การร่วมประชุมกับชนผู้รักเสรีภาพซึ่งพระเจ้าประทานให้
พยานพระยะโฮวาโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน. พวกเขาเท่านั้นที่พูด “ภาษาบริสุทธิ์.” (ซะฟันยา 3:9) เฉพาะแต่พวกเขาที่เป็นเอกภาพ อีกทั้งมีความรักเป็นเครื่องหมายที่เห็นได้ดังที่พระเยซูทรงพรรณนาไว้. (โยฮัน 13:35) และเฉพาะพวกเขาเท่านั้นที่ชื่นชมกับเสรีภาพซึ่งความจริงจะนำมาให้ดังคำตรัสของพระเยซูที่บันทึกไว้ในโยฮัน 8:32 (ล.ม.) ที่ว่า “เจ้าทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ.”
ถ้อยคำเหล่านั้นซึ่งพระเยซูพระบุตรของพระเจ้าได้แนะนำสาวกของพระองค์ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง. และเวลานี้ถ้อยคำเหล่านั้นได้รับการหยั่งรู้ค่ายิ่งกว่าแต่ก่อน ๆ โดยพยานพระยะโฮวาทั้งหมดที่เข้าร่วมการประชุมภาค “ชนผู้รักเสรีภาพ.” รายการการประชุมให้ความรู้หลากหลายในแง่มุมต่าง ๆ ด้านเสรีภาพของพวกเขา และวิธีที่เขาจะใช้เสรีภาพนั้น รวมทั้งหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับเสรีภาพของเขา และพระพรมากมายจริง ๆ ที่พวกเขาได้รับฐานะเป็นชนที่มีเสรีภาพ.
การประชุมที่เหมาะกับเวลาและให้ผลดีในทางปฏิบัตินี้เริ่มที่ซีกโลกเหนือเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 1991 ที่ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา. รายการเริ่มเวลา 10:20 นาฬิกา ด้วยการบรรเลงดนตรี ตามด้วยการร้องเพลงและคำอธิษฐาน. คำบรรยายเปิดเป็นการเสนอเรื่องราวที่ส่งผลกระทบอย่างแท้จริงซึ่งอาศัยพื้นฐานในพระธรรมยาโกโบ 1:25. ตามคัมภีร์ฉบับเจรูซาเลมไบเบิล ข้อนี้อ่านว่า “คนที่เพ่งพิจารณากฎหมายอันสมบูรณ์แห่งเสรีภาพ และทำเช่นนั้นจนเป็นนิสัย—ไม่ใช่เป็นแต่ผู้ฟังและหลงลืม แต่กระตือรือร้นในการนำไปปฏิบัติ—คนนั้นจะมีความสุขในการงานทั้งสิ้นของเขา.” เช่นเดียวกับที่เรามองดูตัวเองในกระจกเพื่อจะได้เห็นว่าต้องปรับปรุงการปรากฏตัวของเราอย่างไร ดังนั้น เราจำต้องเพ่งพินิจไปยังกฎหมายอันสมบูรณ์แห่งเสรีภาพของพระเจ้าต่อ ๆ ไป เพื่อจะเรียนรู้ถึงสิ่งที่เราจำต้องเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพของเรา. และเราควรเพ่งมองที่กระจกนั้นต่อ ๆ ไป.
รายการถัดมาเป็นคำปราศรัยของประธานในหัวเรื่อง “ยินดีต้อนรับ ท่านทั้งหลายที่รักเสรีภาพ.” พยานพระยะโฮวารักเสรีภาพ และพวกเขาต้องการมีเสรีภาพต่อ ๆ ไป. ผู้บรรยายได้ยกคำพูดของผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายซึ่งแสดงให้เห็นว่าจะมีเสรีภาพไม่ได้หากไม่มีกฎหมาย. ใช่แล้ว คริสเตียนไม่เป็นอิสระที่จะตามใจชอบ แต่เขาเป็นอิสระที่จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. เขาต้องการใช้เสรีภาพของเขาอย่างเต็มที่แต่ไม่ใช่อย่างผิด ๆ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ปี 1919 พยานพระยะโฮวาชื่นชมกับเสรีภาพมากขึ้น. ผู้บรรยายย้อนอดีตถึงการเน้นเรื่องเสรีภาพในอรรถบทต่าง ๆ ของการประชุมใหญ่และในสิ่งพิมพ์ของคริสเตียน. ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนจะได้เรียนมากขึ้นเกี่ยวกับเสรีภาพซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้และวิธีที่จะใช้เสรีภาพนั้น.
