สิงหาคม
วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม
พระองค์สั่งให้เขียนหนังสือที่บันทึกชื่อคนที่พระองค์จดจำ คือคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาและระลึกถึงชื่อของพระองค์—มลค. 3:16
จากข้อนี้คำพูดของบางคนแสดงให้เห็นว่าพวกเขา “เกรงกลัวพระยะโฮวาและระลึกถึงชื่อของพระองค์” และพระเจ้าก็สั่งให้เขียนชื่อของพวกเขาไว้ใน “หนังสือ” ของพระองค์ คุณคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ก็เพราะว่าคำพูดบอกให้รู้ว่าหัวใจของพวกเขาเป็นยังไง พระเยซูบอกว่า “ใจเต็มไปด้วยอะไร ปากก็พูดอย่างนั้น” (มธ. 12:34) พระยะโฮวาอยากให้คนที่รักพระองค์มีชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ พระยะโฮวาจะยอมรับการนมัสการของเราหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคำพูดของเราเป็นแบบไหน (ยก. 1:26) คนที่ไม่รักพระเจ้ามักจะชอบตะคอก พูดจากระแทกแดกดัน และพูดอวดหรือดูถูกเหยียดหยามคนอื่น (2 ทธ. 3:1-5) เราไม่อยากเป็นแบบนั้น เราอยากจะพูดในแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจเราเสมอ แต่พระยะโฮวาจะพอใจเราไหมถ้าเราพูดดี ๆ กับคนอื่นในหอประชุมและในเขตประกาศ แต่พอคุยกับคนในครอบครัวเวลาไม่มีใครเห็น เรากลับพูดจาไม่ดีกับพวกเขา?—1 ปต. 3:7 ห22.04 น. 5 ว. 4-5
วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม
เขา 10 เขากับสัตว์ร้าย . . . จะพากันเกลียดผู้หญิงโสเภณีคนนั้นและทำลายเธอ ทำให้เธอเปลือยกาย กัดกินเนื้อเธอ และเอาไฟเผาจนไม่เหลือซาก—วว. 17:16
พระเจ้าให้เขา 10 เขากับสัตว์ร้ายทำลายบาบิโลนใหญ่ พระยะโฮวาจะกระตุ้นให้ชาติต่าง ๆ ใช้องค์การสหประชาชาติ ซึ่งก็คือสัตว์ร้ายสีแดงเข้มให้หันมาโจมตีศาสนาเท็จทั้งหมดในโลกและทำลายอย่างสิ้นซาก (วว. 18:21-24) เรื่องนี้มีความหมายยังไงสำหรับเรา? เราต้องทำให้การนมัสการของเราเป็น “แบบที่สะอาดและไม่แปดเปื้อนตามทัศนะของพระเจ้าผู้เป็นพ่อของเรา” (ยก. 1:27) เราต้องไม่ให้คำสอนเท็จกับมาตรฐานทางด้านศีลธรรมที่เสื่อมทรามมีผลกับตัวเรา และต้องไม่ยุ่งกับเทศกาลที่พระเจ้าไม่พอใจรวมถึงการเล่นไสยศาสตร์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนของบาบิโลนใหญ่ นอกจากนั้น เราต้องเตือนคนอื่นต่อ ๆ ไปให้ “ออกมาจากเมืองนี้” เพื่อพระเจ้าจะไม่มองว่าพวกเขามีส่วนร่วมในบาปของเมืองนี้—วว. 18:4 ห22.05 น. 11 ว. 17-18
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม
ผมจะพูดถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทำด้วยความรักที่มั่นคง—อสย. 63:7
พวกคุณที่เป็นพ่อแม่ ให้พยายามหาโอกาสสอนลูกเกี่ยวกับพระยะโฮวาให้ได้มากที่สุด ให้คุณเล่าสิ่งดี ๆ ที่พระองค์ทำให้กับคุณ (ฉธบ. 6:6, 7) เรื่องนี้สำคัญมากโดยเฉพาะถ้าครอบครัวคุณนับถือศาสนาต่างกันและคุณสอนลูกเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลที่บ้านไม่ได้ คริสตินบอกว่า “ฉันแทบไม่มีโอกาสพูดถึงพระยะโฮวาให้ลูก ๆ ฟัง ฉันเลยพยายามหาช่องที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกครั้งที่ทำได้” นอกจากนั้น ขอให้คุณพูดแต่เรื่องดี ๆ เกี่ยวกับองค์การและพี่น้อง และอย่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับผู้ดูแล ลูก ๆ จะไปหาผู้ดูแลเวลามีปัญหาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณพูดถึงผู้ดูแลยังไงบ้าง ให้พยายามช่วยให้บ้านสงบสุขและมีบรรยากาศที่ดี ขอให้คุณบอกรักสามีและลูกบ่อย ๆ และทำให้พวกเขาเห็นว่าคุณรักพวกเขา ให้คุณพูดถึงสามีแบบที่ให้ความนับถือและสอนให้ลูกทำแบบนั้นด้วย ถ้าคุณทำอย่างนั้น บ้านของคุณก็จะสงบสุขและมีบรรยากาศที่ดี และจะช่วยให้ง่ายขึ้นสำหรับลูก ๆ ที่จะเรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวา—ยก. 3:18 ห22.04 น. 18 ว. 10-11
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม
ผมรู้ว่าคุณทำอะไรบ้าง—วว. 3:1
ข่าวสารที่พระเยซูส่งถึงประชาคมในเมืองเอเฟซัสบอกให้รู้ว่าพวกเขาอดทนและยังคงรับใช้พระเจ้าต่อ ๆ ไปแม้เจอความยากลำบากหลายอย่าง ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเขากลับไม่มีความรักแบบที่พวกเขามีในตอนแรก พวกเขาต้องทำให้ความรักแบบนั้นกลับคืนมาใหม่ ไม่อย่างนั้นพระยะโฮวาก็จะไม่ยอมรับการนมัสการของพวกเขา ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราไม่ใช่แค่มีความอดทนอย่างเดียวแต่เราต้องอดทนด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง พระยะโฮวาไม่ใช่แค่สนใจว่าเราทำอะไร แต่สนใจว่าเราทำทำไมด้วย พระองค์สนใจเหตุผลที่เราทำสิ่งต่าง ๆ พระยะโฮวาอยากให้เรารับใช้พระองค์เพราะรักและเห็นค่าสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเรา (สภษ. 16:2; มก. 12:29, 30) เราต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ประชาคมในเมืองซาร์ดิสมีปัญหาที่ต่างออกไป ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยรับใช้พระเจ้าอย่างกระตือรือร้น แต่ตอนหลังพวกเขากลับไม่เป็นแบบนั้น พระเยซูก็เลยบอกให้พวกเขา “ตื่น” (วว. 3:1-3) พระยะโฮวาจะไม่ลืมงานที่เราทำเพื่อพระองค์แน่ ๆ—ฮบ. 6:10 ห22.05 น. 3 ว. 6-7
วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม
งานหนักทุกอย่างมีประโยชน์—สภษ. 14:23
โซโลมอนบอกว่าความสุขที่ได้จากการทำงานหนักคือ “ของขวัญจากพระเจ้า” (ปญจ. 5:18, 19) โซโลมอนรู้เรื่องนี้ดีเพราะเขาเป็นคนที่ทำงานหนัก เขาสร้างวัง ทำสวนองุ่น สร้างสวนสวย ๆ และสร้างสระน้ำ เขาถึงกับสร้างเมืองหลายเมืองด้วย (1 พก. 9:19; ปญจ. 2:4-6) ทั้งหมดนี้เป็นงานหนักจริง ๆ และมันก็ทำให้โซโลมอนมีความสุขแน่ ๆ แต่เขาก็รู้ด้วยว่าถ้าเขาอยากมีความสุขแท้ เขาต้องทำอย่างอื่นด้วย เขาต้องทำงานเพื่อพระยะโฮวา เช่น โซโลมอนเองได้สร้างวิหารที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระยะโฮวาซึ่งใช้เวลาสร้างถึง 7 ปี (1 พก. 6:38; 9:1) ประสบการณ์การทำงานของโซโลมอนทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้ว่าการทำงานเพื่อพระยะโฮวานี่แหละที่ทำให้มีความสุขมากที่สุด เขาเขียนว่า “ข้อสรุปของเรื่องทั้งหมดที่ได้พูดไปแล้วคือ ให้เกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้และทำตามคำสั่งของพระองค์”—ปญจ. 12:13 ห22.05 น. 22 ว. 8
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม
พระเจ้าให้อภัยพวกคุณอย่างใจกว้างโดยทางพระคริสต์—อฟ. 4:32
คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างมากมายของคนที่พระยะโฮวาเต็มใจให้อภัย คุณนึกถึงใครบ้าง? คุณอาจนึกถึงกษัตริย์มนัสเสห์ เขาทำผิดต่อพระยะโฮวาหลายอย่างและทำชั่วสารพัด เช่น เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการนมัสการเท็จ เขาฆ่าลูกตัวเองไปหลายคนโดยเอาไปเผาบูชายัญให้กับพระเท็จ เขาถึงกับทำรูปเคารพแกะสลักไว้ในวิหารของพระยะโฮวา คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงมนัสเสห์ว่า “เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาเห็นว่าชั่วช้าเลวทรามมากและทำให้พระองค์โกรธ” (2 พศ. 33:2-7) แต่พอมนัสเสห์เสียใจกับสิ่งที่เขาทำและกลับใจจริง ๆ พระยะโฮวาก็พร้อมจะให้อภัย (2 พศ. 33:12, 13) นอกจากนั้น คุณอาจคิดถึงกษัตริย์ดาวิดด้วย ดาวิดทำผิดร้ายแรงต่อพระยะโฮวาหลายอย่างซึ่งรวมถึงเล่นชู้และวางแผนฆ่าคนอื่น แต่พอดาวิดกลับใจจริง ๆ และยอมรับผิด พระยะโฮวาก็ให้อภัยเขาเหมือนกัน (2 ซม. 12:9, 10, 13, 14) เรามั่นใจได้จริง ๆ ว่าพระยะโฮวาก็อยากให้อภัยเรา ห22.06 น. 3 ว. 7
วันพุธที่ 7 สิงหาคม
ขอให้อดทนรอ ทำใจให้เข้มแข็งไว้—ยก. 5:8
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ความหวังชัดเจนเสมอและมั่นใจในความหวัง เราอาจไม่อยากอดทนอีกต่อไปตอนที่รอให้คำสัญญาของพระยะโฮวาเป็นจริง แต่พระยะโฮวามีชีวิตที่ไม่สิ้นสุด ความคิดของพระองค์ในเรื่องเวลาต่างจากเรามาก สำหรับเราอาจจะรู้สึกว่านาน แต่สำหรับพระยะโฮวา เวลามันสั้นนิดเดียว (2 ปต. 3:8, 9) พระยะโฮวาจะทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริงในวิธีที่ดีที่สุด แต่พระองค์ก็อาจไม่ได้ทำในเวลาที่เราคิดไว้ แล้วอะไรจะช่วยให้ความหวังของเราชัดเจนเสมอตอนที่เรารออย่างอดทน? (ยก. 5:7) ให้เราสนิทกับพระยะโฮวาเสมอ เพราะพระองค์เป็นผู้เดียวที่จะทำให้ความหวังของเราเป็นจริงได้ คัมภีร์ไบเบิลทำให้เราเห็นว่าความหวังกับความเชื่อเกี่ยวข้องกันอย่างมาก เราต้องเชื่อว่าพระยะโฮวามีอยู่จริง และต้องเชื่อว่าพระองค์จะ “ให้รางวัลกับคนที่เสาะหาพระองค์อย่างจริงจัง” (ฮบ. 11:1, 6) ยิ่งเรามั่นใจมากเท่าไหร่ว่าพระยะโฮวามีอยู่จริง เราก็ยิ่งมั่นใจว่าพระองค์จะทำทุกอย่างตามที่พระองค์สัญญาไว้แน่ ๆ เพื่อทำให้ความหวังของเราชัดเจนขึ้น เราต้องอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและอ่านคัมภีร์ไบเบิล ถึงแม้ว่าเราจะมองไม่เห็นพระยะโฮวา แต่เราก็สนิทกับพระองค์ได้ เราพูดคุยกับพระองค์ได้ในคำอธิษฐานและมั่นใจว่าพระองค์จะฟังเราแน่นอน—ยรม. 29:11, 12 ห22.10 น. 26-27 ว. 11-13
วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม
โยบก็แช่งวันที่ตัวเองเกิดมา—โยบ 3:1
ลองนึกภาพโยบนั่งอยู่บนกองขี้เถ้า เขาเจ็บปวดไปทั้งตัว (โยบ 2:8) เพื่อน 3 คนก็เอาแต่พูดว่าเขามันเลว ทำอะไร ๆ ก็ไม่มีค่าไม่มีความหมาย ความทุกข์ที่โยบเจอเป็นเหมือนหินที่หนัก ความเศร้าที่สูญเสียลูกก็เกาะกินหัวใจเขา ตอนแรกโยบนิ่งเงียบไม่พูดอะไร (โยบ 2:13) ถ้าเพื่อน 3 คนจะคิดว่าที่โยบเงียบเป็นเพราะเขาไม่เอาพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็คิดผิด ตอนนั้นโยบอาจเงยหน้าขึ้น มองพวกเขาและบอกว่า “ผมจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจนวันตาย!” (โยบ 27:5) อะไรช่วยให้โยบกล้าหาญและเข้มแข็งแม้จะเจอความยากลำบากขนาดนี้? แม้โยบจะอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต แต่เขาก็ไม่เคยสิ้นหวัง เขายังเชื่อมั่นว่าพระยะโฮวารักเขาและจะช่วยเขา และเขารู้ว่าถึงแม้เขาจะตาย พระองค์ก็จะปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นจากตาย—โยบ 14:13-15 ห22.06 น. 22 ว. 9
วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม
คุณควรจะอธิษฐานตามแบบนี้ว่า “พระเจ้า พ่อของพวกเราในสวรรค์ ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ ขอให้รัฐบาลของพระองค์มาปกครอง และขอให้ทุกอย่าง . . . เป็นอย่างที่พระองค์อยากให้เป็น”—มธ. 6:9, 10
พระยะโฮวาพระเจ้าผู้สร้างสวรรค์และโลกให้ของขวัญที่มีค่ามากกับเรา เราสามารถอธิษฐานถึงพระองค์โดยใช้ภาษาอะไรก็ได้ เราอธิษฐานถึงพระองค์ได้แม้ว่าเราจะอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลหรือตอนที่เราอยู่ในคุก และมั่นใจได้เต็มร้อยว่าพระองค์จะฟังเราแน่ ๆ เราขอบคุณจริง ๆ ที่มีสิทธิพิเศษนี้ ดาวิดเห็นค่าการอธิษฐานมาก เขาร้องเพลงถึงพระยะโฮวาว่า “ขอให้คำอธิษฐานของผมเป็นเหมือนเครื่องหอมที่เตรียมไว้ให้พระองค์” (สด. 141:1, 2) ในสมัยของดาวิด ปุโรหิตจะเตรียมเครื่องหอมอย่างดีที่สุดเพื่อเผาถวายพระยะโฮวา (อพย. 30:34, 35) การที่ดาวิดเปรียบการอธิษฐานเป็นเหมือนเครื่องหอมแสดงว่าเขาอยากคิดก่อนว่าควรพูดอะไรเมื่ออธิษฐานถึงพระเจ้าพ่อในสวรรค์ เราเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน เราอยากให้พระยะโฮวาชอบคำอธิษฐานของเรา ห22.07 น. 20 ว. 1-2; น. 21 ว. 4
วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม
พระยะโฮวาบอกว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเรา เราจะตอบแทนเอง”—รม. 12:19
การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของพระยะโฮวา พระยะโฮวาไม่ได้ให้อำนาจเราลงโทษคนที่ทำผิดกับเรา (รม. 12:20, 21) เป็นเพราะเราไม่สามารถเห็นเรื่องราวได้ครบทุกด้าน เราเลยตัดสินอย่างถูกต้องเหมือนพระเจ้าไม่ได้ (ฮบ. 4:13) นอกจากนั้น บางครั้งเราก็ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เราเลยตัดสินอย่างถูกต้องไม่ได้ พระยะโฮวาดลใจให้ยากอบเขียนว่า “ความโกรธของคนเราไม่ช่วยให้ใครทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาพระเจ้า” (ยก. 1:20) เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้อง และในที่สุด ทุกคนจะได้รับความเป็นธรรมที่แท้จริงแน่นอน ถ้าเราให้อภัยก็แสดงว่าเรามั่นใจในความยุติธรรมของพระยะโฮวา ถ้ามีคนทำให้เราเจ็บ แล้วเราฝากเรื่องนั้นไว้กับพระยะโฮวาก็แสดงว่าเรามั่นใจว่าพระองค์จะจัดการกับผลเสียทุกอย่างที่เกิดจากบาป พระองค์จะทำให้เหมือนกับว่าเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พระยะโฮวาสัญญาว่าในโลกใหม่ “จะไม่มีใครจดจำ หรือนึกถึง” ความทรงจำที่เจ็บปวดอีกเลย—อสย. 65:17 ห22.06 น. 10-11 ว. 11-12
วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม
ทุกประเทศจะเกลียดชังคุณเพราะคุณเป็นสาวกของผม—มธ. 24:9
การที่เราโดนเกลียดอย่างนี้พิสูจน์ว่าเราเป็นสาวกของพระเยซูและเรากำลังทำให้พระยะโฮวาพอใจ (มธ. 5:11, 12) มารซาตานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการต่อต้านทั้งหมดนี้แต่มันก็ไม่มีอำนาจเหนือพระเยซู ถ้าพระเยซูช่วย งานประกาศนี้ก็จะไปถึงคนทุกชาติแน่นอน อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การประกาศไม่ใช่เรื่องง่ายก็คือภาษา พระเยซูให้ยอห์นเห็นนิมิตที่ทำให้รู้ว่าในสมัยของเราจะมีการเอาชนะอุปสรรคในเรื่องนี้ (วว. 14:6, 7) มีการทำแบบนั้นยังไง? เราพยายามช่วยผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ให้ได้ยินข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า ในทุกวันนี้ผู้คนทั่วโลกสามารถอ่านหนังสือและสื่อต่าง ๆ ที่อธิบายคัมภีร์ไบเบิลบนเว็บไซต์ jw.org มากกว่า 1,000 ภาษา และคณะกรรมการปกครองก็ให้แปลหนังสือชีวิตที่มีความสุขตลอดไป มากกว่า 700 ภาษาซึ่งหนังสือนี้เป็นหนังสือหลักที่เราใช้ในการสอนคัมภีร์ไบเบิล ห22.07 น. 9 ว. 6-7
วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม
ถ้ามีที่ปรึกษาหลายคนก็ประสบความสำเร็จ—สภษ. 11:14
พระเยซูรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้คน อัครสาวกมัทธิวบอกว่า “เมื่อเห็นผู้คนมากมาย พระเยซูรู้สึกสงสารเพราะพวกเขาถูกขูดรีดและถูกทอดทิ้งเหมือนแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง” (มธ. 9:36) แล้วพระยะโฮวาล่ะรู้สึกยังไง? พระเยซูบอกว่า “พ่อของผมในสวรรค์ก็เหมือนกัน พระองค์ไม่อยากให้คนที่ต่ำต้อยสักคนเดียวต้องหายสาบสูญไป” (มธ. 18:14) เรามีความสุขจริง ๆ ที่เห็นว่าพระยะโฮวารักเรามากขนาดนี้ ยิ่งเรารู้จักพระเยซู เราก็จะยิ่งรักพระยะโฮวามากขึ้น อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณรักพระยะโฮวาและก้าวหน้ามากขึ้นคือ การใช้เวลากับพี่น้องที่มีความเชื่อเข้มแข็งและมีความเป็นผู้ใหญ่ในประชาคม ลองสังเกตดูว่าพวกเขามีความสุขมากขนาดไหนที่ได้รับใช้พระยะโฮวา และพวกเขาก็ไม่เคยเสียใจเลยที่ตัดสินใจทำอย่างนั้น คุณอาจจะขอให้พวกเขาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง และถ้าคุณต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ก็ให้คุณขอคำแนะนำจากพวกเขา ให้จำไว้ว่า “ถ้ามีที่ปรึกษาหลายคนก็ประสบความสำเร็จ” ห22.08 น. 3 ว. 6-7
วันอังคารที่ 13 สิงหาคม
ตาของพระยะโฮวาเฝ้าดูคนทำดี—1 ปต. 3:12
เราทุกคนต้องเจอกับปัญหาไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งแน่ ๆ แต่เราไม่ต้องเจอกับปัญหาตามลำพัง พระยะโฮวาเป็นพ่อที่รักเรา พระองค์คอยเฝ้าดูและอยู่ใกล้ ๆ เราเสมอ และเมื่อไหร่ที่เรามีปัญหา เราก็ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้ และพระองค์ก็พร้อมจะช่วยเราทันที (อสย. 43:2) เรามั่นใจว่าจะรับมือกับปัญหาและความยากลำบากได้เพราะพระยะโฮวาให้สิ่งต่าง ๆ มากมายที่ช่วยให้เราอดทนได้ พระองค์ให้เราอธิษฐานถึงพระองค์ได้ ให้เรามีคัมภีร์ไบเบิลและสื่อต่าง ๆ ขององค์การที่เป็นเหมือนอาหารที่เสริมความเชื่อ และเรายังมีพี่น้องที่รักเราและพร้อมช่วยเราเสมอเมื่อเราต้องการ เราขอบคุณจริง ๆ ที่พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราคอยเฝ้าดูเรา และ “พวกเรามีความสุขเพราะสิ่งที่พระองค์ทำ” (สด. 33:21) เราจะแสดงว่าเห็นค่าและขอบคุณพระองค์ได้โดยรับประโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทำให้เรา นอกจากนั้น เราต้องทำตัวให้เป็นที่รักของพระองค์และทำให้พระองค์อยากดูแลเราเสมอ ถ้าเราเชื่อฟังพระยะโฮวาทุกอย่างและทำสิ่งที่พระองค์บอกว่าถูกต้อง พระองค์ก็จะคอยเฝ้าดูและดูแลเราตลอดไป ห22.08 น. 13 ว. 15-16
วันพุธที่ 14 สิงหาคม
คำของพระองค์ทั้งหมดเป็นความจริง—สด. 119:160
ผู้คนมากมายในทุกวันนี้รู้สึกผิดหวังกับคนที่เขาเคยไว้ใจ พวกเขาก็เลยไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง พวกเขาไม่แน่ใจว่าคนที่พวกเขาไว้ใจ เช่น นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ หรือนักธุรกิจจะทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาจริง ๆ ไหม และหลายคนก็หมดศรัทธากับนักเทศน์นักบวชหรืออาจารย์ในโบสถ์ พวกเขาก็เลยไม่ไว้ใจคัมภีร์ไบเบิลไปด้วย ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาทุกคนมั่นใจว่าพระองค์เป็น “พระเจ้าแห่งความจริง” และพระองค์ทำทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา (สด. 31:5; อสย. 48:17) เรารู้ว่าเราไว้ใจสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกได้ เราเห็นด้วยกับสิ่งที่นักวิชาการด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งบอกว่า “ไม่มีอะไรสักอย่างที่พระเจ้าพูดจะไม่จริง ทุกอย่างที่พระองค์บอกไว้จะเกิดขึ้นจริงแน่นอน คนของพระเจ้าไว้ใจสิ่งที่พระองค์พูดได้ทุกอย่างเพราะพวกเขาไว้ใจพระองค์” ห23.01 น. 2 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม
ให้เราสนใจกัน—ฮบ. 10:24
เราเสริมสร้างพี่น้องในประชาคมได้ถ้าเราช่วยพวกเขาให้มีความเชื่อเข้มแข็งมากขึ้น พี่น้องบางคนถูกคนที่ไม่ใช่พยานฯเยาะเย้ย ส่วนบางคนก็มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง บางคนรู้สึกแย่และเจ็บปวดและพยายามจะต่อสู้กับความรู้สึกนั้น และก็ยังมีพี่น้องหลายคนที่รอว่าเมื่อไหร่อาร์มาเกดโดนจะมาสักที สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ที่พี่น้องเรากำลังเจออาจทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะอดทนและรักษาความเชื่อได้ คริสเตียนรุ่นแรกก็เจอปัญหาเหล่านี้คล้าย ๆ กัน อัครสาวกเปาโลใช้พระคัมภีร์ช่วยพี่น้องให้มีความเชื่อเข้มแข็งมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คริสเตียนที่เป็นชาวยิวในสมัยนั้นอาจถูกครอบครัวเยาะเย้ยว่าศาสนายิวดีกว่าศาสนาคริสเตียน และพวกเขาก็อาจไม่รู้ว่าจะตอบคนในครอบครัวยังไง แต่จดหมายของเปาโลที่เขียนถึงคริสเตียนชาวยิวในตอนนั้นจะต้องช่วยพวกเขาให้มีความเชื่อมากขึ้นแน่ ๆ (ฮบ. 1:5, 6; 2:2, 3; 9:24, 25) และพวกเขาก็สามารถใช้การอธิบายเหตุผลของเปาโลเพื่อตอบคนที่ต่อต้านและคนในครอบครัวได้ ห22.08 น. 23 ว. 12-14
วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม
คนที่ไว้ใจพระยะโฮวา . . . จะได้รับพร—ยรม. 17:7
