คัมภีร์ไบเบิล—หนังสือที่ควรอ่าน
ดูเหมือนคำเปรียบเทียบขั้นสูงสุดจะมีไม่พอเมื่อพูดถึงคัมภีร์ไบเบิล. พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่จำหน่ายแพร่หลายที่สุดตลอดประวัติศาสตร์. คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือเก่าแก่ที่สุด, แปลมากที่สุด, ยกขึ้นมากล่าวมากที่สุด, มีผลกระทบมากที่สุด และน่านับถือที่สุด. และพระคัมภีร์อาจจะเป็นหนังสือที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งมากที่สุดด้วย. และแน่นอน เป็นหนังสือที่ได้รอดพ้นการสั่งห้าม, การเผา, และการต่อต้านแบบรุนแรงมากที่สุด. แต่น่าเสียดาย มีระดับสูงสุดอย่างหนึ่งที่ไม่อาจนำมาใช้ได้กับคัมภีร์ไบเบิลอีกต่อไป. ดูเหมือนจะไม่ใช่หนังสือที่อ่านกัน อย่างกว้างขวางที่สุดในโลกอีกต่อไป.
ขณะที่ผู้คนอาจมีคัมภีร์ไบเบิลอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน หลายคนรู้สึกว่าเขามีธุระยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลาอ่านพระคัมภีร์อย่างแท้จริง. ครั้งหนึ่งการอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกที่นิยมกัน. อย่างไรก็ดี ขณะนี้คนส่วนใหญ่ชอบใช้เวลาว่างของเขาดูโทรทัศน์หรือทำสิ่งอื่น ๆ. คนเหล่านั้นที่ยังคงอ่านหนังสืออยู่บ้าง ตามปกติแล้วก็ชอบเรื่องเบา ๆ ง่าย ๆ มากกว่า. การอ่านคัมภีร์ไบเบิลต้องเอาใจจดจ่อ และคนส่วนใหญ่ไม่เอาใจจดจ่ออย่างลึกซึ้งในสิ่งที่เขาอ่านนั้นอีกต่อไป.
ถึงกระนั้น คัมภีร์ไบเบิลใช่ว่ารอดพ้นมาเพียงเพื่อถูกวางทิ้งไว้บนหิ้งหนังสือของเรา. มีเหตุผลดี ๆ ที่ควรอ่านพระคัมภีร์. จงพิจารณาข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับพระคัมภีร์.
ไม่น่าประหลาดใจที่พระคัมภีร์ยืนยง!
คำ “ไบเบิล” มาจากคำภาษากรีกบิบลิʹอา หมายถึง “หนังสือเล่มเล็ก ๆ หลายเล่ม.” นี้ช่วยเราให้ระลึกว่า คัมภีร์ไบเบิลประกอบด้วยหนังสือหลายเล่ม—บางเล่มไม่เล็กเท่าใดนัก! มีการเขียนหนังสือเหล่านั้นขึ้นระหว่างช่วงเวลาหนึ่งพันหกร้อยปี. ถึงแม้ผู้เขียนเป็นมนุษย์ก็ตาม พวกเขาได้รับการดลใจจากแหล่งที่สูงกว่า. ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีคราวใดที่มีการนำคำพยากรณ์ออกมาตามน้ำใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ได้กล่าวมาจากพระเจ้า ตามที่เขาได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์.” (2 เปโตร 1:21, ล.ม.) สิ่งที่เป็นจริงกับคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ก็เป็นจริงกับส่วนที่เหลือนอกนั้นของคัมภีร์ไบเบิลด้วย. “หนังสือเล่มเล็ก ๆ” เหล่านี้ที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าเต็มไปด้วยความคิดอันสูงส่งของพระเจ้ายะโฮวา. (ยะซายา 55:9) ไม่น่าประหลาดใจที่คัมภีร์ไบเบิลยืนยงอยู่นานทีเดียว!
