ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห95 1/7 น. 3-4
  • “ความจริงคืออะไร?”

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • “ความจริงคืออะไร?”
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1995
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • การ​ประทุษร้าย​ต่อ​ความ​จริง
  • การ​ปลูกฝัง​สัมพัทธนิยม
  • ปนเตียว ปีลาตเป็นใคร?
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2005
  • ทำไมจึงสืบหาความจริง?
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1995
  • จากปีลาตไปหาเฮโรดแล้วกลับมาอีก
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1990
  • จากปีลาตไปหาเฮโรด แล้วกลับมาอีก
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
ดูเพิ่มเติม
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1995
ห95 1/7 น. 3-4

“ความ​จริง​คือ​อะไร?”

บุรุษ​สอง​คน​ที่​เผชิญ​หน้า​กัน​นั้น​ช่าง​ต่าง​กัน​เหลือ​เกิน. คน​หนึ่ง​เป็น​นัก​การ​เมือง​ซึ่ง​ชอบ​ถาก​ถาง, มัก​ใหญ่​ใฝ่​สูง, มั่งคั่ง, พร้อม​ที่​จะ​ทำ​อะไร ๆ เพื่อ​ส่งเสริม​อาชีพ​ของ​ตน​ให้​ก้าวหน้า. อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​ครู​ซึ่ง​ปฏิเสธ​ความ​มั่งคั่ง​และ​ชื่อเสียง​และ​พร้อม​ที่​จะ​สละ​ชีวิต​ตน​เพื่อ​ช่วย​ชีวิต​คน​อื่น. ไม่​จำเป็น​ต้อง​กล่าว​ถึง​ที่​บุรุษ​สอง​คน​นี้​มี​ทัศนะ​ที่​ต่าง​กัน! ใน​เรื่อง​หนึ่ง​โดย​เฉพาะ​ที่​ทั้ง​สอง​ไม่​เห็น​พ้อง​กัน​อย่าง​ยิ่ง นั่น​คือ​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​ความ​จริง.

บุรุษ​สอง​คน​นั้น​คือ ปนเตียว​ปีลาต​กับ​พระ​เยซู​คริสต์. พระ​เยซู​ทรง​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​ปีลาต​ฐานะ​อาชญากร​ที่​ถูก​พิพากษา​โทษ. เพราะ​เหตุ​ใด? พระ​เยซู​ทรง​อธิบาย​ว่า เหตุ​ผล​ใน​เรื่อง​นี้—ที่​จริง เป็น​เหตุ​ผล​นั้น​แหละ​ที่​พระองค์​เสด็จ​มา​ยัง​แผ่นดิน​โลก​และ​ดำเนิน​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์—เพื่อ​สิ่ง​เดียว​คือ ความ​จริง. พระองค์​ตรัส​ว่า “เพราะ​เหตุ​นี้​เรา​จึง​บังเกิด​มา​และ​เข้า​มา​ใน​โลก เพื่อ​เรา​จะ​เป็น​พยาน​ถึง​ความ​จริง.”—โยฮัน 18:37.

การ​ตอบรับ​ของ​ปีลาต​เป็น​คำ​ถาม​ซึ่ง​ยาก​จะ​ลืม​เลือน​ที่​ว่า “ความ​จริง​คือ​อะไร​เล่า?” (โยฮัน 18:38) เขา​ต้องการคำ​ตอบ​จริง ๆ ไหม? คง​จะ​ไม่. พระ​เยซู​เป็น​คน​ประเภท​ที่​สามารถ​ตอบ​คำ​ถาม​ใด ๆ ที่​ถาม​พระองค์​ด้วย​ความ​จริง​ใจ แต่​พระองค์​ไม่​ได้​ตอบ​ปีลาต. และ​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า หลัง​จาก​ถาม​แล้ว ปีลาต​ก็​เดิน​ออก​ไป​จาก​ห้อง​ประชุม​โดย​ไม่​ชักช้า. ผู้​สำเร็จ​ราชการ​โรมัน​ดู​เหมือน​จะ​ถาม​ด้วย​ความ​ไม่​เชื่อ​เป็น​เชิง​ถาก​ถาง เสมือน​กับ​พูด​ว่า “ความ​จริง​หรือ? นั่น​คือ​อะไร​ล่ะ? ไม่​มี​ความ​จริง​หรอก!”a

