ความรับผิดชอบมาพร้อมกับการรู้จักศาสนาแท้
“คนทั้งหลายที่ได้ยินคำของพระเจ้า, และได้ถือรักษาคำนั้นไว้, ก็เป็นสุข.”—ลูกา 11:28.
1. ครั้นได้มารู้จักศาสนาแท้ คนประเภทไหนดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับศาสนาแท้นั้น?
ไม่พอถ้าเพียงแต่จะระบุศาสนาแท้. หากเราเป็นคนรักสิ่งที่ถูกต้องและจริง ครั้นเราได้พบศาสนาแท้แล้ว เราจะดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับศาสนาแท้. ศาสนาแท้หาใช่เพียงปรัชญาทางจิตใจเท่านั้น แต่เป็นวิถีชีวิต.—บทเพลงสรรเสริญ 119:105; ยะซายา 2:3; เทียบกับกิจการ 9:2.
2, 3. (ก) โดยวิธีใดพระเยซูทรงเน้นความสำคัญของการปฏิบัติตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า? (ข) ภาระรับผิดชอบอะไรตกอยู่กับทุกคนที่รู้จักศาสนาแท้?
2 พระเยซูคริสต์ทรงเน้นความสำคัญเรื่องการกระทำสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยว่าเป็นพระทัยประสงค์ของพระองค์. ตอนจบของการสอนที่รู้จักกันว่าคำเทศน์บนภูเขานั้น พระเยซูได้ทรงแจ้งให้ทราบว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกพระองค์ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า (ด้วยวิธีนี้จึงอ้างตัวเป็นคริสเตียน) จะเข้าในราชอาณาจักร เฉพาะผู้ที่กระทำตามพระทัยประสงค์แห่งพระบิดาของพระองค์เท่านั้นจะเข้าได้. พระองค์ตรัสว่า คนอื่นนอกนั้นจะได้รับการปฏิเสธฐานะ “ผู้ละเมิดกฎหมาย.” เหตุใดจึงเป็นการละเมิดกฎหมาย? เพราะว่า ดังแจ้งไว้ในคัมภีร์ไบเบิล การไม่กระทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าคือการทำบาป และการทำบาปทุกอย่างเป็นการละเมิดกฎหมาย. (มัดธาย 7:21-23, ล.ม.; 1 โยฮัน 3:4; เทียบกับโรม 10:2, 3.) คนเราอาจรู้จักศาสนาแท้ เขาอาจชมเชยคนเหล่านั้นที่สอนศาสนานั้น ๆ และเขาอาจถึงกับกล่าวยกย่องผู้ปฏิบัติศาสนาแท้เสียด้วยซ้ำ แต่ตัวเขาเองก็มีความรับผิดชอบจะปฏิบัติศาสนานั้นในชีวิตของตน. (ยาโกโบ 4:17) ถ้าเขารับเอาความรับผิดชอบนี้ เขาจะพบว่าชีวิตของตนอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเขาจะประสบความปีติยินดีซึ่งจะไม่ได้จากทางอื่น.
3 ในบทความก่อน เราได้พิจารณาเครื่องหมายหกอย่างที่บ่งชี้ลักษณะศาสนาแท้. แต่ละอย่างไม่เพียงแต่ช่วยเราให้ระบุศาสนาแท้ แต่ยังเสนอสิ่งท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ให้พวกเรา. ในทางใดบ้าง?
คุณตอบสนองพระวจนะของพระเจ้าอย่างไร?
4. (ก) ขณะที่คนใหม่เริ่มสมาคมกับพยานพระยะโฮวา ไม่นานหลังจากนั้นเขาสังเกตเห็นอะไรเกี่ยวกับการที่พยานฯใช้คัมภีร์ไบเบิล? (ข) การได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณอย่างอิ่มหนำมีผลกระทบอย่างไรต่อผู้รับใช้ของพระยะโฮวา?
