคุมอารมณ์ อย่าเพิ่งคิดลบ พี่น้องคนนั้นอาจเจอเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาทำแบบนั้นกับคุณ ให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ขอพระองค์ให้ช่วยคุณมองเรื่องนั้นในมุมมองของคนนั้นและเข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น ให้พยายามคิดว่าพี่น้องไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเจ็บ พยายามมองข้ามและให้อภัยเขา (สภษ. 19:11) ให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณและพระองค์จะให้กำลังเพื่อคุณจะอดทนได้—ปญจ. 5:8 ห22.11 น. 21 ว. 5
วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน
ผม . . . ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนปิดบังตัวตนที่แท้จริง—สด. 26:4
ให้คุณเลือกเป็นเพื่อนกับคนที่รักพระยะโฮวา เพื่อนแบบนี้จะช่วยให้คุณเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (สภษ. 13:20) จูเลี่ยนที่ตอนนี้เป็นผู้ดูแลแล้วบอกว่า “หลายปีก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยมีเพื่อนดี ๆ มากเท่าไหร่เพราะผมชอบคบแต่เพื่อนรุ่นเดียวกัน หลังจากนั้นผมก็ได้เพื่อนดี ๆ ตอนไปรับใช้ พวกเขาขยันมากและช่วยให้ผมเห็นว่างานรับใช้ทำให้มีความสุขขนาดไหน” แต่ถ้าคุณเห็นว่ามีบางคนในประชาคมที่ไม่ควรคบสนิท คุณควรทำยังไง? เปาโลรู้ว่าพี่น้องบางคนในตอนนั้นไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นคริสเตียน เขาก็เลยเตือนทิโมธีว่าอย่าคบกับคนแบบนั้น (2 ทธ. 2:20-22) ความสัมพันธ์ของเรากับพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าอะไรทั้งหมด และกว่าเราจะสนิทกับพระองค์ได้ เราต้องพยายามมากจริง ๆ เราเลยจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้เราห่างจากพระองค์ ห22.08 น. 5-6 ว. 13-15
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน
อยู่ให้ห่างคนโง่ไว้—สภษ. 14:7
พวกเราไม่เป็นเหมือนคนในโลกที่ไม่ชอบคำแนะนำของพระยะโฮวา เราอยากจะเรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าพระยะโฮวาคิดยังไงและอยากรู้เรื่องมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระองค์ สิ่งที่ช่วยให้เรารักมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระยะโฮวามากขึ้นก็คือให้เราเปรียบเทียบคนที่เชื่อฟังคำแนะนำของพระองค์กับคนที่ไม่ได้เชื่อฟัง ลองดูว่าชีวิตของพวกเขาแตกต่างกันยังไง หลายคนในทุกวันนี้โง่มากที่ไม่ได้เชื่อฟังคำแนะนำของพระยะโฮวาเลยทำให้ตัวเองต้องเจอกับปัญหาหลายอย่างในชีวิต แต่พอคุณดูตัวเอง คุณเห็นไหมว่าชีวิตของคุณดีกว่าพวกเขามากแค่ไหนเพราะคุณเชื่อฟังพระยะโฮวา? (สด. 32:8, 10) พระยะโฮวาให้สติปัญญาและคำแนะนำดี ๆ กับทุกคน ถึงพระองค์ไม่ได้บังคับใครให้ฟังคำแนะนำของพระองค์ แต่พระองค์ก็บอกไว้ว่าถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง พวกเขาจะได้ผลเสียอะไรบ้าง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพวกเขาจะ “ต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง” (สภษ. 1:29-32) พวกเขาเลยต้องเจอความทุกข์ ความเครียด และปัญหาหลายอย่าง และในที่สุดพวกเขาก็จะถูกทำลาย แต่พระยะโฮวาสัญญากับคนที่ฟังคำแนะนำของพระองค์และทำตามว่า “คนที่ฟังเราจะอยู่อย่างปลอดภัย และจะไม่กลัวหายนะ”—สภษ. 1:33 ห22.10 น. 21 ว. 11-13
วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน
ทุกคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาก็มีความสุข คือคนที่ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระองค์—สด. 128:1
ความเกรงกลัวพระยะโฮวาหมายถึงการรักและนับถือพระองค์มากจนไม่อยากทำอะไรให้พระองค์เสียใจ (สภษ. 16:6) ดังนั้น เราจึงพยายามสุดความสามารถที่จะใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์อย่างที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล (2 คร. 7:1) เรามีความสุขเมื่อทำสิ่งที่พระยะโฮวาชอบและไม่ทำสิ่งที่พระองค์เกลียด (สด. 37:27; 97:10; รม. 12:9) คนเราอาจรู้ว่าพระยะโฮวามีสิทธิ์กำหนดว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาต้องทำตามมาตรฐานของพระองค์ด้วย (รม. 12:2) ถ้าเราเชื่อว่ามาตรฐานของพระยะโฮวาดีที่สุด เราก็ต้องทำตามมาตรฐานนั้นในชีวิตของเรา (สภษ. 12:28) ดาวิดก็รู้สึกแบบนั้น เขาพูดถึงพระยะโฮวาว่า “พระองค์ทำให้ผมรู้จักทางแห่งชีวิต ผมดีใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ และมีความสุขที่ได้อยู่ข้างขวามือของพระองค์ตลอดไป”—สด. 16:11 ห22.10 น. 8 ว. 9-10
วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน
ลูกของพระเจ้าทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้ แต่จะทำเฉพาะสิ่งที่เห็นพ่อทำเท่านั้น—ยน. 5:19
พระเยซูมองตัวเองอย่างถูกต้องและเป็นคนถ่อมเสมอ ก่อนมาบนโลกท่านทำงานหลายอย่างที่สุดยอดมากให้กับพระยะโฮวา เช่น “พระเจ้าใช้ท่านสร้างสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดบนสวรรค์และบนโลก” (คส. 1:16) และตอนพระเยซูรับบัพติศมาก็เป็นไปได้มากที่ความทรงจำต่าง ๆ ของท่านตอนที่เคยอยู่บนสวรรค์กับพระยะโฮวาจะกลับมา (มธ. 3:16; ยน. 17:5) แต่ท่านไม่ได้หยิ่งหรือคิดว่าตัวเองเก่งและดีกว่าคนอื่น ท่านบอกสาวกว่า ที่ท่านมาบนโลก “ไม่ได้มาให้คนอื่นรับใช้ แต่มารับใช้คนอื่น และสละชีวิตเป็นค่าไถ่ให้คนมากมาย” (มธ. 20:28) ท่านไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองคิดเองทำเองได้ ไม่ต้องพึ่งใคร แต่ท่านเจียมตัวและทำตามสิ่งที่พ่อท่านบอกเสมอ พระเยซูเป็นคนที่ถ่อมจริง ๆ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีมากให้เราเลียนแบบ ห22.05 น. 24 ว. 13
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน
กลับมาหาพระยะโฮวา—อสย. 55:7
