คุณพบศาสนาแท้แล้วหรือยัง?
“แบบแห่งการนมัสการที่สะอาดและปราศจากมลทินจากทัศนะของพระเจ้าและพระบิดาของเราเป็นดังนี้.”—ยาโกโบ 1:27, ล.ม.
1, 2. ในความคิดของคนจำนวนมาก อะไรเป็นเครื่องตัดสินว่าศาสนาของคนเหล่านั้นเหมาะสำหรับเขาหรือไม่? (ข) ในการวินิจฉัยศาสนา ควรพิจารณาแง่ใดอย่างจริงจัง?
เราอยู่ในสมัยที่คนจำนวนมากพอใจให้ศาสนามีบทบาทค่อนข้างน้อยในชีวิตตน. เขาอาจร่วมปฏิบัติกิจทางศาสนาเป็นครั้งคราว แต่เพียงไม่กี่คนปฏิบัติเป็นกิจวัตร. ผู้คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่า ศาสนาอื่นทั้งหมดนั้นผิดและศาสนาของตนถูก. เขาอาจคิดแต่เพียงว่า ศาสนาที่เขานับถือก็ดีอยู่แล้ว.
2 เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ คำถามที่ว่า คุณพบศาสนาแท้แล้วหรือยัง? หมายความเพียงแต่ว่า คุณพบศาสนาที่คุณชอบไหม? มีอะไรเป็นตัวกำหนดสิ่งที่คุณชอบ? ครอบครัวหรือ? เพื่อนฝูงหรือ? ความรู้สึกของคุณเองหรือ? คุณเคยพิจารณาทัศนะของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังเพียงไร?
เราจะทราบทัศนะของพระเจ้าได้อย่างไร?
3. (ก) ถ้าเราจะมารู้ทัศนะของพระเจ้า เราต้องมีอะไร? (ข) เราน่าจะตั้งคำถามอะไรเกี่ยวกับเหตุผลที่เราเองเชื่อว่าคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้า?
3 เพื่อที่เราจะรู้ได้ว่าพระเจ้าทรงมีพระดำริอย่างไร จำต้องมีการเปิดเผยบางอย่างจากพระองค์. คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือเก่าแก่ที่สุดซึ่งอ้างว่ามีขึ้นโดยการดลใจจากของพระเจ้า. (2 ติโมเธียว 3:16, 17) แต่อาจกล่าวด้วยความสัตย์ได้ไหมว่า หนังสือนี้บรรจุข่าวสารของพระเจ้าสำหรับมวลมนุษยชาติ ต่างไปจากหนังสืออื่นทั้งมวล? คุณจะตอบคำถามนั้นอย่างไร และเพราะเหตุใด? เพราะบิดามารดาของคุณเคยยึดถือความคิดนั้นไหม? หรือเพราะท่าทีของเพื่อน ๆ ของคุณ? คุณเคยตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ด้วยตัวเองไหม? คุณน่าจะตรวจสอบเสียแต่เดี๋ยวนี้ โดยใช้หลักฐานสี่แนวต่อไปนี้.
4. เมื่อพูดถึงการหาได้ง่าย อะไรแสดงว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่มาจากพระเจ้า หาใช่หนังสือเล่มอื่นใดไม่?
4 หาได้ง่าย: ข่าวสารซึ่งมาจากพระเจ้าจริง ๆ และเป็นข่าวสารสำหรับครอบครัวมนุษยชาติทั้งสิ้นควรเป็นสิ่งที่พวกเขาหาได้ง่าย. ข้อนี้เป็นจริงกับคัมภีร์ไบเบิลไหม? จงพิจารณาจุดนี้: คัมภีร์ไบเบิล ครบชุดหรือบางส่วน เวลานี้ได้จัดพิมพ์จำหน่ายแล้วมากกว่า 2,000 ภาษา. ตามรายงานของสมาคมพระคริสตธรรมแห่งอเมริกา เกือบสิบปีมาแล้ว มีการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาต่าง ๆ เพื่อให้ประชากรโลกมากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์สามารถหาอ่านได้. ดังแจ้งในหนังสือสถิติโลกของกินเนส ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับคัมภีร์ไบเบิล “หนังสือที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลก.” นี้แหละคือสิ่งที่เราย่อมคาดหวังจากข่าวสารของพระเจ้าซึ่งมีความสำคัญต่อผู้คนทุกเชื้อชาติและทุกกลุ่มภาษา. (เทียบกับวิวรณ์ 14:6.) ไม่มีหนังสืออื่นใดในโลกมีประวัติความเป็นมาเหมือนคัมภีร์ไบเบิล.
5. ทำไมพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของคัมภีร์ไบเบิลเป็นสิ่งสำคัญ?
5 หลักฐานทางประวัติศาสตร์: การพิจารณาอย่างถ้วนถี่เกี่ยวด้วยเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยอีกแนวหนึ่งที่คัมภีร์ไบเบิลต่างกันกับหนังสืออื่นที่อ้างว่าเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์. คัมภีร์ไบเบิลเต็มไปด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ตำนานซึ่งไม่อาจหาหลักฐานได้. เออร์วิน ลินทัน ผู้ซึ่งในฐานะนักกฎหมายสันทัดการวิเคราะห์สิ่งที่จะนำมาเป็นพยานหลักฐานในศาล ได้เขียนว่า “ขณะที่จินตวรรณคดี, ตำนาน, และคำให้การเท็จระมัดระวังที่จะจัดให้เหตุการณ์เกี่ยวข้องกับสถานที่อันห่างไกลและกาลเวลาที่ไม่แน่นอน . . . เรื่องราวบรรยายของคัมภีร์ไบเบิลบอกเราถึงเวลาและสถานที่เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยโดยความถูกต้องอย่างแม่นยำยิ่ง.” (ตัวอย่างเช่น ดูที่ 1 กษัตริย์ 14:25; ยะซายา 36:1; ลูกา 3:1, 2.) สำหรับผู้ที่หันเข้าหาศาสนา มิใช่ด้วยสาเหตุจะหนีสภาพเป็นจริง แต่เพื่อความจริง นี้แหละเป็นการพิจารณาที่สำคัญ.
6. (ก) คัมภีร์ไบเบิลช่วยคนที่มีปัญหาในชีวิตได้จริง ๆ โดยวิธีใด? (ข) สามแนวทางอะไรบ้างที่คัมภีร์ไบเบิลช่วยคนเรารับมือกับสภาพเป็นจริงอันยากลำบาก?
6 ใช้ได้ผลจริง: คนเหล่านั้นที่พิจารณาคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจังไม่ช้าก็ตระหนักว่า คำสั่งและหลักการต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้กำหนดไว้เพื่อเอารัดเอาเปรียบเขา. ทว่า คำสั่งและหลักการเหล่านี้ได้กำหนดวิถีชีวิตซึ่งจะยังประโยชน์แก่ผู้ที่จดจ่อยึดมั่นกับคำสั่งและหลักการเหล่านั้น. (ยะซายา 48:17, 18) คำปลอบประโลมใจซึ่งคัมภีร์ไบเบิลเสนอแก่คนระทมทุกข์ก็ใช่ว่าเป็นข้อความที่ไร้สาระ อาศัยหลักปรัชญาลม ๆ แล้ง ๆ. ตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลช่วยผู้คนรับมือกับสภาพจริงอันยากลำบากในชีวิต. โดยวิธีใด? มีสามแนวทางด้วยกัน: (1) โดยให้คำแนะนำอย่างมีเหตุผลถึงวิธีจัดการกับความยุ่งยากเดือดร้อน, (2) โดยชี้แจงวิธีจะรับการสนับสนุนด้วยความรักซึ่งพระเจ้าประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์เวลานี้, และ (3) โดยเปิดเผยอนาคตอันมหัศจรรย์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนเหล่านั้นซึ่งรับใช้พระองค์ ให้เหตุผลอันหนักแน่นสำหรับความมั่นใจในคำสัญญาของพระองค์.
