การแสวงหาเสรีภาพในเซเนกัล
ห่างออกไปจากชายฝั่งดาการ์อันเป็นเมืองหลวงที่ทันสมัยของเซเนกัลไปเล็กน้อย จะมีเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อกอเร. ณ เกาะแห่งนั้นมีสิ่งเตือนใจที่ชัดแจ้งถึงส่วนที่มืดมนทางประวัติศาสตร์ นั่นคือ บ้านสำหรับทาสซึ่งสร้างขึ้นในปี 1776.
นี่เป็นหนึ่งในบ้านหลาย ๆ หลังที่มีทาสจำนวน 150 ถึง 200 คนถูกกักขังไว้ในสภาพที่สกปรกน่ารังเกียจเป็นเวลาถึงสามเดือนก่อนที่จะถูกส่งไปดินแดนที่อยู่ห่างไกล. ครอบครัวถูกแยก สมาชิกแต่ละคนจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ผู้เป็นบิดาอาจถูกส่งไปที่หลุยเซียนาในอเมริกาเหนือ ฝ่ายมารดาก็ถูกส่งไปบราซิลหรือคิวบา และพวกลูก ๆ ก็ถูกส่งไปที่เฮติ กายอานาหรือมาร์ตินิก. ช่างเป็นการมองข้ามเสรีภาพของมนุษย์สักเพียงไร! อนึ่ง นี้เป็นสิ่งเตือนใจที่มีน้ำหนักยิ่งที่ว่า เสรีภาพเป็นสิทธิพิเศษอันล้ำค่าซึ่งไม่ใช่ทุกคนเคยเป็นเจ้าของเสมอไป.
ผมรู้เรื่องนี้จากแผ่นพับสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งผมอ่านขณะอยู่บนเครื่องบินที่ไปยังเซเนกัล ประเทศที่อยู่สุดทางตะวันตก เป็นแผ่นดินใหญ่ซึ่งยื่นนูนออกไปด้านแอฟริกาตะวันตก. เซเนกัลเป็นประเทศที่มีลักษณะแบบทุ่งหญ้าสะวันนาอยู่ระหว่างทะเลทรายด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกกับป่าทึบทางใต้. ที่นี่คุณจะเห็นต้นไม้บาโอบับที่อายุยืนสูงตระหง่าน พร้อมกับผลที่แปลกของมันที่เรียกว่าขนมปังลิงซึ่งใช้ทำครีม ออฟ ทาร์ทาร์. อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่มีลิง และนกสีสันสดใสมากมายและหมู่บ้านที่มีรูปทรงแปลก ๆ ตั้งแทรกอยู่ตามดงมะม่วง.
ผมนั่งพักอย่างสบายอารมณ์และคิดถึงการเข้าสู่แอฟริกาตะวันตกโดยเส้นทางนี้ที่ผมรอคอยมาเป็นเวลานาน. ปัจจุบัน เซเนกัลซึ่งมีประชากรเจ็ดล้านคนที่ประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยที่มีภูมิหลังต่าง ๆ กันจำนวนมากมายชื่นชมกับเสรีภาพอย่างเต็มที่. แต่เป็นไปได้ไหมที่คนเราอาจมีเสรีภาพทางกาย แต่ตกเป็นทาสของกิจปฏิบัติต่าง ๆ และความเชื่อถือทางไสยศาสตร์ซึ่งปล้นเอาเสรีภาพแท้ไปจากเขา? ผมตั้งตาคอยเพื่อจะพบกับพี่น้องฝ่ายวิญญาณของผมและต้องการทราบด้วยตัวเองว่า ในภูมิภาคส่วนนั้นของโลก ความจริงช่วยคนให้เป็นอิสระได้ถึงแค่ไหนแล้ว.—โยฮัน 8:32.
‘พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้พวกคุณมีอาคารแห่งนี้’
อันดับแรกในแผนการเดินทางของผมคือการไปเยือนสำนักงานสาขาของวอชเทาเวอร์และบ้านพักมิชชันนารีในดาการ์. เมื่อเรามาถึงอาคารที่มีรูปทรงทันสมัยซึ่งอยู่แถบชานเมืองที่เงียบสงบ ผมสังเกตเห็นอักษร J ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า. คำถามแรกที่ผมถามตอนที่เดินชมสำนักงานสาขาก็คือ ตัว J เป็นสัญลักษณ์ถึงอะไร.