เมื่อพระยะโฮวาตัดสินใจว่าจะให้อภัยไหม พระองค์จะดูว่าคนทำผิดรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด พระเยซูพูดเรื่องนี้ชัดเจนที่ลูกา 12:47, 48 คนที่จงใจวางแผนทำชั่วทั้งที่รู้เต็มอกว่าพระยะโฮวาไม่ชอบ แล้วก็ลงมือทำผิดจริง ๆ เขาก็ทำผิดร้ายแรง พระยะโฮวาอาจจะไม่ให้อภัยเขา (มก. 3:29; ยน. 9:41) แต่คนแบบนั้นยังมีหวังว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยไหม? ใช่ พระยะโฮวาจะดูว่าคนนั้นกลับใจจริง ๆ หรือเปล่า การกลับใจหมายถึง “การเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ หรือความตั้งใจ” และยังหมายถึงการที่คนทำผิดเสียใจมากที่เขาทำไม่ดีหรือเสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องซึ่งเขาควรทำ คนที่กลับใจจริง ๆ จะไม่แค่เสียใจที่ทำผิด แต่เขาเสียใจที่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของตัวเขาเองกับพระยะโฮวามีปัญหาจนทำให้เขาพลาดทำผิด ห22.06 น. 6 ว. 15-17
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน
ทุกคนที่ตั้งใจใช้ชีวิตด้วยความเลื่อมใสพระเจ้าและเป็นสาวกพระคริสต์เยซูต้องถูกข่มเหงกันทั้งนั้น—2 ทธ. 3:12
ศัตรูของเราใช้อินเทอร์เน็ตและสื่อต่าง ๆ แพร่เรื่องโกหกและข้อมูลที่ไม่จริงเกี่ยวกับพี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและองค์การ (สด. 31:13) พี่น้องบางคนถูกจับและถูกตั้งข้อหาว่าเป็นอาชญากร คริสเตียนรุ่นแรกก็เจอเรื่องแบบนี้ด้วยตอนที่เปาโลถูกตั้งข้อหาเท็จและถูกจับเข้าคุกที่กรุงโรม บางคนเลิกให้ความช่วยเหลือและเลิกสนับสนุนเปาโลไปเลย (2 ทธ. 1:8, 15; 2:8, 9) ลองนึกดูว่าเปาโลจะรู้สึกยังไงที่พวกเขาทิ้งเปาโลแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เปาโลอุตส่าห์อดทนต่อความยากลำบากหลายอย่างและถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพวกเขา (กจ. 20:18-21; 2 คร. 1:8) ขอให้เราอย่าเป็นเหมือนคนเหล่านี้ที่ทิ้งเปาโล เราไม่แปลกใจเลยที่ซาตานจะเล็งเป้าไปที่พี่น้องที่นำหน้าในประชาคมและในองค์การ มันใช้วิธีนี้เพราะอยากให้พวกเขาทิ้งพระยะโฮวาและทำให้เรากลัว (1 ปต. 5:8) ขอให้คุณภักดีต่อพี่น้องและช่วยเหลือพวกเขาต่อ ๆ ไป—2 ทธ. 1:16-18 ห22.11 น. 16-17 ว. 8-11
วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน
แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือไง—ลก. 23:40
ผู้ร้ายที่กลับใจที่ถูกตรึงอยู่ข้างพระเยซูน่าจะเป็นชาวยิว ชาวยิวนมัสการพระเจ้าองค์เดียว แต่คนต่างชาตินมัสการเทพเจ้าหลายองค์ (อพย. 20:2, 3; 1 คร. 8:5, 6) ถ้าผู้ร้ายคนนี้เป็นคนต่างชาติ คำพูดของเขาที่เป็นข้อคัมภีร์ประจำวันนี้น่าจะเปลี่ยนเป็น “แกไม่กลัวพวกเทพเจ้าหรือไง?” นอกจากนั้น พระเยซูไม่ได้ถูกส่งมาประกาศกับคนต่างชาติ ท่านถูกส่งมาประกาศ “เฉพาะคนอิสราเอลเท่านั้น พวกเขาเป็นเหมือนแกะที่หลงหาย” (มธ. 15:24) ไม่ใช่แค่นั้น พระยะโฮวายังให้ชาวอิสราเอลรู้ว่าพระองค์จะปลุกคนตายให้ฟื้นและผู้ร้ายที่กลับใจคนนี้ก็อาจจะรู้เรื่องนี้ จากคำพูดของเขาทำให้เรารู้ว่าเขาคิดว่าพระยะโฮวาจะปลุกพระเยซูให้ฟื้นขึ้นจากตายและเป็นกษัตริย์ปกครองในรัฐบาลของพระองค์ ตัวเขาเองก็คงหวังว่าพระเจ้าจะปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นจากตายด้วย เนื่องจากผู้ร้ายคนนี้เป็นชาวยิว เขาคงรู้เกี่ยวกับเรื่องอาดัมกับเอวา ดังนั้น เขาคงรู้ดีว่าอุทยานที่พระเยซูพูดถึงในลูกา 23:43 ต้องหมายถึงสวนสวยงามที่อยู่บนโลก—ปฐก. 2:15 ห22.12 น. 8-9 ว. 2-3
วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน
คนทั้งหมดนี้ . . . ก็อธิษฐานร่วมกันอยู่เสมอ—กจ. 1:14
เราสามารถทำงานรับใช้ของเราได้ก็ต่อเมื่อเราได้รับความช่วยเหลือจากพลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา เพราะอะไร? เพราะซาตานกำลังทำสงครามกับเรา มันไม่อยากให้เราประกาศ (วว. 12:17) ในสายตาของมนุษย์เราไม่มีทางสู้ซาตานได้แน่ ๆ แต่เมื่อเราทำงานประกาศเราก็กำลังชนะมันอยู่ (วว. 12:9-11) เพราะอะไร? เพราะตอนที่เราประกาศ เราแสดงให้เห็นว่าเราไม่กลัวซาตาน ทุกครั้งที่เราประกาศซาตานจะรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ ดังนั้น เราได้ข้อสรุปว่าเราได้รับพลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาและพระองค์พอใจเรา (มธ. 5:10-12; 1 ปต. 4:14) พลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าสามารถทำให้เราเข้มแข็งและรับมือกับปัญหารวมถึงการต่อต้านทุกอย่างในงานรับใช้ได้ (2 คร. 4:7-9) แล้วเราต้องทำอะไรเพื่อจะมั่นใจว่าเราจะได้พลังบริสุทธิ์จากพระยะโฮวาอยู่เรื่อย ๆ? เราต้องอธิษฐานขอบ่อย ๆ และมั่นใจว่าพระองค์ฟังคำอธิษฐานของเรา ห22.11 น. 5-6 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน
พี่น้องครับ เราขอพวกคุณอีกอย่างหนึ่งคือ ให้เตือนสติคนที่ออกนอกลู่นอกทาง พูดปลอบใจคนที่ซึมเศร้า ช่วยเหลือคนอ่อนแอ และอดกลั้นกับทุกคน—1 ธส. 5:14
เราแสดงว่ารักพี่น้องโดยพยายามเต็มที่ที่จะมีสันติสุขกับพวกเขา เราจะพยายามเลียนแบบพระยะโฮวาในเรื่องการให้อภัย ถ้าพระยะโฮวาให้ลูกชายของพระองค์มาตายเพื่อลบล้างบาปของเรา เราก็ควรเต็มใจให้อภัยพี่น้องตอนที่พวกเขาทำผิดต่อเรา เราไม่อยากเป็นเหมือนทาสที่พูดถึงในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูที่แม้ว่านายของเขาจะยกหนี้ก้อนใหญ่ให้เขาแล้ว แต่เขากลับไม่ยอมยกหนี้ให้กับเพื่อนอีกคนหนึ่งทั้ง ๆ ที่เพื่อนทาสคนนั้นเป็นหนี้เขาแค่นิดเดียว (มธ. 18:23-35) ถ้ามีเรื่องเข้าใจผิดกับพี่น้อง คุณจะเข้าไปคืนดีกับเขาก่อนที่จะประชุมอนุสรณ์ได้ไหม? (มธ. 5:23, 24) การทำแบบนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณรักพระยะโฮวากับพระเยซูมากจริง ๆ ห23.01 น. 29 ว. 8-9
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน
คนที่เมตตาคนจนก็เหมือนให้พระยะโฮวายืม—สภษ. 19:17
แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าพี่น้องต้องการอะไร? วิธีหนึ่งก็คือให้คอยถามโดยไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด (สภษ. 20:5) พี่น้องมีอาหารพอกินไหม? มียาและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ หรือเปล่า? พวกเขาอาจเสี่ยงที่จะต้องตกงานหรือถึงกับไม่มีบ้านอยู่ไหม? พวกเขาอยากให้คุณช่วยติดต่อเพื่อจะรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไหม? พระยะโฮวาอยากให้เราทุกคนให้กำลังใจกันและช่วยเหลือกัน (กท. 6:10) แค่เราทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับพี่น้องที่กำลังเจ็บป่วยเพื่อแสดงว่าเรารักเขา มันก็ช่วยเขาได้มากจริง ๆ เด็ก ๆ สามารถส่งการ์ดหรือวาดรูปเพื่อเป็นกำลังใจให้พี่น้องได้ ส่วนวัยรุ่นก็อาจช่วยทำธุระหรือไปซื้อของให้พี่น้องได้เหมือนกัน แล้วถ้ามีพี่น้องคนไหนป่วย เราทำอาหารและส่งไปให้เขาได้ พี่น้องบางคนเขียนโน้ตขอบคุณให้ผู้ดูแลที่คงยุ่งมากเป็นพิเศษในช่วงการระบาด เมื่อเราแต่ละคน “คอยให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง” ทุกคนในประชาคมก็จะมีความสุขมากจริง ๆ—1 ธส. 5:11 ห22.12 น. 22 ว. 2; น. 23 ว. 5-6
วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน
พวกคุณนี่เข้าใจผิดจริง ๆ—มก. 12:27
พวกสะดูสีรู้จักหนังสือ 5 เล่มแรกในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูอย่างดี แต่พวกเขามองข้ามความจริงสำคัญหลายเรื่องในนั้น เช่น ตอนที่พวกสะดูสีมาถามท่านเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย พระเยซูบอกพวกเขาว่า “คุณไม่ได้อ่านเรื่องพุ่มหนามในหนังสือของโมเสสหรือ ที่พระเจ้าบอกโมเสสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’?” (มก. 12:18, 26) แม้พวกสะดูสีจะได้อ่านข้อความนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่คำพูดของพระเยซูแสดงให้เห็นว่าพวกเขามองข้ามคำสอนเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย ซึ่งเป็นความจริงสำคัญในคัมภีร์ไบเบิล (ลก. 20:38) เราได้บทเรียนอะไร? ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิลเราต้องสังเกตดี ๆ ว่าข้อคัมภีร์นั้นหรือเรื่องนั้นในคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรเรา เราต้องไม่ใช่แค่เข้าใจคำสอนพื้นฐานเท่านั้น แต่ต้องเห็นหลักการและความจริงที่ลึกซึ้งที่แฝงอยู่ด้วย ห23.02 น. 10-11 ว. 9-10
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน
เรามีพยานมากมายเหมือนเมฆก้อนใหญ่อยู่รอบเรา—ฮบ. 12:1
พยานมากมายที่พูดถึงในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ก็เจอความยากลำบาก แต่พวกเขาสามารถรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาได้ (ฮบ. 11:36-40) ความพยายามและความอดทนของพวกเขาสูญเปล่าไหม? ไม่เลย แม้ว่าพวกเขาไม่ได้มีโอกาสจะเห็นคำสัญญาทุกอย่างของพระเจ้าเป็นจริง แต่พวกเขาก็รอคอยพระองค์ และเพราะพวกเขามั่นใจว่าพระยะโฮวารักและพอใจพวกเขา พวกเขาก็เลยเชื่อว่าจะได้เห็นคำสัญญาของพระองค์เป็นจริงแน่นอน (ฮบ. 11:4, 5) ตัวอย่างของพวกเขาจะช่วยให้เรารอคอยพระยะโฮวาได้ต่อ ๆ ไป ทุกวันนี้สถานการณ์ต่าง ๆ ของโลกกำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ (2 ทธ. 3:13) ซาตานยังไม่เลิกทดสอบคนของพระยะโฮวา ไม่ว่าวันข้างหน้าเราจะเจอความยากลำบากอะไร ให้เราตั้งใจทุ่มเททำงานหนักเพื่อพระยะโฮวาและมั่นใจว่าเรา “ฝากความหวังไว้กับพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”—1 ทธ. 4:10 ห22.06 น. 25 ว. 17-18
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน
ถ้าผมตาย . . . จะมีประโยชน์อะไร? ดินจะสรรเสริญพระองค์ได้หรือ?—สด. 30:9
