กันยายน
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน
ถ้าใครคิดว่าเขานมัสการพระเจ้าอยู่ แต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตัวเอง เขากำลังหลอกตัวเอง และการนมัสการของเขาก็ไร้ประโยชน์—ยก. 1:26
ถ้าเรารู้จักใช้คำพูดดี ๆ เราอาจทำให้คนอื่นสนใจเรียนรู้เรื่องพระยะโฮวา เราจะช่วยให้คนอื่นเห็นความแตกต่าง “ระหว่างคนที่รับใช้พระเจ้าและคนที่ไม่ได้รับใช้พระองค์” (มลค. 3:18) ให้เรามาดูตัวอย่างของพี่น้องคิมเบอร์ลี่ด้วยกัน ครูให้คิมเบอร์ลี่จับคู่ทำโปรเจ็คกับเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง ตอนที่ทำงานด้วยกันเพื่อนคนนี้ก็สังเกตว่าคิมเบอร์ลี่ไม่เหมือนเพื่อนนักเรียนคนอื่น คิมเบอร์ลี่ไม่นินทาใครลับหลัง ไม่พูดคำหยาบ แล้วก็ชอบพูดในแง่ดีด้วย เพื่อนคนนี้ประทับใจมากถึงขนาดตกลงศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ถ้าการพูดการจาของเราทำให้คนอื่นสนใจความจริง พระยะโฮวาจะดีใจแน่นอน เราทุกคนอยากพูดในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาได้รับเกียรติ ห22.04 น. 5-6 ว. 5-7
วันจันทร์ที่ 2 กันยายน
ผู้หญิง . . . หลายคน . . . ใช้ทรัพย์สินของตัวเองเพื่อรับใช้พระเยซูกับอัครสาวก—ลก. 8:3
พระเยซูช่วยมารีย์มักดาลาให้เป็นอิสระจากปีศาจที่สิงเธอถึง 7 ตน เธอรู้สึกขอบคุณพระเยซูมากจนมาเป็นสาวกของท่านและสนับสนุนงานรับใช้ของท่าน (ลก. 8:1-3) แม้มารีย์จะรู้สึกขอบคุณพระเยซูมาก แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าท่านกำลังจะทำเพื่อเธอมากกว่านั้นอีก ท่านจะสละชีวิต “เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในท่านจะมีชีวิตตลอดไป” (ยน. 3:16) ถึงตอนนั้นมารีย์จะไม่รู้เรื่องนี้ แต่เธอก็ยังสำนึกบุญคุณท่านโดยแสดงความภักดีต่อท่าน ตอนที่พระเยซูถูกตรึงอยู่บนเสาทรมานอย่างเจ็บปวด มารีย์ก็ไม่หนีไปไหนและคอยให้กำลังใจพระเยซูรวมทั้งคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่น (ยน. 19:25) หลังจากที่พระเยซูตาย มารีย์กับผู้หญิงอีก 2 คนก็ซื้อเครื่องหอมไปที่อุโมงค์ฝังศพของพระเยซู (มก. 16:1, 2) มารีย์มีความสุขมากที่ได้เจอกับพระเยซูที่ฟื้นขึ้นจากตายและมีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน นี่เป็นสิทธิพิเศษที่สาวกส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสจะได้แบบเธอด้วยซ้ำ—ยน. 20:11-18 ห23.01 น. 27 ว. 4
วันอังคารที่ 3 กันยายน
ผมอยากให้คุณร้อนหรือไม่ก็เย็นไปเลย—วว. 3:15
เราไม่ควรคิดว่าที่ผ่านมาเรารับใช้พระยะโฮวามาเยอะแล้ว ตอนนี้เราไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเราจะมีขีดจำกัดและทำงานรับใช้ไม่ได้มากเหมือนที่เคยทำ แต่เราต้องขยันทำ “งานของผู้เป็นนาย” ต่อ ๆ ไป เราต้องตื่นตัวอยู่เสมอจนถึงที่สุด (1 คร. 15:58; มธ. 24:13; มก. 13:33) เราต้องนมัสการพระยะโฮวาอย่างกระตือรือร้นและทำสุดหัวใจ ข่าวสารที่พระเยซูส่งถึงประชาคมในเมืองเลาดีเซียแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง การนมัสการของพวกเขาเป็น “แค่อุ่น ๆ” พระเยซูเลยบอกว่าพวกเขา “เป็นคนน่าสมเพช น่าสงสาร” พวกเขาจึงต้องทุ่มเทรับใช้พระยะโฮวาอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น (วว. 3:16, 17, 19) เราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้? ถ้าเราไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อน เราต้องคิดถึงสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ทำเพื่อเรา (วว. 3:18) อย่าไปไขว่คว้าหาชีวิตที่หรูหราสะดวกสบายจนไม่ได้ให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ห22.05 น. 3-4 ว. 7-8
วันพุธที่ 4 กันยายน
พระองค์สั่งให้เขียนหนังสือที่บันทึกชื่อคนที่พระองค์จดจำ คือคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวา—มลค. 3:16
เมื่อหลายพันปีก่อน พระยะโฮวาเริ่มเขียนหนังสือที่พิเศษมากเล่มหนึ่ง หนังสือนี้มีรายชื่อพยานที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ตั้งแต่คนแรกซึ่งก็คืออาเบล (ลก. 11:50, 51) ตั้งแต่นั้นมาพระยะโฮวาก็เพิ่มชื่อเข้าไปในหนังสือนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้หนังสือนี้มีรายชื่อหลายล้านคนแล้ว ในคัมภีร์ไบเบิลหนังสือนี้ถูกเรียกด้วยหลายชื่อ เช่น “หนังสือที่บันทึกชื่อคนที่พระองค์จดจำ” “หนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิต” และ “ม้วนหนังสือรายชื่อคนที่จะได้ชีวิต” (มลค. 3:16; วว. 3:5; 17:8) หนังสือเล่มนี้มีชื่อทุกคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาและรักชื่อของพระองค์ พวกเขามีโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไป ทุกวันนี้เราก็สามารถมีชื่อในหนังสือนี้ได้ถ้าเราสนิทกับพระยะโฮวา และเรื่องนี้เป็นไปได้ก็เพราะค่าไถ่ของพระเยซู (ยน. 3:16, 36) เราทุกคนอยากมีชื่อในหนังสือนี้แน่ ๆ ไม่ว่าเราจะมีความหวังจะไปสวรรค์หรืออยู่บนโลก ห22.09 น. 14 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน
มารที่หลอกลวงพวกเขาก็ถูกเหวี่ยงลงในบึงไฟที่มีกำมะถัน—วว. 20:10
หนังสือวิวรณ์พูดถึง “พญานาคใหญ่สีแดงเพลิง” (วว. 12:3) มันสู้กับพระเยซูและทูตสวรรค์ (วว. 12:7-9) และมันโจมตีคนของพระยะโฮวาและให้อำนาจสัตว์ร้ายซึ่งก็คือรัฐบาลต่าง ๆ ของมนุษย์ (วว. 12:17; 13:4) พญานาคหมายถึงใคร? มันคือ “งูตัวแรกนั้นที่ถูกเรียกว่ามารและซาตาน” (วว. 12:9; 20:2) มันชักใยอยู่เบื้องหลังศัตรูทั้งหมดของพระยะโฮวา จะเกิดอะไรขึ้นกับพญานาคใหญ่? ที่หนังสือวิวรณ์ 20:1-3 อธิบายว่าทูตสวรรค์องค์หนึ่งจะเหวี่ยงมันลงในขุมลึกซึ่งหมายถึงการถูกกักขัง ช่วงเวลานั้นซาตานจะไม่สามารถ “ออกมาหลอกลวงประเทศต่าง ๆ อีกจนกว่าจะครบ 1,000 ปี” แต่สุดท้ายซาตานกับพวกทูตสวรรค์ชั่วจะถูกทำลายตลอดไป เพราะวิวรณ์บอกว่าพวกมันจะถูกเหวี่ยงลงใน “บึงไฟที่มีกำมะถัน” ลองนึกดูสิว่าจะดีขนาดไหนถ้าโลกจะไม่มีซาตานและพวกทูตสวรรค์ชั่วอีกตลอดไป ห22.05 น. 14 ว. 19-20
วันศุกร์ที่ 6 กันยายน
ให้ . . . หันมาทำงานที่สุจริตด้วยความขยันขันแข็ง เพื่อจะได้มีอะไรแจกให้คนขัดสนบ้าง—อฟ. 4:28
พระเยซูทำงานหนัก ท่านเป็นช่างไม้ตั้งแต่อายุยังน้อย (มก. 6:3) พ่อแม่ของพระเยซูคงต้องดีใจที่ท่านได้ช่วยพวกเขาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวที่มีกันหลายคน พระเยซูเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ท่านต้องทำงานออกมาอย่างสมบูรณ์แบบและใคร ๆ ก็ต้องอยากซื้องานไม้ที่ท่านทำแน่นอน พระเยซูคงชอบงานที่ท่านทำแน่ ๆ แต่ตอนที่ท่านทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ท่านก็ยังจัดเวลาทำงานรับใช้ด้วย (ยน. 7:15) และต่อมาตอนที่พระเยซูทำงานรับใช้เต็มเวลา ท่านแนะนำผู้ฟังว่า “อย่าทำงานเพื่อจะได้อาหารที่เน่าเสียได้ แต่ให้ทำงานเพื่อจะได้อาหารที่ไม่เน่าเสียซึ่งจะให้ชีวิตตลอดไป” (ยน. 6:27) ตอนที่พระเยซูให้คำบรรยายบนภูเขา ท่านบอกว่า “ให้สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์” (มธ. 6:20) สติปัญญาจากพระเจ้าช่วยเราให้มีความคิดที่ถูกต้องเรื่องงานอาชีพและเป็นคนที่สมดุล พระเจ้าสอนเราให้ “ทำงานที่สุจริตด้วยความขยันขันแข็ง” ห22.05 น. 22 ว. 9-10
วันเสาร์ที่ 7 กันยายน
แม่ของคุณจะดีใจ—สภษ. 23:25
ยูนิสเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทิโมธี ทิโมธีสังเกตสิ่งที่แม่ทำและเห็นว่าแม่รักพระยะโฮวามากจริง ๆ เขาเห็นว่าการรับใช้พระยะโฮวาทำให้แม่มีความสุขมาก ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ความประพฤติของพี่น้องหญิงหลายคนชนะใจคนในครอบครัว “โดยไม่ต้องใช้คำพูด” และช่วยพวกเขาให้มารับใช้พระยะโฮวา (1 ปต. 3:1, 2) คุณก็ทำได้เหมือนกัน แล้วคุณต้องทำอะไรบ้าง? ให้สายสัมพันธ์ของคุณกับพระยะโฮวาสำคัญที่สุด (ฉธบ. 6:5, 6) คุณก็คงเหมือนกับแม่ส่วนใหญ่ที่ต้องเสียสละเวลา เงิน การนอนหลับ และอีกหลายอย่างเพื่อจะดูแลลูก ๆ แต่คุณต้องไม่ยุ่งเกินไปจนไม่มีเวลาให้กับพระยะโฮวา ถึงคุณจะเสียสละหลายอย่างแต่เรื่องนี้คุณจะยอมสละไม่ได้ คุณต้องจัดเวลาที่จะอธิษฐาน ศึกษาส่วนตัว และเข้าร่วมการประชุมเป็นประจำ ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็จะสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนในครอบครัวของคุณและคนอื่น ๆ ห22.04 น. 16 ว. 1; น. 19 ว. 12-13
วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน
โปรด . . . พิพากษาผู้รับใช้ของพระองค์ ถ้าเขาทำผิดก็ขอพระองค์บอกให้รู้และลงโทษเขา แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำผิดก็ขอพระองค์บอกให้รู้และตอบแทนความดีของเขา—1 พก. 8:32