ต่อจากคำกล่าวเหล่านั้นที่เหมาะกับเวลามีการสัมภาษณ์ชนผู้รักเสรีภาพซึ่งชื่นชมยินดีที่ได้อยู่ ณ การประชุมภาค. การประชุมดังกล่าวเป็นวาระแห่งการปีติยินดี เช่นเดียวกับเทศกาลประจำปีสามครั้งของชาวยิศราเอลโบราณเป็นโอกาสเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง. จากการสัมภาษณ์หลายคนเผยให้เห็นว่าการประชุมภาคเป็นวาระแห่งการเสริมสร้างทางฝ่ายวิญญาณที่น่าชื่นชมยินดี.
ต่อมาเป็นคำปราศรัยสำคัญเรื่อง “วัตถุประสงค์และการใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานแก่เรา.” จากคำบรรยายนี้ผู้เข้าร่วมประชุมเรียนรู้ว่าเฉพาะพระยะโฮวาเท่านั้นที่ทรงมีเสรีภาพอย่างไม่จำกัดเพราะพระองค์ทรงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและทรงมีฤทธานุภาพทุกประการ. อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์และเพื่อผลประโยชน์สำหรับสิ่งทรงสร้างของพระองค์ บางครั้งพระองค์ทรงจำกัดเสรีภาพของพระองค์โดยไม่ด่วนในการแสดงความพิโรธและทรงสำแดงการรู้จักบังคับพระองค์เอง. บรรดาสรรพสิ่งที่มีเชาวน์ปัญญาทั้งสิ้นของพระองค์มีเสรีภาพค่อนข้างจะอยู่ในขอบเขต เนื่องจากพวกเขายอมตัวอ่อนน้อมต่อพระยะโฮวาและถูกจำกัดโดยสภาพร่างกายและกฎทางศีลธรรม. พระยะโฮวาทรงประทานเสรีภาพให้พวกเขาเพื่อยังความเพลิดเพลินแก่เขา โดยเฉพาะอย่ายิ่ง เพื่อเขาจะนำความปลื้มปีติและสง่าราศีมาสู่พระองค์โดยการนมัสการพระองค์. เนื่องจากการใช้เสรีภาพอย่างถูกต้อง พยานพระยะโฮวาทั่วโลกมีชื่อเสียงดีเพราะความประพฤติที่ดีงามและการเอาจริงเอาจังในงานรับใช้พระเจ้า.
ภาคบ่ายของวันศุกร์
“หมกมุ่น—ในการงานที่ตายแล้วหรือในการรับใช้พระยะโฮวา” เป็นหัวเรื่องคำบรรยายที่กระตุ้นความคิดในตอนเริ่มส่วนของภาคบ่ายวันศุกร์. การงานที่ตายแล้วรวมเอาไม่เพียงแต่บรรดาสิ่งต่าง ๆ ด้านเนื้อหนังแต่ยังรวมถึงสิ่งต่าง ๆ ซึ่งตายแล้วฝ่ายวิญญาณ เปล่าประโยชน์ และไม่เกิดผล—เช่น แผนการต่าง ๆ ด้านการเงิน. เกี่ยวกับเรื่องนี้ การตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียดและอย่างซื่อตรงเป็นความมุ่งมั่นที่จำเป็นหากเราต้องการจัดให้ราชอาณาจักรเป็นสิ่งแรกในชีวิต.
“การสัมฤทธิ์ผลในงานมอบหมายของเราฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า” เป็นคำบรรยายถัดมาซึ่งเน้นเป้าหมายอย่างเดียวกัน. ผู้บรรยายกล่าวว่าคริสเตียนไม่ควรพอใจตัวเองเพียงแต่การออกไปทำงานรับใช้หรือแค่การทำเวลาครบตามกำหนด. เขาควรเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในแง่มุมด้านต่าง ๆ ทั้งสิ้นในงานรับใช้แบบคริสเตียนของเขา. จุดต่าง ๆ เหล่านี้ประทับอยู่ในใจผู้ฟังทั้งนี้โดยการสาธิตและจากการสัมภาษณ์. ทุกคนได้รับการกระตุ้นให้สัมฤทธิ์ผลในงานรับใช้อย่างเต็มที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.