สำหรับผู้รับใช้ของพระเจ้าแล้ว คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือสำคัญที่สุดเสมอมา. พวกเขาเห็นพ้องกับอัครสาวกเปาโล ซึ่งตัวท่านเองเป็นผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่ง. ท่านได้กล่าวว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนได้มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน.” (2 ติโมเธียว 3:16, ล.ม.) เพราะฉะนั้น คัมภีร์ไบเบิลเป็นรากฐานแห่งความเชื่อของพยานพระยะโฮวาในทุกวันนี้. พระคัมภีร์กำหนดหลักคำสอนและควบคุมความประพฤติของพวกเขา. พวกเขาส่งเสริมอย่างสิ้นสุดหัวใจให้ทุกคนอ่านบางตอนจากพระวจนะของพระเจ้าทุกวันและคิดรำพึงด้วยความหยั่งรู้ค่าในเนื้อหาของพระคำนั้น.—บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3.
นิสัยการอ่านคัมภีร์ไบเบิล
นิสัยการอ่านพระคัมภีร์เป็นประโยชน์ในอดีตกาล. กษัตริย์แห่งชาติยิศราเอลได้รับพระบัญชาให้คัดลอกพระบัญญัติด้วยมือของตนเอง—ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนสำคัญของคัมภีร์ไบเบิล—และให้อ่านพระบัญญัตินั้นทุกวันเพื่อเป็นข้อเตือนใจให้ระลึกถึงพระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำหรับพวกเขาเสมอ. (พระบัญญัติ 17:18-20) การที่ไม่ได้ทำเช่นนั้นเป็นเหตุให้กษัตริย์หลายองค์ประสบความหายนะ.
คุณค่าของการศึกษาพระคัมภีร์มีตัวอย่างปรากฏชัดในกรณีของดานิเอลผู้พยากรณ์ที่ชราภาพ. เนื่องจากการศึกษาส่วนตัวในตอนต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลซึ่งมีอยู่ในสมัยของท่าน ขณะพลัดถิ่นอยู่ในบาบูโลน ดานิเอลจึงสามารถ ‘เข้าใจจากทะเบียน [หนังสือ, ล.ม.]’ ว่า คำพยากรณ์สำคัญที่บันทึกโดยยิระมะยาจวนจะสำเร็จสมจริงแล้ว.—ดานิเอล 9:2.
ในคราวการประสูติของพระเยซู ซิมโอน บุรุษผู้ “ชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า” คาดหวังด้วยความมั่นใจว่าจะเห็นผู้ซึ่งจะมาเป็นพระคริสต์ หรือพระมาซีฮา. มีการให้คำมั่นสัญญากับซิมโอนว่า เขาจะไม่ตายก่อนได้เห็นพระคริสต์. การที่เขาพูดพาดพิงคำพยากรณ์ของยะซายาขณะที่อุ้มทารกเยซูอยู่นั้นแสดงว่า ซิมโอนเป็นนักอ่านที่ตั้งอกตั้งใจอ่านพระธรรมต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งมีการเขียนไว้แล้วในสมัยของเขา.—ลูกา 2:25-32; ยะซายา 42:6.
เมื่อโยฮันผู้ให้รับบัพติสมาประกาศนั้น “คนทั้งหลายกำลังมุ่งคอย” พระมาซีฮาอยู่. เรื่องนี้บ่งชี้ถึงอะไร? นั่นชวนให้คิดว่า หลายคนในท่ามกลางพวกยิวคุ้นเคยกับคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระมาซีฮาที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์. (ลูกา 3:15) นี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะในสมัยนั้นหนังสือใช่ว่าหาได้ง่าย ๆ. ต้องใช้มือคัดสำเนาของพระธรรมต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลด้วยความอุตสาหะ เพราะฉะนั้น สำเนาเหล่านั้นจึงมีราคาแพงและหายาก. แล้วผู้คนได้มาคุ้นเคยกับเนื้อหาของพระธรรมต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลโดยวิธีใด?