4 เมื่อพยานพระยะโฮวานำการศึกษาพระคัมภีร์กับคนสนใจใหม่ คนใหม่เหล่านั้นหลายคนเข้าใจอย่างรวดเร็วว่า สิ่งที่เขาได้เรียนนั้นมาจากคัมภีร์ไบเบิล. เมื่อตอบคำถามของพวกเขา ผู้นำการศึกษาไม่ได้พึ่งหลักข้อเชื่อของคริสตจักร, ประเพณีนิยมของมนุษย์, หรือข้อคิดเห็นของบุคคลเด่น. พระวจนะของพระเจ้านั้นเองเป็นต้นตำรับ. เมื่อพวกเขาไปยังหอประชุมราชอาณาจักรก็สังเกตเห็นว่า ที่นั่นก็เช่นกันคัมภีร์ไบเบิลเป็นตำราหลัก. ไม่นานเท่าไร คนที่แสวงความจริงด้วยความบริสุทธิ์ใจจะตระหนักว่า ปัจจัยสำคัญที่ก่อความปีติยินดีซึ่งตนได้พบเห็นท่ามกลางพยานพระยะโฮวานั้นคือข้อเท็จจริงที่ว่า พยานฯทั้งหลายได้รับการเลี้ยงดูฝ่ายวิญญาณอย่างอิ่มหนำจากพระวจนะของพระเจ้า.—ยะซายา 65:13, 14.
5. (ก) บรรดาผู้ที่เฝ้าสังเกตพยานพระยะโฮวาได้เผชิญข้อท้าทายอะไร? (ข) คนเหล่านั้นอาจมีส่วนประสบความยินดีอย่างพวกพยานฯได้อย่างไร?
5 ถ้าคุณตระหนักเรื่องนี้ คุณมีปฏิกิริยาอย่างไร? ถ้าคุณเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ คุณไม่อาจจะเป็นแค่ผู้สังเกตที่ดูดาย และคุณเองคงไม่ต้องการเป็นอย่างนั้น. คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นเพียง “ผู้ฟังเท่านั้น” แต่ไม่ “เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามพระคำ” ย่อมเป็น “คนหลอกตัวเองด้วยการคิดหาเหตุผลผิด ๆ.” (ยาโกโบ 1:22, ล.ม.) เขาหลอกตัวเองเพราะไม่ตระหนักว่า ไม่ว่าเขาอาจพูดอย่างไร การที่เขาขาดการเชื่อฟังพระเจ้าแสดงว่า เขาไม่รักพระองค์จริง ๆ. การอ้างความเชื่อโดยไม่มีการสนับสนุนด้วยการปฏิบัติก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว. (ยาโกโบ 2:18-26; 1 โยฮัน 5:3) ในทางกลับกัน คนที่ได้รับแรงกระตุ้นเนื่องด้วยเขามีความรักต่อพระยะโฮวาให้เป็น “ผู้ปฏิบัติการงาน” “จะเป็นสุขในการปฏิบัติตาม.” ใช่แล้ว ดังพระเยซูคริสต์ได้ทรงชี้แจงว่า “คนทั้งหลายที่ได้ยินคำของพระเจ้า, และได้ถือรักษาคำนั้นไว้, ก็เป็นสุขมากยิ่งกว่านั้นอีก!”—ยาโกโบ 1:25, ล.ม.; ลูกา 11:28; โยฮัน 13:17.
6. ถ้าเราหยั่งรู้ค่าพระวจนะของพระเจ้าจริง ๆ โดยส่วนตัวแล้ว เราจะพยายามฉวยเอาโอกาสต่าง ๆ อะไรบ้าง?