ในคำบรรยายเรื่อง “เป็นเสรีชนแต่มีความรับผิดชอบ.” ผู้บรรยายเน้นว่าแม้พลไพร่ของพระยะโฮวารักเสรีภาพซึ่งได้จากความจริง พวกเขาควรจำไว้ว่าสิ่งนี้คู่กันกับความรับผิดชอบ. เขาควรใช้เสรีภาพของเขา ไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัวในการกระทำผิด แต่เพื่อการสรรเสริญพระยะโฮวา. ฐานะเป็นคริสเตียน เขามีหน้าที่รับผิดชอบต่อ “อำนาจที่สูงกว่า” และจำต้องร่วมมือกับผู้ปกครองในประชาคมด้วย. (โรม 13:1) ยิ่งกว่านั้น เขาต้องรับผิดชอบในด้านการแต่งกาย การประดับตัว และความประพฤติของเขา. พวกเขาไม่ควรลืมว่า “เราทั้งหลายทุกคนต้องให้การด้วยตัวเองแก่พระเจ้า.”—โรม 14:12; 1 เปโตร 2:16.
จากนั้นติดตามด้วยการพิจารณาถึงความจำเป็นที่คริสเตียนทุกคน “ไม่มีความกลัวขณะที่อวสานของโลกใกล้เข้ามา.” ขณะที่มนุษยชาติกลัวเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คริสเตียนต้องไม่มีความกลัวเพื่อจะทำงานรับใช้จนสำเร็จ. ความไม่หวั่นกลัวเป็นผลจากการวางใจในพระยะโฮวา เพราะว่ายิ่งคริสเตียนกลัวที่จะทำให้พระยะโฮวาไม่พอพระทัยมากเท่าไรเขาก็จะกลัวมนุษย์น้อยลงไปเท่านั้น. การจดจำข้อคัมภีร์ที่หนุนใจสามารถเสริมความเข้มแข็งแก่เราเพื่อจะไม่มีความกลัว. นอกจากนั้น เพื่อจะแข็งแรงฝ่ายวิญญาณและไม่มีความกลัว ผู้รับใช้พระเจ้าจำต้องสัมฤทธิ์ผลในการใช้ทุกโอกาสเพื่อคบหาสมาคมกับเพื่อนร่วมความเชื่อ. พวกเราแต่ละคนจะต้องไม่ลืมบทบาทสำคัญของการอธิษฐานเพื่อจะไม่มีความกลัว. ด้วยการยืนหยัดไม่หวั่นกลัวต่อ ๆ ไป คริสเตียนจึงสามารถรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพระยะโฮวาได้.
รายการวันแรกสิ้นสุดลงด้วยละครที่ให้คำแนะนำที่ดีเยี่ยมเรื่อง ได้รับเสรีภาพเพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้. ละครนี้แสดงให้เห็นวิธีที่ครอบครัวหนึ่งในสมัยปัจจุบันเรียนบทเรียนจากเอษราและพวกของท่านอีก 7,000 คนซึ่งทำการเสียสละเพื่อกลับไปยังกรุงยะรูซาเลม. ละครนี้ช่วยผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนตรวจสอบการจัดลำดับสิ่งสำคัญประการแรกของเขาและเห็นวิธีที่เขาสามารถเพิ่มพูนสิทธิพิเศษในงานรับใช้. ละครนี้ให้บางสิ่งแก่ทั้งคนสูงอายุและคนหนุ่มสาว.
ภาคเช้าวันเสาร์
หลังจากรายการดนตรี, ร้องเพลง, อธิษฐาน, และการพิจารณาข้อคัมภีร์ประจำวันแล้ว รายการเช้าวันเสาร์มีคำบรรยายชุดเรื่อง “เสรีภาพพร้อมด้วยความรับผิดชอบในครอบครัว.” ในส่วนแรกของคำบรรยายชุดนี้คือ “วิธีที่บิดาทั้งหลายสามารถเลียนแบบพระยะโฮวา” บิดาได้รับคำแนะนำหลายวิธีเพื่อพวกเขาสามารถเลียนแบบพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราได้. ข้อเรียกร้องที่หนึ่งติโมเธียว 5:8 บอกว่าพวกเขาต้องจัดหาไม่เพียงสิ่งฝ่ายวัตถุแต่รวมสิ่งฝ่ายวิญญาณด้วย. พวกเขาเลียนแบบพระยะโฮวาโดยการเป็นครูที่ดีสำหรับครอบครัวของเขาและให้การตีสอนด้วยความรักหากจำเป็น. จากการสัมภาษณ์หลายรายทำให้เห็นภาพจุดต่าง ๆ เหล่านั้น.