เราคงดีใจที่เราไม่มีหน้าที่ที่จะพิพากษาใคร หน้าที่นี้เป็นของพระยะโฮวาเท่านั้น พระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ดีที่สุด (รม. 14:10-12) เรามั่นใจได้แน่นอนว่าพระองค์จะพิพากษาทุกเรื่องตามมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบของพระองค์เสมอ (ปฐก. 18:25) พระยะโฮวาไม่มีทางทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ยุติธรรม เรารอคอยวันที่พระยะโฮวาจะจัดการกับผลเสียหายทุกอย่างที่เกิดจากบาปและความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ ตอนนั้นความเจ็บปวดทุกอย่างและบาดแผลทางใจจะได้รับการรักษาให้หายตลอดไป และเราจะไม่ต้องคิดถึงความทรงจำที่ไม่ดีเหล่านั้นอีกเลย (สด. 72:12-14; วว. 21:3, 4) แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราอยากเลียนแบบพระยะโฮวาในเรื่องการให้อภัย และเรารู้สึกขอบคุณพระองค์จริง ๆ ที่ช่วยให้เราทำแบบนั้นได้ ห22.06 น. 13 ว. 18-19
วันจันทร์ที่ 9 กันยายน
พระองค์ผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้นจะทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน—ปฐก. 18:25
ผู้พิพากษาที่ดีจะเข้าใจกฎหมายอย่างลึกซึ้ง เขาต้องรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แล้วเขาต้องมีคุณสมบัติอะไรอีก? เขาต้องรู้ข้อเท็จจริงทุกอย่างอย่างครบถ้วนก่อนจะพิพากษาตัดสิน พระยะโฮวาก็เป็นแบบนั้น พระองค์รู้ข้อเท็จจริงทุกอย่างอย่างครบถ้วน นี่เลยทำให้พระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ดีที่สุด ไม่มีใครจะเหมือนพระองค์ได้ พระยะโฮวาต่างจากผู้พิพากษาที่เป็นมนุษย์ พระองค์รู้ข้อเท็จจริงทุกอย่างเสมอ (ปฐก. 18:20, 21; สด. 90:8) มนุษย์อาจตัดสินแค่จากสิ่งที่เห็นและได้ยิน แต่พระยะโฮวาไม่ได้เป็นแบบนั้น พระยะโฮวาเข้าใจชัดเจนว่าทำไมบางคนถึงทำบางอย่าง เช่น พระองค์รู้ว่าที่เขาทำแบบนั้นอาจเป็นเพราะได้นิสัยมาจากพ่อแม่ และพระองค์ยังรู้ด้วยว่าเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน โตมาในสภาพแวดล้อมยังไง มีสภาพจิตใจอารมณ์และความรู้สึกยังไง พระยะโฮวายังอ่านหัวใจคนเราได้ด้วย พระองค์เลยรู้ว่าเขาทำไปด้วยเจตนาอะไร ไม่มีสิ่งไหนถูกปิดซ่อนไว้จากสายตาของพระยะโฮวาได้ (ฮบ. 4:13) ดังนั้น ถ้าพระยะโฮวาจะให้อภัยใครก็แสดงว่าพระองค์รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาว่าเขาสมควรได้รับการให้อภัย ห22.06 น. 4 ว. 8-9
วันอังคารที่ 10 กันยายน
มนุษย์ยอมสละได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด—โยบ 2:4
เราต้องสนใจวิธีที่ซาตานใช้กับโยบ เพราะมันก็จะใช้วิธีนี้กับเราด้วย มันอ้างว่าเราไม่ได้รักพระยะโฮวาจริง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเรา เราจะทิ้งพระองค์เพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อน ซาตานยังอ้างอีกว่าพระเจ้าก็ไม่ได้รักเรา พระองค์ไม่ได้เห็นค่าที่เราพยายามทำเพื่อพระองค์ แต่เรารู้แผนของซาตาน เราเลยไม่ยอมถูกมันหลอก เราควรคิดว่าความยากลำบากที่เราเจอเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นว่าตัวเราเป็นคนยังไงจริง ๆ ความทุกข์ที่โยบเจอก็ทำให้เขาเห็นว่าเขามีจุดอ่อนตรงไหนและมีโอกาสได้แก้ไขจุดอ่อนเหล่านั้น เช่น เขาได้ฝึกความถ่อมมากขึ้น (โยบ 42:3) ถ้าเราเจอปัญหาหรือความยากลำบาก ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้รู้ว่าตัวเราเป็นคนยังไงจริง ๆ ถ้าเราเห็นว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน เราก็จะมีโอกาสปรับปรุงตัวเองได้ ห22.06 น. 23 ว. 13-14
วันพุธที่ 11 กันยายน
พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเจ้าเป็นพยานของเรา เป็นผู้รับใช้ที่เราได้เลือกไว้”—อสย. 43:10
พระยะโฮวารับรองกับเราว่าจะช่วยเรา เช่น ก่อนที่พระยะโฮวาบอกว่า “พวกเจ้าเป็นพยานของเรา” พระองค์บอกว่า “เมื่อพวกเจ้าข้ามน้ำข้ามทะเล เราจะอยู่กับพวกเจ้า เมื่อลุยข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ซัดท่วมเจ้า เมื่อพวกเจ้าเดินลุยไฟ พวกเจ้าจะไม่ถูกเผา เปลวไฟจะไม่เผาพวกเจ้าเลย” (อสย. 43:2) ตอนที่เราทำงานรับใช้ บางครั้งเราอาจเจออุปสรรคมากมายจนเหมือนถูกน้ำท่วมซัด และเจอความยากลำบากจนเหมือนเดินลุยไฟ ถึงจะเป็นอย่างนั้น เพราะพระยะโฮวาช่วยเรา เราเลยทำงานประกาศต่อไปได้ (อสย. 41:13) คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ไม่สนใจฟังข่าวดีในคัมภีร์ไบเบิล แต่เราต้องจำไว้ว่าถึงแม้พวกเขาจะไม่สนใจ เราก็ยังเป็นพยานของพระองค์และไม่ได้หมายความว่าเราทำงานรับใช้ได้ไม่ดีพอ เราได้กำลังใจที่รู้ว่าพระยะโฮวาจะพอใจถ้าเราประกาศต่อไปอย่างซื่อสัตย์ เปาโลบอกว่า “แต่ละคนจะได้รับรางวัลตามงานที่เขาทำ”—1 คร. 3:8; 4:1, 2 ห22.11 น. 4 ว. 5-6
วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน
ประพฤติตัวให้ดีเสมอเมื่ออยู่กับผู้คนในโลก—1 ปต. 2:12
ทุกวันนี้เราเห็นเลยว่าคำพยากรณ์ต่าง ๆ กำลังเกิดขึ้นจริง คน “จากทุกชาติทุกภาษา” กำลังเรียน “ภาษาบริสุทธิ์” ซึ่งก็คือความจริงในคัมภีร์ไบเบิล (ศคย. 8:23; ศฟย. 3:9) ทุกวันนี้มีมากกว่า 8 ล้านคนจาก 240 ดินแดนที่อยู่ในองค์การของพระเจ้า และทุกปีมีคนเป็นแสนที่รับบัพติศมา แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าตัวเลขก็คือพี่น้องใหม่เหล่านี้ปลูกฝัง “ลักษณะนิสัยใหม่” แบบคริสเตียน (คส. 3:8-10) หลายคนเลิกใช้ชีวิตแบบผิดศีลธรรมและเลิกใช้ความรุนแรง รวมทั้งเลิกมีอคติและชาตินิยม นอกจากนั้น คำพยากรณ์ในอิสยาห์ 2:4 ที่บอกว่าพวกเขา “ไม่เรียนทำสงครามอีกต่อไป” ก็เกิดขึ้นจริงด้วย เมื่อเราพยายามสุดความสามารถที่จะปลูกฝังลักษณะนิสัยใหม่ หลายคนก็ประทับใจจนเข้ามาในองค์การของพระเจ้า และนี่ก็แสดงว่าเราติดตามพระเยซูที่เป็นผู้ดูแลของเรา (ยน. 13:35) เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นเพราะพระเยซูช่วยเราให้ทำได้ ห22.07 น. 9 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน
ขอให้คำอธิษฐานของผมเป็นเหมือนเครื่องหอมที่เตรียมไว้ให้พระองค์—สด. 141:2
เวลาที่เราอธิษฐานถึงพระยะโฮวา อย่าใช้คำแบบเป็นกันเองเกินไป เราต้องอธิษฐานถึงพระองค์ด้วยความนับถือ ขอให้คิดถึงนิมิตที่อิสยาห์ เอเสเคียล ดาเนียล และยอห์นเห็น ทุกคนบอกว่าพระยะโฮวาเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามที่สุด เช่น อิสยาห์ “เห็นนิมิตที่พระยะโฮวานั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สูงเด่น” (อสย. 6:1-3) เอเสเคียลเห็นพระยะโฮวานั่งบนราชรถและ “มีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่รอบตัวพระองค์เหมือนรุ้ง” (อสค. 1:26-28) ดาเนียลเห็น “ผู้มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์” สวมชุดขาว และมีไฟพุ่งออกมาจากบัลลังก์ของพระองค์ (ดนล. 7:9, 10) ส่วนยอห์นก็เห็นพระยะโฮวาบนบัลลังก์ที่มีรุ้งเป็นเหมือนมรกตล้อมรอบ (วว. 4:2-4) เมื่อเราคิดถึงความสง่างามแบบนี้ซึ่งไม่มีอะไรในโลกเทียบได้ เราก็ยิ่งต้องคิดว่าเป็นสิทธิพิเศษขนาดไหนที่ได้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาและต้องอธิษฐานด้วยความนับถือ ห22.07 น. 20 ว. 3
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน
[ให้ระวัง ] อุบายล่อลวงของมนุษย์—อฟ. 4:14
พวกคุณที่เป็นวัยรุ่น ซาตานไม่อยากให้คุณก้าวหน้าและสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น วิธีหนึ่งที่มันจะทำแบบนั้นก็คือทำให้คุณสงสัยคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล ตัวอย่างเช่น อาจมีคนบอกคุณว่าไม่ต้องเชื่อเรื่องผู้สร้างหรอก เชื่อเรื่องวิวัฒนาการดีกว่า ตอนเด็ก ๆ คุณอาจไม่ค่อยสนใจอะไรในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้คุณโตขึ้น คุณอาจต้องเจอกับเรื่องนี้บ่อย ๆ ที่โรงเรียน และสิ่งที่ครูสอนก็อาจทำให้เรื่องวิวัฒนาการดูน่าเชื่อถือและมีเหตุผลเข้าไปอีก แต่ที่เป็นอย่างนั้นอาจเป็นเพราะครูไม่เคยศึกษาหาหลักฐานว่ามีผู้สร้างจริง ๆ สุภาษิต 18:17 บอกว่า “คนที่ให้การก่อนดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะมาซักถามเขา” แทนที่จะเชื่อทุกเรื่องที่ได้ยินจากโรงเรียน ให้คุณศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างละเอียดและค้นดูหนังสือและสื่อต่าง ๆ ขององค์การ ห22.08 น. 2 ว. 2; น. 4 ว. 8
วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน
ทำทุกอย่างตามที่เขียนไว้ในกฎหมายนั้น . . . แล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จในชีวิต และตัดสินใจได้อย่างฉลาดสุขุม—ยชว. 1:8
ตอนที่อ่านคัมภีร์ไบเบิล เราอยากเข้าใจจริง ๆ ว่ามันหมายถึงอะไร ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ ขอให้คิดถึงตอนที่พระเยซูพูดกับ “ผู้ชายคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญกฎหมายของโมเสส” (ลก. 10:25-29) เขาถามพระเยซูว่าต้องทำอะไรถึงจะได้ชีวิตตลอดไป พระเยซูก็ช่วยเขาให้ได้คำตอบจากพระคัมภีร์และถามกลับไปว่า “กฎหมายของโมเสสเขียนไว้ว่าอะไร? คุณอ่านแล้วเข้าใจยังไง?” ผู้ชายคนนั้นก็ตอบจากพระคัมภีร์ได้เลยว่าให้รักพระเจ้าและรักคนอื่น (ลนต. 19:18; ฉธบ. 6:5) แต่ลองสังเกตดูคำพูดของเขาที่พูดต่อไปว่า “แล้วใครคือคนที่ผมต้องรัก?” เห็นได้เลยว่าเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาอ่านหมายถึงอะไรจริง ๆ เลยทำให้เขาไม่รู้ว่าจะเอาข้อคัมภีร์นี้ไปใช้ยังไงในชีวิต เราต้องการความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเพื่อจะเข้าใจพระคัมภีร์ เราก็เลยต้องขอพลังบริสุทธิ์เพื่อจะมีสมาธิตอนที่อ่าน และขอให้พระองค์ช่วยเอาสิ่งที่เราได้เรียนรู้ไปใช้ในชีวิต ห23.02 น. 9 ว. 4-5