6 ความปีติยินดีนั้นจะลึกซึ้งยิ่งขึ้นเมื่อคุณเติบโตด้วยความรู้เกี่ยวกับพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและนำเอาสิ่งต่าง ๆ ที่คุณเรียนรู้ไปปฏิบัติ. คุณจะใช้ความพยายามมากแค่ไหนเพื่อศึกษาพระวจนะของพระเจ้า? คนนับพันนับหมื่นที่อ่านหนังสือไม่ออกได้พยายามเรียนหนักเพื่อจะอ่านได้ เขาทำอย่างนั้นเพื่อจะสามารถอ่านพระคัมภีร์และสอนคนอื่นเรื่องพระคัมภีร์ด้วย. บางคนตื่นนอนแต่เช้าตรู่ทุกวัน เพื่อจะสามารถใช้เวลาแต่ละวันอ่านพระคัมภีร์และคู่มือศึกษาพระคัมภีร์ อาทิ วารสารหอสังเกตการณ์. ขณะคุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลต่อเนื่องกันเป็นการส่วนตัว หรือค้นข้อคัมภีร์ซึ่งอ้างไว้ในหนังสือสำหรับศึกษา จงสังเกตให้ถี่ถ้วนถึงข้อกฎหมายและคำสั่งต่าง ๆ ของพระยะโฮวา และพยายามเข้าใจหลักสำคัญหลาย ๆ อย่างที่มีไว้เป็นเครื่องนำทางของเรา. จงคิดรำพึงถึงเรื่องซึ่งแต่ละตอนเปิดเผยเรื่องพระเจ้า, พระประสงค์ของพระองค์, และการปฏิบัติของพระองค์กับมนุษยชาติ. จงจัดเวลาไว้เพื่อเรื่องนี้จะนวดปั้นหัวใจของคุณ. จงใคร่ครวญดูว่ามีทางที่คุณสามารถจะใช้คำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลให้เป็นประโยชน์ในชีวิตตัวเองอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นหรือไม่.—บทเพลงสรรเสริญ1:1, 2; 19:7-11; 1 เธซะโลนิเก 4:1.
ความเลื่อมใสของคุณต่อพระยะโฮวาครบถ้วนไหม?
7. (ก) หลักคำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพส่งผลกระทบต่อความพยายามของผู้คนให้นมัสการพระเจ้าในวิธีใด? (ข) อาจเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนเราเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
7 ผู้คนหลายล้านรู้สึกโล่งอกเมื่อรู้ว่า พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ไม่ใช่พระตรีเอกานุภาพ. การอธิบายว่า “มันเป็นเรื่องลึกลับ” ไม่เคยทำให้พวกเขาเกิดความพอใจ. พวกเขาจะเข้าใกล้พระเจ้าได้อย่างไรถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจพระองค์? เนื่องจากการสอนเช่นนั้น พวกเขามักจะละเลยพระบิดา (ซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ยินพระนามของพระองค์ในโบสถ์เสียด้วยซ้ำ) และนมัสการพระเยซูเป็นพระเจ้า หรือไม่ก็มุ่งการนมัสการไปที่มาเรีย (ซึ่งเขาถูกสอนมาว่าเป็น “มารดาของพระเจ้า”). แต่หัวใจของเขาตอบรับด้วยความยินดีเมื่อพยานพระยะโฮวาเปิดคัมภีร์ไบเบิลและชี้ให้เขาเห็นพระนามเฉพาะของพระเจ้า คือยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 83:18) สตรีชาวเวเนซุเอลาคนหนึ่งดีใจมากเมื่อเธอได้เห็นพระนามพระเจ้า ถึงขนาดสวมกอดหญิงสาวพยานฯที่ให้ความจริงอันมีค่าข้อนี้แก่เธอ และตกลงจะศึกษาพระคัมภีร์. เมื่อบุคคลเช่นนั้นเรียนรู้ว่า พระเยซูทรงกล่าวถึงพระบิดาของพระองค์ว่าเป็น “พระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” และทรงเรียกพระบิดาว่า “พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว” คนเหล่านั้นจึงตระหนักว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนเกี่ยวกับพระเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจได้. (โยฮัน 17:3; 20:17) เมื่อเขามารู้จักคุณลักษณะประการต่าง ๆ ของพระยะโฮวา เขามีความรู้สึกว่าถูกชักนำให้เข้าใกล้พระองค์ เริ่มอธิษฐานถึงพระองค์, และปรารถนาทำให้พระองค์พอพระทัย. ผลเป็นอย่างไร?
