ธันวาคม
วันอังคารที่ 1 ธันวาคม
พระเยซูก็ช่วยให้พวกเขาเข้าใจความหมายของพระคัมภีร์อย่างชัดเจน—ลก. 24:45
สาวกของพระเยซูเชื่อในคำสอนของพระเจ้าและพยายามเต็มที่ที่จะนำสิ่งที่ได้เรียนมาใช้ในชีวิต (ยน. 17:6) ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพระเยซูถึงต้องตายบนเสาทรมานในฐานะอาชญากร พระเยซูรู้ดีว่าที่พวกเขาสงสัยแบบนี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขามีหัวใจที่ไม่ดี แต่พวกเขาแค่ยังไม่มีความเข้าใจอย่างเต็มที่ (ลก. 9:44, 45; ยน. 20:9) ดังนั้น ท่านเลยสอนพวกเขาให้หาเหตุผลจากพระคัมภีร์ ให้เรามาดูว่าท่านช่วยสาวก 2 คนที่เดินทางไปหมู่บ้านเอมมาอูสยังไง พระเยซูไม่ได้บอกสาวก 2 คนนั้นทันทีว่าท่านเป็นใคร แต่ท่านกลับใช้คำถามเพื่อถามพวกเขา เพราะอะไร? อาจเป็นไปได้ที่ท่านอยากให้พวกเขาเล่าความรู้สึกที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา และปรากฏว่าพวกเขาก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ พวกเขาบอกท่านว่า พวกเขาหวังว่าเมสสิยาห์จะมาปลดปล่อยชาวอิสราเอลให้เป็นอิสระจากการกดขี่ของพวกโรมัน (ลก. 24:18-27) พระเยซูก็ใช้พระคัมภีร์เพื่อช่วยพวกเขาให้เข้าใจคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง และหลังจากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกัน พระเยซูก็ใช้เวลาอธิบายเพื่อช่วยให้สาวกของท่านมั่นใจในคำพยากรณ์เหล่านี้—ลก. 24:33-48 ห24.10 น. 14 ว. 9-10
วันพุธที่ 2 ธันวาคม
ผมไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ผมพูดตามที่พ่อสอนผมมา—ยน. 8:28
พระเยซูเลียนแบบสิ่งที่พระยะโฮวาพูดและทำ องค์การของพระยะโฮวาก็เลียนแบบพระเยซูโดยให้คำแนะนำและสอนทุกอย่างโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยเราให้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดและให้คำแนะนำในการใช้ชีวิต (2 ทธ. 3:16, 17) ทุกวันนี้เราได้รับข้อเตือนใจเป็นประจำให้อ่านคัมภีร์ไบเบิลและนำสิ่งที่ได้เรียนมาใช้ในชีวิต เราได้รับประโยชน์อย่างมากตอนที่เราศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโดยใช้หนังสือที่องค์การเตรียมไว้ ตัวอย่างเช่น เราสามารถเปรียบเทียบสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนกับคำแนะนำที่เราได้รับจากองค์การ เมื่อเราเห็นว่าคำแนะนำที่เราได้รับจากองค์การมาจากคัมภีร์ไบเบิลจริง ๆ เราก็ยิ่งมั่นใจในองค์การของพระยะโฮวามากขึ้น (รม. 12:2) พระเยซูประกาศ “ข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า” (ลก. 4:43, 44) และท่านก็สั่งสาวกของท่านให้ประกาศเรื่องนี้ด้วย (ลก. 9:1, 2; 10:8, 9) ทุกวันนี้ทุกคนที่อยู่ในองค์การของพระยะโฮวา ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน ก็ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าเหมือนกัน ห24.04 น. 9 ว. 5-7
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม
เราจะทำทุกอย่างตามที่คุณสั่ง คุณสั่งให้เราไปไหน เราก็จะไป—ยชว. 1:16
มั่นใจในการชี้นำจากองค์การของพระยะโฮวาเสมอ ในสมัยชาติอิสราเอลโบราณ พระยะโฮวาใช้โมเสสแล้วก็ใช้โยชูวาให้บอกคำสั่งของพระองค์กับชาวอิสราเอล (ยชว. 1:17) เมื่อชาวอิสราเอลมองว่าสองคนนี้เป็นตัวแทนของพระองค์ พวกเขาก็ได้รับการอวยพร หลายร้อยปีหลังจากนั้นเมื่อมีการเริ่มก่อตั้งประชาคมคริสเตียน พระยะโฮวาใช้อัครสาวก 12 คนเพื่อชี้นำประชาคมต่าง ๆ (กจ. 8:14, 15) และต่อมาพระองค์ก็ใช้ผู้ดูแลบางคนในกรุงเยรูซาเล็มด้วย เมื่อพี่น้องทำตามการชี้นำของพวกเขา “ประชาคมต่าง ๆ จึงมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นและมีคนเข้ามาเชื่อเพิ่มขึ้นทุกวัน” (กจ. 16:4, 5) ในปัจจุบัน พวกเราเองก็ได้รับการอวยพรเมื่อเราทำตามการชี้นำขององค์การของพระยะโฮวา ห24.07 น. 10 ว. 10
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม
เราพบว่าดาวิดลูกชายของเจสซีเป็นคนที่เราพอใจ—กจ. 13:22
พระยะโฮวารักกษัตริย์ดาวิดมาก พระองค์ถึงกับเรียกเขาว่า “คนที่เราพอใจ” แต่ดาวิดทำบาปร้ายแรงโดยเล่นชู้และฆ่าคน ซึ่งตามกฎหมายของโมเสสแล้วเขาสมควรตาย (ลนต. 20:10; กดว. 35:31) แต่พระยะโฮวาอยากช่วยดาวิดให้กลับใจ พระองค์เลยส่งผู้พยากรณ์นาธันไปหาดาวิดแม้ตอนนั้นดาวิดยังไม่ได้แสดงสัญญาณใด ๆ ว่าเขากลับใจแล้ว นาธันใช้ตัวอย่างที่เข้าถึงใจดาวิดมากจนกระตุ้นให้เขากลับใจ (2 ซม. 12:1-14) ดาวิดเขียนเพลงสดุดีบทหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเขากลับใจจริง ๆ (สด. 51, หัวบท) เพลงสดุดีบทนั้นยังให้กำลังใจคนบาปมากมายและกระตุ้นพวกเขาให้กลับใจด้วย เรารู้สึกดีใจมากใช่ไหมที่พระยะโฮวาแสดงความรักและช่วยดาวิดให้กลับใจ? ห24.08 น. 10 ว. 9