7. (ก) โดยอาศัยข้อคัมภีร์ที่เชิงอรรถ จงชี้แจงคำตอบจากคัมภีร์ไบเบิลต่อประเด็นสำคัญประเด็นใดประเด็นหนึ่งที่ผู้คนสมัยนี้เป็นห่วง. (ข) จงอธิบายว่าคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลป้องกันเราหรือช่วยเราอย่างไรที่จะรับมือกับสภาพความกดดัน.
7 แม้คำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมชมชอบท่ามกลางพวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจและติดตามรูปแบบชีวิตตามความพอใจของตัวเอง แต่หลายคนกลับตระหนักว่า วิถีชีวิตแบบนั้นไม่ได้ทำให้ตัวเองมีความสุขอย่างแท้จริง. (ฆะลาเตีย 6:7, 8) คัมภีร์ไบเบิลตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเรื่องการทำแท้ง, การหย่าร้าง, และการรักร่วมเพศ. คำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลปกป้องให้พ้นอันตรายของยาเสพย์ติดและการใช้แอลกอฮอล์ที่ให้โทษ ทั้งการติดเชื้อโรคเอดส์จากโลหิตที่ปนเปื้อนหรือการสำส่อนทางเพศ. คัมภีร์ไบเบิลชี้วิธีทำให้เกิดความผาสุกในครอบครัว. คัมภีร์ไบเบิลให้คำตอบซึ่งจะช่วยคนเรารับมือได้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่กดดันชีวิต รวมไปถึงเรื่องการถูกสมาชิกใกล้ชิดในครอบครัวทอดทิ้ง, การเจ็บป่วยขั้นร้ายแรง, และการเสียชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รัก. คัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราเห็นลำดับความสำคัญก่อนหลังของสิ่งต่าง ๆ เพื่อว่าชีวิตของเราจะมีความหมายแทนที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ.a
8, 9. (ก) คำพยากรณ์เรื่องใดประทับใจคุณโดยเฉพาะ ฐานะเป็นข้อพิสูจน์ว่า คัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจ? (ข) คำพยากรณ์ต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลพิสูจน์อะไรเกี่ยวด้วยแหล่งที่มาของคำพยากรณ์?
8 คำพยากรณ์: คัมภีร์ไบเบิลเป็นเลิศฐานะหนังสือแห่งคำพยากรณ์ เป็นหนังสือซึ่งแจ้งสิ่งที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต และทำเช่นนั้นด้วยรายละเอียด. คัมภีร์ไบเบิลพยากรณ์เรื่องการทำลายเมืองตุโรโบราณ, ความล่มจมของบาบูโลน, การก่อสร้างกรุงยะรูซาเลมขึ้นใหม่, การเรืองอำนาจและการล่มสลายของกษัตริย์ทั้งหลายแห่งเมโด–เปอร์เซีย และกรีซ, และเหตุการณ์มากมายในชีวิตของพระเยซูคริสต์. คัมภีร์ไบเบิลยังบอกรายละเอียดล่วงหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของโลกซึ่งได้เกิดขึ้นในศตวรรษนี้ ทั้งชี้แจงความหมายแห่งเหตุการณ์เหล่านั้น. คัมภีร์ไบเบิลชี้ถึงวิธีที่ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งพวกผู้ครอบครองที่เป็นมนุษย์แก้ไม่ตกนั้นจะได้รับการแก้ไข, และระบุตัวผู้ครอบครองซึ่งจะนำสันติภาพถาวรและความปลอดภัยแท้มาสู่มนุษยชาติ.b—ยะซายา 9:6, 7; 11:1-5, 9; 53:4-6.