ผู้นำชมอธิบายว่า “เรื่องนี้น่าสนใจมาก. เมื่อเราหาอาคารสำนักงานสาขาที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมในปี 1985 เรามาดูอาคารหลังนี้ ซึ่งทำการก่อสร้างอยู่. แต่เรารู้สึกว่าอาคารนี้ใหญ่เกินความต้องการของเรา. เมื่อเจ้าของได้ยินว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวา เขาต้องการให้เราเช่าอาคารนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากเขาทราบถึงความซื่อสัตย์ของเรา. เขากล่าวว่า ‘ผมแน่ใจว่าพระเจ้าของคุณ พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้คุณมีอาคารหลังนี้. ดูนั่นซิ! กระทั่งอักษร J ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า! ตอนที่ผมให้ติดอักษรไว้ที่นั่น ผมคิดจะให้เป็นสัญลักษณ์แทนชื่อจอห์นของผม แต่เดี๋ยวนี้ผมแน่ใจจริง ๆ ว่าอักษรนี้เป็นสัญลักษณ์แทนพระนามของพระเจ้า พระยะโฮวา!’ เรามีความสุขยิ่งที่ได้อยู่ในอาคารสวยงามหลังนี้เป็นเวลาห้าปีมาแล้ว.”
เรื่องต่อไปที่ผมอยากรู้ก็คืองานประกาศเริ่มที่เซเนกัลอย่างไร?
“มีการนำน้ำแห่งความจริงที่ทำให้คนเป็นอิสระเข้ามาในเซเนกัลตอนต้นของช่วงปี 1950 โดยพยานพระยะโฮวาซึ่งมาจากฝรั่งเศสเนื่องจากมีสัญญาการทำงานที่นี่. ในปี 1965 มีการเปิดสำนักงานสาขาในดาการ์เพื่อดูแลงานในประเทศที่พูดภาษาฝรั่งเศสคือเซเนกัล มาลี และมอริเตเนีย รวมทั้งแกมเบียซึ่งเป็นประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ. ตั้งแต่ปี 1986 เราดูแลงานในประเทศกินีบิสเซาซึ่งพูดภาษาโปรตุเกสด้วย.”
เนื่องจากทราบว่าประชากรที่นี่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่คริสเตียน ผมถามว่ามีความก้าวหน้าในด้านใดบ้าง. ผู้นำชมกล่าวว่า “จริงที่ผู้คนมากมายในดินแดนแห่งนี้ไม่คุ้นเคยกับคัมภีร์ไบเบิล. แต่งานก็ก้าวหน้าไปอย่างสม่ำเสมอ. ในเดือนมกราคม ปี 1991 เราชื่นชมยินดีที่มีผู้ประกาศราชอาณาจักรถึง 596 คน. นั่นแสดงว่าพี่น้องในท้องถิ่นและมิชชันนารีได้ทำงานอย่างหนัก.”
ผมให้ข้อสังเกตว่า “ผมเข้าใจว่ามีมิชชันนารีหลายคนทำงานรับใช้ที่นี่.”
“ใช่ครับ เรามีประมาณ 60 คนที่ถูกมอบหมายยังเขตทำงานต่าง ๆ ที่เราเอาใจใส่ และพวกเขามาจาก 13 ประเทศ. พวกเขาทำงานหนักและอุทิศตัวอย่างมากเพื่อกิจการจะมีพื้นฐานอย่างมั่นคง. พี่น้องท้องถิ่นสะท้อนน้ำใจแบบนี้โดยความรักและความกระตือรือร้นต่อความจริง. แม้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการอย่างเช่น การว่างงานและมีวัตถุปัจจัยที่จำกัดยิ่ง กระนั้น พี่น้องหลายคนใช้เวลาถึง 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นในงานประกาศทุก ๆ เดือน. เราหวังว่าในการเยี่ยมคราวนี้คุณคงจะพบพี่น้องที่มีความกระตือรือร้นเช่นนี้บางคน.”
ผมก็หวังที่จะพบพวกเขาเช่นกัน.
ไปประกาศกับมิชชันนารี
มากาเร็ต (ซึ่งรับใช้เป็นมิชชันนารีมากกว่า 20 ปีก่อนเธอเสียชีวิตไม่นานมานี้) อาสาที่จะพาผมไปในเขตทำงานของเธอซึ่งอยู่ใจกลางเมือง. เราขึ้นคาร์ ราปีด (รถด่วน) เพื่อจะได้สัมผัสชีวิตแบบพื้นบ้าน. ที่จริงมันเป็นรถเมล์คันเล็ก ๆ ซึ่งจอดรับส่งบ่อย ๆ. รถนี้จุผู้โดยสารได้ 25 คน และถ้าหากเขาทุกคนรูปร่างเล็ก ๆ หน่อย ผมก็คงจะได้เห็นว่าการเดินทางอาจเกือบจะสบาย. สุภาพสตรีสองคนที่นั่งม้านั่งเดียวกันกับผมไม่ใช่คนรูปร่างเล็กเลย แต่ผมก็ทนรับมือกับสภาพการณ์ด้วยการยิ้ม.
เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง มากาเร็ตอธิบายว่า “ในเขตทำงานย่านศูนย์การค้านี้ คุณจะเห็นหลายอย่างที่น่าสนใจ.” เธอชี้ไปที่แผงขายของที่วางอยู่ตามทางเท้าพร้อมกับถามว่า “เห็นรองเท้าแตะสีสวย ๆ พวกนั้นไหม? เขาทำจากหนังแกะและหนังแพะที่ย้อมสี.” เราเข้าไปหาช่างทำรองเท้าแตะ และมากาเร็ตก็เริ่มประกาศให้พวกเขาฟังในภาษาโวลอฟ. พวกเขาตั้งใจฟังและชอบใจมากกับภาพสีสดใสซึ่งแสดงเรื่องอาดามกับฮาวาในจุลสาร.
จากนั้นไม่นานพวกพ่อค้าขายของเร่ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าพวกบานา-บานา ก็เข้ามาหาเราและเสนอสินค้าหลากหลายจนนับไม่ถ้วน. พ่อค้าบางคนขายไม้กวาด บางคนก็ขายเสื้อผ้า กุญแจ ยา กระเป๋าเงิน ส้ม และแม้แต่นกเป็น ๆ. พ่อค้าคนหนึ่งต้องการขายโครา ให้ผม เป็นเครื่องสายซึ่งทำจากน้ำเต้าผ่าซีกตรงช่วงคอของเครื่องดนตรีทำด้วยก้านไม้ ต้องใช้สองมือในการเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้. ผมสังเกตว่าด้านหลังของเครื่องดนตรีนี้มีรูปหน้ากากเล็ก ๆ ที่ทำจากหนังสัตว์ มีเขาแพะ และหอย “โชคดี” เล็ก ๆ. เราอธิบายว่าเราจะไม่ซื้อเครื่องประดับใด ๆ ที่มีสัญลักษณ์ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเวทมนต์คาถาหรือประเพณีที่ไม่ใช่เป็นแบบคริสเตียน. ยังความประหลาดใจให้เราที่บานา-บานา เห็นด้วยกับเรา เขาชี้แจงว่าตัวเขาเป็นมุสลิม. เขาซ่อนโครา ไว้ใต้เสื้อคลุมยาวหรือบูบูที่ปลิวสะบัดและตั้งใจฟังมากาเร็ตเสนอหนังสือเล่มเล็ก ซึ่งเป็นภาษาอาระบิค. เขาได้รับการเร้าใจกระทั่งพอเขารับหนังสือเล่มเล็กเขาก็เริ่มอ่านตรงนั้นเลย. หลังจากคำขอบคุณมากมาย เขาจากไปพร้อมกับหนังสือเล่มเล็กและโครา ที่ขายไม่ได้. เรามั่นใจว่าเขาคงศึกษาหนังสือเล่มเล็กที่บ้าน.
ต่อมา ผมพูดกับจอห์นซึ่งเป็นมิชชันนารีมากว่า 20 ปีเช่นกัน.
จอห์นบอกผมว่า “ประชาชนที่นี่เป็นมิตรมาก และคุณสามารถพูดคุยได้เกือบทุกคนที่คุณพบ. คำทักทายที่นิยมกันคือ อัซซาลาม อาไลคุม หมายความว่า ‘ขอให้สันติสุขอยู่กับคุณ’ และโดยมากแล้วผู้คนส่วนใหญ่มีสันติสุข. นี้เป็นดินแดนแห่งเทรันกา หรือความมีน้ำใจต้อนรับแขก และมีการแสดงน้ำใจนี้ออกมาโดยความกรุณา ความอบอุ่นต่อเพื่อนมนุษย์ และความสนุกร่าเริง.” ตอนนี้ผมจึงเข้าใจง่ายขึ้นว่าทำไมหนุ่มสาวพยานต่างประเทศจึงละจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขาเพื่อรับใช้ในงานมิชชันนารีที่นี่.