“บทบาทสนับสนุนของภรรยา” เป็นส่วนถัดไปของคำบรรยายชุดนี้. เริ่มต้นโดยเน้นว่าภรรยาได้รับฐานะที่มีเกียรติในครอบครัวคริสเตียน คือฐานะเป็นฝ่ายที่สนับสนุน. เรื่องนี้เรียกร้องอะไรจากเธอ? เธอจะต้องเป็นผู้ที่อ่อนน้อมอย่างแท้จริง ไม่บีบคั้นสามีให้ทำตามความต้องการของเธอเท่านั้น. เธอจำต้องเอาใจใส่เป็นอย่างดีในหน้าที่รับผิดชอบที่มีต่อสามีและลูก ๆ ของเธอ และเธอสามารถรับความพอใจอย่างแท้จริงจากการดูแลรักษาบ้านให้สะอาดและเป็นระเบียบ. และในฐานะเป็นผู้รับใช้คริสเตียนคนหนึ่ง เธออาจมีโอกาสมากมายเข้าร่วมในงานประกาศ. การสัมภาษณ์ครอบครัวหนึ่งเน้นถึงความสุขุมแห่งคำแนะนำในพระคัมภีร์ดังกล่าว.
มีการใส่ใจในพวกเด็ก ๆ ในส่วนของคำบรรยายเรื่อง “บุตรผู้ซึ่งฟังและเรียนรู้.” ด้วยการฝึกอบรมลูก ๆ ของเขาให้เป็นผู้ฟังและเรียนรู้ บิดามารดาก็จะนำคำสรรเสริญมาสู่พระยะโฮวาและแสดงความรักต่อพี่น้องฝ่ายวิญญาณและลูก ๆ ของเขาเอง. สายสัมพันธ์ที่เชื่อมกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างบิดามารดากับบุตรจะคงอยู่ต่อ ๆ ไปหากเขาใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีคุณภาพ. บิดามารดาต้องพร้อมที่จะตอบคำถามต่าง ๆ ของลูก ๆ และกระตุ้นพวกเขาให้กระหายอยากได้ความรู้. อีกครั้งหนึ่งที่การสัมภาษณ์แสดงวิธีทำสิ่งนี้.
ต่อจากนั้นเป็นคำแนะนำที่ดีเรื่อง “เปลื้องภาระเพื่อรับใช้พระยะโฮวาได้อย่างเสรี.” จะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร? โดยที่คนเราไม่หมกมุ่นอยู่กับการงานฝ่ายโลก งานอดิเรกที่สิ้นเปลืองเวลา และการติดตามเป้าหมายด้านวัตถุ. พระเยซูกับอัครสาวกเปาโลแสดงตัวอย่างที่ดีโดยเป็นคนที่เสียสละตัวเอง. พลไพร่ของพระยะโฮวาจำเป็นต้องรักษาตาให้ปกติ เพ่งไปที่ผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักร. เมื่อมาถึงเรื่องการจัดหาสิ่งต่าง ๆ ฝ่ายวัตถุ นับว่าฉลาดกว่าที่จะเก็บสะสมขณะนี้และซื้อภายหลังดีกว่าซื้อตอนนี้และจ่ายทีหลัง. หนุ่มสาวจะต้องระมัดระวังในเรื่องความคิดเพ้อฝันเกี่ยวกับความเพลิดเพลินทางเพศและอาชีพฝ่ายโลก. การสัมภาษณ์ไพโอเนียร์ที่ยังไม่สมรสแสดงถึงพระพรต่าง ๆ ซึ่งได้มาเมื่อเขาเปลื้องภาระเพื่อจะได้เป็นอิสระในการรับใช้พระยะโฮวา.