9 น่าสนใจ คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่า สมรรถนะที่จะบอกอนาคตล่วงหน้าอย่างแม่นยำเป็นการทดสอบฐานะความเป็นพระเจ้า. (ยะซายา 41:1–46:13) ผู้ทรงมีความสามารถในการพยากรณ์ หรือจะดลใจให้คนอื่นพยากรณ์ได้นั้นหาใช่รูปเคารพปราศจากชีวิต. ผู้นั้นไม่ใช่แค่มนุษย์ผู้เลื่อมใสศรัทธา. ผู้นั้นคือพระเจ้าเที่ยงแท้ และหนังสือที่บรรจุคำพยากรณ์ดังกล่าวเป็นพระวจนะของพระองค์.—1 เธซะโลนิเก 2:13.
ทุกคนที่ใช้คัมภีร์ไบเบิลสอนศาสนาแท้ไหม?
10, 11. ตามที่พระเยซูทรงแจ้งไว้ แม้นักเทศน์นักบวชอาจใช้คัมภีร์ไบเบิล แต่อะไรอาจทำให้ศาสนาที่เขาสนับสนุนอยู่นั้นไม่มีค่า?
10 มีเหตุผลไหม—ที่สำคัญกว่านั้นคือถูกตามคัมภีร์ไบเบิลไหม—ที่จะสรุปว่า ทุกกลุ่มศาสนาซึ่งอ้างว่าใช้คัมภีร์ไบเบิลนั้นสอนศาสนาแท้? ทุกคนที่มีคัมภีร์ไบเบิลติดตัวหรือยกคัมภีร์ขึ้นอ้างได้ปฏิบัติศาสนาแท้ไหม?
11 นักเทศน์นักบวชหลายคน มาตรว่ามีพระคัมภีร์ แต่เขาใช้ศาสนาเป็นวิธีหาเกียรติยศใส่ตัวเอง. พวกเขาเอาจารีตประเพณีและปรัชญาของมนุษย์ผสมผเสกับความจริงล้วน ๆ. การนมัสการของเขาทำให้พระเจ้าพอพระทัยไหม? พระเยซูคริสต์ทรงนำประกาศิตของพระเจ้าผ่านผู้พยากรณ์ยะซายามาใช้อย่างเหมาะเจาะกับผู้นำทางศาสนาที่ได้ทำการดังกล่าวในยะรูซาเลมสมัยศตวรรษแรก โดยตรัสว่า “คนพวกนี้นับถือเราด้วยริมฝีปาก แต่หัวใจของเขาอยู่ห่างไกลเรา. การที่เขานมัสการเราก็ไร้ประโยชน์เพราะเขาได้สอนบัญญัติของมนุษย์ว่าเป็นหลักคำสอน.” (มัดธาย 15:8, 9; 23:5-10, ล.ม.) เห็นได้ชัดว่า ศาสนาประเภทดังกล่าวไม่ใช่ศาสนาแท้.
12, 13. (ก) ความประพฤติของสมาชิกโบสถ์อาจช่วยคนเราวินิจฉัยได้อย่างไรว่าศาสนาของพวกเขาแท้หรือไม่? (ข) พระเจ้าจะทรงพิจารณาการนมัสการของเราอย่างไรถ้าเรายังคงเลือกเป็นเพื่อนกับพวกที่พระองค์ทรงปฏิเสธ? (2 โครนิกา 19:2)
12 จะว่าอย่างไรถ้าผลแห่งคำสอนของศาสนาใดศาสนาหนึ่งปรากฏออกมาอย่างฉาวโฉ่ในชีวิตของสมาชิกผู้มีชื่อเสียง? ในคำเทศน์บนภูเขา พระเยซูทรงเตือนดังนี้: “ท่านทั้งหลายจงระวังผู้พยากรณ์เท็จที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ . . . ท่านจะรู้จักเขาเพราะผลของเขา. . . . ต้นไม้ดีทุกต้นก็ย่อมเกิดผลดี, แต่ต้นไม้ชั่วก็ย่อมเกิดผลชั่ว.” (มัดธาย 7:15-17) จริง ปัจเจกบุคคลอาจทำผิดพลาดและจำเป็นต้องรับการว่ากล่าวแก้ไข. แต่สภาพการณ์ต่างกันเมื่อสมาชิกโบสถ์ กระทั่งนักเทศน์นักบวช ปล่อยตัวไปกับการประพฤติผิดทางเพศและล่วงประเวณี, การต่อสู้กัน, การเมาเหล้า, การโลภ, การโกหก, การติดต่อวิญญาณชั่ว, การบูชารูปเคารพ—ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งหรือทุกอย่าง—แต่ไม่มีการดำเนินการว่ากล่าวตีสอน และคนเหล่านั้นที่ยังคงประพฤติทางนี้ก็ไม่ถูกขับออกนอกประชาคม. คัมภีร์ไบเบิลระบุไว้ชัดแจ้งว่าคนเหล่านั้นที่ประพฤติเช่นนั้นควรถูกขับไล่ออกจากประชาคม เขาจะไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรของพระเจ้า. (ฆะลาเตีย 5:19-21) การนมัสการของเขาไม่เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า และการนมัสการของเราก็จะไม่เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์เช่นกัน ถ้าเราเลือกคบหากับคนที่พระองค์ได้ปฏิเสธแล้ว.—1 โกรินโธ 5:11-13; 6:9, 10; วิวรณ์ 21:8.
