ตุลาคม
วันอังคารที่ 1 ตุลาคม
ผมจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุม—สด. 22:22
เราทุกคนมีส่วนร่วมในการประชุมได้โดยร้องเพลงและออกความคิดเห็นที่เตรียมมาอย่างดี แต่ก็มีพี่น้องบางคนที่ไม่กล้าตอบและรู้สึกอายที่จะร้องเพลงให้คนอื่นได้ยิน คุณก็รู้สึกแบบนั้นไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้ลองดูตัวอย่างของพี่น้องบางคนว่าเขาทำยังไงให้กล้ามากขึ้น บางคนรู้สึกว่าสิ่งที่ช่วยพวกเขาได้คือร้องเพลงจากหัวใจ เหตุผลสำคัญที่สุดที่เราร้องเพลงราชอาณาจักรก็คือเราอยากจะสรรเสริญพระยะโฮวา ดังนั้น ให้ซ้อมร้องเพลงที่บ้านเหมือนกับที่คุณเตรียมการประชุมเป็นประจำ ดูว่าเนื้อเพลงเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะประชุมในวันนั้นยังไง ให้สนใจที่เนื้อเพลงมากกว่าสนใจว่าคุณร้องเพลงเพราะหรือไม่เพราะ ส่วนพี่น้องที่รู้สึกยากมากที่จะตอบ อะไรจะช่วยได้? ให้คุณพยายามตอบเป็นประจำ ให้จำไว้ว่าแค่ตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ และตรงจุดก็โอเคแล้ว พระยะโฮวามีความสุขมากที่เห็นว่าเราพยายามเอาชนะความกลัวและตั้งใจที่จะสรรเสริญพระองค์ในการประชุม ห22.04 น. 7-8 ว. 12-15
วันพุธที่ 2 ตุลาคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยเหลือผม ผมจะไม่กลัวอะไร—ฮบ. 13:6
คำว่า “ผู้ช่วยเหลือ” หมายถึงคนที่รีบวิ่งไปช่วยคนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ให้คุณลองนึกภาพว่าพระยะโฮวากำลังรีบเข้าไปช่วยคนที่เป็นทุกข์ พระองค์เต็มใจและอยากช่วยเรามากจริง ๆ และถ้าพระองค์อยู่กับเรา เราจะอดทนกับความยากลำบากได้และยังคงมีความสุข มีวิธีอะไรบ้างที่พระยะโฮวาช่วยเรา? ให้เรามาดูหนังสืออิสยาห์ด้วยกัน ทำไมเราต้องดูที่หนังสือนี้? ก็เพราะว่าอิสยาห์ได้รับการดลใจให้เขียนคำพยากรณ์หลายข้อที่เอามาใช้กับผู้รับใช้ของพระเจ้าในทุกวันนี้ นอกจากนั้น อิสยาห์ยังมักจะพูดถึงพระยะโฮวาในแบบที่เข้าใจง่าย ให้เรามาดูตัวอย่างในอิสยาห์บท 30 ในบทนั้นอิสยาห์ใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบที่ทำให้เราเห็นว่าพระยะโฮวาช่วยคนของพระองค์ใน 3 วิธีคือ (1) พระองค์ตั้งใจฟังคำอธิษฐานและตอบคำอธิษฐานของเรา (2) พระองค์ให้การชี้นำเรา และ (3) พระองค์อวยพรและให้สิ่งดี ๆ กับเราทั้งในตอนนี้และในอนาคต ห22.11 น. 8 ว. 2-3
วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม
อย่ากลัวความทุกข์ที่คุณกำลังจะเจอ . . . ขอให้ซื่อสัตย์จนวันตาย แล้วผมจะให้ชีวิตกับพวกคุณเป็นรางวัล—วว. 2:10
พระเยซูพูดกับประชาคมในเมืองสเมอร์นาและเมืองฟีลาเดลเฟีย ท่านบอกพวกเขาว่าไม่ต้องกลัวจะถูกข่มเหง เพราะถ้าพวกเขาซื่อสัตย์ พระยะโฮวาจะให้รางวัลพวกเขาแน่นอน (วว. 3:10) เราต้องคิดไว้เสมอว่าสักวันหนึ่งเราต้องเจอการข่มเหง และเราต้องเต็มใจอดทนกับการข่มเหง (มธ. 24:9, 13; 2 คร. 12:10) หนังสือวิวรณ์บอกว่าคนของพระยะโฮวาจะถูกข่มเหงใน “วันของผู้เป็นนาย” ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่เรากำลังมีชีวิตอยู่ (วว. 1:10) วิวรณ์บท 12 บอกว่าทันทีที่พระเยซูปกครองเป็นกษัตริย์จะเกิดสงครามในสวรรค์ พระเยซูซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่ามีคาเอลกับกองทัพของท่านจะต่อสู้กับซาตานและพวกทูตสวรรค์ชั่ว (วว. 12:7, 8) ซาตานกับพรรคพวกของมันแพ้และถูกเหวี่ยงลงมาบนโลก ทำให้โลกและคนบนโลกเดือดร้อน—วว. 12:9, 12 ห22.05 น. 5 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม
พระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรายุติธรรม—2 พศ. 19:7
การตัดสินของพระยะโฮวาถูกต้องและยุติธรรมเสมอ พระองค์ไม่ลำเอียง พระยะโฮวาไม่ได้ให้อภัยเพราะเห็นแก่ฐานะ ชื่อเสียง รูปร่างหน้าตา หรือความสามารถ (1 ซม. 16:7; ยก. 2:1-4) ไม่มีใครกดดันหรือให้สินบนพระยะโฮวาได้ พระองค์ไม่ได้ตัดสินโดยใช้อารมณ์ความรู้สึก (อพย. 34:7) การที่พระยะโฮวามีความเข้าใจลึกซึ้งเลยทำให้พระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ดีที่สุด (ฉธบ. 32:4) พวกผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูรู้ว่าการให้อภัยของพระยะโฮวาต่างจากการให้อภัยของมนุษย์ และไม่มีใครให้อภัยได้เหมือนพระองค์จริง ๆ บางครั้งผู้เขียนพระคัมภีร์ใช้คำหนึ่งซึ่งหนังสือเล่มหนึ่งอธิบายว่า “มีการใช้คำฮีบรูนี้กับพระเจ้าตอนที่พระองค์ให้อภัยคนบาป จะไม่มีการใช้คำนี้ตอนที่มนุษย์ให้อภัยมนุษย์ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับการให้อภัยของพระเจ้า” มีแต่พระยะโฮวาเท่านั้นที่มีอำนาจจะให้อภัยได้อย่างครบถ้วนกับคนบาปที่กลับใจ ห22.06 น. 4 ว. 10-11
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม
ควรอบรมสั่งสอนเด็กให้เดินในทางที่ควรจะเดิน เมื่อเขาอายุมากแล้ว เขาจะไม่ออกไปจากทางนั้น—สภษ. 22:6
ถ้าคุณเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือสามีของคุณไม่ใช่พยานฯ ขอให้มั่นใจว่าความซื่อสัตย์ของคุณจะให้กำลังใจและส่งผลดีต่อคนอื่นแน่นอน แต่คุณจะทำยังไงถ้าลูกดูเหมือนไม่สนใจสิ่งที่คุณสอน? ขอให้จำไว้ว่าการสอนลูกต้องใช้เวลา ถ้าคุณเพาะเมล็ดพืช คุณอาจจะไม่แน่ใจว่าเมล็ดนั้นจะงอกออกมาเป็นต้นและเกิดดอกออกผลไหม ถึงคุณจะบังคับมันไม่ได้ แต่คุณก็ยังรดน้ำต่อไปเพื่อให้โอกาสเมล็ดนั้นงอกออกมาเป็นต้นและเกิดดอกออกผล (มก. 4:26-29) คล้ายกัน คนที่เป็นแม่ คุณก็อาจไม่แน่ใจว่าคุณจะช่วยลูกให้รักพระยะโฮวาได้ไหม ถึงคุณจะบังคับเขาให้สนิทกับพระยะโฮวาไม่ได้ แต่ถ้าคุณพยายามสุดความสามารถเพื่อสอนลูกต่อไป คุณก็ช่วยให้เขามีโอกาสได้มาเป็นเพื่อนกับพระยะโฮวา ห22.04 น. 19-20 ว. 16-17
วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม
ความหยิ่งทำให้พินาศ และความทะนงตัวทำให้ล้มลง—สภษ. 16:18
ตอนที่โซโลมอนยังซื่อสัตย์กับพระยะโฮวา เขามองตัวเองอย่างถูกต้อง ตอนอายุยังน้อยและเพิ่งเป็นกษัตริย์เขาเจียมตัวและยอมรับว่าเขาไม่ได้รู้ทุกอย่าง และเขาก็ขอให้พระยะโฮวาช่วย (1 พก. 3:7-9) เขาพูดเองว่าความหยิ่งอันตรายมาก แต่ต่อมาเขากลับไม่ได้ทำตามคำแนะนำที่ตัวเองบอก เขากลายเป็นคนหยิ่งและไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา ตัวอย่างเช่น กฎหมายของพระเจ้าข้อหนึ่งบอกว่ากษัตริย์ของชาวอิสราเอล “ต้องไม่มีภรรยาหลายคน ใจของเขาจะได้ไม่หลงไป” (ฉธบ. 17:17) แต่กษัตริย์โซโลมอนไม่สนใจกฎหมายข้อนี้เลย เขามีภรรยาถึง 700 คนและมีนางสนมอีก 300 คน (1 พก. 11:1-3) ตอนนั้นเขาอาจจะคิดว่า ‘เรื่องแค่นี้ผมเอาอยู่’ แต่เราเห็นว่าเขาได้รับผลเสียมากมายหลายอย่างเพราะไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา—1 พก. 11:9-13 ห22.05 น. 23 ว. 12
วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม
“คนดีที่รับใช้เราจะมีชีวิตอยู่เพราะเขามีความเชื่อ” และ “ถ้าเขาถอยหลังกลับ เราจะไม่พอใจเขาเลย”—ฮบ. 10:38
มนุษย์ทุกคนในทุกวันนี้ต้องตัดสินใจเรื่องที่สำคัญมาก พวกเขาจะสนับสนุนพระยะโฮวาว่ามีสิทธิ์ปกครองเอกภพ หรือพวกเขาจะสนับสนุนซาตานที่เป็นศัตรูของพระองค์? ไม่มีใครจะอยู่ตรงกลางได้ ทุกคนต้องเลือก และไม่ว่าพวกเขาจะเลือกอะไรก็จะมีผลกับอนาคตว่าพวกเขาจะได้ชีวิตตลอดไปไหม (มธ. 25:31-33, 46) ในช่วง “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” มนุษย์ทุกคนจะถูกทำเครื่องหมายว่าจะรอดหรือจะถูกทำลาย (วว. 7:14; 14:9-11; อสค. 9:4, 6) ถ้าคุณเลือกที่จะสนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวา คุณก็เลือกได้ฉลาดมาก และคุณคงอยากช่วยอีกหลายคนให้ตัดสินใจเหมือนกับคุณ คนที่สนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวาจะได้รับพรมากมาย ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมันจะช่วยให้เราตั้งใจมากขึ้นที่จะรับใช้พระยะโฮวาต่อ ๆ ไป และเราก็จะช่วยคนอื่นให้เลือกอยู่ฝ่ายพระยะโฮวาและรับใช้พระองค์ต่อ ๆ ไปได้เหมือนกับเรา ห22.05 น. 15 ว. 1-2
วันอังคารที่ 8 ตุลาคม
เมื่อคุณโดนคนอื่น . . . ใส่ร้าย . . . คุณก็มีความสุข—มธ. 5:11
เราต้องฟังพระยะโฮวาไม่ใช่ฟังศัตรูของเรา ตอนที่พระยะโฮวาคุยกับโยบ เขาตั้งใจฟังพระองค์ พระยะโฮวาคุยกับเขาหลายอย่างและคำถามที่พระยะโฮวาถามโยบก็เหมือนพระองค์กำลังบอกเขาว่า ‘เจ้าเห็นไหมว่าเรารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้า? เจ้าคิดว่าเราไม่เป็นห่วงเจ้าเลยเหรอและจะช่วยเจ้าไม่ได้เหรอ?’ และโยบก็ได้มาเข้าใจและรู้ว่าพระยะโฮวาดีขนาดไหน เขายอมรับด้วยความถ่อมว่า “ผมเคยได้ยินเรื่องของพระองค์แล้ว แต่ตอนนี้ผมได้เห็นพระองค์ด้วยตาของผมเอง” (โยบ 42:5) ตอนที่โยบพูดประโยคนี้ เขาน่าจะยังนั่งอยู่ในกองขี้เถ้าและเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลพุพอง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวาก็ทำให้โยบรู้ว่าพระองค์รักและพอใจในตัวเขามาก (โยบ 42:7, 8) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน หลายคนดูถูกเราและทำไม่ดีกับเรา เช่น พวกเขาพยายามทำลายชื่อเสียงของเราและองค์การของเรา จากที่เราเรียนในตัวอย่างของโยบ พระยะโฮวามั่นใจว่าเราสามารถรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ได้แม้จะเจอความยากลำบาก ห22.06 น. 23-24 ว. 15-16
วันพุธที่ 9 ตุลาคม
ถึงเวลาแล้วที่ลูกแกะของพระเจ้าจะแต่งงาน—วว. 19:7