คนในโลกของซาตานไม่รู้เลยว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง พวกพ่อค้า นักการเมือง และผู้นำศาสนามีแต่จะทำให้พวกเขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่เพื่อนฝูง คนในละแวกบ้าน และคนในครอบครัวก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ไว้ใจ พวกเราไม่แปลกใจเลยที่เป็นแบบนี้ เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกไว้แล้วว่า “ในสมัยสุดท้าย . . . คนจะ . . . ไม่ภักดี . . . ชอบใส่ร้ายคนอื่น . . . เป็นคนทรยศ” คนทุกวันนี้เลียนแบบนิสัยของซาตานพระเจ้าของโลกนี้ที่ไว้ใจไม่ได้เลย (2 ทธ. 3:1-4; 2 คร. 4:4) ถึงจะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากเราเป็นคริสเตียน เราเลยรู้ว่าเราไว้ใจพระยะโฮวาได้เต็มร้อย เรามั่นใจว่าพระองค์รักเราและพระองค์ “จะไม่ทิ้ง” เพื่อนของพระองค์ (สด. 9:10) นอกจากนั้น เรายังไว้ใจพระเยซูได้เพราะท่านสละชีวิตเพื่อเรา (1 ปต. 3:18) และเรายังได้เจอด้วยตัวเองว่าคัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำที่ไว้ใจได้ด้วย—2 ทธ. 3:16, 17 ห22.09 น. 2 ว. 1-2
วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม
ทุกคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาก็มีความสุข คือคนที่ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระองค์—สด. 128:1
ความสุขแท้ไม่ใช่ความรู้สึกที่มีอยู่แค่แป๊บเดียวแล้วก็หายไป แต่ความสุขแท้จะอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต พระเยซูพูดถึงเรื่องนี้ตอนที่ท่านบรรยายบนภูเขา ท่านบอกว่า “คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข” (มธ. 5:3) ที่พระเยซูพูดแบบนี้เพราะท่านรู้ว่ามนุษย์เราถูกสร้างให้มีความต้องการที่จะรู้จักผู้ที่สร้างตัว เขาซึ่งก็คือพระยะโฮวาและอยากนมัสการพระองค์ และเพราะพระยะโฮวาเป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” คนที่นมัสการพระองค์ก็เลยมีความสุขด้วย (1 ทธ. 1:11) เราต้องไม่มีปัญหาอะไรเลยในชีวิตไหมถึงจะมีความสุขแท้ได้? ไม่ใช่อย่างนั้น ในคำบรรยายบนภูเขาของพระเยซู ท่านบอกว่าแม้แต่ “คนที่โศกเศร้าก็มีความสุข” นอกจากนั้น พระเยซูยังบอกว่า “คนที่ถูกข่มเหงเพราะทำสิ่งที่ถูกต้อง” ก็มีความสุข (มธ. 5:4, 10, 11) พระเยซูไม่ได้สอนว่าเราต้องไม่มีปัญหาอะไรเลยถึงจะมีความสุขแท้ได้ แต่การรู้จักพระเจ้าและสนิทกับพระองค์นั่นแหละที่จะทำให้เรามีความสุขจริง ๆ—ยก. 4:8 ห22.10 น. 6 ว. 1-3
วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม
คนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งจะนิ่งเงียบ—สภษ. 11:12
การเป็นคนมีความเข้าใจจะช่วยให้เรารู้ว่าตอนไหนควรเป็น “เวลาเงียบ” และตอนไหนควรเป็น “เวลาพูด” (ปญจ. 3:7) ภาษิตไทยบอกว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” ในหลายสถานการณ์ดีกว่าที่เราจะไม่พูด ตัวอย่างของพี่น้องคนหนึ่งทำให้เราเห็นเรื่องนี้ เขาเป็นผู้ดูแลที่มีประสบการณ์มากและประชาคมอื่นก็ชอบขอให้เขาไปช่วยแก้ปัญหาหลายอย่าง ผู้ดูแลอีกคนหนึ่งพูดถึงผู้ดูแลคนนี้ว่า “เขาเป็นคนที่ระวังเสมอ เขาจะไม่เล่าความลับของประชาคมอื่นให้ใครฟังเลย” เพราะผู้ดูแลคนนี้เป็นอย่างนี้ ผู้ดูแลคนอื่นในประชาคมเลยนับถือเขามาก พวกเขามั่นใจว่าผู้ดูแลคนนี้ก็จะไม่เล่าเรื่องของพวกเขาให้คนอื่นฟังเหมือนกัน ความซื่อสัตย์เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราเป็นคนที่ไว้ใจได้ เราไว้ใจคนที่ซื่อสัตย์เพราะเรารู้ว่าเขาจะพูดความจริงเสมอ—อฟ. 4:25; ฮบ. 13:18 ห22.09 น. 12 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม
ไม่มีสติปัญญา ความเข้าใจ หรือคำแนะนำใด ๆ จะขัดขวางพระยะโฮวาได้—สภษ. 21:30
หลายคนไม่ฟังตอนที่สติปัญญาแท้ “ร้องเสียงดังอยู่ตามถนน” (สภษ. 1:20) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามีคน 3 กลุ่มที่ไม่สนใจสติปัญญาคือ “คนขาดประสบการณ์” “คนชอบเยาะเย้ย” และ “คนโง่” (สภษ. 1:22-25) “คนขาดประสบการณ์” คือคนที่ถูกชักจูงง่ายและถูกหลอกง่าย (สภษ. 14:15) ขอให้คิดถึงหลายล้านคนที่ถูกพวกผู้นำศาสนาและพวกนักการเมืองหลอก หลายคนตกใจมากพอได้รู้ว่าพวกผู้นำศาสนาและนักการเมืองเหล่านั้นโกหกพวกเขา แต่อย่างที่บอกในสุภาษิต 1:22 พวกเขาก็เลือกที่จะโดนหลอกต่อไปเพราะพวกเขาพอใจแบบนั้น (ยรม. 5:31) พวกเขาไม่อยากรู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไร และไม่อยากใช้ชีวิตตามมาตรฐานของพระเจ้า พวกเราไม่อยากเป็นเหมือนคนพวกนั้นที่เต็มใจโดนหลอก—สภษ. 1:32; 27:12 ห22.10 น. 19-20 ว. 5-7
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม
ยอมอยู่ใต้อำนาจทุกอย่างที่มนุษย์ตั้งขึ้น—1 ปต. 2:13