13 เป็นที่กระจ่างแล้วว่า ไม่ใช่ทุกกลุ่มที่กล่าวอ้างว่าตนใช้พระคัมภีร์จะปฏิบัติศาสนาแท้ตามการพรรณนาของคัมภีร์ไบเบิล. เมื่อเป็นเช่นนั้น คัมภีร์ไบเบิลวางหลักเกณฑ์อะไรไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายกำหนดศาสนาแท้?
เครื่องหมายกำหนดศาสนาแท้
14. (ก) หลักคำสอนทุกประการของศาสนาแท้ตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร? (ข) คำสอนของคริสต์ศาสนจักรเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าและเรื่องจิตวิญญาณจะสามารถผ่านการทดสอบนี้ไหม?
14 คำสอนของศาสนาแท้ยึดมั่นกับคัมภีร์ไบเบิลที่มีขึ้นโดยการดลใจ. “พระคัมภีร์ทุกตอนได้มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน เพื่อการว่ากล่าว เพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย.” (2 ติโมเธียว 3:16, ล.ม.) แต่พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์พูดไว้ที่ไหนเรื่องตรีเอกานุภาพแห่งคริสต์ศาสนจักร? และพระคัมภีร์สอนไว้ที่ไหนว่าจิตวิญญาณของมนุษย์เหลือรอดอยู่หลังจากร่างกายตายดังที่นักเทศน์นักบวชสอน? คุณเคยขอนักเทศน์ชี้แจงคำสอนต่าง ๆ ดังกล่าวจากคัมภีร์ไบเบิลของคุณไหม? สารานุกรม นิว บริแทนนิกา ว่าดังนี้: “ทั้งคำตรีเอกานุภาพและหลักคำสอนที่ชัดแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีปรากฏเลยในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่.” และสารานุกรม นิว คาทอลิก ยอมรับว่า “ในหมู่ผู้นำคริสตจักรรุ่นแรก ไม่มีอะไรเลยที่จะใกล้เคียงกับความคิดหรือทัศนะดังกล่าวแม้แต่น้อย.” เกี่ยวกับความเข้าใจของคริสต์ศาสนจักรที่ว่าจิตวิญญาณแยกออกจากร่างเมื่อคนเราตาย ผู้คงแก่เรียนทางฝ่ายคริสตจักรยอมรับว่า พวกเขายืมความคิดนั้นจากปรัชญากรีก. อย่างไรก็ดี ศาสนาแท้ไม่มองข้ามความจริงแห่งคัมภีร์ไบเบิลเพื่อรับเอาปรัชญาของมนุษย์.—เยเนซิศ 2:7; พระบัญญัติ 6:4; ยะเอศเคล 18:4; โยฮัน 14:28.