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม
ตรวจดูจนแน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำซึ่งเป็นสิ่งที่ดี สมบูรณ์ และทำให้พระองค์พอใจ—รม. 12:2
หลายคนยอมรับว่าการเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อดูแลลูก ถ้าคุณมีลูกที่ยังเล็ก เราขอชมเชยที่คุณทุ่มเทเพื่อช่วยลูกให้สนิทกับพระยะโฮวา (ฉธบ. 6:6, 7) แต่พอลูกเริ่มโตขึ้น เขาอาจเริ่มสงสัยและถามคุณเกี่ยวกับความเชื่อและมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิล ตอนแรกคุณอาจจะกังวลที่ลูกตั้งคำถามหรืออาจคิดว่าความเชื่อของเขาอ่อนแอลงหรือเปล่า แต่จริง ๆ แล้วเด็กที่กำลังโตต้องตั้งคำถามเพื่อที่จะทำให้ตัวเองมั่นใจได้ (1 คร. 13:11) ดังนั้น คุณไม่ต้องกลัว ให้มองว่าที่ลูกตั้งคำถามเรื่องความเชื่อเป็นโอกาสที่จะช่วยให้เขาพัฒนาความสามารถในการคิดหาเหตุผล ห24.12 น. 14 ว. 1-2
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม
พวกเรา . . . เป็นคนที่มีความเชื่อซึ่งจะทำให้ได้ชีวิต—ฮบ. 10:39
คริสเตียนชาวฮีบรูต้องมีความเชื่อมากเพื่อจะรอดผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในแคว้นยูเดีย (ฮบ. 10:37, 38) พระเยซูเตือนสาวกของท่านว่า เมื่อเห็นกองทัพมาตั้งค่ายล้อมกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาต้องรีบหนีไปที่ภูเขา พระเยซูให้คำเตือนนี้กับคริสเตียนทุกคนไม่ว่าเขาจะอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือนอกกรุง (ลก. 21:20-24) ในสมัยนั้นเมื่อมีศัตรูมาโจมตี ปกติแล้วประชาชนที่อยู่นอกกรุงจะเข้ามาในกรุงเพราะมีกำแพงที่จะปกป้องพวกเขาได้ คำเตือนของพระเยซูที่ให้หนีออกมาจากกรุงและไปที่ภูเขาก็เลยอาจฟังดูไม่มีเหตุผลสักเท่าไหร่ ดังนั้น คริสเตียนในสมัยนั้นต้องมีความเชื่อมากเพื่อจะเชื่อฟังคำสั่งนี้ คริสเตียนชาวฮีบรูต้องไว้ใจคนที่พระเยซูใช้ให้นำหน้าในประชาคมด้วย เพราะคนเหล่านี้จะให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงเพื่อจะช่วยพี่น้องทุกคนในประชาคมให้สามารถทำตามคำแนะนำของพระเยซูได้อย่างเป็นระเบียบและในเวลาที่เหมาะสม—ฮบ. 13:17 ห24.09 น. 10 ว. 9-10
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม
ท่านให้ของขวัญที่เป็นมนุษย์—อฟ. 4:8
ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกท่านทำตามที่พระยะโฮวาสั่งทุกอย่าง (ยน. 17:4) ท่านไม่ได้มีความคิดที่ว่า ‘ถ้าอยากให้มันออกมาดี ฉันก็ต้องทำเอง’ ท่านฝึกหลายคนให้ทำงาน ท่านมอบหมายงานให้พวกสาวกดูแลฝูงแกะที่มีค่าของพระยะโฮวาและนำหน้าในงานประกาศและงานสอน พระเยซูให้คำแนะนำสาวกอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็แสดงความรัก สาวกบางคนสงสัยว่าท่านตายและฟื้นขึ้นจากตายจริงไหม ท่านก็ช่วยให้พวกเขารู้โดยให้คำแนะนำพวกเขา (ลก. 24:25-27; ยน. 20:27) พระเยซูยังสอนพวกเขาให้จดจ่ออยู่ที่การดูแลเอาใจใส่คนของพระยะโฮวาแทนที่จะสนใจเรื่องการทำธุรกิจหรืองานอาชีพของตัวเอง (ยน. 21:15) ท่านเตือนพวกเขาว่าอย่าสนใจมากเกินไปว่าคนอื่นจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร (ยน. 21:20-22) และเมื่อสาวกบางคนมีความคิดที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้า ท่านก็ช่วยพวกเขาให้สนใจที่การประกาศข่าวดี—กจ. 1:6-8 ห24.10 น. 15-16 ว. 13-14
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม
คนดีจะได้อยู่ในโลก พวกเขาจะได้อยู่ในโลกตลอดไป—สด. 37:29
การเชื่อฟังทำให้ได้ชีวิต เหมือนกับชาวอิสราเอลที่กำลังจะได้เข้าแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญา เราก็กำลังจะได้เข้าโลกใหม่ที่พระเจ้าสัญญาด้วย ซึ่งในตอนนั้นเราจะได้เห็นทั้งโลกกลายเป็นสวนอุทยาน (อสย. 35:1; ลก. 23:43) มารซาตานและพรรคพวกของมันจะถูกทำลาย (วว. 20:2, 3) จะไม่มีศาสนาเท็จที่ทำให้คนห่างจากพระยะโฮวาอีกต่อไป (วว. 17:16) จะไม่มีรัฐบาลของมนุษย์ที่กดขี่ประชาชน (วว. 19:19, 20) และในสวนอุทยานจะไม่มีคนที่กบฏต่อต้านพระยะโฮวา (สด. 37:10, 11) ทุกคนจะเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ ซึ่งนี่จะทำให้ทั้งโลกมีแต่ความสงบสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกคนจะรักและไว้ใจกัน (อสย. 11:9) นี่เป็นความหวังที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ยิ่งกว่านั้นถ้าเราเชื่อฟังพระยะโฮวา เราจะได้อยู่ในสวนอุทยานไม่ใช่แค่เป็นร้อย ๆ ปีเท่านั้น แต่ตลอดไป—ยน. 3:16 ห24.11 น. 9 ว. 7