รายการภาคเช้าวันเสาร์สิ้นสุดลงด้วยคำบรรยายเรื่อง “เข้าสู่เสรีภาพโดยการอุทิศตัวและการรับบัพติสมา.” ผู้เสนอตัวรับบัพติสมาได้มารับการเตือนให้จดจำไว้ว่า ขณะที่การกบฏของอาดามทำให้มนุษย์ถลำลงสู่สภาพทาส แต่พระเยซูคริสต์ ผู้ปลดปล่อยองค์ยิ่งใหญ่ทรงเปิดทางสู่เสรีภาพโดยเครื่องบูชาของพระองค์. ผู้บรรยายแสดงให้เห็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปลดเปลื้องสู่เสรีภาพเพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและเน้นหน้าที่รับผิดชอบอีกทั้งพระพรมากมายที่เป็นของคนเหล่านั้นที่รับบัพติสมา.
ภาคบ่ายของวันเสาร์
รายการภาคบ่ายวันเสาร์เริ่มต้นด้วยคำถามเจาะลึกถึงหัวใจที่ว่า “คุณแสวงหาผลประโยชน์ของใคร?” โลกสะท้อนน้ำใจของซาตานที่แสวงหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อตัวเอง. อย่างไรก็ตาม คริสเตียนเลียนแบบน้ำใจของพระเยซูคริสต์ที่เสียสละตัวเอง. พระองค์ทรงวางตัวอย่างที่ดีอะไรเช่นนั้น! พระองค์ทรงละสง่าราศีทางภาคสวรรค์และแล้วทรงสละชีวิตมนุษย์ของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา. การท้าทายที่ว่าเราจะแสวงหาผลประโยชน์ของใครนั้นเกิดขึ้นตอนที่มีการเข้าใจผิดระหว่างคริสเตียนในเรื่องธุรกิจหรือการเงิน และเมื่อมีการขัดผลประโยชน์ส่วนตัวและอื่น ๆ. เรื่องดังกล่าวทดสอบความรักของคริสเตียน. แต่โดยการแสวงหาผลประโยชน์ของคนอื่น ๆ คนนั้นก็ได้ตระหนักอย่างชัดเจนถึงพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าในเรื่องการให้ และเขาจะได้รับความพอพระทัยจากพระยะโฮวา.
ถัดมาเป็นหัวเรื่องที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดคือ “การรู้สำนึกและการเอาชนะความอ่อนแอทางฝ่ายวิญญาณ.” คำบรรยายนี้เน้นความจำเป็นที่จะตรวจสอบอาการอ่อนแอฝ่ายวิญญาณและให้ทำการต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อเอาชนะซาตานและกับดักของมัน. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต้องพัฒนาความรักอันสุดซึ้งต่อพระองค์และเกลียดสิ่งชั่ว. ข้อนี้เรียกร้องให้เรารู้จักคุ้นเคยกับพระยะโฮวาโดยการศึกษาส่วนตัวและศึกษากับครอบครัวอย่างมีความหมายและทำเป็นประจำ. เขาต้องหลีกเลี่ยงรูปแบบนันทนาการทุกชนิดซึ่งยกย่องความรุนแรงและการผิดศีลธรรมทางเพศ. (เอเฟโซ 5:3-5) นอกจากนั้น การอธิษฐานและการเข้าร่วมประชุมเป็นประจำเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อประสบความสำเร็จในการเอาชนะความอ่อนแอทางฝ่ายวิญญาณ.
อาจเป็นได้ที่หัวเรื่องคำบรรยายที่เป็นเหตุให้มีการพูดถึงกันมากกว่าคำบรรยายใด ๆ ที่เสนอ ณ การประชุมภาคคือเรื่อง “การสมรสเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสุขไหม?” หนุ่มสาวหลายคนคิดเช่นนั้น! แต่ผู้บรรยายทำให้เห็นชัดว่ามีกายวิญญาณผู้สัตย์ซื่อมากมายนับไม่ถ้วนเป็นผู้ที่มีความสุขทั้งที่ไม่ได้สมรส เช่นเดียวกับคริสเตียนที่ได้อุทิศตัวจำนวนมากก็มีความสุขอย่างยิ่งถึงแม้เขาไม่ได้ผูกพันด้วยการสมรส. ยิ่งกว่านั้น คู่สมรสหลายคู่ไม่มีความสุข ดังที่เห็นได้จากอัตราการหย่าร้างที่สูง. คนเราเพียงไตร่ตรองถึงพระพรต่าง ๆ มากมายที่คริสเตียนทุกคนซึ่งอุทิศตัวได้รับ เพื่อจะตระหนักว่าการสมรส แม้จะเป็นพระพร แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดเพื่อจะมีความสุข.