หลุดพ้นเพื่อติดตามงานรับใช้เต็มเวลา
น้ำใจของมิชชันนารีมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อพี่น้องในท้องถิ่น. เรื่องนี้เห็นได้ชัดเป็นพิเศษเนื่องจากพี่น้องโดยทั่วไปซึ่งตกงานเริ่มทำงานรับใช้เต็มเวลาเป็นไพโอเนียร์อันเป็นงานที่ท้าทายจริง ๆ. มาร์เซลและลิวเซียนซึ่งพ้นจากนิสัยที่เป็นอันตรายหลายอย่างเพราะเรียนความจริงจากคัมภีร์ไบเบิล อธิบายว่า:
“เราต้องการแสดงความหยั่งรู้ค่าของเราโดยทำงานเป็นไพโอเนียร์. แต่การหางานบางส่วนของเวลาเป็นเรื่องยาก. เราลองเป็นคนทำสวน แต่แล้วงานนี้ก็ไม่ได้ผล. งานรับจ้างซักรีดผ้าก็กินเวลาของเรามากเกินไป. ตอนนี้เราทำขนม และมีลูกค้าตามร้านต่าง ๆ เป็นประจำ และงานนี้ก็ไปได้ดี.” เห็นได้ชัดว่าต้องอาศัยความเชื่อและความคิดริเริ่มอย่างมาก บวกกับความพยายามที่ตั้งใจจริง แต่กรณีนี้พิสูจน์ว่าเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่งานรับใช้เต็มเวลาทั้งที่มีความยุ่งยากทางเศรษฐกิจ.
เมื่อพยานพระยะโฮวาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับมิเชล เขาเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยในดาการ์. เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมรู้สึกกลัดกลุ้มเนื่องจากทัศนะอันผิดศีลธรรมของนักศึกษาส่วนมาก และคำถามที่ผมสงสัยรบกวนใจผมอยู่. ทำไมมนุษย์เป็นทาสของกิจปฏิบัติและสภาพที่เป็นอันตรายเช่นนั้น? คัมภีร์ไบเบิลให้คำตอบแก่ผม. เหมือนกับการยกของหนัก ๆ ออกจากบ่าของผม. ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะยืนกรานให้ผมศึกษาต่อ ผมเข้าร่วมงานไพโอเนียร์สมทบและต่อมาก็รับใช้ฐานะเป็นไพโอเนียร์ประจำในระหว่างเวลาที่เหลือเมื่อเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย. ผมประสบแล้วว่าการแบ่งปันข่าวดีกับคนอื่น ๆ ฐานะเป็นไพโอเนียร์ประจำ โดยไม่แสวงหางานอาชีพในระบบซึ่งไม่ช้าก็จะสิ้นสุดลง ทำให้ผมได้รับความยินดีอย่างเหลือล้น.” ปัจจุบันมิเชลรับใช้ฐานะเป็นไพโอเนียร์พิเศษในอึมเบอร์.
คู่ครองหลายคนกับคู่ชีวิตคนเดียวแบบคริสเตียน
ธรรมเนียมของท้องถิ่นมักจะไม่ลงรอยกับหลักการคริสเตียน และสิ่งนี้ทำให้เกิดการท้าทายที่ใหญ่หลวง. อาลีอูเน ผู้ดูแลผู้เป็นประธานในประชาคมหนึ่งในหกแห่งของพยานพระยะโฮวาซึ่งอยู่ในดาการ์กับบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง เล่าย้อนหลังให้ฟังว่า “ตอนแรกที่ผมได้ยินความจริงที่ทำให้คนเป็นอิสระนั้น ผมมีภรรยาสองคน. เนื่องจากเป็นมุสลิม ศาสนาของผมอนุญาตให้มีภรรยามากกว่านั้นอีก. พ่อของผมมีภรรยาสี่คน และเพื่อนของผมส่วนมากมีภรรยาหลายคน. นี้เป็นแนวทางที่ยอมรับกันในแอฟริกา.” แต่วิถีชีวิตแบบนี้มีผลกระทบอะไรบ้าง?
อาลีอูเนอธิบายว่า “การมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนเป็นสาเหตุของปัญหาหลายอย่าง และโดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ. ผมมีลูกสิบคนจากภรรยาคนแรก และอีกสองคนจากภรรยาคนที่สอง. ในครอบครัวดังกล่าว บ่อยครั้งที่พ่อกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับลูก ๆ ของเขา ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่ได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือและการอบรมจากพ่อของเขา. อนึ่ง การมีคู่หลายคนไม่ได้ป้องกันผมไว้จากการทำผิดประเวณีเลย. การรู้จักบังคับตนอันเป็นหนึ่งในผลแห่งพระวิญญาณของพระเจ้าต่างหาก ซึ่งช่วยทำเช่นนั้นได้.” ดังนั้น อาลีอูเนได้ทำประการใด?