15. (ก) คัมภีร์ไบเบิลระบุผู้เดียวที่สมควรได้รับการนมัสการนั้นอย่างไร? (ข) ผู้นมัสการแท้มีความรู้สึกอย่างไรต่อการเข้ามาใกล้พระยะโฮวา?
15 ศาสนาแท้ส่งเสริมการนมัสการพระยะโฮวา พระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว. (พระบัญญัติ 4:35; โยฮัน 17:3) เมื่อถอดความพระบัญญัติ 5:9 พระเยซูคริสต์ได้ตรัสอย่างหนักแน่นว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้านั่นแหละ ที่เจ้าต้องนมัสการ และแด่พระองค์ผู้เดียวที่เจ้าต้องถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์.” (มัดธาย 4:10, ล.ม.) สอดคล้องกับคำตรัสนั้น พระเยซูทรงประกาศพระนามพระบิดาของพระองค์แก่สาวกของพระองค์. (โยฮัน 17:26) ศาสนาของคุณได้สอนคุณนมัสการพระยะโฮวาไหม? คุณได้มารู้จักผู้ซึ่งพระนามนั้นระบุถึงไหม—รวมทั้งพระประสงค์, พระราชกิจจานุกิจ, คุณลักษณะประการต่าง ๆ ของพระองค์—เพื่อคุณจะรู้สึกว่าสามารถเข้ามาใกล้พระองค์ได้ด้วยความมั่นใจ? หากศาสนาของคุณเป็นศาสนาแท้ คำตอบคือใช่.—ลูกา 10:22; 1 โยฮัน 5:14.
16. ความเชื่อในพระคริสต์มีความสำคัญอย่างไรสำหรับผู้ที่ปฏิบัติศาสนาแท้?
16 ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งแห่งการนมัสการซึ่งเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าคือความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์. (โยฮัน 3:36; กิจการ 4:12) ข้อนี้ไม่หมายความเพียงแต่การเชื่อว่าพระองค์เคยทรงพระชนม์อยู่ หรือเชื่อว่าพระองค์เคยเป็นบุคคลที่โดดเด่น. ความเชื่อในพระเยซูคริสต์รวมไปถึงการหยั่งรู้ค่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนเกี่ยวกับคุณค่าชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ของพระเยซูที่ได้สละเป็นเครื่องบูชาไถ่ และการรับรองตำแหน่งของพระองค์ในปัจจุบันฐานะพระมหากษัตริย์ทางภาคสวรรค์. (บทเพลงสรรเสริญ 2:6-8; โยฮัน 3:16; วิวรณ์ 12:10) ถ้าคุณสมาคมกับคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติศาสนาแท้ คุณย่อมรู้ว่า ในชีวิตแต่ละวัน เขาบากบั่นพยายามด้วยสติรู้สึกผิดชอบที่จะเชื่อฟังพระเยซู เลียนแบบอย่างของพระองค์ และเข้าส่วนโดยส่วนตัวและด้วยความกระตือรือร้นในงาน ซึ่งพระองค์ได้ทรงมอบหมายให้เหล่าสาวกของพระองค์กระทำ. (มัดธาย 28:19, 20; โยฮัน 15:14; 1 เปโตร 2:21) ถ้าไม่เป็นจริงอย่างนั้นกับผู้ที่คุณร่วมนมัสการด้วย คุณจะต้องสืบหาที่อื่น.
17. เหตุใดผู้นมัสการแท้พึงระมัดระวังที่จะไม่แปดเปื้อนมลทินของโลก และทั้งนี้รวมไปถึงอะไร?