ส่วนนี้ติดตามด้วยคำบรรยายชุดเรื่อง “เสรีภาพแบบคริสเตียนในสมัยของเรา.” ผู้บรรยายคนแรกพิจารณาเรื่อง “แง่มุมต่าง ๆ แห่งเสรีภาพแบบคริสเตียนของเรา.” เรื่องเหล่านี้รวมถึงการมีเสรีภาพพ้นจากคำสอนของศาสนาเท็จเช่น ตรีเอกานุภาพ, จิตวิญญาณอมตะของมนุษย์, และการทรมานตลอดไป. จากนั้นก็กล่าวถึงเสรีภาพพ้นจากการเป็นทาสของบาป. แม้คริสเตียนจะเป็นคนไม่สมบูรณ์ พวกเขาเป็นอิสระจากนิสัยไม่ดีต่าง ๆ เช่น การสูบบุหรี่, การพนัน, การเมาเหล้า, การสำส่อนทางเพศ. นอกจากนั้น พวกเขามีเสรีภาพพ้นจากการสิ้นหวัง เนื่องจากพวกเขามีความหวังเรื่องอุทยานซึ่งกระตุ้นเขาให้บอกเล่าเรื่องนี้แก่คนอื่น ๆ.
ผู้บรรยายถัดมาถามว่า “คุณทะนุถนอมเสรีภาพเช่นนั้นเป็นส่วนตัวไหม?” การทะนุถนอมหมายถึงประคับประคองหรือคอยระวังรักษา. เพื่อจะทำเช่นนั้น ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องคอยระวังและต้านทานแนวโน้มที่จะทำเกินขอบเขตแห่งเสรีภาพของคริสเตียน. เสรีภาพของโลกเป็นการโกหกหลอกลวง เพราะนั่นยังผลให้ตกเป็นทาสของบาปและความเสื่อมเสีย.
ผู้บรรยายสุดท้ายของคำบรรยายชุดนี้พูดในหัวเรื่อง “ชนผู้รักเสรีภาพตั้งมั่นคง.” เพื่อจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ คริสเตียนต้องใกล้ชิดแนบแน่นกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเขาคือพระยะโฮวาและองค์การซึ่งเป็นดุจภรรยาของพระองค์. พลไพร่ของพระยะโฮวาจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกโน้มน้าวโดยคำโฆษณาชวนเชื่อของพวกออกหาก พวกเขาต้องปฏิเสธคนเหล่านั้นซึ่งมาพร้อมกับข้อเสนอต่าง ๆ ที่ผิดศีลธรรม. เพื่อจะมั่นคงในเสรีภาพที่พระเจ้าประทานให้ คริสเตียนจะต้อง “มีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ.”—ฆะลาเตีย 5:25.
คำบรรยายสุดท้ายของวันนั้นก่อความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง. มีชื่อเรื่องว่า “บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น.” พระเยซูคริสต์เป็นบุรุษที่ใหญ่ยิ่งที่สุด เนื่องจากพระองค์ส่งผลกระทบต่อชีวิตของมนุษยชาติมากมายมหาศาลยิ่งกว่าทุก ๆ กองทัพบก, กองทัพเรือ, รัฐสภา, และจักรพรรดิทุกองค์ที่เคยปกครอง. พระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งทรงพระชนม์ในสวรรค์ก่อนที่จะเสด็จมายังแผ่นดินโลก. ดังนั้น พระเยซูทรงเลียนแบบพระบิดาฝ่ายสวรรค์ได้อย่างดีในด้านการพูด การสอนและการดำเนินชีวิตกระทั่งพระองค์ทรงตรัสว่า “ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดาด้วย.” (โยฮัน 14:9, ล.ม.) พระเยซูทรงสำแดงออกอย่างดีเพียงไรว่า “พระเจ้าเป็นความรัก”! (1 โยฮัน 4:8) หลังจากพูดรายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระเยซูแล้ว ผู้บรรยายกล่าวถึงบทความชุดที่มีชื่อว่า “ชีวิตและงานสั่งสอนของพระเยซู” ซึ่งเคยพิมพ์ลงในวารสารหอสังเกตการณ์ ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 1985. เพื่อเป็นการตอบสนองคำร้องขอมากมาย บัดนี้สมาคมจึงออกหนังสือเล่มใหม่ชื่อ บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น. หนังสือนี้มี 133 บทและพิมพ์เป็นภาพสี. มีการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดถูกรวบรวมเป็นเล่มอยู่ในหนังสือขนาด 448 หน้า. แท้จริงแล้ว การประชุมในวันนั้นสิ้นสุดลงด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเบิกบานยินดีอย่างเหลือล้น!