องค์การของพระเจ้าให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้เราปลอดภัย เช่น องค์การบอกเราบ่อย ๆ ให้เราเอาข้อมูลติดต่อล่าสุดของเรา เช่น ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ให้กับผู้ดูแล เพื่อพวกเขาจะติดต่อเราได้ตอนที่มีอะไรฉุกเฉินเกิดขึ้น นอกจากนั้น ถ้าเราได้รับคำแนะนำให้อยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหนหรือให้อพยพ หรือถ้ามีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่เราจะรับสิ่งของบรรเทาทุกข์ หรือเมื่อไหร่และตอนไหนที่เราจะไปช่วยคนอื่นได้ ก็ขอให้เราทำตามคำแนะนำเหล่านั้น เพราะถ้าเราไม่เชื่อฟัง เราอาจทำให้ตัวเราเองและผู้ดูแลซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลพวกเราตกอยู่ในอันตราย (ฮบ. 13:17) พี่น้องของเราหลายคนต้องทิ้งบ้านไปอยู่ในอีกที่หนึ่งเพราะเจอภัยพิบัติหรือความไม่สงบในบ้านเมือง แต่พวกเขาก็พยายามปรับตัวและกลับไปทำกิจกรรมของคริสเตียนเป็นประจำเหมือนเดิม พวกเขาทำเหมือนกับคริสเตียนรุ่นแรก ถึงคริสเตียนเหล่านั้นจะเจอการข่มเหงและต้องย้ายไปในที่ต่าง ๆ แต่พวกเขาก็ “ประกาศข่าวดีเกี่ยวกับคำสอนของพระเจ้า” ทั่วทุกแห่งที่พวกเขาไป (กจ. 8:4) การประกาศช่วยพวกเขาให้สนใจที่รัฐบาลของพระเจ้าแทนที่จะสนใจแต่ปัญหาของตัวเอง พวกเขาก็เลยมีความสุขและสงบใจได้ ห22.12 น. 19 ว. 12-13
วันพุธที่ 21 สิงหาคม
พระยะโฮวาอยู่ฝ่ายผม ผมจะไม่กลัวอะไร—สด. 118:6
พระยะโฮวาเห็นค่าเราแต่ละคน ก่อนที่พระเยซูจะส่งอัครสาวกออกไปประกาศ ท่านช่วยพวกเขาไม่ให้กลัวการต่อต้าน (มธ. 10:29-31) พระเยซูยกตัวอย่างนกชนิดหนึ่งที่เห็นได้ทั่วไปในอิสราเอล นั่นคือนกกระจอก ในสมัยพระเยซูนกชนิดนี้ราคาถูกมาก แต่ท่านก็บอกกับสาวกว่า “ไม่มีสักตัวจะตกถึงดินโดยที่พระเจ้าผู้เป็นพ่อของคุณไม่รู้” แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า “คุณมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกันด้วยซ้ำ” คำพูดของพระเยซูทำให้สาวกมั่นใจว่าพระยะโฮวาเห็นค่าพวกเขาแต่ละคน พวกเขาเลยไม่ต้องกลัวการข่มเหง ทุกครั้งที่พวกสาวกไปประกาศตามเมืองตามหมู่บ้านแล้วเห็นนกกระจอก พวกเขาคงคิดถึงคำพูดของพระเยซูแน่ ๆ เหมือนกันเมื่อไหร่ที่คุณเห็นนกตัวเล็ก ๆ ให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาเห็นค่าคุณ “เพราะคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกัน” และถ้าคุณเจอการต่อต้าน คุณไม่ต้องกลัวเลยเพราะพระยะโฮวาจะช่วยคุณแน่นอน ห23.03 น. 18 ว. 12
วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม
คุณนี่แหละที่ทำให้ฟาโรห์กับข้าราชสำนักของเขาเกลียดพวกเรา สิ่งที่คุณทำไปเป็นเหมือนเอาดาบใส่มือพวกเขาให้มาฆ่าพวกเรา—อพย. 5:21
บางครั้งเราอาจเจอปัญหาและความยากลำบากในชีวิต เช่น ครอบครัวต่อต้านหรือตกงาน เมื่อเราต้องอดทนความยากลำบากเป็นเวลานาน เราอาจจะรู้สึกหมดหวังและก็ท้อแท้มาก ซาตานอยากฉวยโอกาสนั้นทำให้เราสงสัยว่าพระยะโฮวารักเราหรือเปล่า มันอยากให้เราคิดว่าพระยะโฮวาและองค์การของพระองค์นั่นแหละที่ทำให้เราต้องเจอความยากลำบาก ชาวอิสราเอลที่เป็นเชลยในอียิปต์ก็เคยคิดแบบนี้ ตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าพระยะโฮวาแต่งตั้งโมเสสกับอาโรนให้ช่วยพวกเขาจากการเป็นทาส (อพย. 4:29-31) แต่ตอนหลัง พอฟาโรห์ทำให้ชีวิตของพวกเขาลำบากขึ้น พวกเขาก็โทษโมเสสกับอาโรน (อพย. 5:19, 20) แย่จริง ๆ ที่พวกเขาโทษผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าแบบนี้! ถ้าคุณต้องอดทนกับความยากลำบากมานานแล้ว ให้อธิษฐานระบายความในใจกับพระยะโฮวาและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วยคุณ ห22.11 น. 15 ว. 5-6
วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม
ผมจะบอกให้รู้ว่า เวลานั้นเริ่มต้นแล้ว เมื่อคนตายจะได้ยินเสียงลูกของพระเจ้า และคนที่เชื่อฟังจะมีชีวิต—ยน. 5:25
พระยะโฮวาเป็นผู้ให้ชีวิตและมีอำนาจจะปลุกมนุษย์ให้ฟื้นขึ้นจากตาย พระองค์เคยให้อำนาจนี้กับผู้พยากรณ์เอลียาห์ เขาเลยสามารถปลุกลูกชายของแม่ม่ายชาวศาเรฟัทได้ (1 พก. 17:21-23) แล้วต่อมาพระยะโฮวาก็ให้อำนาจกับผู้พยากรณ์เอลีชาที่จะปลุกลูกชายของผู้หญิงชาวชูเนมให้ฟื้นขึ้นจากตายด้วย (2 พก. 4:18-20, 34-37) การฟื้นขึ้นจากตายเหล่านี้กับการฟื้นขึ้นจากตายครั้งอื่น ๆ เป็นข้อพิสูจน์ว่าพระยะโฮวามีอำนาจที่จะให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก ท่านก็ทำให้เห็นว่าพระยะโฮวาให้อำนาจนี้กับท่านด้วย (ยน. 11:23-25, 43, 44) ตอนนี้พระเยซูเป็นกษัตริย์ในสวรรค์แล้ว และท่านได้รับ “อำนาจให้ . . . ปกครองทุกสิ่งในสวรรค์และบนโลกนี้” เราเลยมั่นใจว่าท่านจะทำให้คำสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงแน่นอนที่บอกว่า “ทุกคนซึ่งอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ” จะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาและจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป—มธ. 28:18; ยน. 5:26-29 ห22.12 น. 5 ว. 10
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม
ชาวอิสราเอลจะไม่ยอมฟังเจ้าเพราะพวกเขาไม่อยากฟังเรา—อสค. 3:7