ในหลายกรณี โดยการอ่านในที่สาธารณะ. ตัวอย่างเช่น โมเซได้บัญชาว่า ในเวลาที่กำหนดไว้แน่นอน ต้องมีการอ่านพระบัญญัติทั้งสิ้นที่พระเจ้าประทานให้นั้นต่อชนยิศราเอลที่มาชุมนุมกัน. (พระบัญญัติ 31:10-13) เมื่อมาถึงศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช การอ่านคัมภีร์ไบเบิลในที่สาธารณะทำกันอย่างแพร่หลาย. สาวกยาโกโบได้กล่าวว่า “ตั้งแต่โบราณมาใน [ทุก, ล.ม.] หมู่บ้าน คนอ่าน สอน ประกาศบัญญัติของโมเซในธรรมศาลาทุกวันซะบาโต.”—กิจการ 15:21.
ปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายที่จะมีคัมภีร์ไบเบิลเป็นเล่มส่วนตัว. อย่างน้อยที่สุด “หนังสือเล่มเล็ก ๆ” เหล่านี้บางเล่มหาได้ในภาษาต่าง ๆ ของประชากรโลก 98 เปอร์เซ็นต์. ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลายคนไม่สนใจเรียนรู้สิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวกับพวกเขา. สมัยนี้อาจเป็นยุควิทยาศาสตร์ แต่คัมภีร์ไบเบิล พระวจนะของพระเจ้ายัง “เป็นประโยชน์สำหรับสั่งสอน” อย่างเด่นชัด. พระคัมภีร์ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในเรื่องศีลธรรม, มนุษยสัมพันธ์, และเรื่องอื่น ๆ หลายเรื่อง. ยิ่งกว่านั้น คัมภีร์ไบเบิลเสนอความหวังที่แน่นอนอย่างเดียวในเรื่องอนาคตที่สงบสุข.
จงอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำ
เพราะฉะนั้น พยานพระยะโฮวาจึงทำให้การสนับสนุนการอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำเป็นส่วนสำคัญแห่งงานของเขา. บนอาคารโรงงาน ณ สำนักใหญ่ของพวกเขาในบรุกลิน นิวยอร์ก มีถ้อยคำที่เร่งเร้าเป็นตัวอักษรหนาปรากฏอยู่ว่า “จงอ่านคัมภีร์ไบเบิลบริสุทธิ์ พระวจนะของพระเจ้าทุกวัน.” ผู้สัญจรไปมาหลายล้านคนได้เห็นถ้อยคำเหล่านี้ และหวังกันว่า หลายคนจะเอาใจใส่ฟังถ้อยคำเหล่านั้น.
ในมากกว่า 73,000 ประชาคมแห่งพยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลก มีการจัดวาระการประชุมโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าขึ้นทุกสัปดาห์. ส่วนหนึ่งของหลักสูตรคือการอ่านในที่สาธารณะจากตอนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิลที่ได้เลือกไว้. ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนได้รับมอบหมายให้อ่านคัมภีร์ไบเบิลบางบทเป็นส่วนตัวที่บ้านของเขาเองทุกสัปดาห์ด้วย. คนเหล่านั้นที่รักษาตารางการอ่านนี้ในที่สุดก็อ่านคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มจบ.
การจัดเตรียมนี้ประสานกับตำราเล่มหนึ่งซึ่งใช้ในโรงเรียนนี้. คู่มือโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบการของพระเจ้า กล่าวว่า “ในตารางเวลาส่วนตัวนั้น ท่านควรจะจัดเวลาไว้สำหรับการอ่านพระคัมภีร์โดยตรงด้วย. การอ่านพระคัมภีร์ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นนับว่ามีคุณค่ามากทีเดียว. . . . อย่างไรก็ดี เป้าหมายในการอ่านของท่านนั้นไม่ควรเพียงแต่อ่านให้จบเท่านั้น แต่เพื่อให้เข้าใจแนวความคิดสำคัญ ๆ ในส่วนนั้น ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะจำได้. จงใช้เวลาไตร่ตรองข้อความที่อ่านนั้น.”