8. (ก) เนื่องจากเขามีความรักต่อพระยะโฮวาและปรารถนาจะทำให้พระองค์พอพระทัย ผู้คนนับล้าน ๆ ได้ทำอะไร? (ข) เพราะเหตุใดการรับบัพติสมาของคริสเตียนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง?
8 ระหว่างสิบปีที่ผ่านมา มีประชาชนถึง 2,528,524 คนในหกทวีปและหลายสิบหมู่เกาะได้อุทิศชีวิตของตนแด่พระยะโฮวาแล้วแสดงเครื่องหมายเกี่ยวกับการอุทิศตัวโดยการรับบัพติสมาในน้ำ. คุณเป็นหนึ่งในชนกลุ่มนี้ไหม หรือว่าตอนนี้คุณกำลังเตรียมจะรับบัพติสมา? การรับบัพติสมาเป็นก้าวสำคัญในชีวิตของคริสเตียนแท้ทุกคน. พระเยซูทรงสั่งสาวกของพระองค์ทำให้ผู้คนจากทุกประเทศเป็นสาวก และให้เขารับบัพติสมา. (มัดธาย 28:19, 20) อนึ่ง สิ่งพึงสังเกตคือ ทันทีที่พระเยซูได้รับบัพติสมาแล้ว พระยะโฮวาเองได้ตรัสจากสวรรค์ดังนี้: “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา, เราชอบใจท่านมาก.”—ลูกา 3:21, 22.
9. ที่จะรักษาสัมพันธภาพกับพระยะโฮวาดังที่พระองค์พอพระทัยให้คงอยู่ต่อไป มีข้อเรียกร้องอะไรในส่วนของเรา?
9 สัมพันธภาพอันน่าพอใจกับพระยะโฮวาเป็นสิ่งที่ควรทะนุถนอม. ถ้าคุณได้เข้าร่วมความสัมพันธ์ดังกล่าวโดยการอุทิศตัวและการรับบัพติสมา คุณจะต้องละเว้นการกระทำไม่ว่าอะไรก็ตามซึ่งอาจเสียหายต่อสายสัมพันธ์นั้น. อย่ายอมให้ความกระวนกระวายต่าง ๆ ในชีวิตและการฝักใฝ่หาวัตถุสิ่งของทำให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าต้องลดลงมาเป็นอันดับรอง. (1 ติโมเธียว 6:8-12) จงดำเนินชีวิตประสานกับคำแนะนำในสุภาษิต 3:6 อย่างแท้จริงที่ว่า “จงรับพระองค์ [พระยะโฮวา] ให้เข้าส่วนในทางทั้งหลายของเจ้า, และพระองค์จะชี้ทางเดินของเจ้าให้แจ่มแจ้ง.”
ความรักของพระคริสต์มีผลกระทบต่อคุณลึกล้ำเพียงไร?
10. ทำไมการนมัสการพระยะโฮวาของเราไม่เป็นเหตุให้เรามองข้ามพระเยซู?
10 ความหยั่งรู้ค่าอย่างเหมาะสมต่อพระยะโฮวาฐานะเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียวนั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้ทำให้คนเรามองข้ามพระเยซูคริสต์. ตรงกันข้าม วิวรณ์ 19:10 (ล.ม.) ว่าดังนี้: “ด้วยว่าการเป็นพยานถึงพระเยซูนั้นเป็นสิ่งดลใจให้พยากรณ์.” จากพระธรรมเยเนซิศถึงวิวรณ์ คำพยากรณ์มากมายที่มีขึ้นโดยการดลใจนั้นให้รายละเอียดเกี่ยวกับบทบาทของพระเยซูคริสต์ในพระประสงค์ของพระยะโฮวา. ขณะที่คนเราได้มาคุ้นเคยกับรายละเอียดเหล่านั้น ภาพประทับใจอย่างน่าทึ่งได้ปรากฏออกมาซึ่งปราศจากร่องรอยการบิดเบือนหรือการสำคัญผิดที่สืบเนื่องจากคำสอนต่าง ๆ อันจอมปลอมของคริสต์ศาสนจักร.