การที่ชาวอิสราเอลไม่ฟังเอเสเคียลก็เท่ากับว่าพวกเขาไม่ฟังพระยะโฮวา คำพูดของพระยะโฮวาในข้อคัมภีร์วันนี้ยังทำให้เอเสเคียลรู้ว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่ผู้พยากรณ์ขาดตกบกพร่องตรงไหน พระองค์ยังรับรองกับเอเสเคียลด้วยว่าเมื่อการพิพากษาที่เอเสเคียลบอกไว้เกิดขึ้นจริง ชาวอิสราเอลเหล่านั้นจะ “รู้ว่ามีผู้พยากรณ์อยู่กับพวกเขา” (อสค. 2:5; 33:33) คำพูดทั้งหมดนี้ของพระยะโฮวาต้องทำให้เอเสเคียลได้กำลังใจที่จะทำงานมอบหมายของเขาให้สำเร็จ เหมือนกันการที่เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้ส่งเราไปประกาศทำให้เรากล้าหาญขึ้น พระองค์ให้เกียรติเราโดยเรียกเราว่า “พยาน” ของพระองค์ มันเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ! (อสย. 43:10) เหมือนกับที่พระยะโฮวาบอกเอเสเคียลว่า “ไม่ต้องกลัว” พระองค์ก็บอกเราเหมือนกันว่า “อย่ากลัวเลย” (อสค. 2:6) ทำไมเราไม่ต้องกลัวพวกผู้ต่อต้าน? ก็เพราะว่าพระยะโฮวาส่งเราไปเหมือนที่พระองค์ส่งเอเสเคียลไป พระองค์จะช่วยเราแน่นอน—อสย. 44:8 ห22.11 น. 3-4 ว. 4-5
วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม
คนที่ไว้ใจได้จะเก็บความลับไว้—สภษ. 11:13
เราเห็นค่าผู้ดูแลและผู้ช่วยงานรับใช้ที่ไว้ใจได้ พี่น้องชายที่ทำหน้าที่ทั้งหมดนี้ดูแลเราอย่างดี และเราขอบคุณพระยะโฮวาจริง ๆ ที่มีพวกเขา แล้วเราล่ะ เราจะทำยังไงที่แสดงว่าเป็นคนไว้ใจได้? เรารักพี่น้องและเป็นห่วงพวกเขา แต่เราก็ต้องสมดุล ให้ความนับถือ และคิดถึงความเป็นส่วนตัวของพวกเขาด้วย คริสเตียนบางคนในยุคแรก “ชอบซุบซิบนินทา เข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน และพูดเรื่องที่ไม่ควรพูด” (1 ทธ. 5:13) เราไม่อยากเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ บางครั้งอาจมีพี่น้องมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้เราฟังและบอกเราว่าอย่าไปบอกใคร เช่น พี่น้องหญิงคนหนึ่งอาจเล่าว่าเธอป่วยเป็นโรคบางโรคหรือเล่าว่าเธอเจอปัญหาอะไรอยู่ แล้วก็บอกเราว่าอย่าไปเล่าให้ใครฟัง เราก็ต้องทำตามที่เธอขอ ห22.09 น. 10 ว. 7-8
วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม
ให้เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยเปลี่ยนความคิดของคุณใหม่—รม. 12:2
เหมือนกับที่การปรับปรุงบ้านใหม่ทั้งหมดเป็นคนละเรื่องกันเลยกับการแต่งบ้าน การทำสิ่งที่ดีอยู่บ้างยังไม่พอ เราต้องเปลี่ยนความคิดจิตใจใหม่ทั้งหมด และเพื่อจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องเช็กตัวเองว่าจริง ๆ แล้วเราเป็นคนยังไง แล้วก็เปลี่ยนแปลงเพื่อจะเป็นตามมาตรฐานของพระยะโฮวาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเราต้องทำแบบนั้นอยู่เรื่อย ๆ เมื่อไหร่ที่เรากลายเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างที่เราทำก็จะทำให้พระยะโฮวาพอใจ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เราต้องพยายามอย่างจริงจังเพื่อจะทำให้พระองค์พอใจ ขอให้เราสังเกตโรม 12:2 เปาโลบอกว่าเราต้องเปลี่ยนความคิดของเราใหม่เพื่อจะรู้ว่าพระเจ้าต้องการให้เราทำอะไรและจะทำให้พระองค์พอใจ ดังนั้น เพื่อที่เราจะไม่เลียนแบบคนทั่วไปในโลก เราต้องเช็กตัวเองว่าความคิดของพระยะโฮวามีผลต่อเป้าหมายและการตัดสินใจของเรามากแค่ไหน หรือความคิดของโลกมีผลต่อเราบ้างรึเปล่า ห23.01 น. 8-9 ว. 3-4
วันอังคารที่ 27 สิงหาคม
มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวาเถอะ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ พระองค์จะไม่มีวันยอมให้คนดีล้มลง—สด. 55:22
พระยะโฮวาจะแทรกแซงสถานการณ์ทุกอย่างที่เราเจอไหม? พระองค์กำหนดทุกอย่างในชีวิตเรา และตั้งใจให้สิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นก่อนเพื่อทำให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นทีหลังไหม? ไม่เลย คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกแบบนั้น (ปญจ. 8:9; 9:11) แต่สิ่งที่เรารู้แน่ ๆ ก็คือตอนที่เรากำลังเจอความทุกข์ พระยะโฮวาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราและพระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเรา (สด. 34:15; อสย. 59:1) และที่สำคัญพระองค์จะช่วยเราให้อดทนกับความทุกข์และความยากลำบากได้ แล้วพระองค์จะช่วยเรายังไง? วิธีหนึ่งที่พระยะโฮวาช่วยเราก็คือพระองค์ให้กำลังใจเรา และหลายครั้งก็เป็นตอนที่เราต้องการพอดี (2 คร. 1:3, 4) คุณนึกออกไหมว่ามีช่วงไหนบ้างในชีวิตของคุณที่พระยะโฮวาให้กำลังใจคุณในเวลาที่คุณต้องการมากที่สุด? ที่จริง หลายครั้งเราต้องนึกย้อนกลับไป เราถึงจะรู้ว่าพระยะโฮวาช่วยเราให้ผ่านเรื่องร้าย ๆ มาได้ยังไง ห23.01 น. 17-18 ว. 13-15
วันพุธที่ 28 สิงหาคม
สัตว์ร้ายที่เมื่อก่อนเคยมีชีวิตอยู่แต่ตอนนี้ไม่มีชีวิต . . . มันจะถูกทำลายในที่สุด—วว. 17:11