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน
ใช้ชีวิตตามความจริง—3 ยน. 4
“คุณรู้จักความจริงได้ยังไง?” คงมีคนถามคุณแบบนี้หลายครั้งแล้วใช่ไหม? ตอนที่เราเจอพี่น้องคนหนึ่งครั้งแรก เราก็มักจะถามเขาแบบนี้ แล้วเราก็ชอบฟังว่าพี่น้องมารู้จักและรักพระยะโฮวาได้ยังไง เราเองก็ชอบเล่าด้วยว่าเรารักความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมากแค่ไหน (รม. 1:11) การได้คุยกันเรื่องนี้ย้ำกับเราว่าความจริงมีค่ากับเรามาก และยังช่วยให้เราตั้งใจมากขึ้นที่จะ “ใช้ชีวิตตามความจริง” ต่อ ๆ ไปซึ่งหมายถึงใช้ชีวิตในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจและอวยพรเรา มีหลายเหตุผลที่เรารักความจริง เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือเรารักพระยะโฮวาผู้ให้ความจริงซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล นอกจากคัมภีร์ไบเบิลจะทำให้เรารู้จักพระยะโฮวาว่าเป็นผู้สร้างสวรรค์และโลกแล้ว ยังทำให้เรารู้ด้วยว่าพระองค์เป็นพ่อที่รักและเป็นห่วงเรามาก—1 ปต. 5:7 ห22.08 น. 14 ว. 1, 3
วันอังคารที่ 17 กันยายน
อย่าลืมช่วยคนยากจน—กท. 2:10
เปาโลกระตุ้นพี่น้องให้แสดงความรักโดยการ “ทำความดี” (ฮบ. 10:24) เปาโลไม่ได้แค่สั่งให้พี่น้องทำแต่เขาลงมือทำเองด้วย ตัวอย่างเช่น ตอนที่พี่น้องในแคว้นยูเดียขาดแคลนอาหารอย่างหนัก เปาโลก็เป็นคนเอาของไปให้พวกเขา (กจ. 11:27-30) ถึงเปาโลจะยุ่งมากในงานประกาศและงานสอนแต่เขาก็หาวิธีช่วยพี่น้องที่ยากจน การที่เขาทำอย่างนี้ช่วยพี่น้องให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลพวกเขาแน่ ๆ ในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราช่วยพี่น้องให้มีความเชื่อมากขึ้นได้ถ้าเราสละเวลา ออกความพยายาม และใช้ความสามารถที่มีเพื่อช่วยพี่น้องที่เจอภัยพิบัติ นอกจากนั้น เราบริจาคเป็นประจำเพื่อช่วยงานทั่วโลกได้ วิธีเหล่านี้และวิธีอื่น ๆ จะช่วยพี่น้องให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลพวกเขาและไม่มีวันทิ้งพวกเขาเลย ห22.08 น. 23 ว. 14
วันพุธที่ 18 กันยายน
คำพยากรณ์ทุกเรื่องไม่ได้มีขึ้นตามใจมนุษย์ แต่มนุษย์พูดสิ่งที่มาจากพระเจ้าตามที่พลังบริสุทธิ์ของพระองค์ชี้นำ—2 ปต. 1:21
คัมภีร์ไบเบิลมีคำพยากรณ์มากมายหลายร้อยข้อ และคำพยากรณ์เหล่านั้นก็เกิดขึ้นจริงโดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ บางข้อเกิดขึ้นจริงหลายร้อยปีหลังจากที่มีการพยากรณ์ไว้ด้วยซ้ำ เราไม่แปลกใจที่เป็นอย่างนั้นเพราะคำพยากรณ์ทั้งหมดในคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระยะโฮวา ให้เรามาดูตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวกับคำพยากรณ์เรื่องความล่มจมของเมืองบาบิโลนโบราณ ประมาณปี 778 ถึงปี 732 ก่อน ค.ศ. ผู้พยากรณ์อิสยาห์ได้รับการดลใจให้บอกล่วงหน้าว่าเมืองบาบิโลนที่แข็งแกร่งจะถูกศัตรูยึดได้ เขาถึงกับบอกด้วยว่าคนที่จะยึดเมืองนั้นได้ชื่อไซรัส และบอกละเอียดถึงขนาดที่ว่าเมืองนั้นจะถูกยึดด้วยวิธีไหน (อสย. 44:27–45:2) นอกจากนั้น อิสยาห์ยังบอกล่วงหน้าว่าบาบิโลนจะถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร และจะกลายเป็นเมืองร้าง (อสย. 13:19, 20) บาบิโลนถูกมีเดียและเปอร์เซียทำลายในปี 539 ก่อน ค.ศ. ทุกวันนี้ที่ที่เคยเป็นบาบิโลนที่ยิ่งใหญ่เป็นแค่กองซากปรักหักพัง ห23.01 น. 4 ว. 10
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน
คอยให้กำลังใจกัน—1 ธส. 5:11
พระยะโฮวาเลือกเราให้มาอยู่ในครอบครัวผู้นมัสการพระองค์ นี่เป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ และทำให้เราได้สิ่งดี ๆ มากมาย (มก. 10:29, 30) ทั่วโลกมีพี่น้องที่รักพระยะโฮวาเหมือนเราและใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ แม้เราจะพูดกันคนละภาษา มีวัฒนธรรมต่างกัน และแต่งตัวไม่เหมือนกันแต่เราก็รักกัน ถึงเราจะเจอกันครั้งแรกแต่เราก็รู้สึกสนิทใจ เราชอบอยู่กับพี่น้องเพื่อจะสรรเสริญและนมัสการพระเจ้าของเราด้วยกัน เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้อง (สด. 133:1) บางครั้งเราอาจต้องช่วยแบ่งเบาภาระกันและกันด้วย (รม. 15:1; กท. 6:2) พี่น้องให้กำลังใจเราให้รับใช้พระยะโฮวาต่อไปและมีความเชื่อเข้มแข็ง (ฮบ. 10:23-25) ลองคิดดูว่าชีวิตเราจะเป็นยังไงถ้าเราไม่มีพี่น้องในประชาคมคอยช่วยเราให้ยืนหยัดต่อต้านซาตานและโลกชั่วของมัน ห22.09 น. 2-3 ว. 3-4