วันอาทิตย์ก่อนเที่ยง
รายการของเช้าวันอาทิตย์เริ่มด้วยคำบรรยายชุด “ทำหน้าที่เป็นผู้จับคน.” คำบรรยายเรื่อง “การจับปลา—ตามที่เป็นจริงและโดยนัย” เป็นการปูพื้นฐานสำหรับคำบรรยายถัดมา. ผู้บรรยายชี้ว่าหลังจากที่พระเยซูทำการอัศจรรย์ในเรื่องการจับปลาแล้ว พระองค์ทรงเชิญชาวประมงเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้จับคน. บางโอกาสพระเยซูฝึกฝนสาวกของพระองค์ให้เป็นผู้จับคน และทรงเริ่มต้นในวันเพ็นเตคอสเตปีสากลศักราช 33 พวกเขาประสบความสำเร็จในการช่วยชายหญิงจำนวนมากเข้ามาเป็นสาวก.
ผู้บรรยายคนถัดไปพูดเกี่ยวกับอุทาหรณ์ของพระเยซูเรื่องอวนซึ่งบันทึกไว้ที่มัดธาย 13:47-50. ผู้บรรยายชี้แจงว่าอวนในความหมายเป็นนัยรวมเอาทั้งคริสเตียนผู้ถูกเจิมและคริสต์ศาสนจักร ที่รวมคริสต์ศาสนจักรด้วยก็เพราะงานในด้านการแปล, การพิมพ์, และการจ่ายแจกพระคัมภีร์ ซึ่งถึงแม้ว่าความพยายามเหล่านี้เก็บรวบรวมปลาที่ใช้ไม่ได้มากมายก็ตาม. โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1919 มีงานแยกแยะ เพื่อจะโยนปลาที่ใช้ไม่ได้ทิ้งไป ขณะเดียวกันก็เก็บรวบรวมปลาที่ใช้ได้เข้ามาในประชาคมซึ่งเป็นดุจตระกร้าที่ช่วยปกป้องและคุ้มครองคริสเตียนแท้ไว้เพื่องานรับใช้ศักดิ์สิทธิ์.
คำบรรยายที่สามมีชื่อเรื่องว่า “การจับคนในน่านน้ำทั่วโลก” เน้นหนักในหน้าที่รับผิดชอบสำหรับคริสเตียนที่อุทิศตัวทุกคนให้เข้าร่วมในงานจับคนทั่วโลก. ปัจจุบันนี้จำนวนกว่า 4,000,000 คนกำลังมีส่วนในงานนี้ในมากกว่า 200 ดินแดน และเมื่อไม่กี่ปีมานี้มีผู้รับบัพติสมามากกว่า 230,000 คนในแต่ละปี. ประชาชนของพระยะโฮวาทุกคนได้รับการปลุกเร้าให้ปรับปรุงความชำนาญในการจับคน และจากนั้นก็มีการสัมภาษณ์ “ผู้จับคน” หลายคนซึ่งประสบความสำเร็จในด้านนี้โดยเฉพาะ.
ในคำบรรยายต่อมาที่มีชื่อว่า “ตื่นตัวอยู่เสมอใน ‘ยุคสุดท้าย’” ผู้พูดได้ยกขึ้นมาเจ็ดวิธีเพื่อช่วยประชาชนของพระเจ้าให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ซึ่งได้แก่: การต่อต้านสิ่งที่ทำให้เขวไป, การอธิษฐาน, การประกาศคำเตือนเรื่องอวสานของระบบปัจจุบัน, การยึดมั่นอยู่กับองค์การของพระยะโฮวา, ทำการตรวจสอบตัวเอง, ใคร่ครวญคำพยากรณ์ที่สำเร็จไปแล้ว, และระลึกอยู่เสมอว่าความรอดของเราก็อยู่ใกล้กว่าตอนที่เราเริ่มเข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ.