ทัศนะ​ใน​เชิง​สงสัย​ของ​ปีลาต​เกี่ยว​กับ​ความ​จริง​นั้น​ไม่​ใช่​เรื่อง​ผิด​ปกติ​ใน​ทุก​วัน​นี้. หลาย​คน​เชื่อ​ว่า ความ​จริง​เป็น​เรื่อง​สัมพัทธ์ กล่าว​อีก​นัย​หนึ่ง เรื่อง​ที่​เป็น​จริง​สำหรับ​คน​หนึ่ง​อาจ​ไม่​จริง​สำหรับ​อีก​คน​หนึ่ง ดัง​นั้น ทั้ง​สอง​อาจ “ถูก​ต้อง.” ความ​เชื่อ​เช่น​นี้​แพร่​หลาย​จน​กระทั่ง​มี​คำ​สำหรับ​ความ​เชื่อ​นั้น​คือ “สัมพัทธนิยม” (ทัศนะ​ที่​ว่า​ความ​จริง​ด้าน​จริยธรรม​ขึ้น​อยู่​กับ​ปัจเจกบุคคล​และ​กลุ่ม​ที่​ยึด​ถือ​เรื่อง​นั้น). คุณ​มอง​ดู​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​ความ​จริง​ด้วย​ท่าที​เช่น​นี้​ไหม? ถ้า​เช่น​นั้น ก็​มี​ทาง​เป็น​ไป​ได้​ไหม​ว่า คุณ​ได้​รับ​เอา​ทัศนะ​เช่น​นี้​โดย​ไม่​ได้​สอบ​ถาม​อย่าง​ถ้วนถี่? ถึง​แม้​คุณ​ไม่​ได้​รับ​เอา​ทัศนะ​นี้​ก็​ตาม คุณ​ทราบ​ไหม​ว่า ปรัชญา​นี้​มี​ผล​กระทบ​ชีวิต​ของ​คุณ​มาก​เท่า​ใด?

การ​ประทุษร้าย​ต่อ​ความ​จริง

ปนเตียว​ปีลาต​ไม่​ใช่​คน​แรก​ที่​สงสัย​แนว​คิด​เรื่อง​ความ​จริง​สัมบูรณ์. นัก​ปรัชญา​กรีก​โบราณ​บาง​คน​ได้​ยึด​การสอน​เรื่อง​ความ​สงสัย​เช่น​นั้น​เป็น​งาน​ประจำ​ชีวิต​ของ​เขา​อย่าง​แท้​จริง! ห้า​ศตวรรษ​ก่อน​ปีลาต ปาร์เมนิเดส (ซึ่ง​ถือ​กัน​ว่า​เป็น​บิดา​แห่ง​อภิปรัชญา​ของ​ยุโรป) เชื่อ​ว่า ความ​รู้​แท้​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​สามารถ​บรรลุ​ได้. เดโมคริตุส ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​ฐานะ​เป็น “นัก​ปรัชญา​โบราณ​คน​สำคัญ​ที่​สุด” ยืนยัน​ว่า “ความ​จริง​ถูก​ฝัง​ไว้​ลึก . . . เรา​ไม่​รู้​อะไร​อย่าง​แน่ชัด.” โสกราตีส ผู้​ซึ่ง​ดู​เหมือน​ได้​รับ​ความ​นับถือ​มาก​ที่​สุด​ใน​บรรดา​นัก​ปรัชญา ได้​กล่าว​ว่า ทั้ง​หมด​ที่​เขา​รู้​แน่​นั้น​ก็​คือ การ​ที่​เขา​ไม่​รู้​อะไร​เลย.