เขาเล่าต่อไปว่า “ผมส่งภรรยาคนที่สองกลับไปยังบ้านพ่อแม่ของเธอ และอธิบายอย่างผ่อนหนักผ่อนเบาว่าทั้งนี้ไม่ใช่เพราะผมเห็นข้อบกพร่องบางสิ่งบางอย่างกับเธอ แต่เพื่อปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของพระเจ้า. ผมจัดเตรียมเป็นพิเศษเพื่อเอาใจใส่ลูก ๆ ของผมทุกคนทั้งทางด้านวัตถุและด้านวิญญาณ และทุกวันนี้ผมรู้สึกขอบพระคุณจริง ๆ ที่พวกเขาทำงานรับใช้พระยะโฮวาเช่นกัน. ในจำนวนเก้าคนที่เป็นผู้ประกาศ ห้าคนรับบัพติสมา สองคนเป็นไพโอเนียร์พิเศษ และคนอื่น ๆ สามคนเป็นไพโอเนียร์ประจำกับไพโอเนียร์สมทบ. ความจริงได้ช่วยผมให้เป็นอิสระจริง ๆ พ้นจากปัญหามากมายเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูลูก ๆ.”
การบูชาเครื่องรางของขลังกับการนมัสการแท้
การเดินทางจุดต่อไปของผมเป็นการเยือนเขตแคซามันซ์ซึ่งอยู่ตอนใต้. ผมประทับใจกับทุก ๆ สิ่งที่ปรากฏเพราะช่างสดชื่นและเขียวชอุ่มเหลือเกิน. อาศัยน้ำจากแม่น้ำขนาดใหญ่อย่างแคซามันซ์ซึ่งมีความยาว 300 กิโลเมตรทำให้พื้นที่ผลิตข้าว ข้าวโพดและถั่วลิสงได้อย่างมากมาย. มีกระท่อมทรงกลมสองชั้นกระจายอยู่ทั่วชนบท หลังคาบ้านมุงด้วยหญ้าเป็นรูปกรวยเพื่อสามารถเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ในฤดูแล้ง. ซีกันชอร์เมืองหลวงถูกสร้างหลบอยู่ในดงต้นปาล์มอันกว้างใหญ่. ผมยินดีที่ได้พบกับประชาคมแห่งพลไพร่ของพระยะโฮวาที่แข็งขันที่นั่น.
โดมินิค มิชชันนารีคนหนึ่งซึ่งทำงานทั้งในและบริเวณรอบ ๆ เมืองซีกันชอร์ เล่าให้ผมฟังว่าการประกาศในพื้นที่นี้กำลังคืบหน้าไปดีมาก. เขากล่าวว่า “สิบปีมาแล้ว มีผู้ประกาศเพียง 18 คนในประชาคมซีกันชอร์. ปัจจุบันมีถึง 80 คน. เพื่อเอาใจใส่การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมายนี้ เราจึงสร้างหอประชมราชอาณาจักรอันสวยงามขึ้นใหม่ โดยใช้ดินเหนียวสีแดงที่พบบริเวณที่ก่อสร้างหอประชุมพอดี. โครงการนี้ให้คำพยานอย่างกว้างขวางในชุมชนนี้. บรรดาผู้ที่เฝ้ามองต่างก็ชื่นชมที่เห็นผู้คนจากหลายเผ่าทำงานร่วมกันอย่างสุขสงบ. ณ การประชุมหมวดครั้งล่าสุด มียอดผู้เข้าร่วมประชุมถึง 206 คน และมี 4 คนที่รับบัพติสมา.”
ผู้คนมากมายในพื้นที่แถบนี้ของเซเนกัลยังคงติดตามความเชื่อของบรรพบุรุษโดยการบูชาวิญญาณ บูชาเครื่องรางของขลัง แม้จะอ้างว่าเป็นคริสเตียนหรือมุสลิมก็ตาม. ผมจดจ่อฟังเรื่องราวที่เล่าโดยวิคเตอร์ผู้ปกครองคนหนึ่งในประชาคมซีกันชอร์.