วันพุธที่ 9 ธันวาคม
จะมีการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปทั่วโลก เพื่อให้คนทุกชาติมีโอกาสได้ยิน—มธ. 24:14
คำพยากรณ์ที่พูดถึงในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้กำลังเป็นจริงในทุกวันนี้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีการประกาศข่าวดีไปทั่วโลกมากกว่า 1,000 ภาษา และเว็บไซต์ jw.org ช่วยให้คนส่วนใหญ่บนโลกสามารถเรียนเกี่ยวกับข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าได้ ถึงอย่างนั้น พระเยซูบอกสาวกของท่านด้วยว่าพวกเขา “จะยังประกาศไปไม่ครบทุกเมือง” หรือประกาศไม่ครบทุกคนก่อนที่ท่านจะมา (มธ. 10:23; 25:31-33) คำพูดนี้ของพระเยซูจะเกิดขึ้นในสมัยของเราด้วย มีหลายล้านคนอยู่ในประเทศที่เราไม่สามารถประกาศได้ นอกจากนั้น ในทุก ๆ นาทียังมีเด็กหลายร้อยคนเกิดมา ดังนั้น เราไม่สามารถประกาศข่าวดีกับทุกคนได้ก่อนที่จุดจบจะมาถึง แม้เราจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะประกาศกับคน “ทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกภาษา”—วว. 14:6 ห24.05 น. 10 ว. 6-7
วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม
พวกเขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นคนคนเดียวกัน—มธ. 19:6
พระเยซูชอบพูดให้กำลังใจและทำให้คนอื่นสดชื่น ท่านไม่ได้พูดอย่างเกรี้ยวกราดกับสาวกของท่าน (ลก. 8:47, 48) พระเยซูสั่งให้สามีซื่อสัตย์ต่อภรรยา ท่านพูดแบบนี้ตามที่พ่อของท่านบอกไว้ว่าสามีต้อง “ผูกพันใกล้ชิดกับภรรยา” (มธ. 19:4-6) คำภาษากรีกที่แปลว่า “ผูกพันใกล้ชิด” มีความหมายตรงตัวว่า “ติดกาว” ดังนั้น ความสัมพันธ์ของสามีกับภรรยาต้องสนิทแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวเหมือนติดด้วยกาว ถ้ามีการแยกจากกันมันก็จะทำให้เกิดความเสียหายกับทั้งสองฝ่าย สามีที่รักภรรยามากจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสื่อลามกทุกรูปแบบ เขาจะหันหนีจาก “สิ่งไร้ค่า” (สด. 119:37) เขาจะเลียนแบบโยบโดยทำสัญญากับตาของตัวเองว่าจะไม่จ้องมองผู้หญิงคนอื่นจนเกิดความใคร่—โยบ 31:1 ห25.01 น. 10 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม
พระเจ้าของเรา. . . จะให้อภัยอย่างใจกว้าง—อสย. 55:7
ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันที่จะรู้ว่าบางคนให้อภัยเราจริงหรือเปล่า การให้อภัยของพระยะโฮวาไม่เหมือนกับการให้อภัยของมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครให้อภัยได้เหมือนพระยะโฮวาเลย ผู้เขียนหนังสือสดุดีพูดถึงพระยะโฮวาว่า “พระองค์ให้อภัยอย่างแท้จริง เพื่อใคร ๆ จะได้ยำเกรงพระองค์” (สด. 130:4) ใช่แล้ว พระยะโฮวา “ให้อภัยอย่างแท้จริง” พระองค์แสดงให้เราเห็นเลยว่าการให้อภัยจริง ๆ หมายถึงอะไร ผู้เขียนพระคัมภีร์ใช้คำภาษาฮีบรูคำหนึ่งเมื่อพูดถึงการให้อภัยของพระยะโฮวา ซึ่งไม่มีการใช้คำนี้กับการให้อภัยของมนุษย์ เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยใคร บาปของคนนั้นจะถูกลบล้างไปทั้งหมดและเขาจะกลับมาสนิทกับพระองค์เหมือนเดิม เราขอบคุณจริง ๆ ที่พระยะโฮวาให้อภัยเราอย่างแท้จริงและอย่างใจกว้าง ห25.02 น. 8 ว. 1-3
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม
พระเยซูสั่งพวกผมให้ประกาศกับผู้คนและเป็นพยานยืนยันให้รู้ทั่วกัน—กจ. 10:42
ความสำเร็จในงานรับใช้ของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคนฟังเรามากแค่ไหน เพราะอะไร? เพราะเราได้ทำตามสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูบอกแล้ว นั่นก็คือเราได้ประกาศข่าวดี ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้คุยกับใครหรือไม่ค่อยมีใครฟังเรา เราก็ยังมีความสุขได้เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำให้พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเราดีใจ (สภษ. 27:11) เราทุกคนมีความสุขเมื่อพี่น้องคนหนึ่งไปประกาศและได้เจอกับคนที่สนใจความจริง หอสังเกตการณ์เปรียบเทียบงานประกาศที่เราทำเหมือนกับการตามหาเด็กหาย ทุกคนที่ตามหาเด็กต้องทำงานเป็นทีม ช่วยกันหาในหลายพื้นที่ แล้วในที่สุดเมื่อได้เจอเด็ก ไม่ใช่แค่คนที่เจอเด็กเท่านั้นที่ดีใจ แต่ทุกคนก็ดีใจด้วย คล้ายกัน งานสอนคนให้เป็นสาวกก็เป็นงานที่เราต้องทำร่วมกันเป็นทีม เราทุกคนต้องช่วยกันตามหาคนในเขต และพอมีคนใหม่เริ่มมาประชุม เราทุกคนก็มีความสุขไปด้วยกัน ห24.04 น. 18 ว. 13-14
วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม
ทุกคนที่เต็มใจตอบรับความจริงซึ่งทำให้ได้ชีวิตตลอดไปก็เข้ามาเป็นสาวก—กจ. 13:48