การ​ประทุษร้าย​ต่อ​แนว​คิด​ที่​ว่า​สามารถ​รู้​จัก​ความ​จริง​ได้​นั้น​มี​อยู่​เรื่อย​มา​จน​กระทั่ง​สมัย​ของ​เรา. ตัว​อย่าง​เช่น นัก​ปรัชญา​บาง​คน​กล่าว​ว่า เนื่อง​จาก​เรา​ได้​รับ​ความ​รู้​โดย​ทาง​ประสาท​สัมผัส​ของ​เรา ซึ่ง​อาจ​ถูก​หลอก​ลวง​ได้ จึง​ไม่​มี​ความ​รู้​ใด​ที่​เป็น​ความ​จริง​อย่าง​ที่​สามารถ​พิสูจน์​ได้. เรอเน เดการ์ต นัก​ปรัชญา​และ​นัก​คณิตศาสตร์​ชาว​ฝรั่งเศส​ได้​ตัดสินใจ​ที่​จะ​ตรวจ​สอบ​ทุก​สิ่ง​ซึ่ง​เขา​คิด​ว่า​เขา​รู้​อย่าง​แน่ชัด. เขา​ทิ้ง​ความ​จริง​ทุก​อย่าง​ยก​เว้น​อย่าง​เดียว​ที่​เขา​ถือ​ว่า​หักล้าง​ไม่​ได้​คือ “โคกีโท เออร์โก ซุม” หรือ “ฉัน​คิด ดัง​นั้น ฉัน​จึง​มี​ชีวิต​อยู่.”

การ​ปลูกฝัง​สัมพัทธนิยม

สัมพัทธนิยม​ใช่​ว่า​เป็น​ทัศนะ​ของ​นัก​ปรัชญา​เท่า​นั้น. มี​การสอน​ทัศนะ​นั้น​โดย​พวก​ผู้​นำ​ทาง​ศาสนา มี​การ​สั่ง​สอน​ใน​โรงเรียน และ​แพร่​กระจาย​โดย​สื่อมวลชน. จอห์น เอส. สป็อง บิชอป​เอพิสโคพัล​กล่าว​ไว้​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้​ว่า “เรา​ต้อง . . . เปลี่ยน​จาก​การ​คิด​ว่า เรา​มี​ความ​จริง​และ​คน​อื่น​ต้อง​รับ​เอา​ทัศนะ​ของ​เรา มา​สู่​การ​สำนึก​ว่า ความ​จริง​ขั้น​สูง​สุด​อยู่​เหนือ​ความ​เข้าใจ​ของ​เรา​ทุก​คน.” เช่น​เดียว​กับ​แนว​คิด​ของ​นัก​เทศน์​หลาย​คน​ที​เดียว​ใน​ทุก​วัน​นี้ คติ​สัมพัทธนิยม​ของ​สป็อง​ละ​ทิ้ง​คำสอน​ด้าน​ศีลธรรม​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​รวด​เร็ว​โดย​การ​สนับสนุน​ปรัชญา​ที่​ว่า “ให้​แต่​ละ​คน​ลง​ความ​เห็น​เอา​เอง.” ตัว​อย่าง​เช่น ด้วย​ความ​พยายาม​ที่​จะ​ทำ​ให้​พวก​รัก​ร่วม​เพศ​รู้สึก “สบาย​ใจ” มาก​ขึ้น​ใน​คริสตจักร​เอพิสโคพัล สป็อง​เขียน​หนังสือ​เล่ม​หนึ่ง​ซึ่ง​อ้าง​ว่า อัครสาวก​เปาโล​เป็น​คน​รัก​ร่วม​เพศ!

ใน​หลาย​ประเทศ​ระบบ​โรงเรียน​ดู​เหมือน​ก่อ​ให้​เกิด​รูป​แบบ​ความ​คิด​ที่​คล้าย​กัน. แอลลัน บลูม​เขียน​ใน​หนังสือ​การ​ปิด​ความ​คิด​ของ​ชาว​อเมริกัน (ภาษา​อังกฤษ) ว่า “มี​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ศาสตราจารย์​สามารถ​มั่น​ใจ​ได้​อย่าง​แท้​จริง​คือ นัก​ศึกษา​แทบ​ทุก​คน​ที่​เข้า​มหาวิทยาลัย เชื่อ​หรือ​อ้าง​ว่า​เชื่อ​ว่า ความ​จริง​เป็น​เรื่อง​สัมพัทธ์.” บลูม​พบ​ว่า หาก​เขา​แย้ง​ความ​เชื่อ​มั่น​ของ​นัก​ศึกษา​ใน​เรื่อง​นี้ พวก​เขา​จะ​มี​ปฏิกิริยา​ประหลาด​ใจ “ประหนึ่ง​ว่า​เขา​สงสัย​สมการ​ที่​ว่า 2 +2 = 4.”