11. การเรียนรู้จากสิ่งซึ่งคัมภีร์ไบเบิลสอนเกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้ามีผลกระทบอย่างไรต่อสตรีคนหนึ่งในประเทศโปแลนด์?
11 การเข้าใจความจริงเรื่องพระบุตรของพระเจ้าอาจส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อคนเรา. อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับดานุทา สตรีชาวโปแลนด์. เธอได้ติดต่อกับพยานพระยะโฮวามานานถึงแปดปี, ชอบสิ่งที่พยานฯสอน แต่เธอไม่ได้ยึดเอาการนมัสการแท้เป็นวิถีชีวิตของเธอ. ครั้นแล้ว เธอได้รับหนังสือบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น ซึ่งเสนอชีวประวัติของพระคริสต์ด้วยลีลาการเขียนที่เข้าใจง่าย.a กลางดึกของคืนนั้น เธอเปิดหนังสืออ่าน ตั้งใจจะอ่านเพียงบทเดียว. อย่างไรก็ดี เธออ่านจนกระทั่งย่ำรุ่งจนจบเล่ม. เธอถึงกับร้องไห้ และกล่าววิงวอนว่า “โอ้พระยะโฮวา ได้โปรดอภัยข้าพเจ้าเถิด.” ผลสืบเนื่องจากสิ่งที่เธอได้อ่าน เธอแลเห็นความรักซึ่งแสดงออกโดยพระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์นั้นชัดแจ้งยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน. เธอสำนึกว่า ตลอดแปดปี เธอเป็นคนอกตัญญูโดยได้ปฏิเสธความช่วยเหลือที่พระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยเผื่อแผ่ให้เธอ. ในปี 1993 เธอจึงรับบัพติสมาเป็นสัญลักษณ์แสดงการอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาบนพื้นฐานความเชื่อในพระเยซูคริสต์.
12. ความรู้ถ่องแท้เกี่ยวด้วยพระเยซูคริสต์กระทบกระเทือนชีวิตของพวกเราอย่างไร?
12 “ความรู้ถ่องแท้ในเรื่องพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” เกี่ยวโยงกับการเป็นคริสเตียนที่แข็งขันและบังเกิดผล. (2 เปโตร 1:8, ล.ม.) คุณจะมีส่วนร่วมงานดังกล่าว ด้วยการแบ่งปันข่าวเรื่องราชอาณาจักรกับคนอื่นมากถึงขีดไหน? ปริมาณงานที่แต่ละคนสามารถทำได้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพการณ์หลายอย่าง. (มัดธาย 13:18-23) สภาพการณ์บางอย่างเราเปลี่ยนไม่ได้ แต่บางอย่างเราเปลี่ยนได้. อะไรจะกระตุ้นเราให้ดูออกและจัดการกับสิ่งที่เปลี่ยนได้? อัครสาวกเปาโลเขียนดังนี้: “ความรักของพระคริสต์ได้ผลักดันเราอยู่” หรืออีกนัยหนึ่ง ความรักซึ่งพระองค์สำแดงด้วยการสละชีวิตของตนเองเพื่อเห็นแก่พวกเรานั้นโดดเด่นเสียจริง ๆ ถึงกับว่าขณะที่เราหยั่งรู้ค่าความรักของพระองค์มากขึ้น หัวใจของเราก็จะได้รับแรงกระตุ้นอย่างล้ำลึก. ผลที่ตามมา เราตระหนักว่า คงไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่พวกเราจะมุ่งติดตามเป้าหมายอย่างเห็นแก่ตัวและดำเนินชีวิตส่วนใหญ่เพื่อสนองความพอใจของตัวเอง. แทนที่จะทำเช่นนั้น เราปรับเปลี่ยนชีวิตการงานของเรา เพื่อให้การงานที่พระคริสต์ทรงสอนสาวกของพระองค์ให้ทำนั้นมาเป็นอันดับแรก.—2 โกรินโธ 5:14, 15.