เรารู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าพระยะโฮวาอวยพร เราหวังว่าจะได้เห็นอีกหลายคนตอบรับความจริงก่อนที่ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะเริ่มต้น นอกจากนั้น เราตื่นเต้นด้วยที่ได้รู้ว่าแม้แต่ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ ก็ยังมีโอกาสที่เราจะได้เห็นคนอีกมากมายออกมาจากโลกของซาตานและเข้ามาสรรเสริญพระยะโฮวาร่วมกันกับเรา ก่อนจะถึงเหตุการณ์นั้นเรายังมีงานที่ต้องทำ เรามีสิทธิพิเศษที่จะได้ประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้าไปตลอดทั่วทั้งโลก ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีการทำซ้ำอีก และในขณะเดียวกันเราก็ต้องประกาศคำเตือนให้กับผู้คนด้วย พวกเขาต้องรู้ว่าจุดจบของโลกชั่วนี้ใกล้เข้ามาแล้วอย่างรวดเร็ว ขอให้ความรักที่เรามีต่อข่าวดี ต่อผู้คน และที่สำคัญที่สุดความรักที่มีต่อพระยะโฮวาและชื่อของพระองค์กระตุ้นเราให้ประกาศด้วยความกระตือร้นและสำนึกถึงความเร่งด่วนต่อ ๆ ไป จนกว่าพระยะโฮวาจะบอกว่า “พอแล้ว” ห24.05 น. 19 ว. 14-16
วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม
ให้พวกคุณทุกคนแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อกันเสมอ เพราะพระเจ้าต่อต้านคนหยิ่ง แต่พระองค์แสดงความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ต่อคนอ่อนน้อมถ่อมตน—1 ปต. 5:5
ในคืนที่พระเยซูจะถูกประหารชีวิต ท่านได้สอนบทเรียนสำคัญเรื่องความถ่อมให้กับเปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ พวกอัครสาวกคงต้องรู้สึกตกใจมากที่เห็นพระเยซูทำงานที่ปกติแล้วคนรับใช้จะเป็นคนทำ พระเยซูถอดเสื้อคลุมวางไว้ และหยิบผ้าเช็ดตัวมาคาดเอว เอาน้ำใส่อ่าง แล้วเริ่มล้างเท้าให้พวกสาวก (ยน. 13:4, 5) มันคงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะล้างเท้าของอัครสาวกครบทั้ง 12 คนซึ่งรวมถึงเท้าของยูดาสที่กำลังจะทรยศท่าน แต่พระเยซูก็เต็มใจทำงานนี้ แล้วท่านก็บอกว่า “เข้าใจไหมว่า ทำไมผมทำอย่างนี้ให้พวกคุณ? พวกคุณเรียกผมว่า ‘อาจารย์’ และ ‘นาย’ และที่พวกคุณเรียกแบบนั้นก็ถูกแล้ว เพราะผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดังนั้น ถ้าผมที่เป็นนายและอาจารย์ยังล้างเท้าให้พวกคุณ พวกคุณก็ควรจะล้างเท้าให้กันและกันด้วย”—ยน. 13:12-14 ห25.03 น. 10 ว. 9-11
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม
พระองค์ให้คำแนะนำเพื่อนำทางผม แล้วพระองค์จะช่วยให้ผมได้รับเกียรติยศ—สด. 73:24
โลกของซาตานทำให้ไม่ง่ายเลยที่เราจะสนิทกับพระยะโฮวา เพราะหลายคนไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงและชีวิตของพวกเขาก็ดูมีความสุขดี เมื่อเราเห็นอย่างนี้ความเชื่อของเราก็อาจถูกทดสอบ ถึงแม้เราเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงแต่เราอาจเริ่มสงสัยว่าพระยะโฮวาจะดูแลเราไหม ผู้เขียนหนังสือสดุดีบท 73 ก็เคยสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน เขาเห็นคนรอบข้างไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้าแต่ดูพวกเขาก็มีชีวิตที่สุขสบายดี ผลก็คือผู้เขียนหนังสือสดุดีคนนี้เริ่มสงสัยว่าคุ้มค่าไหมที่จะรับใช้พระยะโฮวา (สด. 73:11-13) ในที่สุดอะไรช่วยให้ผู้เขียนหนังสือสดุดีมีความคิดที่ถูกต้อง? เขาคิดใคร่ครวญว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ลืมพระยะโฮวา (สด. 73:18, 19, 27) นอกจากนั้น เขายังคิดถึงประโยชน์ที่ได้จากการรับใช้พระยะโฮวาด้วย เราเองก็สามารถคิดใคร่ครวญถึงพรต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาให้กับเรา ห24.06 น. 25 ว. 16-17
วันพุธที่ 16 ธันวาคม
อย่าใช้ชีวิตแบบคนรักเงิน—ฮบ. 13:5
ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล บางคนเอาเปรียบคนจนโดยให้ยืมเงินและคิดดอกเบี้ย นอกจากนั้น ผู้พิพากษาบางคนยังรับสินบนแล้วก็พิพากษาคนบริสุทธิ์อย่างไม่ยุติธรรม การกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระยะโฮวาเกลียด (อสค. 22:12) คงจะดีถ้าเราตรวจสอบตัวเองว่าเราคิดยังไงในเรื่องเงิน ลองถามตัวเองว่า ‘ฉันมักจะคิดแต่เรื่องเงินและสนใจแต่ของที่อยากซื้อไหม? ถ้าฉันยืมเงิน ฉันรีบคืนไหมหรือฉันคิดว่าคนนั้นคงไม่ต้องรีบใช้เงินหรอก? การมีเงินทำให้ฉันรู้สึกเป็นคนสำคัญไหมและมันทำให้ฉันเป็นคนขี้เหนียวไหม? ฉันคิดว่าคนมีเงินเป็นคนนิยมวัตถุไหม? ฉันชอบคบแต่กับคนรวยและไม่ค่อยสนใจคนจนไหม?’ เราอยากรักษาความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเจ้าโดยไม่เป็นคนรักเงิน ถ้าเราทำอย่างนั้น พระยะโฮวาจะไม่ทิ้งเราเลย ห24.06 น. 12-13 ว. 17-18