สัตว์ร้ายตัวนี้ดูเหมือนกับสัตว์ร้ายที่มี 7 หัวแต่ตัวของมันสีแดงเข้ม และมันถูกเรียกว่า “รูปปั้นของสัตว์ร้าย” และ “กษัตริย์องค์ที่แปด” (วว. 13:14, 15; 17:3, 8) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “กษัตริย์” องค์นี้เคยมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีชีวิต และจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นี่ตรงกับองค์การสหประชาชาติจริง ๆ องค์การนี้สนับสนุนระบบทางการเมืองของโลก ตอนแรกองค์การนี้ถูกเรียกว่าสันนิบาตชาติ แต่ก็หายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และในทุกวันนี้องค์การนี้ก็กลับมาในฐานะสหประชาชาติ สัตว์ร้ายซึ่งก็คือรัฐบาลต่าง ๆ จะปลุกระดมให้มีการต่อต้านพระยะโฮวาและคนของพระองค์ มันจะรวบรวม “กษัตริย์ทั่วโลก” เพื่อให้พวกเขามารวมตัวกันในอาร์มาเกดโดน ซึ่งก็คือ “สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด”—วว. 16:13, 14, 16 ห22.05 น. 10 ว. 10-11
วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม
คุณอ่านแล้วเข้าใจยังไง?—ลก. 10:26
เมื่อพระเยซูได้เรียนการอ่านข้อความศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเองท่านเลยไม่ใช่แค่รู้พระคัมภีร์ดีแต่ท่านรักพระคัมภีร์มาก และเอาคำสอนในพระคัมภีร์มาใช้ในชีวิต เช่น ขอให้นึกถึงตอนที่ท่านไปวิหารตอนอายุ 12 พวกอาจารย์ซึ่งรู้กฎหมายของโมเสสดีรู้สึก “ทึ่งจริง ๆ ที่เห็นว่า [พระเยซู] เข้าใจและตอบได้ดีมาก” (ลก. 2:46, 47, 52) เราเองก็รู้จักและรักคัมภีร์ไบเบิลได้เมื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ ตอนที่พระเยซูรับใช้อยู่บนโลก ท่านพูดกับคนที่รู้จักกฎหมายของโมเสสดี เช่น พวกผู้คัดลอก พวกฟาริสี และพวกสะดูสี และเราเรียนจากสิ่งที่พระเยซูพูดกับพวกเขาได้ พวกผู้นำศาสนาเหล่านี้อ่านพระคัมภีร์บ่อย ๆ แต่พระเยซูพูดถึง 3 อย่างที่พวกเขาไม่ได้ทำซึ่งทำให้พวกเขาไม่ได้ประโยชน์จากการอ่านพระคัมภีร์ คำพูดของท่านช่วยเราให้พัฒนา 3 อย่างนั้นคือ (1) เข้าใจสิ่งที่เราอ่าน (2) ได้บทเรียนที่เป็นประโยชน์ และ (3) ให้คัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนแปลงตัวเรา ห23.02 น. 8-9 ว. 2-3
วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม
คนฉลาดมองเห็นอันตรายแล้วหนีไปซ่อนตัว—สภษ. 22:3
อันตรายบางอย่างที่เราต้องหลีกเลี่ยงก็คือการจีบเล่น ๆ การกินมากเกินไป การดื่มจัด คำพูดที่เจ็บแสบ การดูหนังหรือรายการทีวีที่รุนแรง การดูสื่อลามกและสิ่งอื่น ๆ ทำนองนั้น (สด. 101:3) มารซาตานพยายามหาโอกาสเสมอที่จะทำลายสายสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวา (1 ปต. 5:8) ถ้าเราไม่ระวัง ซาตานก็จะเพาะนิสัยไม่ดีต่าง ๆ ลงไปในความคิดจิตใจของเรา เช่น ความอิจฉา ความไม่ซื่อสัตย์ ความโลภ ความเกลียดชัง ความหยิ่ง และความเคียดแค้น (กท. 5:19-21) ถ้าเราไม่รีบจัดการแบบถอนรากถอนโคน มันก็จะเติบโตขึ้นจนกลายเป็นต้นไม้มีพิษและทำให้ตัวเรามีปัญหาหนัก (ยก. 1:14, 15) อันตรายอย่างหนึ่งที่เรามองไม่ค่อยออกคือการคบเพื่อนไม่ดี เราต้องจำไว้ด้วยว่าถ้าเราใช้เวลากับใครเราก็จะซึมซับนิสัยจากเขา (1 คร. 15:33) ถ้าเราระวังตัวให้ดี เราจะไม่คบกับคนที่ไม่ทำตามมาตรฐานของพระยะโฮวา (ลก. 21:34; 2 คร. 6:15) เราจะมองออกว่ามันเป็นอันตรายและจะหลีกเลี่ยง ห23.02 น. 16 ว. 7; น. 17 ว. 10-11
วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม
การรักพระเจ้าหมายถึงการเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์—1 ยน. 5:3
ยิ่งคุณได้เรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวา คุณก็ยิ่งรักพระองค์ คุณคงอยากสนิทกับพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งตอนนี้และตลอดไปใช่ไหม? คุณรู้ไหมว่าคุณทำได้? พระยะโฮวาอยากให้คุณทำให้พระองค์ดีใจ (สภษ. 23:15, 16) คุณทำแบบนั้นได้ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดเท่านั้น แต่โดยการกระทำด้วย การใช้ชีวิตของคุณจะทำให้เห็นว่าคุณรักพระองค์จริง ๆ และนี่แหละคือเป้าหมายชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับคุณ คุณจะทำยังไงเพื่อแสดงว่าคุณรักพระยะโฮวา? อย่างแรก ให้คุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวซึ่งเป็นคำอธิษฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ และบอกพระองค์ว่าคุณอุทิศตัวให้พระองค์ (สด. 40:8) หลังจากนั้น ให้คุณทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณได้อุทิศตัวให้พระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมา การรับบัพติศมาจะทำให้คุณมีความสุข และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตคุณ คุณจะมีชีวิตใหม่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อพระยะโฮวา (รม. 14:8; 1 ปต. 4:1, 2) นี่อาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญใช่ไหม? แน่นอน แต่มันจะเปิดโอกาสให้คุณมีชีวิตที่ดีที่สุด ห23.03 น. 5-6 ว. 14-15