วันศุกร์ที่ 20 กันยายน
คนที่ระวังคำพูดเป็นคนสุขุม—สภษ. 10:19
อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะควบคุมตัวเองตอนใช้โซเชียลมีเดีย ถ้าไม่ระวังเราก็อาจบอกความลับบางอย่างให้คนเยอะแยะรู้โดยที่ไม่ตั้งใจ แล้วเราก็จะคุมไม่ได้ว่าใครจะเอาข้อมูลนั้นไปใช้ยังไง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะมีผลเสียหายมากแค่ไหน นอกจากนั้น ถ้าเราเป็นคนควบคุมตัวเองได้ เราจะไม่ถูกพวกที่ต่อต้านหลอกให้เปิดเผยข้อมูลซึ่งอาจทำให้พี่น้องตกอยู่ในอันตราย หรือถ้าเราอยู่ในประเทศที่งานของเราถูกสั่งห้ามหรือไม่มีอิสระเต็มที่ เราก็จะไม่เปิดเผยความลับตอนที่ถูกตำรวจสอบสวน เราจะทำตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลเสมอที่บอกว่าให้ “ระวังคำพูดเหมือนเอาตะกร้อสวมปากไว้” ทั้งในสถานการณ์เหล่านี้และสถานการณ์อื่น ๆ (สด. 39:1) เราต้องเป็นคนที่ทุกคนไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวของเรา เพื่อน ๆ พี่น้องในประชาคม หรือคนอื่น ๆ และถ้าเราอยากให้ใคร ๆ ไว้ใจ เราก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ห22.09 น. 12 ว. 16
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน
คนที่มีความสุขคือคนที่ . . . ชื่นชอบกฎหมายของพระยะโฮวา เขาอ่านกฎหมายของพระองค์ด้วยเสียงเบา ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน—สด. 1:1, 2
เพื่อจะมีความสุขแท้เราต้องอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิล พระเยซูบอกว่า “มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่ด้วยอาหารเท่านั้น แต่ด้วยคำพูดทุกคำที่มาจากพระยะโฮวา” (มธ. 4:4) การทำอย่างนี้สำคัญกับชีวิตของเรามาก ฉะนั้น เราต้องไม่ให้วันไหนผ่านไปโดยที่ไม่อ่านคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวารักเรามาก พระองค์เลยให้คัมภีร์ไบเบิลกับเรา คัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เรารู้ว่าเราเกิดมาทำไม เราจะสนิทกับพระยะโฮวาได้ยังไง และเราต้องทำอะไรเพื่อพระองค์จะให้อภัยบาปเรา เรายังได้เรียนเกี่ยวกับคำสัญญาของพระยะโฮวาเรื่องอนาคตด้วยซึ่งช่วยให้เรามีความหวัง (ยรม. 29:11) พอเราได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและได้รู้เรื่องเหล่านี้ เราก็มีความสุขจริง ๆ เมื่อไหร่ที่คุณเจอปัญหาหนักและรู้สึกเครียดหรือท้อแท้ ขอให้คุณใช้เวลามากขึ้นในการอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ ห22.10 น. 7 ว. 4-6
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน
ให้คิดแบบคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว—1 คร. 14:20
คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้สนับสนุนเราให้เป็นคนขาดประสบการณ์ต่อไปเรื่อย ๆ และเพื่อเราจะไม่เป็นแบบนั้น เราต้องเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิต แล้วเราก็จะได้เห็นว่าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลช่วยยังไงให้ตัดสินใจอย่างฉลาดและไม่เจอเรื่องยุ่งยาก นอกจากนั้น เราต้องคอยเช็กดูอยู่เรื่อย ๆ ว่าเราตัดสินใจตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลหรือยัง ถ้าเรากำลังศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอยู่และเข้าร่วมการประชุมมาระยะหนึ่งแล้ว เราอาจจะถามตัวเองว่าทำไมเราไม่อุทิศตัวและรับบัพติศมาสักที? และถ้าเรารับบัพติศมาแล้ว เราพยายามที่จะเป็นผู้ประกาศและผู้สอนที่ดีขึ้นไหม? เราตัดสินใจในแบบที่แสดงว่าเราเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้แล้วไหม? เราแสดงคุณลักษณะแบบคริสเตียนกับคนอื่นไหม? ถ้าเห็นว่ามีตรงไหนที่เรายังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก ก็ให้เราฟังข้อเตือนใจจากพระยะโฮวาซึ่ง “ทำให้คนขาดประสบการณ์ฉลาดขึ้น”—สด. 19:7 ห22.10 น. 20 ว. 8
วันจันทร์ที่ 23 กันยายน
ไม่ว่าพลังของพระเจ้า . . . ให้พวกเขาไปที่ไหน พวกเขาก็ไปที่นั่น—อสค. 1:20