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม
ผมไม่ยอมเดินในทางชั่ว เพื่อผมจะได้ทำตามคำของพระองค์—สด. 119:101
เพื่อจะต้านทานการล่อใจได้ เราต้องปลูกฝังความต้องการที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเราเรียนรู้ที่จะ “เกลียดความชั่วและรักความดี” เราก็จะยิ่งมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง (อมส. 5:15) นอกจากนั้น ถ้าเรามีความต้องการที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง นี่จะช่วยให้เราเข้มแข็งได้ตอนที่เราเจอการล่อใจ รวมทั้งเราควรจดจ่อและทุ่มเทกับกิจกรรมที่ช่วยให้เราสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น เมื่อเราไปประชุมหรือไปประกาศ เราจะยิ่งอยากทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอใจมากขึ้น (มธ. 28:19, 20; ฮบ. 10:24, 25) การอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรวมทั้งคิดใคร่ครวญเป็นประจำจะยิ่งช่วยให้เรารักความดีและเกลียดความชั่ว (ยชว. 1:8; สด. 1:2, 3; 119:97) จำไว้ว่าพระเยซูบอกสาวกของท่านว่า “อธิษฐานอยู่เรื่อย ๆ เพื่อจะไม่พลาดเมื่อถูกทดสอบ” (มธ. 26:41) เมื่อเราทำแบบนั้น เราก็กำลังเปิดโอกาสให้พระยะโฮวาช่วยเราตั้งใจแน่วแน่มากขึ้นที่จะทำให้พระองค์พอใจ—ยก. 4:8 ห24.07 น. 17-18 ว. 14-16
วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม
เราจะช่วยเจ้าให้มีความเข้าใจและจะบอกทางที่เจ้าควรไป เราจะแนะนำเจ้าและคอยดูเจ้า—สด. 32:8
เพื่อเราจะฝึกคนอื่นได้ดี เราต้องเลียนแบบพระยะโฮวา ขอจำไว้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ให้อย่างใจกว้าง ดังนั้น ตอนที่เราฝึกคนอื่นเราก็อยากแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่เรารู้ให้กับคนที่เรียนอย่างใจกว้าง เราไม่อยากจะปิดบังความรู้บางอย่างเพียงเพราะกลัวว่าคนที่เราฝึกจะมาทำหน้าที่แทนเรา และเราจะไม่คิดด้วยว่า ‘ไม่มีใครเคยสอนผม งั้นก็ให้เขาเรียนรู้เองแล้วกัน’ คนของพระยะโฮวาไม่ควรมีความคิดแบบนี้ แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เรายินดีที่จะแบ่งปันทุกสิ่งที่เรารู้และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อฝึกอบรมคนอื่น (1 ธส. 2:8) นอกจากนั้น เราฝึกเขาเพราะอยากให้เขา “มีความสามารถพอที่จะสอนคนอื่นได้” (2 ทธ. 2:1, 2) ถ้าเราทำแบบนี้ ทั้งเราและคนที่เราฝึกก็จะเก่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ห24.09 น. 29 ว. 12-13
วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม
เรา . . . เป็นเหมือนอวัยวะของกันและกัน—รม. 12:5
ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่มีความสามารถพิเศษที่โดดเด่นก็อย่าท้อใจ คุณมีคุณลักษณะบางอย่างที่จะเป็นประโยชน์สำหรับพี่น้องในประชาคมแน่ ๆ ให้คุณลองคิดถึงสิ่งที่เปาโลบอกใน 1 โครินธ์ 12:12-30 แล้วก็อธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยให้คุณเห็นว่าเรื่องนี้ตรงกับคุณยังไง คำพูดของเปาโลแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่สำคัญและมีค่ามากในประชาคมเหมือนกับผู้รับใช้ของพระยะโฮวาคนอื่น ๆ ทุกคน ขอให้คุณทำสิ่งที่ทำได้เพื่อจะรับใช้พระยะโฮวาและช่วยเหลือพี่น้องต่อ ๆ ไป ขอให้มั่นใจว่าผู้ดูแลรู้ว่าคุณมีความสามารถอะไรและจะให้งานมอบหมายที่เหมาะกับคุณ (รม. 12:4-8) เราทุกคนต้องสนิทกับพระยะโฮวา มีความสุขกับการให้ และเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตแบบคริสเตียน ดังนั้น คุณเองก็มีคุณสมบัติส่วนใหญ่ของผู้ช่วยงานรับใช้อยู่แล้ว ห24.11 น. 17 ว. 12-13
วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม
เธออธิษฐานถึงพระยะโฮวาและร้องไห้สะอึกสะอื้น—1 ซม. 1:10
ฮันนาห์ต้องเจอปัญหาหลายอย่างที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาเพราะความเสียใจ ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือสามีของเธอไม่ได้มีภรรยาแค่เพียงคนเดียว เขามีภรรยาอีกคนที่ชื่อเปนินนาห์ซึ่งชอบพูดดูถูกเธอมาก แต่ไม่ใช่แค่นั้น ฮันนาห์ยังเป็นหมันด้วย แต่เปนินนาห์มีลูกหลายคน (1 ซม. 1:1, 2) เปนินนาห์เอาแต่เยาะเย้ยฮันนาห์ไม่หยุดไม่หย่อนที่เธอเป็นหมัน ฮันนาห์ “ทุกข์ใจมาก” จนเธอ “ร้องไห้และไม่ยอมกินอาหาร” (1 ซม. 1:6, 7, 10) ฮันนาห์หากำลังใจจากที่ไหน? สิ่งหนึ่งที่เธอทำก็คือไปนมัสการพระยะโฮวาที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการนมัสการแท้ในตอนนั้น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เธออธิษฐานถึงพระยะโฮวาและร้องไห้สะอึกสะอื้น” อ้อนวอนขอพระยะโฮวาว่า ขอให้พระองค์ “เห็นความทุกข์ของดิฉันที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์และนึกถึงดิฉัน” (1 ซม. 1:11) พระยะโฮวาเข้าใจความรู้สึกของเธอ ฟังคำอธิษฐานของเธอ และต่อมาก็อวยพรให้เธอมีลูก—1 ซม. 1:19, 20; 2:21 ห24.12 น. 21 ว. 5-7