17 การนมัสการแท้ไม่แปดเปื้อนมลทินโดยการเข้าไปพัวพันกับการเมืองและความขัดแย้งต่าง ๆ ของโลก. (ยาโกโบ 1:27) เพราะเหตุใด? เพราะพระเยซูตรัสเกี่ยวกับสาวกของพระองค์ดังนี้: “พวกเขาไม่เป็นส่วนของโลกเหมือนข้าพเจ้าไม่เป็นส่วนของโลก.” (โยฮัน 17:16, ล.ม.) พระเยซูไม่ได้พัวพันกับการเมือง และพระองค์ทรงยับยั้งเหล่าสาวกจากการใช้อาวุธฝ่ายเนื้อหนัง. (มัดธาย 26:52) คนเหล่านั้นที่เอาใจใส่คำกล่าวในพระคำของพระเจ้า ‘ไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป.’ (ยะซายา 2:2-4) ถ้าหากศาสนาใดที่คุณสังกัดแม้แต่ในนามไม่ตรงกับคำพรรณนานั้น ก็ได้เวลาแล้วที่คุณจะเลิกการสมาคมกับศาสนานั้น.—ยาโกโบ 4:4; วิวรณ์ 18:4, 5.
18. (ก) โยฮัน 13:35 ระบุอะไรฐานะลักษณะเด่นของศาสนา? (ข) โดยวิธีใดคุณจะสามารถช่วยบางคนให้วินิจฉัยแยกแยะได้ว่ากลุ่มไหนปฏิบัติสอดคล้องกับโยฮัน 13:35?
18 ศาสนาแท้สอนและแสดงความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว. (โยฮัน 13:35; 1 โยฮัน 3:10-12) ความรักชนิดนี้ไม่เป็นเพียงคำพูดในคำเทศน์. ที่แท้แล้ว ความรักแบบนี้ชักนำผู้คนจากทุกเชื้อชาติ, ทุกฐานะ, ทุกภาษาเข้ามาร่วมกันเป็นภราดรภาพอย่างแท้จริง. (วิวรณ์ 7:9, 10) ความรักแบบนี้แยกคริสเตียนไว้ต่างหากจากโลกรอบ ๆ ตัวเขา. หากคุณยังไม่ได้ทำ จงเข้าร่วมการประชุม ณ หอประชุมของพยานพระยะโฮวา และในโอกาสที่พวกเขาจัดการประชุมใหญ่ด้วย. จงสังเกตพวกเขาทำงานด้วยกันเมื่อเขาสร้างหอประชุมแห่งใดแห่งหนึ่ง. ดูว่าพวกเขาปฏิบัติอย่างไรต่อผู้สูงอายุ (รวมทั้งหญิงม่าย) และต่อคนหนุ่มคนสาว (รวมคนที่ไร้บิดา, ไร้มารดาหรือเป็นกำพร้า). (ยาโกโบ 1:27) เปรียบเทียบสิ่งที่คุณสังเกตกับสิ่งที่คุณเห็นในศาสนาอื่น. แล้วถามตัวเองว่า ‘ใครปฏิบัติศาสนาแท้?’
19. (ก) ศาสนาแท้สนับสนุนอะไรฐานะเป็นทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ของมนุษยชาติ? (ข) สมาชิกกลุ่มที่ยึดมั่นกับศาสนาแท้พึงกระทำเช่นไร?
19 ศาสนาแท้สนับสนุนราชอาณาจักรของพระเจ้าว่าเป็นทางแก้ถาวรสำหรับปัญหาต่าง ๆ ของมนุษยชาติ. (ดานิเอล 2:44; 7:13, 14; 2 เปโตร 3:13; วิวรณ์ 21:4, 5) มีคริสตจักรไหนบ้างในคริสต์ศาสนจักรทำเช่นนั้น? ครั้งล่าสุดนั้นเมื่อไรที่คุณได้ฟังนักเทศน์อธิบายเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าและสิ่งซึ่งพระคัมภีร์แสดงว่าราชอาณาจักรนั้นจะทำให้สำเร็จ? องค์การที่คุณเป็นสมาชิกอยู่สนับสนุนคุณให้บอกข่าวราชอาณาจักรของพระเจ้าแก่คนอื่นหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น สมาชิกโดยรวมเข้าส่วนร่วมทำงานนี้ไหม? พระเยซูทรงให้คำพยานเช่นนั้น สาวกรุ่นแรกของพระองค์ก็ได้ทำเช่นเดียวกัน. คุณจะมีสิทธิพิเศษร่วมทำกิจการนี้ได้เหมือนกัน. งานนี้เป็นงานสำคัญที่สุดซึ่งเวลานี้กำลังทำกันอยู่ทั่วโลก.—มัดธาย 24:14.