อยู่ต่างหากจากโลก—ถึงระดับไหน?
13. เหตุใดเราจึงไม่อยากเป็นส่วนของศาสนาที่ตั้งตัวเองเป็นส่วนของโลก?
13 ไม่ยากที่จะเห็นประวัติบันทึกซึ่งคริสต์ศาสนจักรและศาสนาอื่นได้ทำไว้ เพราะเขาต้องการเป็นส่วนของโลก. เงินกองทุนคริสตจักรเคยถูกนำไปใช้เป็นทุนส่งเสริมกิจกรรมการปฏิวัติ. บาทหลวงเปลี่ยนฐานะเป็นกองโจรหน่วยจรยุทธ. วันแล้ววันเล่า หนังสือพิมพ์รายงานข่าวการแตกแยกกันทางศาสนาตามส่วนต่าง ๆ แห่งแผ่นดินโลกที่สู้รบกัน. มือของพวกเขาโชกด้วยเลือด. (ยะซายา 1:15) และนักเทศน์นักบวชทั่วโลกก็ยังคงพยายามจะกำกับฉากการเมือง. ผู้นมัสการแท้ไม่มีส่วนในการนี้.—ยาโกโบ 4:1-4.
14. (ก) พวกเราเป็นรายบุคคลต้องหลีกเลี่ยงสิ่งใด หากเราจะรักษาตัวเองอยู่ต่างหากจากโลก? (ข) อะไรอาจช่วยเราหลีกเลี่ยงทัศนคติและกิจปฏิบัติต่าง ๆ ของโลกซึ่งอาจเป็นหลุมพรางดักเรา?
14 แต่การอยู่ต่างหากจากโลกพัวพันมากกว่านั้น. โลกส่อลักษณะเด่นโดยการรักเงินและรักสิ่งที่เงินซื้อได้, ความปรารถนาอยากเป็นคนเด่นคนดัง, และการมุ่งหาความสนุกสนานอย่างไม่บันยะบันยัง, ควบคู่ไปกับสิ่งต่าง ๆ เช่น การขาดความห่วงใยอย่างแท้จริงต่อผู้อื่น, การพูดปดและคำพูดเหยียดหยาม, การแข็งข้อขัดขืนอำนาจเจ้าหน้าที่, และไม่มีการเหนี่ยวรั้งบังคับตน. (2 ติโมเธียว 3:2-5; 1 โยฮัน 2:15, 16) เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของตัวเราเอง หลายครั้งหลายคราเราอาจสะท้อนลักษณะนิสัยเหล่านั้นบางอย่างออกมาไม่มากก็น้อย. อะไรจะช่วยเราได้เมื่อเราพยายามจะหลีกเลี่ยงหลุมพรางดังกล่าว? จำเป็นที่เราต้องเตือนตัวเองว่า ใครอยู่เบื้องหลังลักษณะนิสัยเหล่านี้. “โลกทั้งสิ้นตกอยู่ใต้อำนาจผู้ชั่วร้ายนั้น.” (1 โยฮัน 5:19, ล.ม.) ไม่ว่าแนวทางบางอย่างอาจจะดูเหมือนน่าปรารถนาเพียงไร, ไม่ว่าผู้คนมากมายสักเพียงใดดำเนินชีวิตแบบนั้น, ครั้นเราเห็นว่าศัตรูสำคัญของพระยะโฮวา ซาตานพญามาร เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ เราจึงตระหนักว่าโดยแท้แล้วมันเป็นสิ่งน่าเกลียดเพียงใด.—บทเพลงสรรเสริญ 97:10.