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม
เรารักมนุษย์มาก—สภษ. 8:31
ค่าไถ่สอนเราว่าพระเยซูรักผู้คนมากโดยเฉพาะสาวกของท่าน (ยน. 13:1) ตัวอย่างเช่น ตอนที่พระเยซูทำงานรับใช้บนโลก ท่านรู้ว่าจะต้องเจอกับหลายเรื่องที่ยากมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของชีวิตท่านก็รู้ว่าจะต้องตายอย่างทรมาน แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ทำงานรับใช้แค่พอเป็นหน้าที่ แต่ท่านให้ใจกับงานนี้ ท่านทุ่มเทตัวและตั้งใจทำงานประกาศ งานสอน และรับใช้คนอื่น แม้แต่วันที่ท่านจะตาย ท่านก็ยังล้างเท้าให้อัครสาวกและยังพูดให้กำลังใจและสอนหลายเรื่องกับพวกเขา (ยน. 13:12-15) และตอนที่ท่านถูกตรึงบนเสาทรมาน ท่านก็ยังพูดให้ความหวังกับผู้ร้ายที่กำลังจะตาย และยังจัดแจงให้แม่ของท่านได้รับการดูแล (ลก. 23:42, 43; ยน. 19:26, 27) เราเห็นชัดเลยว่าพระเยซูรักผู้คนมาก และท่านแสดงให้เห็นเรื่องนี้โดยไม่ใช่แค่ตายเพื่อพวกเขา แต่โดยแสดงความรักและความกรุณาตลอดช่วงที่ท่านอยู่บนโลก ห25.01 น. 23 ว. 11
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม
เขา . . . ต้องรับโทษเพื่อพวกเราจะมีความสงบสุขและยอมทนกับบาดแผลเพื่อพวกเราจะได้รับการรักษาให้หาย—อสย. 53:5
คัมภีร์ไบเบิลใช้ภาพเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้เราเข้าใจว่าเมื่อพระยะโฮวาให้อภัยเรา เราจะรู้สึกเหมือนได้รับอิสระ เนื่องจากเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบเราเลยเป็นเหมือนกับ “ทาสของบาป” แต่เพราะพระยะโฮวาให้อภัยเรา เราก็เลยเป็นเหมือนทาสที่ “ได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของบาป” (รม. 6:17, 18; วว. 1:5) เมื่อพระยะโฮวาให้อภัยเราแล้ว เราจะมีความสุขมากเหมือนกับทาสที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ นอกจากนั้น การที่พระยะโฮวาให้ลูกของพระองค์มาเป็นค่าไถ่ให้เรา ก็เหมือนกับเราได้รับการรักษาให้หายจากโรคร้าย (1 ปต. 2:24) ค่าไถ่ทำให้เรากลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาเหมือนเดิม เมื่อคนป่วยได้รับการรักษาจนหายดี เขาจะรู้สึกดีใจมาก เราก็มีความสุขมากด้วยเมื่อพระยะโฮวาให้อภัยเราและได้กลับมาสนิทกับพระองค์อีกครั้ง ห25.02 น. 11 ว. 16; น. 13 ว. 17
วันพุธที่ 23 ธันวาคม
ถ้าทำอย่างนั้นต่อไป พวกคุณจะไม่มีวันล้มพลาดเลย—2 ปต. 1:10
ในตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องเงินตะลันต์ พระเยซูพูดถึงทาส 2 คนที่ซื่อสัตย์ต่อนายและทาสอีกคนหนึ่งที่ไม่ซื่อสัตย์ (มธ. 25:14-30) ทาสที่ซื่อสัตย์ 2 คนนั้นหมายถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์ นายในตัวอย่างเปรียบเทียบคือพระเยซู ท่านชวนพวกเขาให้ “มาร่วมยินดีด้วยกัน” โดยให้พวกเขาได้รับการฟื้นขึ้นจากตายอันดับแรกและได้รับรางวัลในสวรรค์ (มธ. 25:21, 23; วว. 20:5ข) แต่ตัวอย่างที่ไม่ดีของทาสขี้เกียจก็ให้คำเตือนสำหรับผู้ถูกเจิมด้วย พวกเขาต้องระวังเรื่องอะไร? พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวว่าขยันและทุ่มเท เหมือนกับตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องหญิงสาวบริสุทธิ์ ในตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องเงินตะลันต์ พระเยซูก็ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าผู้ถูกเจิมจะขี้เกียจ แต่ท่านกำลังอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ถูกเจิมหมดความกระตือรือร้น ถ้าพวกเขาเป็นอย่างนั้นพวกเขาจะไม่ถูก “พระเจ้าเรียกและเลือก . . . มา” และนี่จะทำให้พวกเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษที่จะเข้าไปในรัฐบาลสวรรค์ของพระเจ้า ห24.09 น. 22 ว. 10; น. 23 ว. 12-13
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม
มองให้ออกว่าอะไรสำคัญกว่า—ฟป. 1:10