หนังสืออื่น ๆ ที่พยานพระยะโฮวาผลิตออกมานั้นสนับสนุนการอ่านคัมภีร์ไบเบิลเช่นเดียวกัน. ตัวอย่างเช่น ในวารสารตื่นเถิด! ที่ออกคู่กันกับวารสารนี้ มีการสนับสนุนเยาวชนดังนี้: “คุณเคยอ่าน . . . คัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่ต้นจนจบไหม? ถูกแล้ว คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือเล่มใหญ่ แต่ทำไมไม่แบ่งการอ่านพระคัมภีร์เป็นตอนย่อย ๆ ล่ะ? . . . ชาวเมืองเบรอยะที่ ‘มีจิตใจสูงตรวจค้นดูพระคัมภีร์อย่างรอบคอบทุก ๆ วัน.’ (กิจการ 17:11, ล.ม.) หากคุณติดตามตารางการอ่านทุกวันเพียงวันละ 15 นาที . . . คุณก็จะอ่านคัมภีร์ไบเบิลจบภายในหนึ่งปี.” ถูกแล้ว พยานพระยะโฮวารู้สึกว่าคริสเตียนสมัยปัจจุบันควรคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับพระคัมภีร์ เช่นเดียวกับผู้รับใช้ของพระเจ้าในอดีต.
โดยคำนึงถึงเรื่องนี้ พวกพยานฯได้ส่งเสริมการอ่านในที่สาธารณะจากคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลสำหรับศตวรรษที่ 20. พวกเขาได้ทำตลับเทปบันทึกเสียงการอ่านคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มในหลายภาษา. นี้เป็นเครื่องช่วยที่ดีเลิศสำหรับหลายคนที่จะเอาชนะอุปสรรคบางอย่างในการอ่านคัมภีร์ไบเบิล. บางคนฟังเทปบันทึกเสียงเหล่านี้ระหว่างทำงานในบ้าน, ขับรถ, หรือทำสิ่งอื่น ๆ หลายอย่าง. การนั่งลงและฟังการอ่านตอนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิลอย่างเงียบ ๆ ขณะที่อ่านพระคัมภีร์ของคุณเองตามไปด้วยนั้นเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เบิกบานใจ.
หากคุณยังไม่อ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน จงทำให้การอ่านเช่นนั้นเป็นนิสัยของคุณ การทำเช่นนี้ไม่ต้องใช้เวลานานในแต่ละวัน ทว่าผลประโยชน์จะมีมากมาย เพราะการนำพระคัมภีร์ไปใช้จะทำให้คุณสามารถปฏิบัติอย่างฉลาดสุขุมและมีชีวิตที่ให้บำเหน็จทางฝ่ายวิญญาณ. คุณจะปฏิบัติสอดคล้องกับพระบัญชานี้ที่ทรงให้ไว้กับยะโฮซูอะผู้นำของชนยิศราเอลนานมาแล้วที่ว่า “หนังสือกฎหมายนี้ไม่ควรให้ขาดจากปากของเจ้า และเจ้าต้องอ่านออกเสียงเบา ๆ ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อว่าเจ้าจะได้ทำตามสิ่งที่เขียนไว้นั้นทุกข้อทุกประการ เพราะถ้าเจ้าทำอย่างนั้นเจ้าจะบรรลุผลสำเร็จและเจ้าจะปฏิบัติอย่างสุขุมรอบคอบ.”—ยะโฮซูอะ 1:8, ล.ม.
บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยพระประสงค์อันเปี่ยมด้วยความรักของพระยะโฮวาสำหรับมนุษยชาติที่เชื่อฟัง. ความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระวจนะของพระองค์ที่มีขึ้นโดยการดลใจยังผลด้วยความสุขแท้และความหวังเรื่องชีวิตถาวรในอุทยานในโลกใหม่อันยอดเยี่ยมที่มีพระพรไม่สิ้นสุด. (ลูกา 23:43; 2 เปโตร 3:13) ขอให้คุณฉวยโอกาสอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิล แล้วคว้าเอาชีวิตอันน่าพิศวงนี้.