เหตุผลหนึ่งที่เราต้องดูแลสุขภาพก็คือ เราอยากรับใช้พระยะโฮวาให้เต็มที่สุดความสามารถของเรา (มก. 12:30) เราก็เลยจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำลายสุขภาพ (รม. 12:1) แน่นอนว่าการพยายามดูแลสุขภาพไม่ได้รับประกันว่าเราจะไม่ป่วย แต่เราก็ยังพยายามทำอย่างนั้น เพราะเราอยากให้พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์รู้ว่าเราเห็นค่าชีวิตที่พระองค์ให้กับเรา ความเจ็บป่วยและอายุที่มากขึ้นอาจทำให้เราไม่สามารถทำหลายอย่างที่เคยทำได้ เราเลยอาจรู้สึกท้อและเสียใจ แต่นี่ไม่ควรทำให้เราเลิกดูแลสุขภาพ เพราะอะไร? ไม่ว่าเราจะอายุมากขนาดไหนหรือเจ็บป่วยยังไง เราก็ยังสรรเสริญพระยะโฮวาได้เหมือนที่กษัตริย์ดาวิดทำ เราได้กำลังใจจริง ๆ ที่รู้ว่าพระยะโฮวามองว่าเรามีค่าแม้ว่าเราจะเจ็บป่วยหรืออายุมาก (มธ. 10:29-31) และถึงแม้เราต้องตาย พระองค์ก็อยากปลุกเราให้ฟื้นขึ้นจากตาย (โยบ 14:14, 15) ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราอยากพยายามเต็มที่ที่จะดูแลสุขภาพและชีวิตให้ดี ห23.02 น. 21 ว. 3-5
วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน
ถ้าใครพูดจาดูหมิ่นพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า เขาจะไม่มีวันได้รับการอภัยเลย—มก. 3:29
ชื่อของชนฝูงใหญ่จะอยู่ในหนังสือนี้จนหลังอาร์มาเกดโดนไหม? ใช่ (วว. 7:14) พระเยซูบอกว่าแกะเหล่านี้ “จะได้ชีวิตตลอดไป” (มธ. 25:46) แต่เมื่อพวกเขารอดชีวิตผ่านอาร์มาเกดโดน พวกเขาจะไม่ได้มีชีวิตตลอดไปทันที ในช่วงที่พระเยซูปกครอง 1,000 ปี ท่าน “จะเลี้ยงดูพวกเขา และจะพาพวกเขาไปที่น้ำพุต่าง ๆ ซึ่งมีน้ำที่ให้ชีวิต” คนที่เชื่อฟังพระเยซู ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา และผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายจะมีชื่ออย่างถาวรในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิต (วว. 7:16, 17) แต่คนที่เป็นเหมือนแพะจะถูกทำลายในอาร์มาเกดโดน พระเยซูบอกว่าพวกเขา “จะถูกทำลายตลอดไป” (มธ. 25:46) อัครสาวกเปาโลบอกว่า “คนพวกนั้นจะถูกตัดสินลงโทษให้พินาศตลอดไป”—2 ธส. 1:9; 2 ปต. 2:9 ห22.09 น. 16 ว. 7-8
วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน
มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง—ปญจ. 3:1
การที่ทั้งครอบครัวไปเที่ยวชมธรรมชาติด้วยกันจะช่วยให้ทุกคนรู้สึกสนุกและผ่อนคลาย และนั่นจะทำให้ครอบครัวสนิทกันมากขึ้นด้วย พระยะโฮวาสร้างสถานที่สวย ๆ เพื่อให้เราได้ทำหลายอย่างที่มีความสุข หลายครอบครัวชอบไปเที่ยวทะเล เที่ยวน้ำตก หรือไปปีนเขาและไปเดินป่าด้วยกัน และในโลกใหม่ พ่อแม่กับลูก ๆ จะมีความสุขกับสิ่งที่พระยะโฮวาสร้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนั้นเราไม่ต้องกลัวสัตว์ และมันก็จะไม่กลัวเราด้วย (อสย. 11:6-9) นอกจากนั้น เราจะมีเวลาที่จะมีความสุขกับธรรมชาติต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ (สด. 22:26) แต่พวกคุณที่เป็นพ่อแม่ อย่ารอจนถึงโลกใหม่แล้วค่อยสอนลูกเกี่ยวกับธรรมชาติ ถ้าคุณใช้สิ่งที่พระยะโฮวาสร้างสอนลูกเกี่ยวกับพระองค์ตั้งแต่ตอนนี้ พวกเขาก็จะรู้สึกเหมือนกับกษัตริย์ดาวิดที่บอกว่า “พระยะโฮวา . . . ไม่มีใครทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เหมือนพระองค์”—สด. 86:8 ห23.03 น. 25 ว. 16-17