“ผมเกิดมาในครอบครัวใหญ่ที่บูชาเครื่องรางของขลังในกินี. ในตอนที่ผมเกิด พ่อยกผมให้กับวิญญาณตนหนึ่งหรือผีปีศาจ. เพื่อจะได้รับความพอใจจากวิญญาณนั้น ผมจะเอากระเป๋าสีดำซึ่งอยู่ใต้เตียงออกมาเป็นประจำ จัดตั้งหิ้งบูชาเล็ก ๆ ขึ้น และให้เลือดเป็นเครื่องบูชาแก่เขาสัตว์ซึ่งถือกันว่าเป็นสิ่งที่ใช้แทนผีปีศาจที่ปกป้องผม. แม้กระทั่งเมื่อผมมาเป็นคาทอลิกแล้ว ผมยังรู้สึกว่าตกเป็นทาสของผีปีศาจอยู่. หลังจากผมย้ายมาอยู่ที่เซเนกัล พยานพระยะโฮวาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับผม. ผมกับภรรยาเรียนรู้ว่าเราไม่สามารถ ‘รับประทานที่โต๊ะของพระยะโฮวาและที่โต๊ะของปีศาจ’ อีกต่อไป. (1 โกรินโธ 10:21) แต่พอผมเลิกถวายของบูชา ผีปีศาจก็เริ่มโจมตีเรา. ผมกลัวที่จะทิ้งกระเป๋าสีดำใบนั้นซึ่งข้างในเต็มไปด้วยวัตถุที่เกี่ยวกับปีศาจ เนื่องจากผมทราบว่าชายคนหนึ่งเสียสติไปเลยเมื่อเขากระทำดังกล่าว.” วิคเตอร์เผชิญกับสถานการณ์ที่เข้าตาจนอะไรเช่นนั้น!
“ในที่สุดถ้อยคำในพระธรรมโรม 8:31, 38, 39 ให้ความเข้มแข็งที่เราต้องการเพื่อขจัดทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการบูชาวิญญาณ. ตอนนี้เนื่องจากเราฝากความวางใจของเราไว้ที่พระยะโฮวา เราจึงได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง. ครอบครัวของผมทั้งหมดมีความหวังอันวิเศษเรื่องชีวิตตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลก อันเป็นที่ซึ่งมนุษยชาติทั้งหมดจะได้อิสรภาพพ้นจากอิทธิพลของผีปีศาจที่ชั่วช้า.”
และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมต้องจากไป. ขณะผมจัดกระเป๋า ผมครุ่นคิดถึงการเยือนเซเนกัล ซึ่งผมจะไม่มีวันลืมเลย. ช่างเป็นการเสริมความเชื่อสำหรับผมเพียงไรที่ได้พบและพูดคุยกับผู้คนมากมายซึ่งเป็นอิสระจากการเป็นทาสของการใช้ยาในทางที่ผิด การผิดศีลธรรม และความเชื่อทางไสยศาสตร์และบัดนี้พวกเขาชื่นชมกับเสรีภาพอย่างแท้จริง. ทั้งที่ประสบกับสภาพเศรษฐกิจที่ยากลำบาก พวกเขามีความสุขและความพึงพอใจในการรับใช้พระยะโฮวา ผู้ซึ่งนำความหวังอันแน่นอนเรื่องชีวิตที่ไม่สิ้นสุดในอุทยานบนแผ่นดินโลกให้แก่เขา. สมควรที่จะขอบพระคุณพระองค์สักเพียงไร เนื่องจากพระองค์ทรงทำให้เป็นไปได้ที่ข่าวดีจะได้รับการประกาศไม่ใช่แต่ที่เซเนกัลเท่านั้นแต่ตลอดทั่วโลกในระหว่าง “ปีแห่งความโปรดปรานของพระยะโฮวา”!—ยะซายา 61:1, 2 (ล.ม.)—ผู้อ่านส่งมา.
[แผนที่หน้า 8]
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
เซเนกัล
แซงต์ ลุย
ลูกา
ทิเยส
ดาการ์
เกาแลค
แกมเบีย
บันจูล
[รูปภาพหน้า 9]
มีการแบ่งปันน้ำแห่งความจริงซึ่งทำให้คนเป็นอิสระตามหมู่บ้านต่าง ๆ
บ้านพักมิชชันนารีและสำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวาในดาการ์ เซเนกัล
[รูปภาพหน้า 10]
ประชาชนชาวเซเนกัลตามชายฝั่งมหาสมุทรฟังข่าวสารของคริสเตียนเช่นกัน