ถึงจะมีการโห่ร้องดีใจในสวรรค์ตอนที่บาบิโลนใหญ่ถูกทำลายซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก แต่จะมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นและมีความสุขมากกว่านั้นอีก (วว. 19:1-3) มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดที่หนังสือวิวรณ์พูดถึง ซึ่งก็คืองาน “แต่งงานของลูกแกะของพระเจ้า” ตอนที่สงครามอาร์มาเกดโดนกำลังจะเริ่มขึ้น 144,000 คนจะอยู่ในสวรรค์ครบทั้งหมดแล้ว แต่นั่นยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแต่งงานกับลูกแกะของพระเจ้า (วว. 21:1, 2) งานแต่งงานของลูกแกะของพระเจ้าจะจัดขึ้นหลังจากสงครามอาร์มาเกดโดนจบลงและศัตรูของพระเจ้าทั้งหมดถูกกำจัด (สด. 45:3, 4, 13-17) การแต่งงานของลูกแกะของพระเจ้ามีความหมายยังไงกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว? เหมือนกับการแต่งงานทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นหนึ่งเดียวกัน การแต่งงานของลูกแกะของพระเจ้าก็ทำให้พระเยซูที่เป็นกษัตริย์และ 144,000 คนที่เป็น “เจ้าสาว” เป็นหนึ่งเดียวกัน นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นที่พระเยซูกับ 144,000 คนจะปกครองโลกเป็นเวลา 1,000 ปี—วว. 20:6 ห22.05 น. 17 ว. 11-13
วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม
เมื่อนาย . . . เห็นทาสกำลังทำงานนั้นอย่างดี ทาสคนนั้นจะมีความสุข—มธ. 24:46
พระเยซูบอกล่วงหน้าว่า ในสมัยสุดท้ายท่านจะแต่งตั้ง “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” ให้เตรียมความรู้ที่เสริมความเชื่อซึ่งเป็นเหมือนอาหาร (มธ. 24:45) เราเลยคาดหมายได้ว่าพวกเขาต้องทำงานหนักแน่ ๆ ในสมัยของเรา และก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ พระเยซูผู้ดูแลของเราใช้ผู้ถูกเจิมกลุ่มเล็ก ๆ นี้ให้แจกจ่าย “อาหาร . . . ตามเวลาที่เหมาะสม” กับคนของพระเจ้ารวมถึงคนที่สนใจคัมภีร์ไบเบิลด้วย ผู้ถูกเจิมไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นนายที่คอยควบคุมความเชื่อพี่น้อง (2 คร. 1:24) แต่พวกเขายอมรับว่าพระเยซูเป็น “ผู้นำและเป็นผู้บัญชาการ” (อสย. 55:4) ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุมเตรียมคู่มือการสอนคัมภีร์ไบเบิลสำหรับคนใหม่ ๆ ตั้งแต่ปี 1919 ในปี 1921 ทาสที่ซื่อสัตย์ได้ทำหนังสือพิณของพระเจ้า เพื่อช่วยคนสนใจให้เรียนรู้ความจริงพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิล ต่อมาก็มีการออกหนังสืออีกหลายเล่ม หนังสือเล่มไหนช่วยคุณให้รู้จักและรักพระยะโฮวา? ห22.07 น. 10 ว. 9-10
วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม
พระองค์จะให้ผมอยู่ต่อหน้าพระองค์ตลอดไป—สด. 41:12
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ใจกว้างที่สุด ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับพระองค์ พระองค์ก็จะตอบแทนคุณมากกว่านั้นหลายเท่า (มก. 10:29, 30) แม้แต่ในตอนนี้ที่คุณอยู่ในโลกชั่ว พระองค์ก็จะให้คุณมีชีวิตที่มีความหมายและมีความสุขมากที่สุด และนั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น คุณจะได้รับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าที่คุณรักตลอดไป คุณจะยิ่งรักพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ และพระองค์ก็จะรักคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย นอกจากนั้น คุณจะมีชีวิตอยู่นานเท่าที่พระองค์มีชีวิตอยู่ นั่นก็คือตลอดไป เมื่อคุณอุทิศตัวและรับบัพติศมา คุณก็มีสิทธิพิเศษที่ได้ให้สิ่งมีค่ามากกับพระยะโฮวา พระองค์ให้สิ่งดี ๆ ทุกอย่างและให้ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขกับคุณ ดังนั้น เพื่อจะตอบแทนพระองค์ คุณให้สิ่งหนึ่งกับพระองค์ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์และโลกได้ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ยังไม่มี นั่นคือการเต็มใจรับใช้พระองค์อย่างภักดี (โยบ 1:8; 41:11; สภษ. 27:11) นี่แหละคือสิ่งที่จะทำให้คุณมีชีวิตที่มีความสุข ห23.03 น. 6 ว. 16-17
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม
คนหนุ่มจะมีชีวิตที่สะอาดได้อย่างไร? พวกเขาต้องระวังตัวและทำตามคำของพระองค์เสมอ—สด. 119:9
ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่อาจมีความต้องการทางเพศสูง และอาจมีบางคนพยายามกดดันคุณให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ ซาตานมันก็อยากให้คุณทำอย่างนั้นด้วย แต่อะไรจะช่วยให้คุณเอาชนะความรู้สึกนั้นได้? (1 ธส. 4:3, 4) ขอให้คุณอธิษฐานระบายความรู้สึกให้พระยะโฮวาฟัง บอกพระองค์ว่าคุณรู้สึกยังไง และขอพระองค์ช่วยคุณให้เข้มแข็งและเอาชนะการล่อใจนั้นได้ (มธ. 6:13) ขอจำไว้ว่าพระยะโฮวาอยากช่วยคุณจริง ๆ และพระองค์จะไม่ว่าคุณเลย (สด. 103:13, 14) นอกจากนั้น อย่าสู้กับปัญหาคนเดียว ให้คุยกับพ่อแม่ว่าคุณมีปัญหาอะไร อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดเรื่องส่วนตัวกับใคร แต่มันสำคัญมากที่จะทำอย่างนั้น ถ้าคุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญหลักการที่อยู่ในนั้น คุณก็จะตัดสินใจแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจได้ง่ายขึ้น และจะยิ่งเห็นว่าถ้าคุณเข้าใจความคิดของพระยะโฮวาก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎเยอะแยะสำหรับทุกเรื่อง ห22.08 น. 5 ว. 10-12
วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม
ถ้าใครไม่เลี้ยงดูคนที่อยู่ในความดูแลของเขา . . . คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ—1 ทธ. 5:8
คริสเตียนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวมีหน้าที่สำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว ถ้าคุณเป็นหัวหน้าครอบครัว คุณอาจกังวลว่าจะมีค่าเช่าบ้านค่าผ่อนบ้านพอไหมหรือมีเงินซื้ออาหารไหม หรือกลัวว่าถ้าตกงานจริง ๆ คุณจะหางานใหม่ทำได้ไหม หรือคุณอาจกลัวว่าถ้าทำงานน้อยลงจะมีเงินไม่พอใช้หรือเปล่า ซาตานใช้ความรู้สึกกลัวแบบนี้แหละทำให้หลายคนเลิกรับใช้พระเจ้ามาแล้ว ซาตานมันอยากให้เราเชื่อว่าพระยะโฮวาไม่สนใจเราและจะไม่ช่วยเมื่อเราต้องหาเลี้ยงครอบครัว มันอยากให้เราคิดว่าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะไม่ตกงาน และอาจถึงขั้นไม่ทำตามสิ่งที่พระเจ้าบอก ห22.06 น. 15 ว. 5-6
วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม
ความหวังนี้เป็นเหมือนสมอเรือของชีวิตที่มั่นคงแน่นอน—ฮบ. 6:19
เราได้รู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ “เมตตาสงสาร ไม่โกรธง่าย รักใครก็รักมั่นคง และรักษาคำพูดเสมอ” (อพย. 34:6) พระยะโฮวารักความยุติธรรม (อสย. 61:8) พระองค์เจ็บปวดที่เห็นเราเป็นทุกข์ พระองค์พร้อมและอยากทำให้ความทุกข์ทั้งหมดหายไปตามเวลาที่พระองค์กำหนดไว้ (ยรม. 29:11) เราทุกคนรอคอยที่จะได้เห็นวันนั้นจริง ๆ นี่ก็เลยทำให้เรารักพระยะโฮวามาก มีเหตุผลอะไรอีกที่เรารักความจริง? การรู้ความจริงมีประโยชน์กับเรามาก เช่น ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามีความหวังเรื่องอนาคต สมอเรือช่วยยึดเรือไว้ไม่ให้ลอยออกไปอย่างไร้จุดหมาย ความหวังในคัมภีร์ไบเบิลก็ช่วยให้เรารู้สึกมั่นคงไม่เคว้งคว้างเมื่อเจอปัญหา ในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ เปาโลกำลังพูดถึงความหวังที่จะไปสวรรค์ของผู้ถูกเจิม แต่ก็เอามาใช้กับคริสเตียนที่มีความหวังจะอยู่ตลอดไปในอุทยานบนโลกด้วย (ยน. 3:16) การรู้ว่าเรามีความหวังจะได้อยู่ตลอดไปทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย ห22.08 น. 14-15 ว. 3-5
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม
อย่าโกรธจนถึงดวงอาทิตย์ตก—อฟ. 4:26
ความรักเป็นพื้นฐานของความไว้ใจ ที่ 1 โครินธ์บท 13 พูดถึงแง่มุมต่าง ๆ ของความรักซึ่งจะช่วยให้เราไว้ใจพี่น้องหรือกลับมาไว้ใจพวกเขาอีกครั้ง (1 คร. 13:4-8) เช่นข้อ 4 บอกว่า “ความรักอดกลั้นและเมตตากรุณา” พระยะโฮวาอดทนกับเราแม้เราจะทำผิดต่อพระองค์หลายอย่าง ดังนั้น เราเลยต้องอดทนกับพี่น้องถ้าเขาพูดหรือทำอะไรให้เราโกรธและเจ็บ ในข้อ 5 บอกว่า “[ความรัก] ไม่โมโหง่าย ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ” ดังนั้น ถ้าพี่น้องทำให้เราไม่สบายใจ เราจะไม่เอาแต่จำเรื่องนั้นไว้ ปัญญาจารย์ 7:9 บอกว่า “อย่าโกรธง่าย” ดังนั้น ให้มองพี่น้องเหมือนที่พระยะโฮวามอง พระยะโฮวารักพวกเขา พระองค์ไม่เอาแต่จดจำความผิด เราเองก็ควรเลียนแบบพระองค์ด้วย (สด. 130:3) แทนที่จะเอาแต่มองข้อผิดพลาด ให้พยายามมองหาส่วนดีของพวกเขา—มธ. 7:1-5 ห22.09 น. 3-4 ว. 6-7
วันพุธที่ 16 ตุลาคม
จะเกิดช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบาก—ดนล. 12:1
หนังสือดาเนียลบอกให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงสมัยสุดท้ายตามลำดับเวลา เช่น ดาเนียล 12:1 บอกว่ามีคาเอลซึ่งก็คือพระเยซูกำลัง “ช่วยเหลือ [คนของพระเจ้า] อยู่” คำพยากรณ์นี้เริ่มเกิดขึ้นจริงในปี 1914 ตอนที่พระเยซูเป็นกษัตริย์ของรัฐบาลพระเจ้า นอกจากนั้น ดาเนียลบอกล่วงหน้าด้วยว่าพระเยซูจะ “เริ่มปฏิบัติการ” ใน “ช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เริ่มมีชาติต่าง ๆ” “ช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบาก” ก็คือ “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” ที่พูดถึงในมัทธิว 24:21 พระเยซูจะเริ่มปฏิบัติการหรือลงมือปกป้องคนของพระเจ้าในตอนท้ายของช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบากซึ่งก็คือในอาร์มาเกดโดน หนังสือวิวรณ์บอกว่าคนกลุ่มนี้ก็คือ “ชนฝูงใหญ่ . . . ที่ผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่”—วว. 7:9, 14 ห22.09 น. 21 ว. 4-5
วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม
ใครที่ทำผิดต่อเรา เราจะลบชื่อของเขาออกจากหนังสือของเรา—อพย. 32:33
ชื่อในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตอาจถูกลบออกได้ เหมือนกับว่าพระยะโฮวาเขียนชื่อพวกเขาไว้ด้วยดินสอ (วว. 3:5) เราเลยต้องทำให้แน่ใจว่าชื่อของเราจะอยู่ในหนังสือเล่มนี้จนกว่ามันจะถูกเขียนด้วยหมึกอย่างถาวร คนกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตคือคนที่ถูกเลือกให้ปกครองกับพระเยซูในสวรรค์ อย่างที่อัครสาวกเปาโลพูดกับ “เพื่อนร่วมงาน” ของเขาในเมืองฟีลิปปี ผู้ถูกเจิมซึ่งถูกเลือกให้ร่วมปกครองกับพระเยซูมีชื่ออยู่ในหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิตแล้ว (ฟป. 4:3) แต่เพื่อที่ชื่อของพวกเขาจะอยู่ในหนังสือนี้ต่อ ๆ ไป พวกเขาต้องรักษาความซื่อสัตย์ และชื่อของพวกเขาจะถูกเขียนไว้ในหนังสือนี้อย่างถาวรตอนที่พวกเขาได้รับการประทับตราขั้นสุดท้าย ไม่ว่าก่อนที่พวกเขาตายหรือก่อนความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่—วว. 7:3 ห22.09 น. 15 ว. 3, 5-6
วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม
คนที่ได้ยินคำสอนของพระเจ้าและทำตามนั่นแหละถึงจะมีความสุข—ลก. 11:28
คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม? มีเพื่อนทำอาหารมื้ออร่อยให้คุณแต่คุณไม่ค่อยมีเวลาหรืออาจจะมัวคิดแต่เรื่องอื่นก็เลยกิน ๆ เข้าไปโดยไม่รู้ว่ารสชาติอร่อยแค่ไหน พอคุณกินเสร็จก็นึกได้ว่าไม่น่าจะกินเร็วขนาดนี้เลย น่าจะค่อย ๆ กินค่อย ๆ เคี้ยวเพื่อจะได้รสชาติอาหารที่อร่อยมาก การอ่านคัมภีร์ไบเบิลก็เหมือนกัน บางครั้งเราก็รีบอ่าน เลยอ่านแบบลวก ๆ จนไม่ได้มีความสุขกับการอ่านและไม่ได้อะไรจากเรื่องที่อ่าน ดังนั้น ให้เราใช้เวลานึกภาพฉากเหตุการณ์ตอนนั้น และพยายามจินตนาการว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและมีเสียงอะไรบ้าง แล้วก็คิดใคร่ครวญสิ่งที่เราอ่าน เมื่อทำแบบนั้น เราก็จะมีความสุขมากขึ้น พระเยซูแต่งตั้ง “ทาสที่ซื่อสัตย์และสุขุม” ให้แจกจ่ายอาหารตามเวลาที่เหมาะสม เราจึงมีอาหารเสริมความเชื่อมากมายในทุกวันนี้ (มธ. 24:45) ทาสที่ซื่อสัตย์ใช้คัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนประกอบหลักในการเตรียมความรู้ที่เป็นเหมือนอาหารให้กับเรา—1 ธส. 2:13 ห22.10 น. 7-8 ว. 6-8
วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม
พวกเราถูกคนอวดดีเยาะเย้ย—สด. 123:4
คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่าในสมัยสุดท้ายจะมีคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ชอบเยาะเย้ย (2 ปต. 3:3, 4) พวกเขา “ทำตามความต้องการชั่ว ๆ ของตัวเอง” (ยด. 7, 17, 18) เราควรทำยังไงเพื่อจะไม่เป็นคนชอบเยาะเย้ย? วิธีหนึ่งก็คือเราจะไม่คบกับคนที่ชอบติชอบว่าไปซะทุกเรื่อง (สด. 1:1) เราจะไม่ฟังไม่อ่านสิ่งที่มาจากคนทรยศพระเจ้า นอกจากนั้น เรารู้ว่าถ้าเราไม่ระวัง เราอาจกลายเป็นคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ เริ่มสงสัยวิธีของพระยะโฮวา และสงสัยการชี้นำจากองค์การของพระองค์ เพื่อจะไม่เป็นแบบนั้นเราต้องถามตัวเองว่า ‘ถ้ามีคำแนะนำหรือคำอธิบายใหม่ ๆ จากองค์การ ฉันชอบพูดในแง่ลบไหม? ฉันเอาแต่มองข้อผิดพลาดของคนที่นำหน้าในองค์การไหม?’ ถ้าเห็นว่าตัวเราเองมีปัญหาแบบนี้แล้วรีบจัดการทันที พระยะโฮวาจะพอใจเรา—สภษ. 3:34, 35 ห22.10 น. 20 ว. 9-10
วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม
ชาวอิสราเอลจะไม่ยอมฟังเจ้า—อสค. 3:7
พลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาช่วยให้เอเสเคียลเข้มแข็งเพื่อจะทำงานประกาศกับ “คนหัวแข็งและดื้อดึง” พระยะโฮวาบอกเอเสเคียลว่า “แต่เราได้ทำให้หน้าเจ้าแข็งเหมือนหน้าพวกเขา และทำให้หน้าผากเจ้าแข็งพอ ๆ กับหน้าผากพวกเขา เราทำให้หน้าผากของเจ้าแข็งเหมือนเพชร แข็งกว่าหินเหล็กไฟ อย่ากลัวพวกเขาหรือหวาดกลัวเมื่อเห็นหน้าพวกเขา” (อสค. 3:8, 9) นี่เหมือนกับพระยะโฮวาบอกเอเสเคียลว่า ‘ถึงคนพวกนี้จะดื้อด้านแต่อย่าหมดกำลังใจ เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็ง’ จากนั้น พลังของพระเจ้าก็พาเอเสเคียลไปยังที่ที่เขาต้องประกาศ เขาเขียนว่า “พลังอันแรงกล้าของพระยะโฮวาก็อยู่กับผม” เอเสเคียลต้องใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์ทำความเข้าใจข่าวสารที่ต้องประกาศ (อสค. 3:14, 15) แล้วพระยะโฮวาก็พาเอเสเคียลไปตรงที่ราบหุบเขาซึ่งที่นั่นเขา “ได้รับพลังจาก [พระองค์]” (อสค. 3:23, 24) ในที่สุด เอเสเคียลก็พร้อมจะทำงานรับใช้ ห22.11 น. 4-5 ว. 8-9
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม
ได้โปรดเถอะพระยะโฮวา ผมต้องร้องขอความช่วยเหลืออีกนานแค่ไหนพระองค์ถึงจะฟัง? . . . ทำไมพระองค์ยอมให้คนข่มเหงกัน?—ฮบก. 1:2, 3
ผู้พยากรณ์ฮาบากุกเจอความยากลำบากหลายอย่าง ครั้งหนึ่งดูเหมือนว่าเขาสงสัยว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงเขาจริง ๆ ไหม เขาก็เลยอธิษฐานระบายความรู้สึกกับพระยะโฮวา พระยะโฮวาตอบคำอธิษฐานของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์คนนี้ (ฮบก. 2:2, 3) และพอเขาได้คิดใคร่ครวญถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาทำเพื่อช่วยเขา เขาก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง ฮาบากุกมั่นใจว่าพระยะโฮวารักและเป็นห่วงเขา และจะช่วยเขาให้อดทนต่อความยากลำบากได้ทุกอย่าง (ฮบก. 3:17-19) บทเรียนสำหรับเราคืออะไร? ตอนที่คุณเจอความยากลำบาก ให้อธิษฐานบอกพระยะโฮวาว่าคุณรู้สึกยังไงและให้คุณคิดว่าที่ผ่านมาพระองค์ช่วยคุณยังไงบ้าง ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณก็จะมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณให้มีกำลังที่จะอดทนได้ แล้วถ้าคุณรู้สึกได้ว่าพระยะโฮวากำลังช่วยคุณอยู่ คุณก็จะไว้วางใจพระองค์มากขึ้น ถ้าคุณพยายามทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำสม่ำเสมอ ถึงคุณจะเจอความยากลำบากหรืออาจเริ่มสงสัยว่าพระยะโฮวารักคุณหรือเปล่า แต่คุณก็จะไม่ห่างจากพระองค์—1 ทธ. 6:6-8 ห22.11 น. 15 ว. 6-7
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม
ผมขอบอกคุณวันนี้ว่า คุณจะได้อยู่กับผมในอุทยานแน่นอน—ลก. 23:43
พระเยซูรู้สึกเจ็บปวดมากตอนที่ท่านกำลังจะตาย และผู้ร้าย 2 คนที่ถูกตรึงอยู่ข้าง ๆ ท่านก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน (ลก. 23:32, 33) พวกเขาพูดดูถูกพระเยซู (มธ. 27:44; มก. 15:32) แต่ผู้ร้ายคนหนึ่งเปลี่ยนใจ เขาพูดกับพระเยซูว่า “ท่านเยซู ตอนที่ท่านได้เป็นกษัตริย์ อย่าลืมผมนะครับ” แล้วพระเยซูก็บอกเขาอย่างที่เราอ่านในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ (ลก. 23:39-42) คำพูดที่พระเยซูพูดกับผู้ร้ายคนนั้นน่าจะทำให้เราลองคิดว่าชีวิตในโลกใหม่ที่เป็นอุทยานจะเป็นยังไง ที่จริงเราสามารถรู้ว่าโลกใหม่จะเป็นยังไงโดยดูจากช่วงที่กษัตริย์โซโลมอนปกครองซึ่งเป็นช่วงที่มีสันติสุขมาก และเราคาดหมายได้เลยว่าพระเยซูผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าโซโลมอนจะทำงานกับผู้ร่วมปกครองของท่านเพื่อทำให้โลกอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นอีก (มธ. 12:42) และ “แกะอื่น” ควรสนใจด้วยว่าพวกเขาต้องทำยังไงเพื่อจะได้อยู่ในโลกใหม่ที่เป็นอุทยานตลอดไป—ยน. 10:16 ห22.12 น. 8 ว. 1; น. 9 ว. 4
วันพุธที่ 23 ตุลาคม
พระองค์จะช่วยเมื่อได้ยินคุณร้องขอ—อสย. 30:19
อิสยาห์รับรองกับเราว่าพระยะโฮวาจะตั้งใจฟังเมื่อเราร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และพระองค์จะรีบตอบเรา เพราะอิสยาห์ยังบอกด้วยว่า “พระองค์จะตอบคุณทันทีที่ได้ยิน” คำพูดนี้รับรองกับเราว่าพระยะโฮวาพ่อของเราในสวรรค์เต็มใจช่วยคนที่ร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์ก็อยากช่วยพวกเขาจริง ๆ การรู้แบบนี้ทำให้เราอดทนได้และยังคงมีความสุข พระยะโฮวาตั้งใจฟังคำอธิษฐานของเราแต่ละคน ทำไมเราถึงบอกแบบนั้น? ช่วงต้นของอิสยาห์บท 30 มีการใช้คำสรรพนามว่า “พวกเจ้า” และ “พวกคุณ” เพราะพระยะโฮวาพูดกับคนของพระองค์โดยรวม แต่ในข้อ 19 ใช้คำว่า “คุณ” เพราะต้องการเน้นว่าเรื่องนี้พูดกับแต่ละคน ข้อนั้นบอกว่า “คุณจะไม่ต้องร้องไห้อีกเลย” “พระองค์จะช่วยเมื่อได้ยินคุณร้องขอ” “พระองค์จะตอบคุณทันทีที่ได้ยิน” พระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักเรา พระองค์เห็นค่าและสนใจเราแต่ละคนเป็นส่วนตัว และพระองค์ถือว่าคำอธิษฐานของเราแต่ละคนสำคัญสำหรับพระองค์—สด. 116:1; อสย. 57:15 ห22.11 น. 9 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม
คุณต้องฉลาดเหมือนงู แต่ก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยเหมือนนกเขา—มธ. 10:16
ถึงเราจะถูกต่อต้านแต่ถ้าเรายังประกาศและสอนเรื่องของพระเจ้าต่อ ๆ ไป เราก็จะมีความสุขและมีใจสงบ ในศตวรรษแรกตอนที่พวกผู้นำชาวยิวสั่งให้เลิกประกาศ พวกอัครสาวกก็ไม่ได้ทำตาม พวกเขายังเชื่อฟังพระเจ้าและประกาศต่อ ๆ ไป และนั่นทำให้พวกเขามีความสุขมาก (กจ. 5:27-29, 41, 42) ถ้าเราอยู่ในประเทศที่งานของเราถูกสั่งห้ามหรือไม่มีอิสระเต็มที่ เราก็อยากจะประกาศต่อไป แต่เราก็ต้องระมัดระวังด้วย ถ้าเราพยายามประกาศเต็มที่เท่าที่เราทำได้ เราจะมีสันติสุขและมีใจสงบ เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำให้พระยะโฮวาพอใจและเรากำลังประกาศข่าวดีที่ช่วยชีวิตผู้คน ให้คุณมั่นใจว่าถึงคุณจะเจอปัญหาที่หนักที่สุดในชีวิต คุณก็ยังมีใจสงบได้ จำไว้ว่าสันติสุขที่คุณจำเป็นต้องมีก็คือสันติสุขที่พระยะโฮวาเท่านั้นจะให้คุณได้ ถ้าคุณต้องเจอโรคระบาด ภัยพิบัติ และการข่มเหง ขอให้คุณไว้ใจพระยะโฮวาและพยายามใกล้ชิดกับประชาคมและองค์การของพระองค์ ให้คุณมองไปที่อนาคตที่ยอดเยี่ยมที่ใกล้จะถึงอยู่แล้ว ถ้าคุณทำแบบนี้ “พระเจ้าที่มีสันติสุขจะอยู่กับพวกคุณ”—ฟป. 4:9 ห22.12 น. 21 ว. 17-18
วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม
ปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่—อฟ. 4:24
เพื่อจะปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่เราต้องใช้ความพยายามมาก เราต้องเอาชนะนิสัยไม่ดีต่าง ๆ เช่น ความอาฆาตแค้น ความโกรธ ความโมโห (อฟ. 4:31, 32) มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะอะไร? เพราะนิสัยส่วนตัวที่ไม่ดีบางอย่างอาจฝังรากลึก คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าบางคนมีนิสัย “โกรธง่าย” และ “ขี้โมโห” (สภษ. 29:22) เราเลยต้องพยายามที่จะเอาชนะนิสัยที่ไม่ดีแบบนี้ต่อ ๆ ไปแม้เราจะรับบัพติศมาแล้ว (รม. 7:21-23) ให้อธิษฐานบอกพระยะโฮวาว่าคุณอยากเลิกนิสัยไม่ดีอะไร และมั่นใจว่าพระองค์จะฟังและคอยช่วยคุณ (1 ยน. 5:14, 15) ถึงแม้พระยะโฮวาจะไม่ทำให้นิสัยไม่ดีของคุณหายไปได้อย่างอัศจรรย์ แต่พระองค์จะให้กำลังคุณเพื่อที่คุณจะเอาชนะนิสัยนั้นได้ (1 ปต. 5:10) นอกจากนั้น ให้คุณทำอย่างที่สอดคล้องกับคำอธิษฐานโดยไม่ทำอะไรที่จะทำให้คุณอยากกลับไปทำนิสัยไม่ดีเหล่านั้น และอย่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ไม่ดีเหล่านั้น—ฟป. 4:8; คส. 3:2 ห23.01 น. 10 ว. 7, 9-10
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม
คนที่รักพระเจ้าก็ต้องรักพี่น้องด้วย—1 ยน. 4:21
วิธีหนึ่งที่เราจะแสดงว่ารักคนอื่นก็คือการเข้าร่วมในงานประกาศอย่างขยันขันแข็ง เราคุยกับทุกคนที่เราเจอ เราไม่มีอคติกับใครเพราะเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ฐานะทางการเงิน หรือฐานะทางสังคม นี่ก็เลยทำให้เราทำงานรับใช้อย่างที่พระยะโฮวาต้องการคือ พระองค์อยาก “ให้คนทุกชนิดรอดและได้รับความรู้ที่ถูกต้องเรื่องความจริง” (1 ทธ. 2:4) นอกจากนั้น เราจะแสดงว่ารักพระยะโฮวากับพระเยซูโดยแสดงความรักต่อพี่น้องของเรา ตอนที่พี่น้องเจอปัญหาและความยากลำบาก เราก็จะสนใจพวกเขาและคอยช่วยเหลือพวกเขา เราจะคอยปลอบใจตอนที่พี่น้องสูญเสียคนที่รัก เราจะไปเยี่ยมตอนที่พวกเขาป่วย และเราจะให้กำลังใจตอนที่พวกเขาท้อ (2 คร. 1:3-7; 1 ธส. 5:11, 14) เราจะอธิษฐานเผื่อพี่น้องเสมอ เพราะเรารู้ว่า “คำอ้อนวอนของคนที่พระเจ้ายอมรับมีพลังและได้ผลดี”—ยก. 5:16 ห23.01 น. 28-29 ว. 7-8
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม
ขอให้พวกคุณคอยให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็ง—1 ธส. 5:11
เหมือนกับคนที่ทำงานก่อสร้างมานานก็จะยิ่งเก่งขึ้น เราก็เก่งขึ้นในการเสริมสร้างพี่น้องได้ เราจะช่วยพี่น้องให้อดทนกับปัญหาได้โดยเล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระเจ้าในอดีตที่เคยเจอปัญหาแล้วอดทนได้ (ฮบ. 11:32-35; 12:1) เราจะช่วยให้ประชาคมสงบสุขได้โดยพูดถึงแต่ส่วนดีของพี่น้อง ไม่พูดหรือทำอะไรที่ทำลายความสงบสุขของประชาคม และถ้ามีปัญหาเราก็จะรีบคืนดี (อฟ. 4:3) นอกจากนั้น เรายังช่วยพี่น้องให้มีความเชื่อเข้มแข็งมากขึ้นได้โดยช่วยพวกเขาให้คิดถึงความจริงในคัมภีร์ไบเบิล เมื่อเขามีปัญหาเราก็จะรีบลงมือช่วยเหลือ และเราก็จะช่วยคนที่อ่อนแอให้มีความเชื่อมากขึ้นด้วย เราจะมีความสุขจริง ๆ ถ้าเราพยายามเสริมสร้างพี่น้องในประชาคม และไม่เหมือนกับตึกหรืออาคารที่วันหนึ่งอาจโทรมลงและพังลงได้ สิ่งที่เราทำนั้นจะคงอยู่ตลอดไป ห22.08 น. 22 ว. 6; น. 25 ว. 17-18
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ให้สติปัญญา และความรู้ความเข้าใจออกมาจากปากพระองค์—สภษ. 2:6
พระเยซูพูดถึงสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นก็คือ การสังเกตเพื่อจะเข้าใจ (มธ. 24:15) คนที่รู้จักสังเกตจะรู้ว่าเรื่องที่เขาอ่านเกี่ยวข้องกันยังไงหรือต่างกันยังไง และเขาจะเห็นแม้แต่เรื่องที่ไม่ได้บอกไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ นอกจากนั้น อย่างที่พระเยซูบอกไว้ การสังเกตจะช่วยให้เข้าใจว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจริงตามคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลหรือเปล่า และยังช่วยให้เราได้ประโยชน์มากที่สุดจากการอ่านคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์รู้จักสังเกตเพื่อจะเข้าใจ ดังนั้น ให้คุณอธิษฐานขอพระองค์ช่วยคุณให้มีคุณลักษณะนี้ แล้วคุณต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะทำตามที่คุณได้อธิษฐานไป? ให้วิเคราะห์เรื่องที่คุณอ่านอย่างละเอียด ลองดูว่ามันเกี่ยวข้องยังไงกับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว ให้ค้นคว้าว่าเรื่องที่คุณอ่านหมายถึงอะไรและคุณจะเอาไปใช้ในชีวิตได้ยังไง (ฮบ. 5:14) ถ้าคุณรู้จักสังเกต คุณก็จะเข้าใจคัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นเรื่อย ๆ ห23.02 น. 10 ว. 7-8