รายการภาคเช้าสิ้นสุดด้วยการพิจารณาเรื่อง “ใครจะรอดพ้น ‘ยุคแห่งความยากลำบาก’?” ผู้บรรยายแสดงให้เห็นถึงวิธีที่คำพยากรณ์ของโยเอลสำเร็จในระดับหนึ่งคราวสมัยอัครสาวก และกำลังสำเร็จอยู่ในขณะนี้ และจะสำเร็จครบถ้วนในอนาคตอันใกล้นี้.
บ่ายวันอาทิตย์
รายการภาคบ่ายเริ่มด้วยคำบรรยายสาธารณะเรื่อง “การโห่ร้องอวยชัยโลกใหม่ของพระเจ้าที่ให้เสรีภาพ!” คำบรรยายนี้กล่าวถึงเสรีภาพอันเป็นอรรถบทของการประชุมต่อ. คำบรรยายชี้แจงว่าพระวจนะของพระเจ้าบอกล่วงหน้าถึงโลกใหม่ซึ่งจะมีเสรีภาพพ้นจากการบีบคั้นโดยปัจจัยฝ่ายศาสนาเท็จ, การเมือง, เศรษฐกิจ, ชาติพันธุ์. นอกจากนั้น จะมีเสรีภาพพ้นจากความบาปและความตาย. จะมีการฟื้นฟูสุขภาพให้สมบูรณ์เพื่อผู้คนจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปด้วยความสุขในอุทยานบนแผ่นดินโลก. ด้วยเหตุนี้ ชนผู้รักความชอบธรรมจึงมีเหตุผลทุกประการที่จะสรรเสริญผู้ที่ทำให้เกิดโลกใหม่ด้วยการโห่ร้องว่า “ขอบคุณ พระยะโฮวา สำหรับเสรีภาพอันแท้จริงในที่สุด!”
หลังจากคำบรรยายสาธารณะมีสิ่งใหม่สำหรับการประชุมภาคคือ การพิจารณาบทเรียนในวารสารหอสังเกตการณ์ สำหรับอาทิตย์นั้น. ต่อจากนั้น การประชุมภาคจบลงด้วยคำบรรยายที่เร้าใจและเตือนสติเรื่อง “ชนผู้รักเสรีภาพ จงรุดหน้าต่อไป.” ผู้บรรยายกล่าวสั้น ๆ ถึงจุดสำคัญ ๆ ของอรรถบทการประชุมภาคเรื่องเสรีภาพ. เขาเน้นว่าพลไพร่ของพระยะโฮวาช่างมีความสุขสักเพียงไรเนื่องจากเสรีภาพของพวกเขา และได้ยกข้อปลีกย่อยวิธีต่าง ๆ ที่คริสเตียนได้ก้าวหน้าไป แล้วกระตุ้นเขาให้ทำความก้าวหน้าอย่างเป็นเอกภาพต่อ ๆ ไปเพื่อจะได้รับพระพรมากขึ้น. เขาปิดการประชุมด้วยถ้อยคำดังนี้: “ขณะที่เราทำเช่นนี้ ขอพระยะโฮวาทรงอวยพรพวกเราทุก ๆ คนเพื่อเราจะรุดหน้าต่อ ๆ ไปฐานะชนผู้รักเสรีภาพ.”
“สรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมเสีย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า.”—โรม 8:20, 21.
[รูปภาพหน้า 25]
ตัวแทนหนุ่มที่เข้าร่วมการประชุมภาคที่ปราก เชโกสะโลวะเกีย
[รูปภาพหน้า 26]
1. ผู้เสนอตัวกำลังไปยังสถานที่รับบัพติสมาในกรุงปราก เชโกสะโลวะเกีย
2. การรับบัพติสมาฐานะเป็นพยานพระยะโฮวาในทาลลินน์, เอสโตเนีย
3. หนังสือใหม่นำความชื่นชมยินดีมาสู่ผู้เข้าร่วมประชุมในอูโซลาย-ซิบีร์สโกเย, ไซบีเรีย
4. การออก “พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่” ในภาษาเชกและสะโลวัก ณ การประชุมภาคที่กรุงปราก