ความรักของคุณส่งผลกระทบไปไกลสักเท่าใด?
15. โดยวิธีใดความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวที่คุณได้สังเกตช่วยคุณระบุศาสนาแท้?
15 แรกทีเดียว เมื่อคุณเริ่มคบหากับพยานพระยะโฮวา ความรักที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางพวกเขาดึงดูดใจคุณอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะความรักแบบนี้ต่างไปจากวิญญาณของโลก. การเน้นความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวทำให้การนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาต่างไปจากรูปแบบแห่งการนมัสการอื่น ๆ ทั้งสิ้น. อาจเป็นได้ที่เรื่องนี้ทำให้คุณมั่นใจว่า จริง ๆ แล้วพยานพระยะโฮวาปฏิบัติศาสนาแท้. พระเยซูคริสต์เองตรัสว่า “โดยเหตุนี้คนทั้งปวงจะรู้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา ถ้าเจ้ามีความรักระหว่างพวกเจ้าเอง.”—โยฮัน 13:35, ล.ม.
16. พวกเราแต่ละคนอาจมีโอกาสอะไรบ้างที่จะให้ความรักของเราแผ่กว้างออกไป?
16 คุณลักษณะดังกล่าวระบุตัวคุณเป็นสาวกคนหนึ่งของพระคริสต์ด้วยไหม? มีหนทางที่คุณจะสำแดงความรักนั้นให้แผ่กว้างออกไปได้ไหม? ไม่มีข้อสงสัย พวกเราทั้งหมดทำได้. ความรักมิใช่แค่การแสดงอัธยาศัยไมตรีต่อผู้อื่นที่หอประชุมราชอาณาจักรเท่านั้น. และถ้าเราแสดงความรักเฉพาะกับคนที่รักเรา เราแตกต่างจากโลกไหม? พระคัมภีร์กระตุ้นเตือนว่า “ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จงมีความรักอันแรงกล้าต่อกันและกัน.” (1 เปโตร 4:8, ล.ม.) เราอาจจะสำแดงความรักมากขึ้นต่อใครบ้าง? ต่อพี่น้องคริสเตียนชายหญิงไหมซึ่งภูมิหลังของเขาต่างไปจากเรา และการกระทำบางอย่างของเขาทำให้เราขัดเคืองใจ? ต่อบางคนซึ่งไม่สามารถเข้าร่วมประชุมเป็นประจำไหมเนื่องด้วยการเจ็บป่วยหรือมีอายุมาก? ต่อคู่สมรสของเราไหม? หรือบางทีต่อบิดามารดาผู้สูงอายุของเรา? บางคนซึ่งกระทำดีอยู่แล้วด้วยการสำแดงผลแห่งพระวิญญาณ รวมทั้งความรัก รู้สึกเหมือนกับว่าตนกำลังเรียนรู้สิ่งเหล่านี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อเผชิญกับสภาพการณ์อันยุ่งยากที่อาจต้องให้การดูแลเอาใจใส่แทบทุกอย่างแก่สมาชิกครอบครัวผู้ซึ่งกลายเป็นคนพิการช่วยตัวเองไม่ได้. แม้ในยามเผชิญสภาพแวดล้อมเหล่านี้ แน่นอน ความรักของเราก็ควรจะส่งผลกระทบกว้างไกลเช่นกัน นอกเหนือจากครอบครัวของเราเอง.
การให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักร—มีความสำคัญเพียงไรต่อคุณ?
17. ถ้าเราโดยส่วนตัวได้ประโยชน์จากการเยี่ยมของพยานพระยะโฮวา บัดนี้เราน่าจะเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าควรทำอะไร?