20. นอกจากการระบุศาสนาแท้แล้ว เราต้องทำอะไร?
20 แม้ว่ามีศาสนามากมายนับเป็นพัน ๆ กระนั้น คัมภีร์ไบเบิลช่วยพวกเราขจัดความสับสนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเราจะรู้จักศาสนาแท้. แต่เราต้องทำมากกว่าการระบุศาสนาแท้. เป็นสิ่งสำคัญที่เราพึงปฏิบัติศาสนาแท้. สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะมีการพิจารณากันโดยละเอียดในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a การทำแท้ง: กิจการ 17:28; บทเพลงสรรเสริญ 139:1, 16; เอ็กโซโด 21:22, 23. การหย่าร้าง: มัดธาย 19:8, 9; โรม 7:2, 3. การรักร่วมเพศ: โรม 1:24-27; 1 โกรินโธ 6:9-11. การใช้ยาเสพย์ติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: 2 โกรินโธ 7:1; ลูกา 10:25-27; สุภาษิต 23:20, 21; ฆะลาเตีย 5:19-21. โลหิตและการสำส่อนทางเพศ: กิจการ 15:28, 29; สุภาษิต 5:15-23; ยิระมะยา 5:7-9. ครอบครัว: เอเฟโซ 5:22–6:4; โกโลซาย 3:18-21. การถูกทอดทิ้ง: บทเพลงสรรเสริญ 27:10; มาลาคี 2:13-16; โรม 8:35-39. การเจ็บป่วย: วิวรณ์ 21:4, 5; 22:1, 2; ติโต 1:2; บทเพลงสรรเสริญ 23:1-4. ความตาย: ยะซายา 25:8; กิจการ 24:15. การจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง: มัดธาย 6:19-34; ลูกา 12:16-21; 1 ติโมเธียว 6:6-12.
b สำหรับตัวอย่างคำพยากรณ์ดังกล่าวและความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์เหล่านั้น โปรดดูจากหนังสือชีวิต—เกิดขึ้นมาอย่างไร โดยวิวัฒนาการหรือมีผู้สร้าง? หน้า 216-231 และท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลก หน้า 149-154. ทั้งสองเล่มจัดพิมพ์จำหน่ายโดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์แห่งนิวยอร์ก.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ในการระบุศาสนาแท้นั้น ทัศนะของใครสำคัญที่สุด?
▫ หลักฐานสี่ประการอะไรบ้างที่บ่งชี้ว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระวจนะของพระเจ้า?
▫ เพราะเหตุใดจึงไม่ใช่ทุกศาสนาที่ใช้คัมภีร์ไบเบิลนั้นจะทำให้พระเจ้าพอพระทัย?
▫ เครื่องหมายหกอย่างที่ใช้ระบุศาสนาแท้มีอะไรบ้าง?
[กรอบหน้า 10]
พยานพระยะโฮวา . . .
◆ ใช้คัมภีร์ไบเบิลเป็นพื้นฐานคำสอนทุกประการของพวกเขา.
◆ นมัสการพระยะโฮวา พระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว.
◆ ดำเนินชีวิตประสานกับความเชื่อในพระเยซูคริสต์.
◆ ไม่พัวพันกับการเมืองและความขัดแย้งต่าง ๆ ของโลก.
◆ พยายามสำแดงความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวให้ปรากฏในชีวิตทุกวัน.
◆ สนับสนุนราชอาณาจักรของพระเจ้าฐานะเป็นทางแก้ถาวารสำหรับปัญหาต่าง ๆ ของมวลมนุษย์.
[รูปภาพหน้า 9]
คัมภีร์ไบเบิล—อะไรเป็นข้อบ่งชี้ว่าหนังสือเล่มนี้มีข่าวสารจากพระเจ้าสำหรับมวลมนุษย์?