ความ​คิด​อย่าง​เดียว​กัน​ได้​รับ​การ​ส่งเสริม​ใน​วิธี​อื่น ๆ นับ​ไม่​ถ้วน. ตัว​อย่าง​เช่น นัก​ข่าว​ทีวี​และ​หนังสือ​พิมพ์​บ่อย​ครั้ง​ดู​เหมือน​จะ​สนใจ​ใน​การ​ให้​ความ​เพลิดเพลิน​แก่​ผู้​คน​มาก​กว่า​การ​เสนอ​ข้อ​เท็จ​จริง​ของ​เรื่องราว. รายการ​ข่าว​บาง​รายการ​ถึง​กับ​ปรุง​แต่ง​หรือ​ทำ​ภาพ​ปลอม​ขึ้น​มา​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​เรื่อง​นั้น​ดู​เหมือน​น่า​ตื่นเต้น​เร้าใจ​มาก​ขึ้น. และ​ใน​วงการ​บันเทิง​มี​การ​โจมตี​ความ​จริง​รุนแรง​ยิ่ง​ขึ้น. ค่า​นิยม​และ​ความ​จริง​ด้าน​ศีลธรรม​ซึ่ง​บิดา​มารดา​และ​ปู่​ย่า​ตา​ยาย​ของ​เรา​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​นั้น โดย​ทั่ว​ไป​ถูก​ถือ​ว่า​คร่ำครึ และ​บ่อย​ครั้ง​ถูก​หยิบ​ยก​ขึ้น​มา​เยาะ​เย้ย​อย่าง​โจ่งแจ้ง.

แน่​ละ บาง​คน​อาจ​โต้​แย้ง​ว่า ส่วน​ใหญ่​ของ​คติ​สัมพัทธนิยม​นี้​แสดง​ถึง​การ​มี​จิตใจ​เปิด​กว้าง และ​เพราะ​ฉะนั้น​จึง​มี​ผล​กระทบ​ใน​ด้าน​บวก​ต่อ​สังคม​มนุษย์. แต่​เป็น​เช่น​นั้น​จริง ๆ หรือ? และ​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​ผล​กระทบ​ของ​ทัศนะ​นั้น​ต่อ​ตัว​คุณ? คุณ​เชื่อ​ว่า​ความ​จริง​เป็น​เรื่อง​สัมพัทธ์​หรือ​ไม่​มี​อยู่​ไหม? ถ้า​เช่น​นั้น การ​แสวง​หา​ความ​จริง​อาจ​ทำ​ให้​คุณ​รู้สึก​ว่า​เป็น​การ​เสีย​เวลา​เปล่า. ทัศนะ​ดัง​กล่าว​จะ​มี​ผล​กระทบ​ต่อ​อนาคต​ของ​คุณ.

[เชิงอรรถ]

a ตาม​ที่ อาร์. ซี. เอช. เลน​สกี ผู้​คง​แก่​เรียน​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า​ไว้​นั้น “น้ำ​เสียง” ของ​ปีลาต “เป็น​น้ำ​เสียง​ของ​ปุถุชน​ที่​ไม่​แยแส ซึ่ง​โดย​คำ​ถาม​ของ​เขา​นั้น​เขา​ตั้งใจ​จะ​พูด​ว่า เรื่อง​ใด ๆ ที่​เกี่ยว​กับ​ลักษณะ​ของ​ความ​จริง​ด้าน​ศาสนา​นั้น​เป็น​การ​เดา​สุ่ม​ที่​ไร้​ประโยชน์.”

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์