เอเสเคียลได้เห็นว่าพลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวามีพลังขนาดไหน สิ่งที่เอเสเคียลเห็นในนิมิตช่วยให้เขารู้ว่าพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่กับทูตสวรรค์และทำให้ล้อที่ใหญ่โตมโหฬารของราชรถเคลื่อนที่ (อสค. 1:21) นิมิตที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกยังไง? เขารู้สึกเกรงกลัวจนต้อง “หมอบลงกับพื้น” (อสค. 1:28) ทุกครั้งที่เอเสเคียลคิดถึงนิมิตที่น่าประทับใจนั้น มันต้องทำให้เขามั่นใจว่าพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะช่วยให้เขาทำงานมอบหมายได้สำเร็จแน่นอน พระยะโฮวาสั่งเอเสเคียลว่า “ลูกมนุษย์ ยืนขึ้นเถอะ เรามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” คำสั่งนั้นและพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าทำให้เอเสเคียลมีกำลังเรี่ยวแรงกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีก (อสค. 2:1, 2) และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทำงานรับใช้โดยได้รับการชี้นำจาก “พลัง” ของพระเจ้า—อสค. 3:22; 8:1; 33:22; 37:1; 40:1 ห22.11 น. 4 ว. 7-8
วันอังคารที่ 24 กันยายน
คุณจะได้ยินเสียงจากข้างหลัง—อสย. 30:21
อิสยาห์เปรียบเทียบพระยะโฮวาเป็นเหมือนครูที่เดินอยู่ข้างหลัง และคอยชี้ทางให้นักเรียนรู้ว่าควรไปทางไหน ทุกวันนี้เราก็ได้ยินเสียงพระยะโฮวาจากข้างหลังเราเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้าซึ่งเขียนไว้นานมาแล้ว ดังนั้น เมื่อเราอ่านคัมภีร์ไบเบิล มันก็เหมือนกับเราได้ยินเสียงของพระยะโฮวาจากข้างหลังเรา (อสย. 51:4) เราต้องทำอะไรเพื่อจะได้ประโยชน์จริง ๆ? สังเกตว่าอิสยาห์พูดถึง 2 อย่าง อย่างแรกคือ “ทางที่ถูกอยู่ตรงนี้” อย่างที่ 2 “เดินทางนี้สิ” เราเห็นว่าการรู้ว่า “ทางที่ถูก” อยู่ตรงไหนยังไม่พอ เราต้อง “เดิน” บนทางนั้นด้วย คัมภีร์ไบเบิลและองค์การของพระยะโฮวาช่วยให้เรารู้ว่าพระองค์อยากให้เราทำอะไร แต่เราก็ต้องทำตามสิ่งที่เราเรียนรู้ด้วย เมื่อเราทำทั้งสองอย่างนี้ เราก็จะอดทนได้และรับใช้พระยะโฮวาอย่างมีความสุข นอกจากนั้น เรามั่นใจว่าเราจะได้พรจากพระยะโฮวาและสิ่งดี ๆ จากพระองค์แน่นอน ห22.11 น. 11 ว. 10-11
วันพุธที่ 25 กันยายน
เมื่อผมไปแล้ว จะมีบางคนเป็นเหมือนหมาป่าที่ดุร้ายเข้ามาอยู่ในกลุ่มพวกคุณ—กจ. 20:29
ไม่นานหลังจากที่อัครสาวกส่วนใหญ่ตายไปแล้วก็เริ่มมีคริสเตียนปลอมในประชาคม (มธ. 13:24-27, 37-39) พวกเขา “พูดบิดเบือนความจริงเพื่อชักจูงพวกสาวกให้ติดตามพวกเขาไป” (กจ. 20:30) คำสอน “บิดเบือน” อย่างหนึ่งของพวกเขาก็คือ พระเยซูไม่ได้ถูกถวายครั้งเดียวเพื่อรับบาปของคนมากมายอย่างที่คัมภีร์ไบเบิลสอนไว้ แต่พระเยซูต้องถูกถวายซ้ำแล้วซ้ำอีก (ฮบ. 9:27, 28) ทุกวันนี้มีหลายคนที่เชื่อแบบนี้ พวกเขาเลยเข้า “พิธีมิสซา” ที่โบสถ์คาทอลิกเป็นประจำ บางคนก็เข้าพิธีนั้นทุกวันด้วยซ้ำ ส่วนบางนิกายไม่ได้ทำพิธีเพื่อคิดถึงการตายของพระเยซูบ่อยขนาดนั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ ว่าค่าไถ่ของพระเยซูหมายถึงอะไร ห23.01 น. 21 ว. 5
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน
อย่าลืมทำความดีและแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่น—ฮบ. 13:16
ในช่วงที่พระเยซูปกครอง 1,000 ปี ท่านจะปลุกคนตายให้ฟื้นและจะช่วยให้มนุษย์ทุกคนที่เชื่อฟังกลายเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ คนที่พระยะโฮวาได้ตัดสินแล้วว่าเป็นคนดี “จะได้อยู่ในโลก . . . ตลอดไป” (สด. 37:10, 11, 29) เรามีความสุขจริง ๆ ที่ “ศัตรูตัวสุดท้าย” ซึ่งก็คือความตาย “จะถูกทำลาย” ตลอดกาล (1 คร. 15:26) ความหวังเรื่องการมีชีวิตตลอดไปมีหลักฐานหนักแน่นอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล ความหวังนี้ช่วยให้เราภักดีต่อพระยะโฮวาในสมัยสุดท้ายที่ยากลำบาก แต่เพื่อที่จะให้พระองค์พอใจเราจริง ๆ เราต้องไม่ใช่แค่ทำเพราะอยากจะมีชีวิตตลอดไป เหตุผลสำคัญที่สุดที่เรายังภักดีต่อพระยะโฮวาก็คือเรารักพระองค์และรักพระเยซูมาก (2 คร. 5:14, 15) ความรักนี้ทำให้เราเลียนแบบพระองค์ทั้งสองและบอกคนอื่นให้รู้เรื่องความหวังที่เรามี (รม. 10:13-15) และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวและมีน้ำใจ พระยะโฮวาก็จะให้เราเป็นเพื่อนของพระองค์ตลอดไป ห22.12 น. 6-7 ว. 15-16
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน
ทุกคนที่ตั้งใจใช้ชีวิตด้วยความเลื่อมใสพระเจ้าและเป็นสาวกพระคริสต์เยซูต้องถูกข่มเหงกันทั้งนั้น—2 ทธ. 3:12