เราทุกคนอยากมีรายได้เพื่อจะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไม่ให้ลำบาก (ปญจ. 7:12; 1 ทธ. 5:8) เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องงานอาชีพ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะดูว่างานนั้นจะทำให้เรามีรายได้เท่าไหร่ แต่ถ้านี่เป็นเพียงอย่างเดียวที่เราคิดถึง เราก็อาจกำลังใช้ชีวิตตามสิ่งที่เห็น ไม่ได้ใช้ชีวิตตามความเชื่อ ถ้าเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะคิดด้วยว่างานนั้นจะส่งผลต่อสายสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวายังไง เราอาจถามตัวเองว่า ‘งานนี้อาจทำให้ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสิ่งที่พระยะโฮวาไม่ชอบไหม?’ (สภษ. 6:16-19) ‘งานนี้จะขัดขวางการนมัสการพระเจ้าและอาจทำให้ฉันต้องอยู่ห่างจากครอบครัวนาน ๆ ไหม?’ ถ้าคำตอบคือใช่ ดีกว่าที่จะไม่เลือกงานนั้นแม้ช่วงนั้นคุณอาจหางานทำได้ยาก ถ้าเราใช้ชีวิตตามความเชื่อ เราจะตัดสินใจในแบบที่แสดงให้เห็นว่าเรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะดูแลความจำเป็นของเราแน่นอน—มธ. 6:33; ฮบ. 13:5 ห25.03 น. 21 ว. 5-6
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม
กรุณาต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยกันอย่างใจกว้าง—อฟ. 4:32
เราควรพยายามมองพี่น้องให้เหมือนกับที่พระยะโฮวามองพวกเขา เราสามารถทำแบบนั้นได้โดยมองที่ข้อดี ไม่ใช่ความไม่สมบูรณ์แบบของพี่น้อง เพราะในที่สุดความไม่สมบูรณ์แบบก็จะหมดไป เมื่อเรามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันกับพี่น้อง เราจะแก้ไขปัญหาในแบบที่แสดงความรักโดย ถ้าเราทำแบบนี้ คนที่อยากได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันก็จะอยากเข้ามาในอุทยานโดยนัย ขอให้เราเห็นค่าอุทยานที่พระยะโฮวาสร้างให้เรา ทุกคนที่อยากสดชื่น มีความสุข สงบใจ และปลอดภัยต้องเข้ามาอยู่ในอุทยานโดยนัยนี้และไม่ออกจากอุทยานนี้เลย แต่เราต้องระวังด้วย เพราะซาตานพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้เราออกจากอุทยานโดยนัยนี้ (1 ปต. 5:8; วว. 12:9) เราต้องไม่ยอมให้มันทำสำเร็จ ดังนั้น ขอให้เราพยายามเต็มที่ที่จะปกป้องอุทยานโดยนัยให้สวยงาม บริสุทธิ์ และสงบสุขต่อ ๆ ไป ห24.04 น. 24-25 ว. 18-19
วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม
ให้การปกครองของพระเจ้าและความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต—มธ. 6:33
พวกคุณที่เป็นพ่อแม่ ขอให้สอนลูกให้กระตือรือร้นในงานรับใช้พระยะโฮวา และสอนลูกทั้งโดยทางคำพูดและการกระทำของคุณว่ากิจกรรมของคริสเตียนไม่ว่าจะเป็นการอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิล การเข้าร่วมการประชุม และการประกาศ เป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น ลูกอาจจะคิดว่าการเป็นพยานพระยะโฮวาเป็นแค่การนับถือศาสนาตามพ่อแม่ ผลก็คือลูกอาจไม่คิดว่าการนมัสการพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต และมันอาจถึงกับทำให้พวกเขาเลิกรับใช้พระองค์ไปเลย สำหรับคนที่เลิกรับใช้พระยะโฮวา ยังมีหวังว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นเพื่อนกับพระองค์ได้อยู่ไหม? แน่นอน ถ้าพวกเขากลับใจและกลับมาสนับสนุนการนมัสการแท้อีกครั้ง พวกเขาต้องแสดงความถ่อมและยอมรับความช่วยเหลือจากผู้ดูแลในประชาคม (ยก. 5:14) การได้กลับมาเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาและเป็นเพื่อนกับพระองค์อีกครั้งคือสิ่งที่คุ้มค่าแน่นอน ห24.07 น. 24-25 ว. 18-19
วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม
พวกคุณต้องหนีให้ไกลจากการผิดศีลธรรมทางเพศ—1 คร. 6:18
คุณจะทำให้ช่วงที่คบกันเป็นแฟนน่านับถือได้ยังไง? ยิ่งคุณรู้สึกชอบกันมากขึ้นก็เป็นธรรมดาที่คุณอยากจะใกล้ชิดกัน แล้วอะไรจะช่วยให้คุณไม่ทำผิดศีลธรรมซึ่งจะทำให้พระยะโฮวาเสียใจ? อย่าคุยเรื่องผิดศีลธรรม อย่าอยู่ด้วยกันสองต่อสองตามลำพัง และอย่าดื่มเหล้าเยอะ (อฟ. 5:3) เพราะสิ่งเหล่านี้อาจกระตุ้นความรู้สึกทางเพศและทำให้ยากที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นเรื่องฉลาดด้วยที่คุณจะคุยกันเป็นระยะ ๆ ว่า คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อจะให้เกียรติกันและกันและนับถือมาตรฐานของพระยะโฮวา? (สภษ. 22:3) คุณอาจแสดงความรักต่อกันในแบบที่เหมาะสม แต่ถ้าการทำบางอย่างกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คุณตัดสินใจอย่างฉลาด (พซม. 1:2; 2:6) นอกจากนั้น การแสดงความรักต่อกันก็อาจทำให้คุณเผลอทำอะไรเกินเลยซึ่งจะทำให้พระยะโฮวาเสียใจ (สภษ. 6:27) ดังนั้น ตอนที่เริ่มคบกันใหม่ ๆ ให้คุยกันโดยอาศัยหลักการในคัมภีร์ไบเบิลว่า คุณจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน—1 ธส. 4:3-7 ห24.05 น. 29 ว. 10-11
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม
ให้คำพูดของคุณที่ว่า “ใช่” หมายความว่าใช่ ที่ว่า “ไม่” หมายความว่าไม่—มธ. 5:37