17 แนวทางสำคัญแนวหนึ่งซึ่งเราแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์คือโดยการให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักรแก่เขา. ประชาชนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นกำลังทำงานนี้ซึ่งพระเยซูทรงทำนายล่วงหน้า. (มาระโก 13:10) ชนเหล่านี้คือพยานพระยะโฮวา. พวกเราต่างได้รับประโยชน์เป็นส่วนตัวจากงานนี้. บัดนี้เป็นสิทธิพิเศษที่จะช่วยผู้อื่น. หากเรามีทัศนะของพระเจ้าในเรื่องนี้ งานให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักรจะเด่นในชีวิตของเรา.
18. การที่เราอ่านหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า อาจเป็นแรงจูงใจให้เรามีส่วนให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักรอย่างไร?
18 เรื่องน่าตื่นเต้นเร้าใจเกี่ยวกับการนำข่าวราชอาณาจักรเข้าไปยังภูมิภาคที่ห่างไกลที่สุดของแผ่นดินโลกในช่วงสมัยสุดท้ายนี้มีปรากฏอยู่ในหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ). ถ้าคุณรู้ภาษาอังกฤษ อย่าพลาดอ่านหนังสือนี้. และขณะที่คุณอ่าน จงสังเกตเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีที่ปัจเจกบุคคลมีส่วนร่วมในการให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักร. มีใครบ้างไหมที่คุณอาจเลียนแบบได้? มีหลายโอกาสที่เปิดไว้สำหรับพวกเราทุกคน. ขอให้ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวากระตุ้นพวกเราใช้โอกาสที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด.
19. เราได้ประโยชน์อย่างไรเมื่อเรารับเอาภาระรับผิดชอบที่มาพร้อมกับการรู้จักศาสนาแท้?
19 เมื่อเรามุ่งหน้าตั้งใจกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา เราพบคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ความหมายของชีวิตคืออะไร? (วิวรณ์ 4:11) เราจะไม่คลำหา ไม่มีความรู้สึกที่ว่างเปล่าอีกต่อไป. ไม่มีงานประจำชีวิตใด ๆ ที่คุณทุ่มเทตัวซึ่งจะให้ความอิ่มใจพอใจยิ่งไปกว่าการตั้งใจทำงานรับใช้พระเจ้ายะโฮวาสุดหัวใจของคุณ. และงานนี้มีอนาคตที่ดีเยี่ยมรออยู่ข้างหน้า! ชีวิตอันเปรมปรีดิ์ตลอดนิรันดรกาลในโลกใหม่ของพระเจ้า ซึ่งที่นั่นพวกเราจะใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่ให้ประสานกับพระประสงค์ซึ่งเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติ.
[เชิงอรรถ]
a จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่งนิวยอร์ก.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ศาสนารับรองคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำของพระเจ้าและยกย่องพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้?
▫ ศาสนาแท้สอนอะไรเกี่ยวด้วยบทบาทของพระเยซูฐานะเป็นพระผู้ไถ่?
▫ ทำไมคริสเตียนควรรักษาตัวอยู่ต่างหากจากโลกและสำแดงความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว?
▫ การให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักรมีบทบาทอะไรในศาสนาแท้?
[รูปภาพหน้า 16]
การรับบัพติสมาเป็นก้าวสำคัญในการรับเอาความรับผิดชอบต่าง ๆ แห่งการนมัสการแท้. แต่ละเดือน มากกว่า 25,000 คนทั่วโลกก้าวมาถึงขั้นนี้
รัสเซีย
เซเนกัล
ปาปัวนิวกินี
สหรัฐ อเมริกา
[รูปภาพหน้า 17]
การมีส่วนบอกเล่าความจริงในคัมภีร์ไบเบิลแก่ผู้อื่นเป็นส่วนหนึ่งแห่งการนมัสการแท้
สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกา
บราซิล
ฮ่องกง