เมื่อเราเจอการข่มเหง เราอาจต้องเจอหลายอย่างที่ทำให้ใจไม่สงบ เราอาจรู้สึกเครียด รู้สึกกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือกลัวว่าเมื่อไหร่เราจะถูกจับ ความรู้สึกแบบนี้เป็นเรื่องปกติ พระเยซูก็บอกพวกสาวกว่าการข่มเหงอาจทำให้พวกเขารู้สึกท้อและทิ้งท่านก็ได้ (ยน. 16:1, 2) พระเยซูบอกไว้แล้วว่าเราคาดหมายได้เลยว่าสักวันหนึ่งเราจะถูกข่มเหง แต่ท่านก็รับรองกับเราด้วยว่าถึงจะถูกข่มเหง เราสามารถซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้ (ยน. 15:20; 16:33) ถ้าเราอยู่ในประเทศที่งานของเราไม่มีอิสระเต็มที่หรือถูกสั่งห้าม เราอาจได้รับคำแนะนำจากผู้ดูแลในประชาคมและจากสาขา ที่พวกเขาให้คำแนะนำกับเราก็เพื่อปกป้องเรา และอยากให้เราได้รับความรู้ที่เสริมความเชื่อเป็นประจำ และพวกเขาอยากช่วยเราให้ยังประกาศต่อ ๆ ไปเท่าที่ทำได้ ขอให้คุณพยายามเชื่อฟังพวกเขา (ยก. 3:17) นอกจากนั้น อย่าให้ข้อมูลของพี่น้องกับคนที่ไม่มีสิทธิ์จะรู้—ปญจ. 3:7 ห22.12 น. 20-21 ว. 14-16
วันเสาร์ที่ 28 กันยายน
ให้พวกคุณแต่ละคนขยันขันแข็งต่อไป—ฮบ. 6:11
ทุกวันนี้ พระเยซูชี้นำเราให้ประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่วโลก ท่านฝึกเราว่าควรจะประกาศยังไง และท่านก็ให้เครื่องมือมากมายกับเราผ่านทางองค์การของพระยะโฮวา (มธ. 28:18-20) เราเห็นว่าพระเยซูช่วยเราอย่างเต็มที่จริง ๆ แต่เราก็ต้องทำส่วนของเราด้วย ตอนที่รอให้จุดจบของโลกชั่วมาถึงเราต้องขยันประกาศและสอน และเราต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอด้วย ถ้าเราพยายามทำตามคำแนะนำในฮีบรู 6:11, 12 เราก็จะยึดมั่นกับความหวังของเราได้จนถึงที่สุด พระยะโฮวากำหนดวันเวลาที่จะทำลายโลกชั่วเอาไว้แล้ว พอถึงวันนั้น พระองค์ก็จะทำให้คำพยากรณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับโลกใหม่เกิดขึ้นจริงตามที่พระองค์สัญญา แต่บางครั้งเราก็อาจจะรู้สึกว่าทำไมจุดจบของโลกชั่วไม่มาสักที เรารอนานแล้ว แต่วันของพระยะโฮวา “จะไม่ช้าเกินไป” แน่นอน (ฮบก. 2:3) ขอให้เราตั้งใจ “เฝ้ารอพระยะโฮวาต่อไป” และ “อดทนรอจนพระเจ้าของ [เรา] มาช่วยให้รอด”—มคา. 7:7 ห23.02 น. 19 ว. 15-16
วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน
ไม่มีใครเทียบพระองค์ได้—สด. 40:5
เป้าหมายของนักปีนเขาก็คือพยายามขึ้นไปให้ถึงยอดเขาให้ได้ แต่ระหว่างทางจะมีจุดแวะพักที่นักปีนเขาสามารถหยุดพักและมองวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้ เหมือนกันให้คุณหยุดและคิดใคร่ครวญเป็นประจำว่าพระยะโฮวากำลังช่วยคุณให้ประสบผลสำเร็จยังไงแม้แต่ตอนที่คุณกำลังอดทนกับปัญหาและความทุกข์ เมื่อจบในแต่ละวันให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันเห็นว่าพระยะโฮวาให้สิ่งดี ๆ อะไรกับฉันวันนี้บ้าง? ถึงฉันยังต้องเจอปัญหากับความทุกข์อยู่ แต่พระยะโฮวากำลังช่วยให้ฉันอดทนยังไง?’ ให้คุณพยายามคิดให้ออกอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่ทำให้เห็นว่าพระยะโฮวากำลังช่วยคุณให้ประสบผลสำเร็จ เป็นเรื่องปกติที่คุณอาจจะอธิษฐานขอพระยะโฮวาทำให้ปัญหาของคุณจบลง (ฟป. 4:6) แต่เราควรจะคิดถึงสิ่งดีต่าง ๆ ที่เราได้รับอยู่ตอนนี้ด้วย พระยะโฮวาสัญญาว่าจะช่วยเราให้เข้มแข็งและอดทนได้ อย่าลืมขอบคุณที่พระยะโฮวากำลังช่วยคุณอยู่ แล้วคุณก็จะเห็นว่าพระองค์กำลังช่วยคุณให้ประสบผลสำเร็จ—ปฐก. 41:51, 52 ห23.01 น. 19 ว. 17-18
วันจันทร์ที่ 30 กันยายน
คิดอยู่เสมอว่าวันของพระยะโฮวาใกล้เข้ามาแล้ว—2 ปต. 3:12
ลองถามตัวเองว่า ‘การใช้ชีวิตของฉันแสดงให้เห็นไหมว่าฉันรู้สึกว่าจุดจบใกล้เข้ามาแล้วจริง ๆ? การตัดสินใจของฉันในเรื่องการเรียนต่อหรืองานอาชีพแสดงให้เห็นไหมว่าฉันให้งานรับใช้พระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต? ฉันเชื่อไหมว่าพระยะโฮวาจะดูแลฉันกับครอบครัว?’ คิดดูสิถ้าเราทำสิ่งที่พระยะโฮวาต้องการ พระองค์จะพอใจและมีความสุขมากขนาดไหน (มธ. 6:25-27, 33; ฟป. 4:12, 13) เราต้องเช็กความคิดของเราเป็นประจำ และถ้าเห็นว่ามีอะไรต้องปรับเปลี่ยน เราก็ต้องทำ เปาโลบอกพี่น้องในเมืองโครินธ์ว่า “ให้พวกคุณคอยตรวจสอบตัวเองว่ายังใช้ชีวิตตามความเชื่อของคริสเตียนอยู่ไหม ทดสอบตัวเองอยู่เรื่อย ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าพวกคุณเป็นคนอย่างไรจริง ๆ” (2 คร. 13:5) เพื่อที่เราจะ ‘เปลี่ยนความคิดของเราใหม่’ ได้อย่างต่อเนื่อง เราต้องอ่านคัมภีร์ไบเบิลและฝึกที่จะคิดเหมือนพระยะโฮวา และถ้าเห็นว่ามีอะไรที่เราต้องเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องทำเพื่อจะให้พระองค์พอใจ—1 คร. 2:14-16 ห23.01 น. 9-10 ว. 5-6