เราอยากให้พี่น้องมั่นใจว่าเราพร้อมจะช่วยพวกเขาเสมอ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเจอความยากลำบาก (สภษ. 17:17) แล้วเราต้องทำอะไรเพื่อจะมีชื่อเสียงว่าเป็นคนไว้ใจได้? เราทำได้โดยพยายามเต็มที่ที่จะเลียนแบบพระยะโฮวาทุกวัน เช่น เราต้องเป็นคนรักษาสัญญาและเป็นคนตรงต่อเวลา ผู้ดูแลที่ไว้ใจได้ช่วยให้ประชาคมได้ประโยชน์อะไรบ้าง? พี่น้องจะรู้สึกสบายใจเมื่อพวกเขารู้ว่าสามารถติดต่อผู้ดูแลเมื่อไหร่ก็ได้ที่พวกเขาต้องการ และพี่น้องจะรู้สึกอุ่นใจเมื่อพวกเขารู้ว่าผู้ดูแลเต็มใจช่วยพวกเขาจริง ๆ เมื่อผู้ดูแลใช้คัมภีร์ไบเบิลและหนังสือขององค์การเพื่อให้คำแนะนำพี่น้อง ไม่ใช่มาจากความคิดเห็นส่วนตัวของพวกเขา พี่น้องก็จะยิ่งไว้ใจผู้ดูแล นอกจากนั้น เมื่อพี่น้องเล่าปัญหาส่วนตัวให้ผู้ดูแลฟังและขอให้ผู้ดูแลเก็บไว้เป็นความลับ เมื่อผู้ดูแลทำตามนั้น พี่น้องก็จะยิ่งรู้สึกไว้ใจผู้ดูแลมากขึ้น ห24.06 น. 30 ว. 14-15
วันอังคารที่ 29 ธันวาคม
พระองค์จะให้พวกเขามีสันติสุขเรื่อยไป เพราะพวกเขาไว้วางใจพระองค์—อสย. 26:3
ตอนนี้เราไม่อาจคาดหมายให้พระยะโฮวากำจัดปัญหาทุกอย่างของเราให้หมดไป แต่เรามั่นใจได้ว่าพระองค์จะคอยให้กำลังใจและช่วยเราเสมอ (สด. 41:3) พระองค์จะให้พลังบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้เราเข้มแข็ง มีสติปัญญา และมีความสงบใจเพื่อจะรับมือกับปัญหาได้ (สภษ. 18:14; ฟป. 4:13) นอกจากนั้น พระยะโฮวาให้กำลังใจเราโดยให้ความหวังยอดเยี่ยมในคัมภีร์ไบเบิลว่าอีกไม่นานความเจ็บป่วยทุกอย่างจะไม่มีอีกต่อไป (อสย. 33:24) พระยะโฮวาให้มีการเก็บรักษาคำพูดที่ให้กำลังใจเหล่านี้ซึ่งช่วยให้เราเข้มแข็งได้ตอนที่รับมือกับปัญหาที่ทำให้ทุกข์ใจ (รม. 15:4) พี่น้องหญิงคนหนึ่งในแอฟริกาตะวันตกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เธอร้องไห้เสียใจบ่อยมาก เธอบอกว่า “อิสยาห์ 26:3 ให้กำลังใจฉันมากจริง ๆ มันทำให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยให้ฉันสงบใจจนสามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ตอนที่รับมือกับปัญหา” มีข้อคัมภีร์ไหนที่ให้กำลังใจคุณเป็นพิเศษตอนที่คุณกำลังเจอเรื่องหนักหนาสาหัสที่ทำให้สิ้นหวัง? ห24.12 น. 24 ว. 17-18
วันพุธที่ 30 ธันวาคม
ตอนที่เขายังอยู่แต่ไกล พ่อก็เห็นเขาและรู้สึกสงสาร พ่อเลยวิ่งเข้าไปหา ทั้งกอดและจูบเขา—ลก. 15:20
ผู้ดูแลจะแสดงความเมตตากับคนที่ออกไปจากประชาคม ผู้ดูแลอยากให้เขา “กลับมาบ้าน” (ลก. 15:22-24, 32) และเมื่อมีคนบาปสักคนหนึ่งกลับใจ ทุกคนทั้งในสวรรค์และบนโลกต่างก็มีความสุข (ลก. 15:7) เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาไม่ยอมให้คนทำผิดที่ไม่กลับใจอยู่ในประชาคม แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทิ้งเขาไปเลย พระองค์อยากให้เขากลับมาหาพระองค์ โฮเชยา 14:4 ช่วยให้เราเห็นถึงความรู้สึกของพระยะโฮวาที่มีต่อคนทำผิดที่กลับใจ ที่นั่นบอกว่า “เราจะเยียวยารักษาเขาไม่ให้กลับไปเป็นคนไม่ซื่อสัตย์อีก เราจะรักเขาจากใจ เพราะเราหายโกรธแล้ว” ข้อคัมภีร์นี้กระตุ้นให้ผู้ดูแลพยายามมองหาสัญญาณแม้จะแค่เล็กน้อยที่แสดงให้เห็นว่าคนที่ทำผิดเริ่มกลับใจแล้ว และคำพูดนี้ของพระยะโฮวาก็น่าจะทำให้คนที่ออกไปจากประชาคมรีบกลับมาหาพระองค์ ห24.08 น. 28 ว. 8-9
วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม
ให้แสดงความขอบคุณด้วย—คส. 3:15
บางครั้งอาจเป็นไปได้ที่บางคนไม่ได้แสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่เราทำเพื่อเขา เราอาจให้เวลา กำลัง หรือเงินเพื่อช่วยเหลือเขา แต่เป็นไปได้ที่เขาก็ไม่ได้เห็นค่าสำหรับสิ่งที่เราทำเลย ถ้าเป็นแบบนี้ เราจะยังมีความสุขกับการให้และไม่ผิดหวังได้ยังไง? อย่าลืมว่าความสุขของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นแสดงความขอบคุณเราหรือไม่ (กจ. 20:35) เรายังมีความสุขได้ถึงแม้คนอื่นไม่ได้แสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่เราทำ แล้วอะไรจะช่วยเราได้? การจำไว้ว่าเรากำลังเลียนแบบพระยะโฮวา พระองค์ให้สิ่งดี ๆ กับทุกคนไม่ว่าเขาจะเห็นค่าหรือไม่ก็ตาม (มธ. 5:43-48) พระยะโฮวาสัญญาว่าเมื่อเรา “ให้ยืมโดยไม่หวังจะได้คืน” เรา “จะได้รางวัลที่มีค่ามาก” (ลก. 6:35) ดังนั้น เราไม่ต้องเสียใจหรือผิดหวังถ้าคนอื่นไม่ได้แสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่เราทำ จำไว้ว่าพระยะโฮวาจะให้รางวัลกับเราเพราะเราทำดีกับคนอื่นและเราเป็น “คนที่มีความสุขกับการให้”—สภษ. 19:17; 2 คร. 9:7 ห24.09 น. 29 ว. 14-16