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม
ที่เรามีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวไปมาได้ก็เพราะพระองค์—กจ. 17:28
สมมุติว่าเพื่อนคนหนึ่งให้ภาพวาดเก่าแก่ที่สวยและมีราคาแพงมากกับคุณ ถึงภาพนั้นจะไม่สมบูรณ์แบบเพราะสีมันซีด มีรอยเปื้อน และมีรอยแตก แต่มันก็มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท แน่นอนว่าคุณต้องรู้สึกขอบคุณเพื่อนคนนี้แน่ ๆ และคุณจะดูแลภาพวาดนั้นเป็นอย่างดี เหมือนกันพระยะโฮวาให้ชีวิตกับเราเป็นของขวัญ พระองค์เห็นว่าชีวิตเรามีค่ามาก ถึงขนาดที่พระองค์ยอมสละลูกชายคนเดียวของพระองค์มาเป็นค่าไถ่ให้เรา (ยน. 3:16) พระยะโฮวาเป็นบ่อเกิดของชีวิต (สด. 36:9) อัครสาวกเปาโลยอมรับความจริงนี้ตอนที่เขาบอกว่า “ที่เรามีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวไปมาได้ก็เพราะพระองค์” (กจ. 17:25, 28) เราเลยบอกได้ว่าชีวิตของเราเป็นของขวัญที่มาจากพระยะโฮวา นอกจากนั้น พระองค์รักเรามาก พระองค์เลยให้สิ่งจำเป็นต่าง ๆ กับเราเพื่อเราจะมีชีวิตอยู่ได้ (กจ. 14:15-17) แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้ทำการอัศจรรย์ตอนนี้เพื่อจะปกป้องชีวิตเรา ถึงจะเป็นอย่างนั้น พระองค์ก็คาดหมายให้เราพยายามเต็มที่ที่จะดูแลสุขภาพและรับใช้พระองค์ต่อ ๆ ไป—2 คร. 7:1 ห23.02 น. 20 ว. 1-2
วันพุธที่ 30 ตุลาคม
เจ้าต้องเขียนทุกคำที่เราพูดกับเจ้าไว้ในหนังสือ—ยรม. 30:2
เราขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ที่ให้เรามีคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาให้คำแนะนำที่ฉลาดกับเราในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยให้เรารับมือกับปัญหาในทุกวันนี้ได้ นอกจากนั้น พระองค์ยังให้เรามีความหวังที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอนาคต แต่ที่สำคัญกว่านั้น คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรารู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหน และมีคุณลักษณะอะไรบ้าง เมื่อเราได้คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมของพระองค์ เราก็จะรู้สึกประทับใจและทำให้เรายิ่งสนิทกับพระยะโฮวาเหมือนพระองค์เป็นเพื่อนแท้ของเรา (สด. 25:14) พระยะโฮวาอยากให้มนุษย์รู้จักพระองค์ ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลพระยะโฮวาเปิดเผยให้รู้ว่าพระองค์เป็นใครโดยผ่านทางความฝัน นิมิต และถึงกับให้ทูตสวรรค์มาบอก (กดว. 12:6; กจ. 10:3, 4) แต่ถ้าไม่มีการจดบันทึกความฝัน นิมิต และคำพูดของทูตสวรรค์ เราก็คงไม่มีทางที่จะได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ พระยะโฮวาจึงให้มนุษย์ “เขียนทุกคำที่ [พระองค์] พูด . . . ไว้ในหนังสือ” และเนื่องจาก “แนวทางของพระเจ้าเที่ยงแท้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติ” เราเลยมั่นใจได้ว่าวิธีที่พระองค์ถ่ายทอดคำสอนและความคิดของพระองค์จะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมและเป็นประโยชน์กับเรา—สด. 18:30 ห23.02 น. 2 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม
การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ—กจ. 20:35
ให้คุณเลือกเป้าหมายที่ช่วยให้คุณมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นและช่วยคุณให้เป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ (อฟ. 3:16) เช่น คุณอาจตั้งเป้าหมายที่จะอ่านคัมภีร์ไบเบิลและศึกษาส่วนตัวเป็นประจำ (สด. 1:2, 3) หรือตั้งเป้าหมายที่จะอธิษฐานบ่อยขึ้นและออกมาจากหัวใจมากขึ้น นอกจากนั้น คุณอาจฝึกที่จะแบ่งเวลาและรู้จักเลือกดูหนังฟังเพลงหรือเล่นเกม (อฟ. 5:15, 16) อีกวิธีที่จะช่วยให้คุณเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นก็คือการช่วยคนอื่น ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งเป้าที่จะช่วยพี่น้องสูงอายุและพี่น้องที่ไม่สบายในประชาคม เช่น ไปซื้อของให้พวกเขา หรือช่วยเรื่องมือถือหรือแท็บเล็ต นอกจากนั้น คุณอาจแสดงความรักโดยประกาศข่าวดีกับคนอื่น (มธ. 9:36, 37) และถ้าเป็นไปได้ ให้คุณตั้งเป้าหมายที่จะรับใช้เต็มเวลาด้วย ห22.08 น. 6 ว. 16-17